ผมขับรถกลับมาถึงบ้านก็ดึกแล้ว แม่คงเปิดไฟห้องรับแขกทิ้งไว้ให้แล้วขึ้นไปนอนพร้อมพ่อ เนมหันซ้ายหันขวามองรอบๆ บ้านที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเมื่อก่อนมากมาย
“หิวมั้ย”ผมถามคนที่ยืนจ้องรูปถ่ายรับปริญญาของผม
“นิดหน่อยฮะ มีพวกขนมปังมั้ย”
“ไม่รู้ว่าแม่เตรียมอะไรไว้ ตามมานี่สิ”ผมหันไปเรียกคนที่ยังยืนมองรูปหลายๆ ใบที่ใส่กรอบตั้งโชว์ไว้ เนมหันมาส่งยิ้มแล้วรีบเดินมาเกาะแขนผมตามเข้าไปในครัว ปกติผมเป็นคนไม่ทานมื้อดึก ถึงแม่จะรู้ว่าถ้าผมกลับมาดึกจะไม่ทานอะไร แต่แม่ก็มักจะเตรียมอาหารไว้ให้ อย่างคืนนี้ก็มีทอดมันกับต้มยำไก่ ผมเดินไปเปิดแก๊ซอุ่นต้มยำ ปล่อยให้เนมหยิบจานตักข้าวตั้งโต๊ะ ในตู้เย็นผลไม้หั่นและจัดใส่จานไว้เรียบร้อย ผมหยิบมาวางบนโต๊ะ เงยหน้ามองคนที่บอกว่าหิวนิดหน่อยแต่ปากเต็มไปด้วยข้าวคำใหญ่ตามด้วยทอดมันที่พยายามยัดใส่ปากที่เหลือที่ว่างนิดหน่อย ผมแบ่งข้าวในจานกลับไปใส่หม้อครึ่งหนึ่งแล้วยกต้มยำที่อุ่นร้อนๆ มาวางบนโต๊ะก่อนจะลงมือทานพร้อมเนม หลังจากทานเสร็จเนมยังคงเก็บทุกอย่างล้างเหมือนเดิม
“เนมยืมชุดพี่โก้ใส่นอนหน่อยสิ เนมไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาเลย”เนมพูดจบผมหันไปมองกระเป๋าเป้ในเล็กที่ค่อนข้างแบน แสดงว่าแทบไม่ได้ใส่อะไรมาเลยจริงๆ
“หาเอง อยู่ในตู้นั่นแหละ”ผมหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อน ส่วนเนมเห็นกำลังจะกดโทรศัพท์โทรไปหาใครสักคน ซึ่งถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็นคีย์ ระหว่างอาบน้ำผมได้ยินเสียงเนมโวยวายอะไรสักอย่าง แต่เมื่อออกจากห้องน้ำก็พบเนมนอนอ่านหนังสือการ์ตูนเก่าในห้องผม ตาปรือๆ พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ จนผมต้องดึงให้ลุกขึ้นแล้วผลักเข้าไปในห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าที่ค้นจากตู้มายัดใส่มือ
ผมขึ้นมานอนก่อนโดยเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงเอาไว้ ยังไม่ทันจะเคลิ้มหลับก็รู้สึกถึงแรงสะเทือนของเตียงพร้อมแขนเล็กๆ ที่วาดมากอดเอวผม สักพักก็ขยับตัวออกก่อนจะดึงแขนผมที่วางไว้ข้างตัวให้กางออกแล้วเจ้าตัวก็ใช้เป็นหมอนหนุนเหมือนเช่นทุกคืน
“พี่โก้หลับแล้วเหรอ”
“ยัง”
“เหนื่อยเหรอ”
“เพลียนิดหน่อย”
“ตัวอุ่นๆ พี่โก้ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย”เนมยกมือแตะตามลำคอ ใบหน้า และแตะค้างไว้ที่หน้าผาก ก่อนผมจะรู้สึกถึงปากนุ่มๆ กดลงบนแก้มแล้วแนบอยู่แบบนั้นจนทำให้ต้องลืมตาขึ้นมามอง
