(ต่อครับ)
ตอนที่ 26 แต่ยังไม่ถึง 6 โมงเย็นรถหรูสีดำก็มาจอดอยู่ที่หน้าหอพักของวินวินแล้ว เด็กหนุ่มบนรถมอเตอร์ไซค์เห็นรถคันนั้นตั้งแต่ไกล
พี่ลีโอกำลังคุยอยู่กับอาจารย์ทาเคชิที่สอนวิชาดนตรีพื้นฐาน ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเรื่องที่คุยกันคงไม่ใช่เรื่องสนุก แต่ท่าทีของพี่ก็เปลี่ยนไปในทันทีที่เห็นรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาใกล้
วินวินขี่รถเลยไปจอดเก็บที่ลานจอด จากนั้นก็วิ่งกลับมาชี้มือว่า จะขึ้นไปเอาของที่ห้อง
แต่เมื่อกลับลงมา ก็ยังเห็นทั้ง 2 คนยังคุยกันอยู่ เมื่อเข้ามาใกล้ ยังได้ยินประโยคท้ายๆ ของอาจารย์
“ระวังไว้บ้างก็ดี คนนั้นกลับมาฟาดงวงฟาดงาใส่น้องของนายแน่ๆ”
น้องคงทำหน้าตาเหรอหรา เต็มไปด้วยคำถามแน่ๆ เพราะพี่หันมาเอียงคอล้อเลียน
“ไม่เนียนเล๊ย” วินวินบ่นพึมแล้วหันไปค้อมตัวให้อาจารย์ที่โบกมือ แยกไปอีกทางหนึ่ง
“เรื่องเครียดหรือฮะ”
“นิดหน่อย พี่จัดการได้”
น้องยักไหล่ แล้วเดินมาขึ้นรถ
“แล้วพี่มารับผมวันนี้ไปไหน”
“ไปดูละครเวทีกัน” พี่ตอบยิ้มๆ น้องก็พลอยร้องเย๊ลั่นรถ แล้วเปลี่ยนเป็นมองเสื้อยืดลายการ์ตูนของตัวเองกับกางเกงยีน
“ชุดนี้เขาให้เข้าโรงละครมั้ยฮะ”
“เข้าได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นี่มันยุคไหนกันแล้ว”
วินวินหัวเราะกับท่าทีจริงจังของพี่ ละครเวทีที่พี่พาไปดูก็สนุกดี เว้นแต่ตอนที่กลับออกมาแล้ววินวินเห็นว่ามีสายเข้า จากคนไกล .... พอโทรกลับไปพี่ก็ทำสีหน้านิ่งเฉยนี่แหละ
“พี่พากูไปดูละคร คลายเครียดไง เพราะวันอังคารนี้กูจะแข่งรอบแรกแล้ว มึงเป็นไงมั่ง” ตากลมๆ พูดไปก็มองคนที่กำลังขับรถไป
“อือ แล้วคนเจ็บอะไร ทำไมนอนดึกนัก จะออกจากโรงบาลเมื่อไหร่”
คุยๆ อยู่พี่ก็จอดรถใกล้ทางแยก ทางหนึ่งคือกลับมหาวิทยาลัย อีกทางจะกลับไปที่โรงแรมที่พักของพี่
วินวินกดวางสายแล้วหันไปหาพี่
“พี่มีอะไรหรือฮะ โกรธเหรอ” คนตัวเล็กรู้สึกเหมือนนี่คือคำถามที่โง่ที่สุดในโลก แต่พี่กลับยิ้มฝืนๆ
“วินวินครับ”
“ฮะ”
“น้องจะ...กลับหอพักหรือจะไป...ค้างที่ห้องพี่”
.....มือกำลังเย็นมาก เย็นจริงๆ หัวใจก็เต้นแรงตึกตัก สมองมีตัวอะไรไม่รู้วิ่งอยู่ จับไม่ทันสักที ไม่รู้ว่ามันจะเลือกไปทางไหน
ที่ผ่านมา ก็เคยนอนที่ห้องพี่นี่นา แต่ทำไมเวลาที่พี่ถามอะไรตรงไปตรงมาแบบนี้มันถึงได้...ตื่นเต้น..ใช่ เขาเรียกว่าตื่นเต้น ไม่ใช่เครียดหรอก
พยักหน้าเลยดีมั้ย
หรือส่ายหน้าทำเป็นเล่นตัว
แต่ว่า.....พอมองตาคู่นั้นตรงๆ...
