เมื่อผมหันมาตามเสียง เจ้าของเสียงก็ก้าวเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าผมกับเนมแล้ว
“โก้สอนเสร็จแล้วเหรอ ปกติวันนี้เลิกค่ำๆ ไม่ใช่เหรอ”ตองทำหน้าสงสัยที่เห็นผมกับเนมยืนอยู่ด้วยกัน ผมลืมไปเลยว่านิ้งเพิ่งเตือนผมว่าตองกำลังล่าตัวผมอย่างหนัก ทั้งโทรหา ฝากข้อความไว้ ฝากข่าวไว้กับนิ้ง หลายช่องทางที่ทำผมไม่ติดต่อกลับสักทาง
“เปล่า ยังเหลืออีกคลาส ตองมีอะไรเหรอ”
“อ้าว แล้วน้องเนมมาทำไมที่นี่ล่ะ พี่โก้ยังอยู่ในเวลางานอยู่เลยนะ”ตองไม่ตอบคำถามผม แต่หันไปพูดเชิงอบรมเนมแทน ซึ่งเนมไม่พอใจแน่ๆ เพราะผมรู้ได้เลยว่าเนมตัดสั่นนิดๆ และแน่นอนว่าเป็นสั่นสู้ ถ้าเป็นแมวตอนนี้ก็คงกำลังพองขนตัวฟูเลยเชียวล่ะ
“ก็พี่โก้บอกให้เนมมาหาเองนี่ เนอะ”เนมพูดเสียงใสแจ๋วพร้อมหันมาพยักหน้ากับผม ตากลมที่โตอยู่แล้วก็พยายามทำให้โตกว่าปกติ จนผมเกือบหลุดหัวเราะการพูดข่มตองแบบแกล้งไร้เดียงสาของเนม
“ทำไมต้องให้มาหาเหรอโก้ มีธุระอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีเนมเลิกเรียนเร็วผมก็เลยให้มารอที่นี่น่ะ ตองมีอะไรหรือเปล่า ผมกับเนมจะรีบไปกินข้าว เดี๋ยวต้องเข้าสอนแล้ว”
“เปล่าหรอก ก็ไม่ค่อยเจอเลยแวะมาหาเฉยๆ โก้ก็ไม่ค่อยไปฟิตเนสเลยนะ วันนี้ไปหรือเปล่า”
“ไม่ไปหรอก นัดกับเนมไว้แล้วว่าเย็นนี้จะไปหาอะไรทานข้างนอกด้วย”
“ไปทานที่ไหนกัน ตองไปด้วยคนสิ”
“คงไม่สะดวกนะ ผมจองแค่สองที่แล้วก็สั่งอาหารไว้แล้ว”
“โก้ไม่ไปกินข้าวอีกหรือมึง เดี๋ยวก็ไม่ได้กินพอ เวลาทำงานนะคะ รู้จักเกรงใจกันบ้าง มีอะไรไว้หลังเลิกงานไม่ได้รึไง ไม่เกรงใจคนอื่นเขาเลยคนอะไร”นิ้งคงทนรำคาญตองไม่ไหวเลยเดินมาพูดกับผมแล้วแกล้งเดินเข้าไปด้านใน แต่ระดับเสียงก็ไม่ได้ลดความดังลงเลย ยิ่งเดินไกลยิ่งดังขึ้นๆ จนตองก็คงอายเหมือนกันที่ถูกหลายๆ คนมอง แถมรอบที่เพิ่งเรียนเสร็จส่วนมากก็เป็นวัยทำงานแล้วทั้งนั้น
“งั้นเอาไว้เลิกงานตองค่อยมาคุยอีกทีแล้วกัน ไปกินข้าวเย็นช้าแค่ห้านาทีสิบนาทีคงไม่ทำให้น้องเนมหิวจนทนไม่ไหวลองใช่มั้ยครับ”ตองไม่กล้าเหวี่ยงกลับนิ้งก็เลยเลือกที่จะหันไปลงกับเนมแทน
“เนมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนได้หรือเปล่า แต่ไม่เป็นไรฮะ ถ้าเนมปวดท้องไม่สบายยังไงก็มีพี่โก้คอยดูแลตลอดเวลาอยู่แล้ว เนอะ”คราวนี้เนมไม่แค่พยักหน้า แต่ขยับมาซบที่แขนผมด้วย ตองตาโตกว่าเนมเมื่อครู่อีก ปากอ้าๆ หุบๆ เหมือนจะร้องอะไรออกมาแต่ก็ร้องไม่ออก สุดท้ายก็เดินกระแทกเท้าออกไปโดยไม่ร่ำลา
“ร้ายนะเรา”ผมดึงมือเนมให้เดินตามเข้าไปด้านใน เนมก็พูดอุบอิบเบาๆ ว่าเนมเปล่า แต่ก็ยังหลุดหัวเราะออกมาให้ได้ยิน
