เนมหนีเสียงและสายตาล้อเลียนจากคนอื่นลงไปอยู่ในสระ ส่วนผมยังคงนั่งอยู่ที่เดิมโดยที่คนอื่นไม่กล้าแซว หรืออันที่จริงคือแซวจนหยุดแซวเพราะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรให้พวกมันสนุก
“คิดยังไงโชว์หวานอวดพวกกูวะ”พี่โมทย์ลุกมานั่งข้างๆ หลังจากพี่ปั้นพี่ฟ้าลงไปสมทบกับเนมในสระ
“ลืมคิด”
“ตอบกวนตีน มึงจะตอบดีๆ ง่ายๆ เหมือนชาวบ้านเขาบ้างไม่ได้เลยรึไงวะ”
“แล้วทำไมต้องเหมือน”
“เอาดีๆ ดิ๊ ตกลงยังไง คนนี้ตัวจริง”
“ผมก็ไม่เห็นจะเคยมีตัวสำรองนี่นา”
“เถียงนะมึง อย่าให้กูพูดเลย ขนาดที่กูพอรู้ยังแค่นี้ ถ้าถามไอ้ฟ้าล่ะก็มีหวังมันลากไส้มึงมาเล่าให้ฟังได้เป็นวันๆ แน่”พี่โมทย์ส่ายหน้าก่อนบ่นกึ่งขู่ แต่ผมเองก็ไม่ได้มีความลับอะไรที่คนอื่นรู้ เพราะงั้นตราบใดที่ยังไม่มีใครรู้ มันก็จะยังคงเป็นความลับต่อไป ส่วนเรื่องอื่นๆ วีรกรรมอื่นๆ ที่มีคนรู้เนี่ย ต่อให้เอาไปพูดต่อๆ กันผมก็ไม่สนใจ เพราะถ้าทำให้เห็น ก็แปลว่าไม่ต้องการปิดบัง
“ลากไปเหอะ ผมก็ไม่เคยปิดบังอะไรใครสักหน่อย”
“เออๆ คุยกับมึงแล้วปวดหัวว่ะ ตกลงนี่คบเป็นแฟนจริงเหรอวะ ไหนก่อนมาไอ้พวกนั้นมันบอกกูว่ากำลังเชียร์กำลังยุเนมให้ปล้ำมึงก่อน”
“มันหลายอย่างว่ะพี่ ถามว่าเป็นแฟนหรือยัง ก็คงเป็นแล้ว แต่อย่างที่พี่ก็น่าจะเห็นว่าเนมมันยังเด็ก มันยังลังเลอยู่เลย บางทีก็ไม่อยากยุ่งกับน้องมันนะ อยากปล่อยให้มันผ่านๆ ไป แต่คิดอีกทีก็อยากลองสักตั้ง อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีเรื่องติดค้างใจอีก”
“คิดอย่างนี้ก็ดี มึงเป็นคนดีนะ เป็นเพื่อนที่ดีมาก กูเชื่อว่าใครก็ตามที่มึงเลือกแล้วจะต้องเป็นคนที่โชคดีมากๆ พวกกูอยากให้มีใครสักคนอยู่ข้างๆ มึงสักที”
“ขอบคุณครับพี่”
“กูก็เพิ่งได้เจอเนมมันครั้งแรก บวกกับที่ฟังๆ ไอ้พวกนั้นมาบ้าง กูอาจจะคิดไม่เหมือนพวกนั้นมันเพราะไม่ได้คลุกคลีกับเด็กมึง แต่ว่าถ้าสุดท้ายมันไม่ใช่คนนี้ หรือ...มึงเหนื่อยมากแล้ว มึงปล่อยน้องมันไปก็ได้นะ บางทีอดีตมันก็ควรเป็นแค่อดีตว่ะ”
“พี่ไม่ชอบมันเหรอ”ผมมองหน้าพี่โมทย์ยิ้มๆ ถึงแม้ช่วงหลังๆ เราจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเท่าพี่ฟ้าพี่ปั้น แต่พี่โมทย์ก็ยังคงเป็นพี่ที่ดีเสมอ ผมรู้ว่าพี่เขาพูดเพราะหวังดีกับผม
