ตอนพิเศษ...แฟนผม(โก้)ช่วงสัปดาห์นี้ผมต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ถึงสามวัน คือต้องไปอบรบโปรแกรมให้พนักงานบริษัทลูกค้า 2 วัน ส่วนอีกวันต้องไปคุยงานกับลูกค้าพร้อมกับทีมงานของไอ้เจมส์ เรียกว่าทั้งงานราชงานหลวงชนกันติดๆ ปกติผมก็ไปอบรบและคุยงานช่วงเช้า ตกเย็นก็มาสอนตามเวลาปกติ แต่คราวนี้ที่ไม่ปกติเพราะเด็กร้องงอแงจะตามไปด้วยนี่สิ
“ก็เนมเบื่ออยู่บ้านนี่นา ให้เนมออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างสิ”ฟังมันพูดสิครับ เหมือนผมกังขังให้อยู่แต่ในห้องอย่างนั้นแหละ
“ก็ไปเดินห้างอะไรบ้างสิ ไม่ใช่ขลุกอยู่แต่ในห้อง”
“ก็เนมไม่อยากไปคนเดียว เนมอยากไปกับพี่เข้าใจมั้ย”
“แต่พี่ไปทำงานนะ เนมจะไปนั่งรอพี่ให้เบื่อเปล่าๆ ทำไม”
“ไปอบรบที่โรงแรมไม่ใช่เหรอ เนมก็ไปนั่งหาอะไรกินเรื่อยเปื่อยได้หรอกน่า พี่โก้จะทำงานไรก็ทำไป เนมอยู่ของเนมได้”ประโยคนี้มาอีกแล้ว อยู่ของเนมได้ แต่เอาเข้าจริงก็มางอแงทีหลังว่าผมทิ้งขว้างให้เหงา
“แน่ใจนะว่าจะไม่มาบ่นทีหลัง”
“แน่ใจ”
“ถ้าบ่นสักแอะพี่จะไม่พาไปไหนด้วยเลยนะ”ผมไม่ได้รำคาญเวลามีเนมตามไปไหนๆ แต่รำคาญเวลามันบ่นไม่หยุดนี่ล่ะ พอดุเข้าหน่อยก็จะร้องไห้ กลายเป็นผมต้องเป็นฝ่ายปลอบอีก มันเป็นวงจรอุบาทว์จริงๆ นะครับ ในหนึ่งสัปดาห์จะต้องเจอวงจรนี้สักสองวัน ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ขยันร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุบ่อยนัก
“พี่โก้อายเหรอถ้าต้องควงเนมไปไหนด้วยกัน”นั่นไง เอาอีกแล้ว เนมเคยพูดประโยคนี้แล้ว และผมก็ได้อธิบายไปแล้วว่าไม่ได้อาย แค่ไม่อยากให้นั่งรอ บางทีผมน่าจะพาเนมไปเช็คสุขภาพประจำปีสักที เซลล์สมองบางส่วนอาจเสื่อมสภาพหรือตายไป ฮอร์โมนอาจไม่ปกติ ทำให้อารมณ์มันแปรปรวนแถมยังความจำเสื่อมอีกต่างหาก
“โอเคจะไปก็ไป คืนนี้รีบนอนแล้วตื่นแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัว อย่าให้พี่ต้องปลุกหลายรอบ ถ้าตื่นสายพี่ไม่รอนะ”
“ฮะ งั้นเดี๋ยวกินข้าวเสร็จเนมไปนอนเลยแล้วกันนะ จะได้ตื่นเช้าๆ”พอผมรับปากอารมณ์เนมก็สดชื่นจนแทบจะเห็นดอกไม้บานเป็นแบ็คกราวน์ ผมว่ามันต้องมีอะไรเป็นสาเหตุแน่ๆ เพียงแต่ผมยังมองไม่ออก
รุ่งเช้าทันทีที่ผมขยับตัวลุกจากเตียง เนมก็ลืมตาพรึ่บ เด้งตัวลุกขึ้นนั่งเหมือนติดสปริงก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำ ผมเดินไปเปิดเครื่องชงกาแฟทิ้งไว้ ขยิบขนมปังใส่เครื่องปิ้ง 4 แผ่น ตั้งกระทะทอดไข่ดาวสองฟอง เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเนมก็อาบน้ำแต่งตัวเดินหัวยุ่งออกมาจากห้องพอดี ผมเดินไปอาบน้ำแต่งตัวออกมานั่งทานอาหารเช้าง่ายๆ ข้างเนมที่ยังนั่งสลึมสลือ แต่มือและปากยังทำงานสอดคล้องกันอย่างดี
ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากคอนโดฯ เนมก็ปรับเบาะนอนหลับไปอย่างง่ายดาย ผมขับรถไม่นานก็มาถึงโรงแรม ซึ่งบริษัทลูกค้าได้จองห้องสัมมนาเอาไว้ วันนี้มีผู้เข้าอบรบการใช้งานโปรแกรมใหม่ทั้งหมด 35 คน มีระดับหัวหน้าแผนกและผู้บริหาร 5 คน ที่เหลือ 30 คนคือพนักงานในแผนกที่ต้องใช้โปรแกรมตัวนี้ ซึ่งผมเป็นผู้ออกแบบและเขียนขึ้น การอบรมจะเริ่มตั้งแต่สิบโมงครึ่งถึงบ่ายสอง โดยจะพักเบรคตอนเที่ยงให้ทานอาหารว่างเป็นเวลาสี่สิบนาที ก่อนงานเริ่มผมและน้องอีกสามคนจะเป็นผู้ช่วยผม เราตรวจเช็คระบบการทำงานของจอโปรเจ็คเตอร์และคอมพิวเตอร์กันอีกครั้ง พนักงานจากบริษัทลูกค้าเริ่มเข้ามาเซ็ทเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ้คที่นำมาใช้อบรมในวันนี้ เนมนั่งมองผมอย่างสนใจเงียบ บางทีก็หยิบเอกสารสำหรับผู้เข้าอบรมขึ้นมานั่งอ่าน เมื่อเตรียมงานทุกอย่างเรียบร้อยผมก็พาเนมไปนั่งทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร เนมบอกว่าจะนั่งรอที่นี่ แต่ถ้าผมมาหาแล้วไม่เจอก็ให้โทรตาม เผื่อจะย้ายมุมไปนั่งที่อื่น ผมเดินกลับเข้าห้องอบรม บริษัทนี้เคยร่วมงานกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเราไม่ได้มาอบรมให้พนักงานจำนวนมากอย่างนี้ ทางบริษัทส่งแค่ตัวแทนของแผนกมาไม่กี่คน แล้วไปกระจายสอนกันเอง แต่คาดว่าคงมีปัญหาในการใช้งาน ทำให้มีการโทรมาสอบถามข้อมูลและวิธีการใช้โปรแกรมบ่อยๆ คราวนี้บริษัทเลยติดต่อให้มาอบรมยกแผนก 2 วันรวด
พนักงานที่มาอบรมแผนกนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ทุกคนตั้งใจฟังช่วงครึ่งแรกซึ่งเน้นอธิบายฟังก์ชั่นการใช้งานหลักๆ ของโปรแกรม ระหว่างพักครึ่งผมเลือกที่จะเดินไปหาเนม แต่ยังไม่สามารถหลุดจากห้องอบรมไปได้เพราะมีคนจากบริษัทหลายคนนำอาหารว่างและเครื่องดื่มมาบริการ ซ้ำยังชวนคุยและสอบถามโน่นนี่ไม่หยุด
“พี่โก้หิวมั้ยฮะ”เสียงใสๆ ดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวข้างกายกะทันหัน ไม่รู้เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร ไม่ทันเห็นจริงๆ
“ยังหรอก เนมล่ะ หิวข้าวหรือยัง”
“หิวนิดๆ”
