เออ...ก็คนมันแรด VS. แต่ผมดันชอบ : ตอนพิเศษ Valentine : เมียหาย! 22/02/14 P.165
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เออ...ก็คนมันแรด VS. แต่ผมดันชอบ : ตอนพิเศษ Valentine : เมียหาย! 22/02/14 P.165  (อ่าน 1510911 ครั้ง)

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ขอบคุณนะครับ ขอให้หายป่วยไวๆ นะ ยังไงก็จะรออ่านนะ เป็นห่วงนะ

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
น้องแจ๊คยังอ้อล้อล่อทีนเหมือนเดิม 5555
พี่ฟี่ช่วยเอ็นดูน้องแจ๊คเยอะๆหน่อยน้า

+1  :กอด1: บวกเป็ดค่ะ
สุขภาพแข็งแรง หายป่วยไวไวนะคะ คุณเมอซี่

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
แหม พี่ฟี่รู้ใจน้องแจ๊คขนาดเดาได้ด้วยว่าตอนจบน้องแจ๊คจะเข้าออดอ้อนแบบไหน

อ่านแล้วก็อยากไปมั่ง....เวียนนา แต่ตอนนี้ยังไปไม่ได้ก็กินไส้กรอกเวียนนาแทนไปก่อนละกัน

ออฟไลน์ DoubleBass

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 448
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
น้องแจ็คน่ารักอ้อนพี่ฟี่ตลอดเลย  :-[   ชอบบบ

ปล.ขอให้สุขภาพกลับมาแข็งแรงไวๆนะจ๊ะ  o13

nuum

  • บุคคลทั่วไป
 :เหอะ1:  ตาฝาด  ตกจายที่มาแต่งต่อ ฮิ ฮิ  ...   :sad11:

ออฟไลน์ ไอ้หัวแห้ว

  • ยิ่งมืดเท่าไหร่ ยิ่งเห็นดวงดาวชัดเจน...
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +568/-5

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โอ้ย อ่านแล้วอยากไปบ้างเลย

55555

ฟี่น่ารักเน้ออออออ

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
แจ๊คนี่อ้อนตลอด

ปล.หายไวๆและกลับมาแข็งแรงเร็วๆนะค่ะ

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
เย้ๆมาแล้ววววว คนเขียนหายป่วยเร็วๆ นะคร่า o13

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
น้องแจ๊คยังนิสัยอ้อนบาทาเหมือนเดิม แม้กระทั่งรุ่นพี่น้องแจ๊คก็ปีนเกลียวได้แบบรุ่นพี่ไม่โมโหไปกับความกวน
น้องแจ๊ครอหน่อยแล้วกันอีก 3 วัน  โลกนี้ก็จะมีแต่แจ็ค กะ พี่ฟี่สุดเลิฟเท่านั้น


:กอด1: คนเขียน  อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพเยอะๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

รออ่านตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อยากไปเวียนนาบ้างจัง. ตามรอยฟี่แจ็ค o18

รอเสมอนะคะ. หายป่วยเร็วๆน้า

บวกเป็ด

ออฟไลน์ pulovely

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-0
กรี๊ดดดดดด

คนแต่งกลับมาแล้ว น่ารักเป็นที่สุด

รอคู่หลัก ริวพาย นะคะ อิอิ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ขอให้คุณเมอร์ซี่ สุขภาพแข็งแรงน๊ะค่ะ  รอติดตามผลงานและเปนกำลังใจให้ค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คิดถึงทุกคู่เลยค่ะ

ขอให้คนเขียนหายเร็ว ๆ นะคะ พักผ่อนมาก ๆ

nicepooh

  • บุคคลทั่วไป
ติดตามนิยายกันมาเป็นปี คุยกันบ้างประปรายใน FB รู้ข่าวว่าเธอป่วย เป็นห่วงอยู่เสมอนะ ขอให้เธอหายและแข็งแรงโดยเร็วไว เธอรู้ว่าเรารักเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง รักเธอนะ ยัยไนซ์ น้องสาวคนเก่ง :mew1:

na-au

  • บุคคลทั่วไป
จ้า  คนแก่ขอให้หลานรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี ๆ นะ

ช่วงนี้ ฝนและลมกำลังกระหน่ำมาไม่เว้นแต่ละวัน

กลัวจะเป็นหนักกว่าเดิมนะซิ  :กอด1:

 :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
ยังคงอ่านสนุกเหมือนเดิม
หายไวๆนะคะ เอาใจช่วย  :mew1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
เจ๋งเริ่มเยอะเกินไปแล้ว
ฟี่แจ็คคงรำคาญ อยากตืบ :z6:

คนอย่างเจ๋งต้องจ้ดการให้อยู่มัด จะงาบพี่ฟี่ของน้องแจ็ค

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ duckool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง
หายไวๆ สุขภาพแข็งแรงนะคะ

ออฟไลน์ maxiez2p

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น้องเจ็กเป็นเมีย . . . อยากดูตอนนั้นจัง!!

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
แค่นี้ก็หายคิดถึงแหละค่ะ

รักษาตัวด้วยนะค่ะ

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
แจ็คก็ยังคงความฮาแบบล้นๆเหมือนเดิม
แอบรำคาญไอ้น้องเจ๋งนิดหน่อย แต่เดี๋ยวมันก็ไปแล้ว อดทนๆ
ขอให้ดีวันดีคืน จนหายเป็นปกติเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
 :กอด1: :กอด1:

ต่อเนื่อง ลื่นไหล จุใจ ไม่สะดุดเลยคับ

เหมือนไม่เคยหายไป คิดถึงริว-พายด้วย

 o13 o13

#อย่าลืมน้องเมียนะคับ รอลุ้นอยู่เลย

##แอบทวงเบาเบา##

 :o8:  :o8:

Mercy

  • บุคคลทั่วไป
ตอนพิเศษ แจ็ค & ฟี่ 11 : มีเพียงเรา


รุ่งขึ้นอีกวันผมตื่นตั้งแต่ตี 5 หันไปมองคณะทัวร์ของตัวเองทั้งสองคนก็เห็นยังหลับปุ๋ยอยู่ เลยกะว่าจะทำใจกล้าฝ่าความหนาวไปอาบน้ำแล้วจะลงไปเดินเล่น ดูดบุหรี่ ถ่ายรูปแถวๆ นี้สักชั่วโมงค่อยกลับมาปลุกสองหนุ่มตามเวลาที่นัดกันว่าจะตื่นประมาณ 6 โมงครึ่ง

“อ้าวฟี่ ตื่นแต่เช้าเลย แปลกที่นอนไม่หลับเหรอวะ” ผมว่าผมตื่นเช้าแล้ว แต่ก็ยังสายกว่าเฮียต๊อดอยู่ดี

“นิดหน่อยครับเฮีย ว่าแต่เฮียตื่นเช้าเชียวที่นี่เขาเรียนกันตั้งแต่เช้าตรู่เลยเหรอเฮีย” ผมเห็นเฮียต๊อดแกยืนทำแซนวิชใส่ถุงซิปล็อคท่าทางจะเอาไปกินเป็นอาหารกลางวัน อะไรประหยัดได้ นักศึกษาทุนก็ต้องประหยัดกันอยู่แล้วล่ะครับ

“เรียน 10 โมง แต่ต้องไปซ้อมก่อนว่ะ เรามันเด็กทุนต้องขยันหน่อย ฝรั่งมันไม่เหมือนเด็กไทยนะเว้ย เรียนๆ เล่นๆ ซ้อมบ้าง เที่ยวบ้างเดี๋ยวก็จบ แต่ที่นี่ทุกคนรักดนตรี และก็จริงจังมาก อยากจะเก่ง อยากจะเป็นที่หนึ่ง อยากเอาชนะตัวเองให้ได้ก็ต้องซ้อม ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ หรอก ต่อให้มีพรสวรรค์ ถ้าไม่ซ้อมก็ตาย” โห เฮียขยันจริงๆ ว่ะ แต่จะว่าไปไอ้แจ็คของผมก็ไม่ต่างกัน ถึงแม้มันจะไม่ได้ขยันแบบเฮีย แต่ว่างเมื่อไหร่ภาพที่เห็นจนคุ้นตาก็คือไอ้แจ็คนั่งซ้อมดับเบิ้ลเบสอยู่ที่ห้อง ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ไหนจะทัวร์คอนเสิร์ต มันก็ไม่เคยขี้เกียจที่จะซ้อม แม้มันจะดูบ้าๆ บอๆ ไม่ค่อยเต็มเต็ง แต่เรื่องดนตรี ไอ้แจ็คก็จริงจังไม่แพ้ใคร... นี่ผมเปล่าชมแฟนตัวเองนะ ผมพูดจากเรื่องจริงที่เห็นต่างหาก

“ไอ้แจ็คมันก็ชอบตื่นมาซ้อมตอนเช้าเหมือนกันถ้าวันไหนไม่มีงาน”

“อ้าวนี่มึงพักกับมันเหรอวะ” อ้าว ฉิบหาย! เฮียแกจะสงสัยอะไรรึเปล่าวะ ผมก็แอบสะดุ้งในใจตามประสาคนสันหลังหวะ

“อ๋อ ครับ... คือห้องเก่าของผมไกลจากบริษัทที่ผมไปรับงานฟรีแลนซ์ประจำอยู่น่ะเฮีย ผมเลยหาห้องเช่าใหม่ บังเอิญไอ้แจ็ครู้เข้ามันก็เลยบอกว่าจะแบ่งห้องให้ผมเช่า เพราะมันเองถ้าช่วงทัวร์คอนเสิร์ตก็ไม่ค่อยจะได้อยู่ห้อง อย่างน้อยมีคนเฝ้าห้องให้ก็ยังดี ผมก็เลยได้มาอาศัยใบบุญพ่อศิลปินใหญ่เขาน่ะครับ” เฮ้อ! กูก็กุเรื่องเร็วเหมือนกันนะเนี่ย หวังว่าเฮียแกจะเชื่อนะ

“เออ มึงก็เก่งนะ อยู่กับไอ้เหี้ยน้องแจ็คมันได้ มันน่ะอะไรๆ ก็ดูเป็นเรื่องเล่นๆ ไปหมด ขี้แกล้งขี้อำก็เป็นที่หนึ่ง มันไม่สนว่าหน้าไหน ตั้งแต่รุ่นพี่ยันรุ่นน้อง อาจารย์บางคนมันก็ไม่เว้น คุยกับมันแล้วปวดหัวไปตามๆ กัน” ผมเข้าใจที่เฮียพูดทุกประการเลยครับ

“เป็นมันก็สบายนะเฮีย ไม่ต้องคิดอะไรมาก ยิ้ม หัวเราะ อารมณ์ดีเล่นดนตรีไปเรื่อย” บางทีผมก็อิจฉาชีวิตมันนะ

“แต่ไอ้คนแบบนี้แหละ มีปัญหาอะไรก็ชอบซ่อนไว้ เก็บไว้เครียดคนเดียว แล้วก็แสดงออกว่ายังยิ้ม ยังหัวเราะได้ ไอ้แจ็คเองเห็นมันยิ้มง่าย หัวเราะได้ แกล้งคนอื่นประจำ แต่มันก็จริงจังกับดนตรีมากๆ รุ่นน้องที่คณะ ถ้าคนไหนไม่ค่อยซ้อม เรียนๆ เล่นๆ ไอ้แจ็คมันก็ด่านะเว้ย ด่าแบบซีเรียสด้วย พวกไอ้แจ็ค ไอ้ริวน่ะมันรักดนตรีมาก พวกมันไม่ได้คิดว่าดนตรีเป็นงานอดิเรกหรือของเล่นๆ แต่ดนตรีคือชีวิตพวกมัน นี่พี่ยังเชียร์มันให้ขอทุนมาเรียนต่อที่นี่เลย ฝีมืออย่างไอ้แจ็คน่ะได้สบายอยู่แล้ว แต่ก็นะ มันกำลังดัง จะให้ทิ้งโอกาสตรงนั้นมันก็ทำใจลำบากเหมือนกันเว้ย”

