“.....แต่เนมไม่ชอบแม่มันนี่ ไม่อยากให้มันตามใจแม่มันอย่างนั้นด้วย คีย์มันอยู่คนเดียวตั้งนานไม่เห็นมาดูแลมันเลย พอเรียนจบทำไมต้องเรียกมันไปใช้ประโยชน์อย่างนั้นด้วยล่ะ.....เนมรู้สึกผิดกับคีย์ เนม....เคยให้ความหวังคีย์ไว้โดยที่เนมไม่รู้ตัวจริงๆ....เหมือนที่เนมเคยสัญญากับพี่แล้วเนมก็ลืม........ตอนนี้เนมไม่กลับไปหาคีย์อีกแล้ว แต่เนมไม่อยากรู้สึกผิดกับมัน ไม่อยากให้มันเสียใจเพราะเนมอีก เนมเป็นคนเดียวที่เข้าใจคีย์และอยู่ข้างๆ เวลามีปัญหา แต่ต่อไปนี้เนมคงทำหน้าที่นั้นไม่ได้.....เนมสงสารคีย์ แต่เนมก็ไม่อยากทำให้พี่เสียใจ ไม่อยากเห็นพี่รอเนมอีกแล้ว......เนมอาจจะเห็นแก่ตัวที่ไม่เลิกคบคีย์ในฐานะเพื่อน ไม่ยุติธรรมกับพี่ที่ปรึกษาพี่ เล่าเรื่องอีกคนที่เนมบอกว่ารักให้พี่ฟัง......แต่พี่เป็นทุกอย่างของเนมนะ เป็นที่ปรึกษา เป็นคนรัก เป็นคู่กัดกันเวลาโมโหก็ได้ เนมอาจจะสงสารคีย์มากก็จริง แต่ถ้าเนมจากพี่ไปอีก....เนมสงสารตัวเองมากกว่า เนมไม่อยากให้พี่ทิ้งเนม และเนมก็จะไม่ทิ้งพี่ แต่เนมก็ไม่อยากทิ้งคีย์ไว้สภาพนี้ด้วยเหมือนกัน......เนมเลวมากใช่มั้ยฮะ”
“ไม่หรอก....พี่เข้าใจ พี่ไม่ได้ขอให้เนมเลือกเสียใครไป และไม่ว่าถ้าเนมวางคีย์ไว้ในตำแหน่งเพื่อนรัก อย่าคิดมาก พี่ไม่โกรธเนมหรอก แต่อย่างที่บอก ปัญหาของแต่ละคนวิธีแก้ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าพี่เป็นคีย์ในตอนนี้ พี่คงบอกแม่ว่าจะเอาสเปิร์มไปฝากไว้ ถ้าแม่หาสะใภ้ถูกใจได้เมื่อไรก็ให้เอาออกมาผสมซะ ในเมื่อแม่คีย์เองหวังให้มีหลานสืบสกุลเชิดหน้าตัวเอง พี่ก็ทำให้ได้แค่นั้น ไม่มีใครฝืนทำอะไรเพื่อคนอื่นได้ทั้งชีวิต แล้วถ้าต้องทำอย่างนั้นจริงๆ สุดท้ายเราอาจจะเกลียดคนๆ นั้นไปเลย คีย์คงไม่อยากเกลียดแม่ตัวเองหรอก และแม่คีย์เองก็คงไม่ต้องการแบบนั้นด้วย”ถ้ามันไม่ใช่ความต้องการของตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการเอง ต่อให้ฝืนยังไงสุดท้ายก็จะทนไม่ไหว ผมทนรอเนมได้ตลอดไปก็จริง แต่นั่นเพราะเป็นความต้องการของผม ไม่ใช่การบังคับของใคร
“น่าสนแฮะ เดี๋ยวเนมลองเสนอคีย์ไปดีกว่า”
“จริงๆ ถ้าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ให้คุยกับผู้หญิงที่จะแต่งงาน หรือไม่ก็หาคนแต่งเอง เลือกดีๆ คุยง่ายๆ เข้าพิธีแล้วค่อยไปผสมเทียม ส่วนจะหย่ากันหรือไม่นั้นเป็นปัญหาคีย์แล้วล่ะ แต่ก็นะ....ถ้าให้แนะนำคีย์พี่จะให้เลือกวิธีแรก ไม่แต่งงานเด็ดขาดเพราะไม่อยากสร้างให้เด็กเกิดมามีปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน มันไม่ดีหรอก”
“แล้วถ้าเป็นพี่โก้ล่ะฮะ ถ้าพี่โก้เจอเรื่องแบบนี้”
“คิดว่าพี่ไม่เคยเหรอ”
“ห๊ะ! อะไรฮะ หรือว่าแม่พี่....”