“ไม่เชิงนะ สำหรับพี่คิดว่ามันเด็กเกินไป ไม่ได้หมายถึงอายุนะเว้ย แต่นิสัยมันอาจจะไม่เหมาะกับมึง ยิ่งถ้าวันหนึ่งข้างหน้ามันให้มึงเลือกระหว่างตัวมันกับน้องเจหรือไอ้ตี๋ มึงจะทำยังไง”พี่โมทย์เป็นคนฉลาดมากครับ ขนาดเจอเนมแค่วันเดียวยังมองออก อย่างว่านะ เนมเป็นเด็กที่มีความเป็นเด็กสูง อ่านง่าย แสดงออกทุกอย่างชัดเจนแม้จะพยายามปิดบังแล้วก็ตาม
“คงต้องรอให้ถึงตอนนั้นก่อน...หวังว่าคงไม่ใช่เร็วๆ นี้ล่ะนะ”เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก นั่งจิบเบียร์กันเงียบๆ สลับกับเสียงตะโกนแซวพวกที่เล่นลิงชิงบอลในสระ ซึ่งตอนนี้ทุกคนลงไปเล่นกันหมดเหลือแค่ผมกับพี่โมทย์
“ระวังประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนะมึง”พี่โมทย์มองหน้าผมสลับไปทางเนม ที่กำลังว่ายเข้าไปหาหมอกเพื่อพยายามแย่งบอลในมือ
“ผมแสดงชัดขนาดนี้แล้ว ถ้ามันกล้าก็ลองดู”
“อ้าวไอ้นี่ แสดงว่าที่มึงโชว์หวานให้พวกกูดู จนกูคิดว่ามึงป่วยนี่แสดงว่าหวงเลยข่มไอ้หมอกไว้ก่อนใช่มั้ย หรือจริงๆ มึงก็กลัวเป็นแบบคราวน้องเจ”
“ก็ให้มันลองดู”ความจริงไม่เชิงว่าผมอยากข่มหมอกมันหรอกนะ ถึงจะรู้ว่ามันมองๆ เนมบ่อยก็ตาม ไอ้นี่เหมาะจะเป็นมือที่สามของชาวบ้านจริงๆ อย่างกรณีพี่ปั้นก็เคยทำให้พี่ฟ้าหึงมาแล้ว ถึงมันจะไม่ได้คิดอะไร แต่เหมือนมันมีออร่าเรียกความสงสารจากแฟนชาวบ้านตลอดเวลา ที่ผมทำอะไรที่คนอื่นคิดว่าเว่อร์ มันก็แค่เพราะว่า...เนมเลือกแล้ว...แค่นั้นจริงๆ
ผมกับพี่โมทย์แยกมาอีกด้านของสระ สระที่รีสอร์ตนี้ไม่ได้มีรูปสี่เหลี่ยม แต่คล้ายๆ เอาวงกลมสามวงมาซ้อนเหลื่อมๆ กัน เพราะงั้นตรงที่พวกนี้เล่นลิงชิงบอลจะอยู่มุมของสระ ทำให้ไม่รบกวนแขกคนอื่น ผมและพี่โมทย์ตัดสินใจจะลงไปว่ายน้ำกลางสระสักหน่อย เพราะค่อนข้างโล่งและระยะทางยาวที่สุด ผมกับพี่โมทย์ว่ายแข่งกันแค่สามรอบ อย่างที่บอกว่าสระไม่มีเหลี่ยมมีมุมอะไร ถ้าว่ายนานกว่านี้แขกคนอื่นก็จะพลอยถูกจำกัดพื้นที่ไปด้วย พี่โมทย์ไปเล่นรวมกับคนอื่น ส่วนผมยังคงว่ายไปมาต่ออีกสักหน่อยก่อนจะขึ้นจากสระเมื่อเห็นเนมลุกขึ้นไปนั่งหันรีหันขวางก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันรอบเอวหนึ่งผืน หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กของผมขึ้นมาคลุมไหล่แล้วเดินมาทางผม ผมเลยว่ายไปริมขอบสระพร้อมๆ กับเนมเดินมาถึง
“จะไปไหน”
“ไปเข้าห้องน้ำ แล้วเนมก็หิวน้ำด้วย พี่โก้เอาอะไรเพิ่มมั้ย เนมจะเดินไปสั่งเผื่อ”เนมพูดจบ ผมมองไปทางบาร์ริมสระเล็กๆ แต่มีคนนั่งอยู่พอสมควร