นี่เป็นความจริงอีกอย่างที่ผมไม่เคยคิดถึง ผมรู้ว่าไอ้แจ็ครักดนตรีและจริงจังขนาดไหน อยู่กับมันมานานพอสมควร นานพอจะรู้ว่ากิจวัตรประจำวันของไอ้คนบ้าๆ บอๆ คนนี้ไม่มีวันไหนที่ไม่มีดนตรีมาเกี่ยวข้อง แต่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันอาจจะอยากมาเรียนต่อในที่ที่จะสามารถพัฒนาฝีมือทางด้านดนตรีของมันได้อีก เทอมหน้านี้มันก็จะจบแล้ว มันจะมาเรียนต่อรึเปล่าวะ

“เอาล่ะ พี่ไปก่อนนะ ถ้าหิวก็กินขนมปังรองท้องไปก่อน ถ้าออกไปกันหมดแล้วอย่าลืมล็อคห้องให้ด้วยนะว้ย แล้วเจอกันบ่ายนี้” ผมเผลอเหม่อคิดเรื่องไอ้คนรักดนตรีที่ยังนอนหลับอุตุอยู่ครู่ใหญ่ จนเฮียต๊อดแกขอตัวออกไปซ้อม ผมเลยเดินไปหยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัว แล้วกลั้นใจฝ่าความเย็นไปอาบน้ำ เพราะตั้งแต่ออกจากเมืองไทยก็ยังไม่มีการชำระล้างร่างกายเกิดขึ้นเลย


ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หันไปหยิบกระเป๋ากล้อง DSLR และกล้องฟิล์มขึ้นมาสะพาย หันไปมองไอ้พวกที่หลับอยู่ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีใครฟื้นคืนชีพเลยหันไปหยิบโพสอิทที่มีติดในกระเป๋ากล้องออกมาเขียน

‘กูอาบน้ำเสร็จแล้วลงไปดูดบุหรี่ แล้วว่าจะเดินเล่นถ่ายรูปแถวนี้ เดี๋ยว 6 โมงครึ่งกลับมา’ เขียนเสร็จก็แปะแม่งกลางหน้าผากไอ้นักดนตรีนั่นแหละ ขนาดมีอะไรแปะลงบนหน้ามันยังไม่ขยับเขยื่อนเลยให้ตายเหอะ

ผมลงมายืนดูดบุหรี่หมดไปหนึ่งตัว แล้วก็ค่อยๆ เดินเลาะไปตามถนนเจอตึกเก่าๆ สวยๆ หรือพวกป้ายโฆษณาอะไรน่าสนใจผมก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บภาพเอาไว้ ช่วงเช้าวันนี้เวียนนาอากาศลบ 3 องศา หนาวจับใจ พระอาทิตย์ยังทอแสงได้ไม่เต็มที่ ตามถนนหนทางยังคงเงียบสงบ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ เหมือนผมหลุดเข้าไปอยู่ในฟิล์มขาวดำ หรือซีเปีย ความโรแมนติกผสานความเหงา อดทำให้ตื่นเต้นไม่ได้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวอย่างปราสาท หรือโบสถ์เก่าๆ จะงดงามขนาดไหน


 เดินมาเกือบครึ่งชั่วโมง ก้มมองนาฬิกาก็เห็นว่าหกโมงแล้ว เลยตัดสินใจข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินกลับ เพราะขามาผมเดินเป็นเส้นตรงเลาะฝั่งเดียวกับอพาร์ตเม้นท์เฮียต๊อดมาเรื่อยๆ ขากลับก็เลยคิดว่าจะข้ามไปเดินอีกฝั่งจะได้มองเห็นบรรยากาศตรงข้าม

พอข้ามมาก็เจอร้านขายไส้กรอกเวียนนาย่าง เลยตัดสินใจซื้อมา 3 ชิ้นเป็นสะเบียงเช้านี้ เผื่อไอ้สองตัวนั้นด้วย ไส้กรอกร้อนๆ แต่ไม่รู้ว่ากว่าจะเดินถึงห้องจะเย็นชืดซะก่อนรึเปล่า แต่ก็เอาวะ แอบเห็นห้องเฮียมีไมโครเวฟ เอาไปอุ่นก็น่าจะพอไหว หรือกินกับขนมปังปิ้งใหม่ๆ ก็น่าจะพอเอาอยู่

ขากลับใช้เวลาเร็วกว่าขามาเพราะไม่ค่อยได้หยุดแวะถ่ายรูปสักเท่าไหร่ เลยทำให้ผมมาถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์ตอนหกโมงยี่สิบนาที เหลือเวลาอีกสิบนาทีเลยยืนดูดบุหรี่แก้หนาวอีกสักตัว แล้วค่อยเดินขึ้นห้องไป

ผมเคาะห้องอยู่สองสามทีไอ้แจ็คก็เดินมาเปิด มันส่งหน้ายุ่งปากยื่นมาให้ทันที แบบนี้รู้เลยว่างอนกูชัวร์ที่ออกไปคนเดียวแล้วไม่ปลุกมัน

“หนีน้องแจ็คไปคนเดียวอีกแล้วนะ” นั่นไง ถ้าซื้อหวยถูกเหมือนเดาใจไอ้แจ็ค ป่านนี้กูรวยเละเลิกรับงานออกแบบไปนอนนับเงินที่บ้านแล้ว

“พวกมึงหลับเป็นตาย ขนาดกูตื่นมาคุยกับเฮียต๊อดก่อนสักพักใหญ่ยังไม่มีใครสะดุ้งสะเทือน เอ้า เลิกเบะปากทำหน้ามุ่ยได้แล้วไอ้ห่า กูซื้อไส้กรอกมาฝาก แต่แม่งเย็นแล้วล่ะ เดี๋ยวอุ่นสักหน่อยก็แดกได้” ผมเดินเข้าไปตรงส่วนแพนทรี่ของห้อง ไม่เห็นไอ้เจ๋งที่ที่นอน สงสัยมันจะเข้าไปอาบน้ำ หันไปมองไอ้ตัวดีข้างๆ ก็เห็นมันอยู่ในชุดใหม่ เดาว่าคงจะตื่นได้สักพักใหญ่แล้ว

“ก็ถ้ามึงปลุก กูก็ตื่นเหอะ” ยังคงงอแงต่อ ปล่อยแม่งไปเดี๋ยวมันก็เลิกของมันเอง

“จะแดกขนมปังด้วยไหมหรือจะเอาไส้กรอกอย่างเดียว” ผมเลือกจะไม่คุยเรื่องเดิม เพราะขี้เกียจไปต่อล้อต่อเถียงกับมัน

“พี่ฟี่แม่งชอบเปลี่ยนเรื่อง เชอะ!”

“อย่าเยอะ จะแดกไหมขนมปังเนี่ย ถ้าไม่แดกก็ไปไกลๆ ตีนกูเลย” บางทีก็ต้องเล่นบทโหดกันบ้าง

“ใจร้าย… เออๆๆ แดกก็ได้ เอาแม่งหมดทุกอย่างเลย” สบัดเสียงใส่ผมเสร็จ มันก็สบัดตูดเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวขนาดเล็กสีขาวที่ตั้งอยู่ในส่วนแพนทรี่ ผมส่ายหน้าน้อยๆ กับอาการคุ้นตาที่เห็นกันเป็นประจำ เรื่องงอน เรื่องอ้อนต้องยกให้มันเลยล่ะ

“พี่ฟี่ออกไปถ่ายรูปมาเหรอฮะ ไม่ยอมปลุกเจ๋ง เจ๋งจะได้ไปด้วย” ไอ้นี่ก็อีกตัว แหมใครๆ ก็อยากไปกับกูจังเลยนะ

“พี่อยากออกไปเดินคนเดียวน่ะ” ตรงไปไหม ไม่หรอก บางเรื่องก็ไม่อยากอ้อมค้อม เพราะขี้เกียจต้องมาอธิบายวกวนไปมารักษาน้ำใจ

“อ๋อ… ครับ” ไอ้เจ๋งมันคงไม่คิดว่าผมจะตอบแบบนี้ เพราะทุกทีผมก็จะตอบเลี่ยงๆ แบบสุภาพตลอด เจอตรงๆ เลยไปไม่เป็นเลยนะมึง… พอหันไปมองพี่ชายไอ้เจ๋งก็เห็นมันนั่งกินขนมปังไปอมยิ้มไป กูง้อแค่นี้พอใจรึยังล่ะ!

พอกินมื้อเช้ากันเสร็จเราก็เริ่มต้นทัวร์ของวันนี้ สถานที่แรกที่เราจะไปคือพระราชวังเชินบรุนน์ (Schönbrunn Palace) ถือเป็นสถานที่บังคับที่ใครมาเวียนนาก็ต้องมาถ่ายรูปความงามของพระราชวังนี้ จากในโลนลี่แพลเนทที่ไอ้แจ็คอ่านและแปลให้ฟังบอกว่า พระราชวังนี้สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 นู่น ภายในตกแต่งด้วยผลงานศิลปะชั้นยอดมากมาย พอไปถึงผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถ่ายรูปก่อนเลยครับ โชคดีที่แบกเลนส์มาหลายตัว

“พี่ฟี่... ขอเจ๋งลองถ่ายกล้องโรลีเฟล็กหน่อยได้ไหมฮะ” มาแล้วครับไอ้น้องเจ๋ง ผมอุตส่าห์ยืนถ่ายรูปเงียบๆ มันก็เดินมาขอลองใช้กล้องฟิล์มโบราณของผม

“เออ... ก็ได้ แต่พี่เอาฟิล์มมาไม่ค่อยเยอะนะ” ผมไม่ใช่คนหวงของ แต่กล้องตัวนี้ผมก็แอบหวงหน่อยๆ เพราะตามหาซื้อมานานกว่าจะได้มา แต่ครั้นจะไม่ให้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี อย่างน้อยมันก็ญาติไอ้แจ็คล่ะวะ

“สอนเจ๋งใช้หน่อยได้ไหมฮะ เจ๋งอยากใช้เป็น เนี่ยเพื่อนเจ๋งมันมีแหล่งซื้อพวกกล้องโบราณ เจ๋งว่าจะหันไปลองเล่นดูบ้าง พอได้เห็นโรลีเฟล็กของพี่ฟี่สวยดีก็เลยกะว่าจะเล่นรุ่นนี้เหมือนกัน” ไม่ต้องทำอะไรตามกูก็ได้นะเว้ย เข้าใจความอึดอัดของไอ้แจ็คเลย

“วิธีจับก็แบบนี้นะ ตรงนี้ชัตเตอร์ เวลาจะขึ้นฟิล์มง้างแล้วกดตรงนี้ ชัตเตอร์เสร็จหมุนตรงนี้ เวลาดูภาพส่องจากช่องนี้นะ อะลองดู” ผมอธิบายวิธีการใช้ให้ไอ้เจ๋งได้รู้อย่างคร่าวๆ และไม่พยายามชวนมันคุยเรื่องกล้องโบราณ เดี๋ยวมันจะยาว เพราะผมอยากกลับไปถ่ายรูปของตัวเองแล้ว

“นี่ฟิล์มสีหรือขาวดำฮะ”

“ขาวดำ พี่ไม่ได้เอาฟิล์มสีมาเลย” ผมว่ากล้องโบราณแบบนี้รูปที่ได้มันเหมาะกับฟิล์มขาวดำมากกว่า ส่วนภาพสีผมใช้กล้อง DSLR ถ่ายเอาอยู่แล้ว

