“...งั้นผมว่าเราเข้าเรื่องกันดีกว่า...” คาวัลโลรีบเสนอเมื่อเห็นว่าเขาอาจจะยั่วโมโหจนเส้นประสาทมิสเตอร์อัลชาอ์ใกล้จะแตก..ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีกับเขาอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะทางไหน..
“...มีอะไรจะแก้ตัว..ว่ามา...เพราะถ้าขื่นโยกโย้ต่อไป ผมไม่รับประกันว่าจะเดินไปเรียกองค์รักษ์สักคนมาเป่าหัวว่าที่บอสมาเฟียคนนี้ให้สมองกระจุย !! “ อัลชาอ์ตะคอกใส่คนพูดอย่างหมดความอดทน ก่อนจะโยนเอกสารใส่หน้าหนุ่มอิตาเลี่ยนแรงๆ
“..หืม.....อ้อ....เรื่องที่คุณไปสืบเกี่ยวกับผม..”คาวัลโลหยิบรูปถ่ายและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวเขา ซึ่งมันเป็นภาษาอาหรับ..อยากจะท้วงว่ารูปถ่ายไอ้พี่เวรมันดูดีเกินไป..แต่ก็หุบปากไว้ทันเพราะเกรงว่าท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ตรงหน้าอาจจะบรรลุโทสะถึงขั้นถ้าเขาไปกวนใจเข้า...
“...ประเด็นแรก...ว่าด้วยการมาที่นี่ของผม..” คาวัลโลเอนตัวลงกับพนักพิง ไขว้ขาซ้ายทับขาขวาอย่างชำนาญ มือทั้งสองข้างสอดประสานกันอยู่บนหน้าขา...แม้จะอยู่ในสภาพหน้าโทรมหัวยุ่งเสื้อผ้าผิดลักษณะ แต่คนมองก็ยังเห็นถึงรัศมีแห่งความองอาจและเป็นผู้นำ..รวมทั้งรอยยิ้มการค้าอันแสนจะจอมปลอมที่มอบให้ตนทุกๆสามนาทีอีกด้วย..
“..เหตุผล...” อัลชาอ์ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง และยอมนั่งสนทนาอย่างเป็นการเป็นงานกับเจ้าตัวกวนประสาทที่คราวนี้พอจะพุดจารู้เรื่องกับเขา..
“..เส้นทางขนอาวุธ...” คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆเมื่อนึกถึงรายละเอียดต่างๆที่ได้ฟังมาจาก สเตฟาโน่ เลขาคนสนิทของผู้เป็นลุง “ .. จากโอมาน..กับUAE มันต้องผ่านประเทศของคุณ..ผมไม่ทราบหรอกนะ ว่าที่นี่มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะเป็นกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน..ปัญหาเรื่องศาสนา..การก่อการร้าย หรืออะไรก็แล้วเถอะแต่... ทว่า..สิ่งที่ผมทราบแน่ชัด..คือ เมื่อมีลูกค้ารายใดสั่งอาวุธกับทางเรา..ซึ่งในที่นี้เหมือนว่าคุณจะเป็นคู่ค้าของวาลกัสด้วยใช่ไหม?..”
“ .........”อัลชาอ์พยักหน้าช้าๆแทนคำตอบ นัยน์ตาจับจ้องชายหนุ่มผู้กำลังอธิบายที่มาที่ไปของเรื่องราวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง..
“..การขนอาวุธแต่ละครั้ง..ใช้จ่ายเงินทุนไม่น้อย ทั้งต้องจ้างกองกำลังคุ้มกัน ต้องแจ้งเรื่องกับทางผู้ปกครองระดับสูงของประเทศนั้นประเทศนี้..แถมต้องจ่ายใต้โต๊ะกันอุตลุด..เพราะอย่างนั้นการที่เราขนอาวุธมาแล้วโดนปล้นเป็นประจำนี่...คาดว่าคงไม่คุ้ม โดยเฉพาะเมื่อเกิดกับการขนถ่ายอาวุธที่ประเทศของคุณพอดีด้วย...โอเค...คุณพอจะเห็นถึงปัญหารึยัง?..” คาวัลโลเอ่ยถาม ก่อนจะยิ้มออกมาชืดๆ “และถือว่าเป็นความผิดพลาด...อันไม่น่าจดจำเลยของผม..เมื่อทางวาลกัสเราตกลงกันว่าคราวนี้จะส่งคนมากำจัด ไอ้กลุ่มที่ชอบมาปล้นเราให้หมดๆไปเสียที..แต่ข้อมูล..พิกัด..หรืออะไรต่างๆที่ผิดพลาด..นั่นทำให้ผม..โจมตีคุณ..แทนที่จะเป็นไอ้พวกกองโจรหัวเหม็นพวกนั้น..”