“เอ่อ ผมขอตัวก่อนนะครับ พักผ่อนคลายเครียดสักนิด แล้วเราค่อยมาอบรบต่อนะครับ”ผมหันมาคุยกับคนที่ยืนชวนผมคุยเมื่อครู่ เนมเกาะแขนเสื้อผมแล้วก้าวเท้าตามผมออกจากห้อง แต่ระหว่างทางก็หันไปโปรยยิ้มให้หลายๆ คนที่ลอบมองมา ถ้าเป็นคนอื่นคงมองรอยยิ้มนี้โดยไม่คิดอะไร แต่ผมรู้ดีว่า...มันไม่ใช่ ยิ้มมุมปากบ้าง ยกคิ้วบ้าง หรือแม้แต่เลื่อนฝ่ามือมากอดแขนผม ทั้งหมดเป็นการข่มกึ่งเยาะเย้ยคนอื่น แล้วคนที่ว่าก็คือกลุ่มผู้หญิงเมื่อครู่ที่รั้งตัวผมไว้ และอีกบางคนที่มองห่างๆ เจ้าตัวคงไม่ทันสังเกตเพราะเอาแต่หวงผม ถึงไม่รู้ตัวว่ามีลูกค้าของโรงแรมนี้หลายคนแล้วที่มองเนมจนเหลียวหลัง บางคนก็จ้องตาไม่กระพริบ ตั้งแต่พวกเราเข้าไปนั่งทานอาหารแล้วด้วยซ้ำไป
“อะไรฮะ”เนมเงยหน้าขึ้นมาเมื่อผมลูบปอยผมปรกหน้าไปถัดหูให้
“ผมยาวมากแล้วนะเนี่ย”
“ทำไมฮะ พี่โก้อยากให้ตัดเหรอ”
“เปล่าหรอก แต่มันปิดหน้า เนมไม่รำคาญเหรอ”
“เดี๋ยวเนมมัดจุกก็ได้ เนมว่าจะเลี้ยงให้มันยาวกว่านี้แล้วค่อยตัดให้มันเท่าด้านหลังเลย สไลด์ๆ หน่อย พี่โก้ว่าดีมั้ย”
“ก็แล้วแต่สิ”ผมพาเนมกลับมานั่งที่ห้องอาหารของโรงแรมอีกครั้ง สั่งกาแฟมาดื่ม ส่วนเนมที่บอกว่าหิวนิดๆ สั่งแค่น้ำผลไม้ปั่น
“พี่โก้ก็ช่วยออกความเห็นหน่อยสิ ถ้าเนมตัดแล้วพี่โก้ชอบมั้ย หรือตัดทรงเดิมดี”เนมนั่งกอดอกไม่พอใจเล็กน้อยที่ผมไม่ออกความเห็น ความจริงเนมก็ตัดทรงเก่ามานานตั้งแต่เรียน จะมีเปลี่ยนบ้างก็คือช่วงที่ไว้ยาวเพราะขี้เกียจไปตัดผม อย่างเช่นตอนนี้ที่ยาวจนรวบมัดได้ ผมก็เลยนึกภาพเนมไว้ทรงอื่นไม่ออก ถ้าถามเรื่องสีผมมันจะง่ายกว่านี้นะ
“ก็เห็นเนมตัดทรงเดียวตลอด พี่นึกไม่ออกนี่”
“เหรอ อืม...เอาไงดี เนมก็ไม่ค่อยกล้าเปลี่ยนทรงด้วย อยากตัดสั้นเลยเหมือนกันนะ พี่โก้ว่าไง”เนมดึงยางมัดผมตัวเองออก จนผมที่มัดไว้สยายเต็มบ่า ผมมองพินิจดวงหน้าเนียนใสที่อ่อนกว่าอายุจริง ตากลมโตสดใส ปากบางสีชมพูเข้ม ปรายตามองรอบข้างที่รู้สึกถึงสายตาจับจ้องมา ยิ่งเนมปล่อยผมแบบนี้ก็ยิ่งมีคนจ้องมองมากกว่าเดิม
“ตัดสั้นก็ดีนะ”
“เหรอฮะ”เนมจับผมตัวเองเหมือนไม่แน่ใจและเสียดายผมตัวเองอยู่ไม่น้อย มือเล็กรวบผมหลวมๆ แล้วหันไปส่องกระจกข้างโต๊ะที่สะท้อนเงาลางๆ ให้เห็น พอทำอย่างนี้แล้วผมที่รวบไว้ทำให้เปิดลำคอเรียวขาว แก้มใสที่พองนิดๆ ถ้าผมสั้น หน้าก็จะยิ่งดูเด็กลงกว่านี้อีก
“ไว้ยาวก็ดีนะ”
“อ้าว....อืม.......เอาไงดี”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เอาทรงนี้กำลังพอดี ถ้าเบื่อก็เปลี่ยนสีก็พอ”
“ทำสีใหม่เหรอฮะ พี่โก้ว่าสีอะไรดี”ผมดื่มน้ำผลไม้แล้วมองไปรอบๆ เพื่อสังเกตสีผมคนอื่นบ้าง แล้วพอเผลอไปสบตาพวกที่แอบจ้อง เนมก็จะส่งยิ้มเก้อๆ ให้เพราะคิดว่าตัวเองเสียมารยาทที่ไปมองคนอื่น ไม่ได้รู้ตัวอะไรบ้างเลย