“ฟี่!! มึงมาถ่ายรูปให้กูดิ๊ กูอยากได้รูปมุมนี้บ้าง” นึกว่าจะไม่เข้ามาขัดจังหวะซะแล้ว เห็นยืนหน้าเหวี่ยงอยู่ตั้งนาน และแล้วไอ้แจ็คก็ออกโรง

“อืมเอาดิ! ตรงไหนดีล่ะ” เอาใจเขาสักหน่อย แล้วก็อยากปลีกตัวออกมาจากไอ้น้องเจ๋งด้วย

“เจ๋งรักษากล้องให้ดีๆ นะเว้ยของไม่ใช่ของตัวเองใช้ให้มันระวังๆ ด้วย เดี๋ยวแยกย้ายกันไปถ่ายรูปแล้วกัน อีก 20 นาทีมาเจอกันตรงนี้นะ ปะฟี่” แล้วไอ้แจ็คก็จัดการลากผมไปโดยที่ไอ้เจ๋งยังไม่ทันตั้งตัวหรือเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา

“จะลากไปอีกนานไหม” ผมถามไอ้คนที่ยังคงจับแขนผมลากเอาๆ ไม่เห็นใจกูบ้างเลยนะ ตั้งขาตั้งกล้อง ทั้งกล้อง ทั้งเลนส์ ดีที่กล้องอีกตัวอยู่ที่ไอ้เจ๋ง

“นานนนนนนน นานจนกว่าไอ้เจ๋งจะตามเราสองคนไม่ทัน”

“มันไม่ตามมาแล้ว พอเถอะมึง เรามาเที่ยวนะอย่าเอามันมาเป็นอารมณ์เลย เราก็เที่ยวของเราไป ส่วนมันจะน่ารำคาญบ้างก็ทนๆ เอา ถ้ามัวแต่หาทางหนีมัน เราก็หมดอารมณ์เที่ยวพอดี”

“เฮ้อ!!! กูหมดอารมณ์เที่ยวจริงๆ นั่นแหละ... โว้ย! น้องแจ็คอยากมีอารมณ์ทั้งเที่ยวทั้งอารมณ์สวีทกับเมีย...โอ๊ย! ตบหัวน้องแจ็คทำไมเนี่ย”

“มึงจะเสียงดังหาโมสาร์ทญาติมึงเหรอ จะถ่ายรูปไหมเนี่ยหะ!” ตอนนี้เหมือนกำลังเลี้ยงเด็กสองคน อีกคนก็ถามไม่หยุด อีกคนก็กวนตีนไม่หยุด เหนื่อยฉิบหาย


“ถ่ายจ้าถ่าย...เอาหล่อๆ เท่ๆ เลยนะ เอามุมนี้ๆ ให้เห็นพระราชวังแบบพานอราม่าอย่างในโปสการ์ดเลยนะ” สั่งจริงนะมึง กูไม่ใช่ช่างภาพส่วนตัวศิลปินนะเว้ย แต่ถ้าเถียงออกไปเกรงว่าจะไม่จบไม่สิ้น ผมก็เลยได้แต่ถ่ายภาพไอ้ศิลปินใหญ่ สลับกับถ่ายพวกสถาปัตยกรรมที่ชอบไปด้วย

พระราชวังแห่งนี้เท่าที่เปิดดูข้อมูลมาในอินเตอร์เนท เขาบอกว่าเป็นศิลปะยุคร็อคโคโค เป็นยุคหลังจากเรเนสซองส์ ซึ่งผมชอบยุคเรเนสซองส์มากกว่า เพราะยุคนั้นจะมีความพอดีที่ไม่โอเวอร์ ไม่เยอะ ไม่จับนู่นผสมนี่มากเกินไปแบบร็อคโคโค ผมก็อธิบายให้ไอ้แจ็คฟังเรื่องศิลปะบ้าง ไอ้แจ็คก็ตั้งใจฟังอย่างสนใจ มีซักถามเป็นระยะ อันไหนตอบได้ผมก็จะตอบ ไอ้แจ็คมันบอกว่า มันแยกไม่ออกหรอกว่าอันไหนสวยไม่สวย หรืออันไหนมาจากยุคไหนผสมยุคไหน มองภาพรวมๆ แล้วทำให้ตกตะลึงลืมหายใจได้ขนาดนี้ก็พอแล้ว... ก็ถูกของมันนะ คุณค่าของศิลปะมันอยู่ที่มุมมองของแต่ละคน ได้ดูได้ชมแล้วสบายใจก็พอ แต่ผมเรียนมาด้านนี้มันก็มีบ้างที่ดูแล้วอดจะจดจำรายละเอียด คิด วิเคราะห์ ต่อผลงานชิ้นนั้นๆ ไม่ได้ ก็คงเหมือนพวกนักดนตรีนั่นแหละ ไอ้แจ็คเคยบอกว่า ไอ้พวกที่เรียนดนตรีมา ฟังเพลงไม่มีความสุขแบบมนุษย์ทั่วไปเขาสักคน เพราะฟังไปก็อดจะวิเคราะห์ตามซาวนด์ดนตรีไปไม่ได้


ผ่านไปยี่สิบกว่านาที ผมกับไอ้แจ็คก็เดินกลับไปที่จุดเดิมที่แยกจากไอ้เจ๋งมา เดินไปถึงก็เจอไอ้เจ๋งยืนคุยกับผู้ชายฝรั่งอยู่ พอมันเห็นพวกผมเดินมามันก็จัดการล่ำลาฝรั่งคนนั้น แล้วหันมาทำหน้างอนๆ ใส่ กูไม่ง้อนะขอบอก แค่ง้อพี่ชายมึงก็เกินพอแล้ว

“อยู่ดีๆ ก็หนีเจ๋งไปเลยนะ ปล่อยให้เจ๋งเที่ยวเหงาๆ อยู่คนเดียว”

“ฝรั่งมาจีบมึงเหรอเจ๋ง” ไอ้นี่ก็พูดซะตรงเชียว แถมยังลอยหน้าลอยตากวนส้นตีนอีก

“จีบเจิบอะไรกันเฮียแจ็ค เขาเข้ามาถามทางเฉยๆ”

“หรา!!! มึงหัวดำหน้าตี๋ โซนเอเชียตะวันออกขนาดนี้ ฝรั่งมันโง่หรือบ้าที่มาถามทางในเวียนนากับคนเอเชีย” ฉลาดจริงๆ แฟนกู! เรื่องกวนส้นตีนชาวบ้านนี่แหละฉลาดนัก

“เจ๋งจะไปรู้เขาเหรอ เฮียเดินไปถามเขาเองไหมล่ะ” ไอ้เจ๋งเริ่มหงุดหงิดเล็กๆ พอโดนจี้ใจดำ

“เอาล่ะ เลิกเถียงกันแล้วไปเที่ยวที่ต่อไปเหอะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา” วันนี้กะว่าจะเที่ยวกัน 3 ที่ แล้วบ่ายๆ ไอ้แจ็คจะไปเล่นดนตรีกับเฮียต๊อด ส่วนไอ้เจ๋ง ไอ้แจ็คบอกว่าตอนบ่ายถ้าขี้เกียจไปดูมันเล่นดนตรีก็ให้ไปเที่ยวเอาเอง โตแล้วดูแผนที่เป็นก็เที่ยวได้ แต่ไอ้เจ๋งบอกว่าจะไปด้วย ไอ้นี่ก็ตุ๊กแกจริงๆ เกาะติดตลอดเวลา


หลังจากนั้นเราก็ไปเที่ยวโบสถ์คริสต์โบราณอีกสองแห่ง ไอ้แจ็คบอกว่าตามโบสถ์คริสต์แบบนี้มักจะมีดนตรีคลาสสิค พวกวงออร์เคสตรามาเปิดแสดงให้ชมกันฟรีอยู่บ่อยๆ เดี๋ยวไว้มันจะพาผมมา ผมเองก็ไม่เคยดูคอนเสิร์ตแบบนี้เหมือนกัน ไหนๆ ก็มีแฟนเป็นนักดนตรีคลาสสิคก็ขอมาฟังกันแบบสดๆ สักหน่อย

 จริงๆ แค่เดินตามถนนหนทางดูตึกรามบ้านช่องสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็มีความสุขแล้วครับ ที่นี่เขารวมวัฒนธรรมและศิลปะสมัยก่อนเข้ากับความเป็นอยู่สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทุกหนแห่งทุกที่มองไปทางไหนก็ต้องเจอศิลปะ กับดนตรีผมว่าผมชักหลงรักเวียนนาเข้าให้แล้ว

โบสถ์แห่งที่สองที่เราไปคือ เซนต์ สตีเฟน (St.stephen’s Cathedral) เป็นมหาวิหารที่ขึ้นชื่อของเวียนนา ผมชอบโบสถ์เซนต์ สตีเฟนมาก เพราะโดยส่วนตัวผมชอบพวกงานกอธิคอยู่แล้ว แล้วโบสถ์นี้ก็ถูกสร้างขึ้นแบบกอธิค ในข้อมูลที่ผมอ่านมา เขาบอกว่าบรรยากาศกลางวัน และกลางคืนของโบสถ์นี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง กลางวันก็จะดูสวย อลังการและดูขลัง แต่ตกกลางคืนจะงดงาม ลึกลับมากกว่านี้อีกเท่าตัว แถมกลางคืนยังถ่ายรูปออกมาสวยกว่าอีกด้วย

“มึงเดี๋ยวสักคืนหนึ่งเรากลับมาที่นี่กันอีกครั้งได้ไหมวะ” ผมละสายตาออกจากกล้องฟิล์มของตัวเอง มาพูดกับไอ้คนใกล้ตัวที่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปศิลปกรรมตรงหน้าเช่นกัน

“เอาสิ อยากมาเดี๋ยวพามาอีก... กลางคืนมันจะสวยกว่านี้เหรอ” ฉลาดเหมือนกันนะเราน่ะ

“อืม กูอยากถ่ายรูปตอนกลางคืน”

“เดี๋ยวป๋าน้องแจ็คจัดให้ พี่ฟี่อยากได้อะไรบอกมาเลย” ผมขำกับน้ำเสียงและหน้าตารั่วๆ ของมัน ก่อนจะหันไปสนใจกับกล้องตรงหน้าอีกครั้ง

“พี่ฟี่จะไปไหนเหรอฮะ” สงสัยไอ้เจ๋งจะได้ยินคร่าวๆ ว่าผมชวนไอ้แจ็คมาที่นี่ตอนกลางคืน

“พี่กะว่าจะมาที่นี่ตอนกลางคืนอีกครั้งน่ะ อยากมาถ่ายรูปตอนกลางคืน” ผมตอบไปตามตรงเพราะคิดเอาไว้แล้วว่าผมอาจจะจัดการเรื่องไอ้เจ๋งอย่างจริงจังสักที  เหล่ไปมองไอ้แจ็คนี่หน้าหงิกไปแล้ว อย่าเพิ่งงอนกูสิ เดี๋ยวกูจะจัดการเรื่องนี้ให้

“เจ๋งมาด้วย! เจ๋งอยากถ่ายรูปตอนกลางคืนเหมือนกัน” เป็นไปตามคาดอยู่แล้วว่าไอ้น้องเจ๋งมันต้องขอมาด้วยแน่ๆ

“พี่คงไม่มาคืนนี้ หรือคืนพรุ่งนี้หรอก อาจจะอีกสักสามสี่วันน่ะ เพราะกะว่าจะมาดูคอนเสิร์ตออร์เคสตรากับไอ้แจ็คด้วย ถึงตอนนั้นเจ๋งคงไปเยอมันแล้วล่ะ” อีกประโยคแบบตรงๆ ที่ทำให้ไอ้น้องเจ๋งอึ้งไป

“เจ๋งอยากมากับพี่ฟี่บ้างจัง พี่ฟี่เปลี่ยนโปรแกรมไม่ได้เหรอฮะ” ยังไม่จบ!