“เล่นนานแล้วนี่ กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเลยมั้ยล่ะ เดี๋ยวพวกนั้นก็คงเลิกแล้วมั้ง เริ่มว่ายเล่นกันแล้ว”ผมมองไปทางกลุ่มของผมที่พอเนมไม่อยู่ ก็เหมือนหมดคนให้แกล้ง ท่าทางคงหมดสนุกกัน
“แล้วพี่โก้ล่ะ”
“พี่ขึ้นเลยก็ได้”ผมดีดตัวขึ้นจากน้ำ ลูบน้ำออกจากผมและหน้าแล้วดันไหล่เนมให้เดินนำไปหยิบกุญแจบ้านพักมา แล้วบอกพวกนั้นก่อน ตอนนี้ยังไม่เย็นมาก น่าจะนอนงีบได้สักชั่วโมงก่อนมื้อเย็น ผมมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ แล้วรู้สึกตลก เนมพยายามห่อตัวเองด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กๆ
“เอาผ้ามา พี่จะเช็ดผม”ผมกระตุกชายผ้าขนหนูเบาๆ เนมรีบดึงผ้าไว้แล้วขยับตัวหนีผมทันที
“อื้ออออ พี่โก้อย่าแกล้งเนมสิ เนมรู้หรอก”
“รู้อะไร”
“ก็รู้ว่าจะแกล้งเนมไง”เนมแย่งกุญแจในมือผมไป แล้วพยายามเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านพักที่เห็นอยู่ข้างหน้า
“ก็ทำตัวตลกเอง ตัวก็แค่นี้จะห่อไหล่ทำไมนักหนา มันคงไม่เล็กไปกว่านี้ได้หรอก”
“อย่ามาพูดดีเลย เพราะพี่โก้น่ะแหละเนมเลยโดนพี่ๆ เขาล้อใหญ่เลย”
“เกี่ยวอะไรกับพี่”
“ก็พี่โก้อ่ะ! ก็พี่ทำรอยไว้เต็มเลย แล้วก็ไม่เตือนเนมก่อน”
“ทำไม อายรึไง”
“อายสิ เป็นพี่จะไม่อายเหรอ”ถึงจะพยายามรีบไขกุญแจเข้าบ้านเพื่อนหนีผม แต่ก็ยังก้มหน้าห่อไหล่อยู่ตลอดเวลา
“ลองทำสิ แล้วจะรู้ว่าอายไม่อาย”ผมเดินไปซ้อนด้านหลังแล้วเท้าแขนคล่อมด้านหลังเนมเอาไว้ เจ้าตัวพยายามเอียงหน้าหนี
ขณะที่ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆ ใบหูและพวงแก้มใสแดงระเรื่อ เพราะอย่างนี้ไงถึงได้มีแต่คนชอบแกล้ง
“พี่โก้....อย่าแกล้งเนมดิ อื้อออ....อึ๊.....พี่โก้อ่ะ”เนมพยายามเอียงหน้าหนีหน้าผม ยิ่งผมก้มไปใกล้เท่าไรก็เอียงหนีมากเท่านั้น พอหนีมาชนแขนผมที่กันไว้ก็สะดุ้งเด้งกลับมาจนแก้มชนปากผมเบาๆ แล้วก็เด้งกลับไปชนแขนผมใหม่
“หึๆ.....ไปอาบน้ำไป”ผมช่วยไขกุญแจที่เนมยังไขไม่ได้สักที แล้วผลักหัวเนมเบาๆ ให้เดินเข้าบ้านไปก่อน เนมรีบวิ่งขึ้นห้องไป ส่วนผมก็ค่อยๆ เดินตามขึ้นมาหยิบเสื้อผ้าไปอาบน้ำที่ห้องข้างล่าง
อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย กลับเข้ามาในห้องนอนอีกทีก็เห็นเนมนอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง ตาปรือๆ คงง่วงเต็มทีเหมือนกัน
“ง่วงก็นอนไป กว่าจะกินข้าวก็ค่ำๆ ทุ่มสองทุ่มนั่นล่ะ”
“แล้วพี่โก้ล่ะ”
“เป่าผมเสร็จ พี่ก็จะนอนเหมือนกัน”