“แหะๆ แก้มอุ่นอะ พี่โก้ป่วยแน่ๆ เลย กินยามั้ย”
“ไม่ต้องหรอก นอนสักตื่นเดี๋ยวก็ดีขึ้น”ปกติผมเป็นคนป่วยยาก ถ้าได้นอนพักเยอะๆ อาการก็จะดีขึ้นจนผมแทบไม่เคยต้องทานยา
“เหรอ งั้น....ฝันดีนะฮะ หายเร็วๆ นะ”เนมจูบบนหน้าผากผมก่อนจะหอมแก้มผมอีกครั้งแล้วรีบเลื่อนกายลงมานอนกอดพร้อมซุกไหล่ผมเหมือนเดิม ผมก้มหน้ามองคนที่พยายามซุกหน้าหนี ทำเองอายเองแบบนี้คงมีเนมคนเดียวนั่นล่ะ กล้าในเรื่องที่ผมไม่คิดว่าจะกล้า และอายในเรื่องที่คิดว่าไม่น่าจะอาย หรือควรเลิกอายได้แล้ว
“ฝันดีครับ”ผมกดริมฝีปากแนบหน้าผากใสที่ซบอยู่บนไหล่ แขนเล็กกอดกระชับเอวแน่นขึ้นพร้อมขาเล็กๆ ที่วาดขึ้นมาก่ายบนขาก่อนจะเริ่มหลับไปพร้อมๆ กัน
รุ่งเช้าผมตื่นขึ้นสายกว่าปกติด้วยอาการไม่สบายตัวเท่าไรนัก หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมาด้านล่างก็พบที่หายไปจากเตียงกำลังนั่งคุยจ้อไม่หยุดให้แม่และพ่อผมฟังอยู่
“ตื่นแล้วเหรอโก้ เห็นน้องบอกว่าไม่สบาย”แม่หันมามองเมื่อผมเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พ่อเงยหน้าจากหนังสือในมือมองผมก่อนจะก้มลงอ่านต่อพลางเงยหน้ามองโทรทัศน์สลับไปมาเหมือนปกติ
“พ่อแม่หวัดดีครับ เหมือนจะมีไข้นิดหน่อย กินข้าวกันแล้วเหรอครับ”ผมเดินไปนั่งโซฟาที่ว่างข้างเนม แล้วยกมือไหว้พ่อกับแม่
“พ่อกับแม่กินแล้ว เหลือเนมกับโก้นี่แหละ แม่ไม่รู้ว่าไม่สบายเลยทำแกงไก่ไว้เต็มหม้อเลย ให้แม่ต้มข้าวต้มให้มั้ย”
“ไม่เป็นไรแม่ ไม่ได้เจ็บคอ”
“งั้นไปกินข้าวกันไปทั้งคู่เลย เสร็จแล้วจะได้ไปส่งน้องที่บ้านด้วย”
ผมกับเนมเดินเข้ามาในครัว ผมอุ่นแกงใหม่ให้ร้อน แม่ซื้อเส้นขนมจีนมาใส่ตะกร้าบนโต๊ะ เนมกับผมหยิบเส้นตามปริมาณที่อยากทาน ซึ่งผมน้อยกว่าเนมแน่นอนอยู่แล้ว เราเลือกจะนั่งทานในครัวจนเสร็จ ผมเดินกลับขึ้นห้องก่อนที่เนมจะตามขึ้นมาหลังจากล้างจานชามเรียบร้อย
“เดี๋ยวเนมโทรให้พี่นิคมารับดีกว่า พี่โก้จะได้นอนพัก”เนมเดินมานั่งข้างผมที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ต้องยอมรับว่าคราวนี้คงป่วยจริงๆ เพราะเริ่มรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวและค่อนข้างปวดหัว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง ขอนั่งย่อยสักพักก่อน”ผมนั่งหลับตาเพราะเริ่มร้อนๆ ที่กระบอกตา ท่าทางไข้จะขึ้นเพราะอาบน้ำสระผมแน่ๆ