“..จะบอกว่าพลาด..?” อัลชาอ์ถาม..ยิ้มออกมาอย่างไม่เห็นขัน..
“..ผมก็อยากจะคิดแบบนั้นอยู่หรอกนะ..แต่...ผมเป็นพวกไม่ยอมรับความผิดพลาดแบบนี้ว่ะ..บอกตามตรง..ว่าผม คิดว่าคงมีเกลือเป็นหนอน..” คาวัลโลหน้านิ่วอย่างไม่พอใจนักเมื่อคิดถึงเรื่องนี้.. “ ถ้าคุณไม่ทราบละก็...อีกห้าเดือนครึ่ง..ผมจะเข้ารับตำแหน่งบอสของวาสกัสอย่างเป็นทางการ ซึ่งนั่น...อาจจะทำให้มีคนไม่พอใจผมจนคิดจำจัด..”
“...โอเค...ผมเข้าใจแล้ว..” อัลชาอ์ยิ้มพลางยกมือสองข้างขึ้นอย่างประชดประชัน พร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก “ จะบอกว่าเพราะมีคนทรยศ..คุณเลยโจมตีขบวนของผม..แทนที่ขบวนกลุ่มก่อการร้าย ไอ้พวกลักอาวุธที่คุณว่า....แต่ขอโทษนะ..ถึงสาเหตุมันจะมาจากอะไร ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวข้อง..กับความสัมพันธ์ของผมและคุณในฐานะผู้ถูกลอบสังหาร กับผู้พยายามจะสังหารอยู่ดี..”
“....ใจแคบเกินไปแล้ว...ท่านชีคครับ..” คาวัลโลหัวเราะหึหึ จ้องมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์”ผมพอจะเข้าใจที่ว่าคุณเคืองผม...แต่มันเรื่องอะไร...ที่เราจะต้องมาวิวาทกันเรื่องไร้สาระพวกนี้ คนเป็นใหญ่น่ะต้องใจกว้าง..ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินรึเปล่า..แต่ถ้าจะเคืองกันเพราะไอ้ความผิดพลาดนี่..มันไม่น่าพิศมัยเลยนะ..ว่าไหม?...”
“..โอ..เป็นอย่างนั้นเหรอ?..” อัลชาอ์ยิ้มมุมปาก สบตาอีกฝ่าย “...ผมว่าเพราะเหตุนี้ล่ะ..ทำให้ผมรู้ ว่าประสิทธิภาพในการทำงานของพวกคุณอยู่ในระดับไหน..แล้วอย่างนี้สู้ผมไปคบค้า...กับตระกูลอื่นไม่ดีกว่ารึ?”
“........” ไอ้เวรเอ๊ย...คาวัลโลหัวเราะรับหึหึ ทว่ามือที่กุมกันอยู่กระชับแน่นนึกเคืองขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน..จะบอกว่าพวกเขามันไร้น้ำยาเรอะ..คอยดูเถอะ..ถ้าแกไปคบค้ากับพวกตระกูลอื่น พ่อจะส่งอาวุธไปบรรณาการไอ้ท่านอาเหม็ดให้มาถล่มวังโสโครกของแกซะยับ..
“..ถ้าคิดแบบนั้น ผมก็คงไม่มีอะไรจะมาทักท้วง..แต่ว่า...ผมคาดว่าตระกูลอื่นที่คุณเอ่ยถึงคงจะไม่ทราบถึง ต้นตนของพวกก่อความไม่สงบในประเทศของคุณละมั้ง..หรือคิดว่ายังไงครับ...”
“....ยังมีเรื่องโกหกอะไรจะบอกผมอีกงั้นเหรอ?..”
“.......” คาวัลโลมุมปากกระตุกถี่ยิบ นัยน์ตามองจ้องสบตาของท่านชีคผู้องอาจ ที่เขาบอกกับตัวเองไว้ ว่ามันกวนประสาทตนเองได้น่าสั่งเก็บพอๆกัน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะยังไงๆตัวเองก็อยู่ในฐานะเสียเปรียบเต็มประตู จ้างให้เขาก็ไม่คิดจะมานั่งเจรจาต่อรองกับท่านชีคงี่เง่าพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้หรอก..
“...ไม่รู้จะเป็นเรื่องโกหกรึเปล่า...แต่ว่า...คุณจำนักโทษเมื่อวานได้ไหม..ไม่รู้ว่าคุณมีเทคนิคในการสอบปากคำยังไง...โอ้..บางทีอาจจะบอกว่ารสนิยมพิลึกก็ยังได้..” ชายหนุ่มยักไหล่เมื่อนึกถึงสภาพของเศษเนื้อที่เคยถูกเขาล้วงข้อมูลมาเสียหมดเปลือก “..แต่ว่า...ผมคิดว่าตัวเองที่อยู่กับไอ้หมอนั่น ทนดมกลิ่นเนื้อเน่าๆเหม็นๆไปไม่กี่ชั่วโมง กลับได้ข้อมูลที่น่าสนใจกว่าที่คิดเสียอีก..”
“.........”
“ ข้อหนึ่ง...คนของใกล้ชิดคุณ...กำลังทรยศ”.คาวัลโลเอ่ยพร้อมกับยิ้มน้อยๆ “ ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นการบังเอิญจนเกินไปที่ผมไปโจมตีคุณ..ผมก็คิดแบบนั้น และคาดว่านี่คงไม่ใช่เพราะพรหมลิขิตอะไรแบบในนิยายรักหวานแหวว..แต่เป็นความตั้งใจต่างหาก...ลองคิดดูนะครับ...ท่านชีค....”
อัลชาอ์หรี่สายตาลงช้าๆ ถึงจะโกรธเคืองและอารมณ์ขุ่นมัวเพราะคำพูดของบุรุษตรงหน้าจนไม่อยากจะฟังอะไรนอกจากให้คนของเขาลากคอมันไปยิงเป้าหรือถลกหนังหัวทิ้งไว้กลางทะเลทราย แต่ถึงกระนั้น ยังอดยอมรับไม่ได้ถึงพลังในคำพูดของว่าที่บอสมาเฟียคนนี้...ทั้งข้อสันนิฐาน ทั้งการอนุมานและวาทศิลป์ที่สามารถพลิกลิ้นให้ฝ่ายตนเองขึ้นมาได้เปรียบ ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นสักนิด ทำได้กระทั่งการจับเอาข้อมูลมามั่วให้เขานึกสนใจ และมันก็เผลอตรงกับความจริง หลอกให้เขาไว้ชีวิตเจ้าตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
ชีคหนุ่มสูดหายลึก มองเสี้ยวหน้าแบบตะวันตกที่ประกอบไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลอัลมอนด์..โครงหน้าเรียว จมูกโด่งสันชัดเจน และดวงตาสีน้ำทะเล กับริมฝีปากประดับรอยยิ้ม..เด็กหนุ่มตรงหน้านั้นเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยมากกว่าว่าที่บอสมาเฟียเสียอีก พิจารณาอีกฝ่ายแล้วได้แต่หงุดหงิดอารมณ์เสีย แทบไม่ต้องพูดอะไรก็รุ้อยู่แล้ว..ว่าเขาฆ่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้ พอๆกับที่มันเอาเรื่องเขาไม่ได้นั่นแหละ !!
“..คนทรยศของคุณส่งข่าวให้กับคนทรยศในกลุ่มของผม ร่วมมือกัน จับมือกับ..มิสเตอร์..อะไรซักอย่างที่กระหายอยากจะบริหารประเทศนี้เสียเหลือเกิน..คนทรยศฝั่งผมก็คงจะได้กำจัดเสี้ยนหนามตัวเบ้อเร่อแบบผม” คาวัลโลลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินวนรอบกายกำยำของชีคหนุ่มพลางออกปากอธิบาย
” ส่วนฝั่งคุณก็คงไม่ต้องบอก...แผนการ์ณก็ง่ายๆ ให้ผมที่รับงานนี้ได้แผนที่ พิกัด และที่อยู่ของคุณไป ผมที่ต่อสู้โดยไม่รู้อะไรอาจจะถูกจับตาย..สูญหายไปในทะเลทราย..หรือถ้าผมทำสำเร็จ เป่าขมองคุณได้ ประเทศของคุณก็จะมีชีคคนใหม่..กระทั่งถ้าผมหรือคุณถูกอีกฝ่ายจับตัว ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ในฐานะคู่ค้าของเราร้าวฉาน...เห็นไหม...ง่ายๆแต่แทบไม่ต้องเสียอะไรเลย..”