“เดี๋ยวพี่ต้องกลับไปอบรบต่อแล้ว เนมไปนั่งรอพี่ข้างในก็ได้นะ”
“ได้เหรอฮะ แต่ไม่เอาดีกว่า เนมไม่อยากหงุดหงิดเวลาเห็นพวกนั้นมองพี่โก้ตาเยิ้ม”
“หึๆ พี่ก็ไม่อยากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเข้าไปนั่งกับพี่ข้างในนั่นล่ะ”ผมเรียกพนักงานมาคิดเงิน แล้วยกกาแฟดื่มอีกเกือบหมด พอๆ กับเนมที่รีบดูดน้ำผลไม้ปั่นเข้าไปจนเกือบหมด แล้วก็เกาะแขนให้ผมพาเดินกลับทางเดิน ส่วนมืออีกข้างก็ยกกุมขมับบรรเทาอาการปวดหัวจี๊ดขึ้นสมองเพราะน้ำแก้วเมื่อครู่
ผมพาเนมไปฝากน้องอีกสองคนที่จะคอยเป็นผู้ช่วย เนมเคยเจอสองคนนี้แล้วเลยไม่ต้องแนะนำอะไร เพียงแต่คนที่ยังไม่เคยเจอเนมนี่สิที่เป็นฝ่ายให้ความสนใจจนต้องหันมาแนะนำให้รู้จักกัน
“น้องชายคุณโก้หรือคะ หน้าตาน่ารักเชียว ชื่ออะไรคะ”คุณเมย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทเดินเข้ามาคุยกับผมทันทีที่ผมเดินกลับเข้ามา และเนมก็จำหน้าได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มที่รั้งผมเอาไว้ก่อนออกไปเมื่อครู่
“ชื่อเนมครับ เนมนี่คุณแหม่ม เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด”ผมแนะนำให้เนมรู้จักก่อนที่เนมจะชิงพูดอะไรออกมาก่อน ไม่ว่ายังไงนิสัยใจร้อนเวลาหึงนี่มักแก้ไม่หาย แต่ก็ยังลดน้อยลงกว่าเมื่อก่อน
“ขยันนะคะ อุตส่าห์ตามพี่ชายมาฝึกงานด้วย โตขึ้นต้องเก่งเหมือนคุณโก้แน่ๆ เลย”คุณแหม่มยังคงพูดต่อ ไม่ได้สนใจแม้แต่นิดว่าเนมหน้าหงิกแค่ไหนแล้ว
“เปล่าหรอกครับ เนมไม่ใช่น้องชายผม”
“อ้าวเหรอคะ หรือเด็กฝึกงานคะ”สายตาที่พยายามแสดงออกว่าเอ็นดูเนมเริ่มเปลี่ยน เมื่อคิดว่าสถานะของเนมไม่สำคัญพอ แต่ความจริงมันสำคัญมากกว่านั้นต่างหาก
“เปล่า”ผมยังไม่ทันได้ตอบเนมก็ชิงพูดขึ้นมา ทั้งๆ ที่หันหน้าเล่นโน้ตบุ๊คของผมที่เปิดให้เล่นแก้เหงา
“นี่ก็ได้เวลาอบรมช่วงบ่ายแล้ว ยังไงผมขอเตรียมตัวก่อน รบกวนคุณแหม่มแจ้งพนักงานด้วยนะครับ”ผมรีบแทรกระหว่างสองคนนี้ที่ทำท่าจะเริ่มปะทะกัน คุณแหม่มสะบัดหน้าเดินไปทางพนักงานของตัวเอง ส่วนผมแทบสะดุ้งเพราะโดนมือเล็กๆ ทุบเข้ากลางหลัง
“ทำไมไม่บอกไปว่าเนมเป็นแฟนพี่”
“แล้วถ้าเกิดเขาไล่คนนอกออกจากห้องนี้เนมจะทำไง จริงมั้ย”ผมโยกหัวเล็กๆ ที่หน้าบึ้งไม่พอใจ แต่พอฟังเหตุผลผมก็เริ่มหายหน้างอนิดหน่อย
“แต่พรุ่งนี้ต้องบอกนะฮะ ไหนๆ พรุ่งนี้วันสุดท้าย ไม่ต้องเจอแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร นะฮะ”เนมดึงมือผมมาแตะแก้มตัวเองไว้พลางเงยหน้าอ้อนจนผู้ช่วยผมแอบหันหลังไปหัวเราะให้กัน ที่เนมทำน่ะ ไม่ได้แค่จะอ้อนผมอย่างเดียวหรอก แต่ตั้งใจโชว์ให้คุณแหม่มที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ได้เห็นด้วยต่างหาก เอาเถอะ ถึงผมจะไม่ได้พูดอธิบายไป แต่ตอนนี้ที่เนมทำมันก็อธิบายได้แล้วล่ะ