“พี่โก้กินยาก่อนนะ แล้วนอนสักตื่นค่อยไปส่งเนมก็ได้”เนมจับมือผมให้รับยาลดไข้ที่ไปหามาให้ ผมกลืนยาก่อนจะรับแก้วน้ำมายกดื่มโดยมีมือเนมช่วยประคองเหมือนผมป่วยหนักจนไม่มีเรี่ยวแรง การแสดงออกที่ดูจะห่วงผมมากเกินที่ควรจะเป็นทำให้ผมอดยิ้มให้ไม่ได้
“เดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วไปนอนที่ห้องเนมก็ได้ ตื่นแล้วค่อยกลับมา”ผมลูบผมยุ่งๆ ที่ปรกหน้าปรกตาเบาๆ เนมมองเหมือนอยากจะคัดค้านแต่ก็เหมือนจะอมยิ้มดีใจอะไรลึกๆ ผมหยิบกุญแจรถพร้อมกระเป๋าสตางค์เดินนำเนมออกจากห้อง บอกพ่อกับแม่ว่าจะไปส่งเนมแล้วก็พาเนมออกมา
ผมขับรถช้าๆ แต่ก็ใช้เวลาไม่นาน ตลอดทางมีดวงตากลมโตใสๆ จ้องมองหน้าผมพร้อมเกาะแขนผมตลอดเวลา พอจอดหน้าบ้านเนมก็รีบวิ่งลงจากรถมาเปิดประตูฝั่งผมแล้วประคองผมออกมา ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นสักนิด ผมแทบจะหลุดหัวเราะเมื่อเนมพยายามเอาแขนผมพาดบ่า เหมือนว่าผมได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถเดินเองได้ แต่เนมคงลืมกะน้ำหนักและรูปร่างไป พอเอาแขนผมไปพาดไหล่ได้ตัวเนมก็เอนมาผมอยู่ดี
“พี่แค่เป็นไข้ ไม่ได้เพิ่งโดนสิบล้อชน ไม่ต้องหามก็ได้”พอผมพูดจบเนมก็สะบัดแขนผมออก ยืนห่างไปหนึ่งก้าว ก่อนจะก้าวกลับมายืนที่เดิมแล้วเกาะแขนผมไว้
“.....ก็เนมอยากดูแลพี่โก้บ้างนี่”เนมพูดเบาๆ แล้วดึงผมให้เดินเข้าบ้านที่ค่อนข้างเงียบ หลังจากเข้ามาในบ้านแล้วถูกดันให้นั่งลงบนโซฟา เนมก็หายไปพักหนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมน้ำอุ่น ขนม และคนทำขนม
“ไงมึง”นิคเดินมานั่งใกล้ๆ แล้วหยิบซาลาเปาบนจานที่เนมเพิ่งวางลงไป
“พี่นิค!! เนมเอามาให้พี่โก้นะ”
“ก็พี่หิวนี่ เมื่อคืนทำเค้กทั้งคืน นอนได้งีบเดียวก็ต้องตื่นมาทำต่อ ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“ของกินเต็มตู้ไม่รู้จักกินล่ะ แล้วแม่กับพ่อไปไหน”เนมดึงกระดาษรองซาลาเปาออกแล้วส่งมาให้ผม ทั้งๆ ที่ไม่หิวเลยสักนิดแต่ก็ต้องรับเพราะคนให้ท่าทางจะเริ่มหงุดหงิด
“ไปร้านสิ วันนี้ลูกค้าเยอะ สักเค้กกันหลายกล่อง นี่เดี๋ยวพี่ต้องทำอีกสามกล่อง เนมมาก็ดี มาช่วยพี่เลย”
“เรื่องไรอะ เนมเพิ่งกลับมาก็จะใช้แล้วเหรอ เนมขอนอนพักก่อนสิ”
“พี่จะทำเค้กให้แม่นะ จะไม่ช่วยใช้มั้ย”
“อ้าว ก็ไม่บอกล่ะ เนมช่วยก็ได้ เนมเขียนหน้าเค้กนะ”
“เออๆ แล้วมึงล่ะ จะกลับเลยเปล่า”
“พี่นิค!! ก็เนมบอกแล้วไงว่าพี่โก้ไม่สบาย จะไล่กลับคนเดียวได้ไง เกิดไปวูบกลางทางล่ะ พูดไม่รู้เรื่องเลย พี่โก้ไปนอนห้องเนมดีกว่า เดี๋ยวเนมทำเค้กเสร็จพี่ก็คงตื่นพอดีแหละมั้ง ไปฮะ”เนมพยายามดึงให้ผมยืนขึ้นแล้วลากผมขึ้นบ้านโดยไม่สนใจสายตานิคที่มองตามแบบล้อเลียนเลยสักนิด