สายตาของพี่ตอนนี้มัน...ไม่ใช่...เหมือนพี่เองก็กำลังเครียดและคิดไม่ตกเหมือนกัน
“ผม...ไปค้างกับพี่ก็ได้ฮะ...”
ตอบไปแล้วก็ได้แต่ก้มหน้า
......เราเขินทั้งที่ พี่กำลังไม่สบายใจ
….คิดบ้าอะไรเนี่ยวินวิน!
เรื่องชวนน้องค้างที่ห้องไม่ได้อยู่ในแผนการที่เตรียมมาตลอดทั้งอาทิตย์ เพราะรู้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังจะแข่งอยู่วัน 2 วันนี่อยู่แล้ว ถึงจะเป็นเพียงรอบแรก แต่การแข่งขันในระดับนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะนักเปียโนแต่ละคนต่างพัฒนาเทคนิคไปไกล
ไม่ใช่ดูถูกฝีมือเจ้าตัวเล็ก เพราะรู้ว่าทำได้ดีกว่าที่ทุกคนคาดคิดอยู่เสมอ
ความสามารถที่เจ้าตัวไม่เคยยอมรับ
ที่คิดไว้ก็แค่อยากพามาดูละครเวทีตอนหัวค่ำ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมารับไปสอนเปียโนชีต้า อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากกว่าเดิม
แต่เพราะเรื่องราวเก่าๆที่ย้อนกลับมาอีกครั้ง เรื่องราวที่ไม่เคยบอกให้น้องรู้ เพราะคิดว่าเมื่อจากกันแล้ว ก็จะจากไปตลอดกาล
แต่มันไม่ใช่เลย....
มีโทรศัพท์ทางไกลจากฝรั่งเศสเมื่อหลายวันก่อน ที่บอกว่า เธอกำลังจะกลับมาพร้อมกับบทบาทสำคัญในฐานะของคนที่จะตัดสินการแข่งขันครั้งนี้ ของวินวิน
ขณะที่อีกคนทางนี้ ถึงจะสรุปว่าคนที่เพิ่งวางสายไปเป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่บางทีความห่วงใยระหว่างทั้งคู่ ก็ยังเกินจากคำว่าเพื่อนอยู่ดี
“พี่...มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าฮะ” วินวินถามแบบกล้าๆ กลัวๆ แต่พี่เอื้อมมือมาจับมือน้องไว้แน่น
“เดี๋ยวถึงห้องเราค่อยคุยกัน”
น้องพยักหน้าตาม แล้วนิ่งเงียบรอ จนกระทั่งกลับเข้ามาในห้องพักสุดหรู
พี่เดินตรงไปกดน้ำดื่ม ขณะที่อีกคนเดินตามมาเงียบๆ แล้วเลยไปที่เปียโน...เพื่อที่จะนั่งมองมือตัวเอง
เรื่องหนึ่งที่อยู่ในใจพี่คือเรื่องพี่กลาสแน่ๆ
แต่อีกเรื่องต้องเป็นเรื่องที่พี่คุยกับอาจารย์ทาเคชิเมื่อเช้า....
มีบางประโยคที่ได้ยิน แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ใส่ใจ
....คนบางคนกำลังจะกลับมา....
....คือคนที่เดินเข้ามาแนะนำตัวว่าชื่อไรน์สินะ...