เดินเข้ามาในห้องพักก็พบนิ้งจัดอาหารไว้รออยู่แล้ว ปกตินิ้งจะค่อนข้างดูแลอาจารย์ทุกคนที่สอนที่นี่ ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าที่แต่มันก็ทำนะครับ เพื่อนอาจารย์อีกหลายๆ ยังเคยนั่งคุยกับผมว่าไม่กล้าลาออกไปสอนให้สถาบันอื่นเพราะที่นี่ดูแลดี ทั้งนิ้งแต่คนอื่นๆ ด้วยที่ทำอย่างนี้ พวกเราเลยทำงานด้วยกันได้นาน นิ้งบ่นตองให้เนมฟังนิดหน่อยก่อนเดินออกไปประจำตำแหน่งตัวเอง เนมทำหน้าสงสัยนิดหน่อย แต่ผมพอจะดูออกว่าเนมคิดอะไรอยู่ ก็การที่นิ้งดูจะสนิทกับผมมาก แถมยังดูแลเรื่องอาหารการกิน และด่าตองให้เนมฟัง เนมก็คงคิดไปเองว่านิ้งอาจจะคิดอะไรกับผม
“นิ้งเป็นเพื่อนสนิทพี่อีกคน และก็สามีแล้ว อีกอย่างมันไม่ใช่หญิงแท้ด้วย”ผมพูดให้จบในสิ่งที่เนมควรจะรู้ จะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก
“เนมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แล้วตกลง...ตอนเย็นเราไม่ไปฟิตเนสแล้วเหรอ”เนมคงสงสัยที่ผมกุเรื่องดินเนอร์ขึ้นมา เจ้าตัวคงสับสนว่าผมพูดจริงหรือหลอก
“ก็คงไม่ไปสักพัก เดี๋ยวใช้บริการที่คอนโดฯ แทนก็ได้ เครื่องเล่นน้อยแต่ก็พอไหว”
“แล้ว...เรื่องกินข้าวล่ะ พี่โก้จองโต๊ะไว้จริงๆ เหรอ”
“เปล่า”
“อ้าว.....ว้า.........”
“ไม่จองก็ไปกินได้ เดี๋ยวพาไป แล้วเนมจะรอพี่ในห้องนี้หรือออกไปเดินเล่นข้างนอกก็ได้ พี่ฝากซื้อพวกนี้ด้วย ที่เหลือจะซื้ออะไรก็ซื้อมา”ผมหยิบกระดาษโน้ตในกระเป๋ากางเกงยื่นให้เนมพร้อมเงิน ในกระดาษนั้นมีรายชื่อหนังสือที่ผมต้องการสี่เล่ม นอกนั้นเป็นพวกเครื่องเขียน คำนวณคร่าวๆ แล้วน่าจะเหลือเงินพอสมควร เนมอ่านรายชื่อหนังสือแล้วคิ้วขมวดทันที หนังสือพวกนี้ส่วนหนึ่งเป็นหนังสือที่แปลเป็นไทยแล้ว อีกส่วนยังไม่แปล ความจริงแล้วเมื่อก่อนผมเป็นคนที่ไม่เก่งภาษาเลย แต่พอได้ทำงานที่นี่ ช่วงแรกๆ ที่พอมีเวลาเหลือผมก็เลยลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษซะเลย ซึ่งตอนนี้ก็ทำให้ผมสามารถอ่านฟังพูดได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เรียกว่าเก่ง แค่ใช้ทำงานได้เท่านั้น
ผมทานข้าวเสร็จก็แยกไปสอนต่อ เนมเองก็ขอไปเดินเล่นในห้างเพราะข้างในนี้คนเริ่มเยอะ เนมไม่กล้านั่งคนเดียว หลังจากสอนเสร็จผมออกมานิ้งก็เลิกงานกลับบ้านไปแล้ว ผมโทรศัพท์หาเนม และเนมก็กำลังเดินมาหาผม ให้ผมยืนอยู่รอหน้าสถาบันฯ ก่อน แต่คนที่เดินมาถึงก่อนกลับไม่ใช่เนม แต่เป็นตองที่ผมชักสงสัยว่าน่าจะดักรอผมอยู่แถวนี้ตั้งแต่ตอนเย็นเลยล่ะมั้ง
“ตองขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“ตองมีอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวผมต้องรีบไป”
“โก้โกรธตองเรื่องวันนั้นหรือเปล่า วันนั้นตองเมามากนะ เพื่อนตองก็เมา โก้อย่าถือสาเลยนะ”ตองทำท่าจะเอื้อมมือมาจับแขนผม แต่พอผมมองตองก็เอามือลงไว้ข้างตัวเองเหมือนเดิม
