====
บทที่ 9
====
ยูคิผ่านชั่วโมงเรียนวันแรกไปด้วยความราบรื่น ทั้งนี้เพราะได้อารากิคอยดูแล เป็นพี่เลี้ยงให้ เด็กหนุ่มอธิบายให้เขาฟังถึงการวางตัว และบอกเล่ากฎสำคัญอันพึงปฏิบัติต่าง ๆ ภายในโรงเรียนแห่งนี้อย่างละเอียด
“พรุ่งนี้เจอกันนะ ยูคิ” อารากิโบกมือให้เพื่อนใหม่ และก้าวขึ้นรถเบนซ์คันใหญ่ที่มาจอดเทียบรอตนอยู่
ยูคิมองไปรอบ ๆ พลางกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ เพราะแต่ละคนก็มีรถยนต์หรูหลากยี่ห้อ มาจอดรอรับกลับบ้านทั้งนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ และขณะที่กำลังตัดสินใจจะเดินกลับบ้าน รถเบนซ์สีดำสุดหรูคันหนึ่งก็มาจอดขวางหน้าเขาไว้
“คุณยูคิ คุณริวยะให้มารับกลับบ้านครับ”
ทาคุ ซึ่งลุกมาจากที่นั่งคนขับ โค้งนิด ๆ ให้กับเด็กหนุ่ม ที่เกาศีรษะแกรก ๆ ด้วยความเขิน และก้าวขึ้นนั่งเบาะหลัง ที่ชายหนุ่มเปิดประตูให้อย่างลังเล
“เอ่อ...ขอบคุณครับ”
ทาคุโค้งรับ และเดินกลับมาประจำตำแหน่งคนขับ เคลื่อนรถออกไปจากโรงเรียน ระหว่างการเดินทาง ยูคิพยายามจะชวนชายหนุ่มคุย แต่ก็หวั่น ๆ กับบุคลิกเงียบขรึมของอีกฝ่าย เลยได้แต่นั่งลังเลอยู่อย่างนั้น
“เอ่อ....”
“อะไรหรือครับ”
ทาคุถามโดยไม่หันมามอง เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง ก่อนจะตัดสินใจกล่าวเบา ๆ
“คือบ้านกับโรงเรียนก็อยู่ใกล้แค่นี้ วันต่อไป ผมนั่งรถไฟไปกลับเองก็ได้ครับ”
“การมารับส่งคุณ เป็นคำสั่งโดยตรงของคุณริวยะ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลง ควรจะบอกกับคุณริวยะมากกว่าครับ”
ทาคุบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบซึ่งยูคิก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่ได้ฟัง
“งั้นผมพอจะคาดเดาคำตอบล่วงหน้าได้แล้วล่ะครับ”
ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ กับท่าทางปลงตกของอีกฝ่ายที่มองเห็นได้จากกระจกส่องหลัง
“คุณริวยะเองปกติแล้วก็เป็นคนรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นนะครับ ถ้าเหตุผลของคุณดีพอ ผมก็เชื่อว่าคุณริวยะคงไม่ขัดข้องอะไร”
ยูคิเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่ก็ลองบอกถึงเหตุผลของตัวเองให้ทาคุฟังก่อน
“ผมคิดว่ามันสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุน่ะครับ”
“ข้อนั้นตัดไปได้เลยครับ คุณริวยะไม่นับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นเหตุผลที่ดีแน่”
ทาคุตอบโดยไม่ต้องคิด ซึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง พลางอุบอิบตอบเบา ๆ
“งั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะครับ”
ทาคุยิ้ม ก่อนจะทำเหมือนกับจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“จริงสิครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากขอร้องคุณหน่อย”
เด็กหนุ่มได้ฟัง ก็สนใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำประโยชน์อะไรให้กับคนพวกนี้ได้มาก่อน
“อะไรหรือครับ”
“คือเรื่องการวางตัวกับพวกผมน่ะครับ ...ผม อากิระ รวมไปถึงคนงานทุก ๆ คนในบ้านด้วย”
ยูคิหน้าเสีย พลางคิดว่าเขาเผลอทำอะไรไม่สุภาพ หรือไม่เหมาะสมกับพวกคนที่บ้านมุราคามิไปบ้างหรือเปล่า