“นับวันยิ่งเจ้าเล่ห์ขึ้นนะเรา”
“ก็ได้ครูดี”เนมเงยหน้ายิ้มจนตาปิด แถมยังจุ๊บกลางฝ่ามือผมอวดคนอื่น
ผมกลับมาประจำที่ตรงหน้าห้องเมื่อได้เวลา แล้วเริ่มอบรมการใช้งานโปรแกรมต่อเมื่อผู้เข้าอบรบเข้าประจำที่ครบทุกคน หลังจากเริ่มอบรมช่วงบ่ายได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง เนมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้มุมห้องแล้วเดินออกจากห้องไป จนกระทั่งสิ้นสุดการอบรมก็ยังไม่กลับเข้ามา คุณแหม่มเชิญผมทานอาหารด้วยกัน โดยขอเป็นเจ้ามือเพื่อเลี้ยงขอบคุณ แต่ผมปฏิเสธโดยอ้างว่าต้องรีบกลับไปทำงานต่อ ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น เพียงแต่ถ้ารับคำเชิญ เนมคงวีนแหลกกลางโต๊ะอาหารแน่ๆ
ผมจะอยู่ช่วยเก็บของ แต่น้องอีกสองคนบอกว่าเดี๋ยวจะมีคนมาช่วยเอง ให้ผมกลับได้เลย และบอกว่าเนมออกไปรอผมข้างนอก เสร็จแล้วให้โทรหาได้เลย ผมเก็บข้าวของส่วนตัวเสร็จก็เดินออกมาตามหาเนม ตอนแรกผมเดินกลับไปดูที่ห้องอาหาร แต่ไม่พบ เลยเดินกลับไปที่หน้าแผนกต้อนรับส่วนหน้าซึ่งมีชุดรับแขกให้นั่ง แล้วก็จริงอย่างที่คิด เนมนั่งอยู่ตรงนี้จริงๆ แต่ไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวนี่สิ ข้างๆ เนมมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย แถมท่าทางจะคุยกันถูกคอดี ผมเดินเข้าไปใกล้จนอยู่ในระยะสายตา เนมรีบโบกมือให้ จนผู้ชายคนที่นั่งหันหลังให้ผมหันมา หน้าไม่คุ้น ไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก และคงไม่ได้สนิทกับเนมแน่ๆ
“งานเสร็จแล้วเหรอฮะพี่โก้”
“อืม เพิ่งเสร็จน่ะ”
“พี่โก้นั่งก่อนฮะ นี่พี่ชุณฮะ เป็นศิษย์เก่าที่เดียวกับเราเลย พี่ชุณนี่พี่โก้ฮะ มาใช้ห้องสัมมนาที่นี่สองวัน พรุ่งนี้อีกวันฮะ พี่โก้ พี่ชุณเป็นผู้จัดการที่นี่ เสียดายที่รู้จักกันช้า เลยไม่ได้ขอส่วนลดพิเศษเลย”เนมดึงมือผมให้นั่งลงข้างๆ แต่ถึงเนมจะแนะนำอีกฝ่ายว่ายังไง ผมก็ยังหาจุดเชื่อมที่ทำให้ต้องมานั่งคุยกันไม่เจอ นี่อย่างนี้ล่ะซื่อนัก ทีเรื่องของผมล่ะหูไวตาไวเชียว
“แล้วรู้จักกันตอนไหน ยังไงเหรอ”ผมถามตรงๆ โดยไม่ระบุชื่อ เงยหน้าสบสายตาคนชื่อชุณซึ่งดูจะอ่อนกว่าผม
“อยู่ดีๆ พี่ชุณก็มาทัก บอกว่าเป็นรุ่นพี่เนม เนมนั่งนึกตั้งนานถึงนึกออกว่าเคยเรียนวิชาเลือกด้วยกันตอนปีสี่ แต่พี่ชุณอยู่คนละคณะก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน แต่เคยทำรายงานด้วยกันนิดหน่อยน่ะฮะ บังเอิญจริงๆ เลย ถ้าพี่ไม่พูดถึงตอนทำรายงาน เนมจำพี่ไม่ได้จริงๆ นะเนี่ย”ผมมองเนมที่พูดเจื้อยแจ้วแปลกๆ ถ้าไม่ได้จับมือผมเอาไว้ ผมคงคิดว่าเนมพยายามทำให้ผมหึงอยู่นะ
“คุณโก้เป็นพี่ชายน้องเนมเหรอครับ ดีจังนะครับ พี่น้องจบจากที่เดียวกันเลย”ประโยคพวกนี้ถึงจะไม่เหมือนเปี๊ยบ แต่ให้อารมณ์เดียวกับตอนที่คุณแหม่มพูดถึงเนมเลย
“……….เปล่าหรอกครับ เนมไม่ใช่น้องชาย แต่เป็นแฟนผม”ที่ไม่พูดอะไรตอบไปเพราะลอบมองอาการเนม แต่ก็เห็นท่าทางหลุกหลิกเหมือนพยายามจะอธิบายอีกฝ่ายว่าผมไม่ใช่พี่ชาย แต่ก็เหมือนจะอายเลยไม่กล้าพูดออกมาผมเลยต้องพูดเอง
“เอ้อ......เอ่อ...เหรอครับ งั้น...ผมขอตัวดีกว่า พี่ไปก่อนนะน้องเนม ไว้พบกันใหม่นะ ไปนะครับ”มันพูดจบก็รีบลุกไป แต่ยังไม่วายหันมามองเนมอย่างอาลัยอาวรณ์
“เอ่อ....พี่โก้ฮะ เนม....”
“กลับกันดีกว่านะ เดี๋ยวแวะหาอะไรกินกันก่อน แล้วพี่จะไปส่งเนมกลับห้องแล้วเลยไปทำงานต่อ”ผมลุกขึ้นจูงมือเนมเดินไปที่รถ เนมก็พูดเล่าไปเรื่อยว่าเดินออกมาข้างนอกเพราะจะมาเข้าห้องน้ำ แล้วก็เลยกะจะหามุมนั่งอ่านหนังสือรอผม
“เนมไม่รู้จริงๆ นะว่าพี่เขาทำงานที่นี่ แล้วก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันเท่าไร พี่โก้ก็เดินออกมาแล้ว”ขนาดเข้ามานั่งในรถเนมก็ยังพูดซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด มือเกาะแขนบ้าง เขย่าบ้างเมื่อผมไม่ได้หันไปสนใจ
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”ผมขับรถออกจากโรงแรม เนมนั่งนิ่งไปจนผมต้องหันมอง ก็เห็นเจ้าตัวกำลังมองผมเหมือนกัน
“ไม่คิดอะไรจริงๆ เหรอ”
“จริงๆ”
“นิดนึงก็ไม่อะเหรอ”
“นิดนึง”
“จริง!!”
“นิดนึงก็ไม่ไง”
“พี่โก้!!”
“ฮ่าๆๆ นิดนึงก็นิดนึง”อารมณ์เนมเริ่มแปรปรวนอีกแล้วไง ตอนแรกก็ทำเป็นหงอกลัวผมโกรธ แต่พอบอกไม่คิดอะไรดันงอนอีก
“จริงอะ”
“อืม”
“จริงเหรอ”คราวนี้เสียงใสมาเชียว แถมยังเอนตัวมาซบไหล่ผมอีกด้วย
“อือ”
“พี่โก้หึงเนมเปล่า เมื่อกี้อ่ะ”เนมถามเสียงเบา มือเล็กบีบแขนผมนิดๆ เหมือนเร่งให้ตอบ
“หืม”
“หืมไรเล่า หึงรึเปล่า”พอผมไม่ตอบก็มือที่บีบแขนก็เปลี่ยนเป็นเขย่า แถมยังเอาหัวตัวเองโขกไหล่ผมอีก
“...........”
“พี่โก้อ่าาา ตอบมาดิ”
“หึง”
+++++++++++++++++++++++++++++
ย้อนหลังวาเลนไทน์นะคะ
สัปดาห์นี้คงอัพได้แค่ 3 ตอน ชดเชยสัปดาห์ก่อนที่ไม่ได้อัพ ยังค้างกันไว้อีกก่อน ยกยอดไปสัปดาห์หน้านะคะ ขอไปตะลอนทัวร์กทม. อีกรอบก่อน เจอกันสัปดาห์หน้าค่ะ