“ก็ไม่ได้โกรธนะ แต่ก็ไม่ชอบ ผมว่าตองล้ำเส้นเกินไป”
“ตองขอโทษ แต่ตองไม่ตั้งใจจริงๆ ตองยอมรับว่าตองผิด ตองแค่อยากอวดโก้ให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก ตองมีความสุขมากนะคืนนั้น แล้วตองก็เมามาก พอออกมาอีกทีโก้ก็หายไปแล้ว ไม่อยู่ตอนตองเป่าเค้กเลย ตองโทรหาก็ไม่รับไม่โทรกลับ ตองขอโทษจริงๆ นะ”
“ช่างมันเถอะ เพราะมันคงไม่เกิดขึ้นอีก ความจริงผมว่าตองผิดตั้งแต่อยากอวดผมกับเพื่อนแล้วล่ะ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วตองจะอวดเพื่อนเรื่องอะไรหรือ”
“แต่!!....ตองรักโก้ แล้วเราก็มีอะไรกันแล้วนะ เรากำลังดูใจกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ตองคิดไปเองคนเดียวนะ ผมมีเซ็กส์กับตองครั้งเดียว แล้วหลังจากนั้นเป็นตองที่ตามจีบผม มันไม่เรียกว่าดูใจกันนะ”
“โก้!!”
“ก่อนนี้ผมรับได้นะ เพราะตองไม่เซ้าซี้หรือตามติดขนาดนี้ ผมก็แค่คิดว่าเราน่าจะพอคบหาเป็นเพื่อนได้ แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้ว”
“ทำไมละ ตองบอกแล้วไงว่าตองขอโทษ ตองจะปรับตัวใหม่ จะไม่ตามโก้แบบนี้อีก ตองขอโอกาสอีกครั้งได้มั้ย”
“ถึงตองปรับตัวยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้หรอก อีกอย่างผมคบกับเนมแล้ว”
“อะไรนะ...คบ...ยังไง”
“เป็นแฟน”
“ไหนตอนนั้นว่าเป็นน้องไง”
“ก็ตอนนั้นยังไม่ได้คบ แต่ตอนนี้คบแล้ว เอาเป็นว่าตองเลิกยุ่งกับผมเถอะนะ มันไม่ดีหรอก ผมขี้เกียจแก้ปัญหาถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้น ตองเองก็หน้าตาดีนิสัยดี น่าจะมองคนอื่นดีกว่าผมนะ”
“แต่ตองรักโก้จริงๆ นะ เด็กนั่นเด็กกว่าโก้มากเลยนะ ไปกันไม่รอดหรอก”
“เรื่องนั้นให้เป็นปัญหาของผมกับเนมสองคนก็พอ ไปก่อนนะ ผมไม่อยากให้เนมรอนาน”ผมพูดจบก็เดินผ่านตองมา ตองทำท่าจะรั้งแขนผมเอาไว้แต่ไม่ได้ทำ ผมเดินตรงไปจนถึงหน้าร้านเสื้อผ้าที่อยู่เยื้องๆ จากจุดที่ผมคุยกับตอง มีเนมยืนตัวลีบแอบอยู่ช่องประตูของร้าน เนมคงคิดว่าผมไม่เห็นล่ะมั้งถึงได้รีบเดินมาแอบมุมนี้แล้วยืนฟังผมกับตองคุยกัน ผมไม่แน่ใจว่าระยะขนาดนี้เนมจะได้ยินหรือเปล่า ตองรู้หรือเปล่าว่าเนมแอบฟังอยู่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ถือว่าตัวเองพูดและทำสิ่งที่ควรแล้ว ไม่ว่าใครจะรู้หรือได้ยินยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องเก็บไปคิด หากเนมไม่ได้ยินที่ผมพูดก็เรื่องของเนม แต่ถ้าเนมอยากรู้ แค่ถาม...ผมก็พร้อมจะบอก ที่ทำอย่างนี้มันไม่ได้แปลว่าผมไม่แคร์ความรู้สึกเนมหรอก....ไม่ใช่เลย