“ไม่ได้จะตำหนิคุณหรอกครับ คุณวางตัวได้มีมารยาทกับทุกคนในบ้านดี แต่ผมว่ามันไม่เหมาะสม เพราะพวกผมเป็นแค่คนรับใช้”
ทาคุอธิบายเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม แต่ยูคิก็รีบแย้งสวนไปทันที
“ไม่เกี่ยวกันนี่ครับ ก็ผมไม่ใช่คนของบ้านมุราคามิ เป็นแค่คนอาศัยเท่านั้นเอง”
“…ถ้าอย่างนั้น เวลาคุณเป็นคนของบ้านมุราคามิเต็มตัวแล้ว ก็ขอให้วางตัวเสียใหม่ได้ไหมล่ะครับ”
ยูคิฟังคำกล่าวนั้น ด้วยสีหน้างุนงง แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร รถยนต์ก็มาจอดที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์ตระกูลมุราคามิเรียบร้อย
“เชิญครับ” ทาคุที่ออกมาเปิดประตูให้กับเด็กหนุ่มโค้งเชิญอย่างสุภาพ ซึ่งยูคิก็เดินลงมาแต่โดยดี
“ท่านริวยะรอคุณอยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ”
ยูคิชะงักเมื่อได้ยินชื่อของผู้นำตระกูลมุราคามิคนปัจจุบัน เด็กหนุ่มเดินตามสาวใช้คนหนึ่งที่ออกมาต้อนรับ และนำเขาไปที่ห้องรับแขก
“คุณยูคิมาแล้วค่ะ ท่านริวยะ”
“อืม ให้เข้ามาได้”
สิ้นเสียงทุ้ม บานประตูเลื่อนก็ถูกเปิดออก ยูคิเดินเข้าไปในห้องรับแขกแบบญี่ปุ่น ซึ่งมีคนอยู่ภายในห้องก่อนแล้ว ...ริวยะ อากิระ และชายแปลกหน้าอีกคนที่เขาไม่รู้จัก
“ยูคิ มานี่สิ มานั่งข้าง ๆ ฉัน” ริวยะเอ่ยปากเรียก แต่ก็แฝงไปด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งกลาย ๆ
“อ่ะ...ครับ”
พอทรุดนั่งลงบนผืนเสื่อทาตามิ คนข้าง ๆ ก็เลื่อนกระดาษขาว ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนหน้านั้น มาไว้ตรงหน้า
“อะไรกันครับ” ถามอย่างสงสัย แล้วก็ต้องชะงัก ด้วยความตกตะลึง เมื่อร่างสูงกล่าวออกคำสั่งเสียงเข้ม
“เซ็นให้เรียบร้อย ฉันจะได้ให้คุณคามาดะไปจัดการต่อ”
“แต่นี่มัน...”
ยูคิกล่าวอย่างลังเล แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่ปล่อยให้เขาตัดสินใจนานนัก
“เซ็นให้เรียบร้อย เธอจะได้เป็นคนของตระกูลมุราคามิเต็มตัวเสียที”
ยูคิมองดูชื่อของตัวเองที่ถูกจัดการย้ายเข้าไปในทะเบียนบ้านในฐานะบุตรบุญธรรมของชายหนุ่ม แล้วก็ต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก มิน่า ทาคุ ถึงพูดอะไรทำนองว่า หากเขาเป็นคนของมุราคามิ เต็มตัวแบบนั้น
“ตะ...แต่”
“ไม่มีแต่ นี่ฉันเคารพการตัดสินใจของเธอ โดยการรอให้เธอมาเป็นผู้เซ็นด้วยตัวเองนะ ลำพังแค่ปลอมลายเซ็น แล้วจัดการเรื่องเอกสารให้เรียบร้อย ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากสำหรับฉันสักนิดเดียว”
คำพูดนั้น ทำให้ยูคิ ยอมจำนน ไร้ข้อโต้เถียง เด็กหนุ่มเซ็นชื่อลงบนกระดาษ ด้วยสีหน้าลำบากใจ และเมื่อผู้ชายที่ชื่อคามาดะ รับเอกสารไปแล้ว เขาก็ขอตัวกลับทันที
“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนล่ะนะครับ คุณริวยะ”
“เชิญครับ ขอบใจมากที่มาเป็นธุระให้ อากิระ ไปส่งคุณคามาดะให้เรียบร้อยด้วย”
อากิระ โค้งรับคำสั่ง และเดินนำออกไป ทำให้ในห้องเหลือเพียงแต่ ริวยะ กับ ยูคิ สองคนเท่านั้น
“ถ้าเสร็จธุระแล้วผมขอตัวกลับห้องนะครับ”
เด็กหนุ่มกล่าว พร้อมกับลุกขึ้นยืน และเตรียมจะเดินออกไป แต่ก็ถูกมือแข็งแกร่งของร่างสูงฉุดให้เซลงไปซบกับอกกว้างทันที
“อ๊ะ!”