“พี่โก้นอนก่อนนะ เดี๋ยวเนมลงไปช่วยพี่นิคแป๊บเดียวแล้วจะรีบมานอนเป็นเพื่อน”เนมคงเข้าใจอะไรผิดไป ผมป่วย แต่อาการป่วยของผมไม่ได้ทำให้อายุลดลงไปจนต้องมีคนมานอนเป็นเพื่อนหรอกนะ
“ตกลงจะลดขั้นเป็นเพื่อนพี่ใช่มั้ย”
“โหยยย แค่นี้ทำเป็นไม่เข้าใจ เรื่องอะไรจะลดขั้นแปลกๆ แบบนั้นเล่า กว่าจะได้เป็นแฟนตั้งนาน คิดว่าเนมจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ พี่โก้อะขี้แกล้ง”เนมบ่นไปก็อายไป มือที่ลูบแขนผมเพื่อวัดอุณหภูมิเมื่อครู่เปลี่ยนมาฟาดเบาๆ ตรงต้นแขนพอให้รู้สึกแสบๆ
“ไปทำอะไรก็ไปเถอะ”ผมผลักหัวเนมเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงโดยไม่ได้บอกว่า...ไม่ต้องมานอนด้วย ถึงผมจะป่วย...หรือไม่ป่วย แต่การมีคนมานอนข้างๆ......มันก็ดีกว่าที่ต้องนอนคนเดียว
ผมตื่นอีกครั้งเมื่อเนมมาปลุกให้ทานข้าวและทานยา มองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว เนมทำหน้าซึมๆ มองผมที่นั่งพิงหัวเตียงให้หายมึนเพราะเพิ่งตื่น
“เป็นอะไร”
“เนมน่าจะรู้ว่าพี่โก้ป่วย จะได้ไม่ปล่อยให้พี่โก้ขับรถมาทั้งคืน”
“ยังไงพี่ก็ต้องขับมาอยู่แล้ว เนมรู้แล้วจะทำอะไรได้”
“เรานั่งรถทัวร์กันก็ได้”
“ไม่สะดวกเหมือนขับรถมาเองหรอก แล้วพี่ก็แค่เป็นไข้ สองสามวันก็หาย”
“แต่เนมไม่เคยเห็นพี่โก้ป่วยแบบนี้เลยนี่นา ไปหาหมอดีกว่ามั้ย ให้หมอจัดยาให้ ไม่ก็ฉีดยาสักเข็มจะได้หายเร็วๆ ฉีดนิดเดียว ไม่เจ็บหรอก”
“ฮึ พี่ไม่ได้กลัวเข็มนะ ไม่ต้องบอกว่าไม่เจ็บหรอก เอาไว้พรุ่งนี้ไม่ดีขึ้นค่อยฉีดแล้วกัน”
“คืนนี้พี่โก้ค้างกับเนมมั้ย”
“อืม...ไม่ดีหรอก เนมอยู่กับครอบครัวดีกว่า วันแม่ทั้งทีนะ”
“งั้นพรุ่งนี้เนมไปหาแต่เช้านะ ถ้าไม่ดีขึ้นจะได้ไปหาหมอพร้อมกัน”
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่กลับเลยดีกว่า นิคยังอยู่ข้างล่างหรือเปล่า”
“อยู่ฮะ ทำเค้กอยู่ แต่เดี๋ยวพ่อก็จะรับ เอาเค้กไปไว้ที่ร้านด้วย เนมก็คงไปด้วยนั่นแหละ พี่โก้ขับรถกลับคนเดียวไหวนะ หรือให้พี่นิคขับไปส่งดี”
“ไหวน่า น่าคิดมาก”ผมลูบหัวเนมก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าแล้วเดินตามเนมลงมาทานอาหารที่เนมคงไปซื้อมา นิคมันนั่งอยู่ก่อนแล้ว และก็ทานโดยไม่รอ เลยทำให้เนมบ่นพี่ชายตัวเองอีกรอบ
ผมขับรถกลับมาถึงบ้านหลังจากเนมยอมปล่อยให้กลับ ใช่...เนมยอมปล่อย แถมกว่าจะปล่อยยังสั่งเสียจนผมที่มึนเพราะไข้ยังเกือบงงว่าผมจะขับรถกลับบ้านหรือขับไปรบกับใครกันแน่ นิคมันคงรำคาญจนทนไม่ไหวเลยมาล็อคคอเนมแล้วลากกลับเข้าไปในบ้าน แต่เนมก็ยังไม่วายตะโกนย้ำให้ผมโทรกลับไปหาทันทีที่กลับมาถึงบ้าน