พี่ลีโอวางแก้วน้ำแล้วหันมามองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่หน้าเปียโน
ความนิ่งเงียบที่หวนกลับมาอีกครั้ง
คนตัวโตกัดริมฝีปากตัวเองแน่น...ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ น่าจะรู้ว่าน้องรับความรู้สึกพี่ได้ไวขนาดไหน คิดหรือว่าวินวินจะไม่รู้ว่าพี่กำลังไม่สบายใจ
คนตัวโตเดินเข้ามาหา แล้วจับน้องนั่งตักเหมือนเคย 2 มือกอดเอวบางไว้หลวมๆ
“วินวินครับ คิดอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกัน มันยุ่งๆ ทั้งเรื่องพี่กลาส แล้วก็...คนของพี่...” เสียงตอนท้ายเหมือนจมหายไป
“เรื่องกลาสเนี่ย พี่ยอมรับว่าพี่คิดมากจริงๆ แต่ไอ้เรื่องคนของพี่นี่มันยังไงกัน”
พี่แกล้งถามเหมือนไม่รู้เรื่อง แต่ไม่สมจริง เพราะน้องเงยหน้าพิงกับไหล่กว้าง
“แฟนพี่จะกลับมาไม่ใช่หรือฮะ”
ถึงจะเดาได้ว่าน้องจับความรู้สึกได้เก่ง แต่การที่เจ้าตัวถามออกมาตรงๆ ทำให้พี่เป็นฝ่ายตกใจ
“แฟนคนไหน”
วินวินตอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อีกคนใจหายหนักกว่าเดิม “คนที่อาจารย์ทาเคชิมาคุยกับพี่เมื่อเย็นนี้ไงฮะ”
“วินวินครับ”
“พี่ฮะ ผมบอกแล้วว่า พี่น่ะเป็นหนึ่งในตำนานของมหาลัย แล้วทำไมจะไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่อง...คนของพี่ให้ผมฟัง”
“พี่มีแต่วินวินคนเดียว” พี่บอกตามตรง “คนที่อาจารย์ทาเคชิมาบอกน่ะ เค้าจากไปนานเป็นปีแล้ว แต่พอดีว่าเค้าจะกลับมาที่นี่ 2 -3 วัน อาจารย์เค้าก็เลยมาบอกเท่านั้นเอง”
วินวินกัดริมฝีปาก มองไปทางอื่น
....คนที่ชื่อไรน์เจอกันตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน....แล้วใครอีกล่ะที่จะกลับมาน่ะ...
“งั้นที่พี่เครียดชวนผมกลับมาห้องนี่เพราะเรื่องพี่กลาสงั้นเหรอ” วินวินหันกลับมามอง “ไม่ใช่แน่”
“ก็ทั้ง 2 เรื่องน่ะแหละ แต่พี่อยากให้วินวินเชื่อว่าพี่จัดการได้” ในที่สุดพี่ก็ยอมรับตรงๆ “วินวินน่ะมีเซ้นส์เรื่องการจับความรู้สึกของคนนะรู้ตัวมั้ย”
“ไม่เห็นต้องเซ้นส์เลยพี่ทำหน้าเครียดชวนผมมาห้อง ใครเห็นก็รู้ทั้งนั้นแหละ”
“ไม่หรอก” พี่ยังคงปฏิเสธ
วินวินยิ้มที่มุมปากเพียงนิดเดียวแล้วแกะมือพี่ออก ขยับลุกขึ้น
“เรื่องพี่กลาส ผมรู้สึกผิดที่ไม่สามารถดีกับเค้าได้แม้แต่เศษเสี้ยวที่เค้าดีกับผม แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกอย่างที่พี่บอกกับผมว่า อยากอยู่ด้วยกันไปตลอด ผมขอให้พี่เชื่อใจผม เชื่อความรู้สึกของตัวเอง”
พี่ลุกขึ้นเดินตามคนตัวเล็กที่หันไปคว้ากระเป๋า
“ถ้าที่ติดใจพี่มีแค่เรื่องพี่กลาสเพียงเรื่องเดียว งั้น...ผมกลับนะฮะ พี่ไม่ต้องไปส่งหรอกผมกลับเองได้”
พี่คว้าที่ข้อมือเล็กๆไว้
“วินวินครับ พี่อาจมีคนที่เคยคุยๆกัน แต่ก็เป็นคนในอดีต คนที่พี่รักมีเพียงคนเดียวคือวินวินนะครับ”
ดวงตากลมโตจ้องมองพี่แล้วหันไปมองทางอื่น
“บางทีสำหรับเขาแล้ว เรื่องระหว่างพี่กับเขามันอาจจะไม่ใช่แค่คุยก็ได้”
“เขาหรือ...เขาไหน” พี่เอะใจ คนที่น้องกำลังกลุ้มใจมันใครที่ไหนกันอีกล่ะ เพราะคนที่ทาเคชิมาเตือนเมื่อเย็นน่ะ ...เธอ..ไม่ใช่เขา..
