อัพก่อน 50 % นะคะ ที่เหลือเดี๋ยวต่อให้วันหลังเน้อ
คำแนะนำ
1.ใครไม่อยากหน่วงๆ อึนๆ ดราม่า อ่านทีละครึ่ง
2.ใครชอบจัดหนัก ดราม่า จัดหนักรวดเดีญว รออ่านเต็มๆ ตอน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จริงๆ ผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดจนสามารถตัดเพื่อนมันได้หรอก แต่ที่เดินหนีไม่อยากทักทายเป็นเพราะการแสดงออกของมันต่างหาก ผมเป็นแค่คนธรรมดา ผู้ชายธรรมดาที่โกรธเป็น เกลียดเป็น เมื่อคนสองคนทะเลาะกันไม่มีฝ่ายไหนที่ถูกอยู่ฝ่ายเดียว หรือผิดฝ่ายเดียว ผมเองก็ผิด แต่ที่เสียใจคือคำพูดมันวันนั้นต่างหาก...คำพูดที่แสดงถึงความไม่เชื่อใจ ระหว่างพวกเราสี่คน คนเดียวที่ผมยินดีคุยด้วยคือพี่กฤษ อาจเพราะเป็นผู้ใหญ่สุดเลยไม่ใช้อารมณ์เข้าปะทะ แต่ทำตัวเป็นคนกลางซึ่งกลางจนน่าโมโห เพราะสุดท้ายก็ขจัดคนอื่นไปจากตี๋ได้พร้อมๆ กัน เรียกว่าเจ้าเล่ห์พอๆ กับฉลาด ผมยอมรับว่าผมผิด แต่คนที่ผิดกว่าผมคือไอ้เอ็มที่เป็นต้นเรื่องทำให้ตี๋เข้าใจผมผิด แล้วมันเสือกโง่เชื่อคนอื่นมากกว่าคนที่อยู่กับมันมานานหลายปี ทั้งๆ ที่เป็นอย่างนี้ คนแรกที่มันไปปรับความเข้าใจและไปหาดันเป็นไอ้เอ็ม....ที่โกรธเพราะตี๋เลือกไปหาคนอื่นก่อนผม ที่เดินหนีเพราะอยากให้มันรู้บ้างว่าเวลาถูกคนอื่นผลักไสมันเป็นยังไง ผมไม่ใช่หุ่นเชิดของเจหรือใครก็ตามที่จะจับมานั่งแต่งตัวได้ง่ายทุกครั้งที่อยากเล่น กับคนที่คุ้นเคยมานาน หลังจากทะเลาะกัน ไม่ใช่ความเกลียดหรอกที่มาแทนที่ แต่เป็นความผิดหวังต่างหาก
ปัญหาที่ค้างคามานานของผมกับตี๋จบลงแล้ว ที่ผมต้องการจากมันไม่ใช่แค่คำขอโทษแต่เป็นการเผชิญหน้าและยอมรับ เมื่อเราไม่คุยกันเพียงลำพังอะไรมันก็เลยง่ายขึ้น ตี๋เป็นคนขี้กลัวไม่เหมือนเจ หรือแม้แต่เนมยังมีความกล้ามากกว่า เหมือนจะมีคนบอกมันแล้วว่าทำไมผมถึงเดินหนี มันเลยพยายามอธิบาย
“คือ...วันนั้นกูไม่ได้มาพร้อมเอ็มนะ แต่ก็ไม่เชิง ยังไงดีวะ มึงเข้าใจมั้ย”จากที่มันพูด มันยังคิดว่าจะมีคนเข้าใจอีกเหรอ ผมนั่งนิ่งบนโซฟาตรงมุมชุดรับแขกเล็กๆ ทางไปห้องน้ำ ถ้าเนมออกจากห้องน้ำยังไงก็ต้องเดินผ่านทางนี้