“พี่ถึงบ้านแล้วนะ”หลังจากจอดรถดับเครื่องสนิทผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งโทรในรถ โดยยังไม่เข้าบ้าน
“พี่โก้รีบนอนพักนะ กินทุกสี่ชั่วโมงเลยจะได้หายเร็วๆ”
“ครับ แล้วนี่ออกจากบ้านกันรึยัง”
“รอพ่อมารับอยู่ฮะ เดี๋ยวก็คงถึง”
“งั้นเดี๋ยวพี่เข้าบ้านก่อน คืนนี้ก่อนนอนพี่จะโทรหาอีกรอบแล้วกัน”
“อย่านอนดึกนะ สักสามทุ่มเดี๋ยวเนมโทรไปดีกว่า พี่โก้นอนซะนะ เดี๋ยวเนมโทรมาปลุกให้กินยาอีกที แค่นี้นะฮะ”เนมวางสายไปแล้ว ผมเดินเข้าบ้านเห็นแม่นั่งดูโทรทัศน์อยู่คนเดียวเลยเดินไปนั่งใกล้ๆ
“ตาปรือมาเลย ไข้ยังไม่ลดหรือโก้”
“ครับ แล้วพ่อล่ะ”
“ขึ้นไปเอนหลังข้างบนแล้ว หมู่นี้บ่นปวดหลังปวดเอวบ่อยๆ”
“อันนี้ให้แม่วันแม่นะ แล้วเย็นนี้เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินนอกบ้านดีกว่า แม่ไม่ต้องทำกับข้าวล่ะ”ผมหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์ส่วนหนึ่งยื่นให้แม่เหมือนที่ทำประจำทุกปี ครอบครัวเราอาจจะไม่ได้หวานถึงขนาดเอาดอกมะลิมากราบ หรือหาของขวัญให้ แต่เราก็รักกันดี ผมรู้ว่าแม่ไม่ได้อยากให้ผมเอามะลิมากราบตักแล้วกอดเอวสักเท่าไร เพราะจำได้ว่าสมัยเรียนในกิจกรรมงานวันแม่ที่แม่ต้องนั่งบนเก้าอี้แล้วให้ผมมอบพวงมาลัยดอกมะลินั้น แม่ลูกคู่ข้างๆ โน้มตัวรับพวงลัย เสียงเพลงวันแม่ดังทั่วงาน เสียงแม่ลูกหลายๆ คู่ร้องไห้ แม่กอดหอมลูก แต่แม่ผมโน้มตัวมากดหน้าผมแนบตักแล้วก้มลงจนชิด ตัวสั่นกระเพื่อมเบาๆ พร้อมกลั้นเสียงหัวเราะอย่างสุดความสามารถ....ครอบครัวผมไม่เหมาะกับการทำอะไรซึ้งๆ จริงๆ โชคดีที่ตอนนั้นไม่มีใครสังเกตว่ามีแม่ลูกคู่หนึ่งนั่งกลั้นหัวเราะท่ามกลางบรรยากาศซาบซึ้งของหลายๆ คู่
“ขอบใจนะลูก ขอให้งานการเจริญๆ นะ แต่เรากินข้าวที่บ้านก็ได้ โก้ไม่ค่อยสบายอย่าออกไปตากลมนอกบ้านนักเลย”
“ไม่เป็นไรแม่ ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ดีขึ้นผมก็ว่าจะไปฉีดยาสักเข็มจะได้หายเร็วๆ งั้นผมไปนอนสักงีบก่อน สักหกโมงแม่ปลุกด้วยแล้วกันนะ”
“อย่าล็อคห้องแล้วกัน ถ้าแม่เข้าไปปลุกแล้วยังไข้ไม่ลดก็ไม่ไปนะ พ่อเขาก็ไม่ค่อยอยากออกไปไหนหรอก สั่งร้านใกล้ๆ มาส่งที่บ้านก็ได้”
“ครับ เอาไว้ผมตื่นค่อยว่ากันอีกที”ผมเดินกลับขึ้นมาบอกห้อง เข้าห้องน้ำเปิดน้ำอุ่นลูบๆ ตัวก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นอนสบายกว่าเดิม
ผมรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเมื่อแม่มาเขย่าตัวให้ลุกขึ้นมาทานข้าวแล้วทานยา โปรแกรมที่จะพาพ่อแม่ไปทานอาหารนอกบ้านต้องพับเก็บไปเพราะไข้ผมยังไม่ลดแถมยังเพิ่มขึ้น ผมลงไปนั่งทานอาหารพร้อมพ่อกับแม่ มองดูเมนูแล้วก็รู้ว่าแม่เป็นคนทำ เพราะผมไม่สบายแม่เลยต้มข้าวต้มเพื่อให้คล่องคอ ผักผักบุ้ง ยำไข่เค็ม ปลานึ่งซีอิ้วและหมูหวาน กับข้าวพวกนี้จะว่าผมชอบก็ไม่เชิง ปกติผมเป็นคนทานง่าย แต่ถ้าไม่สบายแม่มักจะทำเมนูพวกนี้ให้ทานตั้งแต่เด็กก็เลยเป็นความเคยชิน พอป่วยทีไรก็รู้สึกอยากทานทุกที พ่อถามเรื่องงานนิดหน่อยว่าไม่คิดจะสอบบรรจุเป็นอาจารย์ตามโรงเรียนบ้างหรือ ผมคิดว่าผมยังไม่พร้อมจะไปทำงานตรงนั้น และการเป็นอาจารย์สอนพิเศษที่สถาบันเล็กๆ แบบนี้ก็สบายใจดี รายได้ก็ค่อนข้างดี แถมยังมีเวลาว่างเยอะ ผมบอกพ่อแม่ว่าช่วงนี้เวลาว่างค่อนข้างเยอะ ไม่แน่ผมอาจจะเรียนต่อเร็วๆ นี้ แน่นอนว่าแม่สนับสนุนเต็มที่และพ่อก็เห็นดีด้วย เราทานกันไปคุยกันไปจนอิ่ม แม่ก็จัดยามาให้ผมแล้วให้ขึ้นห้องไปนอนพัก แต่ผมขึ้นมานอนอ่านหนังสือการ์ตูนเก่าๆ เพื่อให้หายอิ่มสักครู่ก่อนค่อยนอน ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อไร ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่รู้สึกว่ามีใครลูบตัว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แม่
“อ้าว...เนมเองเหรอ”เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใครผมเลยปล่อยแขนให้เนมดึงไปเช็ดเพื่อลดไข้
“ฮะ เนมนึกแล้วว่าพี่โก้ต้องไข้ขึ้น เห็นนั่งตาปรือตั้งแต่ที่บ้าน”เนมก้มหน้าเช็ดแขนข้างขวาเสร็จก็เอื้อมมาดึงข้างซ้ายไปเช็ดต่อ
“มานานรึยัง”
“สักพักใหญ่แล้ว เนมโทรมาแล้วพี่โก้ไม่รับ เนมเป็นห่วงก็เลยให้พี่นิคมาส่ง”
“เหรอ...พี่ไม่ได้ยินเลย”
“เสียงพี่โก้เริ่มแหบแล้วนะ เริ่มไอแล้วด้วย ไปหาหมอนะฮะ”
“พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้”ผมมองมือเล็กๆ ที่ลูบไปตามแขนและลำคอ สุดท้ายมาหยุดลงที่ชายเสื้อกล้ามที่ใส่นอน ก่อนที่มือเล็กจะดึงเสื้อขึ้นแล้วล้วงมืออีกข้างที่ถือผ้าขนหนูเข้าไปเช็ดตามหน้าอกและช่วงท้อง
“พี่ถอดเสื้อดีมั้ย”ผมแกล้งถามทั้งๆ ที่รู้ว่าเนมกำลังอาย แต่ที่ไม่เข้าใจคืออายอะไร ในเมื่อมากกว่านี้ก็เคยเห็น
“ไม่...ไม่เป็นไร เนมเช็ดเสร็จแล้ว”เนมรีบดึงมือออกมาทันที
“แล้วข้างล่างล่ะ เช็ดแล้วเหรอ”