ผมพาเนมมาที่ร้านอาหารประจำอีกร้านของพวกผม ปกติร้านนี้เราจะมาทานกันในโอกาสพิเศษ ครั้งแรกที่ได้มาคือฉลองวันวิวาห์ของพี่ฟ้าพี่ปั้นที่ตกลงปลงใจอยู่ร่วมกัน และพี่ปั้นอนุญาตให้พี่ฟ้าเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ คนใหม่ในร้าน ร้านนี้ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศดี ไม่อึกทึก มีดนตรีเบาๆ สบายๆ มีมุมส่วนตัวสำหรับคู่รักหลายมุม ราคาอาหารถือว่าค่อนข้างแพง แต่ถ้ารวมค่าบรรยากาศแล้วก็พอจะรับได้ ตั้งแต่ที่จอดรถจนเข้ามาถึงในร้าน ตอนที่ผมเปลี่ยนแผนจะพาเนมมาทานข้าว ผมก็บอกให้นิ้งโทรมาจองที่นั่งริมน้ำไว้แล้ว เนมบีบมือผมแน่นด้วยความตื่นเต้น หันซ้ายหันขวามองรอบๆ ร้านที่ประดับตกแต่งสวยหรูและโรแมนติก
เนมดูค่อนข้างตื่นเต้น แม้จะนั่งลงบนโซฟาหน้าผมแล้วก็ยังคงมองซ้ายมองขวาไม่หยุด ยิ่งพอเห็นเมนูที่บริกรยื่นให้ยิ่งทำตาโตกว่าตอนแกล้งตองอีก เนมเงยหน้ามองผมสลับกับเมนูด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ ร้านนี้ราคาค่อนข้างแพงเพราะเป็นร้านอาหารฝรั่งเศส เพราะงั้นไม่แปลกใจเลยที่เนมจะอ่านเมนูแล้วทำหน้างงแบบนี้ ผมตัดสินใจสั่งอาหารแทนเนมทั้งหมด เนมนั่งอมยิ้ม พยายามไม่มองหน้าผมตรงๆ แต่ทุกครั้งที่หันมาแล้วเห็นผมมองอยู่เนมก็จะยิ้มกว้างขึ้นแล้วหันหน้าไปทางอื่น ผมเลยยิ่งแกล้งนั่งเท้าเขนริมขอบโต๊ะแล้วจ้องเนมซะเลย
“พี่โก้อ่า....มองไรเล่า”
“มองเด็กตลก นั่งเฉยๆ ก็หน้าแดง เมาบรรยากาศรึไง”
“ก็เนมเขินนี่ ร้านหรูเนอะ เนมไม่เคยกินแบบนี้ แล้วดูดิ ช้อนส้อมตั้งเยอะ เนมใช้ไม่เป็นด้วย มีแก้วไวน์ด้วย พี่โก้สั่งด้วยเหรอ”
“ไม่ได้สั่ง”
“อ้าว...”เนมทำหน้าเหมือนเสียดาย ผมเลยเรียกบริกรมาสั่งไวน์เพิ่ม เนมพยายามมองโต๊ะอื่นว่าเขาใช้อุปกรณ์บนโต๊ะยังไง อาหารจานไหนหน้าตาน่าทานเนมก็จะชะเง้อมองจนผมต้องบอกว่าสั่งจานนั้นให้แล้ว เนมก็จะยิ้มแก้มปริ ผมไม่รู้หรอกว่าเนมได้ยืนที่ผมพูดกับตองหรือเปล่า แต่ดูท่าทางตอนนี้เนมจะลืมทุกสิ่งหมดแล้ว ทันทีที่อาหารจานแรกมาเสิร์ฟเนมก็จะเงยหน้ามองผม เป็นเชิงบอกให้ผมเริ่มทานให้ดูก่อน แล้วเนมก็จะทำตาม และเป็นอย่างนี้ทุกจาน แรกๆ เนมทำหน้าไม่พอใจที่อาหารแต่ละจานมาในปริมาณค่อนข้างน้อย จนผมต้องอธิบายว่ามีทั้งหมดกี่จานในหนึ่งคอร์ส ซึ่งถ้าทานทั้งหมดแล้วก็จะอิ่มกำลังพอดี หรือถ้าไม่อิ่มเดี๋ยวขากลับแวะทานเกี๋ยวเตี๋ยวข้างทางอีกรอบก็ได้
ไม่แน่ใจว่าเพราะบรรยากาศหรือเพราะเนมตื่นเต้น หรือเพราะชอบ ไวน์หนึ่งขวดที่ผมไม่คิดว่าจะดื่มหมด ก็หมด ผมเองไม่ได้ดื่มแบบนี้บ่อยก็มีมึนบ้างนิดหน่อย ส่วนเนมนี่เดินไม่ตรงแล้ว ต้องมีผมหิ้วปีกช่วย จริงๆ แล้วเนมดื่มเยอะกว่าผมอีก ยิ่งผมจ้องมากเท่าไร เนมก็ยิ่งดื่มหนักมากเท่านั้น
“พี่โก้....พี่โก้....”
“ว่าไง”ผมขับรถออกมาจากร้านได้สักพักเนมก็เรียกผม แล้วก็เงียบ เรียกแล้วเงียบๆ อยู่หลายรอบ ผมหันไปมองก็เห็นนอนหลับตาคอพับไปแปะประตูรถ
“พี่โก้.....เนมน่ะ....”เนมพยายามพูด แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนเดิม ฟังไม่รู้เรื่อง ผมขับรถขึ้นทางด่วน แล้วไม่นานก็มาถึงคอนโดฯ โชคดีที่ไม่เจอด่านตรวจ ผมจะหันไปปลุกเนม แต่ก็พบเนมลืมตาแป๋วมองผมอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ ถึงแล้วนะ”ผมพูดจบก็เห็นเนมพยายามโน้มตัวมาหาผม แต่ติดสายเบลท์ที่ยังล็อคอยู่ เนมก็คลำมือปลดวุ่นวายจนในที่สุดก็เอนตัวมาซบซอกผม แถมโถมตัวมาจนแทบจนขึ้นมานั่งอยู่บนตักอยู่แล้ว
“เป็นอะไร”
“.....ดีจัง”
“เมาแล้วพูดไม่รู้เรื่องนะเรา ขึ้นห้องกันดีกว่า”ผมดันเนมออกแต่นอกจากจะไม่ขยับแล้ว เนมยักยกมือโอบคอผมไว้อีก
“เนม...คิดถึงพี่โก้มากๆ เลยนะ เนม...คิดถึงตอนพี่โก้สอนการบ้าน บางครั้งเนมก็แกล้งทำผิดด้วย....ตอนเด็กเนมมีความสุขมากๆ เลย.....แต่ตอนนี้มีความสุขมากกว่า สุขม๊ากมากเลยนะเนี่ย...รู้มั้ย.....คิด....ถึง”เนมพูดเสียงเบาลงเรื่อยๆ แล้วก็เงียบไป ผมขยับตัวเนมเบาๆ ปรากฏว่าเนมหลับไปแล้ว สุดท้ายผมก็เลยต้องอุ้มเนมขึ้นมาบนห้อง พาเนมไปนอนบนโซฟาก่อน แล้วลงไปเอาของที่รถอีกรอบ เดินกลับเข้ามาในห้องอีกทีก็พบเนมนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟา พอเห็นหน้าผมก็รีบวิ่งเข้ามากอดจนหลังผมกระแทกกับประตู ของที่ถือขึ้นมาก็ล่วงหล่นหมดเพราะต้องรับเนมเอาไว้
“พี่โก้.....เนม....”
“เป็นอะไรครับ ร้องทำไม”
“เนม....นึกว่าพี่หายไปอีกแล้ว.......ทุกครั้งที่พี่ทำให้เนมมีความสุข...พี่จะหายไปเสมอ.......เนม.....นึกว่าฝันไปอีกแล้ว”ผมกอดเนมที่ร้องไห้ซบหน้าอกผมแน่นขึ้น น้ำตาที่ไหลออกมามากพอให้รู้สึกได้ว่าเสื้อชื้นขึ้น แรงกอดจากมือเล็กๆ ที่แผ่นหลังแน่นพอให้รู้สึกอัดอัด บางครั้งที่เนมสะอื้นก็จะทุบหลังผมเบาๆ สลับกับดึงทึ้งเสื้อผมไปมา
“.....พี่ก็คิดถึงเนมเหมือนกัน”ผมก้มลงกระซิบแนบใบหูคนที่ร้องไห้ไม่หยุด แต่พอนึกจะหยุดก็หยุดได้ง่ายเหมือนปิดสวิทซ์ เนมเอียงหน้ามองผม และนั่นทำให้ริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ ผมไม่ได้ขยับหนี และเนมไม่ได้ถอยห่าง แต่ที่เราทำคือขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นจนริมฝีปากแนบสนิท เสียงครางเบาๆ ดังขึ้นเมื่อผมแทรกปลายลิ้นเข้าไปในปากเล็กที่เปิดรอ รสหวานเฝื่อนๆ ของไวน์ยังคงลิ้มรสได้จากภายใน เนมพยายามตวัดเรียวลิ้นตามผม และส่งเสียงคำรามเบาๆ ทุกครั้งที่ผมแกล้งหลบหนีหรือถอนลิ้นกลับ และเนมเป็นฝ่ายรุกเข้ามาแทน ผมเงยหน้าขึ้นมาจนเนมตามไม่ได้ ได้แต่ส่งเสียงฮึมฮัมขัดใจ เม้มปากแน่น ดวงตาใสแวววาวด้วยน้ำตาที่คลอขังจากเมื่อครู่ แต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าสงสารเลยสักนิด มือเล็กๆ ดึงเสื้อผมด้านหลังเบาๆ จนผมอดยิ้มไม่ได้ และเมื่อผมยิ้มเนมก็ทำท่าจะผละหนี
“อุ้ย!!”เนมร้องออกมาเมื่อผมย่อตัวลงแล้วอุ้มเนมไว้ทั้งตัว เนมหันมากอดคอผมไว้เพราะกลัวตก ใบหน้าเราอยู่ระดับใกล้กันมากขึ้น ปากเล็กที่ทำท่าจะโวยวายเลื่อนเข้ามาแนบจูบเบาๆ ซ้ำๆ หลายครั้งจนเริ่มแนบสนิทและสอดปลายลิ้นเล็กเข้ามาเมื่อผมเปิดปากให้ เราผลัดกันตวัดลิ้นอย่างไม่มีใครยอมใคร จนเมื่อผมปล่อยเนมลงบนเตียงโดยไม่ทันให้ตั้งตัว ฟันซี่เล็กเผลองับเข้าที่ปลายลิ้นผมจนรู้สึกแสบและได้รสเลือด
“พี่โก้....เนมขอโทษ เนมไม่ตั้งใจ”เนมยกมือแตะปลายคางผมไว้แล้วมองด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“....รักษาสิ”
.
.
.
.
.
.
.
.
รุ่งเช้าผมตื่นนอนเพราะเสียงนาฬิกาปลุก น้ำหนักบนหัวไหล่ทำให้ต้องก้มลงมอง แล้วก็เห็นเนมที่นอนขดตัวอยู่ ผมค่อยๆ ดันให้เนมนอนลงบนหมอนจะเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกา เพิ่งจะหกโมงครึ่ง แต่เนมยังเหมือนไม่พร้อมตื่น ผมสะกิดไหล่เนมเบาๆ ที่ตั้งนาฬิกาปลุกทั้งที่ทำงานบ่ายก็เพราะต้องไปส่งเนมไปเรียนนี่ล่ะ
“เนม....หกโมงกว่าแล้วนะ จะไปเรียนหรือเปล่า”
“ไม่อยากไปเลย”เนมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลมหน้าไว้จนเห็นแค่ลูกตาที่มองผมอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ฮะ...เนม...ไม่ค่อยกล้าหลับ นึกว่าจะฝันไปซะอีก”