“.....แต่มันจะไม่ง่าย..หากคุณกับผมจะไม่ยอมเล่นตามเกมส์ของพวกมัน..” อัลชาอ์มองสบตาคนพูดพลางก้มลงหยิบเอกสารที่เขาปาใส่อีกฝ่ายเมื่อครู่ “ ถ้ามันอยากให้ผมกับคุณ..หรือตระกูลวาลกัสกับประเทศเซเนียยามีเรื่องบาดหมาง...หนึ่ง...หากผมฆ่าคุณ วาลกัสรู้ข่าว ความสัมพันธ์ของผมกับทางคุณก็จบ.. สอง หากคุณฆ่าผม..แม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่จะเกิดเรื่องอะไรต่อมาก็น่าจะรุ้กันดี หรือสาม ที่มันเป็นอยู่ในขณะนี้ ผมและคุณต่างก็รอด เราอาจจะตกลงกันได้ และจากกันไปด้วยดี แต่ว่าผมก็จะไม่สั่งอาวุธกับวาลกัส ซึ่งนั่นมันก็เข้าทางกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอีก...นั่นใช่ไหมที่คุณจะสื่อ..มิสเตอร์วาลกัส..”
“....โอ...ใช่.... ดี...เข้าใจอะไรง่ายเหมือนกันนี่ครับ..” คาวัลโลพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน ก่อนจะเอื้อมมือจิ้มเข้าที่แผ่นอกหน้าทันที “ เพราะอย่างนั้น..ผมจึงอยากทำความตกลงง่ายๆกับคุณ..เพราะผมไม่ขำเลยที่ถูกหักทั้งหน้าทั้งหลังจนกระดูกร้าวแบบนี้...แน่นอนว่าคุณคงไม่ต้องการได้เรื่องปวดหัวเพิ่ม..อย่างการมาวิวาทกับตระกูลมาเฟีย...เพราะงั้น....
ให้ผมอยู่ที่นี่และช่วยทำเป็นรู้ไม่ชี้เพื่อเปิดทางให้ผมสืบเรื่องพวกนี้อย่างสะดวกๆหน่อยได้ไหมครับ !! “
หมับ...
ฝ่ามือหนาคว้าเอาปลายนิ้วที่จิ้มลงบนแผ่นอกตัวเองแรงๆ คาวัลโลพยายามดึงออก แต่อีกฝ่ายไม่สนใจจะปล่อย ซ้ำยังจับจ้องมาที่เขาเขม็ง..
“...เฮ้.....”
“.รู้อะไรไหม..ว่าต่อให้เป็นพระเจ้าของคุณ ก็ไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งกับผมแบบนี้..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงเรียบ มือหนาบีบปลายนิ้วเรียวยาวแน่น พร้อมทั้งคว้าเอามืออีกฝ่ายมากำแน่น “ หรือคุณไม่เคยเรียนรู้..ว่าอย่าขัดใจคนที่มีอำนาจ..”
“...ใครว่าผมไม่รู้ เพราะผมก็ใช่จะไร้อำนาจ !! “ คาวัลโลเอ่ยเสียงเย็น พยายามสะบัดมืออกจากการเกาะกุมและบีบแน่น แต่เป็นไปได้ยาก อีกทั้งเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าตอนนี้อัลชาอ์กำลังโกรธเขาอยู่..
“..ไม่ใช่ที่นี้...ไม่ใช่ในนี้...” ริมฝีปากหนากระซิบแผ่วเบาข้างใบหูบาง “ คุณที่เป็นแค่”ว่าที่”...นั้นยังอ่อนหัดหลายๆเรื่อง..ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองตกอยู่ในแผนของศัตรู ไม่รู้กระทั่งว่าตนเองกำลังตกเป็นเหยื่อ...ถ้าหากคิดจะเติบโตและเป็นใหญ่...อย่าได้ประมาทแบบนี่เป็นอันขาด...ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะมีครั้งที่สองสำหรับคุณ !! “
“...งั้นครั้งนี้ ก็ปล่อยให้ผมแสดงฝีมือสิ..” ตาวัลโลจ้องสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ “..ถือว่าผมเป็นศิษย์รักมานั่งเรียนวิชาบริหารและปกครองก็แล้วกัน..จะให้ผมแบบนั้นใช่ไหมครับ.....ชีคครับ.....”
ไร้คำตอบจากชีคหนุ่มที่ยืนทื่อ ขณะที่นัยน์ตาสีดำสนิทกำลังสบมองแววตาสีน้ำทะเลที่ยามนี้พราวระยับน่ามอง แววตาที่แม้จะรู้ว่ามันเสแสร้งและโกหกอยู่เต็มหัวใจนั้นยังฉายยั่วล้อ แพขนตาสีอ่อนหรุบต่ำลงและเปิดขึ้นช้าๆพลางเอ่ยเรียกชื่อตนเบาๆ...หวาน...เสียจนอัลชาอ์ต้องปล่อยมือขาวที่ตนบีบไว้แน่นทันควัน..
“ ผมไม่อนุญาตให้คุณมาแสดงพฤติกรรมล้อเลียนผมน่ะ !! มิสเตอร์คาวัลโล !! “ ชีคหนุ่มปล่อยมืออีกฝ่ายทันควันราวกับต้องของร้อน ใบหน้าที่ไม่รู้ว่าจะแสดงอารมณ์ไหนดีระหว่างเคืองโกรธกับตกใจทำให้คนมองต้องเม้มปากแน่น พยายามข่มไม่ให้ตนเองหัวเราะออกมาสุดชีวิต ก่อนจะช้อนตามองอีกฝ่ายตาหวานอีกรอบ..
“..ทำไมละครับ..ไหนว่าจะโยนผมเข้าไปในฮาเร็มของคุณด้วยไง..เห็นอย่างนี้ผมสเน่ห์แรงนะครับ..”การแลกระหว่างความหน้าบางของตัวเองกับอาการที่เรียกว่าแทบจะจิกทึ้งหนังหัวของตัวเองนั้นทำให้คาวัลโลอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมนับสิบเท่า..ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านชีคผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้กล้าขึ้นเสียงและกล้ามาตวาดใส่เขา ..รู้จักคาวัลโลน้อยไปซะแล้วละ..มิสเตอร์อัลชาอ์เอ๋ย
“....อย่ามา....ล้อเลียนผม..” อัลชาอ์ครางเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ แม้จะรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายทำนั้นก็แค่เอาคืนเล็กๆน้อยๆจากการทะเลาะทุ่มเถียงกันเมื่อครู่...แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่ใกล้กับชายหนุ่มที่มีฟีโรโมน..ไม่น้อยกว่าหญิงสาวอย่างชายตรงหน้านั้น..มันถือได้ว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง..
“...หวา...ดุจังฮะ...” อาการเสแสร้งของอีกฝ่ายมันไม่แนบเนียนจนน่าหมั่นไส้..ชักทำให้ชีคหนุ่มอยากเอาปากกระบอกปืนตบกบาลอีกฝ่ายเรียกสติ...โชคดีที่อีกสองวินาทีต่อมาคาวัลโลก็เลิกทำหน้าตาตอแหลและกลับสู่โหมดปกติในที่สุด..
“...คุณจะตกลงไหม?...เยสหรือโน....” คาวัลโลถามเข้าประเด็น
“...ห้ามก้าวก่ายเรื่องหน่วยงานของผม อย่ามาวิพากษ์วิจารการบริหารประเทศ...และ....อย่าทำอะไรโดยพละการเป็นอันขาด..ถ้าก้าวข้ามเส้นแม้แต่นิดเดียว คุณจะได้ไปเซย์ฮัลโหลกับบรรพบุรุษในนรกแน่..” อัลชาอ์เดินตัวปลิงไปยังโต๊ะทำงาน หยิบเอกสารห้าหกฉบับมาไว้ในมือ “ระหว่างนี้ก็จงทำงานของคุณไปเงียบๆ..ถ้าสามเดือนไม่ผ่านก็เตรียมตัวแพ็คของกลับบ้านเก่าอีกเช่นกัน..”
“...หวา...โหดจริงแฮะ....” เอกสารห้าหกปึกนั้นถุกโยนมาตรงหน้า คาวัลโลหยิบมาดูพลางทำหน้านิ่วกับความหนาของมัน “ หนากว่ารายงานสมัยมัธยมอีก...อ้อ...จริงสิ....อย่าแจ้งกับทางบ้านว่าผมอยู่ที่นี่..หรือยังมีชีวิตอยู่ ผมอยากสืบเงียบๆ..”
“...แน่นอนอยู่แล้ว คิดว่าผมจะให้แขนขาคุณมันยาวยืดไปได้มากกว่านี้รึไง..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงห้วน ยกปลายนิ้วคลึงขมับเบาๆพลางชี้ไม้ชี้มือไปยังกระดาษในมือคาวัลโล “เอาละ..คุณเลขา ช่วยทำงานในส่วนของตัวเองด้วย..ให้เรียบร้อยนะครับ...ภายในคืนนี้...”
“...หา?....” คาวัลโลอ้าปากค้าง...มองเอกสารห้าหกปึกตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“...เฮ้...มันจะมากไปหน่อยไหม?..อย่างนี้ผมมีสิทธิฟ้องสหภาพแรงงานได้นะ..อัลชาอ์..เฮ้ !! ท่านชีคครับ มาใช้งานกันแบบนี้จริงๆสู้เอาผมไปนอนอ้าอยู่ในฮาเร็มคุณไม่ดีกว่าเรอะ...ถึงผมจะไม่คิดว่าวังซอมซ่อแบบนี้จะมีอะไรนอกจากคอกแกะก็เถอะ..”
คาวัลโลโวยวายใส่คนตัวสูงที่เดินตัวปลิวออกไปจากห้องแล้ว หนุ่มอิตาเลี่ยนอยากจะกระชากหน้าหล่อๆนั่นมาแทบเท้าแล้วกระโดกระทืบๆๆๆให้เละคาเท้าเสียจริง..มองเอกสารในมือแล้วมองนาฬิกาแขวนผนังด้วยความหนักใจ คาวัลโลครางออกมาเบาๆเมื่อพบว่ากระเพาะของเขายังคงว่างเปล่าไร้สารอาหารมาเติมเต็มเช่นเดิม..
“...เวรเอ๊ย...นี่พวกแกอยู่ในช่วงถือศีลอดหรือไงว่ะหา...ไม่จำเป็นต้องให้คริสต์ศาสนิกชนอย่างผมทำด้วยก็ได้น่ะโว้ย มันนอกรีต !! “
..............................................................
กลับมาแล้วค่ะ แฮะๆ หายไปนาน พอดีช่วงนี้ยุ่งหัวหมุน วันนี้ตอนแรกจะกลับบ้าน แต่ติดเรื่องทุนเลยไม่ได้กลับ ชอกช้ำใจเลยมานั่งเขียนนิยายระบายอารมณ์(ห้าๆ)
ตอนนี้งงไหมค่ะ? มีรายละเอียดค่อนข้างมากค่ะ และก็ยาวด้วย
อาจจะสรุปง่ายๆคือ มิสเตอร์คาวัลโล หรือน้องคาวี่ของเราโดนคนในกลุ่มหักหลังดังเอ๋ง(ไม่ใช่ผลั่วเหรอ?
) จนต้องประสบชะตากรรมเช่นนี้ หลับจากตบตี..เอ๊ย...ตกลงกับอัลชาอ์เรียบร้อยแล้ว คาวี่ของเราเลยได้โอกาสในการยืดชีวิตตัวเองอีกสามเดือนค่ะ
ตอนแรกไม่มีหรอก ฉากน้องคาวี่แกล้งพระเอก แต่ไม่รู้เป็นไงเขียนไปแล้วมันออกมาเอง...ก๊าก...แบบว่าหยอดวันละนิดจิตแจ่มใส ห้าๆ ส่วนคนที่บอกว่าชื่อจำยาก จำเป็นน้องคาวี่กับอัลชาอ์ก็พอแล้วเนอะ ตอนแรกๆอาจจะก่งก๊งไปบ้าง นานไปจะแม่นขึ้นเองฮับ
น้องคาวี่น่าจับจูบจริงๆนะเออ ปากแบบนี้ทำเอาคนเขียนต้องสะกดอารมณ์ตัวเองไม่คว้ามาจูบเองหลายรอบและ อิอิ(โยกหัวหลบฝ่าตรีนปริศนา
)