“เนมทำให้มั้ย”เนมลุกขึ้นเดินนั่งแล้วรีบวางโทรศัพท์ลง
“เอาสิ”ผมยื่นไดร์เป่าผมไปให้แล้วนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ มองเนมผ่านกระจก เนมยกมือไหว้ผมก่อนจะใช้นิ้วสางแล้ว
ค่อยๆ เอาไดร์เป่าจนแห้งดีแล้วก็ปิดไดร์แล้วตามด้วยไหว้ผมอีกรอบ ผมเข้าใจว่าที่ไหว้เพราะผมอายุมากกว่า เพราะงั้นการใช้มือมาจับหัวผมเนี่ยมันไม่ดี เด็กๆ เนมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ถ้าผมกับนิคนอนดูหนังบนพื้นหน้าทีวี เนมจะนั่งอยู่ประมาณช่วงเอวหรือต่ำกว่านั้น จะไม่นั่งใกล้ศีรษะพวกผม หรือนั่งบนโซฟาซึ่งสูงกว่าเด็ดขาด นึกๆ แล้วก็อยากหัวเราะ ตอนนี้ล่ะนึกถึงมารยาทขึ้นมาได้ ทีวันแรกๆ ที่กลับมาเจอกันล่ะล่อมึง-กูใส่หน้าตลอด
ผมกับเนมขึ้นไปนอนบนเตียง พร้อมๆ กับเสียงด้านล่างที่เริ่มดังขึ้น แสดงว่าพวกนั้นกลับมากันหมดแล้ว เนมนอนตะแคงหันหลังให้ผม ส่วนผมก็ยังคงนอนหงายท่าประจำ แต่ไม่นานเนมก็พลิกตัวกลับมาแล้วเขยิบเข้ามาจนศีรษะชิดหัวไหล่ พร้อมมือเล็กๆ ที่ขยับขึ้นมาวางบนแขน ทั้งหมดนี้เนมทำโดยที่หลับตาสนิท ผมอยากหัวเราะออกมาดังๆ กับอาการเขินขั้นรุนแรงของเนม ทีเวลาตัวเองเข้าหาผมไม่ยักจะเขิน พอผมทำบ้างนิดๆ หน่อยๆ ดันเขินหน้าแดงหูแดงจนผมกลัวเลือดจะคั่ง ผมพลิกตัวไปนอนกอดเนมเอาไว้ สอดแขนเข้าไปให้หนุนแทนหมอน รับรู้ถึงอาการสะดุ้งปนเกร็งนิดๆ ของคนที่หลับตาปี๋เม้มปากแน่นแต่หน้าแดงแจ๋ ยิ่งพอผมก้มลงจูบเบาๆ เหนือหว่างคิ้ว มือที่แปะอยู่บนหน้าอกผมยิ่งกำเสื้อผมแน่นขึ้นไปอีก จนผมเลิกขยับตัวได้สักพักนั่นแหละเนมถึงได้ผ่อนคลายลง บางทีอาจไม่ใช่แค่พวกนั้นหรอกที่ไม่ชินกับการแสดงออกของผม แต่เนมเองก็ไม่ชินด้วยเหมือนกัน
ในที่สุดวันหยุดก็จบลง วันสุดท้ายก่อนกลับเนมเข้ากับทุกคนได้มากขึ้น หลังจากที่แอบเกร็งพี่โมทย์นิดหน่อยเมื่อรู้ว่าพี่แกเป็นเพื่อนสนิทของแฟนเจ พี่โมทย์เองก็เซ้นต์ดี พอรู้ว่าเนมคิดอะไรอยู่ในใจเลยพยายามนิ่งข่มแกล้งเด็ก อย่างว่าล่ะนะ พี่โมทย์ค่อนข้างเอ็นดูเจแบบน้องชายแท้ๆ เลย เพราะงั้นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนอคติกับเจ พี่แกก็เลยมีไม่พอใจบ้างลึกๆ ส่วนหมอกที่เนมแอบหงุดหงิดใส่ในตอนแรกที่โดนทักว่าคล้ายเจก็เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย จนพี่ฟ้าแอบมากระซิบกับผมบ่อยๆ ว่าให้ระวังท้ายครัวเอาไว้ให้ดี แต่ผมเชื่อว่าไม่มีปัญหาแบบนั้นแน่นอน เพราะทุกครั้งที่ผมมองไปเห็นหมอกอ้นและเนมเกาะกลุ่มคุยกัน ถ้าหมอกหันมาสบตาผมเมื่อใด มันก็จะพยายามขยับตัวออกห่างจากเนม หรือบางทีก็แกล้งลุกไปทางอื่น แถมยังมีแอบมาคุยกับผมลับหลังคนอื่นๆ ว่ามันไม่ได้คิดอะไรกับเนมเหมือนเจเลย ต่อให้มีบุคลิกหลายๆ อย่างคล้ายกันมาก แต่ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ และเพราะอย่างนี้พี่เอ็กซ์ถึงได้ไม่เคยไว้ใจมันเลยจนทุกวันนี้
การเปลี่ยนแปลงหลังจากกลับมาอย่างแรกคือ...ห้องนอน คืนแรกที่กลับมาถึงเราทั้งคู่ค่อนข้างเพลียเลยแยกย้ายกันนอนห้องใครห้องมัน จนผ่านมาอีกคืน ผมนั่งเตรียมดูไฟล์งานสำหรับสอนวันพรุ่งนี้ ส่วนเนมดูโทรทัศน์ ท่าทางลุกลี้ลุกลน ขยับตัวไปมาสลับกับหันมามองผม จนกระทั่งผมตรวจไฟล์เสร็จ
“ไม่ง่วงเหรอ”ผมหันไปถามเนมที่กดรีโมทเปลี่ยนช่องทุกๆ สิบวินาที
“ง่วงนิดๆ แล้ว พี่โก้ยังทำงานไม่เสร็จเหรอ”
“เสร็จแล้ว พี่จะไปนอนแล้ว”
“เหรอ...งั้นเนมก็...นอนดีกว่า งั้น.....”เนมอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ ใส่ผมแล้วเดินไปปิดโทรทัศน์ช้าๆ หันมามองผมเก็บโน้ตบุ้คแล้วก็เดินผ่านหน้าผมช้าๆ
“งั้น...ฝันดีนะฮะ”เนมส่งยิ้มให้แล้วทำท่าจะเดินเข้าห้องตัวเอง
“ไปนอนห้องพี่”ผมคว้าแขนเนมเอาไว้ก่อนจะจูงไปปิดไฟห้องนั่งเล่นแล้วเดินเข้าห้องนอนตัวเอง เปิดไฟกลางห้อง เอาโน้ตบุ้คไปใส่กระเป๋า หันมาอีกทีเนมยังยืนอยู่ตรงประตูเหมือนเดิม
“ไม่ง่วงเหรอ หรือต้องไปเอาอะไรห้องโน้น”
“เปล่าฮะ งั้นเนมนอนนะ ห้องพี่โก้มีหมอนสองใบพอดีเลย ผ้าห่มก็ผืนใหญ่เนอะ อุ่นด้วย แหะๆ”เนมนอนลงบนเตียง ตบหมอนจับผ้าห่มไปมาจนผมหัวเราะ นั่นล่ะเจ้าตัวถึงได้รู้ว่าควรหยุดพูดมากกลบเกลื่อนอาการเขินได้แล้ว ผมปิดไฟกลางห้องแล้วเดินไปนอนอีกฝั่ง ทันทีที่นอนลงเนมก็ขยับเข้ามาชิดตัว ยกศีรษะตัวเองหนุนหัวไหล่เป็นการบอกอ้อมๆ ให้ผมสอดแขนเข้าไปรองต้นคอ และตามด้วยแขนอีกข้างที่โอบไว้ข้างเอว ตามด้วยจูบราตรีสวัสดิ์บนหน้าผาก ถึงท่าทางเหล่านี้จะดูโรแมนติกสำหรับเนมหรือใครอีกหลายๆ คน แต่ถ้านอนท่านี้ทุกวันคงไม่ไหว เพราะทุกครั้งที่ตื่นแขนผมจะชาเสมอ พรุ่งนี้คงต้องบอกให้เนมหนุนหมอน ส่วนอย่างอื่นคงเดิมไว้ได้ไม่เป็นไร
วันรุ่งขึ้นผมแวะไปส่งเนมที่มหาฯลัย เราแวะทานข้าวระหว่างทางและตกลงกันว่าตอนเย็นผมจะมารับเนม ขากลับจะได้แวะซื้ออาหารสดไว้สำหรับทำอาหารเองที่ห้อง ซึ่งผมเองก็ชอบทำ แต่ที่ไม่ค่อยได้ทำเพราะอยู่คนเดียวเลยขี้เกียจ ออกไปทำงานก็แวะทานข้างนอกเลยดีกว่า ถ้าอยู่ห้องก็ซื้อมาทำบ้างหรือลงไปหาร้านอาหารใกล้ๆ ทานสะดวกกว่า
“ไงยะ อินเลิฟไม่เห็นบอกเพื่อนเลยนะ”นิ้งลุกจะเก้าอี้มาแซวผมถึงในห้องพักเมื่อผมเข้ามา
“ใครบอก”ผมไม่ได้ถามเพราะอยากปิดบัง แต่ถามเพราะรู้ว่ามาอาการนี้แสดงว่าต้องไปคุยกับใครสักคนที่ไปเที่ยวด้วยกันมาแน่ๆ
“พี่ปั้นบอกย่ะ เมื่อคืนกูไปเที่ยวร้านพี่เขามา เลยได้นั่งเมาท์กัน สวีทนะยะ มีโชว์เลิฟซีนจนทะเลหวานเลยไม่ใช่เหรอ”
“มึงก็เว่อร์เกิน แล้วไปเที่ยวไม่เห็นชวน เดี๋ยวนี้หัดฉายเดี่ยวเหรอวะ”ปกตินิ้งมันไม่ได้เที่ยวกลางคืนบ่อยนะครับ อย่างว่าแหละแฟนหวง ปกติที่ไปบ่อยๆ ก็จะไปกับพวกผมนี่แหละ แฟนมันจะค่อนข้างไว้ใจมากหน่อย
“ชวนให้มึงไปโดนรุมโทรมหรือไง เมื่อคืนกูไปกับแก๊งค์กะเทยมา พวกเพื่อนสมัยเรียนนั่นแหละ แต่ละนางแรงๆ แรดๆ ทั้งนั้น แต่ไม่มีใครสวยสู้กูได้สักคน”
“ยอตัวเองก็นะมึง แล้วตามมาถึงในห้องนี่มีอะไร มาแซวเฉยๆ เหรอ”
“มีเรื่องจะเมาท์ย่ะ ช่วงที่มึงไม่อยู่น่ะอีแอ๊บตัวแม่มาจิกถามหามึงด้วย พี่ปั้นบอกว่ามันไปจิกกับเด็กที่ร้านเหมือนกัน มึงไปทำอะไรมันไว้เหรอมันถึงได้พล่านขนาดนี้”นิ้งคงหมายถึงตอง เพราะมันชอบเรียกตองว่าแอ๊บตัวแม่บ่อยๆ
“ไม่มีอะไร แค่กูไม่รับโทรศัพท์”ความจริงตั้งแต่ผ่านวันเกิดตองมาสองสามวัน ตองก็โทรมาหาผม แต่ผมไม่รับโทรศัพท์ตองเลย รวมถึงไม่โทรกลับด้วย อย่างที่บอกว่าตองล้ำเส้นกับผมมากๆ ในคืนนั้น ซึ่งผมไม่พอใจ และอีกอย่างที่สำคัญคือผมมีแฟนแล้ว การจะติดต่อกับตองไม่ว่าสถานะไหนก็ไม่ดี เนมอาจจะไม่รู้ว่าผมเคยมีอะไรกับตอง อาจคิดว่าตองเป็นเพื่อนหรือตองกำลังจีบผม หรืออะไรก็ตาม แต่ความจริงก็คือทุกอย่างมันเริ่มจากความผิดพลาดของผม และตองพยายามสานต่อ ผมรู้ดีว่าผมกับตองไม่ได้เริ่มจากคำว่าเพื่อน และเราไม่ได้เป็นแบบนั้น ฉะนั้นเมื่อไม่โสดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องดึงตองไว้คบในสถานะอื่นๆ อีก
“แรงนะยะ มีแฟนสลัดกิ๊ก”
“กิ๊กบ้านมึงสิ แค่คุยๆ กันเฉยๆ”
“นั่นล่ะเว้ยกิ๊ก คุยบ้างนอนบ้างแต่ไม่ได้คบ มึงนี่ก็เลวเหมือนกันนะ”
“กูไม่ได้ทำอะไรเลย อย่ามาเหมาว่ากูจะเหมือนมึง”
“ย่ะ เลวไม่เลวไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ วันนี้แนะนำว่าให้สอนเร็วๆ แล้วเลิกก่อนเวลานิดหน่อยเพื่อชิ่งหนีกลับซะ เพราะอีแอ๊บมันบอกจะมาหามึงวันนี้ ถ้าเจอหน้ามีหวังมึงสลัดไม่หลุดแน่ๆ แม่คุณเธอเริ่มสาวแตกขึ้นทุกที”นิ้งเดินไปพูดไปเรื่อยๆ ทิ้งผมนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว ถ้าเจอกันจริงๆ ก็ไม่ยาก ผมมั่นใจว่าผมสลัดเองได้ แต่วิธีง่ายสุดคือดึงนิ้งเป็นไม้กันหมานี่แหละ
ผมเลือกที่จะสอนกระชับขึ้นนิดหน่อย ลดจำนวนตัวอย่างที่จะต้องอธิบาย บางคนที่ไม่เข้าใจผมก็จะอธิบายซ้ำให้ แต่โชคดีที่บทนี้ค่อนข้างง่ายเลยผ่านได้เร็ว และสามารถจบคลาสก่อนเวลา แถมท้ายด้วยการบ้านอีกหลายข้อที่ต้องทำมาส่งคลาสหน้า ผมเก็บของเดินออกจากสถาบันท่ามกลางเสียงหัวเราะของนิ้งไล่หลัง ปล่อยให้นิ้งรอเจอกับตองเจอกันตัวต่อไป
“เนมเรียนเสร็จรึยัง”เมื่อเช้าเนมบอกผมว่าตารางเรียนวันนี้จะเลิกก่อนผมประมาณชั่วโมงนึง ซึ่งตอนนี้น่าจะเสร็จแล้ว แต่รอบๆ ตัวเนมค่อนข้างเสียงดัง
“พี่โก้เหรอ เนมมากินสุกี้กับเพื่อน ฉลองคะแนนสอบสักหน่อย กลุ่มเนมผ่านทั้งกลุ่มเลย แถมเพื่อนอีกคนท็อปของรุ่นด้วย”
“เหรอ พี่กำลังขับไปรับนะ แล้วเอายังไง ให้พี่ไปรอที่ไหน”
“งั้น....เอาไงดี เนมเพิ่งมาเอง กำลังรอคิวอยู่ อีกไม่กี่คิวอ่ะ พี่โก้ขับรถนานมั้ย”
“ประมาณชั่วโมง งั้นพี่ไปถึงค่อยโทรหาอีกทีแล้วกัน เผื่อกินกันเสร็จแล้ว”
“อย่างนั้นก็ได้ เนมอยู่ที่xxx พี่โก้มาถึงแล้วโทรมาเลยนะ เดี๋ยวเจอกันนะ”เนมวางสายไปแล้ว ผมคำนวณเวลาคร่าวๆ ไปถึงนั่นเนมน่าจะอิ่มหรือใกล้อิ่มพอดี
ผมใช้เวลาชั่วโมงกว่าในการมาถึงและหาที่จอดรถ โทรไปหาเนมทันทีที่เดินมาถึงหน้าร้านสุกี้
“พี่มาถึงแล้วนะ”
“เนมเห็นๆ พี่โก้หันมาดิ เนมนั่งติดกระจกเลย”ผมหันกลับไปมองตามที่เนมบอก ก็เห็นเจ้าของเสียงโบกไม้โบกมือผ่านกระจก
“พวกมึงๆ นี่...เอ่อ...พี่โก้ พี่ที่กูอยู่ด้วยที่คอนโดฯ น่ะ”เนมหันไปพูดกับเพื่อนที่มาด้วยกันโดยที่ผมได้ยินเสียงผ่านเข้ามาเบาๆ เพื่อนเนมยกมือไหว้ผมจนผมต้องรีบยกมือรับ
“ยังไม่เสร็จใช่มั้ย”
“ใกล้แล้วๆ เหลือครึ่งหม้อเอง พี่โก้เข้ามานั่งกับเนมก่อนมั้ย”
“ไม่เห็นไร แล้วเพื่อนเนมพักที่ไหนกัน”
“ก็อยู่แถวนี้ๆ นี้ บางคนก็ไกลแต่มันมีราชรถมารับ”เนมหันไปพูดทางเพื่อนผู้หญิง แล้วก็ได้รับฝ่ามือตีมาที่ต้นแขนตอบแทนคำแซวนั้น
“ใครอยู่แถวนี้ให้กลับพร้อมเราก็ได้ พี่ไปเดินซื้อของรอ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะได้ไปส่ง”
“เดี๋ยวพี่กูไปส่ง เอาไงใครจะกลับบ้าง.........มึงล่ะคีย์ กลับด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวให้พี่โก้ไปส่ง ใกล้แค่นี้เอง........เอางั้นเหรอ แน่ใจนะ.......ไม่มีใครกลับด้วยเลย พวกมันจะเดินเล่นกันก่อน งั้นพี่โก้หาที่รอเนมก่อนดิ เดี๋ยวเนมไปเลือกของด้วย”
“พี่รอที่ร้านกาแฟข้างๆ แล้วกัน เสร็จแล้วก็เดินมา”ผมวางสายแล้วเดินเข้าไปในร้านกาแฟที่ติดกัน นั่งดื่มไม่นานเนมก็เดินยิ้มหน้ามันเข้ามานั่งข้างๆ
“โอยยยย อิ่มมากๆ ไปซื้อของกันเถอะ เนมอยากกลับไปนอนผึ่งพุงแล้ว จุกมาก”เนมพยักหน้าชวนพร้อมเขย่าแขนผม เราเดินลงมาชั้นล่างเพื่อนซื้ออาหารสดและเครื่องกระป๋องต่างๆ ซึ่งไม่ได้ซื้อเยอะมาก แค่กะให้พอสำหรับหนึ่งสัปดาห์ แต่ที่เยอะจนแทบเต็มรถเข็นคือน้ำผลไม้ นม และขนมต่างๆ ของเนม
“บ่นว่าจุกแต่หยิบไม่หยุดเลยนะ”ผมทักเล่นๆ แต่ทำเอาคนหยิบชะงักมือที่ยังคาอยู่บนกล่องเวเฟอร์
“ก็นิดหน่อยเอง เอาไว้กินดึกๆ เผื่อหิวไง”
“จะหยิบก็หยิบมา ไม่ต้องทำตาละห้อย แต่ถ้าเอาไปแล้วปล่อยให้อันไหนเสียพี่จะหักเงินย้อนหลังนะ”
“โหย อะไรเล่า เป็นแฟนกันแล้วมาหักงงหักเงินอะไรอีกอ่ะ”
“มันคนละส่วนกัน”
“ใจร้าย เดี๋ยวไม่นอนกอดเลยคืนนี้”เนมเป็นพวกเก่งแต่ปากครับ ทำเป็นว่ากล้าๆ แต่จริงๆ ก็ได้แต่กล้าพูด แถมยังพูดแบบก้มหน้าก้มตาด้วยนะ เอาเข้าจริงผมแตะนิดหน่อยก็สะดุ้ง แปลกดี เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ก็ไม่เป็น แรกๆ ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็น มาเป็นเอาตอนตกลงคบกันแล้ว
“ใครกันแน่ที่ต้องพูด เดี๋ยวจะคิดค่าเมื่อยแขน”ผมหยิบกล่องเวเฟอร์ที่เนมยังไม่ได้หยิบมาใส่รถเข็น เจ้าตัวเห็นก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มร่าเกาะแขนผมแล้วช่วยเลื่อนรถเข็นต่อ ซึ่งเลื่อนแบบช้าๆ เพราะเนมหยุดยืนและเลือกแทบตลอดทั้งแนว
“ฮัลโหลคีย์ ว่าไงมึง”ผมดึงแขนผมไว้ก่อนที่ผมจะเดินเลยโซนมันฝรั่งทอดกรอบยี่ห้อต่างๆ
“...........ก็....ไม่มีอะไรนี่ ทำไมวะ มึงสงสัยอะไร..........................”เนมหันหลังให้ผมที่ยืนเลือกขนมที่พอจะทานได้ ผมไม่ค่อยได้ทานอะไรพวกนี้นัก ส่วนมากจะทานเป็นขนมปังมากกว่า ผมหันหลังมามองเนมที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ และไม่ได้หันมามองว่าผมเลื่อนรถเข็นตาม
“อืม.......ก็เปล่านี่ แค่พี่น้อง ก็....ที่เคยบอกไงว่าเป็นพี่ที่สนิทกันตอนเด็ก คีย์อย่าคิดมากดิ.......อืม เนมไม่ลืมสัญญาของเราหรอก”
++++++++++++++++++++++++++++
กลัวอารายก๊านนนนนนน ยังไม่ดราม่าซะหน่อย....มั้ง
ปล. สำหรับคนที่่หาเพจไม่เจอ
จิ้ม