“ก็....พี่โก้ตื่นแล้ว พี่เช็ดเองได้มั้ยล่ะ ไม่งั้นเข้าห้องน้ำไปราดๆ นิดหน่อยก็พอมั้ง”เนมทำหน้าลำบากใจ ทั้งๆ ที่ความจริงก็ไม่ต่างจากเช็ดแขน เพราะผมใส่ขาสั้นนอนอยู่ ส่วนอื่น...ถ้าเนมจะเช็ดก็ไม่ได้ห้ามอะไร
“เช็ดให้พี่ด้วยสิ”
“.........ก็ได้”เนมพยักหน้าจนคางติดอกแล้วค่อยๆ เลื่อนตัวพร้อมกะละมังใบเล็กไปนั่งเกือบสุดเตียง เนมค่อยๆ ชุบผ้าบิดน้ำแล้วเช็ดขาผมทีละข้าง ทั้งจับงอจับยืดเพื่อให้เช็ดได้ทั่วขา แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เช็ดเลยขึ้นมาเกินขอบกางเกงสักนิด เห็นหน้าที่เริ่มแดงลามจนถึงใบหูก็กลั้นยิ้ม ไม่รู้ว่าในหัวใบเล็กๆ นั้นกำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านไปถึงไหนแล้ว ถึงได้อายล้ำหน้าขนาดนี้
“เสร็จแล้วนะ เนมเอาไปเก็บก่อน”เนมพูดจบก็รีบวิ่งหอบกะละมังเข้าไปในห้องน้ำทันที ผมนอนรอสักพักจนได้ยินเสียงฝักบัวถึงได้รู้ว่าเนมกำลังอาบน้ำ อยากที่จะนอนรอแต่ก็ลืมตาต่อไม่ไหว
เสียงสนทนาเบาๆ ใกล้ๆ ทำให้ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาอีกครั้ง ลำคอแห้งผากจนรู้สึกคันยิบๆ แถมหัวยังหนักอึ้งจนไม่อยากจะขยับ
“เนมก็ไม่อะไรหรอก แต่อย่าให้มันมายุ่งกับเนมกับพี่โก้แล้วกัน”เสียงที่ได้ยินแว่วๆ เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เอียงหน้าไปมองคนที่นั่งหันหลังคุยโทรศัพท์โดยไม่รู้สักนิดว่าทำให้ผมตื่น แสงไฟจากโคมไฟทำให้รู้ว่าตอนนี้คงยังไม่ดึกมาก และผมเพิ่งเผลอหลับระหว่างรอเนมอาบน้ำแค่ไม่กี่นาที
“แค่เห็นตามันเนมก็รู้แล้วเหอะ ทำเป็นอ่อยพี่โก้ ทุเรศ ต่อหน้าคีย์มันยังไม่เกรงใจเลย ไม่รู้ไปมั่วกับมันได้ไง ลับหลังคีย์มันไปนอนกับใครบ้างก็ไม่รู้………….แหวะ เมื่อไรคีย์จะเลิกยุ่งกับมันเนี่ย เนมเกลียดมันจนจะอ้วกแล้วนะ แค่เห็นหน้าก็หงุดหงิด แล้วนี่มันไม่อยู่ด้วยรึไง..........ไม่ต้องเลย ถ้าจะกลับด้วยกันเนมไม่ไปรับที่หอมันแล้วนะ...............ก็มันไว้ใจไม่ได้ กระแดะขนาดนั้น เดี๋ยวมาทำเป็นตีซี้พี่โก้ขึ้นมาทำไง ถ้ามันมายุ่งกับพี่โก้นะ เนมจะไปต่อยมันถึงที่เลย ไปบอกมันไว้เลย”จากบทสนทนาผมก็รู้แล้วว่าเนมกำลังคุยกับคีย์ ไม่น่าแปลกใจเท่าไร แต่ก็...ไม่ค่อยชอบใจเท่าไรเช่นกัน
“คีย์อย่าพูดงี้ดิ มันไม่เหมือนกันนะระหว่างคีย์กับพี่โก้น่ะ...........เนม อ๊ะ!!”เสียงเนมร้องเบาๆ เมื่อผมวาดแขนโอบเอวแล้วดึงให้เนมกลับมานอนหงายพาดอยู่บนเตียง
“เนมทำพี่โก้ตื่นเหรอ”เนมตาโตเหมือนตกใจที่เห็นผมตื่น มือที่ถือโทรศัพท์เมื่อครู่ยังกำค้างไว้แนบศรีษะ