“สงสัยไม่เข้าใจ แบบ....เอ็มมันมาคนเดียว แล้วมันมาร้านไม่ถูกไง มันก็เลยโทรหาพี่เอ็กซ์ พอพี่เอ็กซ์รู้ว่ากูใกล้จะถึงร้านก็เลยให้แวะรับมันมาด้วยแค่นั้น”
“แล้วเรียกว่าไม่มาพร้อมกันตรงไหนวะ”
“ก็...ก็ไม่ได้มาจากบ้านพร้อมกันไง กูรู้มึงเข้าใจ มึงอย่ามึงกวนตีนกูสิ กูเกร็งนะไอ้เชี่ย”
“ตกลงมึงจะง้อกูหรือจะด่ากู”
“ง้อๆ อยากง้อจะตายห่าแล้วเนี่ย แม่ง หน้าอย่างมึงใครจะรู้ว่างอนเป็น เฮ้ยๆๆ โทษๆ นั่งๆ โอ๋ๆ ไม่ด่าแล้ว ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ”พอผมทำท่าจะลุกมันรีบดันให้ผมนั่งลงตามเดิม แล้วก็ขมุบขมิบปากด่าผมต่ออยู่ดี
“เอาสั้นๆ นะ กูรู้แล้วว่าเรื่องวันนั้นไม่ใช่เพราะมึง แล้ววันนั้นกูโมโหไง กูไม่เคยเล่าเรื่องภรรยาเก่าพี่กฤษให้ใครฟังนอกจากมึง พอมีเรื่องกูก็เลย...นั่นแหละ กูขอโทษที่ไม่เชื่อใจมึง แล้วก็พูดกับมึงแรงมาก.....แต่อย่าเพิ่งคิดว่ากูรู้เรื่องแล้วถึงหายโกรธนะ จริงๆ พอกูไปอยู่ที่โน่นกูก็เริ่มคิดได้แล้วแหละ แต่กูรู้สึกผิดมากนะที่ด่ามึงแบบนั้น แถมยังย้ายออกโดยไม่บอกมึงก่อน ถ้ากูเป็นมึงคบเลิกคบเพื่อนแบบนี้ไปแล้ว ปกติเราแทบไม่เคยทะเลาะกันหนักๆ เวลามีปัญหาส่วนมากจะได้เจเข้ามาคอยช่วย แต่ครั้งนี้ไม่มีใคร แล้วมึงก็โกรธกูมากขนาดไม่ยอมรับโทรศัพท์ กูเลยคิดว่ามึงคงเลิกคบกูแล้ว กูก็แอบคิดนะว่า...ไม่เป็นไร ไม่มีมึงกูก็อยู่ได้ แม่ง....แย่เนอะ แต่ตอนนั้นกูแค่ปลอบใจตัวเอง พอไปอยู่คนเดียวจริงๆ แม่ง....โคตรเหงาเลย เพื่อนไม่มี ญาติไม่มี ปัญหาก็เยอะ เหมือนอยู่ตัวคนเดียวครั้งแรก หาใครปรึกษาไม่ได้ อยากโทรหามึงก็ไม่กล้า กูเคยนั่งมองเบอร์มึงแล้วร้องไห้ด้วย โคตรอยากให้มึงขึ้นไปหากูเลย ให้ไปรุมพวกคนงานตอนนั้นให้กระเจิงเพราะกูสู้ไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ได้แค่ทน พอเริ่มนานไปๆ มึงรู้มั้ย คนที่กูคิดถึงมากที่สุดแม่งไม่ใช่เจว่ะ....แต่ดันเป็นมึง กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงจะหายโกรธกูมั้ย มึงก็รู้ว่ากูโง่ที่สุดในกลุ่ม แต่พี่กฤษบอกว่ามึงหายโกรธกูนานแล้ว แต่มึงแค่น้อยใจนิดหน่อย กูก็แอบไม่เชื่อนะ แต่....ไม่รู้ดิ เพราะคิดถึงมึงมากมั้งเลยมาหา....ตกลงมึงโกรธกูอยู่รึเปล่า”