วินวินขอบตาร้อนผ่าวพยายามสะบัดมือพี่ออก แต่พี่ดึงมือเข้ามาหา
“ใคร”
“เขาบอกว่าชื่อไรน์”
“พี่เคยไปดูหนังฟังเพลงกับเขาไม่เกิน 3 ครั้งตั้ง....” พี่พยายามนึก “นานเป็นปีแล้วมั๊ง แล้ว...ยังไงกัน” พี่ดึงมือน้องให้นั่งลง แต่ท่าทีขัดขืนกับอาการไม่ยอมสบตา ทำให้พี่เปลี่ยนใจดึงมานั่งตักที่โซฟายาวแล้วโยนกระเป๋าน้องไปทางอื่น
“ปล่อย ผมจะกลับหอพักแล้ว”
“ไม่ปล่อยหรอก พี่ไม่อยากให้วินวินวุ่นวายใจกับใครที่ไหนไม่รู้”
“ถ้าไม่มีอะไรหรือถ้ามันนานเป็นปีแล้วเค้าจะเข้ามาหาผมได้ยังไง”
“บังเอิญมั๊ง ไม่รู้หรอก แต่พี่ไม่ได้คบกับเขาจริงๆ”
วินวินหันขวับมาหาพี่ทันที “ไม่คบแล้วเค้ารู้ได้ไงว่าพี่....” แต่ประโยคถัดมาน้องกลับหน้าแดง ก้มหน้า “ชอบคุมเกม”
พี่ขมวดคิ้วแน่น นิ่งเฉย
“พี่...ฮะ..”
“เรานอนด้วยกันจริง” พี่ยอมรับ “ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน มันไม่ใช่ความรัก พี่ไม่รู้จะอธิบายกับน้องยังไงมันเหมือน....”
“ไม่อยากนอนคนเดียว” ดวงตากลมมองพี่แล้วกลับไปก้มหน้าเหมือนเดิม
“คงอย่างนั้น แต่มันไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับความรักเลยสักนิด”
“ผมน่ะกำลังจะขึ้นมหาลัยปี 2 นะฮะ มีตัวอย่างแบบนี้อยู่รอบตัว...”
พี่กอดกระชับคนในอ้อมกอดแล้วก้มลงหอมที่ผมฟู
ขณะที่น้องคิดทบทวน ....ที่พี่บอกว่าไม่ได้รัก กับการที่ไรน์รอคุยที่หน้าห้องน้ำแบบนั้น ก็แสดงว่าเขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพี่....บางทีไรน์อาจรู้ว่าพี่ไม่ได้รักเขาจริงๆ แล้วต้องการระบายความโกรธลงที่คนที่มาทีหลังก็ได้
“ผม...เชื่อพี่..”
“ขอบใจมาก”
“ต่อไปจะมีคนมาพูดแบบนี้กับผมอีกสักกี่คนเนี่ย” วินวินพูดขำๆ
“จะสักกี่คนก็ตามขอให้รู้ว่า มันไม่เป็นความจริง”
วินวินแกล้งหันมาทำเป็นจ้องตาพี่ ทำให้พี่รีบออกตัว
“จริงๆ ไม่เชื่อถามเลขาพี่ หรือไปถามประธานโรงแรม ถามแม่ชีต้า ถามใครก็ได้ว่าไอ้ที่พูดๆกันน่ะ ไม่ใช่สักคน”
“โห...บุคคลอ้างอิงแต่ละคน”
“คนที่พี่รักมีเพียงคนเดียว รักมา 5 ปีแล้วตั้งแต่เค้าอยู่ไฮสคูล”
วินวินรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ทั้งที่พี่ไม่ได้พูดชื่อตัวเองสักนิด
พี่ก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“วินวินครับ...ค้างกับพี่นะครับ”
*-*-*จบตอนที่ 26 -*-*-*

ขอบคุณมากครับ