“เนมอย่าลืมสิว่าพ่อแม่พี่ทำอาชีพอะไร ไม่มีทหารคนไหนอยากให้ลูกชายคนเดียวรักกับผู้ชาย พ่อพี่เองก็อยากมีหลานตัวน้อยๆ ไว้วิ่งเล่นในบ้าน แม่ก็อยากเป็นคุณย่านั่งสอนหลานทำการบ้านเหมือนกัน”
“แล้ว....เนมล่ะฮะ เนม.....”เนมตั้งท่าจะร้องไห้ ปากเริ่มเบะ น้ำตาคลอเหมือนสั่งได้
“อย่าเพิ่งร้อง เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรไม่ใช่รึไง พี่เคลียร์หมดแล้วล่ะน่า”
“จริงๆ นะฮะ”
“จริงสิ ไม่งั้นเนมจะได้มาอยู่ที่นี่กับพี่เหรอ แม่พี่คงกีดกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสิ”เรื่องทั้งหมดจริงๆ มันก็เกิดจากแม่ผมนั่นล่ะ ผมไม่เคยพูดกับพ่อแม่ว่าผมรักใคร แต่พ่อรู้ และพ่อสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับผมก็เชื่อพ่อ ส่วนแม่ผมคิดว่าน่าจะสังเกตได้เอง แต่ตอนไหนเมื่อไรก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน บางทีอาจก่อนที่จะชักจูงให้เนมมาอยู่กับผมแล้วก็ได้
“อืม จริงด้วย แล้วพี่บอกพ่อแม่ว่ายังไงเหรอ”
“ตอนนั้นเหรอ ก็โดนต่อยนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีอะไร บ้านพี่ไม่ค่อยทะเลาะกันหรอก พอหายโมโหก็นั่งคุยกันเป็นชั่วโมงนั่นแหละ แม่บอกให้พี่เรียนให้ได้เกียรตินิยมแต่มันยากเกินไปพี่เลยต่อรองขอแค่ทำเกรด 3 ขึ้นแล้วจะเป็นครูเหมือนแม่ให้ แต่พ่อก็อยากให้เป็นทหาร พี่เลยเป็นครูสอนพิเศษครึ่งๆ กลางๆ แบบนี้แทนไง”ตอนนั้นที่บอกพ่อแม่ไปก็แย่เหมือนกัน ปกติบ้านผมไม่ค่อยทะเลาะหรือลงโทษกันรุนแรง แต่ครั้งนั้นพ่อต่อยผมจนน็อคสลบบนพื้นเลย กว่าจะเคลียร์ได้ก็แทบแย่ ช่วงนั้นเลยตั้งใจเรียนสุดๆ กิจกรรมแทบจะไม่ทำอะไรเลย ยกเว้นมีจำเป็นจริงๆ
“อ๋อ....ทีแท้เพราะเรื่องนี้เองพี่ถึงเป็นครู.....เพราะเนมเองเหรอฮะ ทำไมพี่ไม่บอกเนมล่ะ”
“ก็มันเป็นปัญหาของพี่ ไม่ใช่ของเนม บอกไปเนมก็คงรู้สึกไม่ดี”ตอนนั้นเนมคงเพิ่งขึ้นม.ต้นเองล่ะมั้ง บอกไปเนมก็คงไม่สบายใจแล้วอาจจะไม่กล้ามาบ้านผมอีกด้วย อีกอย่างปัญหาตอนนั้นที่เกิดไม่ใช่ว่าเพราะผมคบเนม แต่เป็นเพราะผมบอกพ่อแม่ว่าผมจะไม่แต่งงานเพราะรักเพศเดียวกัน โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นเนม เพราะงั้นต่อให้พ่อแม่บอกให้เลิกคบมันก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้ การเลิกคบ ไม่ใช่ความหมายเดียวกับเลิกรัก....มันไม่ได้ใกล้กันเลย ปัญหาจริงๆ จึงไม่ใช่เนม แต่เป็นความรู้สึกของผม