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยกับฉันก่อนสิ”
ยูคิพยายามยันกายหนีจากอกกว้างของอีกฝ่าย แต่ยิ่งหนี ก็ดูเหมือนอ้อมแขนนั้นจะรัดแน่นขึ้นทุกที
“คุยก็ได้ครับ... แต่นั่งคุยดี ๆ ได้ไหมครับ”
เจ้าตัวพยายามต่อรอง เพราะกลัวใครจะโผล่มาเห็นท่าทางที่น่าอายนี้เข้า แต่ริวยะก็ไม่สนใจ เขาจับพลิกร่างบางให้กลายเป็นนั่งตักเขาอย่างง่ายดาย จมูกโด่งคมสัน ก็คลอเคลียซอกคอขาวเนียนเล่นไปมา จนเด็กหนุ่มสะท้านไปทั้งกาย
“อา....อย่าครับ” ยูคิครางเสียงแผ่ว ริวยะได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมเสื้อนักเรียนของร่างบางออกทีละเม็ด ก่อนจะล้วงเข้าไปลูบไล้ ผิวหนังเนียนขาวอย่างถือสิทธิ์เต็มที่
“ไม่เห็นร่างกายของเธอบอกอย่างที่พูดเลยนี่นา ดูสิ มันตอบรับฉันออกขนาดนี้...”
นิ้วมือของชายหนุ่มบีบเค้นยอดอกที่แข็งเป็นไต ด้วยลีลาปลุกอารมณ์ อันเชี่ยวชาญของอีกฝ่าย ทำให้ยูคิเผลอครางออกมาด้วยความลืมตัว มือเรียวบางจับที่แขนของร่างสูงอย่างร้องขอ
“อย่า...ได้โปรด...ไม่ใช่ที่นี่”
ริวยะเหยียดยิ้ม ก่อนที่จะประกบริมฝีปากของตนลงไปบนกลีบปากนุ่มนั้นอย่างเร่าร้อน เนิ่นนาน กว่าจะยอมตัดใจละจากความหวาน ของเด็กหนุ่มมาได้
“คราวนี้ฉันยอมตามใจเธอก็ได้...ว่าแต่จะไปที่ห้องเธอ หรือห้องฉันดีล่ะ”
เด็กหนุ่มหายใจหอบ ปรือตามอง ไม่มีคำตอบ เพียงแต่ใบหน้าแดงระเรื่อนิด ๆ นั้น ทำให้คนถามแทบจะอดใจไม่ไหว จึงตัดสินใจแทนให้ และจัดการช้อนร่างบางลอยตัวขึ้น เดินออกไปจากห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว
“งั้นไปห้องฉันแล้วกัน”
ริวยะอุ้มร่างบางที่ซุกหน้ากับอกกว้างมาตลอด เพราะระหว่างทางที่จะไปห้อง เขาพบคนงานภายในบ้าน 2 – 3 คน ซึ่งแต่ละคนพอเห็นก็โค้งกายนอบน้อมหลบให้ชายหนุ่มเดินผ่านโดยไม่ได้เงยหน้ามองพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ยูคิก็ยังคงรู้สึกกระดากอายมากอยู่ดี
“ถึงห้องฉันแล้ว” น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบบอก พลางใช้เท้าเขี่ยเบา ๆ ประตูเลื่อนก็เปิดออกได้อย่างง่ายดาย
“เริ่มกันเลยแล้วกัน” ร่างสูงบอกหน้าตาเฉย ขณะที่วางร่างในอ้อมกอดลงบนเตียง
“มะ...ไม่ได้ครับ” ยูคิรีบยันแผ่นอกกว้างของคนที่กำลังโน้มกายลงมาจูบเขาทันที
“มีปัญหาอะไรอีกล่ะ”
ริวยะบอกด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด แต่เมื่อคนบนเตียงพึมพำบอกอะไรบางอย่าง เขาก็ยิ้มออกมาได้ และลุกขึ้นเดินไปปิดประตูห้องให้เรียบร้อย จากนั้นก็กลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“คราวนี้คงไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วนะ”
“เอ่อ....” ยูคิทำท่าจะหาเรื่องมาแย้งอีก เลยทำให้ริวยะหมดความอดทน ชายหนุ่มจับร่างบางกดราบไปกับเตียงนอน และตัวเขาก็ทาบทับตามมา ทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดสูทเต็มยศ
“ดะ...เดี๋ยวเสื้อผ้าจะยับหมดนะครับ”
“ยับก็รีดใหม่ได้” ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจ ริมฝีปากลากไล้จากคอขาวนวล ไล่ลงมาจนถึงแผ่นอกเนียน
“อา....คุณริวยะ” ยูคิเผลอหลุดเสียงครางออกมาเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มใช้ริมฝีปากขบเม้ม และแทะเล็มยอดอกที่แข็งเป็นไตนั้นเล่นอย่างหยอกเย้า
“อ๊ะ....อื้อ...อย่า”
ร่างบางบิดกายไปมา รู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่าง จากนั้นมือใหญ่จึงจัดการปลดเข็มขัด และตะขอกางเกงของเด็กหนุ่มออก กางเกงขายาวถูกรูดออกไปจนสุดปลายขา เหลือแต่เพียงกางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียว ความต้องการที่ถูกปลุกเร้ารั้งตึงจนชายหนุ่มเห็นได้ชัด
“อืม...เธอเองก็ต้องการเหมือนกันสินะ”
“มะ...ไม่ใช่ ...อา!” ยูคิหลุดครางออกมา เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงไปที่กลางลำตัวของเขา มือใหญ่ข้างหนึ่งดึงกางเกงชั้นในของเด็กหนุ่มลงมา เผยให้เห็นแก่นกายที่กำลังตื่นตัวผงาดตรงหน้า
“ไม่....อย่ามอง ...ได้โปรด”
ร่างบางขอร้องด้วยใบหน้าแดงก่ำ พยายามเอามือมาปิดของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็น เขารู้สึกอับอายเหลือเกิน ที่ต้องเปิดเผยของลับต่อหน้าคนอื่น ตรง ๆ แบบนี้
“อย่าปิดสิ ยูคิ ... ไม่เห็นมีอะไรตรงไหนน่าอายสักหน่อย”
แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ยอมเชื่อเขาแล้วในคราวนี้ ริวยะถอนหายใจเบา ๆ พลางปัดมือบางที่พยายามป้องกันตัวเขาออกไป และใช้มือของตนประคองส่วนนั้นของเด็กหนุ่ม ก่อนจะดูดกลืนมันไว้ภายในริมฝีปากอันอบอุ่นของตนเอง
“อ๊า...ยะ...อย่า...อื๊อ....อือ....”
ยูคิ ร้องครวญครางเสียงหลง ความรู้สึกยามนี้ที่ริวยะปรนเปรอให้ มันช่างทำให้เขารู้สึกดี จนยากจะปฏิเสธได้ลง มือไม้ที่พยายามดันให้ศีรษะของชายหนุ่มออกไปจากกลางลำตัวก่อนหน้า กลับกลายมาเป็นขยุ้มเส้นผมของอีกฝ่าย ด้วยความเสียวซ่านแทน
“อึก...อ๊ะ!”
เด็กหนุ่มทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายปลดปล่อยออกมาก่อนภายในปากของชายหนุ่ม แผ่นอกเนียนขาวกระเพื่อมตามจังหวะหอบหายใจ เมื่อริวยะถอนริมฝีปากออกมา
“ต่อเลยนะ ยูคิ”
ร่างบางปรือตามองอีกฝ่ายอย่างงุนงง และกว่าจะเข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง ร่างของตนก็ถูกพลิกคว่ำให้นอนราบไปกับเตียงเสียแล้ว
“อ๊ะ...มะ...ไม่นะครับ พรุ่งนี้...ต้องไปเรียน”
ยูคิรีบเอ่ยท้วงอีกฝ่ายทันที ที่เห็นว่าร่างสูงกำลังสอดนิ้วเรียวยาว เข้ามาสำรวจภายในร่างของตน
“ไม่ต้องเป็นห่วงน่า ฉันไม่ทำหลายรอบหรอก”
คำตอบที่ไม่ได้ช่วยสร้างความสบายใจอะไรให้เลยสักนิด แต่ก็ไม่อาจสามารถปฏิเสธได้ ร่างบางบีบรัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาภายในอย่างแรง จนคนที่ทดสอบความพร้อมจากอีกฝ่ายพอใจ เขาดึงนิ้วออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม และจัดการปลดเข็มขัดกางเกงของตนออก รูดซิบ และหยิบแก่นกายแข็งขึงออกมาเตรียมจ่อไว้ตรงปากทางเข้า ที่สั่นสะท้านรอคอย ตามความต้องการของร่างกาย
“อ๊ะ......อ๊า! ไม่! ไม่!”
ยูคิร้องลั่น พลางสั่นศีรษะไปมา.... ความเจ็บปวด แม้จะไม่เทียบเท่ากับครั้งแรก แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บมากอยู่ดี ริวยะดันเข้าไปได้ครึ่งทางก็ต้องพบกับการบีบรัดอย่างรุนแรงจากภายใน
“อย่าเกร็งสิ...ยูคิ ผ่อนคลายหน่อย... นั่นล่ะ ...อย่างนั้น แล้วเธอจะไม่เจ็บ...”
“อื้อ...อะ...อ๊ะ...คุณริวยะ”
ยูคิทำตามคำบอกนั้น แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าจะคลายความเจ็บลงได้บ้าง แต่เมื่อแรงบีบรัดเริ่มลดลง ชายหนุ่มก็กระแทกแก่นกายของตนเข้ามาจนมิดในทีเดียว
“อ๊า!!!!!!”
เด็กหนุ่มกรีดร้องสุดเสียง มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่น น้ำตาไหลรินด้วยความเจ็บปวด ริวยะก็ยังคงค้างของเขาไว้ในร่างบางอยู่เช่นนั้น ชายหนุ่มพยายามอดกลั้นความต้องการของตัวเองไว้ก่อน เขารอจนภายในของอีกฝ่ายเริ่มปรับตัว และคลายการบีบรัดลงบ้าง จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้า ๆ และเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างข้างใต้เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างน่าพึงพอใจ เวลาแห่งความสุขผ่านไปได้พักใหญ่ จนกระทั่งถึงใกล้ถึงจุดสุดท้ายแห่งความหฤหรรษ์อันแสนร้อนแรงนี้
“อ๊ะ...คุณริวยะ! คุณริวยะ!”
ยูคิเรียกชื่อของอีกฝ่าย ด้วยเสียงครางดังลั่น ร่างทั้งร่างเกร็งกระตุกวูบ เมื่อชายหนุ่มปล่อยสายธารแห่งความสุขเข้าไปภายในร่างกายของเขา
“ยูคิ...” ริวยะฟุบหน้าลงบนแผ่นหลังเนียน และพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังนั่น โดยที่ยังคงไม่ยอมถอนกายออกมา
“...คุณริวยะ...นะ...ไหนบอกว่าแค่รอบเดียวไงครับ”
ยูคิกล่าวเสียงสั่น ใบหน้าแดงก่ำ เมื่อรับรู้ถึงความตื่นตัวข้างในร่างกายของเขาจากชายหนุ่ม
“ช่วยไม่ได้นี่ ก็เธออยากทำให้ฉันรู้สึกดีทำไมล่ะ”
ร่างสูงตอบง่าย ๆ และก่อนที่ร่างบางจะทำการประท้วง เขาก็ถอนกายออก และจับร่างของอีกฝ่ายให้พลิกหงายกลับคืน พลางประกบจูบเร่าร้อน เพื่อหยุดคำพูดที่จะตามมานั้นเสีย
“อีกรอบนะ”
คำกล่าวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากคนที่เพิ่งจะถอนริมฝีปากออกมา ยูคิสั่นหน้าเตรียมปฏิเสธ แต่ก็ถูกอีกฝ่ายปรนเปรอด้วยลีลาอันเชี่ยวชาญ จนต้องหลวมตัวร่วมมือไปด้วยอีกครั้งหนึ่ง
และแล้ว เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็ต้องหยุดเรียน หลังจากที่เพิ่งจะได้ไปเรียนเมื่อวานเป็นวันแรก เพราะตั้งแต่ตอนเย็นจนกระทั่งเช้า ริวยะไม่ยอมปล่อยตัวเขาออกจากห้องเลย และก็แน่นอนว่า ไม่มีใครในบ้านที่จะกล้าเข้ามาขัดจังหวะของทั้งคู่ ดังนั้น ยูคิจึงต้องนอนซมอยู่กับบ้านตลอดทั้งวัน เพียงแต่โชคดีที่คราวนี้ เจ้าตัวเพียงแค่อ่อนเพลีย ไม่ถึงกับไข้ขึ้นอย่างคราวที่แล้ว ....
====
TBC
====
ช่วงนี้ยังไม่ได้เช็คคำผิดไว้สต๊อกล่วงหน้า เลยแปะตอนนึงก่อนนะคะ ไว้ตรวจทานเสร็จไว จะแปะควบสองตอนเหมือนก่อนหน้านั้นให้อีกรอบค่ะ ^ ^"