“อืม.....ตัวเย็นดีจัง”ผมลากเนมให้มานอนข้างๆ โดยที่เนมให้ความร่วมมืออย่างดี ขาที่ยังพาดเมื่อครู่ก็ยกมาวางบนเตียงให้ผมพาดผ่าน ตัวเนมยังคงเหลือไอเย็นนิดๆ คงเพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่นาน ผมยังชื้น และเมื่อเนมซุกบนไหล่แนบหน้ากับแผ่นอก ผมชื้นๆ ที่เกลี่ยลงมาแถวลำคอผมก็ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ร้อนเท่าเมื่อครู่
“......พี่โก้”เนมกระซิบเรียกเบาๆ เมื่อผมนิ่งไม่ขยับ
“หืม”
“ปล่อยเนมแป๊บนึง เนมคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ ยังไม่ได้วางเลย”เนมพยายามจะดึงมือที่ซุกแนบแผ่นอกผมออก แต่ก็ทำได้ยากเมื่อผมกอดเนมเอาไว้ทั้งตัวแบบนี้ ผมควานหาโทรศัพท์ในมือเนมทั้งที่ยังไม่ลืมตาซึ่งปวดและร้อนนิดๆ เมื่อเจอของที่ต้องการก็ลืมตาขึ้นมามอง เห็นชื่อคนที่ยังถือสายรอก็รู้ว่าตัวเองเดาไม่ผิด ผมกดวางสายและปิดเครื่องก่อนจะเลื่อนโทรศัพท์ไปวางขอบเตียงอย่างหมิ่นเหม่
“หมดเวลาคุยแล้ว”
“เอาไปวางไว้ตรงไหน เก็บไว้ข้างหัวเตียงสิ เดี๋ยวโทรศัพท์เนมหล่นนะ”เนมพยายามพลิกตัวไปคว้าโทรศัพท์ แต่ผมใช้มือซึ่งยาวกว่าปัดตกลงไปบนพื้น
“พี่โก้!! โทรศัพท์ตกเลย”เนมเริ่มดิ้น ทำท่าจะลุกไปดูโทรศัพท์ที่ล่วงไปกองบนพื้น
“เงียบแล้วนอนนิ่งๆ”ผมเพิ่มแรงกอดและพลิกตัวเนมกลับไปนอนอีกฝั่งซึ่งชิดขอบเตียงยิ่งกว่าเมื่อครู่ ถ้าเนมดิ้นเพียงนิดเดียวก็ตกเตียงแน่ๆ
“อื้อออ พี่โก้อย่ารัดดิ”
“นอน”
“พี่โก้อะ”
“พี่เจ็บคอ อย่าให้ต้องพูดมาก”
“อ้าว เอาน้ำอุ่นมั้ย เนมเอาน้ำใส่กระติกมาไว้ให้แล้ว อยู่บนโต๊ะนี่เอง ปล่อยเนมแป๊บดิ เดี๋ยว...อื้มม....”เสียงแจ้วๆ ที่พูดไม่หยุดเงียบลงไปเมื่อผมก้มลงประกบปากบางๆ ให้หยุดขยับ เนมลืมตาโพลงมองผมก่อนจะค่อยๆ หลับตาพร้อมสวมกอดกลับมา ลิ้นเล็กขยับเบาๆ พยายามสอดเข้ามาในปากแต่ผมถอนหน้าออกซะก่อน
“เดี๋ยวติดหวัด”ผมมองหน้าที่ยังลืมตามองแบบงงๆ เอื้อมมือไปกดปิดไฟหัวเตียงแล้วนอนกอดเนมเอาไว้เหมือนเดิม ตัวเล็กๆ เย็นๆ ไม่ขยับไม่ส่งเสียง ยอมนอนนิ่งๆ ในอ้อมกอดทำให้ไม่ต้องหงุดหงิดเหมือนเมื่อครู่อีกแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++
กลับมาแว้วววววววววว
หลังจากหายไปสองสัปดาห์ ขอชดเชยโดยการอัพถี่ขึ้น(หรือตอนพิเศษดี แต่คิดตอนพิเศษไม่ออก ที่ติดค้างไว้ก็เยอะแล้ว) เดือนหน้าจากที่เคยเจอกันสัปดาห์ละตอน(สปีดต่ำมากกกก
) เราก็จะเจอกันบ่อยมากขึ้น
เป็นสัปดาห์ละ...2 ตอน
อายุเยอะแล้ว สปีดเต็มที่ได้แค่นี้แหละค่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