“เห็นร้องว่าเจ็บ ยังคิดว่าฝันอีกเหรอ”
“พี่โก้อ่ะ!!......เมื่อคืน...พี่ไม่ได้เมาใช่มั้ย”เนมถามเสียงเบาแต่ผมที่นอนข้างๆ ก็ได้ยินชัดเจน ผมอยากจะหัวเราะกับคำถามของเนมนะ แต่ก็รู้ว่าเนมจริงจังในคำตอบเลยเลือกที่จะไม่ยิ้มหรือหัวเราะอีก
“พี่ไม่เคยเมา......กับเนม พี่ไม่เคยทำเพราะเมา”
“จริงๆ นะ”
“พี่ไม่เคยโกหกเนม”
“ขอบคุณฮะ”เนมเอื้อมมือมากอดเอวผม พร้อมๆ กับขาที่เริ่มจะก่ายขึ้นมา ตามด้วยศีรษะที่ขยับเข้ามาหนุนพร้อมจัดท่าให้ผมกางแขนออก
“ตกลงจดโดดเรียนใช่มั้ย”
“ว่าจะไปตอนบ่ายอย่างเดียว เดี๋ยวเนมออกไปพร้อมพี่โก้ไง ตอนนี้เนมยังง่วงอยู่เลย”เนมอ้าปากหาวโชว์ให้เห็นว่าง่วงจริงๆ ผมเองก็ยังง่วงอยู่เหมือนกัน เลยเลือกที่จะหลับพร้อมเนมอีกครั้ง
ผมหลับไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังมาจากกองเสื้อผ้าข้างเตียง ผมลุกขึ้นมาคลำๆ หาแล้วหยิบออกมาจากกางเกงของเนม มองไปบนเตียงเห็นเนมนอนพลิกไปมาก่อนจะยกหมอนขึ้นมาปิดหูแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไว้ทั้งตัว เสียงเพลงเงียบไปแล้วพร้อมโชว์จำนวนเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย 10 สาย แล้วไม่นานเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาอีกพร้อมชื่อและรูปคนที่โทรเข้ามา
Key’s ผมมองไปทางเนมที่เริ่มขยับไปมาอีกครั้งใต้ผ้าห่มก็เลยตัดสินใจรับสายแทน
“เพื่อนเนมใช่มั้ย ตอนนี้เนมยังไม่ตื่น มีอะไรหรือเปล่า”
“แล้วนั่นใคร ทำไมรับโทรศัพท์เนม”
“พี่ชื่อโก้ ไม่แน่ใจว่าน้องจำพี่ได้หรือเปล่า”
“อ๋อ จำได้ครับ แล้วเนมไม่สบายหรือเปล่า ไม่เห็นมันมาเรียนเลย”
“ยังไม่ตื่นเลย จะคุยมั้ยเดี๋ยวพี่ปลุกให้”
“ก็ดีครับ”
ผมลดโทรศัพท์ในมือลงแล้วเดินไปนั่งข้างเนม ดึงผ้าห่มออกจนมองเห็นหมอนที่ปิดหน้าเนมอยู่
“เนม.....เนม.....เพื่อนโทรมา จะไปเรียนหรือเปล่า เกือบเก้าโมงแล้วนะ”ผมเขย่าตัวเนมจนเนมต้องลืมตาขึ้นมามอง พอเห็นโทรศัพท์ในมือที่ผมชูให้ดูก็มองนิ่งอีก
“ได้ยินพี่พูดหรือเปล่า”
“หืมมม....อื้มมมม......ขอทำใจก่อนสิ เนมยังเขินอยู่นะ”เนมบิดตัวยืดแขนพันตัวเองกับผ้าห่มแล้วดึงชายผ้าห่มขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ แต่เหมือนว่าจะกำลังยิ้มอยู่
“เพื่อนจะคุยด้วย”ผมหลุดยิ้มกับประโยคสุดท้าย ขนาดตื่นมาคุยกันแล้วรอบนึงก็ยังเขินต่อได้อีกนะ ทีเมื่อคืนไม่เห็นจะเขิน
“อ้าว เอ่อ...ขอบคุณฮะ”เนมรับโทรศัพท์ไปวางแปะไว้บนหูแล้วนอนเอียงคอคุย
“คีย์เหรอ......อืม ยังไม่ตื่นเลย เช็คชื่อให้หน่อยดิ....................หืม.....ก็..เปล่านี่..........อืมๆ ก็ได้ เดี๋ยวไป ถ้าไม่ทันเช็คชื่อให้ด้วยล่ะ.....เออน่า ไม่โดดหรอก เดี๋ยวเจอกัน”เนมคุยกับเพื่อนเสร็จก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งโดยมีกองผ้าห่มคลุมตัวเอาไว้ พอเห็นผมนั่งมองก็ทำท่าจะมุมลงไปอยู่ในผ้าห่มตามเดิม
“พอเลยๆ ทำตัวเป็นดักแด้ไปได้ จะไปเรียนก็รีบไปอาบน้ำเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“อะ....แอ้วอี้โอ้อะไอ่อุ๊บอออิ่งเอ๋อ”
“พูดอะไรฟังไม่รู้เรื่อง”
“....แล้วพี่โก้จะ....ไม่จุ๊บมอร์นิ่งเหรอ”
“ไม่ล่ะ ไม่ชอบจูบเด็กปากเหม็น”
“โหยยยย ขี้แกล้ง เดี๋ยวเนมไปแปรงฟันก็ได้”เนมหันมาค้อนใส่ผมแล้วทำท่าเหมือนจะสะบัดผ้าห่มออก แต่เปลี่ยนใจเอาคลุมไว้เหมือนเดิมแล้วค่อยๆ ก้าวลงจากเตียง แต่ยังไม่ทันเดินก็ล้มเผละลงไปนั่งบนพื้น แล้วหันมาหัวเราะแหะๆ ใส่ผม
“แหะๆ....เดินไม่ไหว”
“เดินไม่ไหวก็คลานไป”
“พี่โก้! นิสัยไม่ดีนะ พูดกับเนมแบบนี้ได้ไง”
“แล้วจะให้พูดไง”
“ก็มาอุ้มดิ รับผิดชอบหน่อย คนอะไรไม่โรแมนติกเลย เคยดูละครกับเค้าบ้างมั้ยเนี่ย”เนมบ่นไปค้อนไป จนผมกลัวว่าคอจะหักก็เลยเดินไปอุ้มขึ้นมา แต่พอผมดึงผ้าห่มที่เกะกะออกก็โวยวายกำไว้แน่น พอผมแย่งมาได้แล้วโยนไปไว้อีกฝั่งเนมก็รีบคว้าคอผมไว้แล้วขดตัวขอเป็นกุ้ง เร่งให้ผมอุ้มไปเร็วๆ ระหว่างทางยังมีบอกให้ผมหลับตา ถ้าหลับตาแล้วจะเดินยังไง เดี๋ยวบ่นเดี๋ยวโวยวายจนเข้าไปอยู่ในห้องน้ำนั่นล่ะถึงได้เงียบเสียง ผมเองก็รีบอาบน้ำแล้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เตรียมเอาผืนเก่าไปส่งซัก มองดูอาหารสำเร็จในตู้เย็น ได้สปาเก็ตตี้มาหนึ่งกล่องก็เข้าไมโครเวฟ ระหว่างรอทำไข่คนสุกๆ เอามาประกบขนมปังราดน้ำสลัด ทุกอย่างพร้อมเนมก็เดินออกจากห้องพอดี
“หอมมมมมม”เนมเดินตามกลิ่นจนถึงหน้าแซนวิชที่เพิ่งทำเสร็จ ผมให้เนมถือแล้วเอาสปาเก็ตตี้และช้อนส้อมพลาสติกใส่ถุง หยิบกุญแจแล้วเดินนำเนมลงมาข้างล่าง ระหว่างทางเนมก็นั่งทานแซนวิชพร้อมนมหนึ่งกล่องจนหมด ตบท้ายด้วยสปาเก็ตตี้อีกหมดกล่องเช่นเดียวกัน
“อ้าว ทำไมคีย์มันไม่ขึ้นไปเรียนล่ะเนี่ย แล้วใครจะเช็คชื่อให้เนม เออใช่ วันนี้พี่โก้เลิกค่ำอีกหรือเปล่า”ผมจอดรถส่งเนมหน้าตึกก็เห็นเพื่อนเนมนั่งรออยู่ที่โต๊ะทางขึ้นตึกพอดี
“ใช่ เลิกเท่าเมื่อวาน”
“งั้นเนมไปรอเหมือนเดิมนะ”
“ตามใจ”
“งั้นเนมไปนะ”เนมเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเรียนที่เบาะหลัง แล้วทำท่าจะเปิดประตูลงไป แต่ผมดึงแขนเอาไว้ พอเนมหันมาผมเลยดึงมาใกล้ๆ ก่อนจะก้มลงจูบเบาๆ แล้วถอยออกมา
“มอร์นิ่งคิสไง”
+++++++++++++++++++
.......
.....