“แล้วที่บ้านเนมล่ะ....เนมไม่กล้าบอกพ่อ”เนมจะรู้ตัวมั้ยว่าต่อให้ไม่บอกใครๆ ก็ดูออก รายจ่ายเนมทุกอย่างนิคคอยโทรมาถามผมเสมอว่าเนมใช้พอมั้ย ค่ากิจกรรมแพงมั้ย ต้องซื้ออุปกรณ์หรือหนังสืออะไรเท่าไรต่อเดือนก็จะมีการโอนเงินเพิ่ม แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นค่าขนมหรือค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ผมเป็นคนรับผิดชอบ เงินที่เนมได้แต่ละเดือนแทบไม่ได้ดึงมาใช้ ยิ่งหลังๆ เนมประหยัดมากขึ้นก็ยิ่งเหลือเยอะ แล้วอย่างนี้บ้านมันจะไม่สงสัยได้ยังไงว่าเรื่องอะไรผมต้องออกค่าใช้จ่ายให้เนม ทุกอย่างแค่รอเวลาและความแน่นอนเท่านั้น กลับบ้านครั้งหน้าคงต้องไปพูดให้เป็นทางการสักที
“เดี๋ยวพี่คุยให้เอง”
“เนมเห็นแก่ตัวมากเลย เลวมาก แต่พี่อย่าทิ้งเนมนะ”
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ตามใจเนม”
“.....เนมไม่รู้ว่าจะเหลือแค่ความเป็นเพื่อนให้คีย์ได้จริงๆ เมื่อไร แต่เนมมั่นใจว่าจะไม่รักคีย์มากกว่าตอนนี้แน่นอน แล้วก็ไม่มีวันเลิกรักพี่ด้วย พี่ให้โอกาสเนมนะ อย่าเบื่อเนมนะฮะ”
“ตอนนั้นพี่คิดว่าเนมคงรักคีย์มากกว่าพี่ พี่เลยเลือกจะปล่อยเนมไป ตอนที่เรากลับมาคบกันใหม่ๆ พี่ก็ยังคงคิดเหมือนเดิมเพราะเนมกับคีย์ยังสนิทกันอยู่ แต่ตอนนี้....ต่อให้เนมจะรักใครมากกว่าพี่ แต่ถ้าเนมไม่เลิก พี่ก็ไม่เลิกเหมือนกัน”
“......พี่อย่าดีกับเนมมากสิ เนมเป็นเด็กไม่ดีเลย เป็นแฟนที่ไม่ดีสักนิด”
“พี่ก็ไม่ได้มองว่าเนมดีนี่”
“อ้าว....แล้วคบกับเนมทำไมเนี่ย”
“เพราะรัก ไม่ใช่เพราะดี ถามเองแล้วก็เขินเองอีก ถ้าจะหยิกอีกไปตัดเล็บก่อนเลย”ผมจับแขนเนมเอาไว้ก่อนที่อาการเขินรุนแรงจะกำเริบ เนมหัวเราะเอาหัวโขกข้างเอวผมเบาๆ ก่อนเงยหน้ามาฉีกยิ้มโชว์แก้มแดงๆ
“.....พี่ไปคุยกับคีย์ให้ด้วยสิ เรื่องปัญหามันน่ะฮะ”
“แน่ใจ”
“ก้อ....คุยกันดีๆ สิฮะ หรือยังไง....คือ...ไม่ได้เหรอฮะ”
“พี่น่ะได้ แต่เพื่อนเนมน่ะไม่แน่”
“อืม...ก็จริง งั้นรอให้ผ่านไปสักพักก่อนก็ได้ เนมอยากให้คีย์ทำอย่างพี่โก้บอก ไม่อยากให้มันตามใจแม่มันเลย พี่ชายมันยังไม่สนใจเลยทั้งๆ ที่เป็นลูกคนโตแท้ๆ พ่อมันก็เหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรมากมั้ง มีแต่พวกปู่ย่าตายายกับแม่มันนั่นแหละที่เรื่องเยอะ....เนมโชคดีจังที่พ่อแม่พี่ยอมรับได้ ไม่งั้น.....เนมจะเป็นยังไงก็ไม่รู้....วันนี้เนมยังไม่พร้อมจะเล่าทุกเรื่องของคีย์กับเนมให้พี่ฟังทั้งหมด.....ถ้าเนมพูด มันเหมือนเนมทรยศความรู้สึกคีย์ ตอนนี้มันกำลังเสียใจอยู่.....ถ้าวันไหนมันหายดีแล้ว เนมสัญญาจะเล่าทุกเรื่องให้พี่ฟัง แต่ตอนนี้ระหว่างคีย์กับเนมมันจบแล้ว เราจะเป็นแค่เพื่อนกันตลอดไป พี่โก้ไว้ใจเนมนะ”
“อืม พี่เชื่อว่าไม่นานคีย์จะกลับมาทำหน้าที่เพื่อนรักเนมเหมือนเดิม ส่วนเรื่องคีย์ พี่ไม่ได้อยากรู้นักหรอก แต่ถ้าอยากระบายก็พูดมา พี่พร้อมเสมอ แต่ตอนนี้เรานอนกันก่อนดีมั้ย พี่ง่วงมากๆ”ผมค่อยๆ เลื้อยลงมานอนข้างๆ เนมรีบลุกเดินไปปิดไฟแล้วกระโดดขึ้นมานอนบนเตียง วางศรีษะบนท่อนแขนที่อ้าออกรอรับไว้ ตวัดแขนเบาๆ โอบรอบไหล่บาง....ไม่ว่างเหมือนเดิมแล้ว
“ฮิๆ...เนมยังตาสว่างอยู่เลย เนมอยากคุยๆๆๆ พี่ว่าป้องมันจะปลอบคีย์ยังไง ปกติมันชอบเถียงกับคีย์ ขนาดเนมไปอยู่ห้องมัน มันยังด่าสลับปลอบเลยนะ ถ้ามันด่าคีย์ตอนนี้ไม่ตีกันตายแล้วเหรอ แล้วเนี่ยไม่รู้ว่าจะเล่าให้หม่อนฟังดีหรือเปล่า แต่หม่อนต้องสังเกตเห็นแน่ๆ เลย.......”เนมยังคงส่งเสียงเล็กๆ ออกมาไม่หยุด ผมจรดริมฝีปากแนบค้างไว้บนหน้าผาก หลับตาถอนหายใจช้าๆ ฟังเสียงใสๆ กล่อมแทบทั้งคืนจนเผลอหลับไปด้วยกัน
ไม่ว่าเรื่องราวปัญหาต่างๆ จะเริ่มและจบลงได้ยังไง ผมไม่จำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องเล่าให้คนอื่นฟัง....เพราะทุกคนได้ฟังจากประชาสัมพันธ์ส่วนตัวของผมหมดแล้ว
“แล้วอีโก้นะแกล้งทำเป็นว่าตัวเองขับรถกลับห้องนะคะ แต่ที่ไหนได้ ยืนรอน้องมันเป็นชั่วโมงจนดึกอะ ปากแม่งไม่รู้จะแข็งอะไรนักหนา หรือมันกลับไปแล้วกลับมาตอนเนมมันมาเห็นพอดีก็ไม่รู้ แกล้งหลอกน้องมันแน่ๆ เลย”นิ้งนั่งเล่าให้บรรดาผู้สอดรู้ฟังอย่างเมามัน ไม่สนสายตาเอือมระอาของผมสักนิด
“พูดเหมือนมึงอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยเนอะ”
“ไม่อยู่ก็เหมือนอยู่ เพราะน้องเนมเล่าให้กูฟังหมดแล้ว”นิ้งหันมาเชิดหน้าใส่ก่อนจะเริ่มเล่าต่ออีกครั้ง พี่ฟ้า พี่ปั้น พี่โมทย์ พี่เอ็กซ์ เจ เอ็ม ไอ้เจมส์ นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ ลุ้นยิ่งกว่าเรื่องของตัวเอง จากที่เริ่มเล่าแค่ตอนผมทะเลาะกับเนม ก็ค่อยๆ ย้อนไปเรื่อยๆ จนต้องเล่าตั้งแต่ตอนเริ่มคบกัน แน่นอนว่าหลายๆ อย่างโอเว่อร์เกินความจริงมาก แต่บางอย่างมันก็เล่าจะเหมือนนั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย พี่ฟ้ากับไอ้เจมส์ผลัดกันแซวผมบ้าง แซวเนมที่ไม่ได้อยู่ที่นี่บ้าง เจทำหน้าเอือมปนหมั่นไส้ใส่ผมเมื่อรู้ว่านิ้งพูดเรื่องที่ผมหนีปัญหาแบบไหน เอ็มยักคิ้วกวนๆ ยกเหล้าดื่มเหมือนไม่ตั้งใจฟังแต่ก็ไม่ลุกจากที่นั่งไปไหน แน่นอนว่าผมกับมันนั่งห่างกันโดยมีเจกับพี่เอ็กซ์คั่นกลางไว้ มันไม่เชิงว่าเป็นเพื่อน แต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นแค่คนรู้จัก สำหรับผมจัดสถานะของเอ็มกับไอ้เจมส์ไว้คู่กัน ไม่น่าคบทั้งคู่ พี่ปั้นนั่งอมยิ้มตาลอยอินตามเมื่อนิ้งเล่าถึงตอนที่ผมไปรับเนม เสียงพูดคุยเฮฮาดังลั่นบ้านพี่ปั้น บางคนว่างงาน บางคนโดดงาน แต่ทุกคนก็มารวมกันที่นี่เพื่อรับฟังเรื่องราวชีวิตรักของผมกับเนม มันเป็นความอึดอัดปนสุขแปลกๆ ที่ต้องฟังเรื่องตัวเอง และพูดเรื่องตัวเองให้หลายๆ คนรุมฟัง ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือเมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว
“ไปไหนก็ไปเหอะ เดี๋ยวจะไปต่อกันที่ร้านแล้วเหมือนกัน ตกลงไม่ไปจริงเหรอ”เจพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมมองนาฬิกาตัวเองอีกครั้ง
“อืม ไว้พร้อมกว่านี้ก่อน”ผมตอบเนมแล้วหันไปมองนิ้งที่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ บางทีเพื่อนแท้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการคบหาหรือลำดับก่อนหลัง และสามารถมีเพิ่มได้เรื่อยๆ....นิ้งเป็นหนึ่งในนั้นสำหรับผม
“ขอบคุณมากนะนิ้ง....สำหรับทุกอย่าง”ผมส่งยิ้มให้และพูดกับนิ้งที่ยิ้มเขินๆ เมื่อได้ยิน
“ไปดิ เดี๋ยวไปส่งที่รถ”เจลุกขึ้นเดินนำผมออกไปนอกบ้าน รถยังซ่อมไม่เสร็จพี่เอ็กซ์เลยเอารถมาให้ยืมใช้ก่อน ผมยืนพิงประตูรถมองเจที่ยืมยิ้มให้อยู่ข้างหน้า
“มีอะไร”
“...ตอนนี้...มีความสุขจริงๆ แล้วใช่มั้ย”เจถามด้วยคำถาม ที่นานมาแล้วผมเคยถามเจในวันที่เจแต่งงาน
“...ใช่....มากๆ มีความสุขมาก”
“เจอาจจะทำตัวงี่เง่าเป็นภาระให้โก้มาตลอด ปัญหาของโก้บางเรื่องเกี่ยวข้องกับเจโดยไม่รู้ตัว เจอยากขอโทษและขอบคุณโก้มากๆ ที่ดูแลเจ ทำให้เจมีวันนี้....เจขอโทษนะที่ทิ้งโก้ไปโดยลืมไปว่าเราอยู่ด้วยกันมาตลอด การขาดใครสักคนไปมันไม่ง่าย เจทิ้งให้โก้อยู่คนเดียว ไม่เคยรับรู้ปัญหาของโก้ ไม่เคยสังเกตเห็น เจเป็นเพื่อนที่แย่แต่โก้ก็ยังดีกับเจเสมอ เจไม่รู้ว่าจะทดแทนให้โก้ได้ยังไง....ถึงพ่อแม่จะไม่อยู่แล้ว....แต่โก้เป็นคนเดียวนะที่ทำให้เจรู้สึกว่ายังมีครอบครัวอยู่ตลอดเวลา....เจ....ขอบคุณพี่โก้มากๆ พี่ดูแลเจ....ดีใจมากที่มีคนดูแลพี่โก้สักที........รักพี่โก้มากเลยนะ”เจพยายามส่งยิ้มให้ แม้ว่ามันจะฝืดเฝือนเต็มทน น้ำเสียงและสีหน้าแทบจะร้องไห้แต่ก็อดกลั้นเอาไว้ ผมยกมือวางบนผมนุ่มๆ ลูบเบาๆ ช้าๆ
“.....ยินดีเสมอ”เรากอดกันแน่นๆ ก่อนจะปล่อยและส่งยิ้มให้กัน ดันแผ่นหลังเจให้หันกลับไปทางที่มีคนยืนรออยู่ เจหันมาส่งยิ้มเต็มใบหน้าให้อีกครั้ง
“โก้ก็รีบไปเถอะ มีคนรอโก้อยู่เหมือนกัน”
รถจอดลงที่ตำแหน่งเดินข้างตึกคณะตามที่นัดแนะกันไว้ก่อนเนมขึ้นแท็กซี่มาเรียนเองเมื่อเช้า ผมนั่งอยู่ในรถมองคนที่กำลังทำหน้ายุ่งเดินตีคู่มากับป้อง สีหน้าซีเรียสกึ่งบึ้งกึ่งงอนก่อนจะหยุดลงก่อนถึงรถ เหลียวซ้ายแลขวามองสำรอบรอบๆ ก่อนมาหยุดที่รถผม เอียงคอยืดตัวมองผ่านเข้ามาในกระจก ป้องโบกมือลาเดินจากไปทิ้งเนมยืนหน้ายุ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ไม่นานเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมเปิดประตูออกไปยืนนอกรถให้เนมเห็นตัว คิ้วขมวก ปากเม้ม แก้มป่อง สลายไปเหลือเพียงรอยยิ้มที่ฉีกจนกว้าง เดินกึ่งกระโดนมายืนข้างรถแล้วเปิดประตูเข้ามานั่ง ทันทีที่ผมปิดประตูเข้ามานั่งก็มีแรงปะทะข้างแก้มเบาๆ โดยไม่ทันตั้งตัว
“ฟอด!...คิดถึงจังฮะ เนมตกใจหมดเลยนึกว่าพี่โก้ไม่มารับ นี่รถพี่เอ็กซ์เหรอฮะ เหอๆ นึกว่าจะเอาทั่วๆ ไปให้ ให้ยืมบีเอ็มจะหรูไปมั้ยเนี่ย”
“รุ่นเก่าแล้ว คันนี้จอดทิ้งไว้ไม่ค่อยได้ขับน่ะ หิวมั้ย”
“มากๆ ตอนเที่ยงป้องมันแย่งเนมกินลูกชิ้นด้วย เนมซื้อมาแปดไม้ กะว่าจะกินคนเดียวสี่ไม้ แล้วให้ป้องกับหม่อนแบ่งกัน แต่ไอ้ป้องมันชั่ว มาแย่เนมไปไม้นึงด้วย ดีนะหม่อนใจดีเลยให้เนมกินสองลูก เนมอยากกินอีกอะพี่โก้ ซื้อไปทอดที่ห้องได้มั้ยฮะ อยากกินเยอะๆ เลย”
“เดี๋ยวแวะซื้อก็ได้ แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง”
“ก็โอเคฮะ หม่อนบ่นนิดหน่อยที่เนมโดดเรียน แต่วันนี้คีย์ก็โดด....อืม...ป้องบอกว่าคีย์เมาหลับอยู่ที่ห้อง จริงๆ ป้องมันก็เมาเหมือนกันแต่ไม่มากเลยมาเรียนไหว นี่มันก็รีบไปนอน เห็นว่าจะไปค้างห้องคีย์ช่วงนี้ ป้องบอกว่าคีย์ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ทำใจได้.....เนมอยากให้คีย์กลับมาเรียนเร็วๆ จัง”
“คงไม่นานหรอก พี่ว่าเพื่อนเนมเข้มแข็งพอ ลองโทรเรียกเด็กคีย์มาเฝ้าสิ เผื่อหายเร็ว”
“พี่โก้!! ห้ามเลยนะ! ห้ามโทรไปหามันด้วย เนมไม่ชอบมัน พี่รู้มั้ยว่าไอ้ป้องก็พูดแบบนี้มาคนนึงแล้ว มันบอกแผลใจแบบนี้ต้องหาคนมาเลีย ดูมันพูดดิ เนมอยากจะบ้าเลยยุให้มันนั่นแหละเลียให้คีย์ มันเลยตบหัวเนมเลย เจ็บด้วยพี่โก้จับดูสิ ไม่รู้โนรึเปล่าเนี่ย เป่าเพี้ยงให้หน่อยสิฮะ ฮิๆ”หัวทุยๆ เอนมาซบบนไหล่ ทำเสียงหัวเราะทะเล้นให้ได้ยิน ผมแกล้งหันไปจูบเบาๆ กลางกลุ่มผม เสียงหัวเราะก็เงียบหายไปเหลือเพียงอาการถูไถบ่งบอกอาการเขินอายเท่านั้น
กลับถึงห้องเนมรีบไปอาบน้ำแต่งตัวมานั่งทำรายงานและการบ้านช่วงที่ขาดเรียนเพื่อตามส่งให้ครบ ส่วนผมทำอาหารเย็นตามเมนูที่เนมเอ่ยถึงระหว่างทางกลับ ระหว่างทานอาหารจนถึงก่อนเข้านอนเนมเล่าเรื่องที่มหาฯลัยให้ฟังไม่หยุด พอจบเรื่องโน้นก็เป็นเรื่องนี้ พอหมดเรื่องของตัวเองก็ถามเรื่องที่ผมไปเจอเพื่อนๆ พี่ๆ มา เสียงหัวเราะดังขึ้นทุกครั้งที่บอกว่านิ้งพูดอะไรให้พวกนั้นฟังบ้าง พร้อมเล่าว่าโทรคุยอะไรกับนิ้งและพี่ปั้นเอาไว้ มีการนัดไปเที่ยวกันวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ แอบถามข้อมูลเรื่องตี๋และพี่กฤษ รวมถึงอัพเดทข่าวคราวของเจกับพี่เอ็กซ์ ผมนอนฟังเนมพูดทั้งเรื่องที่ตัวเองรู้อยู่แล้วอย่างไม่รู้จักเบื่อ เสียงเล็กๆ ส่งเสียงจิ๊จ๊ะเมื่อผมทำแค่เสียงเออออสั้นๆ เนมบอกว่าเข้าใจเรื่องตี๋แล้ว แต่แน่นอนว่าลึกๆ ความหวั่นไหวนั้นมีอยู่ ไม่เรียกร้องหรือสร้างเงื่อนไขขอร้องให้ทำตาม เพียงแค่ขอเวลาปรับตัวเรียนรู้เจและตี๋ไปเรื่อยๆ ถ้ารู้จักมากกว่านี้ก็คงวางใจได้มากขึ้น และหวั่นไหวน้อยลง เนมบอกว่าคนที่ทำให้ผมลังเลในความรู้สึกตัวเองได้นั้นน่ากลัว ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะมีเหตุผลอะไรมาประกอบก็ตามแต่ แต่เมื่อความเป็นไปได้มันไม่ใช่แค่ศูนย์ เนมก็กลัว และความกลัว ความกังวลของเนมนั้นผมได้แต่พยายามแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้น พูดในเรื่องที่เนมสงสัย อยากรู้ บอกในเรื่องที่เนมไม่ได้ถามแต่ควรรู้ และคอยปลอบเคียงข้างหากมีอะไรทำให้ทุกข์ใจ ใช้เวลาอย่างช้าๆ ให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรจะไม่ย้อนนึกเสียดายอดีตอีก
มีบางคนกล่าวไว้ว่าไม่มีใครทนรอใครได้ตลอดไป แม้มันจะเป็นเรื่องจริง แต่ผมเชื่อว่าตัวเองทำได้ รอได้ และทำมาเสมอ แม้จะมีสิ่งต่างๆ เข้ามาให้เขวไปบ้าง แต่ก็ยังไม่เคยทำผิดกับหัวใจตัวเอง ต่อให้ใครสักคนจะมีรักมากมายแค่ไหน แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่มากที่สุด ใช่ที่สุด ต้องการที่สุด ไม่มีวันลดน้อยหรือลืมเลือน....บางคนเรียกมันว่า ‘รักแท้’ หลายๆ คนอาจเคยพบเจอหรือผ่านเลยไป หลายคนเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เรียนรู้หัวใจคนอื่นเพื่อวัดน้ำหนักที่มี และพร้อมจะเปิดรับครั้งใหม่หากพบคนที่ใช่เหมือนกัน ผมเองก็พบเจอใครมากมายที่มีหลายๆ สิ่งตรงใจ ถูกใจ ชอบ และมันอาจพัฒนาความรู้สึกต่อไปได้อีก แต่เมื่อไม่เปิดโอกาส ไม่เปิดใจ ไม่เปิดความสัมพันธ์ให้ใครได้เข้ามาค้นหา ยึดมั่นความรักตัวเองเอาไว้....เมื่อเจอคนที่รักและใช่แล้ว....เลือกแล้ว....ไม่หาตัวเปรียบเทียบ ไม่ทดลองกับใครอื่น เพียงยึดมั่นความรู้สึกตัวเองเอาไว้ จดจำมันเอาไว้ว่าได้มอบให้ใครไป....และเมื่อให้ไปแล้ว....ไม่มีการขอคืน เพียงเฝ้ารอและแอบหวังเงียบๆ ว่าสักวันจะได้รับความรักนั้นกลับมา....ในรูปแบบของหัวใจใครคนนั้น
.....แม้จะยาวนาน ผิดพลาดหรือเสียน้ำตาไปบ้าง แต่.....มันคุ้มค่าที่จะแลกด้วยเวลาทั้งชีวิตพร้อมหัวใจของตัวเอง......
“พี่โก้ง่วงหรือยัง เนมง่วงนิดๆ แล้วนะ ฝันดีนะฮะ กอดแน่นอีกนิดก็ได้ฮะ”ร่างเล็กๆ ในอ้อมแขนที่ซุกเข้ามาจนแทบจมหายไปในอกพูดเสียงงัวเงีย แขนขาเล็กๆ ก่ายกอดแนบสนิท....เพิ่มแรงกอดรัดให้แน่นขึ้นอีกนิด กักเก็บไว้ให้แน่นที่สุด นานที่สุด....ตลอดไป
“พี่รักเนม”
“เนมก็รักพี่โก้ฮะ”
….......จบบริบูรณ์…........
ระยะเวลาเกือบ 3 ปีสำหรับเรื่องนี้ ในที่สุดก็จบลงแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามที่ยาวนานมากๆ มีอุปสรรคบ้าง อู้บ้าง ดองบ้าง หลายๆ อย่าง แต่ทุกคนก็ยังคงเฝ้าติดตามทวงถามและเป็นกำลังใจให้เสมอ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันและชื่นชอบผลงานเรื่องนี้ รักตัวละครในเรื่องนี้ ต้องขอโทษที่ไม่ได้ตอบคอมเมนต์เพราะส่วนตัวแล้วคุยไม่เก่ง รวมถึงไม่ต้องการตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหานิยายเพื่อเป็นการชักจูงหรือชี้นำให้เห็นไปในทิศทางเดียวกันหมด ถึงจะไม่ได้พูดคุยแต่ก็อ่านคอมเมนต์ของทุกๆ คนนะคะ
ตอนพิเศษเรื่องนี้อย่างที่บอกล่วงหน้าแล้วนะว่าไม่ลงให้อ่าน แต่อยากทำความเข้าใจก่อนว่าไม่ได้เกี่ยวกับที่จีทำหนังสือเลยหวงตอนพิเศษนะคะ เพราะปกติเรื่องอื่นจีก็ลงให้อ่านตามความเหมาะ แต่เรื่องนี้อาจจะน้อยและจบแล้วจบเลยก็เพราะจีมีเหตุผลส่วนตัว แต่ไม่อยากอธิบายมากเพราะเกรงจะดราม่าเปล่าน่ะเนอะ ก็ขอโทษและขอให้เข้าใจกันด้วยนะคะ
หลังจากเรื่องนี้จบแล้ว หลายคนคงตั้งตารอเรื่องของตี๋แน่ๆ แต่จีคงต้องขอยกเรื่องตี๋ไว้ปีหน้านะ อย่างที่รู้ว่าแลกรักเป็นการแต่งข้ามช่วงเวลา ตัดส่วนของตี๋หายไป การจะไปแต่งตี๋ต่อเลยค่อนข้างลำบากหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอารมณ์ของเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน อีกอย่างคือเหตุผลส่วนตัวที่อยากพักเพื่อแต่งเรื่องอื่นที่วางโครงการไว้นานแล้ว
หลังจบแลกรักก็ขอพักสักระยะหนึ่งนะคะ ขอรวมเล่มเรื่องนี้ให้เสร็จ แล้วก็ต้องเก็บตัวปั่นนิยายที่จะรวมเล่มในโครงการของเล้าเป็ดให้จบก่อน จากนั้นค่อยปั่นเรื่องใหม่ของตัวเอง แต่คงไม่ได้อัพเองแล้วนะคะ จะฝากให้น้องคนเดิมอัพให้ แต่ยังติดตามข่าวสารพูดคุยกันได้ที่แฟนเพจนะคะ ยังคงเข้าไปเรื่อยๆ ค่ะ จีน่าจะกลับมาอัพอีกทีก็เรื่องตี๋เลยค่ะ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ฝากติดตามและให้กำลังใจในเรื่องต่อไป และเพียงใจ(ตี๋-กฤษ) ในปีหน้าด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกๆ คน ทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ ตัวอักษร ทุกๆ บทกลอน
ขอบคุณมากค่ะ
G_wa