“.......ไม่โกรธแล้ว”ผมพูดนิ่งๆ มันทำหน้าแหยๆ เหมือนจะร้องตั้งแต่เริ่มพูด พอผมนิ่งมันยิ่งจะร้อง เวร ไม่รู้พี่กฤษเลี้ยงมันยังไง ทำไมปัญญาอ่อนขึ้น ผมเลยจำใจกระตุกยิ้มใส่มันทีนึงหน้ามันถึงเริ่มดีขึ้น
“อือ...กูก็ว่างั้น ส่วนเรื่องทีมึงบอกว่า...ชอบกู...จริงเหรอวะ”ถึงคำถามจะฟังดูกล้าๆ กลัวๆ แต่ตี๋เหมือนเจอย่างหนึ่งตรงที่ไม่เคยหลบตา...ในเวลาที่มันปลุกความกล้าขึ้นมาได้น่ะนะ
“จริง”ผมมองผ่านหลังตี๋ไป เนมเดินออกมาแล้วและกำลังไปทางห้องจัดเลี้ยง ท่าทางซึมๆ....หรือว่าได้ยินที่คุยกับตี๋หน้าห้องน้ำเมื่อครู่
“....ชอบแบบ...เพื่อนรัก...ม๊ากมาก...ใช่เปล่า”
“ชอบแบบ.....คนรัก”เมื่อก่อนผมไม่เคยคิดจะอธิบายให้มันฟัง แต่ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม บอกแล้วว่าผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โกรธเป็น....และก็เอาคืนเป็น ไหนๆ ก็เคยทำให้ผมคิดมากกับคำพูดแย่ๆ ของมันจนฝังใจ มันก็น่าจะลองกลับไปนอนไม่หลับแบบผมดูบ้าง อีกอย่าง....มันจะได้จบสักที
“โก้.....คือ...กู...ขอโทษ กูคิดว่ามึงชอบเจ”
“เจกูก็ชอบ”
“อ้าว...ไงวะ”ตี๋ยกมือเกาหัว สีหน้าเริ่มไม่เชื่อผมแล้ว แต่ผมไม่ได้โกหกมันหรอก เพียงแต่จุดเริ่มต้นของความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน และจบไม่เหมือนกัน เจเหมือนคนที่ตรงสเป็คล่ะมั้ง แต่เป็นสเป็คที่ผมเพิ่งจะรู้ตัวไม่นานว่าผมเคยชอบเจเพราะอะไร และสเป็คที่ว่านั้นเอาต้นแบบมาจากใคร ต้องยอมรับว่าเจเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าค้นหา ไม่ว่าจะร่าเริงสดใสแบบตอนเด็กหรือในเวลาที่มีแต่ความหม่นหมองเศร้าซึม เสน่ห์ของเจก็ไม่เคยลด เสน่ห์ที่ว่ามาจากรูปร่างหน้าตาส่วนหนึ่ง อีกส่วนคงเป็นการกระทำ เจเป็นเหมือนหมอกจางๆ ที่โผล่มาทักทายแล้วหายไปตามเวลา ความรู้สึกผมที่มีให้เจมันก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน เช่นเดียวกับตี๋ มันดันอยู่ในช่วงเวลาที่...ต้องการใครสักคน ในขณะเดียวกันมันเองก็ต้องการเจ ความรู้สึกที่ผมให้มันไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปเมื่อไร แล้วเผลอยึดติดกับมันได้ยังไง รู้ตัวอีกทีมันก็เกิดขึ้นแล้ว ระหว่างเจกับตี๋ ตี๋กลับกลายเป็นคนที่จับต้องได้มากกว่า ใกล้ชิดมากกว่า เข้าใจมากกว่า และ...น่าสงสารเหมือนกัน ในเวลาที่ผมสูญเสียจนรู้สึกเสียศูนย์...มันคือคนอีกคนที่กำลังจมน้ำข้างๆ กัน....เป็นคนที่หลงคาดหวังว่า...ในวันข้างหน้าหากไม่มีใคร...เราจะอยู่ด้วยกัน
“ไม่เข้าใจก็เรื่องของมึง แค่รู้ไว้ก็พอว่ามึงทั้งคู่เป็นอดีตพอกัน”ผมพูดจบก็ลุกขึ้น ไอ้ตี๋รีบลุกตามทำเหมือนจะดึงให้ผมนั่งลงอีก แต่ผมหมดเรื่องพูดแล้ว มันรีบเดินกึ่งวิ่งมาฉุดผมเหมือนอยากคุยต่อ
“เดี๋ยวดิวะ คุยกันก่อน นานๆ กูจะมาหานะเว้ย”
“คุยเชี่ยไรล่ะ เนมนั่งคนเดียว”
“แอ๊ะๆๆ หลงเด็กนี่หว่า นี่ถ้าไม่ได้ยินคนอื่นเล่าให้ฟังมาก่อนกูช็อคนะนี่ที่เห็นมึงเป็นแบบนี้”
“เสือกจริง ไปอยู่กับแฟนมึงโน่น ยืนชะเง้อคอเป็นกะเหรี่ยงแล้ว กูนึกว่าพวกมึงทำเกสเฮาส์แถวตัวเมือง ที่จริงบนดอยใช่มั้ย”
“ดอยมึงดิ พี่กฤษกลัวมึงต่อยกับกูไงเลยคอยเฝ้าระวังอยู่ มึงอย่าเพิ่งเข้าไปดิวะ คุยกันก่อน กูไม่อยากเข้าไปนั่งข้างใน รำคาญเชี่ยเอ็ม แม่งชอบมาแหย่กู”
“ระวังเหอะ เกิดแฟนมึงหึงจนทนไม่ไหวมึงคงลุกจากเตียงไม่ได้อีกนาน”
“เชี่ยโก้!! พูดห่าไร ทะลึ่ง”
“.....ไม่อยากจะพูด”ผมเหล่มองมันสลับกับพี่กฤษ เหมือนบอกอ้อมๆ ให้รู้ว่าผมรู้นะเรื่องบนเตียงพวกมันน่ะ....ตั้งแต่ที่คอนโดฯ แล้ว ใครว่าอายุมากแล้วเซ็กส์เสื่อมวะ เห็นไอ้ตี๋แทบคลานทุกวัน
“ห่า ไปไหนก็ไปเลยไป กวนตีนว่ะ พี่ด้วย!! ยิ้มอะไร รู้รึไงคุยไรน่ะ”
“มองหน้าก็รู้ว่าเจอโก้แซวอะไรสักอย่าง....แก้มแดงน่ากัดเนอะ”
“เชี่ย!! พอกันเลยทั้งคู่ สาธุขอให้เมาแล้วได้กันเอง”ตี๋ยกมือพนมขึ้นแล้วเดินแซงผมกลับเข้าไปในงาน ทิ้งผมยืนกับพี่กฤษสองคน
“เคลียร์แล้วใช่มั้ย”
“งั้นมั้ง”
“อย่าแกล้งมันนักเลย ปลอบจนขี้เกียจปลอบแล้ว”
“ไม่อยากปลอบก็ส่งคืนมา เดี๋ยวหาคนดูแลใหม่ให้มันได้อยู่แล้ว”
“ขี้เกียจปลอบแต่ไม่ได้บอกว่าไม่ชอบน้ำตามันนี่ ไปมอมเหล้าเมียดีกว่า”พูดจบก็เดินยิ้มๆ ตามตี๋ไปอีกคน มาดนิ่งๆ ยิ้มเป็นมิตร มาดอย่างนี้หลอกไอ้ตี๋ได้คนเดียวนั่นแหละ....แต่ก็ดูแลตี๋ได้ดีที่สุดด้วยเหมือนกัน