“คงเปลี่ยนไม่ได้หรอกเจ๋ง เพราะพี่วางโปรแกรมเที่ยวกันมาแล้วตั้งแต่ก่อนมานี่” ผมจงใจจะพูดอ้อมๆ ถ้ามันไม่โง่ก็น่าจะรู้ว่าผมหมายถึงว่ามันน่ะเป็นตัวแถม เพราะโปรแกรมเที่ยวครั้งนี้มีแค่ผมกับไอ้แจ็คมาตั้งแต่แรกแล้ว

“แล้วคืนนี้พี่ฟี่จะไปไหนฮะ เจ๋งว่าทานข้าวกันเสร็จเราหาที่ไปเที่ยวกันต่อตอนกลางคืนดีกว่า” ผมอยากกรอกตาขึ้นฟ้าให้กับความพยายามของไอ้น้องเจ๋งจริงๆ

“ถ้าเจ๋งอยากถ่ายรูปตอนกลางคืน เดี๋ยวคืนนี้พี่จะพาไปแล้วกัน” ผมพูดประโยคนี้จบก็ต้องรีบหันไปขึงตาใส่ไอ้แจ็ค เพราะมันเตรียมตัวจะอ้าปากห้ามแน่นอน แต่ผมมีเหตุผลที่ต้องชวนไอ้เจ๋งออกมาถ่ายรูปด้วยกัน จริงๆ ไม่ได้อยากจะถ่ายรูปกับมัน แต่ผมมีเรื่องจะต้องเคลียร์และคุยกับมัน ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ไอ้คนที่ยืนทำหน้าเครียดคิ้วขมวดอยู่ข้างๆ ผมคงไม่เป็นอันเที่ยวสนุกแน่ๆ

“วู้ว!! ดีใจจัง คืนนี้ต้องสนุกแน่ๆ เลย”

“แจ็คไปเข้าห้องน้ำตรงนั้นเป็นเพื่อนกูหน่อย... เจ๋งเฝ้าของอยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำก่อน” แล้วผมก็จัดการลากไอ้แจ็คไปเคลียร์ก่อนที่มันจะอกแตกตาย


“มึงอย่าทำหน้าอย่างนี้ดิว้า! ที่กูชวนมันคืนนี้เนี่ย กูทำเพื่อเราสองคนนะเว้ย อ่อคืนนี้มึงไม่ต้องตามออกมาก็ได้เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมเปิดฉากอธิบายอย่างเร็ว

“ทำอะไรวะ... ทำไมต้องชวนมันออกมาด้วย แล้วทำไมต้องไม่ให้กูตามออกไป มึงก็รู้ว่ากูหวงมึง แล้วก็ห่วงมึงมากขนาดไหน กลางค่ำกลางคืน แถมภาษาอังกฤษมึงก็ไม่ได้ ถ้ามึงหลงจะทำยังไง โว้ย! ทำเหี้ยอะไรไม่ปรึกษากูก่อนอีกแล้ว” ของขึ้นแล้วครับไอ้แจ็ค ไม่มีน้องแจ็คอย่างนั้น น้องแจ็คอย่างนี้ มีขึ้นมึงกูนี่แสดงว่าเข้าโหมดโมโหแบบจริงจังแล้ว

“ใจเย็น แล้วฟังกูก่อน กูเข้าใจว่ามึงเป็นห่วง กูไม่ไปไกลหรอกน่า เมื่อเช้ากูเดินไปสำรวจมาแล้ว เลยอพาร์ตเม้นท์เราไปไม่กี่บล็อคจะมีโบสถ์เก่าๆ อยู่โบสถ์นึง กูกะพาไอ้เจ๋งไปแถวนั้นแหละ... แล้วที่กูจะต้องไปกับมันสองคน เพราะกูกะจะเคลียร์กับมัน คุยกับมันตรงๆ ไปเลย เรื่องที่มันคอยตามกูอยู่เนี่ย กูจะบอกมันว่ากูอึดอัดที่มันทำแบบนี้ แล้วจะถามมันตรงๆ ไปเลยว่าชอบกูเหรอ ถ้ามันบอกว่ามันชอบกู กูก็จะบอกมันตรงๆ เหมือนกันว่ากูมีแฟนแล้ว เลิกตามติดกูเถอะ... ที่ต้องพูดกับมันตรงๆ เพราะกูเองก็อึดอัด แล้วอีกอย่างพรุ่งนี้ไอ้เหี้ยแฟนกูมันจะได้ยิ้มออกสักที คราวนี้เข้าใจกูรึยังล่ะ!”

“น้องแจ็ครักพี่ฟี่ที่สุดในโลกเลย!!!!” นั่นไง ไอ้แจ็คโหมดเดิมกลับมาแล้ว หึหึ กูเพลียจริงๆ ขอไปอัดบุหรี่สักตัวเถอะ


Mercy

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากที่ผมเคลียร์กับไอ้มือเบสเสร็จแล้ว เราก็กลับไปรวมกับไอ้น้องเจ๋งอีกครั้ง เดินถ่ายรูปทั้งข้างนอกและข้างในโบสถ์เซนต์ สตีเฟนกันอีกพักใหญ่ ก่อนจะถึงเวลาที่ไอ้แจ็คนัดกับเฮียต๊อดเอาไว้ เราเลยพากันนั่งรถไฟใต้ดินไปถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านรวงที่ขายทั้งอาหาร ของฝาก เสื้อผ้า เครื่องประดับ นักท่องเที่ยวเดินเลือกชม ถ่ายภาพกันอย่างขวักไขว่ และศิลปินริมถนนที่ต่างออกมาโชว์ฝีมือ ทั้งวาดภาพ เพ้นท์ตัว เล่นดนตรี กันมากมาย แต่ทุกอย่างนี้ไม่ได้ทำให้ทัศนียภาพของเมืองดูเลอะเทอะเลยแม้แต่น้อย มันกลับกลมกลืนกันอย่างลงตัว เดินผ่านไปก็ได้ยินเสียงดนตรี สลับกับชมงานศิลปะของศิลปินข้างถนนที่บางคนฝีไม้ลายมือดีกว่านักเรียนศิลปะอย่างผมซะอีก เห็นแล้วก็คันไม้คันมืออยากวาดภาพบ้างเลย

“นั่นๆ เฮียต๊อดอยู่นู่น” มองไปตามมือที่ไอ้แจ็คชี้ ก็เห็นเฮียต๊อดนั่งเล่นเชลโล่อยู่กับเพื่อนฝรั่งอีกสองคน คนนึงเล่นเชลโล่เหมือนกับเฮียต๊อด อีกคนเล่นดับเบิ้ลเบส จริงๆ เมื่อก่อนผมก็แยกไม่ออกหรอกครับว่าไอ้ตัวไหนมันเรียกอะไร เห็นหน้าตาเหมือนไวโอลีนหมดซะทุกอย่าง ต่างกันแค่ขนาดเท่านั้น แต่ตั้งแต่คบกับไอ้แจ็คก็ค่อยๆ รู้ไปเรื่อยๆ จากที่มันอธิบายบ้าง และจากที่เคยไปหามันที่คณะบ้าง ก็พอรู้ไป

พวกเราเดินเข้าไปยืนอยู่ในกลุ่มคนดูที่ยืนมุงรอบๆ คนเยอะพอสมควร เสียงดนตรีคลาสสิคไพเราะดังออกมาจากวงที่กำลังเล่น ผมไม่รู้จักว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร แต่มันก็เพราะดีเหมือนกัน... เพลงถัดไปวงเฮียต๊อดแกหยิบเพลง Daylight เพลงฮิตจาก Maroon 5 มาคัฟเวอร์ เป็นเวอร์ชั่นเครื่องสายแบบนี้ก็เพราะดีเหมือนกันนะ ผมยิ่งชอบเพลงนี้อยู่ด้วย มาฟังเวอร์ชั่นนี้ยิ่งชอบ

เฮียต๊อดแกเล่นต่ออีกสองเพลง แล้วก็เรียกไอ้แจ็คเข้าไปแจมด้วย ไอ้แจ็คหันมากำชับผมว่าอย่าลืมถ่ายรูปให้มันด้วย พอไอ้แจ็คเดินไปคุยเรื่องเพลงที่จะเล่นกับเฮียต๊อด ผมเลยหันไปหาไอ้น้องเจ๋งที่ยืนเซ็งๆ อยู่ใกล้ๆ แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือของไอ้แจ็คให้มันช่วยถ่ายวีดิโอให้หน่อย ผมรู้ว่าไอ้เจ๋งมันคงอยากไปเดินเที่ยว แต่ก็อยากตามติดผมเลยไม่ไปไหน

ตอนนี้เพื่อนเฮียต๊อดสองคนหยุดพักปล่อยให้เฮียต๊อดดูโอเชลโล่คู่กับดับเบิ้ลเบสของไอ้แจ็ค เฮียต๊อดพูดแนะนำเพลงต่อไปเป็นภาษาเยอรมัน และไอ้แจ็คแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกรอบ ผมฟังไม่รู้เรื่องทั้งสองภาษานั่นแหละ เอาไว้รอฟังเพลงดีกว่า ภาษาดนตรีมันภาษาสากลอยู่แล้ว

เพลงไทยเดิมคุ้นหูก็ค่อยๆ ดังขึ้นจากสองเครื่องดนตรีสากล... นี่มัน เพลงลาวดวงเดือน นี่หว่า มองไปที่ไอ้แจ็คสีหน้ามันตอนนี้ดูมีความสุขมาก มันดูสุนทรีต่างจากเวลามันเล่นเบสกับวง ตอนมันเล่นเบสเพลงร็อคมันก็มีความสุข มันสนุก และมันส์ไปกับเพลง แต่ตอนนี้สีหน้ามันดูมีเสน่ห์ เคลิบเคลิ้ม จนผมอดไม่ได้ที่จะรัวชัตเตอร์ไม่ยั้ง ถ่ายทั้งกล้อง DSLR สลับกับกล้องฟิล์ม

เพลงนี้เรียกความสนใจให้กับคนที่ผ่านไปผ่านมาได้มากขึ้นกว่าเดิม คนเริ่มเดินเข้ามามุงดูเยอะขึ้น พลอยให้ผมอดจะยิ้มภูมิใจในตัวไอ้มือดับเบิ้ลเบสไม่ได้ ผมว่าความสุขของนักดนตรี นอกจากการได้เล่นดนตรีแล้ว ก็คือการที่มีคนฟังเพลงที่เราเล่นแล้วมีความสุขตามไปด้วยนี่แหละ

เพลงลาวดวงเดือนถ้าฟังจากดนตรีไทยผมรู้สึกว่ามันงดงามและหวานมาก แต่พอฟังจากเชลโล่และดับเบิ้ลเบส มันกลับทำให้เพลงนี้งดงามแบบเหงาๆ ได้อย่างประหลาด ผมชอบเวลาไอ้แจ็คเล่นดนตรี มันดูอินและเข้าถึงไปกับเพลง และถ่ายถอดออกมาจากฝีมือ อารมณ์ และหัวใจของมัน... นี่ไม่ได้ยอแฟนตัวเองหรอกนะ แต่ผมก็สัมผัสเสียงดนตรีของมันได้ด้วยใจเหมือนกัน

จบจากเพลงไทยเดิม เสียงปรบมือดังขึ้นอยู่นานจากคนฟัง สองหนุ่มนักดนตรีก็ยืนขึ้นโค้งให้ผู้ชม เสร็จแล้วก็เริ่มเล่นเพลงถัดไป เพลงนี้เปลี่ยนฟิลทันที เสียงเชลโล่โซโล่ท่อนแรกขึ้นมาก็เรียกเสียงปรบมือขึ้นอีกครั้ง ท่วงทำนองคุ้นหูที่ผมก็รู้จัก และเชื่อว่าชาวโลกทั่วไปก็รู้จักเช่นกัน เพลงดังจากราชาเพลงป๊อบ ไมเคิ้ล แจ็คสัน ‘Smooth Criminal’ เวอร์ชั่นนี้คัฟเวอร์อีกทีมาจากเวอร์ชั่นคัฟเวอร์ของสองนักเชลโล่หนุ่มวง 2 Cellos ผมรู้จักวงนี้ก็จากไอ้แจ็คมันนั่นแหละครับ มันเปิดให้ผมดูใน youtube ตั้งแต่ช่วงคบกันแรกๆ  มันบอกอยากให้ผมลองฟังพวกดนตรีคลาสสิคดู แต่ให้ลองเริ่มฟังจากวงที่หยิบเอาดนตรีป๊อบ ร็อค แจ๊ส ทั่วไปมาเล่นกับเครื่องดนตรีคลาสสิค แล้ววงนี้ก็เล่น Live ได้มันส์มากๆ

แล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายที่ไอ้แจ็คจะร่วมแจม แค่อินโทรขึ้นผมก็ต้องรีบละมือจากชัตเตอร์มาปรบมือให้มันดังๆ ก็มันดันเล่นเพลงจากวงที่ผมชอบมาก และเพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ผมฟังบ่อยที่สุด ‘Dog days are over’ ของวง ‘Florence and the Machine’ วงนี้เป็นวงจากฝั่งอังกฤษที่ทำ MV ไอ้อาร์ตมากๆ  ตัววงเองก็แปลกแบบเก๋ๆ เล่นสดก็เพราะสุดยอด จริงๆ ไอ้แจ็คไม่ค่อยชอบหรอกครับ มันไม่ค่อยชอบเพลงจากฝั่งอังกฤษสักเท่าไหร่ เพราะวงมันส่วนใหญ่จะฟังแต่อเมริกันร็อค แต่ผมฟังเพลงของวงนี้มาตั้งแต่ยังไม่ดัง เวลาอยู่ห้องหรือเวลาผมนั่งทำงานก็ชอบเปิดฟัง ไอ้แจ็คมันก็เลยรู้ว่าผมชอบวงนี้มาก แต่ไม่คิดว่ามันจะเอามาเล่นให้ฟังนะเนี่ย ดีใจว่ะ!


 “ไม่คิดว่าจะเล่นเพลงนี้ด้วย” ผมที่ยังยิ้มไม่หุบกับเพลงโปรดของตัวเองในเวอร์ชั่นดนตรีคลาสสิคสดๆ เอ่ยทักไอ้มือดับเบิ้ลเบสทันทีที่มันเล่นเสร็จแล้วร่ำลาเฮียต๊อด ขอบคุณคนดู และเดินกลับมาหาผม

“ก็บางคนเขาชอบ น้องแจ็คก็ต้องจัดให้เอาใจสักหน่อย ชอบไหมล่ะ”

“ชอบสิ ชอบมาก!!!” กะว่ากลับไปจะเอาวิดีโอเพลงนี้มาใส่ในไอพอดทัชแล้วดูมันทุกวันเลย

“น้องแจ็คเท่รึเปล่าพี่ฟี่” ไม่ค่อยเลยนะมึง

“เออ” ผมตอบสั้นๆ

“ภูมิใจในตัวน้องแจ็คล่ะสิ” ไอ้หลงตัวเองเอ๊ย!

“เออ”

“งี้ตลอด เวลาพี่ฟี่เขินก็พูดน้อยตลอดแหละ แต่น้องแจ็ครู้ว่าพี่ฟี่ทั้งภูมิใจ ทั้งรัก ทั้งหลงน้องแจ็คเลยใช่ม้า เมื่อกี้เนี้ย” ผมรีบหันไปมองรอบๆ ก่อนเลยไม่รู้ว่าไอ้น้องเจ๋งอยู่แถวนี้รึเปล่า เดี๋ยวถ้าเกิดมันได้ยินจะซวยเอา

“มันไม่อยู่แถวนี้หรอก น้องแจ็คเห็นมันเดินเข้าไปในร้านไอติมตรงนู้น” ไอ้แจ็คชี้มือไปในทิศทางที่ไอ้เจ๋งไป เป็นร้านไอศครีมโฮมเมดเล็กๆ ร้านหนึ่ง

“สรุปจะให้กูรัก และหลงมึงแค่เมื่อกี้นี้ใช่ไหม!”

“แหม! เรื่องนี้พี่ฟี่เองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าพี่ฟี่รักน้องแจ็คมากมายแค่ไหน เหมือนที่น้องแจ็ครักพี่ฟี่ม้ากมากนั่นแหละ” ไอ้นี่! เรื่องตีขลุมเอาเองล่ะเก่งนัก อืม... แต่มันก็พูดถูกแหละนะ!

“ไปๆ เลิกเพ้อเจ้อ เดินไปตามไอ้เจ๋งกัน หนาวขนาดนี้ยังจะแดกไอติมอีกนะน้องมึงเนี่ย”


แล้วผมกับไอ้แจ็คก็เดินไปหาไอ้เจ๋งที่ร้านไอศครีม โชคดีที่เดินไปเร็ว เพราะมันกำลังจะสั่งไอศครีมเผื่อผมด้วย เฮ้อ! มึงไม่ต้องมีน้ำใจก็ได้ไอ้น้องเจ๋ง หนาวติดลบแบบนี้ใครจะแดกลงวะ

“พี่ฟี่ไม่เอาไอติมแน่เหรอ ร้านนี้อร่อยมากๆ เลยนะ แบ่งกับเจ๋งไหม” ไอ้เจ๋งที่เดินกินไอศครีมจากโคนที่มันเพิ่งซื้อมา ออกปากชักชวนผมอีกรอบ

“เจ๋งกินเหอะ พี่ไม่ไหวว่ะ หนาวจะตายห่าอยู่แล้ว... แจ็คหากาแฟแดกกัน” ผมตัดบทด้วยการหาของร้อนมาดื่มดีกว่า

“เออ เอาดิ จำได้ว่าตอนเดินมาเมื่อกี้เห็นร้านกาแฟอยู่แถวๆ ด้านหน้าตรงนู้น... อะ นั่นไง ไปซื้อกาแฟแก้หนาวกันเหอะ” ร้านกาแฟขนาดสองห้องที่มีลูกค้าอยู่เกือบเต็มร้าน ส่งกลิ่นหอมยั่วจมูกตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าไป ผมกับไอ้แจ็คเข้าไปสั่งกาแฟเสร็จก็มองหาที่นั่ง กะว่าจะนั่งชิลล์ๆ พักขากันสักหน่อย แต่ที่นั่งในร้านก็ไม่เหลือ เราเลยต้องไปนั่งโต๊ะหน้าร้านแทน แม้จะหนาวกว่าด้านใน แต่ก็ยังดี ผมจะได้สูบบุหรี่ได้

“อ้า!! ไม่มีอะไรสุขใจเท่ากับหนาวๆ ง่วงๆ แล้วได้จิบลาเต้ร้อนๆ หอมๆ แบบนี้อีกแล้ว” ไอ้แจ็คซดกาแฟเข้าไปอึกแรกก็ทำหน้าฟินอย่างเต็มที่ ผมเห็นมันทำหน้าตามีความสุขขนาดนี้เลยต้องรีบยกช็อคโกแลตผสมคาปูชิโนของตัวเองขึ้นมาจิบบ้าง จริงๆ ปกติผมจะกินกาแฟดำ แต่ไอ้แจ็คบอกว่าให้ลองเมนูนี้ดู ผมก็ใจง่ายเชื่อมัน นอกจากกาแฟแล้วเราก็สั่ง Sacher Torte เค้กช็อคโกแลตผสมแอพปริคอทเลื่องชื่อของออสเตรีย กับ Apfelstrudel ที่เป็นเหมือนพายแอปเปิ้ล ผสมแอพปริคอท กับพวกถั่วต่างๆ และเขาจะอบร้อนๆ แล้วราดด้วยซอสวานิลลาอุ่นๆ อันนี้ก็ของขึ้นชื่อของประเทศนี้อีกเหมือนกัน มากินคู่กับกาแฟ ทั้งหมดนี่ไอ้แจ็คมันเป็นคนแนะนำครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ว่าอะไรอร่อยหรือขึ้นชื่อ ปกติก็ไม่ชอบของหวานอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าขนมสองชิ้นนี้ อร่อยเข้ากับกาแฟสุดๆ

“เจ๋งกินเค้กไหม” ผมหันไปชวนไอ้น้องเจ๋งที่ยังละเลียดไอศครีมของตัวเองอยู่ ก็หนาวซะขนาดนี้ขืนกินเร็วคงขึ้นสมองตาย

“พี่ฟี่ชอบทานเค้กเหรอฮะ” กูชวนมึงกินเค้ก ไม่ได้ให้มึงย้อนถามกูกลับ อยากรู้จริงจริ๊ง ไอ้เรื่องของกูเนี่ย

“ไม่หรอก ปกติไม่ชอบของหวาน แต่ไหนๆ ก็มาเที่ยวแล้ว ก็ต้องลองของขึ้นชื่อของประเทศเขาสักหน่อย ก็อร่อยดีนะ เข้ากับกาแฟดี”

“เจ๋งก็กินไม่ค่อยบ่อยหรอกฮะ พวกของหวานน่ะ” เหรอ!!! กูเห็นมึงปรี่เข้าร้านไอศครีมคนแรกเลย แถมเมื่อเช้ายังแวะซื้อช็อคโกแลตแท่งมาเดินกินอีกต่างหาก นี่ขนาดมึงบอกว่าไม่กินบ่อยนะ

“ไหว้พระจันทร์ปีที่แล้ว มึงไม่ใช่เหรอที่กินขนมไหว้พระจันทร์คนเดียว 3 ชิ้นน่ะ นั่นไม่เรียกของหวานเลยเนอะ” ผมกะแล้วว่าไอ้แจ็คต้องอดไม่ได้ที่จะแขวะน้องมัน

“ก็นานๆ กินทีไงเฮีย ใครจะไปเหมือนเฮียล่ะ ชอบกินแต่ของหวาน”

“ชอบก็แดก ผิดตรงไหนวะ ขนาดแฟนคลับยังรู้เลยว่ากูชอบกินขนมหวาน” ใช่ครับไอ้แจ็คนี่ติดพวกขนมเค้ก คุ้กกี้ แต่มันจะไม่กินพวกขนมขบเคี้ยวนะ

“ไม่ผิดหรอกคร้าบ!!! คนอย่างเฮีย ทำอะไรก็ไม่ผิดอยู่แล้ว”

“เฮ้ยแจ็ค กูขอดูดบุหรี่นะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทะลุกลางบทสนทนาที่มีทีท่าว่าจะเกิดศึกทันที

“อืม” พอไอ้แจ็คอนุญาต ผมก็ขยับเก้าอี้หันไปอีกทาง เพื่อเวลาสูบ ควันมันจะได้ไม่ค่อยลอยไปทางไอ้แจ็คมากนัก

“พี่ฟี่เป็นคนดีจัง คอยดูแลเฮียตลอดเลย เจ๋งอยากมีคนอย่างพี่ฟี่มาดูแลแบบนี้บ้าง” กูดูแลอะไรมันที่ไหนกันวะ กับอีแค่หันเก้าอี้หนี เพราะคนที่นั่งด้วยไม่ชอบควันบุหรี่นี่ถึงกับคิดว่ากูเป็นคนดีเลยเหรอ

“ดูแลตรงไหนวะเจ๋ง ถ้าพี่ดูแลจริง หรือเป็นคนดีจริง พี่คงไม่หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้ว” ผมเลือกที่จะไม่สนใจประโยคที่มันบอกว่าอยากได้คนอย่างผมมาดูแลมันบ้าง แล้วหันไปสูบบูหรี่ และจิบกาแฟต่อ


จบมื้อกาแฟก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็น เราเลยตกลงกันว่าจะกลับห้องก่อนแล้วค่อยออกมากินมื้อค่ำกันตอนทุ่มกว่าๆ จะได้รอเฮียต๊อดด้วย เพราะเมื่อตอนบ่ายไอ้แจ็คกำชับเฮียว่าให้กลับมากินมื้อค่ำด้วยกัน มันจะเลี้ยงขอบคุณเฮีย

ทุ่มนึงเฮียต๊อดแกก็กลับห้อง แกบอกว่าจะพาไปกินร้านอาหารไม่ไกลจากร้านเดิมเท่าไหร่นัก ร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กัน พวกเราก็เลยใช้วิธีการเดินทางแบบเดิมก็คือเดินไป ผมบอกเจ๋งว่าให้พกกล้องออกไปด้วยเลย เพราะที่ที่จะพาไปถ่ายรูปอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารที่จะไปกินนัก

มื้อนี้ผมบอกไอ้แจ็คว่าจะขอหุ้นด้วย อยากจะมีส่วนร่วมเลี้ยงขอบคุณเฮียต๊อดแกเหมือนกันที่อุตส่าห์ให้ที่พักตั้งสองคืน แถมยังมารับที่สนามบินอีกต่างหาก แต่ไอ้แจ็คบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวมันจ่ายเอง เงินมันก็เหมือนเงินผม ผมขี้เกียจจะเถียงกับมันเรื่องเงินแล้ว เดี๋ยวกลับไปค่อยเคลียร์ก็ได้ เลยเออๆ ออๆ ตามมันไปก่อน

“เฮีย เดี๋ยวผมกับไอ้น้องเจ๋งจะออกไปถ่ายรูปแถวนี้กันก่อนนะครับ เดี๋ยวเฮียกลับกับไอ้แจ็คไปก่อนเลย” ผมบอกเฮียหลังจากที่เราจัดการมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว

“อ้าวเหรอ... เออ เอางี้ไหมไอ้แจ็ค ถัดไปอีกบล็อคนึงมีผับเล็กๆ นั่งชิลล์ๆ อยู่ ไปหาอะไรดื่มกันก่อนกลับดีกว่า ไม่ได้คุยกับมึงนานแล้ว ยังไงกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีเหี้ยอะไรทำนอกจากซ้อมดนตรี”

“เอาดิเฮีย ดีเหมือนกัน” สรุปผมกับไอ้น้องเจ๋งก็แยกกันไปถ่ายรูป ส่วนไอ้แจ็คก็ไปดื่มกับเฮียต๊อด


ผมก็พาไอ้น้องเจ๋งมันเดินไปที่โบสถ์เก่าๆ ที่ผมเจอเมื่อเช้า แม้โบสถ์นี้จะไม่อลังการเท่าเซนต์ สตีเฟน แต่ก็ดูผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ลวดลายทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ ประกอบกับโชคดีที่คืนนี้ที่โบสถ์เหมือนจะมีงานอะไรสักอย่าง มีไฟสว่างออกมาจากข้างในทำให้มองไกลๆ แล้วเหมือนโบสถ์เรืองแสง

“พี่ฟี่ ทำไมวันนี้พี่ฟี่ถึงใจดีมากับเจ๋งได้ล่ะฮะ” ดีมากที่มึงเปิดประเด็น กูจะได้โซโล่ต่อเลย

“พี่มีเรื่องอยากคุยกับเจ๋งน่ะ เดินไปนั่งคุยกันตรงนั้นแล้วกัน” ผมล่ะมือจากกล้องของตัวเอง หันมาชวนไอ้เจ๋งไปนั่งตรงม้านั่งสาธารณะริมทาง ก่อนจะเริ่มเปิดเรื่อง

“เรื่องอะไรเหรอฮะ” พอเราสองคนนั่งลง ไอ้น้องเจ๋งก็เริ่มถามตามประสาเด็กอยากรู้อยากเห็น

“เจ๋ง พี่ว่าเจ๋งน่าจะพอรู้ว่าพี่จะคุยเรื่องอะไร แต่เอาเป็นว่าพี่จะถามเจ๋งตรงๆ แล้วกันนะ ว่าที่เจ๋งพยายามชวนพี่คุย ถามนู่นถามนี่ตลอด ตามติดพี่ เอาใจพี่ พูดจาชื่นชมพี่ เจ๋งกำลังคิดอะไรกับพี่กันแน่ เจ๋งแค่ชื่นชอบตามประสาคนเรียนสายเดียวกัน หรือเจ๋งคิดมากกว่านั้น”

“เจ๋งว่าพี่ฟี่เองก็น่าจะรู้ ว่าที่เจ๋งทำไปทั้งหมด มันหมายความว่ายังไง... ใช่ฮะเจ๋งชอบพี่ เจ๋งพยายามจีบพี่อยู่ พี่ฟี่เหมือนหลุดออกมาจากสเป็คที่เจ๋งตั้งเอาไว้เลย ตั้งแต่เจอหน้าพี่ฟี่ครั้งแรก เจ๋งก็ชอบทั้งลุคพี่ ชอบบุคลิกพี่ แล้วยิ่งได้คุยกัน พี่ฟี่เท่มาก มากจนเจ๋งอดใจไม่อยู่ เจ๋งเลยพยายามเอาตัวมาใกล้ชิดพี่ จีบพี่ แต่พี่ก็ทำเหมือนสนใจเฮียแจ็คมากกว่าเจ๋ง เจ๋งอิจฉาเฮียแจ็ค อิจฉาที่ได้สนิทกับพี่ เจ๋งอยากมีพี่บ้าง ไม่ได้เหรอฮะ”

“เราเจอกันไม่เกิน 48 ชั่วโมงเองนะเจ๋ง เจ๋งคิดว่าพี่ตรงสเป็คเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ เจ๋งยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เลย เราแค่คนร่วมทางร่วมทริปกันเท่านั้น รู้จักกันก็ผิวเผิน เจ๋งจะบอกชอบพี่แล้วเหรอ”

“ชอบก็บอกว่าชอบ เจ๋งไม่สนหรอกว่าจะเจอกันนานเป็นปีๆ หรือแค่ไม่กี่นาที เจ๋งชอบ เจ๋งก็ต้องพยายาม เจ๋งผิดเหรอ”

“ไม่ได้ผิดหรอก แต่พี่ไม่ได้ชอบเจ๋ง ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเจ๋ง เห็นเจ๋งเป็นน้อง แล้วพี่ขอบอกตามตรงเลยแล้วกันนะเจ๋ง พี่อึดอัดกับสิ่งที่เจ๋งพยายามทำกับพี่ มันมากเกินไป พี่รู้ว่าเจ๋งชอบ เจ๋งอยากเข้าใกล้ แต่บางครั้งมันก็ทำให้พี่อึดอัด แล้วอีกอย่างนะเจ๋ง พี่คงคบกับใครไม่ได้หรอก พี่มีแฟนแล้ว เจ๋งเลิกชอบเลิกตามพี่เถอะ” อย่างที่บอกไอ้แจ็คไป ผมคงต้องพูดตรงๆ กับน้องมัน อาจจะดูเหมือนใจร้าย แต่คนอย่างไอ้น้องเจ๋ง บางทีมันก็ต้องแจ่มชัดไปดีกว่าพูดอ้อมๆ

“เฮียแจ็คเหรอ” เฮือก! กูเกือบสะดุ้งสุดตัว ไอ้เหี้ยนี่เดาเก่งฉิบหาย

“เปล่า แฟนพี่ชื่อพาย ไม่ใช่พายนักร้องแฟนริวนะ พายคนนี้เป็นผู้หญิง” น้องพายจ๋า พี่ขอยืมชื่อน้องพายหน่อยเถอะนะ ไม่งั้นพวกพี่ซวยแน่ๆ

“จริงเหรอ เจ๋งคิดว่าเฮียแจ็คกับพี่ฟี่ชอบกันซะอีก เจ๋งเห็นเฮียหวงพี่ฟี่จัง พี่ฟี่ก็ดูตามใจเฮียตลอด” นี่มึงนั่งส่องกูทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไงวะ ถึงได้รู้ลึกขนาดนี้

“ก็เพื่อนกัน สนิทกัน ใครมันจะคิดเกินเลยกับคนอย่างไอ้แจ็คได้วะ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน

“คนอย่างเฮียแจ็คน่ะดีจะตาย ชีวิตเฮียน่าอิจฉาที่สุด อยู่ที่ไหนใครๆ ก็รัก ที่บ้าน ทั้งตระกูล ทุกคนรักเฮียแจ็คกันหมด ขนาดไม่ค่อยได้กลับบ้านอาม่ายังบ่นถึงทุกวัน เฮียแจ็คเป็นความภูมิใจของตระกูล มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง หาเงินเลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่ยังวัยรุ่น เล่นดนตรีก็เก่ง แฟนคลับก็เยอะแยะ ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้เฮียกันทั้งนั้น เจ๋งโคตรอิจฉาเฮียเลยรู้ไหม ถึงคนทั้งตระกูลจะรักเจ๋งมากแค่ไหน แต่เจ๋งก็รู้ว่าเจ๋งเองไม่ใช่หลานแท้ๆ ของพวกเขา เจ๋งเรียนไม่เก่ง ไม่โดดเด่นเหมือนเฮียแจ็ค เจ๋งอยากเป็นเหมือนเฮียบ้าง” ก็น่าสงสารมันเหมือนกันนะ แต่มันจะเอาปมด้อยของตัวเองมากำหนดชีวิตไม่ได้หรอก

“หรือเพราะเห็นว่าแจ็คสนิทกับพี่ เจ๋งเลยชอบพี่บ้าง จริงๆ แล้วเจ๋งอาจจะไม่ได้ชอบพี่จริงๆ ก็ได้ คนเรานะเจ๋งมันไม่มีทางที่จะทำอะไรเหมือนกันไปหมดได้ทุกอย่างหรอก เราก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ใช่คอยทำตามอย่างคนอื่นแล้วคิดว่าเราจะได้ดีเหมือนเขา เจ๋งไม่เหนื่อยเหรอวะ ที่ทำตัวเลียนแบบไอ้แจ็คแบบนี้ หาตัวเองให้เจอและเป็นตัวของตัวเองเหอะเจ๋ง ส่วนเรื่องพี่ ขอโทษจริงๆ ว่ะ พี่ชอบเราไม่ได้หรอก พี่มีแฟนแล้ว” ไอ้เจ๋งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเสไปมองถนนตรงหน้าอย่างเหม่อลอย ผมเลือกจะหยุดพูดต่อ และปล่อยให้มันได้จมอยู่กับความคิดตัวเอง

“เจ๋งขอโทษนะฮะ ขอโทษที่ทำให้พี่ฟี่อึดอัด เจ๋งไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ๋งชอบพี่จริงๆ แรกๆ ก็แค่อยากเอาชนะ อยากเลียนแบบเฮียแจ็ค แต่พอได้คุยกันบ้าง เจ๋งก็ชอบพี่ฟี่... งั้นพรุ่งนี้ เดี๋ยวเจ๋งแยกไปเที่ยวเองก็ได้ฮะ พี่ๆ จะได้ไม่อึดอัด” มาโหมดดราม่าอีกแล้ว เฮ้อ!

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้เจ๋ง เพียงแค่เจ๋งไม่ต้องตามติดพี่ตลอดเวลาก็พอ เราก็เที่ยวด้วยกันได้ตามปกติ” ไอ้เจ๋งหันมายิ้มกว้างให้ ผมไม่รู้ที่พูดไปทั้งหมดเข้าหูมันมากน้อยแค่ไหน แต่ผมก็ถือว่า ผมพูดออกไปตรงๆ แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ยังทำให้ผมหรือไอ้คนนั้นมันอึดอัดอีก ผมก็คงต้องด่ากันบ้างล่ะ

“ขอบคุณฮะ... ว่าแต่ เจ๋งถามอะไรอย่างนึงได้ไหม”

“ว่ามาสิ”

“พี่ฟี่ไม่รู้สึกว่า เฮียแจ็คเขาชอบพี่เหรอ ทำไมเจ๋งรู้สึกว่าเฮียแกชอบพี่” วกเข้ามาเรื่องนี้อีกจนได้ เรื่องมันจะแตกก็เพราะไอ้เหี้ยน้องแจ็คซะล่ะมั้ง

“ไม่หรอกว่ะ ไอ้แจ็คก็เป็นแบบนี้กับทุกคนนั่นแหละ กับไอ้ริวยิ่งกว่านี้อีก”

“แล้วพี่ฟี่ล่ะ ไม่เคยชอบเฮียแกเกินกว่าเพื่อนบ้างเหรอ” สรุป ไอ้นิสัยถามซอกแซกนี่เป็นสันดานมึงเองใช่ไหมไอ้น้องเจ๋ง เออ กูชอบเฮียมึง กูรักเฮียมึง เฮียมึงกับกูรักกัน ได้กัน อยู่ด้วยกัน เหี้ยเอ๊ย ใครมันจะพูดออกไปได้วะสัด!

“พี่จะให้ดูอะไร...” ผมถอดรองเท้าผ้าใบ และค่อยๆ ถอดถุงเท้าออก เผยให้เห็นรอยสักพายที่ผมสักเอาไว้ตั้งแต่สมัยคบกับน้องพายให้ไอ้น้องเจ๋งมันดู

“นี่รอยสัก พี่สักให้แฟนพี่ เห็นแบบนี้แล้วเจ๋งคิดว่าพี่จะหลงรักใครได้อีก” ไอ้น้องเจ๋งทำตาโตมองรอยสักผมอย่างทึ่งๆ จริงๆ ผมเลยคิดจะไปสักลายอื่นทับ ไม่ก็กะจะไปเลเซอร์ลบออก แต่ไอ้แจ็คบอกว่าไม่ต้องหรอก แบบนี้ทำให้เท้าผมดูเซ็กซี่ดี แล้วกูก็เชื่อมัน!

“เฮ้อ!!! อิจฉาแฟนพี่จัง” เฮ้อ!!! ไอ้เด็กขี้อิจฉา

หลังจากนั้นผมกับมันก็ไม่คุยเรื่องเดิมกันอีก ไอ้เจ๋งดูเงียบๆ และซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ผมก็ไม่ได้พูดจาปลอบอะไรมัน อย่างที่บอก คือผมพูดไปหมดแล้ว และผมก็ไม่ใช่พวกช่างง้อ ช่างพูด ช่างปลอบใจ ผมไม่ใช่คนใจดีอะไร ผมเลยชวนมันเดินกลับ และเลือกจะเดินเงียบๆ ไปตลอดทาง

กลับถึงห้องก็เจอเฮียต๊อดกับไอ้แจ็คเพิ่งกลับมาเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะอยู่กรึ๊บกันนานกว่านี้ซะอีก แต่ผมคิดว่า ต้องเป็นไอ้เหี้ยแจ็คที่รบเร้าให้เฮียพากลับมาด้วยความเสือก และอยากรู้ว่าผมจะคุยอะไรกับไอ้เจ๋งบ้าง

“ไม่ต้องทำหน้าขี้เสือกขนาดนั้น เอาไว้ให้ไอ้เจ๋งมันไปเยอรมันก่อน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังทั้งหมด แต่กูคิดว่าน่าจะโอเคแล้วล่ะ” ผมพูดเบาๆ บอกสั้นๆ ตอนที่ไอ้น้องเจ๋งเข้าห้องน้ำ และเฮียกำลังคุยโทรศัพท์กับแฟน

“ถ้ามันรู้เรื่องก็ดีไป พรุ่งนี้จะได้เที่ยวสบายๆ ซะที มะรืนนี้มันก็ไม่อยู่แล้ว เย้!” แหม ไม่ต้องทำหน้าตาระรื่นขนาดนั้นก็ได้

Mercy

  • บุคคลทั่วไป
สรุปว่า วันรุ่งขึ้นไอ้แจ็คก็กลับมาทำตัวร่าเริง ส่วนไอ้เจ๋งแม้จะเงียบๆ ไปบ้าง แต่ก็ยังคงไปเที่ยวด้วยกัน ผมเองก็โล่งใจที่อย่างน้อยไอ้เจ๋งก็ไม่สร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก และวันรุ่งขึ้นไอ้เจ๋งก็เดินทางไปเยอรมันแต่เช้า ตอนแรกเห็นมันว่าจะไปช่วงเย็น แต่ผมกับไอ้แจ็คก็ไม่มีใครคัดค้านหรือทักท้วงอะไรขึ้นมา มันอยากไปก็ไป ผมบอกแล้วว่าผมไม่ใช่คนใจดีอะไร ผมถือว่าผมเก็บตังค์กันมาเพื่อที่จะมาเที่ยวกันสองคน ไอ้เจ๋งถือเป็นตัวแถมของงาน ถ้ามันจะไปก็ไป ผมไม่ห้าม!


“เฮียต๊อดจ๋า น้องแจ็คกราบขอบพระคุณงามๆ ที่เฮียมอบที่พักอาศัยให้น้องแจ็คกับเพื่อนได้พักกันอย่างสุขสบายเป็นเวลาสองคืนสามวัน น้ำใจนี้น้องแจ็คจะไม่ลืมเลยจ้ะ” และนอกจากวันนี้จะเป็นวันที่ไอ้น้องเจ๋งต้องจากไป ก็เป็นวันที่ผมกับไอ้แจ็คจะต้องย้ายไปนอนที่อื่นกันแล้ว เพราะแฟนเฮียต๊อดกำลังจะกลับมา

“ไม่ต้องเวอร์ไอ้เหี้ยแจ็ค เดี๋ยววันกลับกูขับรถไปส่งที่สนามบินนะ จะฝากของไปให้พ่อแม่กูด้วย” ไอ้แจ็คพยักหน้ายิ้มแป้นรับคำ

“ขอบคุณนะครับเฮียสำหรับที่พัก กับอาหาร ไว้ถ้าเฮียกลับเมืองไทย ให้ผมพาไปเลี้ยงเหล้านะ” ผมขอบคุณเฮียต่อจากไอ้แจ็ค แล้วเราก็ล่ำลาเฮียต๊อดไป

ไอ้แจ็คจองโฮสเทลเล็กๆ เอาไว้ เป็นโฮสเทลที่ยังดูใหม่ ไม่ใหญ่โต ราคาพอรับได้ และมีห้องเตียงคู่ ที่แม้ห้องจะเล็ก และแพงกว่าห้องรวมสักหน่อย แต่ก็ยังถูกกว่าโรงแรมทั่วๆ ไป

“วู้ว!!! ในที่สุดน้องแจ็คก็จะได้อยู่ตามลำพังกับพี่ฟี่ที่รักแล้ว เย้!!!!” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งบนที่นอน ไอ้ตัวดีมันก็กระโดดเข้ามากอดผมแน่น

“อือ! ปล่อยก่อนไอ้เหี้ย กระป๋งกระเป๋ายังไม่ทันวางเลยไอ้ห่า” ด่าไปอย่างนั้น แต่ก็ดีใจที่มันกอด

“ก็เราไม่ได้กอดกันมาสามวันแล้วนะพี่ฟี่ พี่ฟี่ไม่คิดถึงอ้อมกอดอันอบอุ่นของน้องแจ็คเหรอ” อ้อนตีนเป็นเรื่องปกติของไอ้แจ็ค

“เออ รู้แล้ว แต่ขอปลดกระเป๋าออกจากหลังก่อนได้ไหม”

“ได้สิจ๊ะ พี่ฟี่อยากทำอะไรน้องแจ็คตามใจอยู่แล้ว” ผมปลดเป้ออกจากหลัง แล้วถือไปวางเอาไว้ตรงมุมห้องจะได้ไม่เกะกะ เดินกลับมานั่งลงบนเตียง ไอ้แจ็คก็เริ่มเข้ามาคลอเคลียอีกครั้ง

ฟอด!!!

“คิดถึงพี่ฟี่จัง” ไอ้แจ็คเข้ามาโอบจากด้านหลัง แล้วชะโงกหน้าเข้ามาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ แรกๆ ที่มันทำแบบนี้ ยอมรับว่าเขินแล้วรับตัวเองไม่ค่อยได้หรอกครับ มันให้ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยยังไงก็ไม่รู้ เคยด่าให้มันเลิกทำด้วย แต่มันก็เอาหูทวนลมตามสไตล์ไอ้แจ็ค หลังๆ ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ก็ถึงแม้จะเขิน แต่มันก็ทำให้ใจเต้นแรง จนต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“อยู่ด้วยกันตลอด มาคิดถึงบ้าอะไรอีกวะ” ผมก็พูดแก้เขินไปตามเรื่อง ปล่อยให้ไอ้แจ็คมันนัวเนีย หอมนั่นนิด จูบนี่หน่อยต่อไป

“คนปากแข็ง ไหนมาให้น้องแจ็คทำให้ปากหายแข็งหน่อยดิ๊” ไอ้แจ็คขยับมานั่งข้างๆ ผม ก่อนจะชะโงกหน้าเข้ามาจูบ ผมเผยอปากน้อยๆ รอรับรสสัมผัส เราค่อยๆ จูบกันช้าๆ ไม่มีใครรีบร้อน รสสัมผัสและจูบของเรายังคงเหมือนเดิม แบบนี้สิ ไอ้แจ็คของผม

“อือ.. พอก่อนแจ็ค เรามาเที่ยวนะเว้ย ไม่ได้มาเปลี่ยนที่เอากัน นี่เพิ่งจะสี่โมงเย็น ออกไปเที่ยวกันก่อนเหอะ แล้วคืนนี้จะทำอะไรก็ค่อยว่ากัน” ผมต้องเบรคไอ้คนมือไว ก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่าจูบ ยังไงซะผมก็ยังอยากเที่ยวเยอะๆ อยู่ดี


และหลังจากนั้นพวกเราก็ตะลอนเที่ยวกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตกดึกกลับมาแทนที่จะเหนื่อยอ่อนจากการตะลอนทัวร์ แต่เรากลับเริ่มต้นบทรักระหว่างสองเราอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ไอ้แจ็คปรนเปรอผมอย่างเต็มที่ มันอ่อนหวาน แต่ก็เร่าร้อน เนิบช้า แต่ก็เร่งเร้า ผมชักจะเริ่มเห็นด้วยกับมัน ว่าการเปลี่ยนที่เอากัน มันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อย ถือว่าเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของชีวิตคู่แล้วกัน!

“อืมแจ็ค…” ผมครางประท้วงอย่างขัดใจเมื่อไอ้คนที่กำลังปรนเปรอผมอยู่ กลับหยุดสปีดที่กำลังเร่งแรง

“พี่ฟี่รักน้องแจ็คไหม” จะถามเอาโล่เหรอไงวะ กำลังจะถึงที่ก็เสือกหยุดถามในสิ่งที่รู้อยู่แกใจว่ากูรักมึงมากแค่ไหน

“ไม่รักแล้วไอ้สัด ถ้ามึงไม่ต่อให้เร็วกว่านี้ จะหยุดช้าลงทำเหี้ยอะไรเนี่ย” ร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่เสียดสีกัน ผสานกับเสียงหอบ และกลิ่นกาย ปลุกอารมณ์ดิบให้ผมต้องการมันมากยิ่งขึ้น

“ก็น้องแจ็คโรแมนติก เราอยู่ในเมืองสุดแสนจะโรแมนติก การเอากันของเราก็ต้องเป็นไปอย่างโรแมนติกสิ” ถ้าไม่ติดว่ามันยังคงอยู่ในตัวผม ผมจะถีบแม่งให้ติดข้างฝา

“ไอ้สัตว์แจ็ค จะเอากูต่อหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ออกไปเลยไป…” เหี้ยเอ๊ย กูพลิกขึ้นมาเสียบมันแทนดีไหมเนี่ย

“ใจร้าย!!”

“กูรักมึงนะ!” จบคำผมก็ได้รับจูบมาเป็นรางวัล ก่อนที่ไอ้แจ็คจะเดินหน้าเร่งสปีดใส่ผมต่อไม่ยั้ง ผมรักสัมผัสของไอ้แจ็ค รักทุกอย่างที่เป็นมัน

“อะ อืม แจ็ค!!!”

“ฟี่... อืม แจ็ครักฟี่นะ” สิ้นเสียงบอกรักจากไอ้ฟี่ มันก็พาผมไปจนถึงฝั่ง... ไอ้แจ็คก้มลงมาจูบผมครั้งแล้วครั้งเล่า เราจูบกันอย่างไม่รู้จักเบื่อ ไอ้แจ็คเฝ้าจูบคลอเคลีย สลับกับบอกรัก ผมชอบเวลาแบบนี้ มันรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้รู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นของเราจริงๆ


“แจ็ค...” หลังจากเสร็จกิจ ผมลุกเดินไปฉี่แล้วกลับมานั่งพิงอยู่บนเตียง โดยมีไอ้คนที่เพิ่งทำผมเหนื่อยเมื่อกี้นอนฟุบหน้าลงข้างๆ

“หืม!” เสียงอู้อี้รับคำ

“มึงว่าเราจะยังรักกันไปอีกนานแค่ไหนวะ” ไอ้คนที่นอนคว่ำอยู่รีบเด้งตัวขึ้นมานั่งจ้องหน้าผมทันที

“ถามอะไรแบบนั้นวะพี่ฟี่ จะเลิกรักกันแล้วเหรอไง” ไอ้นี่ทำหน้าตาจริงจัง แต่ดูก็รู้ว่าตกใจกับสิ่งที่ผมถามออกมา

“คนเรา อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนนี่หว่า ไม่ใช่ว่ากูจะเลิกรักมึง แต่กูก็กลัวว่ามึงจะเลิกรักกู”

“อะไรทำให้คิดแบบนั้น มีใครหรืออะไรมาทำให้พี่ฟี่คิดว่าแจ็คจะไม่รักพี่ฟี่หะ”

“กูคิดของกูเองนั่นแหละ ไม่รู้ว่ะแจ็ค บางทีกูก็กลัว กูกลัวอนาคต” ผมเคยเจ็บเพราะรักมาก่อน และเรื่องครั้งนั้นมันก็เป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผมต้องระวังตัวเรื่องความรักครั้งต่อไป

“อนาคตกูก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น กูตอบอะไรไม่ได้หรอกเพราะกูก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้กูรักมึง ไม่พอเหรอพี่ฟี่ ตั้งแต่กูมีมึง กูไม่เคยมองใคร ถึงกูจะเป็นคนขี้เล่นเป็นกันเองกับทุกคน แต่กูก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ กูรักมึงคนเดียว กูรักเดียวใจเดียว และกูอยากอยู่กับมึงแค่คนเดียวเท่านั้น ถ้าหากอนาคตมันจะมีอะไรทำให้เราต้องเลิกกัน แต่อะไรนั่นมันต้องไม่ใช่เพราะกูหมดรักมึงแน่ๆ”

ไอ้แจ็คประคองหน้าผมด้วยสองมือ แล้วพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมเชื่อใจมัน และผมเชื่อว่าทุกคำพูดที่มันพูด มันคือเรื่องจริง

“มึงจะขอทุนมาเรียนต่อไหม เฮียต๊อดบอกว่า ถ้าเป็นมึงต้องได้ทุนนี้แน่ๆ” ในที่สุด ผมก็ถามในสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจออกมา ผมยอมรับว่าถ้าเราห่างกัน อะไรๆ มันจะเปลี่ยนไป

 “เรื่องนี้สินะที่ทำให้พี่ฟี่เครียด... พี่ฟี่กูถามมึงคำนึง เรื่องทุนเรียนต่อเนี่ยใครเป็นคนพูด”

“ก็ ก็เฮียต๊อดไง”

“นั่นไง เฮียต๊อดพูด แล้วมันใช่ออกมาจากปากกูเหรอ มันใช่สิ่งที่กูพูดรึเปล่า... ถ้าไม่ใช่ ไม่ได้ออกมาจากปากกู แสดงว่ามันไม่ใช่สิ่งที่กูจะเลือก หรือกูจะต้องทำ ต่อให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นทางที่เหมาะสมที่สุด แต่ถ้ากูไม่เลือก ก็คือไม่เลือก ถึงมันจะออกมาจากปากใครก็ตาม แต่ขอให้มึงเชื่อเฉพาะสิ่งที่ออกมาจากปากกูก็พอ”

“แต่นี่เป็นอนาคตของมึงนะ มึงรักดนตรีคลาสสิคมากไม่ใช่เหรอ มึงก็บอกเองว่ามหาวิทยาลัยนี้ เป็นมหาวิทยาลัยที่สุดยอดทางด้านดนตรีคลาสสิค มึงไม่เสียดายหรือไง” ไม่ใช่ว่าผมจะโชว์แมนเสียสละปล่อยให้มันไปหรอกนะ แต่บางทีคนเราก็ต้องแบ่งที่ว่างเพื่อเดินไปทำตามความฝันของตัวเองบ้าง ถ้ามันต้องการที่ว่างตรงนั้น ผมก็ไม่ควรจะไปเป็นตัวถ่วง

“พี่ฟี่รู้ได้ยังไงว่าการมาเรียนต่อที่นี่คืออนาคตของกู กูรักดนตรีคลาสสิคก็จริง แต่กูก็รักงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้เหมือนกัน เรื่องเรียนต่อต่างประเทศไม่ใช่ความคิดที่อยู่ในหัวกูเลยด้วยซ้ำ ต่อให้กูไม่ทำวงกับพวกไอ้เหี้ยริว กูก็ยังอยากทำงานเบื้องหลังที่บ้านเรามากกว่า แล้วไม่ต้องคิดว่าพี่ฟี่เป็นตัวถ่วงนะ พี่ฟี่ไม่ใช่ตัวถ่วง แต่พี่ฟี่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกู พี่ฟี่เป็นคนรักนะ ไม่ใช่คนอื่น น้องแจ็ครักพี่ฟี่นะ”

ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดไม่กี่ประโยคของไอ้แจ็คจะเรียกความเชื่อมั่นจากผมได้ขนาดนี้ ผมเชื่อมัน ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ถ้าเรายังคงรักกันแบบนี้ อยู่ด้วยกันแบบนี้ ต่อไป สิ่งที่จะทำให้เราเลิกกันต้องไม่ใช่เพราะว่าเราหมดรักกันแน่ๆ 

“กูก็รักมึงนะ กูไม่รู้ว่าอนาคตของกูจะเป็นยังไง แต่กูอยากให้อนาคตของกูมีมึงอยู่” ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบมัน จูบที่หวานที่สุดเท่าที่เราเคยจูบกันมา หวาน อบอุ่น และมั่นคง

“พี่ฟี่ของน้องแจ็คก็โรแมนติกเหมือนกันน้า... น้องแจ็คร้าก รักพี่ฟี่เวอร์ชั่นนี้จังเลย หวานๆ ใส่น้องแจ็คบ่อยๆ นะ น้องแจ็คขาดความหวาน ปกติพี่ฟี่ชอบเลี้ยงน้องแจ็คด้วยลำแข้ง น้องแจ็คอ่อนแอ น้องแจ็คบอบบาง น้องแจ็คต้องการความรักความเมตตาจากพี่ฟี่มาหล่อเลี้ยง” หึ ไอ้บ้าเอ๊ย! ไอ้แจ็คก็ยังคงเป็นไอ้แจ็คจริงๆ แต่แบบนี้แหละที่ผมชอบ! ไอ้แจ็คของผม

“เพ้อเจ้อ!...” ผมส่ายหน้าให้กับไอ้แจ็คคนเวอร์ชั่นดั่งเดิม ก่อนที่ผมจะเป็นคนเริ่มต้นบทรักของเราอีกครั้ง!

เวียนนา เมืองแห่งดนตรี ศิลปะ อบอวลไปด้วยความโรแมนติก นอกจากเวียนนาจะทำให้ผมตกหลุมรักเมืองนี้แล้ว เวียนนายังทำให้ผมตกหลุมรักคนรักของผมอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้จะขอบคุณบรรยากาศ อากาศ ดนตรี สถาปัตยกรรม ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมมีความสุขได้ขนาดนี้ อ่อ! แต่ผมรู้แล้วล่ะว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องขอบคุณก็คือ... ขอบคุณมึงมากๆ ไอ้น้องแจ็คคนรักของผม คนรักบ้าๆ บอๆ ที่รักผมที่สุด ไอ้น้องแจ็คของพี่ฟี่


++++++++++++++++++++++++

+ สวัสดีค่า มาแล้วจ้า ตอนนี้ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาแล้วมั้งเนี่ย แบ่งได้สามโพสต์เลยทีเดียว อ่านกันให้จุใจไปเลยนะคะ

+ คิดว่าตอนนี้จะเป็นตอนพิเศษแจ็คฟี่สุดท้ายแล้วนะคะ ต่อไปจะเขียนริวพายจนกว่าจะจบแล้วค่ะ คิดว่าอีกไม่นานน่าจะจบนะ ส่วนตอนพิเศษแจ็คฟี่ คงพิเศษให้ในเล่มนะคะ เรื่องนี้คิดไว้ว่าจะรวมเล่มต่อจากน้องเลิฟค่ะ

+ หลายคนอาจอยากเห็นพี่ฟี่กับอิน้องแจ็คสวีทกันเยอะๆ ใช่มะ แต่มาได้เท่านี้แหละ ฮ่าๆ ตามสไตล์พี่ฟี่ แต่เราว่าหลังๆ พี่ฟี่ก็มุ้งมิ้งออกจะบ่อยน้า เราว่าพี่ฟี่น่ารักขึ้นเยอะเลย

+ ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันนะคะ ใครยังอยู่ออกมาแสดงตัวกันหน่อยเร็ว คนเขียนจะได้ใจชื้นว่ายังมีคนอ่านอยู่นะ

+ คำผิดเดี๋ยวกลับมาแก้นะคะ รีบลงให้ก่อนจะดึกดื่น ช่วงนี้เมอร์ซี่เลิกนอนดึกแล้วค่ะ หลังจากเจ็บป่วย

+ ติดตามข่าวสารนิยายได้ที่เฟส www.facebook.com/mercy.novel และเมอร์ซี่เพิ่งเปิดเพจสำหรับเอาไว้สั่งจองซื้อขายนิยายของเมอร์ซี่นะคะ เพราะน้องเลิฟกำลังเร่งทำอยู่ค่ะ ถ้าใครสนใจรวมเล่มของเมอร์ซี่เข้าไปไลค์ได้ที่ www.facebook.com/mercynovelbook เพจนี้จะเอาไว้แจ้งสั่งจองเรื่องรวมเล่มนะคะ ส่วนปกติจะสิงพูดคุยอยู่ในเฟสเดิมอยุ่แล้วค่ะ

+ แล้วเจอกันตอนต่อไปค่ะ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2013 11:25:22 โดย Mercy »

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
คู่นี้มันก็มีมุมหวานหวานโรแมนติก
แต่ได้พักเดียว แจ็คมันกลับมารั่วๆ ฮาๆ เหมือนเดิม

รอ ริวกะพาย ในตอนต่อไปจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด