[เรื่องเล่า] เสือไบ:the series
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องเล่า] เสือไบ:the series  (อ่าน 411633 ครั้ง)

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #30 เมื่อ21-06-2007 16:22:17 »

เบื่อเหมือนกันที่เราสองติดแต่เพื่อนสอบไม่ติด  เพราะมักโดนเพื่อนค่อนขอดตลอด

ปล.  อ่านแล้วเห็นภาพเลย  สมัยนั้นมันก็เหมือนๆ กันหมดเลยเนอะ  เด็กบ้านนอกพอกัน

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #31 เมื่อ21-06-2007 16:24:48 »

เบื่อเหมือนกันที่เราสองติดแต่เพื่อนสอบไม่ติด  เพราะมักโดนเพื่อนค่อนขอดตลอด

ปล.  อ่านแล้วเห็นภาพเลย  สมัยนั้นมันก็เหมือนๆ กันหมดเลยเนอะ  เด็กบ้านนอกพอกัน

 :m7: :m7: :m7: :m7:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #32 เมื่อ24-06-2007 02:15:29 »

(ตอน 7)


เหลังจากกลับมาจากตัวจังหวัดในตอนเช้าผมรีบบอกผลสอบให้แม่รู้ครับ แม่ผมดีใจมากผมถามแกว่าจะเรียนที่ไหนดีแกบอกว่าแล้วแต่ผมล่ะกัน ....ตัวผมก็ยังสองจิตสองใจอยู่ครับ แต่ ก็เอียงไปทาง มช. มากกว่า(คือ คิดว่าน่าจะเท่ห์กว่าอีกอย่าง มีผู้หญิง เยอะกว่าด้วยมั๊ง)ผมบอกแม่ว่าผมจะไปสมัครสอบที่กทม.อีก ขออยู่นานเลยครับ พอแม่รู้ว่าผมจะไปสอบที่ รร.ในหน่วยงานของราชการแห่งหนึ่ง แม่ผมเชียร์ใหญ่เลยครับ แกอยากให้ผมติด และเป็นราชการเพราะ ครอบครัวของผมเป็นราชการมาตั้งแต่ ปู่ พ่อ ... และก็ อาจจะเป็น ผม.......


แม่ผมให้ผมโทรเลขมาบอกลุงที่ กทม.ก่อนจะได้ จัดเตรียมที่พักไว้ให้.... (ที่ต้องโทรเลขเพราะเมื่อก่อนไม่มีโทรศัพท์ทั้งที่บ้านผม และที่บ้านลุงที่ กทม.ครับ จะไปหาต้องโทรเลขไปบอก) หลังจากนั้นผมก็ไปบ้านไอ้ใหญ่ครับบอกว่าแม่อนุญาติแล้ว มันดีใจใหญ่ เลย


"อือ ช่วยหมาชักครั้งไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่มรึงไม่ต้องออกค่ารถให้กรูก็ได้ กรูออกเองแต่ค่าสมัครสอบ ...มรึงออกนะเว๊ย" ผมบอกมัน แม้บ้านมันจะรวยกว่าผมแต่ผมก็ไม่อยากจะเอาเปรียบมันครับมันยิ่งจิตใจแย่ๆ อยู่ นัดรวมพลตอนขึ้นรถ.สี่ทุ่ม ..........


และแล้วพวกผมก็มา กทม. มากับรถ บขส.นั่นแหละ  แต่ละคนแต่ตัวกันเท่ห์ทั้งนั้น(ถ้าใครคิดว่าใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนขาดๆ รองเท้ารีบอกซ์ สวมแว่นตาเลย์แบนด์ ผิดครับ)เรา ใส่ชุดนักเรียนนั่นแหละครับ เพราะสมัยนั้น เขาจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง เรานั่งกันแถวหลังสุดสี่เบาะเรียงกันพอดี ......บ้านนอกเข้ากรุงดีๆ นี่เอง


"ไอ้จ๋อย เบาๆ หน่อยหว่ะ กรูอายเค้า"ผมบอกมัน ก็มันเล่นถามนั่นถามนี่ ถามว่าอะไร ที่ไหน ตั้งแต่รังสิตแล้วครับ คนก็หันมามองบ้าง หัวเราะบ้าง....... เพื่อนกรู


หลังจากลงจากรถ ผมก็ลากไอ้สามเกลอของผมเข้า ไปนั่งในสวนจักตุจักร


"ที่ไหนฟะ " อ้ายจ้อยมันถามอีกแล้ว


"สวนสัตว์เขาดินไง"มันชะเง้อมองหาไร "ไม่เห็นมีสัตว์สักตัวเลยมรึง"


"ก็มรึงไง" อีกสองตัวหัวเราะตาม


"แล้วเราจะไปไหนกันต่อฟะ "ไอ้ใหญ่ถามผม


"นั่ง แถวนี้แหละ ใครอยากเข้าห้องน้ำก็ตรงนั้น อาบน้ำได้ แต่เสียตังส์"ผมชี้ "หลังจากนั้นก็ไป สถาบันการบินฯ ตรงนั้นไง" ผมชี้ไปไกล


" ไรฟะ ใกล้กันแค่นี้เอง กรูไม่น่าขอมรึงมาเป็นเพื่อนเลย " อือ อือ .....ตกลงมันโง่หรือมันบ้านนอกฟะนี่... สายๆ เราไปสมัครสถาบันการบินพลเรือนกันครับ โหหรูโคตรๆ


"เอ๊ยใหญ่ มรึงซื้อใบสมัครมาชุดเดียวก่อนน่ะ กรูว่ามันหรูไปหว่ะ มันจะแพงไปเหรอเปล่า ฟะ" ใช่ครับ ห้องที่จะไปสมัครเหมือนประมาณสถานทูตเลยครับมีธงชาติประเทศต่างๆ ตั้งเต็มไปหมด.....ตรงห้องที่ไปซื้อใบสมัครปูพรมอย่างดี หรูซะ หน้าตึกมีประมาณเครื่องบินเล็ก น่านั่งดี แต่มาคิดดูอีกทีคงไม่มีปัญญาเรียนครับ ค่าเทอมประมาณเทอมละหมื่นกว่า อีกอย่างผมสายตาสั้นด้วย คงเป็นไม่ได้หรอก....เป็นได้ประมาณช่างซ่อมเครื่องอะไรพวกนี้แหละ


 "เอาไง ฟะ พวกมรึงจะสมัคร กันเปล่า" ไอ้ใหญ่ถามย้ำ ไอ้ป้อม ไอ้จ๋อย ส่ายหน้างืดๆ เฮ้อ ไหนจะค่าเทอมแพงแล้ว ตอนสอบข้อสอบเป็นประมาณภาษาอังกฤษหมด


"มรึงสมัครไปล่ะกัน กรูเห็นราคาค่าหน่วยกิตแล้วไม่ไหวหว่ะ บ้านกรูไม่รวยเหมือนบ้านมรึงนะ สาด"


"อือ สอบกับกรูหน่อยน่ะ กรูออกให้" ผมปฎิเสธถึงจะสอบติดแต่ก็คงไม่มีปัญญาเรียนหรอกครับบ้าน


"ไม่น่ะมรึงสมัครเถอะ" ผมตัดสินใจแล้วครับ


เสร็จจากธุระที่สถาบันการบินฯ แล้วผมก็พาพวกบ้านนอก(รวมทั้งผมด้วย)ไปเดินตากแดดหัวดำที่สวนจักตุจักร เดินไป เหล่หญิงไป เหล่ไปเหล่มา  หลง กันครับ ตายล่ะพวกมรึง จะกลับกันอย่างไง   ผมเดินหาพวกมันแทบแย่เลยครับ โทรศัพท์ก็ไม่มี จะไป บอกยาม ไม่ไหว ห่วงก้อห่วง เฮ้อ เกิดพวกมรึงไปโดนจับไปกรูจะทำไงนี่ จะบอกพ่อแม่พวกมรึงนี่ ผมเดินจนสวนเลิกครับ โห ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ทั้งหิว ชุด นร. ที่ขาวๆ ครับตอนนี้ แทบจะดำเลยครับ คราบเหงื่อ ขี้เกลือเต็มไปหมด ท้อมากเลยครับ เลยมานั่งที่ป้ายรถเมลล์ รอตรงนี้แหละ คือคิดว่าถ้ามันจะออกไปบ้านผมมันต้องมารอป้ายรถเมลล์ ป้ายนี้(คือ หน้า สถาบันการบินฯ) โห สาด พวกมันมานั่งทำหน้าบ้านนอกรอผมนี่เอง สาด.... อุตส่าห์เดินตามจนหอบ


"ป๊าบ" ผมระบายอารมณ์ ใส่หัวไอ้จ่อย เสียงดังดีแท้ๆ


"โหนึกว่า ไปเขาดินซะแล้วพวกมรึง กลับเถอะ กรูเพลียแล้ว นั่งแท๊กซี่ไปนะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ตาจะปิด"  ถึงบ้านลุงผม หลับเป็นตายเลย


เช้าวันรุ่งขึ้นเราต้องไปซื้อใบสมัครที่ รร.ที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาล แห่งหนึ่งครับ แถวปากเกร็ดครับ  เปิ่นอีกแล้วครับงานนี้


"ถ้ามรึงเห็นสะพานลอย คนข้ามสีเขียวให้ลงเลยนะ ช่วยกรูดูด้วยกรูไม่เคยมา"ผมบอกพวกมัน ผมมาต่อรถ 104 ที่อนุสาวรีย์ครับ สมัยก่อน มันยังวิ่งถึงอนุสาวรีย์อยู่ นั่งไปประมาณนานมากๆ  จะหลับ ก็ไม่กล้า เพราะกลัวหลง ทั้งสี่คนไม่มีคนเคยมาเลยสักคน จะไปแท๊กซี่ก้อแบบว่านะ ประหยัดไว้ก่อน


"เอ๊ย เห็นแล้วๆๆๆ " ไอ้ป้อมรีบบอก พวกเรา รีบลงไปที่ประตูทางลงเลยครับ แต่ทว่าเลยป้ายแล้ว กว่าจะกดออด เอ้อเลยป้าย แถมยังโดนกระเป๋าด่าอีก เพราะกดตั้งสามครั้ง (อือ อย่าว่าพวกผมเลยนะพี่ พวกผมมันบ้านนอก ฮิ ฮิ)


เดินย้อนป้ายมา ร้อนโคตรๆ แต่สถานที่ไปสมัคร บรรยากาศ แบบต่างจังหวัดเลยครับ(ไม่เหมือนสมัยนี้รถติดตั้งแต่ ห้าแยกปากเกร็ด ยันแคราย) มีโรงพยาบาลด้วยแฮะ


"เอ๊ยใหญ่...ที่นี่น่าเรียนหว่ะ มีโรงบาลด้วย น่าจะมีนักศึกษาพยาบาล น่ะ"


" อือ ไหนๆ นั่นๆ พยาบาลเดินมาโน่นแล้ว สวยๆ ๆๆ" ไอ้ใหญ่ ทำท่าหื่นอีกแล้ว เออกรูจะบ้าใครจะสนมรึงฟะไอ้บ้านนอก.....


เราใช้มุขเดิมครับคือซื้อใบสมัครชุดเดียวก่อนแล้วเอามาดู อือ น่าเรียนดี เรียนฟรี ไม่ต้องเสียค่าเทอม ค่าหอพัก เสียแต่ค่ากิน จบมา ทำงานใช้ทุน ในหน่วยงานราชการ เรียนสามปีครึ่งใช้หนี้สองเท่า ... น่าสนๆ ผมคิดว่าถ้าแม่ผมรู้น่ะต้องเชียร์สุดใจแน่เลย พวกผมเลยสมัครไว้เลย.. พอดีเอาเอกสารต่างๆ เตรียมมาเลย .......สมัครเสร็จมีพี่ที่เค้ารับสมัครบอกว่า รร. อยู่ตรงนั้น พวกเรา เลยเดินไปสำรวจดูหน่อย อือ น่าเรียนดีบรรยากาศ เหมือน รร.เก่าเลย มีหนองมีบึงติดแม่น้ำ มี รพ.มีสนามกีฬา เพียบ .........


พวกเรามี เวลาเตรียมสอบ สองอาทิตย์ ครับ เราตั้งแคมป์อ่านหนังสือที่บ้านน้าไอ้ใหญ่แถวดอนเมือง (ความจริงมันก็มีบ้านญาติที่ กทม. ดันมาค้างบ้านลุงกรูอีก เปลือง ข้าว เปลืองอากาศ ถ้าไม่เห็นเป็นเพื่อน กรู.... น่ะ มรึง....... ล้อเล่นนะเฟ๊ย)ประมาณเขตสีกันครับ เข้าไปลึกมากๆ ดึกๆ นี่ไม่ต้องห่วงครับ ออกมาไม่ได้..พวกเราต้องสอบที่เข้า รร.หน่วยงานของรัฐก่อน แล้วค่อยสอบสถาบันการบินฯ ทุกคนดูตั้งใจอ่านหนังสือ ,ช่วยกันติวเพราะทางเลือกเหลือน้อยแล้ว ถ้าไม่ติดมีหวัง มร. อย่างเดียว......


วันสอบ พวกเราออกมาตั้งแต่ ตีห้าเพราะนอนกันที่ดอนเมืองกว่าจะถึงปากเกร็ดโรงเรียนที่สอบแปดโมงพอดี ..... สอบสองวันครับ พอสอบเสร็จวิชาสุดท้าย มันท้อจริงๆ แต่ละคนออกมาแทบจะไม่ยิ้ม เลยครับ ข้อสอบ ยากว่าเอนทรานซ์(เอ็นเล็ก)ของเชียงใหม่ที่ผมสอบซะอีก....ทุกคนได้แต่ปลง ผมก็คิดว่าผมคงไม่ติด ขนาดผมยังไม่เหลือแล้วพวกมันล่ะ.......หลังจากนั้น พวกผมต้องส่งไอ้ป้อม ไอ้จ๋อยกลับต่างจังหวัดก่อน ครับ มันไม่รู้จะอยู่ทำไม ส่วนผมมีหน้าที่ต้องติวภาษาอังกฤษ ให้ไอ้ใหญ่มันเพราะ ข้อสอบของสถาบันการบินภาษาอังกฤษครับ


"ใหญ่ ถ้ามรึงได้เป็นนักบิน มรึงจะลืม กรูเหรอเปล่าฟะ" ผมถามมันขณะติวให้มัน


"ไม่ หว่ะ มรึงก็รู้นิสัยกรูดี"


"มันไม่แน่ นะเฟ๊ญ ของแบบนี้ มรึงได้บินรอบโลก อิจฉาหว่ะ อย่าลืมเอาหญิงมาฝากกรูบ้างนะ กรูชอบ " ผมพับกระดาษเป็นรูปเครื่องบิน  เขียนชื่อมันติด


"กรูดีใจที่มีเพื่อนเป็นนักบิน"


" เหี้ย กรูสอบติดเปล่ายังไม่รู้เลย ว่าแต่มรึงเถอะ ถ้ามรึงได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง มึงจะลืมพวกกรูเปล่าฟะ ถ้าลืมกรูจะไปเล่นดนตรีเปิดหมวกหน้าที่ทำงานมรึง"


เอากับมันเข้าไป นี่แหละครับมิตรภาพระหว่างเพื่อนฝูง.... ผมกับมันซี้กันมากๆ ครับกินด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน จีบสาว เที่ยวหญิงด้วยกัน.....................


"สัญญานะ ถ้ามรึงได้เป็นนักบินมรึงจะไม่ลืมกรู "


"มรึงก้อต้องสัญญานะ ว่าถ้ามรึง เป็นนักวิทยาศาสตร์ มรึงก้อไม่ลืมกรูเหมือนกัน"


"จับ มือ สัญญา" เด็กน้อยกันจริงๆ ครับ (ถ้าข้ามไปถึงอนาคต กรู กับมรึงก็ไม่มีใครผิดสัญญานะเฟ๊ย เพราะ .......................)


วันสอบ ไอ้ใหญ่มาค้างบ้านลุงผเพราะมันใกล้สถานที่สอบมากกว่า ผมไม่ได้สอบแต่ต้องมาส่งตามสัญญา สอบวันเดียว........ อือ เบื่อชมัด การรอคอยเป็นอะไรที่หน้าเบื่อจริงๆ  นับหัวคนเดินไป เดินมา แก้เบื่อ ไปเกือบ สี่โมงเย็น  โห มันเดินคอตกหน้าซีดเป็นไก่ต้ม หลังวันไหว้ ออกมา.........


"เอ๊ย เป็นไงพวก ทำได้เปล่า"  ผมถามมันก่อน


"ได้ ทำ กลับเถอะ กรูเหนื่อย" มันคงเครียดกับการสอบจริงน่ะ หน้าตามันแย่มากๆเลยครับ


"อือ ได้ เจอกันตอนวันประกาศผลที่ปากเกร็ดนะ" อีกประมาณ 5 วันแหละครับ ช่วงนี้ผมอยู่เที่ยวกรุงเทพ สบายใจครับ ไม่ต้องไปสอบที่ไหนแล้ว อย่างน้อย ก็เป็นนักศึกษา มช.   .......


วันไปดูผลสอบ ผมไปดูเองครับ (ไอ้ใหญ่บอกว่ามัน จะไปช่วงบ่าย,ส่วนไอ้ป้อม,ไอ้จ๋อย มันให้ใหญ่ดูให้ครับ) คราวนี้ไปถูกครับ ไม่หลง...ไม่บ้านนอกอีกแล้วฮ่าฮ่า....


ประกาศผลครับ ตัวจริง 100 คน พวกผมสี่คน ไม่มีใครสอบติดครับ เกือบหมดหวังครับ เหลือบตาไปมอง เอ๊ะ มีประกาศตัวสำรองด้วย ลองดูซักหน่อยก้อไม่เสียหายนี่  ผมติดครับ แต่อันดับที่ 9 โห คงจะได้ล่ะนะผมคิดตอนนั้น(เรียนฟรี จบมาเป็นราชการ มีงานทำใครจะไม่เอาวะ) มีหมายเหตุด้วยครับ ถ้ามีคนสละสิทธิ์จะส่งจดหมายเรียกตัวมาทำสัญญาภายใน 2 อาทิตย์


" หมดสิทธิ์ แน่" แม่ผมรู้เรื่องก้อดีใจครับ "โห ไรแม่ เอกว่าไม่มีหวังหรอก คนตั้งร้อย"


"คนเราต้องมีความหวัง นี่ลูก 9 คนเอง เดี่ยวแม่ไปบน ศาลพระภูมิ ก่อน"


(แม่ผม เอาอีกแล้ว แต่ปล่อยแกเถอะ ทำแล้วสบายใจก็ทำไป ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะครับ ของแบบนี้)


ส่วนผมน่ะเหรอครับ ไม่หวังแล้วครับตอนนี้เตรียมตัวเป็นนักศึกษาของ มช. ไปแล้ว


วันไปรายงานตัวที่ มหาลัย พวกเราต้องไปกันทางรถไฟ  มีรุ่นพี่มาคอยต้อนรับประมาณรับน้องใหม่แหละครับเป็นครั้งแรกครับ ที่ผม ได้สัมผัสบรรยากาศแบบมหาลัย พี่เค้าก็ร้องเพลงเต้นประมาณเพลงเชียร์ไรแบบนี้แหละ


พวกผมที่สอบติดกัน 7 คนมารวมตัวกันที่ สถานี้รถไฟตัวจังหวัดครับ แต่หลังจากนั้นเราต้องแยกไปคณะใครคณะมัน เมื่อรุ่นพี่เช็คชื่อเสร็จเราก็ขึ้นรถไฟ ไปเชียงใหม่ บรรยากาศอบอุ่นมากๆ เลยครับ รุ่นพี่เทคแคร์แบบสุดๆ ผมได้รู้จักเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันคุยกันรู้สึกถูกคอดี กะว่าจะชวนมันเป็นรูมเมท ครับ สามคน หลังจากนั้นจะมีรถบัสมารับเข้าหอ ตอนนั้นจำได้ครับว่าประมาณหอใหม่ใกล้หอนาฬิกาประมาณหอสี่ นี่แหละ พี่ๆ  ให้เข้าพักตามรายชื่อที่จัดไว้ โห เหมือน คิดเลยครับ ผมได้พักกับคนที่ผมคุยถูกคอจริงๆ พักห้องละสามคน (มารู้ทีหลัง ชื่อมันติดกันนี่เอง) คุยกันสัพเพเหระทั้งคืนแทบจะนอนไม่หลับครับ แปลกที่แปลกคน จะไปหาเพื่อนที่โรงเรียนเก่าก็ไม่รู้ว่าพวกมันพักกันห้องไหน ลงไปกินข้าวก็ไม่เจอใครเลยนี่


เช้าวันต่อมา หลังจากตรวจร่างกาย ทำบัตรนักศึกษา รับตารางลงทะเบียน พี่ๆ ก้อเรียกรวมพล อีกแล้ว ประมาณว่าเริ่มซ้อมเพลงเชียร์ไรประมาณนี้แหละ ผมน้ำลายไหลแล้วไหลอีก (พี่ๆ สวยน่ะ) เฮ้อ ป่านนี้ยัยกระเหรี่ยงของผม จะเป็นไงบ้างนี่ .....ไอ้ใหญ่ ไอ้จ๋อยไอ้ป้อมอีก  อยู่นี่ก็ยังไม่สนิทกับใคร ถึงจะมีเพื่อน รร.เก่า 7 คนที่สอบติดมาด้วยกัน แต่มันอยุ่ไหนกันบ้างผมยังไม่ได้เจอเลย มาสามวันซ้อมเพลงเชียร์ จะมีก็รูมเมทแหละ ชื่อชัย กับชื่อโจ๊ก ........วันที่สี่ของการใช้ชีวิตใน มช. ไปไหนทีต้องใช้จักรยาน เดินไปขาลากหมด...ผมคงต้องหามาสักคันแล้ว ไม่ไหวครับ ไปตึกนั้นทีตึกนี้ ที ขาลากพอดี.......วันนี้ผมต้องลงทะเบียนแล้ว นัดกับรูมเมทกันจะออกไป ช่วง 10 โมง ผมก้อมานั่ง ตรงระเบียง มันสองคนหลับอยุ่ เพราะตอนนี้ประมาณ 8 โมงผมนอนไม่ค่อยหลับมันแปลกที่... ไกลบ้าน....วันจากแม่มาผมแทบจะร้องไห้เลยครับ ไม่เคยไปไหนจากแม่ผมนานแบบนี้... อย่างมากก็ไปกรุงเทพไปแล้วก็กลับ เฮ้อ ที่นี่ไม่รู้จะคุยกับใคร มันเหงา......สักพักผมได้ยินเสียงโพนครับ " นายเอก.............. ห้อง 446  อยู่เปล่า มาพบญาติ ที่ ล๊อบบี้ ด้วยครับ" สี่ ห้าครั้งได้ครับ ที่แรกผมไม่สนใจครับ แต่เอ๊ะชื่อผมนี่ ผมมีญาติที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ผมเลย รีบวิ่งออกไปโฟน กลับ "ครับ จะลงไปเดี่ยวนี้ แหละ ครับ " แต่ เอ๊ะ ใครล่ะ  ญาติผม......คิดไม่ออก


ผมมาถึงล๊อบบี้กวาดสายตาหาญาติผม...... อ้าวนั่น แม่ น้า ผมนี่ มาทำไมนี่ เกิดอะไรขึ้น ผมชักกใจเสีย..(พ่อผมเสียตั้งแต่ผม อายุ 9 ขวบแล้วนะครับ)


" แม่ จ๋า มาหาเอกทำไมนี่ " ผมถาม ไปหอบไป วิ่งลองมาหลายชั้น แม่ผมยื่นจดหมายให้


" ดีใจด้วยนะ เค้าเรียกลูกไปรายงานตัวที่ .......... พรุ่งนี้เช้า เอาไง ถ้าจะไปก็ไปกับแม่ได้เลย เดี่ยวน้าเค้าจะไปส่ง" ผมชักลังเล แล้วแฮะ อยู่ที่นี่ ก้อดี นะ ช่วงแรกเหงาหน่อยอีกหน่อยก็คงดีมั๊ง


"แล้ว แม่จะให้ผมเลือกอะไรล่ะ ผมไม่รู้" ตอนนั้นสองจิตสองใจ ครับลังเล ....


"แม่อยากให้เอกเรียนที่โน่น น่ะ " ผมพาแม่ไปนั่งตรงม้าหินอ่อนครับ


"ครอบครัวเราเป็นราชการมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ" แม่ผมพูดได้แค่นี้ผมก็บอก


"ครับ แม่ เอกจะเลือกเรียนที่นั่น" ผมมีแม่อยู่คนเดียว อยากให้แม่ผมสบายใจ ผมรู้ตัวว่าผมไม่ถนัดวิชาที่จะไปเรียนเลยครับ ประมาณวิศวะแหละ แต่เมื่อก่อนไม่ได้ปริญญาตรีนะครับ ไอ้แค่อนุปริญญา


"ขอเวลา เอกแป๊บนะแม่ เอกขึ้นไปเอาของ และบอกลาเพื่อนห้อง ก่อน" ผมเดินกลับไปที่ห้องน่ะ ไอ้ชัยกับ ไอ้โจ๊กแต่งตัวรอแล้ว "หายไปไหนมา ครับ พวกผม รอคุณอยู่" ตอนนั้นไม่สนิทกันครับ พูดเพราะๆ แบบนี้แหละ


"ชัย โจ๊ก ผมคงไม่ได้เรียนที่นี่แล้วแหละ ผมสอบติดที่กรุงเทพ พรุ่งนี้ต้องไปรายงานตัวแล้ว" สองคนทำหน้าสงสัยครับ มันคงไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้มั๊ง


"ดีใจด้วยนะครับ แล้วจะไปเลยเหรอครับ"


"ครับ " ผมเก็บของไม่เยอะครับแค่กระเป๋าเดียว กะว่าจะกลับไปเอาอีกตอนวันเสาร์ อาทิตย์ ตอนนั้นก็ไม่รู้หรอกครับต้องทำไงบ้างต้องไปทีฝ่ายทะเบียนไรเหรอเปล่า อารามรีบด้วย


"ตัวเองรอเค้าหน่อยนะ เค้าจะตามไป กทม. แล้ว"ผมฝันหวานตอนนั่งรถไป กทม.


อนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอนจริงๆ  ขนาดผมกะว่าจะเป็นนักศึกษาที่เชียงใหม่แน่ๆ แล้วยัง กลับแปรเปลี่ยนไปได้เลย...... แล้วผู้ชายจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเกย์ได้เชียวเหรอครับ.....(ทนอ่านหน่อยนะครับใกล้ถึง ช่วงที่ผมจะกลายพันธ์แล้ว)... .....





 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2007 02:17:34 โดย 〰☜♥☞〰 »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #33 เมื่อ24-06-2007 02:20:20 »

(ตอน 8)

และแล้วผมก็ได้ไปรายงานตัว ที่ รร.......(ตอนนั้นเป็นโรงเรียนครับ ตอนนี้เป็นวิทยาลัย.....) ที่ผมสอบติดครับ(อยู่แถวปากเกร็ด)มี 11 คนครับที่มารายงานตัววันนั้น (สละสิทธิ์เยอะเหมือนกัน ก็คงเพราะประกาศผลหลังเอ็นทรานซ์) หลังจากรายงานตัวทำสัญญาแล้ว, ลงทะเบียนวิชาเรียนแล้ว ผมก็ได้ตารางเรียน ,ไกด์บุ๊ค,ไทด์สองเส้น(สีเลือดหมูกับสีดำ),เข็มกลัดรูปหยดน้ำ,เข็มขัดสถาบัน 1 เส้น แต่เสื้อกางเกงต้องไปหาเอาเอง(เรียนฟรีน่าจะให้ด้วยนะนี่)

"น่าอยู่ ดีนะ เอก " แม่ผมบอก มันมีหมดเลยครับ โรงพยาบาล,วัด,ตลาด,สโมสร,แม่น้ำ,สนามกีฬา,ฯลฯ...

หลังจากส่งแม่ผมกับน้ากลับต่างจังหวัดแล้วผมก็กลับบ้านลุงครับเตรียมตัวไปรายตัววันเสาร์เช้า(คือต้องขนของเข้าหอครับ ยังไม่เรียน เปิดเรียนวันจันทร์ถัดมา) ผมไม่มีปัญหาเรื่องชุดนักศึกษาเพราะเตรียมไว้ตั้งแต่อยู่ มช.แล้วตอนนั้น(แม่ผมตัดให้ผมความจริงอยากซื้อแบบแฟชั่นแต่แม่ผมอยากให้ตัดมากกว่าเพราะมีร้านประจำที่บ้าน)

 

วันเสาร์แล้วผมตื่นแต่เช้าเลยครับ บอกได้เลยครับว่าตื่นเต้นจริงๆ ครับประหม่าด้วยครับ ไม่รู้จักใครเลยสักคน (อยู่ มช.ยังมีเพื่อน รร.เก่า ) แต่งตัวไม่ค่อยมั่นใจเลยแฮะปรกติ ใส่เสื้อ นร. กางเกง นร.ขาสั้น นี่ต้องใส่เสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวกางเกงแสล๊คสีน้ำเงิน ผูกไทด์แดง ติดเข็มกลัดรูปหยดน้ำ แต่งไปแต่งมา "เฮ๊ยกรูผูกไทด์ มะเป็นทำไงดีหว่ะ" ลุงผมมาช่วยผูกครับแต่ไม่ได้เรื่องเลยครับ มันไม่สวย ลุงเลยไปขอพี่ข้างบ้าน(เรียน มหิดล) ผูกให้ เออ ค่อยดูดีหน่อย กว่าจะแต่ตัวเสร็จประมาณเกือบ 7 โมงครับ เดินทางไปถึงที่ รร.เกือบ 8 โมงครึ่งครับ(ตอนนี้รู้เส้นทางมากขึ้นครับ) สัมภาระผมมีเป้ใบเดียว(เลิกสะพายย่ามแล้ว)ครับประมาณว่าไปดูลาดเลาก่อน มาถึงปากทางเข้า ครับ โหอลังการงานสร้างจริงๆ ครับ

 

"น้องครับ มารายงานตัวเข้าหอเหรอเปล่าครับ"พี่คนหนึ่งถามครับ จำชื่อได้ด้วยครับแต่ขอสงวนนามไว้นะครับ ฮ่าฮ่า

 


“ครับ พี่” ผมบอก แล้วพี่คนนี้ก็พาผมไปเช็คชื่อครับ ประมาณตรวจเอกสาร เสร็จแล้วเขาก็ยื่นป้ายชื่อ(ไม่ใช่ชื่อผมนะครับแต่เป็นชื่อห้องที่ต้องอยู่ มีทั้งหมดประมาณ 16 ห้อง ห้อง 1 – ห้อง 15 แต่ห้อง9 จะมีสองห้อง ห้องหนึ่งมีกันหกคน)แล้วพี่เค้าก้อยื่นดอกกุหลาบแดงให้ผมครับ “ตามพี่มา” พี่เขาพาผมไปเคารพสักการะอนุสาวรีย์บิดาแห่ง........ของ รร. นี้ครับ(ทุกคนที่เรียนที่นี่จะเรียกว่าพ่อ)) เสร็จแล้ว ก็พาผมนั่งสามล้อพาเข้าหอครับ พี่เค้าตามนั่งไปด้วยครับ (โหตอนนั้นหรูโคตร)

 


“อะไรมีของแค่นี้เองเหรอ”

 


“ครับ ไว้วันจันทร์ค่อยเอามาครับ” พี่เค้าหัวเราะครับ ผมไม่รู้ว่าหัวเราะอะไร หัวเราะแบบยิ้มๆ แบบมีเลสนัย

 


“น้องอยู่ห้องนี้นะ “แกพาผมเข้าไปดูห้องครับ

 


“ตรวจดูสิ่งของด้วยนะ ตู้เตียง ผ้าปูที่นอน หมอนผ้าห่มครับ เปล่า เซนต์ชื่อรับรอง แล้วกรอกข้อมูลที่แปะหน้าห้องด้วย ช่องฉายาไม่ต้องกรอกนะ”  จะประมาณนี้นะครับ ชื่อ.................................. จบจาก............................... เกรดที่จบ......................ฉายา.............................(ช่องนี้ต้องรอ ครับเพราะต้องรอให้รุ่นพี่รุ่นตั้งให้) หลังจากนั้นผมก็สาละวนจัดการกับสิ่งของที่เซ็นต์รับมา(ต่อตู้เสื้อผ้า ใส่ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เหลือบไปเห็นอีกเตียง เอ รูมเมทผมมาแล้วนี่หว่ะ หายไปไหนฟะ ยังไม่ได้รู้จักกันเลย  ลืมบอกไปนะครับ ห้องใหญ่มี หกคนครับ แยกเป็นสามห้องเล็ก ห้องละ 2 คน (เผารูมเมทของผมหน่อยนะครับ มันไฮโซ ,หรูหล่อมากๆ ครับ ประมาณดารา นายแบบได้เลยครับ แต่ติดสำอางเครื่องประทินโฉมมันประมาณตะกร้าเลยได้ครับแต่ไม่ใช่เกย์นะครับ ดูไงก้อไม่ออกว่าเกย์    ชอบพาแฟนมาอวดเพื่อนๆให้น้ำลายหกอีกต่างหาก ไม่รู้บ้างเลยเหรอไงฟะว่าบัดดี้มรึงอิจฉาโคตรๆ)  ประมาณ เที่ยงรุ่นพี่มาตามให้ไป รวมกันที่ โรงอาหาร คราวนี้รู้จักสมาชิกห้องผมหมดครับ แต่ละคนประมาณต่างจังหวัด  ..  บรรยากาศการเจอกันครั้งแรกมันไม่เหมือน รร.เลยครับ ประมาณรับน้องรถไฟที่ผมเจอตอนที่เข้า มช. แหละครับ แต่ที่นี่ไม่มีผู้หญิงนะครับ ประมาณ รร.ลูกผู้ชายประมาณนั้น(ห่อเหี่ยวจริงๆ) เลิกประมาณบ่ายสี่ โมงครับ  ต้องรีบกลับบ้าน เพราะต้องไปเตรียมอุปกรณ์เสื้อผ้า อาทิ รองเท้าผ้าใบ กางเกงขาสั้น ผ้าเช็ดตัว ขันน้ำ อุปกรณ์ในการอาบน้ำ เหมือนเข้าค่ายฝึก รด. ไงไม่รู้ พรุ่งนี้ต้องเข้าหอก่อน หกโมงเย็นด้วยดิ  รุ่นพี่เค้าคอมเมนต์มาด้วยนะครับ ว่าถ้ามาช้าจะถูกทำโทษ (โดนหลอกครับ มันมิกิจกรรมบางอย่าง) วันอาทิตย์ วันนี้ผมแต่ตัวธรรมดาครับ มาต้องนอนที่หอเพราะพรุ่งนี้ต้องเริ่มเรียนแล้ว ผมมาถึงประมาณ เกือบหกโมงล่ะครับ สมัยก่อนเดินทางลำบากนะครับ ไม่มีรถตู้ ไม่มีรถไฟฟ้า นั่งรถเมล์สถานเดียว นั่งทีก็สามต่อ แต่ค่ารถเมล์ถูกครับ สองบาทห้าสิบ(ความจริงกะจะมาก่อนนั้นแหละครับ แต่ช่วงนั้นติดรายการโหดมันส์ฮาน่ะ คือแบบชอบดู ตลกดี) มาถึง คุยกับบัดดี้ ห้องถามสารทุกข์ ว่ามาจากไหน  ตอนนั้นพูดครับผมครับผม แต่ละคนสุภาพกันมากเลยครับ(หลังจากนั้นไม่กี่เดือนทำไมมัน กรูมรึง กรูมรึง ทุกทีเลยวะ )

 


ประมาณทุ่มแหละครับรุ่นพี่เรียกรวมพลที่หน้าห้อง(คือประมาณระเบียงหน้าของหอชั้นล่าง)ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งตามห้องนะครับพร้อมกับนับจำนวน(เหมือนฝึก รด. ไง อย่างงั้นเลย)

 


“ให้เวลา 3 นาที ไปเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำแล้วมาเข้าแถวเหมือนเดิมที่นี่ ปฎิบัติ” รุ่นพี่ คนหนึ่งสั่งครับ พวกเรารีบกลับเข้าห้องไปเตรียมตัวเอาอุปกรณ์อาบน้ำ เออ รีบจริงๆ  ตอนนั้น รุ่นพี่สั่งก็ทำอย่างเดียว กลับมาอีกที ทุกคนอยู่ในชุด กระโจมอก ใช้ผ้าเช็ดตัวไม่ใช่ผ้าถุงหรือผ้าขาวม้า (ตลกมาก ๆ ครับเกิดมายังไม่เคยนุ่งแบบนี้เลย ทีแรกก้อนุ่งธรรมดาแหละครับ แต่รุ่นพี่เค้าบอกว่ามันเป็นกฎต้องกระโจมอก)

 


“ทั้งหมดนับจำนวน” อือ ครบร้อย  หลังจากนั้นพวกเราก้อเดินหน้าแถวเรียงหนึ่งไปอาบน้ำครับ ที่นี่มีห้องอาบน้ำครับ แต่ห้องเดียวใหญ่ๆ มีอ่างสี่เหลี่ยมประมาณ 2 x 5 x1.5 เมตร หลังคาสังกะสี มีรั้วสังกะสีล้อมรอบ กันอุจาดตาแก่ผู้พบเห็น ฮ่าฮ่า (คล้ายๆ ทหารแหละครับ น้ำอุ่นมากๆ เพราะเป็นน้ำบาดาล) นี่คือการอาบน้ำครั้งแรกของพวกผมนะคับ อาบกันร้อยคน เลย แต่ก่อนถึงช่วงอาบ (ขอเตือนก่อนนะครับ ข้อความหลังจากนี้บางคนอาจรับไม่ได้ครับ เด็ก และสตรี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

 


พวกผมเตรียมจ้วงขันแล้วครับ กะว่ารุ่นพี่คงให้สัญญาญแล้วจึงเริ่มอาบแต่ละคนตอนนั้นใส่ กางเกงใน สีสัน ไม่ต้องพูดถึงครับ หลากสีหลากสไตล์ “ใครใส่ กกน. ถอดด้วย” โห ผมแทบจะเป็นลมเกิดมายังไม่เคยแก้ผ้าให้ใครเห็นเลยครับ(ไม่ใช่มีแค่พวกผม 100 คนนะครับ มีพวกรุ่นพี่ด้วย ทั้งชั้นล่าง ชั้น สอง โห รวมๆ กันเกือบ สองร้อยมั๊ง) โหโป๊ กันเลยครับตอนนี้ ลมยิ่งเย็นๆ อยู่ด้วย (ตอนนั้นไม่กล้าแม้จะเหลือบมองคนข้างๆ ครับ เพราะเขินมากๆ) 

 


“น้อง เอานี่ไป “ รุ่นพี่คนหนึ่ง ยื่นไม้โปรฯให้เพื่อนผม คนหนึ่ง (ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้รู้สึกอิจฉามันหว่ะที่.............)

 


“วัดขนาดแต่ละคน วัดแล้วตะโกนบอกด้วยนะ “ อาจึ๋ยไรของเค้านี่ กรูอยู่ที่ไหนฟะ โลกมนุษย์ หรือ นรกนี่ ทำไมมีเปรตยืนแก้ผ้าเต็มไปหมดเลย  “5.3 เซน  “ “6.4 เซน “ “4.3 เซน” เพื่อนผมมันวัดไปตะโกนบอกขนาดความยาวไปมันคงอายไปด้วยมั๊ง ถึงตอนผมโดนวัดแล้วผมแทบจะหลับตาปี๋เลยครับ “7.0 เซน “  หลังจากที่มันวัดแล้วตะโกนค่อยยังชั่วขนาดกำลังไม่อายใคร 5555 แต่ยังมียาวกว่าผมอีกนะครับ “7.9 เซน” อือฮากันใหญ่เลยครับ (หลังจากนั้นก้อมารู้ครับ คนที่ยาวที่สุดจะได้ฉายาแชมป์)

 


หลังจากอาบน้ำเสร็จ(โล่งใจเหมือนหลุดมาจากขุมนรกไงไม่รู้)เรามายืนแถวหน้ากระดานที่เดิมครับ แล้วก็ไป โรงอาหารมื้อนี้ พี่ห้องจะเลี้ยงข้าวพร้อมกับแนะนำตัวด้วย พี่ห้องหกคน.......โหแต่ละคนหน้าตา.......จำได้ด้วยครับ1 ในนั้น ก็เป็นพี่คนที่พาผมเข้าหอเมื่อวันเสาร์แหละหลังกินข้าวเสร็จรุ่นพี่แต่ละคนก็มาแนะนำให้คำปรึกษา(อบอุ่นดีจังประมาณพี่รหัส)

 


มีพี่ห้องคนหนึ่งแกแย้มมาด้วยครับ” พรุ่งนี้พวกน้องเจอนรกแน่” (ตอนนั้นไม่ได้เฉลียวใจครับ เพราะคิดว่าน่าจะเหมือนตอนอาบน้ำแหละ) หลังจากนั้นประมาณเกือบสามทุ่มครับ พวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอน พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวเรียนตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ก่อนนอนคุยกับบัดดี้ห้องด้วย ตอนนั้นรู้สึกมันจะเก๊กๆ ไงไม่รู้ ถามคำตอบคำ เอ้อ ไม่สนดีกว่าขอนอนดีกว่าเผื่อฝันถึงผู้หญิงบ้างมาอยู่ที่นี่เจอแต่ผู้ชายจนเอียนเลยผม........


ตอนนี้น้องกระเหรี่ยงของผมจะเป็นไงบ้างนี่ ไม่ได้ติดต่อกันเลย  ไม่มีเบอร์โทรไม่มีที่อยู่ของหอที่ราม 2 แต่ผมก้อยังมีหมวกไหมพรมที่ยัยกระเหรี่ยงของผมซื้อให้.......ไม่เห็นหน้าแต่เห็นหมวกก้อนอนหลับฝันดีแล้ว


ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #34 เมื่อ24-06-2007 02:35:22 »

รออ่านต่อจ้า

แน๋วไวจิงๆๆ  :m4:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #35 เมื่อ24-06-2007 13:59:54 »

555  มิน่าละเปลี่ยนความชอบกันก็คราวนี้แหละ   :m10:
เรื่องวัดขนาด เพื่อนเราก็เคยโดนอะ  มันมาบอกด้วยว่ามันได้เกรด A น่ากัวมั่กๆๆ  :try2:

หนุกดีจ้า  อยากอ่านต่อแล้วอ่า  ว่าอะไรทำให้เปลี่ยนไป
รออยู่น้า แน๋วที่ร้ากกกกก  :m9:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #36 เมื่อ24-06-2007 14:01:03 »

อ่านแล้วดึงดูด เหมือนข้ามกาลเวลาเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เลย
 :m4: :m4: :m4:

ชีวิตเด็กนี่แล้วแต่ชะตาจะพาไปจริงๆ
ใครสอบติดที่ไหน มันก็เหมือนชะตาขีดไว้
 :m15: :m15: :m15:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #37 เมื่อ24-06-2007 14:22:01 »

จะมีตอนรับน้องมั๊ยเนี่ย ท่าทางจะโหดนา  :m12:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #38 เมื่อ24-06-2007 15:25:31 »

อาบน้ำรวม  :m10: :m10: :m10:

อิอิ อ่านไปอ่านมา อ้าว มาจากจังหวัดเดียวกันแน่เลย  :m12: :m12:


ว่าแต่ว่าที่บอกว่าปิดตาม้าอ่ะ (ตอนที่แล้ว)
จริงๆ เค้าไม่ได้ปิดหมดนา
เค้าปิดด้านข้างให้ม้าเห็นแค่ด้านหน้า มันจะได้ไม่ตื่นเวลาเห็นรถแซงไง
 :m9: :m9: :m9:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #39 เมื่อ24-06-2007 16:50:50 »

มาลงชื่อรอลุ้นต่อไปครับ

 :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือไบ:the series by matheww
« ตอบ #39 เมื่อ: 24-06-2007 16:50:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






stayingpower

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #40 เมื่อ24-06-2007 18:52:03 »

ตอนเรียน ป ตรี ก็โดนตัดเกรดเหมือนกันคับ  o7



ไม่บอกหรอกว่า ได้เกรดอะไร อุอุ แต่แค่นั้นก็ฝันเห็นกล้วยทุกคืนเป็นสัปดาห์ๆ  :laugh3:<------

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #41 เมื่อ24-06-2007 19:47:46 »

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :-[

Back in Black

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #42 เมื่อ24-06-2007 21:54:12 »

อายุเท่าไหรอ่าคับ

ทำไมไปอาบอบนวด

ฟังดูแก่มาก

นึกว่ามีแต่เสี่ยแก่ๆ ไปที่แบบนั้นกัน

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #43 เมื่อ25-06-2007 10:23:45 »

ขอบคุณสำหรับการติดตาม นะครับ.....สำหรับแฟนคลับเล้าเป็ดที่น่าน่ารักและอบอุ่นครับ......

เหตุการณ์ทั้งหมดมันเหมือนเกิดขึ้นนานแล้ว แต่สำหรับผมมันไม่นานเลยนะคับเหมือนภาพทรงจำดีๆ อะไรแบบนี้แหละ...ภาพทรงจำดีๆ ที่อยากจดจำ....

เสือไบ:the series มีทั้งหมด 160 ตอนครับ มีทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งผิดหวัง สมหวัง ของชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่มีรักในวิถึเกย์(เสือไบ).....ลองอ่านดูนะครับ แม้จะสู้เรื่องของคุณเป็ดไม่ได้ .....แต่ก็ถือว่าอ่านเพื่อความบันเทิงก็แล้วกัน...แล้วจะรู้ว่าชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด........

วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้วันหลังจะมาเฉียดๆ ใหม่...แหะๆ

สำหรับใครที่อยากคุยกับแฟนคลับของผมทางเอ็มเอสเอ็น ได้เลยนะครับ แฟนคลับผมน่ารักทุกคน แอดมาคุยได้ที่ matheww_wwอย่าแสดงเมลบนบอร์ด.com

 :bye2:





ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #44 เมื่อ25-06-2007 10:28:49 »

เข้ามาขำเม้นต์ของ เตอิ้ง

ปล. เรื่องคุณหนุกดีครับ คุณแมททริว  :m3:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #45 เมื่อ25-06-2007 11:34:34 »

 :m4:  เย้ๆพี่เอกเข้ามาเม้นท์ให้แล้ว ใครอยากคุยก่าพี่เอกและก๊วนเสือไบของพี่เอกแอดเอ็มไปคุยได้น๊า...

อย่าลืมอาวเดะไปเซ่นด้วย  :m12:  เพราะได้ข่าววมาว่าพี่เอกก็ชอบกิงเดะเหมียนกานน อิอิ  :m3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2007 11:41:07 โดย 〰☜♥☞〰 »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #46 เมื่อ25-06-2007 17:44:28 »

รออ่านต่อจ้า  :m4:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #47 เมื่อ25-06-2007 17:54:06 »

มาให้กำลังใจคนแต่งและคนโพส จ้า มาต่อไวๆ นะ :m3:

FOAM

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #48 เมื่อ25-06-2007 22:39:22 »

ติดตามอ่านตอนต่อไปครับ

 :m3: :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #49 เมื่อ26-06-2007 03:11:22 »

160ตอนลงวันละ2ตอนคาดว่ากว่าจาลงครบตอนคนโพสคงได้แซยิดกันพอดี  :try2:
ขอเปลี่ยนเปงลงวันละ2ครั้ง ครั้งละ2ตอนจาดีก่ามั๊ย เหอะๆ :m13:


//////////////////////////////////////////////////////////////////


(ตอน 9)


วันจันทร์ เป็นวันแรกที่ผมได้ใช้ชีวิตแบบนักศึกษาครับ  ลงไปอาบน้ำ เฮ้อ ยังทำใจไม่ได้เลยครับ อาบน้ำแบบนี้แต่ก็ต้องอาบ อายๆ ไม่กล้าจะมองใคร ฮ่า ฮ่า...... อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เอาไทด์มาผูก ดีนะ ที่ไม่ได้แก้ปมไทด์ เลยไม่ต้องผูก (ทุกวันนี้ก็ยังผูกไทด์ไม่เป็นเลย) เข้าไปเรียน วิชาแรกคือ math  อาจารย์แจกชีท ดีแฮะ ....ไม่ต้องมีตำรา อาจารย์สอนไปสอนมาผมหลับไปซะนี่(แอร์เย็นมากๆ)ตื่นขึ้นมา อาจารย์บอกว่าพอแค่นี้ก่อนนะวันนี้ ........ตอนนี้ยังไม่สนิทกับใครเลยสักคนมีแต่รูมเมทต้องคอยตามมันไม่งั้นเหงาตาย.......ช่วงบ่าย อาจารย์ไม่สอนครับแต่รุ่นพี่นัดร้องเพลงเชียร์โหทีแรกผมก็นึกว่าประมาณร้องเพลงแบบที่มช.

และแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่พี่ห้องผมบอกครับ "พรุ่งนี้เองต้องเจอนรกแน่ๆ"

พวกเรานั่งรวมพลที่ห้องกลาง(ห้องไม่กว้างนะแต่อึดอัดมาก)ครับ แถวละสิบคนสิบแถว รุ่นพี่เริ่มตะโกนต่อไปนี้เป็นกฎให้ปฎิบัติช่วงรับน้อง......เยอะแยะมาก...จำไม่ไหวจริงๆ เอาคร่าวๆ นะครับ 1 เวลาคุยกับรุ่นพี่ต้องก้มหน้า 2 ต้องเดินตามที่ทางที่กำหนด 3 รุ่นพี่ทำอะไรไม่ผิด(มีแบบนี้ด้วยแฮะ) 4.ไปเรียนต้องไปเป็นแถว(ประมาณแถว รด. แบบนั้น) 5 ช่วงเย็นต้องมาซ้อมเพลงเชียร์ทุกวัน 6.ต้องจำชื่อเพื่อนให้ได้ทั้งร้อยคน 7 ต้องจำชื่อพี่ห้องให้ได้(ไม่ได้มีหกคนมีมากกว่านั้นเพราะมันมีหลายรุ่น) 8 เวลาโดนทำโทษจะทำโทษเป็นเท่ารุ่น9.สิทธิของพวกผมเป็นศูนย์ไม่มีสิทธิ์บ่นไม่มีสิทธิ์เถียงต้องทำตามที่รุ่นสั่งอย่างเดีวยวและก็ต้องก้มหน้ารับกรรมไป...แหะโทษฐานที่เข้ามาเรียนช้ากว่ารุ่นพี่(อยากจะเข้าก่อนเหมือนกันครับพี่แต่ถ้าเข้ามาก็ต้องโดนแบบนี้อยู่ดีแหะแหะ)......ฯลฯ จำไมได้แล้ว บรรยากาศต้องนั้น อึกทึก ครึกโครมมาก รุ่นพี่แต่ละคนจะตะโกน ผมก็พยายามฟัง แต่ฟังยังไงก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกมีเสียงกระทืบเท้ามันมาแทรกแถมรุ่นพี่หลายคนยังแย่งกันตะโกนบอกอีก พื้นห้องมันเป็นพื้นไม้เวลากระทืบเสียงเลยดังมากๆ ไม่เคยเจอบรรยากาศอึดอัดแบบนี้เลย....ผมแทบจะบ้า........

กว่าจะเสร็จครับประมาณ 2 ชม (ตอนนั้นแทบบ้าเลยครับ เครียด) ทีแรกนึกว่ารุ่นพี่จะปล่อยครับ แต่ไม่ครับ ต้องซ้อมเพลงเชียร์อีกร้องไม่ดีไม่ถูกพวกเราจะโดนทำโทษครับ(สก๊อตจัมพ์ ครับ จำนวน x เท่ารุ่น) ซ้อมร้องเพลงเชียร์ประมาณสองชั่วโมงครับ เหนื่อย (เพราะสก๊อตจัมพ์ ทุกๆ สิบนาที ร้องผิดก้อโดน ร้องถูกก้อโดน ฮือ ฮือ)เพลีย....

ห้าโมงกว่าๆ นึกว่าจะเลิก รุ่นพี่พาวิ่งครับประมาณวิ่งแบบ รด. แบบนั้นแ  วิ่งไปไม่วิ่งเปล่าร้องเพลงเชียร์ไปด้วย (เฮ้อ ตกลงผมมาเรียนหรือมาเป็นทหารนี่) วิ่งไปวิ่งมาเจอสาวสวย.......เยอะเหมือนกันแฮะ......บรรยากาศที่นี่ดีมาก เพิ่งรู้ว่าติดแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย กลับมาประมาณหกโมงกว่ารุ่นพี่ให้เวลาอาบน้ำแล้ว เจอกันที่โรงอาหารหนึ่งทุ่ม...... ห้ามเลท ถ้าเลทจะโดนทำโทษ เวลาอาบน้ำ ก็เหมือนเดิมนะครับต้องมายืนเรียงแถวหน้ากระดานขั้นล่างหอก่อน....รอให้ครบแต่คราวนี้อาบทีห้าสิบคนเพราะถ้าเข้าไปหมดร้อยคนแบบวันแรก มีหวังต้องเบียดกัน... กลุ่มแรกอาบไปกลุ่มที่รอก็มีกิจกรรมทำเช่นเล่นเกม  ร้องเพลงเชียร์.....เมื่อกลุ่มแรกอาบเสร็จกลุ่มสองก็จะไปอาบ กลุ่มแรกต้องรีบแต่งตัวมารอ ชุดที่แต่ง ก็ชุดนักศักษานะครับผูกไทด์ รอจนครบ ถึงได้ไปกินข้าวที่โรงอาหาร..... ดีแฮะมื้อเย็นพี่ห้องเลี้ยง กินเสร็จ......ซ้อมเพลงเชียร์อีกแล้ว.... เฮ้อ....อะไรนักหนานี่........(เครียดจริงๆ ครับ) ซ้อมจนถึงสองทุ่มครึ่งถึงเลิก ช่วงนี้รุ่นพี่จะไม่มากวนครับ คือปล่อยให้อ่านหนังสือ จนถึงหกโมงเช้าครับ ออกวิ่งอีกแล้ว.......

วัฐจักร ก็เป็นแบบนี้แหละครับ ช่วงซิว(ว๊ากน้อง)  ความรู้สึก เครียด อึดอัด แบบไม่เคยเจอมาก่อน  จะโล่งใจหน่อยก็สองวัน คือ วันพุธ กับ วันเสาร์  ที่ว่าวันพุธสบายคือ พวกเราปี 1 ต้องไปเรียนวิชาเคมีที่เกษตรศาสตร์เรียนทั้งวัน.....มีรถรับส่งนะครับ รถที่ไปส่งทุกคนคงคาดไม่ถึงว่าเป็นรถอะไร มันจะประมาณ รถ รสพ. ไม่มีที่นั่ง  ยืนไป ถือหนังสือด้วย โห.....ขึ้นไป คราวแรกอายมากเลยครับ  ชาวบ้าน ชาวเมือง มองตาม ....โหไม่เคยเห็นเหรอไงนี่.....(คนทีมองเค้าคงคิดว่านักศึกษาที่ไหนนี่อัตคัตแบบนี้)...... หลังๆ ชินครับ...จะลำบากหน่อยก้อต้องฝนตกแหละครับ ถ้าโชคไม่ดีก็เหมือนลูกหมาตกน้ำดีๆ นี่แหล

ส่วนวันเสาร์ รุ่นพี่จะปล่อยกลับบ้านประมาณบ่ายสามโมง คือ ใครจะกลับบ้าน ใครจะอยู่หอ ช่วงนี้ฟรีทาม ครับ  แต่ต้องอยู่ในกฎนะ......ห้ามแหก ถ้าแหกก็ต้องถูกทำโทษ  จะต้องกลับมาให้ถึงก่อนหกโมงของวันอาทตย์ถ้ามาหลังจากนี้ ก็โดนทำโทษ......... อาทิตย์แรกวิธีการลงโทษ จะเป็นสก๊อตจัมพ์จำนวนเท่ารุ่น หลังจากพ้นนี้แล้ว มันเริ่มหนักขึ้นคือ วางท่อ(คล้ายท่าเริ่มต้นการวิดพื้นครับแต่กำหมัดไม่แบมือ) คลานศอก วางขอบ สารพัดช่วงวันเสาร์ผมก็มักจะไปหายัยกระเหรี่ยง ผมออกจากรร.บ่ายสามกว่าๆ ถึง ราม 2 ประมาณ หกโมงกว่าๆ ครับ เหนื่อย เพลียแต่ต้องอดทน น่ะ รักเธอแล้วต้องอดทน..... วันอาทิตย์ผมอยู่บ้านไม่ไปไหน......นอน และก็นอน บางอาทิตย์ นอนแบบหลับเป็นตายเลย...... ช่วงบ่ายสองวันอาทิตย์ มีรายการโหดมันส์ฮา ครับ ผมชอบดู ตลก...มุขดี คนพากษ์กวนดี.....ที่ต้องนอนแบบนี้ไม่ใช่เพราะอ่านหนังสือดึกแต่เพราะซิวนั่นแหละ มีโดนซิวนอกรอบด้วยนะครับ ถ้าคืนไหนฝนตก พวกเราเตรียมใจไว้เลยว่าต้องโดน ....โครมๆๆๆๆ รุ่นพี่จะเคาะประตู  "เปลี่ยนชุด เปลี่ยนชุด "รุ่นพี่จะพาพวกเราไปสามแยก ไปกลิ้งๆ คลานๆ แถวๆ นั้น  (สามแยกตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้นะ ตอนนั้นจะประมาณ ลูกรังหินก้อนแหลมๆ)พวกเราได้เลือด(ที่ข้อศอก,หัวเข่า,หมัด) กว่าจะเสร็จกิจกรรมนี้ ก็ร่วมสอง ชม .รุ่นพี่พามาอาบน้ำ เข้านอน ตื่นมาก้อต้องวิ่งอีก .........

ผ่านไปสองอาทิตย์ ผมเริ่มชินแล้ว  เครียดมันเครียด ทุกวันแหละ แต่ชิน เริ่มปรับตัว ตอนนี้รู้จักเพื่อนเกือบครบแล้วคือท่องชื่อได้ ท่องแม้กระทั่งจบมาจากที่ไหน พี่ห้องผมรู้จักมากขึ้น ผมได้ฉายาแล้ว ครับ ฉายานุ่ม     ความจริงไม่ใช่นะครับแต่ใกล้เคียง.......ฉายานี่ก็คือชื่อเล่นที่ใช้เรียกกันในหมู่เพื่อน รุ่นพี่ ห้ามเรียกชื่อเล่น...ฉายาที่เอามาตั้ง......มันมีหลายที่มานะครับ แบบแชมป์ นี่ก็อย่างที่เล่าไปแล้ว ...บางฉายาที่ได้ก็เพราะหน้าตาเหมือนรุ่นพี่คนนั้นคนนี้..... บางฉายาได้มาจากพฤติกรรม บางฉายาได้มาจากโชคช่วย........ ส่วนของผมได้มาจากเพราะหน้าตาคล้ายรุ่นพี่ คือประมาณเด็กเรียนใส่แว่นหนาเตอะ อไรแบบนี้....

"พรุ่งนี้กรูจะลาออกแล้ว "เพื่อนผมบอก

"เอ๊ย มรึงคิดดีๆนะ กว่าจะสอบติด กว่าจะหาที่เรียนใหม่อีก แค่นี้มันไม่ตายหรอก มรึงจะยอมแพ้เรื่องแค่นี้เหรอ"

เหมือนมันจะคิดได้ เรื่องเจ็บตัว เรื่องเครียด เรื่องเล็ก อนาคต สำคัญกว่า แต่ก็มีพวกลาออกแต่แค่สองคน

เอง... พวกเราตอนนี้ก้อเลยเหลือ 98 คน

การเรียนตอนนี้ อยู่ในระดับดีเพราะมันเป็นวิชาที่ผมถนัด คือประมาณ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี อังกฤษ ... เรียนที่นี่ต้องขวนขวายเพราะมีคนเก่งเยอะจะเอาแค่ท่องตำราอย่างเดียวไม่ไหว ไม่ทันเค้าแน่(เพราะผมมาจาก รร.ต่างจังหวัดพื้นฐานไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่) สนุกๆ ก็ช่วงทำการบ้านนี่แหละ คือเราจะมีคนทำต้นฉบับก่อน หลังจากนั้นก็ลอก และก็ลอก.....ลอกจนบางครั้งนี่ เก้าสิบคนนี่เหมือนกันหมด......

และแล้วเวลาก็ผ่านไป อย่างช้าๆ ...... จนถึงวันรับขวัญ...(วันรับน้องอย่างเป็นทางการประมาณกลางเดือนสิงหาคม)  หนึ่งวันก่อนวันรับน้อง (วันศุกร์)เราต้องไปนอนวัดคือต้องให้จิตใจบริสุทธิ์มั๊ง ไปฟังเทศน์ฟังธรรมบ วันนี้พวกเราน่วมไปทั้งตัวแล้วครับ มือ เท้า เข่าศอก.... เป็นแผล บางคนเน่าเลยก้อมี.......(โหดจริงจริง) ที่นี่มีวัด  มีโรงพยาบาล มีตลาด มีแม่น้ำ ตื่นมาหลังจากตักบาตรพระเสร็จรุ่นพี่พาเราไปดูงานต่างจังหวัดครับ(ออกสนามครั้งแรก ช่วงที่ไปดูงาน รุ่นพี่ที่ไม่ได้ไปต้องอยู่เตรียมซุ้มรับน้องประมาณ 10 กว่าซุ้ม ซุ้มสุดท้ายเป็นท่อ(มีโคลนเต็มไปหมดเลย) ใครได้ลอดท่อ ออกมาถือว่าจบหลับสูตร.....พวกผมกลับจากดูงานประมาณบ่ายสามโมง ช่วงนี้รุ่นพี่เอาพวกเราไปปล่อยไกลมากๆ เลยต้องวิ่งกลับมา ที่ รร. ตอนนี้พวกเราอยู่ในชุด กางเกง รด. เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบ หน้าตาเต็มไปด้วยสี กว่าจะผ่านทุกซุ้มจนได้ลอดท่อ ทั้งเหนื่อย ทั้งเพลีย ทั้งเมา(มีเหล้าทุกซุ้มเลย)

เสร็จประมาณ เกือบทุ่ม ครับ ต้องรีบมาอาบน้ำล้างโคลนออก....เมาก็เมา ตอนนี้สติสตังส์ไม่อยู่กับตัว อาบน้ำยังมีคนมาอาบให้เลยครับ หลังจากนั้น แต่งตัว ไม่ใช่ชุดนักศึกษา แต่เป็น เสื้อขาว กางเกงขาว ผูกไทด์ ใส่เข็มกลัดหยดน้ำ....เข้างาน........ บูม ..... ตอนนั้นตื้นตันใจมากเลย (พอๆ กับตอนรับปริญญาเลยครับ) เสร็จแล้ว เราก็เลี้ยงฉลองกันฉลองกันแบบเมาสุดๆเลยครับ เมาแบบฟุบคาโต๊ะ.... สภาพนี้จริงๆ คือแต่ละคนจะโดนมอมจนเมาฟุบ....จนต้องหิ้วปีกกลับห้อง

หลังจากงานเมื่อคืนแล้วเช้านี้ผมตื่นขึ้นมา.......ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดครับ รุ่นพี่ยิ้มมากขึ้น มีมิตรภาพมากขึ้น ไม่เครียดเหมือนช่วงรับน้องแล้ว......ตอนนี้ก็สนใจเรื่องเรียนอย่างเดียวเท่านั้น เพิ่งมารู้ครับ ที่รุ่นพี่ เคี่ยวเข็นทำนั่นทำนี่ สั่งนั่นสั่งนี่ก็เพราะให้พวกเราสามัคคี รักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างเรียน ทางใครทางมัน พวกเราไม่เคยโกรธกันไม่เคยต่อยกัน มีเรื่องอะไรก็มาช่วยกันแก้ปัญหา.......


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เสือไบ:the series by matheww
« ตอบ #49 เมื่อ: 26-06-2007 03:11:22 »





abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #50 เมื่อ26-06-2007 03:17:21 »

(ตอน 10)


เกรดปี 1ออกมาแล้วครับ เฮ้อ สองจุดเก้า...(ขนาดผมเอฟตัวหนึ่งนะครับ) พูดถึงวิชาที่เอฟก่อนล่ะกันมันเป็นวิชาแบบว่าเป็นหัวใจของ รร. หรืออาชีพนี้ แต่ผมดันเอฟซะนี่ (ท่าทางจะไม่เหมาะกับ อาชีพนี้จริงๆ) ผมยังแปลกใจเลยครับว่ามันเอฟได้ไง ทั้งๆ ที่ทำได้ ....

"ไอ้นุ่ม มรึงเอฟได้ไง วะ มรึงบอกว่าทำได้ไม่ใช่เหรอ" ทำได้จริงๆ ครับ แต่ทำไมผลมันออกเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้คะแนนมิดเทอมก้ออยู่ประมาณเกาะกลุ่มไม่ได้ขี้เหร่อะไร

"ไม่รู้ หว่ะ กรูว่า อาจารย์เค้าคงใช้วิธีลัดตรวจข้อสอบหว่ะ"

"วิธี ไรของมรึงวะ"เพื่อนผมเกาหัวยิกๆ

"ไม่รู้ดิ กรูว่า อาจารย์เค้าคงใช้วิธิเตะในการตรวจข้อสอบหว่ะ ใครไกลก็ได้เอ เผอิญสมุดคำตอบกรูคงตกอยู่แถวปลายตีนแก กรูก็เลยได้ เอฟ" มันหัวเราะก๊ากเลยครับ (จริงเปล่าไม่รู้ แต่จากเกรดที่ออกมา พลิกความคาดหมายมากๆ บางคน แบบว่า ไม่น่าจะเก่ง ไม่น่าจะทำได้ เอ เฉยเลย)

"ปิดเทอม มรึงไปฝึกงานที่ไหนนี่" มันถามต่อ

"กรูลงชื่อไว้ฝึกที่เชียงใหม่ กับพวกไอ้.........."

"โห น่าสนุกหว่ะ กรูลงชื่อไว้ที่สงชลา....เดี่ยววันเสาร์คงต้องเดินทางไปแล้ว"

ช่วงปิดเทอมพวกเราถ้าไม่กลับบ้านก็ไปฝึกงาน....ไปฝึกประมาณหาประสพการณ์กับหน่วยงานต่างจังหวัดได้เงินด้วยประมาณลูกจ้างชั่วคราววันละร้อยกว่าบาท ฝึกประมาณ 3 เดือน ใครคิดว่าเลิกฝึกแล้วจะรวยมีเงินเก็บคิดผิดเพราะพวกผมมีความสามารถในการใช้เงินเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าจะหมดกับการดื่มเหล้า เที่ยวหญิง หรือซื้อเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เฮ้อ สามารถจริงๆ(ไม่เคยเหลือเก็บมีบางครั้งต้องชักเนื้อตัวเองอีกต่างหาก ) งานที่เราไปฝึกก็ง่ายๆประมาณ 1 ถ่ายเอกสาร 2 นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ 3 อ่านแบบ หรือ พับแบบ. 4 ทำตัวให้ร่าเริงทั้งวัน  5 ต้องเตรียมพร้อมในการออกภาคสนามตอนเย็น(บางทีอาจะถึงเช้านะ) 6 นอนรอในห้องประชุมเพื่อรอคำสั่งให้ปฎิบัติงาน... ไร้สาระจริงๆไม่น่าเสียงบประมาณจ้างพวกผมเลย....

ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของผมกับยัยกระเหรี่ยงของผมกำลังหวานชื่นเราจะโทรคุยกันแทบจะทุกวัน วันเสาร์ อาทิตย์ เราก็เจอกันระยะทางจากปากเกร็ดไปราม 2 ไม่ใด้เป็นอุปสรรคสำหรับผม.........

"เกรดตัวเอง เป็นไงบ้างล่ะ " ผมถามยัยกระเหรี่ยงของผม

"ดี น่ะเก็บได้หลายตัวแล้ว" ผมก็ไม่เข้าใจเกรด ของ มร. เท่าไหร่หรอกแต่รู้ว่าการเรียนของน้องกระเหรี่ยงออกมาดีผมก็ดีใจด้วย มีแฟนเก่งตัวเองต้องเก่งตาม......

กิจกรรมที่เราทำกันช่วงเจอกันก็แบบหนุ่มสาวทั่วไป คือ ดูหนัง ฟังเพลง เดินห้าง ไร้สาระทั้งวัน บางครั้งนั่งคุยกัน ทั้งวันก็มี.... ....

ปีสองแล้ว เป็นปีที่ผมต้องเรียนหนักคือมันไม่มีวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แล้ว เป็นวิชาเกี่ยวกับวิศวกรรมที่ต้องเรียนขนาดตั้งใจอ่าน ตั้งใจ ฟังอาจารย์แทบจะทุกครั้งคะแนนสอบที่ออกมาไม่ดีอย่างที่คิด.. ประมาณ เกาะมีนแบบนี้แหละ หรือไม่งั้นก้อต่ำกว่ามีนครับ ช่วงนี้ผมไม่ได้อยู่หอแล้วเหตุผลที่ผมไม่อยู่ก็คือต้องการความเงียบสงบในการอ่านหนังสือ  .... และ .....ก็ไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้

"โครม โครม "เสียงตบประตูดังขึ้น... ผมตื่นงัวเงียไปเปิดประตู สาดป่านนี้แล้วมันจะมาเรียกทำพระแสงเหรอไง...

"มีไร .....ไอ้สาดกรูจะ นอน" ไอ้แพะเพื่อนผมมาเคาะประตูมันไม่ได้มาคนเดียวด้วยดิ มีสาวสวยมาด้วย เป็นที่รู้กันว่ามันจะมาขอใช้ห้องผมเป็นที่ปฎิบัติกามกิจ.....

"มรึงไปนอนห้องกรู ก่อน นะ... " เออ ห้องตัวเองก็มี ไม่ยักไปใช้ ฮ่า ฮ่า มันคงไม่ใช้หรอกเพราะมีบัดดี้ นอนอยู่อีกสองคน ส่วนผมนอนเดี่ยวเพราะบัดดี้ผมมันไปนอนบ้านมัน...หลังจากเลิกรับน้องแล้วผมกับบัดดี้ผมก็ตัวใครตัวมัน...มันไปนอนบ้าน ผมนอนคนเดียว...

"อือ ลำบากกรูอีกไอ้เพื่อนเฮงซวย เดี่ยวกรูก็แอบดูซะเลย " เดินไปนอนห้องมันอย่างไม่เติมใจ แต่ก็ต้องไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกครับ หลายครั้งแล้ว...

บางคืนกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แมร่งมีน้ำหกลงมาห้องผมอีก เฮ้อ ไอ้พวกเพื่อนเปรตมันตั้งวงกินเหล้ากัน เปิดเพลงเสียงดังลั่น ไม่ชวนกรูเลยนะไอ้เวน......ไม่ชวนแถมยังทำน้ำหกลงมาห้องกรูอีก พอพวกมันเมาได้ที มันก็จะมาตบประตู โครมๆ เฮ๊ยเปลี่ยน ชุด เปลี่ยนชุด แน่ะ มีการล้อเลียนรุ่นพี่ อีก....

ปีสองนี้พวกผมได้เป็นรุ่นพี่แล้วมีรุ่นน้องน่ารักๆเข้ามาให้ซิว ซิวทีไรนึกกถึงตัวเองอยู่ตอนปีหนึ่งทุกที ทั้งเครียด ทั้งกดดัน แต่ผมก็ไปดูน้องห้องทุกครั้งที่ซิวนะ คือแบบไปให้กำลังใจมัน  ชีวิตในช่วงปีสองนี้ของผมไม่มีอะไรหวือหวา เพราะต้องตั้งใจเรียน......

ความสัมพันธ์ผมกับยัยกระเหรี่ยงเหมือนเดิมแต่ไม่ค่อยได้เจอกันมีแต่โทรคุยจ๊ะจ๋ากัน จากปีหนึ่งเราเจอกัน อาทิตย์ละครั้งแต่ตอนนี้เดือนละครั้งแต่ก็คุยกันตลอด

ปีนี้บ้านลุงผม และบ้านที่ต่างจังหวัด มีโทรศัพท์ใช้แล้ว ดีครับจะได้โทรไปขอตังส์ได้ง่ายขึ้น (แม่ผมส่งให้ใช้เดือนละ 3000 บาท ครับ ตอนนั้นพอใช้บางเดือนเหลือเก็บด้วยซ้ำเนื่องจากอยู่บ้านลุงกินฟรีอยู่ฟรีไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนเท่าไหร่)

เกรดปี สองนี้ ออกมาแล้ว.... เฮ้อสุดยอดเลยครับ ตั้งใจอ่านแทบตาย เกรดออกมาได้แค่ สองกว่านิดเดียวเอง.....ปีนี้เลือกไปฝึกงานที่อุตรดิตถ์ ฝึกที่นี่ก็เหมือนกับฝึกที่เชียงใหม่เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย.....ดีนะที่เอามอเตอร์ไซด์ไปด้วย (อุปกรณ์ในการจีบหญิง) อุตรดิตถ์ก็ดีเป็นเมืองเล็กๆ ที่น่าอยู่มากๆ ....มาฝึกที่นี่เกือบพลาดท่าโดนลูกสาวหัวหน้าคนงานจับทำแฟนซะแล้ว....

ปีสาม...เหลืออีกปีก็จะจบแล้วต้องตั้งใจเรียนหน่อยเห็นเกรดปีสองแล้วแทบเข่าอ่อน นี่ละนะ เลือกเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบและไม่ถนัด พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ได้ดี.... แต่ทำไงได้มาถึงขนาดนี้แล้ว.....

ผมยังเดินทางไป*กลับ ระหว่างเรียนเหนื่อยหน่อยแต่ก็ต้องทน อยู่หอทีไร สติแตกทุกที ปีนี้เริ่มวางอนาคตตัวเองแล้วว่าจะไปทำงานที่ไหนทำงานอย่างไง ผมเริ่มวางแผนอย่างคร่าวๆ แล้ว ความสัมพันธ์ของผมกับยัยกระเหรี่ยงก็ยังเหมือนเดิมแต่เราไม่ค่อยได้เจอกัน คือผมยุ่งถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังไปไม่รอดแน่ และแล้วไอเดียบรรเจิดก็เข้ามาในหัวผม.... วันลอยกระทงนี่แหละผมต้องจัดการเผด็จศึกยัยกระเหรี่ยงของผมให้ได้ (คิดชั่วแบบนี้จริงๆ ตอนนั้น) อย่างน้อยก้อผูกมัดกันไว้ก่อน (ตอนนี้เริ่มมีประสพการณ์แล้วเรียนที่นี่สองปีแล้วประสพการณ์เพียบ)     

วันนั้นผมชวนยัยกระเหรี่ยงผมไปลอยกระทงที่ภูเขาทอง บรรยากาศงานวัดจริงๆเดินไปจูงมือกันไป สวีทหวานแหววกันนานๆ จะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ แต่ต้องระวังประทัดและพลุเป็นระยะ....เราซื้อกระทงมาคนละกระทง อธิษฐานพอเป็นพิธี.....ผมกับยัยกระเหรี่ยงมาอยู่กรุงเทพ 3 ปี ลอยกระทงด้วยกันทุกปี

ผมกับยัยกระเหรี่ยงเดินไปเที่ยวกันไปเรื่อยๆ บอกตรงๆนะตอนนี้ยังคิดวิธีชวนเข้าโรงแรมไม่ได้เลยพวกเราเดินเที่ยว ต่อ จนเกือบจะตีหนึ่ง..... เมื่อยแล้ว ยัยกระเหรี่ยงชวนผมกลับแล้ว ผมขอไปส่งบอกว่าเป็นห่วง... ได้ไง มายังไปรับเลย กลับก้อต้องไปส่ง (ตอนนั้นไม่คิดพาเข้าโรงแรมแล้วครับ ไม่มีช่องทางเหนื่อยเพลียเมื่อยขา)

ผมนั่งแท๊กซี่ไปส่งตรงรามคำแหง 53  อยู่บนแท๊กซี่ผมกอดยัยกระเหรี่ยงผมตลอด เฮ้อ ไม่ได้เข้าโรงแรม ได้กอดก็พอแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมมีแผนสำรองอยู่แล้ว ถึง ปากซอยรามคำแหง 53  ผมชวนยัยกระเหรี่ยงกินข้าว

"กินข้าวกันก่อนนะตัวเอง เค้าหิว"

"อือ เค้าไม่กินนะ นั่งเป็นเพื่อน"

"ได้ " ไปถึงร้าน ประมาณร้านข้าวต้มโต้รุ่ง.. ผมถามยัยกระเหรี่ยงผมอีกครั้งว่ากินไรเหรอเปล่า

"ไม่เอา น่ะ กลัวอ้วน ตัวเองสั่งคนเดียวล่ะกัน"ผมเลยสั่งข้าวราด ผัดกะเฉดไฟแดง

"ตัวเอง " ผมเรียก

"ยังรักเค้าอยู่เหรอเปล่า" ผมรีบจู่โจมเลยครับ

"ถามทำไมล่ะ รักมั๊ง" เค้าทำท่าอายๆ น่ะ

"จริงเหรอ ถ้างั้นหลับตาดิ ยื่นมือมาด้วย "ผมบอก

ผมรีบควักแหวนเป็นประมาณแหวนเงิน สองวง วงหนึ่งสลักคำว่าเอก อีกวงหนึ่งสลักคำว่า พิศ ผมเลือกวงที่สลักคำว่าเอก สวมให้

"หมั้นไว้ก่อนนะ แม้มันจะไม่มีค่าแต่เค้าก็ทำให้ตัวเองด้วยใจรักนะ"

"อือ"

"ของเค้าก็มีนะ แต่สลักชื่อตัวเอง"ผมบอกแล้วก็สวมแหวนชื่อพิศลงในนิ้วนางของผม

"สัญญาใต้แสงจันทร์เลยนะ ว่าจบมาเราจะแต่งงานกัน"ละครน้ำเน่าอีกแล้วครับท่าน

"ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฎิเสธ"แต่ที่แน่ๆ รู้ว่า เค้าอาย เป็นอันว่าความคิดที่จะลากยัยกระเหรี่ยงผมเข้าโรงแรมเป็นหมันไปแล้วแต่ไม่เป็นไร เราหมั้นกันเงียบๆ ไปแล้ว.... มานั่งคิดว่าผมทำไปได้ไง คิดทีไรขำทุกทีเลย

จบปี 3 แล้ว เกรดผมออกมาแล้วสรุปแล้วจบมาประมาณ 2.70 ไม่น่าเชื่อเกือบตายถึงตอนนี้ต้องเลือกสถานที่ทำงาน ผมได้เลือกเป็นคนที่ 10 (คือเกรดเป็นอันดับ 10)ตำแหน่งที่ผมต้องเลือกแปลกแฮะ ไม่มีใครเลือก ประมาณว่าต้องไปทำงานคนเดียว ในสาขาใหญ่ที่ กทม.  ดีๆ ตอนนี้ชักหลงแสงสั ของ กทม.แล้ว จบปีสามผมยังไม่ได้ทำงานแต่ต้องไปฝึกงาน อีก 6 เดือน (ต่างจังหวัด) และผึกเสร็จแล้วก็มาอบรมกฎระเบียบของราชการอีก 2อาทิตย์........ถึงจะได้ทำงาน หลังจากทำสัญญามารายงานตัวที่ทำงานใหม่ รสชาดชีวิตช่วงทำงานจะเป็นไงบ้างนี่ จะใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาทำงานซะทีผมคิดอย่างมีหวัง

ทำงานไปอีกสองเดือนผมถึงได้รับประกาศนียบัตร(ตอนนั้นไม่ได้ปริญญานะได้ แค่อนุปริญญา) รับกับสมเด็จพระเทพครับที่หอประชุมของหน่วยงานที่ผมทำงานอยู่ แม่ผมดีใจมากเลยที่ผมจบมาได้ แกร้องไห้ด้วยความดีใจ นี่แหละครับรางวัลสำหรับนักศึกษาที่เรียนจนจบ

//////////////////////////////////////////////////////////////////////


              แต่ถ้าจาให้ดีช่วยเม้นท์ให้ด้วยนะจ๊ะ จุ๊ฟๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #51 เมื่อ26-06-2007 04:06:29 »

รอลุ้นเมื่อไหร่จาเบี่ยงเบน  :m12:




ปล.รักคนโพสเช่นกันจ้า  :m3:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #52 เมื่อ26-06-2007 15:27:13 »

มาเม้นต์แล้วจ้า

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #53 เมื่อ26-06-2007 19:42:25 »

หุหุ ชีวิตก็ปกติดีนี่นา  :m12:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #54 เมื่อ26-06-2007 20:27:13 »

แหมๆ
มีสวมแหวนกันด้วย
 :m12: :m12:

sunshine

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #55 เมื่อ26-06-2007 20:36:43 »

อ่ะ  มาเม้นแล้วนะคร๊าบบบบ :o10:

เดี๋ยวจาหาว่าไม่ใส่ใจ :m14: :m14: :m14:

kei_kakura

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #56 เมื่อ26-06-2007 21:07:35 »

เหอๆๆๆ   เคยรุแต่เรื่องที่ ญ เปงไบ  แต่ว่าตอนนี้มีเรื่องไบ มาก็น่าติดตามน้อ อิอิ

จะรออ่านต่อไปนะ   :impress2:


ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #57 เมื่อ27-06-2007 01:12:39 »

ผิดฟามคาดหมายอ่ะ
ปกติมักจะเกิดไรขึ้นตอนเรียนแบบมีแต่ผู้ชายซะด้วย
มาแนวแปลก
 :m11: :m11: :m11: :m11:

mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #58 เมื่อ27-06-2007 12:19:55 »

เสือไบ:the series (ตอน 11)

วันที่ผมทำงานวันแรก...ตื่นเต้นมากเลยครับ ขนาดอาทิตย์ก่อนแค่ไปทำสัญญาผมยังไปแอบดูห้องทำงาน(เห็นแต่ประตูไม่กล้าเข้าไปข้างใน)วันนี้เป็นวันแรกตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า(ปกติไม่ค่อยจะตื่นเวลานี้นะ)หยิบชุดข้าราชการมาใส่ส่องกระจก "โหมันเหมือนภารโรงจัง" แต่งยังไงก็เหมือนภารโรงอยู่ดี ไม่เอาถอดๆ ไม่มั่นใจเลยเอาเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงแสล๊คสีน้ำเงินมาใส่ดีกว่าชุดนี้เข้าท่าดี ทำงานวันแรกแต่งแบบนี้แหละใครๆจะได้รู้ว่าเพิ่งจบ ฮ่าฮ่า เอาไทด์สีเลือดหมูมาผูก(ยังไม่เคยคลายปมเนทไทด์เลยนะครับตลอด 4 ปี) โหจะเดินออกจากบ้านแล้วลุงทักว่า


"เอก แกจะไปเรียนหรือไปทำงานวะ "  เสียself หมด ถอด ก็ได้

ผมไปถึงที่ทำงานประมาณ 8 โมงตรง ยื่นใบรายงานตัวที่หน้าห้องหัวหน้าแผนก ฟังแกอบรม 5 นาที แล้วแกก็ให้ไปเซนต์ชื่อในสมุดลงเวลา ตอนนั้นผมก็ซื่อๆ มองนาฬิกา แปดโมงครึ่งแล้ว เลย ลงเวลาทำงาน  08.30 น.คนมาทีหลังผม(จำได้นะครับว่าพี่ติ๊ก) เอะอะใส่ผมใหญ่ว่าต้องลงมันเร็วๆ กว่านี้หน่อย คนมาทีหลังเค้าจะได้ มีเวลาเซ็นต์ได้ (เพราะราชการเค้าเข้างาน 08.30 น.สอนให้เด็กจบใหม่ทำตามสิ่งที่ดีๆ เลยนะ)

ผม เข้าห้องทำงาน ยกมือไหว้ทำความรู้จัก คนนั้น คนนี้ ไม่เลวเหมือนกันนะห้องนี้ มีแต่รุ่นพี่รุ่นน้อง.....และก็ป้าๆ .........วันแรกของการทำงาน โหงานยุ่งมากเลยครับ ฮ่าฮ่า เป็นแบบนั้นได้ก็ดีครับนั่งผลาญอากาศในห้องไปโดยเปล่าประโยชน์อุตส่าห์ทำหน้าทำตา แบบ ของานทำ ก็ไม่มีพี่คนไหนสนใจเลย(ประมาณตอนที่หมามันเห็นเจ้านายกินข้าวหรือ ขนมแหละ ฮ่าฮ่า)

นั่งเล่นเกมส์ดีกว่า โหขอบอกก่อนคอมพิวเตอร์ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ ประมาณ ไอบีเอ็ม หน้าจอสีเขียว เกมส์ฮิตๆ ก้อคือเกมส์งูกินหาง ไม่งั้นก็เกมส์รถแข่งแต่ต้องใส่แผ่นที่ไดร์ฟเอ ประมาณนั้น หุๆ (มีให้เล่นก้อบุญแล้ว) ตกกลางวัน พี่ติ๊ก พี่พี พี่ตั้น ชวนไปกินข้าวบอกว่าจะเลี้ยงรับน้องใหม่ น่ะ (กินฟรีผมชอบ) ขอแนะนำตัวละคร สามตัวนี้ก่อนนะ(เพราะหนึ่งในนั้นมีบทบาทกับผมในอนาคตมากๆ) เอาเลยล่ะกัน คนแรกนะ 


พี่ติ๊ก(นามสมมุติ นะครับ ถ้าบอกชื่อจริงไปรู้หมด) รุ่นพี่ผม 2 ปี


มวลรวม : ประมาณ  600 N แต่อาจแปรผันได้ตามสุราหรือกลับแกล้มที่กินเมื่อคืน                                             

มวลสมอง : แปรผกผันกับมวลรวม และมีได้เกิน 1 %+ขี้เลื่อยอีกนิดหน่อย
ลักษณะทางกายภาพ :
- ภายนอกแข็งก้าว, ภายในติงต๊อง หล่อ(คล้ายต้นจักกฤษ) รวย ขี้เล่น ชอบแหย่ให้ชาวบ้านเค้าได้อาย....
คุณสมบัติทางเคมี :
- ทำปฏิกริยาอย่างรวดเร็วกับผู้หญิง(ไม่เลือกหน้าตา แต่ขอหุ่นดีประมาณนักร้องคาเฟ่แหละครับที่พี่แกชอบ)
- ดูดซึมและส่งผ่านข้อมูลข่าวสารใต้เข็มขัดได้อย่างรวดเร็ว
- มีสมบัติทำละลายเงินได้ดีเมื่อมีแอลกอฮอล์และผู้หญิงเป็นตัวเร่งปฏิกริยา
ลักษณะพิเศษ:
- จะมีอาการเซื่องซึมในเวลาราชการจะสดชื่นและกระตือรือร้นหลังจากชวนโดดงานหรือเลิกงาน
ประโยชน์ :
- เป็นตัวอย่างที่ดีต่อผมในสิ่งผิด(ชวนกินเหล้า,ชวนโดดงาน,ชวนเที่ยวหญิง ในเวลางาน)
- ช่วยชาติโดยบริจาคเงินผ่านทางกรมสรรพสามิต (สุรา,ยาสูบ)
ข้อควรระวัง :
อย่าให้พี่ติ๊กว่างงานครับถ้าพี่เขาว่างงานพี่ติ๊กมักจะชวนโดดงานประจำ


(5555 แซวพอสมน้ำสมเนื้อนะพี่ อย่าโกรธน้องคนนี้เลยนะ ผมขอโต้ด)


พี่พี (นามสมมุติ เช่นเดียวกัน) เพื่อนร่วมรุ่นกับพี่ติ๊ก


มวลรวม : ประมาณ 550 N คงที่ตลอด (แกไม่ชอบให้มีพุง)

มวลสมอง :เหมือนพี่ติ๊ก เพราะเค้าซี้กันแต่จะมีขี้เลื่อยน้อยกว่าหรือไม่มีเลย

ลักษณะทางกายภาพ :
- ขี้เก๊ก พูดน้อย หล่อ(ประมาณวีรภาพแต่ขาวกว่าเยอะ)
- ฐานะปานกลาง,เหล้าไม่ดื่ม,บุหรี่ไม่ดูด
- ชอบใช้ขาหน้า(ผมเรียกขาหน้านะครับ)เบิร์ดกระโหลกผมประจำเวลาแกอยากแกล้งผม
- เป็นคู่กัดกับพี่ติ๊ก (ไหนว่าเป็นเพื่อนรักไงล่ะพี่ผมเห็นเจอหน้ากันแหง่ แหง่ ใส่กันทุกทีไป)
คุณสมบัติทางเคมี :
- ไม่ค่อยทำปฏิกริยากับผู้หญิงเลยน่ะ(ในสายตาผมนะ)
- ไม่ค่อยทำปฎิกริยากับเหล้า,บุหรี่ แต่จะทำปฎิกิริยากับเป๊บซีตอนไปดื่มเหล้า(แบบว่าดื่มเป็นถังๆได้เลย)
-- มีสมบัติทำละลายเงินได้ดีเมื่อมีผมเป็นตัวเร่งปฎิกิริยา(เพราะผมชอบชวนแกเที่ยวประจำ ประมาณว่าดูหนังฟังเพลงแต่ไม่ได้เที่ยวหญิง)
การทดสอบ :
- จะมีอาการดีใจที่ผมชวนเที่ยว....
- จะเป็นคู่ฟัดกับพี่ติ๊ก ทุกครั้งไป (ส่วนใหญ่จะทะเลาะกันเรื่องที่พี่ติ๊กชวนเที่ยวหญิงนะครับ)                                    - จะช่วยรักษาธรรมชาติเป็นอย่างดีโดยการปล่อยสัตว์สงวนทั้งหลาย ออกมาเป็นจำนวนมากเมื่ออยู่กับพี่ติ๊ก
- นิยมการเล่นฟุตบอลด้วยโทรศัพท์มากกว่าเท้า
ประโยชน์ :
- เป็นพี่ที่ดีของผมยามผมอยากเที่ยว
- เป็นตัวทำให้พี่ติ๊กและพี่ตั้นและผมหายเหงาได้
ข้อควรระวัง :
- อย่าชวนเที่ยวผู้หญิงเลยนะครับ ไม่งั้น จะโดนขาหน้าเบิร์ดกระโหลก......
- ห้ามมอมเหล้าแกนะครับ ไม่งั้น แกจะเดินลุกกลับบ้านเลย โดยไม่มีสาเหตุ

(แซวเล่นนะครับ พี่พี ผมก้อยังไม่เข้าใจเหมือนเดิมครับ ไอ้การโดนผู้หญิงมอมเหล้าแล้วปล้ำพี่ ทำให้พี่เกลียดผู้หญิงและเลิกดื่มเหล้าไปได้เลยเหรอพี่ ฮ่าฮ่า)

พี่ตั้น(นามสมมุติ เหมือนกัน) รุ่นน้องพี่พีกับพี่ติ๊ก รุ่นพี่ผม 1 ปี


มวลรวม : ประมาณ 550 N แต่อาจแปรผันได้ตามภาวะเศรษฐกิจส่วนตัวจะเพิ่มมากขึ้นตอนสิ้นเดือนหรือตอนกู้เงิน
มวลสมอง : แปรผกผันกับมวลรวม และมีได้เกิน 1 %ที่เหลือเป็นสาวนึกศึกษาและก้อขี้เลื่อย ฮ่าฮ่า

ลักษณะทางกายภาพ :
- ภายนอกแข็งก้าว หล่อ(ประมาณ ซีศิวัส) จน ดื่มเหล้า ดูดบุหรี่
- พื้นผิวหมองคล้ำ ไม่ชวนต่อการสัมผัส
- แปรสภาพเป็นวัตถุแข็งเกร่ง (Rigid body) เมื่อถูกพูดถึงวิจารณ์เรื่องสาวมหาวิทยาลัย และพี่ตั้นแกชอบทดสอบความแข็งแกร่งของของตั้นน้อยโดยการถูกกับเหลี่ยมโต๊ะ(ขอโทษนะครับพี่ตั้น เผอิญเห็นทุกครั้งที่เราวิจารณ์สรีระของสาวมหาลัย)
 
คุณสมบัติทางเคมี :
- ทำปฏิกริยาอย่างรวดเร็วกับน้องๆ นักศึกษา
- ดูดซึมและส่งผ่านข้อมูลข่าวสารใต้เข็มขัดได้อย่างรวดเร็ว(โดยเฉพาะเรื่องเบอร์โทรของน้องๆ)
- มีสมบัติทำละลายเงินได้ดีเมื่อมีแอลกอฮอล์,เพื่อน,สาวๆเป็นตัวเร่งปฏิกริยา

การทดสอบ :
- จะมีอาการลิงโลดหลังเลิกงาน
- จะรู้สึกสดชื่นและกระตือรือร้นเมื่อมีคนชวนไปอาบอบนวด
- พี่ตั้นแกจะช่วยรักษาธรรมชาติเป็นอย่างดีโดยการปล่อยสัตว์สงวนทั้งหลาย
ออกมาเป็น จำนวนมากเมื่ออยู่รวมกัน(ยิ่งเวลาไหนที่กลุ่มแกจับวงนินทาเกี่ยวกับสรีระและลีลาของสาวๆ น่ะสุดยอดเลยครับ)

ประโยชน์ :
- สืบสานวัฒนธรรมโดยการใช้ภาษาสมัยพ่อขุนรามคำแหง
- เป็นตัวอย่างที่ดีต่อผมในเรื่องผู้หญิงแกรู้สรีระของผู้หญิงที่แกคบเป็นอย่างดี ฮ่าฮ่า
- ช่วยชาติโดยบริจาคเงินผ่านทางกรมสรรพสามิต (สุรา,ยาสูบ,อาบอบนวด)

ข้อควรระวัง :
- ไม่ควรตั้งวงคุยเรื่องสาวๆ กับแก เดี่ยวได้เรื่อง

(เอาแค่นี้ล่ะกันนะพี่ตั้น ทีหลังจะไปอาบอบนวด ชวนผมบ้างก้อได้ ผมก้ออยากไปนะคร๊าบ.......)

ขอแถมอีกคนนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาใครดีหว่ะ......ฮ่าฮ่า เอาป้าๆ ที่ผมทำงานด้วยล่ะกัน คือห้องผมจะแบ่งเป็นห้องทำงานแยกผู้ชายผู้หญิงเพราะ....พวกป้าๆแกชอบทะเลาะกันบางครั้งถึงขั้นวางมวยฝ่ามือกันหลังห้องเลยก็มี(มวยหญิง) พวกแกจะมีเป็นก๊ก ครับ ประมาณสามก๊ก (เหมือน โจโฉ เล่าปี่ ซุนกวนเลย พับผ่า) เรื่องที่ทะเลาะกันก็ไม่ใช่เรื่อง ส่วนใหญ่ก็

1 เรื่องโทรศัพท์ ใช้นานก็ทะเลาะกัน ใช้เร็วก็ทะเลาะกันโดยเฉพาะวันหวยออก เฮ้อ .... อะไรนักหนานี่

2. เรื่องกาแฟ... กินมากกินน้อย ก็มีพวกบ่น บางคนไม่กินก็บ่น เฮ้อ กาแฟแค่นี้แบ่งๆ กันเต๊อะ

3. เรื่องเซ็นต์ชื่อลงเวลา  เรื่องนี้ทะเลาะกันได้ทุกวัน ....

เอาแค่นี้ก่อนนะครับความจริงมีเยอะกว่านี้แต่กลัวจะเปลืองพื้นที่ ......

1 เดือนผ่านไปไวเหมือนต้มมาม่า......โหนี่กรูมาทำอะไรนี่ (ผมคิดในใจนะ)งานที่ผมทำคือนั่งผลาญอากาศในห้องทำงานไปวันๆ,ถ่ายเอกสาร,อ่านแบบและก็ทำคอมพ์ คอมพิวเตอร์สมัยนั้นก็ต้องบูธจากดอส โปรแกรมที่ใช้ก็จะประมาณ โลตัส123 ซียูไรท์เตอร์ (ไม่ใช่ไมโครซอร์ฟออฟฟิสเหมือนสมัยนี้)

เลิกงานเสร็จตอนเย็นพวกเรามักจะไปสังสรรค์ที่สโมสรกันประมาณ ดื่มเหล้าตั้งวงอภิปรายเรื่องการทำงานและสาวๆ ฮ่าฮ่า...พูดถึงคอมพ์ผมจะมีภาษีดีกว่าหน่อยครับคือรู้เรื่องกว่า พี่ๆ ที่มาทำงาน เพราะช่วงที่ผมว่างจากการอบรมระเบียบข้าราชการแล้วผมต้องรอบรรจุงานครับความคิดใฝ่ดีเลยบรรเจิดขึ้นมาผมเลยไปสมัครเรียนที่ บีซีซี  จะเลิกงานแล้วเย็นนี้ผมต้องไปหาห้องเช่ากับเพื่อนชื่อเรย์ ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปเริ่มหาที่ไหนก่อนดีเย็นนี้หามาหลายทีแล้วไม่ถูกใจผมและมันสักที

"ไอ้นุ่ม เย็นนี้ไป แด....ก เหล้าที่สโมสรกัน " พี่ติ๊กชวนผม แกก้อมักจะชวนผมทุกเย็น ตอนนั้นพี่พีก้อนั่งใกล้ๆ พี่ตั้นหายไปไหนไม่รู้แล้ว

"น้องจะไปหาห้องเช่าครับพี่"ผมบอกพี่ติ๊ก


"อ้าวทุกวันนี้พักกลับใครล่ะ"พี่ติ๊กถามต่อ

"บ้านญาติพี่" พี่ติ๊กหันมองไปทางพี่พี ผมเดาได้เลยน่ะ แกต้องหาเรื่องให้พี่พี่แน่.......

"ไอ้พี ไอ้นุ่มมันจะไปหาห้องเช่า มรึงอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอวะ เอามันไปอยู่ด้วยดิ เป็นรุ่นพี่ต้องรักรุ่นน้อง"โหจะซึ้งดีเปล่านี่ คำพูดน่ะซึ้งแต่แววตามันไม่ให้เลยนะพี่ติ๊ก พี่พีเงียบอยู่นาน

"มาอยู่ดิ แต่มรึงต้องซักผ้า หุงข้าว ถูบ้าน ขัดหลัง ล้างก้นให้ กรู" แกพูดแบบนี้จริงๆ ครับ ผมอึ้งเลย

"โหพี่พี ผมรุ่นน้องนะ พี่ไม่ใช่สล๊าฟ" ผมทำสายตาเว้าวอน 5555พี่ติ๊กน่ะเหรอครับ หัวเราะก๊ากๆ อยู่ด้านหลังผม

"ก็รุ่นน้องล่ะจิ ถึงเอาไปทำสล๊าฟ ถ้ามรึงทำได้ตามนี้ ขนของมาห้องกรูได้เลย" โหๆๆ อย่างอื่นทำได้น่ะแต่ถูหลังกับล้านก้นนี่จิ คิดหนัก

"เอางี้ล่ะกันพี่ถ้าเย็นนี้ผมไม่ได้ห้อง ผมไปพักกับพี่นะ" 555 ผมแหย่คืนบ้าง พี่ติ๊กหัวเราะชอบใจใหญ่ คงได้แกล้งพี่พี....คู่นี้เขาขมิ้นกับปูนกันครับ

เย็นนั้นผมก็เลยต้องออกไปหาห้องเช่ากับไอ้เรย์กันต้องหาให้ได้ด้วยดิ กลัวได้ไปอยู่กับพี่พี ขอเล่าเท้าความถึงไอ้เรย์หน่อยนะครับ ผมรู้จักมันตอนที่เรียนที่บีซีซีครับ ก็อย่างที่บอกแหละครับ ความคิดใฝ่ดีผมบรรเจิดผมก็ไปเรียนคอมพิวเตอร์ตอนนั้นยอมรับเลยว่าโง่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากๆ (ตอนนั้นมีเงินเก็บครับ ไปฝึกงานมา 6 เดือนได้มาเกือบหมื่นกว่าบาทหักภาษีสุราและเที่ยวแล้วยังเหลืออีกพอที่จะเรียนคอมพิวเตอร์)สมัครเรียนหลักสูตรแบบรวมมิตร คือการใช้คอมพิวเตอร์เบื้องต้น,ดอส,โปรแกรมสำเร็จรูป เช่น โลตัส 123 ,ซียูไรท์เตอร์ ฯลฯ วันแรกที่ไปเรียนผมเลือกที่จะนั่งกลางๆ  คือผมจะเป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ชอบนั่งหน้าหรือนั่งหลัง อาจารย์ก็สอนหน้าห้องไป ผมว่ามันแอบมองผมอยู่หลายๆครั้งน่ะ (มันนั่งหลังผม) คอร์สที่เรียนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กนักเรียนไม่งั้นก็แบบวัยทำงานแบบแก่เลยน่ะ

พออาจารย์สอนเสร็จผมก็เก็บของครับ(สมุด 1 เล่ม,ปากกา,กล่องใส่ฟล๊อบปี้ดิส)เดินออกจากบีซีซี อะแน่โทรหาน้องกระเหรี่ยงผมซะหน่อย... ตอนนั้นคิดว่าคงโทรเป็นชั่วโมงแหละเพราะแลกเหรียญไปเยอะมากๆ  โทรเสร็จจ๊ะจ๋ากันพอให้หายคิดถึง

ผมก็เดินไปที่ป้ายรถเมลล์...กำลังจะยืนรอรถเมล์ แฮ่ๆ มันเดินยิ้มเข้ามาบ เหมือนรู้ว่าผมโทรศัพท์เสร็จแล้ว

"ไปรถสายอะไรครับ " มันถามประโยคแรกผม โห ทำเป็นยิ้มหน้าตามันจะคล้ายตุ้ยธีระภัทรแหละคับ


"74  ครับ นายล่ะ"

"เหมือนกันเลยครับ ผมอยู่ประตูน้ำ" ไอ้เอาเข้ มรึงว่ากรูโง่เหรอไงฟะ ไปประตูน้ำสายอื่นก็ไปได้ วันนั้นเหมือนฟ้าดินเป็นใจมันเลยครับ รถติดโคตรๆ รอประมาณ 20 นาทีแหละ...

"รถติด แบบนี้ ไปหาอะไรกินกันก่อนมั๊ย เดี่ยวผมเลี้ยง" โห เล่นเอาของฟรีมาล่อแบบนี้มีเหรอผมจะปฎิเสธล่ะ มันนำผมไปร้านหนึ่ง ชื่อประมาณ(ตักเหล้านี่แหละ) ขนาดผมผ่านที่นี่บ่อยๆ ผมยังไม่รู้เลยน่ะว่ามีร้านอยู่ในหลืบนี้ด้วย

"นายสั่งดิ" มันยื่นเมนูให้ผม
 

"พี่เอาเบียร์....... 1 ขวดครับ " มันสั่งเจ้าของร้าน อะแน่ เอาเบียร์มาล่อกรูอีกหลังจากที่เด็กเสิร์ฟรินเบียร์ให้มันแล้ว รินให้มันแก้วเดียวจริงๆ ครับ มันก้อถามผมจะสั่งได้ยัง

"อือ เอาเหมือนายล่ะ" โหทำแบบนี้ดูถูกกันนี่หว่ะ ผมมันฉายาขุนรินสุราพ่ายนะครับ ฉายานี้ไม่ได้ได้มาง่ายๆเอาเบียร์มากินคนเดียวได้ไง

พอหลังจากเบียร์เข้าปากแล้วเราก้อคุยกันครับประมาณเรื่องมันแหละ มันว่ามันเป็นเด็กประจวบฯครับ มารอทำงานที่tags ที่ดอนเมือง(ตอนนี้ไม่มีแล้วย้ายไปสุวรรณภูมิแล้ว) โหมันโชว์ชุดที่มันต้องใส่ทำงานด้วยล่ะประมาณเสื้อสีฟ้า กางเกงแสล๊คสีน้ำเงิน มีบั๊งโ ก้โคตรๆ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องบินหรูซะ....มันมาพักกับพี่ที่ประตูน้ำ ตอนนี้ช่วงรองาน  มันเลยมาเรียนคอมพิวเตอร์ อือ เข้าใจว่ามรึงจะเอากรูทำเพื่อนน่ะ บอกตรงๆ ก้อได้ไม่ต้องเสียเวลาสร้างสถานะการณ์หรอก 5555 หลังจากเบียร์หมดไปหลายขวดจากผมคุณ กลายเป็น กรูมรึงเฉย เลยวันต่อมาที่บีซีซี ผมนั่งทีเดิมของผม พอมันเห็นผมมันก้อแถแดดแถแดดนั่งข้างผม หลังจากนั้นเราก้อกลายเป็นเพื่อนซี้กันโดยปริยายสมใจมรึงแล้วซิไอ้เรย์(เล่นชวนกรูแดกเหล้าทุกวันเลยนี่หว่ะ)

 กลับมาถึงตอนที่ผมหาห้องเช่านะครับ โหมันเลือกมากจริงๆ  จะเอาใกล้ๆ แฟนมันอยู่ (แฟนมันอยู่ม.ธุระกิจบัณฑิตเด็กประจวบฯเหมือนกัน) แต่หอแถวนั้นผมว่าน่ากลัวครับมันเปลี่ยวๆไงไม่รู้ เดินหาจนเจอแถวพงษ์เพชร เป็นตึกประมาณ15 ชั้น(ชื่อพงษ์เพชรไรสักอย่างแหละลืมแล้ว ข้างๆ ตลาดพงษ์เพชร แหละคับ)

"กรูจะเอาที่นี่แหละ ถ้าไม่เอาไม่หาแล้ว"บังคับแกมขู่มัน ที่นี่ความจริงทำเลดี ใกล้ที่ทำงานมัน(ดอนเมือง)ใกล้ที่ทำงานผม(สามเสน)ใกล้แฟนมัน(ม.ธุระกิจฯ) 5555 ความจริงที่ผมกลัวมากกว่านั้นก้อคือต้องไปเป็นสล๊าฟให้พี่พีนั่นแหละคว้าไรได้คว้าก่อน

"อือ นี่ก้อได้วะ ดีเหมือนกัน มีรถวิ่งตลอดคืน"บทมันจะง่ายมันก็ง่ายเลย
 

"งั้นไปทำสัญญากันเลยหว่ะ มรึงออกค่ามัดจำไปก่อนนะ เดี่ยวเงินเดือนแรกกรูออกกรูคืน"สาด....ลำบากผมอีก

ตกลงเป็นอันว่าผมได้ที่สิงสถิตย์แล้ว เฮ้อ ในใจลึกๆ ผมก็อยากเป็นสล๊าฟของพี่พีนะ ฮ่าฮ่า........แต่ผมไม่เคยล้างก้นให้ใครล่ะซิ.......


mathewwww

  • บุคคลทั่วไป
Re: เสือไบ:the series by matheww
«ตอบ #59 เมื่อ27-06-2007 12:24:44 »

เสือไบ:the series (ตอน 12)

หนึ่ง ปีผ่านไป ไวจริงๆ วันนี้พี่ติ๊กชวนพี่พี พี่ตั้น และก้อพี่ๆ ในที่ทำงานพาผมมาเลี้ยงประมาณแบบว่าเลี้ยงครบรอบ 1 ปีที่ผมทำงาน

"โหพี่ยังกับครบรอบแต่งงานผมเลยแฮะ"ผมขำๆ พี่ติ๊ก น่ะแกตัวตั้งตัวตีงานนี้โดยเฉพาะ

"มรึงจะไปไม่ไป กรูอุตส่าห์จะเลี้ยง"แหะ แหะ ไปดิพี่ของฟรีผมชอบ

หนึ่งปีผ่านมานี่ผมเป็นงานมากขึ้น แบบว่ามีงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน(อย่างน้อยก็ได้ใช้ความรู้ด้านวิศวะที่เรียนมาบ้างน่ะ แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซนต์ก้อเถอะ) ไม่ต้องผลาญอากาศไปวันๆ สนิทกับพี่ที่ห้องมากขึ้น(แก๊งค์สามซ่า พี่พี พี่ติ๊ก พี่ตั้น ) ที่สำคัญหนึ่งปีมานี่ผมไม่เคยมาสาย หรือขาดงานเลย ...(ปีนี้ได้ขั้นครึ่งด้วยแหละครับ)

ประมาณห้าโมงทุกคนมารวมตัวกันที่สโมรสรบรรยากาศก็ประมาณกินเหล้า คุยเรื่องงาน นินทาสาวๆโดยเฉพาะป้าๆ ที่ทำงานด้วย (วันนี้พี่ติ๊กแกจะชวนมาด้วย แต่โดนเบรกไว้ ถ้าชวนมาเดี่ยวก็ได้มีการวางมวยหญิงกลางวงเหล้านี่แหละ)

หนึ่งปีที่ทำงานมาผมประทับใจที่นี่ครับ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมงานหรือเรื่องงานให้ลำบากใจไม่เหมือนที่ๆเพื่อนๆผมไปบรรจุบางคนไม่สนุกกับงานบางคนทะเลาะกับเจ้านายหรือเพื่อนร่วมงานเลยก็มี.......

กินดื่มกันประมาณ 1 ทุ่มพวกพี่ที่สูงอายุแยกย้ายกันกลับบ้าน เหลือแต่พวกเรา สี่คน(ผม พี่ติ๊ก พี่พี พี่ตั้น)

"ไอ้นุ่มเมื่อไหร่มรึงจะย้ายหอไปอยู่กับไอ้พีวะ ไอ้พีรอให้มรึงไปล้างก้นอยู่" พี่ติ๊กเริ่มก่อนวอดอีกแล้ว โหจะปีแล้วแกยังไม่ลืมเหรอนี่ พี่พีเครียดไปทันทีเลย ฮ่าฮ่า

"ยังพี่ น้องอยู่กับเพื่อนครับ ไม่กล้าย้าย เดี่ยวมันจะว่าเอา"

"ถ้ามรึงย้ายออกไม่ต้องหาห้องเช่าอีกนะ ห้องไอ้พีรอต้อนรับมรึงเสมอ" อือ เอาเข้าไป พี่พีเค้าไม่พูดสักคำ.................

เราไปต่อกันที่ร้านข้าวต้มหน้าที่ทำงาน ความจริงพี่ตั้นชวนไปต่อที่คาราโอเกะ แต่พรุ่งนี้พวกเราต้องมาทำงานกันแต่เช้าเลย เอาแค่กินข้าวต้มดีกว่า ถ้าเป็นวันเอื่นมีหวังได้ไป กอดสาวๆ อุ่นๆ แน่เลย เสียดายจัง...

ตอนนี้ชีวิตผมกำลังไปได้ดีครับ ไม่ว่าจะเรื่องงาน เรื่องเพื่อน แต่เรื่องรักผมไม่มั่นใจแล้ว

LUCKY IN GAME BUT UNLUCKY IN LOVE

แยกกันที่ร้านข้าวต้มแล้วผมก็โทรหายัยกระเหรี่ยงของผมทันที ประมาณเมาแล้วชอบเป็นมนุษย์ตู้โทรศัพท์(มีความสามารถในการใช้ชีวิตในตู้โทรศัพท์นานๆ บางครั้ง เลย สามชั่วโมง) ช่วงนั่นยังไม่มีมือถือ ไอ้การจะให้คิดถึงปุ๊บกดปุ่มปุ๊บติดปั๊บ น่ะไม่มีครับ ต้องไปใช้บริการของตู้สาธารณะ(ลำบากจริงๆ แต่ก็ต้องทน..)

ตื๊ด  ติ๊ด..... ผมโทรศัพท์ไปที่หอที่ยัยกระเหรี่ยงพัก

"สวัสดีค่ะ จะพูดกับใครคะ"หน่อย เพื่อนยัยกระเหรี่ยงเป็นคนรับสายเหมือนเดิม ห้องนี้เค้าพักกันสามคนครับ คือเปิ้ล หน่อย พิศ(ยัยกระเหรี่ยงของผม)

"เอกเองนะหน่อย ขอสายพิศหน่อยเร็ว"

"ยังไม่กลับจากที่ทำงานเลยเปิ้ลด้วย"หน่อยบอก ตอนนั้นผมรู้สึกแย่มากๆ เลยครับกับคำตอบนี้อาการเมาที่กินมาช่วงหัวค่ำสร้างไปในบัดดล

"ทำงานไรเหรอหน่อย"

"อ้าวตอนนี้พิศกับเปิ้ลเรียนจบแล้วนี่ ทำงานที่บริษัทที่นอนดัลลอป.....แถวพระโขนง"โหอะไรกันนี่ ผมเป็นอะไรไปครับนี่ อึ้งกับคำตอบนี้จริงๆ ยัยกระเหรี่ยงผมเรียนจบรามแล้ว ทำงานแล้วด้วย ทำไมผมไม่รู้ล่ะ ผมน่าจะเป็นคนลำดับต้นๆ ไม่ใช่เหรอครับ ที่จะต้องแสดงความดีใจกับคนที่เรารักเมื่อเขาเรียนจบ หรือได้ทำงานใหม่....

"เอกไม่เห็นรู้เรื่องเลย"

"อ้าวนึกว่าพิศบอกเอกแล้วซะอีก"

"หน่อย ถ้าพิศกับมาให้โทรหาเอกที่หอหน่อยนะ อย่าลืมล่ะ บาย"ตอนนั้นไม่มีแรงที่จะคุยอะไรต่อแล้วครับ มันมีคำถามคาใจเต็มไปหมดน่ะ.....

ผมรีบกลับไปที่หอ(แฟลตแถวพงษ์เพชรนั่นแหละ) นอนรอโทรศัพท์ในใจเต็มไปด้วยคำถามสารพัด ประมาณเที่ยงคืน ผมทนรอไม่ไหวแล้วเลยตัดสินใจโทรกลับไปอีกครั้ง

"สวัสดีค่ะ จะพูดกับใครคะ" หน่อยคนเดิมรับแล้ว

"เอกเองหน่อย พิศกลับมายัง" ผมถามต่อ หน่อยเงียบไปสักพักแหละครับ

"กลับมาแล้ว หลับแล้ว แต่หน่อยบอกพิศให้โทรกลับแล้วนี่"

"ไม่เห็นโทรมาเลยน่ะ มีอะไรปิดบังเอกอยู่เหรอเปล่า" หน่อยเงียบไปอีก น่ะ

"งั้น...ไม่เป็นไรหน่อยบอกพิศล่ะกัน ถ้าพรุ่งนี้ไม่โทรมาหาเอกที่ที่ทำงาน เดี่ยวเอกจะไปรอที่ห้องนะ"

"อือ แล้วจะบอกให้นะจ๊ะ"คุยกันได้สักหน่อยผมก็ขอตัว ไม่ไหวจริงๆ สรุปคร่าวๆ ก็คือตอนนี้สามสาวเรียนจบรามฯ แล้ว ยัยกระเหรี่ยงผมกับเปิ้ล ทำงานที่บริษัทที่นอน ได้สองเดือนแล้ว ส่วนหน่อย ทำงานผู้ช่วยหมอฟัน ทำไมผมเพิ่งมารู้ล่ะนี่........คืนนั้นผมหลับด้วยคำถามมากมาย ตื่นขึ้นมาด้วยอาการอิดโรยทั้งเหล้าทั้งนอนไม่ค่อยหลับ...ตามบวมแดงกล่ำมาทำงาน วันนี้ผมซึมทั้งวันเลย หูก็คอยฟังเสียงโทรศัพท์

"ไอ้พี มรึงไปแกล้งไรใอ้นุ่มอีกฟะ มันซึมเป็นไก่หงอยทั้งวันเลย " พี่ติ๊ก ส่งเสียงดังผมไม่ได้สนใจมากมายครับ

"เปล่านี่  มรึงแหละไปแหย่มันมากๆ มันเลยเครียด" พี่ติ๊กกับ พี่พีคุยกันต่อ เรื่องอะไรไม่รู้อีกมากมาย ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ไม่ค่อยมีสมาธิอยู่แล้ว

"ไอ้นุ่ม เมื่อเช้ามรึงมาทันมวยคู่เอกหรือเปล่า วะ"

เงียบ (ผมไม่ได้ยินจริงๆ)

"ไอ้สาดนุ่ม กรูถามมรึงนะเว๊ย" ป๊าบ ผมโดนเบิร์ดกะโหลกไปหนึ่ง ที ตกใจเลยครับ สะดุ้งตื่นจากพวังค์

"อะไรเหรอครับ"ผมทำท่าเหรอหรา

"อ้าวเวน ไม่ฟังกรูเลย เป็นไรวะ ทำอย่างกับอกหัก"

"ไม่มีไรพี่ เหนื่อยๆ" ผมตอบแล้วก้อลุก ไปนอกห้องครับ ไม่มีอารมณ์จะต่อความยาวกับ พี่ๆ

กลับมานั่งโต๊ะทำงานประมาณบ่ายสามกว่าๆ ครับ (อาการยังเหมือนเดิม ซึม หงอย นั่งเหม่อเหมือนคนบ้า)

กริ๊งๆ เสียงโทรศัพท์ดัง(หูผมกระดิก ครับ ฮ่าฮ่าตอนนั้นถ้าเป็นเสียงแบบนี้ประสาทสัมผัสผมตอบรับทันที)

"ไอ้นุ่ม โทรศัพท์ มรึง" พี่ตั้น ตะโกนโหวกเหวกมา ตอนนั้นผมลิงโลดเลยครับ ประมาณมันเหมือนตอนเมาแฮงค์ๆ ตื่นขึ้นมาเจอน้ำวางอยู่ตรงหน้าคว้าหมับมาดื่ม ฮื้อหือ สดชื่น

"เอก พูดครับ "

"เค้าเองตัวเอง สบายดีเหรอเปล่า" โหคำถามแรกทำให้ผมอึ้งเลยนะนี่ นั่นดิ เราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนี่ เจอกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอน เมษาวันสงกานต์ เจอแป๊บเดียวด้วย ไม่ถึง 10 นาที เจ็ดเดือนแล้วนี่หว่ะ โทรศัพท์ก็ไม่ได้คุยกันเลย (ผมโทรไปทีไรหน่อยกับเปิ้ลก้อบอก ว่าไม่อยู่บ้างน่ะ ไม่ว่างบ้างน่ะ ยังไม่กลับบ้างน่ะ ตอนนั้นผมเฉยๆ  คิดว่าไม่เรียนหนักก็น่าจะติวหนังสือกันอยู่)

"สบายดี แต่คิดถึงตัวเองแหละ" อาจึ๋ย

"เค้าเรียนจบแล้วนะ ตอนนี้ทำงานอยู่แถวพระโขนง"

"ดีใจด้วยนะ อือ มาบอกเอาซะป่านนี้ " ผมพูดแบบงอนๆ

"เอก"

"จ๋า"

"วันศุกร์นี้ว่างเหรอเปล่า ไปกินข้าวกันหน่อยนะ.........."

"ว่างดิ สำหรับตัวเองเค้าว่าเสมอแหละ"

"อือ สองทุ่มนะเจอกันที่ ร้าน 13 เหรียญ หน้าราม แค่นี้นะ"

"จ้า บายจ้า จุ๊บๆ" ตอนนั้นรู้สึกสดชื่อกระปี้กระเป่าขึ้นทันทีเลย ได้ยินเสียงแค่นี้ก็ดีใจแล้วศุกร์นี้มีเดทแล้ว เจ็ดเดือนแล้วที่ผมกับยัยกระเหรี่ยงผมไม่ได้เจอกันเลย ผมมองไปที่แหวนเงินตอนนี้ ห้าปีแล้วมันก้อยังติดนิ้วนางของผมอยู่แม้มันจะเก่าแต่ผมก้อยังใส่มันอยู่ "วันศุกร์ชั้นจะเจอจ้าวนายแกแล้วนะ" ผมบอกมัน...

ตอนนี้ผมอารมณ์ดีมากเลยครับ พี่ติ๊ก เกาหัวยิกๆ

"ไอ้นุ่ม มันเป็นไรฟะ เช้ามันไก่หงอย เย็นผีเข้า กรูปวดหัวกับน้องมรึงจริงๆ หว่ะไอ้พี"

"ไปเย็นนี้ไปแดกเหล้ากันที่สโมฯ เลย ไอ้ไก่หงอย" 5555 เย็นนั้นผมกับพี่ติ๊กก็เลย ไปนั่งดื่มเหล้าที่สโมรคนโสด อย่างสุขขี

ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าวันศุกร์ที่ผมจะออกเดทผมจะเจออะไรบ้างแต่ผมก้อดีใจที่ได้เจอคนที่ผมรัก......เฮ้อทำไมเวลาที่เรารออะไรด้วยใจจดใจจ่อ เวลามันช่างเดินช้า แบบนี้นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด