แรงแค้นใต้เงารัก [อวสาน 17-5-54]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แรงแค้นใต้เงารัก [อวสาน 17-5-54]  (อ่าน 367719 ครั้ง)

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
มาต่อโดยไว

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
5

อาทีเอี้ยวตัวหันมองไปยังโรงอาหารเมื่อส้มฉุดร่างให้ลุกขึ้นแล้ว ท่ามกลางความจอแจของเพื่อนนักเรียนในนั้นทำให้ไม่สามารถมองเห็นร่างของคนที่ตนมองหา
“ไปกินข้าวกับส้มนะพี่อาที” เสียงเด็กสาวข้างตัวเอ่ยชวน จึงต้องหันกลับมาสนใจเจ้าตัว
“ไปเหอะพี่ยังไม่หิว” เด็กหนุ่มปฏิเสธ เพราะเริ่มมีทิฐิขึ้นมาบ้าง นึกเอาเองว่าอิทธิคงจะนั่งอยู่ในโรงอาหารนั่นแล้ว ในเมื่อฝ่ายนั้นเฉยชากับตนนัก ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเอาตัวเข้าไปใกล้ให้รำคาญสายตา
“ขอตัวก่อนนะ” อาทีแกะมือส้มออกจากมือแล้วเดินหลบไปอย่างไม่สนใจว่าอาการสาวน้อยจะแสดงออกยังไงตอนอยู่ลับหลัง
ส้มเกิดอาการกระฟัดกระเฟียด หน้าง้ำหน้างอตอนมองตามร่างอาทีที่เดินย้อนกลับไปทางอาคารเรียน เป็นผู้ชายอะไรไม่หวั่นไหวกับความสวยของเธอบ้างเลยหรือไงถึงได้เมินใส่ทุกเช้าเย็น ทีกับนายอิทธิล่ะเกาะแจราวกับตุ๊กแกก็มิปาน ว่าแต่ตอนนี้นายนั่นไปไหนแล้วล่ะ ทำไมพี่อาทีถึงได้มานั่งสิ้นท่าอยู่บนพื้นคนเดียวตอนที่เธอมาเจอ
“สงสัยทะเลาะกันมาแน่ๆ ดูสินั่นข้าวเที่ยงก็ไม่ยอมกิน” สาวน้อยเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปยังโรงอาหาร ซึ่งเพื่อนทั้งกลุ่มได้รออยู่แล้ว พอไปถึงสายตาเหลือบเห็นอิทธินั่งอยู่เพียงลำพังตอนนักเรียนบางตา จึงแวะเข้าไปหาหวังจิกกัดตามประสาคนไม่ชอบหน้า
“ใจคอจะไม่คบใครเลยหรือไงนะนายอิทธิ พอพี่อาทีไม่มาอยู่ด้วยก็นั่งคอตกกินข้าวเพียงลำพัง เอ๊ะ! หรือว่าไม่มีใครคบลูกขี้ข้าขี้ประจบประแจงอย่างนาย”
อิทธิเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่ พอเห็นว่าเป็นใครจึงไม่คิดใส่ใจ เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาจัดการกับจานข้าวตรงหน้าต่อไปเงียบๆ ฝ่ายส้มพอเห็นว่าประโยคแรกของตนไม่ระคายหูคนที่ตนไม่เคยนับถือว่าเป็นรุ่นพี่ จึงแกล้งใช้มือปัดแก้วน้ำที่วางข้างๆ เจ้าตัวจนล้มลงส่งผลให้น้ำในแก้วหกเรี่ยราด
“เฮ้ย! อะไรวะ” อิทธิรีบลุกขึ้นอุทานถามออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าน้ำเย็นๆ กระเด็นมาสัมผัสผิว
“ว้าย! ผู้ชายจะต่อยผู้หญิงค่ะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ส้มถือโอกาสที่เห็นท่าทางขึงขังหนีน้ำของอิทธิร้องตะโกนขึ้นพลางทำท่าหวาดกลัวเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนกำลังจะโดนทำร้าย ซึ่งมันก็สำเร็จ เมื่อหลายคนที่มองมายังเหตุการณ์ต่างวิ่งกรูเข้ามาทำทีห้าม
“เฮ้ย นายจะต่อยผู้หญิงจริงๆ เหรอวะ” หนึ่งในคนที่กรูเข้ามาเอ่ยถาม อิทธิกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี จึงตัดสินใจเดินหนีออกจากโรงอาหารไปซะ ส้มมองตามแอบแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจที่กลั่นแกล้งคนที่ตนนึกไม่ชอบหน้าสำเร็จ
“ขอบคุณนะคะที่เข้ามาช่วย” เด็กสาวหันกลับมาเอ่ยกับกลุ่มคนที่หลงโง่เชื่อการแสดงละครของตน ก่อนจะเดินสะบัดก้นกลับไปหากลุ่มเพื่อนๆ อย่างอารมณ์ดี
 ฝ่ายอิทธิหลังจากเดินหนีออกจากโรงอาหารก็คิดจะเดินไปหามุมสงบนั่งทำสติอยู่เพียงลำพัง เหตุการณ์เมื่อครู่ใช่ว่าจะไม่โกรธยัยส้ม เพียงแต่คิดว่ามันคงดูไม่ดีเท่าไหร่หากจะแสดงอาการออกไป เด็กหนุ่มเลือกที่จะเดินไปยังลานกว้างหลังโรงยิม ซึ่งดูแล้วปราศจากการรบกวนจากเพื่อนนักเรียน ม้านั่งใต้ต้นหูกวางคือที่ที่เลือกนั่งพัก
ไม้กิ่งหนึ่งหล่นลงตรงหน้าตอนนั่งได้สักพัก เด็กหนุ่มไม่ใส่ใจว่ามันหล่นลงมาจากไหน เพราะอารมณ์ยังไม่เย็นลงเท่าไหร่นัก เวลาผ่านไปยังไม่ถึงนาที กิ่งที่สองก็หล่นตามลงมา คราวนี้แค่รู้สึกแปลกใจ แต่ยังไม่คิดหาที่มา อีกไม่กี่อึดใจกิ่งที่สามก็ตามลงมาใหม่ คราวนี้มันไม่แค่หล่นลงตรงหน้า แต่ศีรษะตนนั่นแหละเป็นที่รองรับจึงต้องแหงนหน้าขึ้นข้างบน รู้สึกตกใจปนโกรธนิดๆ เมื่อเห็นร่างอาทีกำลังกลั้นหัวเราะอยู่บนต้นหูกวางที่ตนแหงนมอง
“ไอ้อาที ลงมาเลยนะมึ่ง เชี่ยแกล้งกู” เด็กหนุ่มชี้หน้าตะโกนสั่ง ด้านอาทีพอเห็นเพื่อนรู้ตัวแล้วจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เก็บกลั้น สายตาแลเห็นตั้งแต่ต้นแล้วว่าอิทธิได้เดินหน้าบึ้งมายังต้นหูกวางที่ตนปีนขึ้นมานั่งข่มอารมณ์น้อยใจ ตอนนั้นก็แค่สังเกตการณ์อยู่เงียบๆ พอเห็นเจ้าตัวนั่งลงตรงม้านั่งเบื้องล่างจึงหักกิ่งหูกวางกิ่งเล็กๆ โยนลงไปเพื่อหวังแกล้งเล่นตามนิสัยเดิม เพราะอารมณ์ทิฐิมันจางหายไปจากใจตอนที่ได้อยู่ตามลำพังนั่นแล้ว
“ไม่ลงโว้ย มึงเป็นใครมาออกคำสั่งกู” อาทีส่งเสียงตอบ แกล้งพูดให้คนฟังได้คิดว่าก่อนหน้าได้ทำอะไรกับตนไว้ หนุ่มน้อยทำทีจะปีนขึ้นไปให้สูงกว่าเดิม อิทธิเข้าใจว่ากำลังโดนประชด เห็นภาพการปีนป่ายของคนข้างบนแล้วนึกเป็นห่วงขึ้นมาจึงร้องบอกใหม่
“มึงหยุดตรงนั้นเลยนะอาที มึงจะปีนขึ้นไปอีกทำไมเล่นเป็นลิงเป็นค่างไปได้ ตกลงมาไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตเลยนะมึง”
“จะตกไม่ตกก็เรื่องของกู” อาทียังรั้น นึกสนุกอยากลองใจอิทธิขึ้นมาว่าห่วงตนมากแค่ไหน จึงแกล้งจับกิ่งไม้พาดทำทีจะหล่น
“อาทีระวัง!” อิทธิร้องเสียงหลงเมื่อเห็นภาพนั้น สัญชาตญาณสั่งให้รีบวิ่งเข้ารองตรงจุดที่คิดว่าเพื่อจะหล่นลงมา อาทีเห็นภาพนั้นแอบยิ้มที่มุมปากหน่อยๆ ที่เห็นตนยังได้รับการเป็นห่วงอยู่
“ทีงี้ทำมารอง ทีผลักกูจนล้มเสือกมาคิดจะฉุดกูขึ้นนะมึง” เด็กหนุ่มได้ทีจึงว่ากลับ อิทธิเข้าใจทันทีว่าโดนลองใจเข้าให้แล้ว จึงยืนเท้าเอวส่ายหน้าเอ่ยขึ้น
“นิสัยนะมึง แกล้งจะหล่นใช่มั้ยเมื่อกี้น่ะ”
“ฉลาดนี่ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกู” อาทีตอบกลับ
“ลงมาคุยกันข้างล่างเถอะมา กูเมื่อยคอจะแย่แล้วที่ต้องแหงนหน้าคุยกับมึงเนี่ย” อิทธิออกคำสั่ง อาทียอมทำตามอย่างว่าง่าย ร่างหนุ่มน้อยค่อยๆ ปีนลงมาจนเท้าแตะพื้น จังหวะนั้นต้องร้องโอ้ยขึ้นสุดเสียงเมื่อรู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายขึ้นมา สาเหตุคือการโดนเตะเข้าหนึ่งป๊าบจากปลายเท้าอิทธิ
“เชี่ย มึงเตะกูทำไมเนี่ยไอ้อิท” เด็กหนุ่มโวยลั่น
“หมั่นไส้มีอะไรมั้ย” อิทธิลอยหน้าตอบ
“หมั่นไส้ใช่มั้ย มานี่” อาทีใช้ความไวคว้าคอคนลอยหน้ามาใกล้ตัวแล้วจัดการยกเข่าขึ้นกระแทกที่หน้าท้องเจ้าตัวเบาๆ เชิงแกล้งเล่น
“กูก็สู้คนนะโว้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก พลางตามแทงเข่าไปเรื่อยๆ เมื่อคนที่ตนแกล้งพยามถอยร่นหนี
“ปล่อยกูไอ้อาที เชี่ย กูเจ็บนะมึง” อิทธิร้องบอกในจังหวะที่หน้าท้องโดนกระแทกจากเข่าจริงๆ ซึ่งดูเหมือนเจ้าของเข่าจะรู้ตัวจึงยอมปล่อยแล้วถามอาการหน้าตื่น
“จุกหรือเปล่าวะ กูขอโทษ”
“จุกดิ ลองโดนบ้างมั้ยล่ะ” อิทธิเอ่ยตอบ ก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งพักอาการเหนื่อยหอบ และจุกแน่นที่หน้าท้องหน่อยๆ
“ดีนะที่ไม่ได้กินข้าวมาจนอิ่ม ไม่งั้นได้จุกหนักกว่านี้แน่” เด็กหนุ่มบ่นต่อ อาทีได้ยินจึงตามลงไปนั่งข้างๆ เอ่ยถาม
“หมายความว่าไง มึงยังไม่กินข้าวหรอกเหรอ”
“กินอะไรล่ะ ก็แฟนมึงตามไปกวนกูซะขนาดนั้น”
“แฟนกู ใครวะ”
“ก็ยัยส้มไง”
“เฮ้ย! มาโบ้ยยัยนั่นให้กูทำไมเนี่ย”
“อ้าว ก็เห็นตามมาฉุดกันขึ้นนี่”
“แค่นี้เนี่ยนะมาเหมาว่ายัยนั่นเป็นแฟนกู”
“หรือมึงกับเขามีอะไรมากกว่านั้นล่ะ”
“ปากเสียนะมึง กูจะมีอะไรกะใครได้ไง ในเมื่อมีมึงค้ำคออยู่”
“มึงอย่ามาทะลึ่งนะไอ้อาที ทุกวันนี้คนอื่นเขาก็มองเราแปลกๆ อยู่แล้ว มึงยังจะมาปากดีอีกนะ”
“โธ่ กูล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นเสียงเขียว”
“เรื่องแบบนี้ไม่ควรเอามาล้อโว้ย เกิดมีคนได้ยินแล้วเข้าใจผิดไปกันใหญ่มันจะยุ่ง”
“ทำไม ยุ่งตรงไหน ไม่ดีใจเหรอที่มึงมีแฟนเป็นถึงหลานเจ้าของไร่ส้ม”
“ยังจะพูดอีก เดี๋ยวต่อยปากแหกเลยไอ้นี่”
“โหย ทำเป็นดุ ไม่พูดก็ได้วะ แต่มึงต้องตอบกูมาก่อนว่าเมื่อเช้ามึงเป็นห่าอะไรไม่พูดไม่จากับกูจนถึงเที่ยงน่ะ”
สองคนมองหน้ากันนิ่งเมื่ออาทีเอ่ยเข้าเรื่องที่ได้หมางเมินใส่กันตอนเช้าที่ผ่านมา อิทธิผ่อนลมหายใจ ที่สุดท้ายตนก็ยอมใจอ่อนให้กับคนที่นั่งข้างๆ จนได้ ให้ตายเถอะน่า หัวใจไม่เคยเข้มแข็งพอที่จะเฉยชาใส่คนๆ นี้จนข้ามวันได้เลยจริงๆ
“ว่าไง ตอบกูมาหมดทุกอย่าง ไม่งั้นกูจะป่าวประกาศว่ากูกับมึงเป็นคู่เกย์กันให้แม่งมันรู้ทั้งโรงเรียนนี่แหละ” อาทีเอ่ยขู่ขึ้น เพื่อหวังให้เรื่องราวเมื่อเช้ากระจ่างต่อใจตน
“มึงอย่าห่ามให้มันมากนักไอ้อาที” อิทธิเอ่ยปราม ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนฟัง ซึ่งพอเล่าจบก็ถึงกับไม่สบายใจเมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนเกิดขรึมเครียดขึ้นมา
“แม่กูทำเกินไปหน่อยแล้ว เดี๋ยวกูจะบอกป้าจันทร์ให้ปรามท่านให้” อาทีเอ่ยออกมา นึกเห็นใจเพื่อน พลางรู้สึกเสียใจที่ทำให้เจ้าตัวโดนกลั่นแกล้งเพราะตนอีกครั้งแล้ว
“ให้เรื่องมันจบตรงนี้เถอะอาที อย่าให้มันลามปามไปกันใหญ่เลยว่ะ” อิทธิเอ่ยบอก เพราะเชื่อว่าหากจิตราโดนติเตียนจากจันทร์จวง ตนและแม่คงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากกว่าเดิมอีกแน่
“แต่แม่กูทำไม่ถูกนี่หว่า” อาทีแย้ง
“ไม่ถูกยังไง เขาเป็นห่วงมึงกลัวมึงจะมาแปดเปื้อนลูกขี้ข้าอย่างกูก็ถูกแล้วไง” อิทธิให้เหตุผลเชิงประชด ซึ่งคนฟังรู้ดีจึงบอก
“มึงอย่าพูดประชดแบบนี้อีกนะไอ้อิท กูไม่เคยมองมึงเป็นลูกขี้ข้า ลูกคนงานเลยนะโว้ย มึงเป็นเพื่อนที่ที่สุดของกูนะ”
“แต่มึงกับกูอยู่ต่างฐานะกันมึงก็รู้”
“ฐานะบ้าบอคอแตกน่ะสิ มึงก็คน กูก็คน มีตรงไหนที่เราไม่เหมือนกัน เลิกคุยเรื่องนี้กับกูเลยนะ แล้วต่อแต่นี้ไปห้ามมึงเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการหลบหน้าหลบตากูอีกเด็ดขาด เพราะยังไงกูก็ไม่เลิกคบมึงแน่”
“แล้วมึงไม่สงสารกูกับแม่นางเหรอที่ต้องทนต่อคำก่นด่าและโดนกลั่นแกล้งจากแม่มึง”
“เราก็มาตกลงกันใหม่ไง ว่าจะทำยังไงให้แม่กูไม่รู้ว่าเรายังคบกันอยู่”
“เหอะ! ทำยังกะจะลักลอบได้เสียกันเลยนะมึง ถ้ามันลำบากขนาดนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ไปเหอะว่ะ เพราะอีกหน่อยจบม.6 ไป มึงก็ต้องตามไปอยู่กับพ่อกับพี่มึงที่กรุงเทพฯ อยู่ดี”
“เรื่องอะไรกูจะไปคนเดียว กูไป มึงก็ต้องไปด้วยดิ เรียนด้วยกัน จบด้วยกัน อนาคตดีด้วยกันทั้งสองคน โอเคป่าว”
“มึงอย่ามาวาดวิมานในอากาศหน่อยเลย”
“เรื่องจริง เนี่ยกูเตรียมขอป้าจันทร์ให้มึงแล้ว มึงอ่ะเรียนดี ป้าจันทร์เขาส่งเสียต่ออยู่แล้ว เชื่อกู”
“เลิกๆๆ หยุดคุยเรื่องนี้กัน ยังไงกูก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกูเป็นห่วงแม่กู อีกอย่างมึงจะให้กูเอาชีวิตเข้าไปพัวพันอยู่ใกล้พี่ชายมึงให้ได้วางมวยกันหรือไง แม่งเกลียดกูเข้าไส้พอๆ กับแม่มึง เจอกันไม่ถึงสามวิเป็นได้ต่อยกันหน้าแหกแน่”
“มึงนี่ก็เว่อร์ พี่อาทิตย์เขาโตจนจะเรียนจบแล้ว คงไม่มีนิสัยหาเรื่องมึง เหมือนเดิมมั้ง”
“น้อยไปสิ คนมันเคยมีประวัติไม่ดีต่อกัน จะให้หันมาจูบปากกันยากว่ะ”
“มันก็ไม่แน่หรอก ระวังนะโว้ย ทะเลาะกันมากๆ ผลสุดท้ายจะได้กันเอง” พูดจบอาทีก็ปล่อยหัวเราะออกมา เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆ ของคนที่นั่งข้างๆ
“จะว่าไป ได้มึงมาเป็นพี่สะไภ้ก็ไม่เลวนะ” เด็กหนุ่มแซวต่ออย่างคะนองปาก ก่อนจะลุกวิ่งหนีเมื่อคนฟังขึงขังทำท่าจะทำร้ายร่างกายตนสักที่
“หยุดให้กูต่อยปากเลยนะไอ้อาที เชี่ยกล้าล้อกูนะมึง”
“แน่จริงตามจับให้ได้สิครับพี่สะไภ้ ฮ่าๆๆ” อาทีเอ่ยล้อต่อพลางวิ่งหนีอย่างไม่มองทางกระทั่งชนเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่เดินสวนมาจนเจ้าตัวร้องว้ายล้มคะมำจึงหยุดมอง
“อ้าว ยัยส้มเป็นอะไรมากมั้ย พี่ขอโทษ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกพลางยื่นมือไปช่วยฉุดส้มให้ลุกขึ้น นาทีนั้นอิทธิวิ่งตามมาเห็นพอดี เด็กหนุ่มหยุดมองจนส้มถูกฉุดให้ลุกได้
“ขาส้มเจ็บหมดเลย เย็นนี้ส้มคงต้องขอติดรถพี่อาทีกลับไร่แล้วล่ะคะ” ส้มรีบออเซาะ กระหยิ่มใจที่แผนการณ์วิ่งมาชนร่างชายที่ตนนึกชอบนั้นสำเร็จตรงที่ตนกำลังได้คะแนนสงสาร
“พี่ยังไม่รู้เลยว่าลุงไกรจะมารับหรือเปล่า” อาทีหมายถึงคนขับรถ
“ต้องมาสิคะถ้าพี่อาทีสั่ง” ส้มแย้ง อาทีหันกลับไปมองทางเดิมที่วิ่งมา เห็นอิทธิยืนมองเหตุการณ์อยู่จึงเอ่ย
“พี่คงไม่สั่งหรอก เพราะพี่จะกลับพร้อมไอ้อิท”
“ปั่นจักรยานนั่นน่ะเหรอคะ ยี้ พี่อาทีเป็นถึงหลานเจ้าของไร่นะคะ” ส้มออกจริตอย่างน่าหมั่นไส้
“ไม่เห็นแปลก ปกติพี่ก็กลับแบบนี้อยู่แล้ว” อาทีไม่สนใจท่าทีที่เห็น เด็กหนุ่มเดินย้อนกลับไปโอบไหล่คนยืนมองเหตุการณ์แล้วชวนเดินหนีไปทางอาคารเรียน
“แอร๊ยยส์ เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณจิตร ฉันต้องฟ้อง ฉันต้องฟ้อง ฮึ่ย!” ส้มยืนเข่นเคี้ยวมองตามหลัง จินตนาการไปถึงตอนเย็นว่าหากสิ่งที่ตนเห็นต่อหน้าต่อตาตอนนี้ถึงหูจิตรา เหตุการณ์ต่อไปต้องสนุก!!

โปรดติดตามตอนต่อไป
ต้องขอโทษด้วยครับที่หายไปหลายวัน เร่งปิดเล่ม Loving Course ฯ อยู่ครับ ใกล้เปิดจองแล้ว ให้กำลังใจกันด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

Boy
 
   


samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
แค่ป้าจริตตราจิตตกอะไรนั้นคนเดียวก้เครียดแล้วนี้ +ยัยส้มเน่ามาอีกแอร๊ยยยย แล้วไหนจะคุณพี่อาทิต อิชั่นว่า ชีวิตยิ่งกว่าดาวพระศุกร์ บนซินเดอเรล่าอีกนะคะเนี้ยยยยยยยยย


แต่ก็ยังคงติดตามต่อไปนิยายคุณบอยมันส์ๆถึงอารมณ์ทุกเรื่องอ่านแล้วอินมากกกกกกกกกกกกกก ร้องไห้มาก แค้นแทนมาก และดีใจเวลามันแฮปปี้้้้้................................. :mc4: :mc4: :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2010 14:53:14 โดย samsoon@doll »

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เรื่องนี้อ่านแล้วเครียดเลย 55+
คู่พระ-นายนี่ใช่อาทิตย์กับอิทธิหรือเปล่าหว่า คิดว่าน่าจะได้ มีนายอาทีคนเชียร์ด้วย ^^
แต่ลงทีเยอะมาก อ่านทีก็มึน8ตลบ นี่นายเอกช่างแสนดีเหลือเกิน แม่นายเอกก็ยิ่งดีไปใหญ่
ตัวร้ายก็ร้ายซะ สุดๆทุกอย่างจริงๆ
ติดตามจ้า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

เอ่อ...

สั้นจริงอะไรจริง

อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มารอตอนยาว ๆ ชอบยาว ๆ ๆ ๆ ๆ   อิ อิ
เกลียดคนอย่างนังส้(ว)มที่สุด
ถ้าเจอคนแบบนี้จะจับตบให้หนำใจทีเดียว

ออฟไลน์ kit

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1082
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +186/-3

ว้าย เป็นห่วงอิทจังค่ะ  o21

๑๘ + ๑ = ๑๙
ขอบคุณนะคะ คุณ Bboyseries


ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1

ขอสนับสนุนให้แต่งเรื่องนี้ต่อนะครับ

จะติดตามต่อไปนะครับ

ป.ล. อย่าลืมมาต่อเรื่อง Ten&Champ ในนี้ด้วยนะครับ เพราะในเว็บของคุณไปถึงตอนที่ 16 แล้วนะครับ

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เอ่อ ตอนหน้าขอยาวๆนะคะ ชอบเรื่องนี้มากมาย อิอิ o13

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
อิอิ
มาต่อให้ด่วนให้ไว
ไม่งั้นคนอ่านจะลงแดงตายยย

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
มาม่ามากมาย ขอบคุณคุณบอยครับ

ส่วนเรื่อง Love Story Ten & Champ รักในสองนิยาม คุณบอยตั้งกระทู้ใหม่ได้เลยครับ

ส่วนในห้องนิยายไม่จบ เด่วผมย้ายไปเก็บไว้ที่อื่นเองครับ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนเล้าเป็ดอีกครั้งครับ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
อยากอ่านเรื่องนี้อีกอ่ะ
มาต่อเร็วๆน้า T^T

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
6
ดวงตะวันคล้อยต่ำลง เป็นสัญญาณบอกว่าภาระหน้าที่ในไร่กำลังจะหมดสิ้นไปอีกหนึ่งวัน แม่นางจัดเก็บเอกสารทางด้านบัญชีของไร่ไว้ในลิ้นชัก จัดการล็อคกุญแจและตรวจสอบความเรียบร้อยพื้นที่ทำงานของตนภายในเรือนสำนักงานของไร่ นางไม่เคยคิดว่าเรือนแห่งนี้เป็นที่ทำงานประจำของตัวเอง เพราะหากไม่มีการเข้าทำบัญชีใดๆ นางก็มักจะออกไปช่วยคนงานในไร่เสียมากกว่าที่จะนั่งรวมอยู่กับคนงานเก่าแก่คนอื่นๆ ซึ่งนั่นหมายถึงหัวหน้าคนงานอย่างนายศรด้วยเช่นกัน เวลาขณะนี้จวนจะเป็นเวลาเลิกงานเต็มทีจึงไม่น่าแปลกที่จะเหลือนางเพียงคนเดียวที่อยู่เคลียร์เอกสาร ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวกลับที่พักกันหมด
สองขาก้าวออกมาจากเรือนสำนักงานจัดการปิดล็อคประตูตามหน้าที่คนออกทีหลัง แล้วจึงเดินลัดเลาะไปตามทางที่จะกลับเรือนพัก คล้อยหลังไปไม่นานก็มีมือปริศนาเอื้อมมาไขกุญแจตรงบานประตูจนเปิดอ้าออก เจ้าของมือเดินผ่านเข้าไปข้างในอย่างง่ายดาย
 ในตอนนี้แสงสุดท้ายของวันได้ลาลับไปแล้ว ผืนไร่เบื้องหน้าดูเงียบไร้ซึ่งร่างคนงานคนใด แม่นางรีบสาวเท้าเพื่อกลับเรือนให้ทันก่อนจะมืดลงกว่านี้
“อย่าซีพี่สิน น้ำอ้อยขนลุกหมดแล้ว” เสียงเอ่ยเบาๆ ดังมาให้ยินขณะเดินไปครึ่งทาง เสียงนั่นดังมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ ชื่อสองชื่อที่ได้ยินทำให้ต้องหยุดสังเกตการณ์ น้ำอ้อยคือสวาคนงานในไร่ ส่วนสินนางคิดว่าน่าจะเป็นลูกชายนายศร
“น้ำอ้อย สิน แอบมาทำอะไรกัน” แม่นางเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสัย ครู่หนึ่งก็ได้ยินประโยคพูดคุยดังมาจากพุ่มไม้นั่นอีก
“น้ำอ้อยแค่ขนลุกแต่พี่สินอย่างอื่นลุกแล้วนะจ๊ะ ขอพี่สินนะ พี่สินชอบน้ำอ้อย”
“ไม่เอาจ๊ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็น”
“โธ่ คนงานกลับเรือนพักกันหมดแล้ว ที่ตรงนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น”
“แต่นี่มันกลางท้องไร่ท้องนานะจ๊ะ อายผีสางเทวดา”
“ผีสางเทวดามีที่ไหนกันล่ะจ๊ะ ถ้ามีพี่คิดว่าพวกเขาคงอยากดูเราเล่นบทรักกันจวนใจจะขาดล่ะไม่ว่า”
เสียงสนทนาสิ้นสุดลงแค่นั้นก่อนจะตามาด้วยเสียงครวญครงเบาๆ จากฝ่ายหญิง ดั่งเป็นสัญญาณบอกว่าฝ่ายชายได้เริ่มถึงเนื้อถึงตัวหล่อนแล้ว
แม่นางส่ายหน้าอย่างนึกเอือมระอา ใจหนึ่งนางก็อยากจะเข้าไปห้ามการกระทำที่บัดสีของสองหนุ่มสาวที่ตนรู้จักนั่น แต่อีกใจหนึ่งนางก็คิดที่จะหลับหูหลับตาเดินผ่านไปซะ เพราะไม่อยากให้ชีวิตเข้าไปวุ่นวายกับนิสัยอันธพาลของนายสินลูกชายนายศรซึ่งไม่ค่อยถูกชะตากับตนเท่าไหร่นัก เหตุจากการลังเลทำให้นางต้องยืนนิ่งอยู่นั่นเป็นนาน กระทั่งได้สติตอนมีเสียงร้องว้ายจากผู้หญิงดังขึ้น เสียงนั่นดังมาทางพุ่มไม้นั่นเอง
“อีแก่แม่นาง เอ็งมาแอบดูข้าเหรอวะ” สินโพล่งขึ้นตอนที่มองเห็นร่างแม่นางยืนมองมาทางตน ชายหนุ่มพาน้ำอ้อยลุกขึ้นเพราะตั้งใจพาหล่อนหลบไปสานต่อบทรักกันที่อื่นตามที่เจ้าตัวเอ่ยขอตอนกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของคนที่ตนไม่เคยให้ความเคารพยืนอยู่ ดีที่เขาเป็นชายจึงไม่ได้ร้องวี้ดว้ายออกมาอย่างสาวน้ำอ้อย
“ฉันไม่ได้แอบดูใครทั้งนั้น ฉันแค่เดินผ่านมากำลังจะกลับเรือน” แม่นางเอ่ยตอบกลับไป ทำทีจะเดินหนี แต่ก็ช้ากว่าร่างของสินที่กระโดดข้ามพุ่มไม้มายืนขวางหน้าแล้วผลักร่างนางจนล้มลง ชี้หน้าเอ่ยข่มขู่
“เอ็งห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกันแน่”
จังหวะนั้นน้ำอ้อยวิ่งเข้ามาสมทบพอดี หล่อนล่ะกลัวนักว่าแม่นางจะไม่ฟังคำสิน จึงเอ่ยออกมา
“จะเชื่อได้เหรอพี่สินว่าแม่นางจะไม่นำเรื่องนี้ไปบอกใคร”
“ทำไมตอนนี้ถึงมานึกอายกันล่ะ ตอนที่จะทำเรื่องบัดสีทำไมถึงไม่คิด” แม่นางเอ่ยออกมาทั้งๆ ที่ร่างยังนั่งราบอยู่ที่พื้น เหตุเพราะอายุเริ่มมากจะให้ล้มแล้วลุกเลยก็ทำไม่ได้อย่างแต่ก่อน นางล่ะเอือมระอานักกับนิสัยอันธพาลของลูกชายหัวหน้าคนงาน นิสัยมันช่างได้เชื้อพ่อมาไม่มีผิด
“เอ็งพูดแบบนี้หมายถึงเอ็งจะไม่ฟังคำสั่งข้าใช่มั้ย” สินวิ่งเข้าใส่ร่างหญิงสูงวัยที่นั่งราบอยู่กับพื้นใหม่ พลางเงื้อมือทำท่าจะตบ ดีที่น้ำอ้อยวิ่งเข้ามารั้งมือเอาไว้ทัน ในขณะที่แม่นางถลึงตาสู้ไม่ยอมถอย นางเองก็เคยเป็นภรรยานักเลงเก่ามาก่อน กลัวทำไมล่ะกับกิริยาถ่อยๆ ของเด็กรุ่นลูก
“บาปกรรมเปล่าๆ น่ะพี่สิน ปล่อยให้แกแก่ตายน่ะดีแล้ว เราไปที่อื่นกันเถอะนะ พี่ทำขนาดนี้แกคงไม่กล้าปริปากบอกใครแล้วล่ะ” น้ำอ้อยเอ่ยบอก สินหันมามองหน้า นึกคล้อยตามลดมือลง แต่พลันต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงที่ตวาดมาให้ได้ยิน
“แม่กูไม่บอก แต่กูจะบอก พวกมึงมีปัญหามั้ย”
“อิท!” แม่นางเอี้ยวตัวไปมองทางต้นเสียง เห็นร่างลูกชายกำลังวิ่งเข้ามาหาตนจึงเอ่ยเรียกชื่ออย่างตกใจ นางไม่อยากให้ลูกชายเห็นสภาพนางโดนรังแกแบบนี้ เพราะเชื่อว่าเจ้าตัวเองมีมีเชื้อนักเลงมาจากพ่อบังเกิดเกล้าอยู่ไม่น้อย ฟังจากสรรพนามร้องทักนายสินกับสาวน้ำอ้อยเมื่อครู่นางก็รู้สึกถึงแรงโกรธแค้นของลูกชายแล้ว
“ลุกขึ้นเถอะแม่ บอกอิทมาว่าไอ้อีสองตัวนี่มันทำอะไรแม่” อิทธิเข้าพยุงแม่ลุกขึ้น เลือดในกายสูบฉีดตั้งแต่แรกเห็นว่าแม่ของตนนั่งราบอยู่ที่พื้นแล้วมีนายสินและน้ำอ้อยยืนจังก้าทำท่าจะทำร้ายอยู่เบื้องหน้า พร้อมคำพูดเชิงปริศนาที่ได้ยิน เด็กหนุ่มยังมารู้หรอกว่าสองคนห้ามแม่ของตนบอกเรื่องอะไรกับใคร แต่ที่ส่งเสียงทักมาแบบนั้นเพราะต้องการแสดงตัวว่าตนเห็นเหตุการณ์แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้สองคนรุมทำร้ายแม่ของตนก่อนที่ตนจะวิ่งมาถึง
ณ เส้นทางเดิมที่อิทธิวิ่งมา อาทีกำลังปั่นจักรยานของอิทธิเข้ามาสมทบเหตุการณ์ หลังจากที่เจ้าตัวกระโดดลงวิ่งเข้ามาพยุงร่างแม่ของตน
“มีอะไรกันหรือครับแม่นาง” เด็กหนุ่มเอ่ยถามมารดาเพื่อนชาย เห็นเจ้าตัวหันไปมองหน้าลูกชายก็เข้าใจว่านางคงไม่พอใจที่ตนมาเห็นเหตุการณ์นี้พร้อมๆ กับลูกชายนางจึงเอ่ย
“เรื่องผมกับไอ้อิทแม่นางอย่าเพิ่งคิดเลยครับ ตอบผมมาก่อนดีกว่าว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น”
“มันจะมีอะไรล่ะคุณอาที ก็แม่ของไอ้อิทเดินเสร่อล้มลงไปที่พื้น ผมกับน้ำอ้อยก็เลยตรงจะมาช่วยฉุด” สินบอกออกไปหน้าด้านๆ นึกขัดใจที่หลานชายเจ้าของไร่มาเห็นเหตุการณ์นี้ด้วย ไม่อย่างนั้นวันนี้สงสัยจะได้อัดแม่ลูกขี้ประจบให้อ่วมกันทั้งคู่
“มึงอย่ามาโกหกไอ้สิน มึงทำอะไรแม่กูมึงบอกมาซะดีๆ ไอ้อันธพาล” อิทธิโต้กลับ เห็นเต็มตาว่ามันตรงเข้าจะทำร้ายแม่ตน มันยังจะกล้ามาพูดว่าจะช่วย แถได้ไม่อายจริงๆ ให้ตายเหอะ
“มาขึ้นกูมึงกับพี่สินได้ไงนายอิท เป็นเด็กเป็นเล็กหัดพูดจาเพราะๆ หน่อยสิ” น้ำอ้อยสอดขึ้นเพราะไม่พอใจเด็กรุ่นน้อง
“พูดเพราะๆ กับพวกอันธพาลให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอก็เหมือนกันรวมหัวกับไอ้สินคิดจะแกล้งแม่ฉันใช่มั้ย” อิทธิตวาดเสียงใส่ นาทีนี้ไม่คิดเกรงกลัวใครหน้าไหนแล้วทั้งนั้น
“ไม่มีอะไรแล้วอิท กลับเรือนกับแม่ไป” แม่นางชิงเอ่ยปราม มองเห็นถึงอนาคตว่าหากลูกชายตนมีเรื่องกับอันธพาลกับนายสินแล้วเหตุการณ์ร้ายๆ ต่างๆ คงตามมาถึงเจ้าตัวแน่ ซึ่งนางไม่อยากให้เป็นแบบนั้น
“ไม่มีอะไรได้ไงแม่ ก็เห็นอยู่ว่าไอ้สินมันจะทำร้ายแม่” อิทธิติงมารดา นึกขัดใจที่นางยอมอ่อนข้อให้ใครต่อใครแบบนี้
“เถอะน่า กลับเรือนกับแม่เถอะ เรื่องมันจะได้จบๆ” แม่นางเดินแยกไปก่อนเมื่อเอ่ยจบ อิทธิหันมามองสินด้วยแววตาวาวโรจน์ ต่างกับฝ่ายนั้นที่ยักไหล่เบ้ปากล้อเลียน
“ไอ้ชั่วเอ้ย” อิทธิตรงเข้าจะชกหน้าเพราะเจ็บแค้นกับท่าทีที่เห็น เด็กหนุ่มทำไม่สำเร็จเมื่ออาทีเข้ารั้งไว้
“อย่าไอ้อิท มันไม่ดีแน่” อาทีเอ่ยบอกเพื่อน เพราะพอจะรู้นิสัยของสินดีว่าหากโดนทำร้ายจากฝีมือเพื่อนตน เจ้าตัวคงนำเรื่องไปรายงานแม่ของตนเป็นแน่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็เดาได้เลยว่าเพื่อนตนคงโดนราวีอีกแน่ๆ ยิ่งถ้าแม่ของตนเป็นคนเดินทัพซะเอง ความวอดวายคงเข้ามาในชีวิตเพื่อรักในไม่ช้า โดยเฉพาะกับเรื่องอนาคตเจ้าตัวที่ตนเตรียมเสนอจันทร์จวงให้ช่วยส่งเสียให้เรียนจบชั้นที่สูงขึ้นอีก ช่วงนี้จึงไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้คำขอตนสะดุด
“มึงจะห้ามกูทำไมอาที แม่กูเกือบโดนมันทำร้ายนะมึง”
“แต่แม่มึงก็ไม่โดนนี่ เถอะน่า ใจเย็นๆ เรื่องแก้แค้นสิบปีก็ไม่สายหรอกว่ะ ตอนนี้กลับไปที่เรือนก่อนเถอะไป” อาทีเอ่ยปราม พลางลากเพื่อนให้กลับไปที่จักรยานที่ตนจอดไว้ เอ่ยออกคำสั่งให้เจ้าตัวขึ้นซ้อนท้าย ส่วนตนจะเป็นคนปั่นเอง
คล้อยหลังสองหนุ่มน้อย สินเหมือนคิดอะไรได้จึงหันมามองหน้าหญิงสาวที่ยืนข้างๆ ตน
“มองหน้าน้ำอ้อยเจ้าเล่ห์นัก มีอะไรเหรอจ๊ะพี่สิน” น้ำอ้อยเอ่ยถาม
“น้ำอ้อยช่วยตบหน้าพี่ที เอาแรงๆ นะ ให้เป็นรอยเลย จากนั้นก็ต่อยซ้ำเลยนะ” สินเอ่ยบอก น้ำอ้อยทำสีหน้างง สินจึงบอกแผนการทั้งหมดว่าต้องการให้เกิดริ้วรอยการโดนทำร้าย เพื่อจะให้มันเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งสองแม่ลูกให้โดนราวีจากจิตรา
“เจ็บมั้ยอ่ะพี่สิน” น้ำอ้อยเอ่ยถามหลังจากลงมือทำตามที่สินสั่งเสร็จ
“แค่นี้จิ๊บๆ เพื่อแลกกับการที่ไอ้อีสองแม่ลูกนั่นโดนคุณจิตรพิพากษา พี่ว่ามันคุ้ม” สินตอบ พลางใช้มือลูบที่แผลเห็นอย่างสมใจ
“แต่คุณอาทีก็เห็นนะว่าสองแม่ลูกนั่นไม่ได้ทำร้ายพี่” น้ำอ้อยแย้ง สินยิ้มเยาะ
“คุณจิตรน่ะเห่อและหลงนายอาทิตย์มากกว่าคุณอาทีเป็นร้อยเท่าพันเท่า การที่คุณอาทีจะเอ่ยจะพูดอะไรหล่อนเคยฟังซะทีไหน อีกอย่างหล่อนเกลียดนังแม่นางกับลูกชายเข้ากระดูกดำ การที่คุณอาทีแก้ต่างให้ด้วยน้ำลายแค่ไม่กี่หยดคิดว่าหล่อนจะฟังเหรอ”
“อย่างนั้นก็เอาเลยพี่สิน แหมเจ็บใจนักที่ยัยแม่นางมาขัดความสุขเรา” น้ำอ้อยเริ่มเห็นด้วย สินมองมายังหญิงสาว อารมณ์ดิบในกายเกิดทำงานขึ้นมาอีกครั้ง จึงรั้งตัวเจ้าหล่อนเข้ามากอดซุกไซ้ใหม่ พลางเอ่ย
“แต่ก่อนจะลงมือ พี่สินขอชื่นใจกับน้องน้ำอ้อยให้สุดเหวี่ยงก่อนดีกว่า”
“ได้สิจ๊ะพี่สิน” น้ำอ้อยรับคำ ที่สุดพุ่มไม้พุ่มเดิมก็กลายเป็นพื้นที่คลุกวงในระหว่างสินกับน้ำอ้อย เพราะสองคนทนต่อความรู้สึกกระสันไม่ได้แล้วนั่นเอง
ทางด้านอิทธิที่ตามแม่นางมาจนถึงเรือนพร้อมอาที ก่อนที่เด็กหนุ่มจะขึ้นเรือนได้หันมาสั่งหลานชายเจ้าของไร่ให้กลับเรือนซะ เพราะเริ่มมืดแล้ว
“กูไม่ได้ปั่นจักรยานไปส่งนะ กูอยากคุยกับแม่นางน่ะถึงเรื่องเมื่อกี้ มึงไปได้ใช่มั้ย” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกตบท้ายหลังสั่งเจ้าตัวแล้ว
“เออไม่เป็นไรหรอก กูกลับเองได้ ว่าแต่มึงเหอะ หากแม่นางเขาไม่ใส่ใจเรื่องนี้แล้วก็อย่ารบเร้าท่านล่ะ” อาทีกำชับ เพราะรู้จักนิสัยเพื่อนว่าคงไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ กลัวเหลือเกินว่าเพื่อนจะตามราวีนายสิน แล้วเหตุการณ์จะบานปลาย สุดท้ายกลัวว่าอนาคตเจ้าตัวจะดับวูบเพราะแม่ของตนมีเหตุผลการเป็นคนอันธพาลคัดค้านการขอป้าของตนส่งเสียให้เจ้าตัวเรียนต่อ
“เถอะน่า กูรู้ว่ากูจะพูดอะไร มึงกลับไปเถอะ” อิทธิบอกแล้วยืนมองร่างเพื่อนที่เดินลับสายตาไป
“นึกว่าจะเอาลูกเขามาค้างด้วยอีกคืนซะอีกนะอิท” เสียงแม่นางดังมาให้ได้ยิน ทำเด็กหนุ่มสะดุ้งหน่อยๆ พอตั้งสติได้จึงหันไปมองคนพูดที่กำลังนั่งก่อไฟหุงหาอาหารอยู่ฝั่งครัวของเรือน
“ผมกับได้อาทีเคลียร์กันเรื่องนี้แล้วแม่ เราสองคนคงไม่ทำอะไรแบบนั้นแล้วล่ะ ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้เรากลับกันแต่วัน” อิทธิถอดรองเท้าเดินขึ้นเรือนเข้าประจบมารดาทางด้านหลัง เด็กหนุ่มตกลงกับอาทีจริงๆ ว่าหากจะคบกันได้นานต้องถอยกันคนละก้าว ไม่ทำตัวติดกันแจเหมือนเมื่อก่อนให้เป็นที่น่าหมั่นไส้จากจิตราอีก สองหนุ่มน้อยเลิกที่จะไปว่ายน้ำที่ท้ายไร่กันแล้ว
“แต่ก็ยังกลับด้วยกันนี่” แม่นางเอ่ยอีก ก็เข้าใจในความผูกพันของเด็กหนุ่มทั้งสอง แต่ก็ไม่อยากให้ลูกชายโดนพูดจาถากถางบ่อยๆ หากเมื่อจิตราโกรธ โดยเฉพาะคำว่าลูกไม่มีพ่อ ทุกครั้งที่ได้ยินนางล่ะรู้สึกผิดและสงสารลูกชายเหลือเกิน
“ให้เวลาเราสองคนหน่อยสิแม่ เราโตมาด้วยกัน สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ จะให้ตัดขาดกันเลยมันก็ลำบากนะครับ” อิทธิให้เหตุผล
“ก็หัดไว้ซะตอนนี้ไง มันจะได้ชิน เพราะอีกหน่อยคุณอาทีก็ต้องจากที่นี่ไปอยู่ที่เมืองกรุงแล้วนี่” แม่นางบอกใหม่ คราวนี้ลูกชายเงียบ รู้สึกใจหายเหมือนกันเมื่อนึกถึงเวลานั้น ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ ในความใจหายนั้นก็นึกอดสูในอนาคตตัวเองอยู่เหมือนกัน ทุกครั้งที่ได้ยินเพื่อนนักเรียนพูดถึงการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเด็กหนุ่มก็มักจะตีฉากเดินหนีอยู่บ่อยๆ เพราะไม่ยากให้ใครมาขอความเห็น หรือชวนตนพุดคุยเรื่องนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ตนจะพูดถึงเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้ การได้เรียนชั้นมัธยมในโรงเรียนดังประจำเมืองแบบนี้ก็ดีถมไปแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่ช่วยติวช่วยสอนให้อาทีเท่านั้น เพื่อส่งเจ้าตัวให้สอบติดที่เดียวกับอาทิตย์ หรือไม่ก็ที่ไหนสักแห่งในเมืองหลวง เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการใช้ชีวิตเพราะมีที่พักอยู่แล้ว
“เป็นอะไรเงียบไป” แม่นางวางมือจากการก่อไฟที่ติดแล้วหันมามองหน้าลูกชาย
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร” อิทธิปฏิเสธ ปรับความรู้สึกให้เป็นปกติเอ่ยถามแม่ถึงเหตุการณ์ที่ตนข้องใจอยู่เมื่อครู่
“เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปใส่ใจเลยน่า” แม่นางบอก หันไปง่วนกับการหุงหาอาหารต่อไป มือก็ทำ ส่วนปากก็เอ่ยบอกลูกชาย
“ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวซะ จะได้มากินข้าวกัน”
“ครับ” อิทธิรับคำอย่างง่ายๆ เชื่อคำพูดของอาทีที่บอกไม่ให้ตนรบเร้ามารดา ไม่รู้ทำไม?

********************************************************************

ที่เรือนนายศร ซึ่งขณะนี้กำลังกระหยิ่มยิ้มกับการแอบเข้าไปแก้ไขตัวเลขการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของไร่ของแม่นางสำเร็จ แน่นอนว่าผลประโยชน์ที่หายไปมันต้องกระเด็นกระดอนมาเข้ากระเป๋าตนอย่างที่ตนเคยทำก่อนหน้า เหอะ อีนังแม่นางมันเป็นใคร ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาก็เพราะความพอใจส่วนตัวของจันทร์จวง ดูมันซื่อๆ บื้อๆ อย่างนั้น จะไปทันกลโกงอะไรของเขาได้ ที่มันจับพฤติกรรมเขาได้ตอนนั้นก็แค่เป็นเหตุบังเอิญเท่านั้นแลหะ ต่อแต่นี้มันไม่มีทางรับรู้ได้อีกหรอกว่าเขาจะโกงกินรายได้มามากน้อยเท่าไหร่ หึ หึ
“มีความสุขจริงโว้ยเฮ้ย!” ชายวัยแก่ ร้องออกมาอย่างสุขใจ หลังคิดกระหยิ่มใจเสร็จ พลันก็ต้องหน้าฉงน เมื่อเห็นลูกสาวเดินหน้าง้ำเข้ามาในเขตเรือน จึงเอ่ยถาม
“เอ็งเป็นอะไรมานังส้ม”
“ขัดใจพี่อาทีน่ะพ่อ” ส้มตอบเหวี่ยงกระเป๋านักเรียนทิ้งไปยังมุมหนึ่งของเรือน นั่งลงข้างๆ บิดา เจ็บใจเหตุการณ์วันนี้นัก อุตส่าห์ยอมเจ็บตัววิ่งเข้าชนเด็กหนุ่มนั่นหวังจะได้นั่งชูคอเชิดๆ บนรถรับส่งเจ้าตัว แต่สุดท้ายก็ต้องนั่งคอตกอยู่บนรถรับส่งนักเรียนประจำทางอย่างที่ผ่านๆ มาเหมือนเดิม
“ไปขัดใจอะไรคุณเขามาล่ะ” นายศรเอ่ยถามลูกสาว
“ก็คุณอาทีน่ะไม่ยอมสนใจส้มสักทีนี่คะ ทำยังไงๆ ก็เห็นนายอิทธิลูกยัยแม่นางนั่นดีกว่าส้ม”
“เฮ้อ อีสองแม่ลูกนี่มันช่างเกิดมาขัดคอเราเสียทุกเรื่องจริงๆ ให้ตายสิ” นายศรคล้อยตามลูกสาวเอ่ยขึ้น นึกฉุนที่ชีวิตตนและลูกๆ ทั้งสองต่างแพ้ทางสองคนนั่นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดดลใจให้พวกมันเข้ามาอยู่ในไร่แห่งนี้
“จริงจ๊ะพ่อ พ่อพอจะมีวิธีเฉดหัวอีสองแม่ลูกนี้ออกไปจากไร่เราได้มั้ยจ๊ะ ส้มล่ะเกลียดพวกมันจนไม่อยากเจอหน้าเจอตาแล้ว” ส้มเข้าประจบบิดา หลุดปากเอ่ยคำว่าไร่ของเรามาอย่างชัดถ้อยชัดคำ จุดประกายให้นายศรนึกครึ้มอยากให้คำพูดนั่นเป็นจริงขึ้นมา ถึงตอนนั้นนึกอยากจะเฉดหัวใครก็คงจะง่ายดายนัก
“ถ้าไร่นี่เป็นของพ่อเมื่อไร่ พ่อจะจัดการให้ทันทีเลยลูกรัก” นายศรยกมือขึ้นลูบผมลูกสาว สายตาทอดมองออกไปตามทางที่ทอดไปยังไร่แม้ความมืดจะโรยปกคลุมไปทั้งเส้นถนน แต่ในใจนั้นกลับสว่างไสวไปด้วยความอยากมีอยากได้ไร่นี้ขึ้นมา
“แม้ตอนนี้มันจะยังไม่เป็นของเรา แต่เราก็พอมีหนทางที่จะเฉดหัวสองคนนั่นได้นะพ่อ” หนึ่งเสียงดังเข้ามาร่วมด้วย ส้มผละร่างออกจากบิดาหันมอง เช่นเดียวกับนายศร
“ว้าย! หน้าตาไปโดนอะไรมาน่ะ” ส้มร้องทักก่อนเมื่อเห็นใบหน้าพี่ชายมีริ้วรอยโดนทำร้าย
“โดนยัยแม่นางตบ และก็ไอ้อิทลูกชายมันต่อยซ้ำ” สินตอบหน้านิ่ง นายศรได้ยินถึงกับลุกพรวดร้องถาม
“เอ็งว่าไงนะไอ้สิน ใครทำเอ็งนะ”
“ยัยแม่นางกับไอ้อิทจ๊ะพ่อ” สินตอบใหม่ คราวนี้ผู้เป็นพ่อหุนหันเข้าไปในเรือน วกกลับออกมาใหม่พร้อมปีนยาวหนึ่งกระบอก
“พ่อ พ่อจะทำอะไรจ๊ะ” ส้มร้องถาม
“พ่อจะไปฆ่าอีแม่ลูกคู่นั้น มันบังอาจทำร้ายพี่ชายเอ็ง” นายศรตอบอย่างมีโทสะ
“ใจเย็นๆ นะพ่อ พ่อคิดว่าพี่สินจะยอมให้สองคนนั้นรุมทำร้ายง่ายๆ เหรอจ๊ะ” ส้มเตือนสติ หล่อนคิดว่าเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปแน่ เป็นไปได้เหรอที่พี่ชายของหล่อนจะโดนรังแกได้ขนาดนี้
“ที่มาที่ไปยังไง ข้าไม่เข้าใจ” นายศรเริ่มงง
“ว่าไงพี่สิน อธิบายมาซิ” ส้มหันไปสั่งพี่ชาย
“แกนี่มันฉลาดสมกับเป็นน้องข้าจริงๆ ยัยส้ม” สินเอ่ยชมน้องสาวแล้วเล่าแผนการทั้งหมดให้ฟัง
“เริ่ด! สมแล้วที่เกิดมาก่อนส้มพี่สิน ส้มก็กำลังจะไปฟ้องคุณจิตรเรื่องที่ไอ้อิทมันตามพี่อาทีแจเหมือนกัน” ส้มฟังจบก็ชมเปราะ พร้อมเสนอแผนการตนบ้าง สองพี่น้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา เพราะรู้สึกสะใจล่วงหน้าที่มองเห็นชะตาชีวิตที่วุ่นวายของแม่ลูกคู่นั้น
“เอ็งสองคนนี้สมกับที่เกิดมาแป็นลูกข้าจริงๆ นี่ถ้าแม่เอ็งยังอยู่คงจะภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของพวกเอ็งเป็นแน่” นายศรเอ่ยชมลูกชายลูกสาวบ้าง นึกถึงภรรยาที่เสียไปจากไข้ป่าขึ้นมา
“งั้นเรารีบไปเถอะพี่สิน เดี๋ยวจะค่ำมืดกว่านี้ คุณจิตรเธอจะเข้านอนก่อน” ส้มรบเร้า สินเห็นด้วยจึงรีบจูงมือน้องสาวไปยังเรือนหลังใหญ่ ไปถึงก็เป็นเวลาที่ทั้งหมดกำลังนั่งทานมื้อค่ำกันอยู่
“มาทำไมกันมืดค่ำ” จันทร์จวงเป็นฝ่ายทักก่อนในฐานะเจ้าของเรือน
“แล้วนั่นหน้าตานายสินไปโดนอะไรมา” จิตราเอ่ยถามบ้าง อาทีมองตามนึกแปลกใจอยากรู้เหมือนกัน
“ก็นี่แหละครับที่ผมให้น้องสาวพามาหาคุณจิตรและคุณจันทร์ตอนมืดอย่างนี้” สินเริ่มเรื่องก่อน ส้มคอยส่งเสริม
“คือพี่สินกลัวว่าถ้าหากข้ามวันไปแล้วกลัวว่าริ้วรอยมันจะหายไปแล้วคุณจิตรกับคุณจันทร์จะหาว่าเขาโกหกน่ะค่ะ”
“แล้วมันเรื่องอะไรกันล่ะ ฉันยังไม่เข้าใจเลยนะ” จันทร์จวงถามอย่างนึกรำคาญขึ้นมา สองพี่น้องจึงอธิบายเรื่องราวว่าต้นเหตุริ้วรอยบนใบหน้าสินเกิดจากฝีมืออิทธิกับแม่นาง
“เหตุการณ์มันเริ่มจากที่ส้มเห็นพี่อิทตามพี่อาทีไม่ยอมห่างน่ะค่ะ คะยั้นคะยอให้พี่อาทีปั่นจักรยานมาส่งตนที่ไร่ แทนที่จะให้พี่ออาทีนั่งรถกลับสบายๆ ตอนเข้าเขตไร่ หลังจากพี่อาทีกลับเรือนแล้ว ส้มเลยตามบอกพี่อิทด้วยความหวังดีว่าระวังจะโดนดุเอานะ พี่อิทบอกว่าถ้าส้มไม่พูดแล้วใครจะรู้ ส้มก็บอกว่าคนในไร่มีมากมายทำไมพูดไม่รู้จักคิด เท่านั้นแหละค่ะ พี่อิทจึงผลักส้มจนล้มคะมำขาเจ็บ” ถึงตอนนี้ส้มยกแผลช้ำนิดๆ ที่เกิดจากวิ่งชนอาทีเมื่อตอนเที่ยงให้ผู้ใหญ่ทั้งสองดู อาทีกำลังอ้าปากค้าน สินมองเห็นจึงชิงเอ่ยตัดหน้าว่า
“ผมมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงรีบเข้าช่วยน้องส้มตอนนายอิทเงื้อมือจะตบตี ตอนนั้นแม่นางมาจากทางไหนไม่รู้เดินเข้ามาทุบท้ายท้อยผมจนล้ม แล้วถือจังหวะที่ผมไม่ทันตั้งตัวเข้าตบตีผม นายอิทเองก็เข้ามาสมทบจนผมได้แผลอย่างที่เห็นนี่แหละครับ จากนั้นสองคนที่รีบหนีหายกลับเรือนทันที” สินหยุดพูด ส้มเสริมต่อ
“ตอนแรกเราก็ไม่คิดจะมาบอกให้คุณจิตรคุณจันทร์ทราบเรื่องหรอกนะคะ แต่สองแม่ลูกนั้นชักจะทำกับเราสองคนซึ่งเป็นลูกคนงานเก่าแก่เกินไป จริงๆ มันเหมือนหยามหน้าพ่อศรเลยนะคะ ว่าหากลูกโดนรังแกแบบนี้ แล้วคนงานมี่ไหนจะเกรงกลัวบารมีการเป็นหัวหน้าคนงาน”
“จิตรว่าแล้วว่าพี่จันทร์เลี้ยงงูเห่า เป็นไงล่ะคะ คนดีของพี่จันทร์ แสบมั้ยล่ะคะ อันธพาลทั้งแม่ทั้งลูก” จิตราเอ่ยขึ้นทันควันหลังฟังเรื่องราวจบ หล่อนลุกขึ้นจากสำรับเดินไปหาสองพี่น้องเอ่ยบอก
“ฉันทวงความเป็นธรรมให้เธอสองคนแน่ไม่ต้องห่วง”
สินและส้มมองหน้ากันลอบยิ้มอย่างสาแก่ใจ แต่แล้วรอยยิ้มนั้นกลับหุบลงเมื่อได้ยินเสียงอาทีเอ่ยขึ้น
“แม่จะไม่หูเบาไปหน่อยเหรอครับ ฟังความแค่นี้เชื่อง่ายๆ ได้ยังไง”
   “นั่นยังไงล่ะ ฉันคิดแล้วว่าจะต้องมีคนค้านเรื่องนี้ และมันก็เป็นแกจริงๆ ด้วย ไอ้อาที แตะไม่ได้เลยใช่มั้ยสองแม่ลูกนั่นน่ะห๊ะ” จิตราหันมาตวาดลูกชาย จันทร์จวงเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นมากะทันหัน เอ่ยปรามน้องสาวให้สงบสติอารมณ์เพราะตอนนี้คนรับใช้รอรับใช้อยู่จนเต็มเรือน
“ใจเย็นๆ แม่จิตรา ค่อยๆ พูด เรื่องราวมันเป็นยังไง เรียกสองคนนั้นมาสอบสวนก็ได้นี่นา ไม่เห็นจะต้องฉุนเฉียวให้อายเด็กๆ มัน”
“สอบสวนคุณพี่ก็เข้าข้างพวกมันอีกน่ะสิคะ เรื่องนี้จิตรขอจัดการเองนะคะ คุณพี่ทานสำรับต่อเถอะค่ะ หากไม่ได้กำราบสองแม่ลุกนั่นคืนนี้จิตรคงนอนไม่หลับ นังพิศ! ไปกับฉัน” จิตราหันบอกพี่สาว หันหันไปสั่งสาวใช้คนสนิท เพลินพิศรีบเสนอหน้ามาให้เห็น สินกับส้มแอบบยิ้มสมใจกันอีกครั้ง ในขณะที่อาทีรีบกระโดดคว้าแขนมารดาไว้ เอ่ยบอก
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องโกหกนะแม่ แม่อย่าเชื่อคำนายสินกับยัยส้มง่ายๆ สิ”
“หลักฐานมันโท่อยู่บนหน้านายสินและขานังส้มขนาดนี้ แกไม่เห็นหรือยังไงหา” จิตราตวาดลูกชายพลางผลักเจ้าตัวล้มคะมำ
“โอ้ย!” อาทีร้องแสดงความเจ็บเมื่อตัวกระแทกพื้นเรือนซึ่งเป็นไม้ จิตรารู้สึกตกใจหน่อยๆ แต่พอนึกถึงหน้าสองแม่ลูกที่ตนนึกเกลียด อารมณ์โมโหก็คืบคลานเข้ามาแทนที่
“ถ้าแกไม่ห้ามฉันแกคงไม่เจ็บตัวหรอก ไปนังพิศ ไปกับฉัน” หล่อนเอ่ยสั่งสาวใช้ใหม่ แล้วเดินฉับๆ ลงจากเรือน อาทีทำท่าจะลุกตามแต่ก็ล้มลงไปใหม่เพราะรู้สึกเจ็บที่ขา
“อาที เป็นอะไรลูก” จันทร์จวงเห็นภาพนั้นรีบลุกเพื่อไปดูหลานชาย แต่แล้วกลับล้มพับไปอีกคนจากอาการวิงเวียนที่ก่อนหน้าส่ออาการมาบ้างแล้ว
“ว้าย! คุณจันทร์เป็นลม พวกเราช่วยกันเร็ว” สาวใช้ส่วนที่เหลืออยู่กรูเข้าไปพยุงร่างนางเจ้าของไร่ อาทีเห็นภาพนั้นลืมความเจ็บทั้งหมดสิ้นแล้วรีบเข้าพยุงอีกคน ส่วนสองพี่น้องสินและส้มได้แต่มองหน้ากันยิ้มให้สะใจให้กับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น

โปรดติดตามตอนต่อไป
ตอนหน้าได้เวลาประจันหน้ากันระหว่างอิทธิกับอาทิตย์แล้วนะครับ อย่าพลาดกันนะครับ
ขอบคุณครับ
Boy





     




 






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2010 23:32:56 โดย Bboyseries »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

kimkanyuang

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆเลยอ่ะ
มาต่อไวๆเน้อ จะรอจ้ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
โอ๊ยยยย  โดนรุม เจ็บใจว่ะ  ป้าจันทร์จวงถ้าไม่แข็งกว่านี้ท่าทางจะเอาไม่อยู่แน่
 ตอนหน้าตัวร้ายกลับมาแล้วด้วย   โอ๊ยยยย  ทำไงดี   :serius2:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ตอนหน้าพลาดไม่ได้แล้ว
แต่ตัวร้ายนี่มันร้ายสมชื่อจริงๆเนอะ 55+
ตัวดีก็แสนจะดี แบ่งกันชัดเจนดี แต่ถ้าตัวดีไม่ร้ายบ้างมันก็เครียดแฮะ - -
ติดตามตอนต่อไปจ้า^^

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ตอนหน้าพลาดไม่ได้แล้วซิ พ่ออาทิตย์กับตาหนูอิทจะเจอกันแล้ว  เหอๆ เสือกับสิงห์มาเจอกันมันส์น่าดูล่ะคราวนี้  :z13:

ออฟไลน์ yunchun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
ตอนหน้า นายอาทิตย์จะได้เจอกับ อิท แล้ว หึหึ
คราวนี้ละ ปะทะ ฝีปากกันแหงๆ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยกว่าจะดีกันคงท้ายๆเรื่องเลยมั้งเนี้ยเรื่องนี้อ่ะ เครียดดดดดดดดมีแต่นางร้ายทั้งเรื่อง หุหุ นิยายคุณบอยนี้แซ่บไม่เปลี่ยนจริงๆ

Bboyseries

  • บุคคลทั่วไป
ที่เรือนแม่นาง ขณะอิทธิกำลังนอนหนุนตักมารดาอยู่ชานเรือน แม่นางลูบศีรษะบุตรชายอย่างเอ็นดูในตอนตอบคำถามเรื่องต่างๆ ที่เจ้าตัวนึกอยากรู้
“พ่อผมเป็นใครเหรอแม่” จู่ๆ บุตรชายก็หลุดคำถามนี้ออกมาทำให้มือที่กำลังลูบเส้นผมสะดุดลง
“อิทอย่าเพิ่งถามแม่เรื่องนี้เลยนะ เอาไว้ให้แม่พร้อมจะเล่าแม่จะบอกลูกเอง” นางเอ่ยบอกออกไป จังหวะนั้นบุตรชายลุกนั่งจับมือพร้อมเอ่ย
“อิทขอโทษนะแม่ อิทไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่ไม่สบายใจ” เอ่ยจบร่างเด็กหนุ่มก็โผซบลงบนอกมารดา ซึ่งได้รับการสวมกอดกลับมาอย่างอบอุ่น แต่แล้ววินาทีแห่งการแสดงความรักก็พลันสะดุดลงเมื่อมีหนึ่งเสียงดังแหวกอากาศมาให้ได้ยิน
“หนอย มานั่งสวมกอดกันสุขใจจริงนะอีพวกขี้ข้าจอมอวดดี”
“คุณจิตร” สองแม่ลูกที่ผละร่างออกจากกันมองไปทางต้นเสียง เอ่ยเรียกคนชื่อพูดแทบจะพร้อมกันเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ใช่ฉันเอง ตกใจล่ะสิ นึกไม่ถึงใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงตามมาพิพากษาแกสองคนเร็วขนาดนี้” จิตราเหวเสียงใส่ สองขาก้าวขึ้นเรือนอย่างคนมีโทสะโดยมีเพลินพิศตามสนับสนุน
“พิพากษาอะไรกันหรือคะ” แม่นางเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย ก่อนจะหน้าหงายเสียหลักล้มลงไปตามแรงนิ้วมือที่จิ้มลงหน้าผากสุดแรง
“แม่!” อิทธิร้องเรียกมารดาด้วยความตกใจ กำลังจะโผเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้น ร่างหนุ่มน้อยก็ต้องกระเด็นไปอีกทางจากการจับเหวี่ยงของจิตรา
“โอ้ย!” อิทธิร้องแสดงความเจ็บเมื่อร่างเสียหลังล้มชนฝาเรือน
“อิท!เจ็บมั้ยลูก” แม่นางตั้งสติคลานเข่าเข้าไปหาบุตรชาย แต่ไปยังมาถึงก็ต้องถอยร่นกลับทางเดิมตามแรงดึงข้อเท้า ซึ่งคราวนี้คนที่ดึงคือเพลินพิศ
“โอ้ย! ปล่อย ฉันเจ็บ” แม่นางร้องสุดเสียงเมื่อหัวเข้าครูดไถลตามพื้นเรือน
“เหวี่ยงมันลงข้างล่างเลยนังพิศ” จิตราออกคำสั่งสาวใช้ ซึ่งเตรียมจะจัดการตามคำบอก อิทธิหันควับมองทันควันเช่นกันหลังได้ยินประโยคนั่นจากปากจิตรา เด็กหนุ่มถลาเข้าชนร่างคนออกคำสั่งจนล้มคะมำลงบนพื้นเรือนร้องกรี๊ดสุดเสียง จากนั้นหนุ่มน้อยจึงตามไปจัดการแกะมือสาวใช้เจ้าตัวออกจากข้อเท้ามารดาตน พอทำสำเร็จจึงออกแรงผลักฝ่ายนั้นจนเกือบจะตกเรือนไปซะเอง
“กรี๊ด! คุณจิตรช่วยด้วย” เพลินพิศร้องเสียงหลงเมื่อร่างกำลังจะหล่นลงพื้นเบื้องล่าง ดีที่หล่อนรั้งตัวไว้ทัน จิตราเห็นภาพนั้นนึกเคืองแค้นแทนบริวาร เอ่ยออกมา
“จองหองทำคนของฉันเหรอไอ้เด็กเปรต” เอ่ยเสร็จก็รีบลุกขึ้น ถือโอกาสที่สองแม่ลูกกำลังดูอาการกันและกันเดินมาจับร่างให้แยกออกจากกันแล้วใช้ฝ่ามือฟาดลงบนใบหน้าคนทั้งคู่คนละฉาดจนหันสะบัดทั้งสองคน
“พิศขอด้วยค่ะคุณจิตร อีเด็กนี่มันทำพิศเกือบตายโหง” เพลินพิศที่ลุกขึ้นได้แล้วถลาเข้าจะตบอิทธิซ้ำ แต่แม่นางไวกว่าพุ่งเข้าขวางไว้ ใบหน้าของนางจึงโดนตบเข้าอีกหนึ่งฉาด ร่างฟุบใส่ตัวบุตรชาย
“แม่!” อิทธิร้องเรียกแม่ น้ำตาแทบไหลเมื่อเห็นหยดเลือดเริ่มซึมที่มุมปากมารดา
“สะใจข้าจริงโว้ยนังพิศ เลือดมันกลบปากแล้ว” จิตราเอ่ยขึ้นอย่างสาแก่ใจตามด้วยเสียงหัวเราะที่เสียดแทงใจอิทธิยิ่งนัก เด็กหนุ่มสิ้นสุดความอดทนเมื่อมารดาโดนทำร้ายจนเลือดตกยางออกแบบนี้ ภาพของจิตราที่ยืนจังก้าหัวเราะอยู่มันช่างยั่วปลายเท้าดีแท้ เร็วเท่าความคิด อิทธิยกเท้าขึ้นเตรียมที่จะถีบไปยังร่างคนร้ายกาจอย่างจิตรา แต่ก็ทำไม่สำเร็จเมื่อมือผู้เป็นมารดาได้คว้าเท้าตนเอาไว้ พลางร้องห้าม
“อย่าอิท! ทำผู้ใหญ่มันบาปลูก”
“อ๋อ นี่คิดจะสู้ฉันเรอะ!” จิตราได้ยินถ้อยคำนั้นก็มีโทสะขึ้นมาอีก หล่อนลงมือผลักร่างของแม่นางออกจากร่างอิทธิจนกระเด็นไปอีกทาง อิทธิมัวแต่ตกใจมองตามร่างมารดาจึงไม่ทันระวัง มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนฝ่ามือฟาดเข้าที่ใบหน้าอีกฉาดจากฝีมือจิตรา หนุ่มน้อยหน้าหันสะบัดคะมำซบพื้นเรือน
“นังพิศจัดการมันต่อซิ ส่วนนังแม่นางฉันจัดการเอง” จิตราออกคำสั่งเสร็จก็หันมองไปยังร่างแม่นางที่ร่นถอยหนี ส่วนเพลินพิศกระหยิ่มยิ้มย่างกายเข้าหาอิทธิ กำลังจะถึงตัวอยู่แล้ว แต่กลับต้องกระเด็นถอยหลังเพราะแรงถีบจากปลายเท้าฝ่ายนั้นที่ถีบสวนกลับมา
“โอ้ย! คุณจิตร มันถีบพิศ” สาวใช้ร้องออกมาด้วยความจุกเสียด แต่ก็ไม่ลืมที่จะฟ้องเจ้านาย
“ไม่ได้เรื่องเลยอีพิศ” จิตราว่าสาวใช้ด้วยสรรพนามหยาบคาย เมือเห็นเจ้าตัวปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ดังใจ หล่อนเปลี่ยนเป้าหมายเดินย่างกรายเข้าหาบุตรชายแทนมารดา ซึ่งขณะนั้นอิทธิก็ตั้งรับอยู่แล้ว
“มาซิวะ ตอนนี้กูไม่ไว้หน้าใครแล้วทั้งนั้น” หนุ่มน้อยโพล่งขึ้นหน้าตาขึงขัง จิตราเกิดอาการหวาดหวั่นเล็กน้อย จึงส่งเสียงด่าแทนการเดินเข้าหา
“แกกล้าทำอะไรฉันเหรอไอ้เด็กเนรคุณ”
“คุณมีบุญคุณอะไรกับผม คนที่นี่ที่มีบุญคุณกับผมคือคุณจันทร์คนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่น ผมไม่เคยนับว่ามีพระคุณ” อิทธิเอ่ยโต้
“จองหอง พี่จันทร์เป็นพี่สาวฉัน เขามีพระคุณกับแกเท่าไหร่ มันก็เท่ากับที่ฉันมีกับแกเท่านั้น” จิตราไม่ยอมแพ้
“ช่างกล้าพูดนะคุณจิตร การมีพระคุณของคุณมันคือการเที่ยวทุบตีคนอื่นแบบนี้น่ะเหรอ” อิทธิไม่ลดวาจาให้เช่นกัน มองไปยังร่างมารดาแล้วเจ็บใจจนสุดจะทน จึงออกปากไล่น้องสาวเจ้าของไร่ให้ออกไปให้พ้นจากเรือนตน
“คุณพาขี้ข้าของคุณออกไปจากเรือนผมเลยนะ ก่อนที่ผมจะไม่เกรงใจคุณอีก”
“เรือนของผม พูดได้ไม่อายปากนะไอ้ลูกไม่มีพ่อ นี่มันเรือนของฉันที่สร้างไว้คุ้มหัวพวกแกต่างหาก” จิตราเอ่ยว่าให้สำนึก แม่นางที่ฟังอยู่ทนไม่ได้เรื่องบุตรชายโดนกล่าวว่าว่าไร้บิดา จึงลุกขึ้นเอ่ยบอกคนพูด
“จะด่าจะว่าอะไรเราสองคนก็ได้นะคุณจิตร แต่ขอร้องเลิกว่าลูกดิฉันไม่มีพ่อเสียที”
“ก็มันเรื่องจริงมั้ยล่ะนังขี้ข้าขี้ประจบ” จิตราหันมาว่าพลางยกนิ้วมือจิ้มหน้าผากอีกครั้งจนแม่นางหน้าหงายอีกรอบ แต่คราวนี้ทรงตัวยืนอยู่ได้ไม่ล้มลงเช่นเคย อิทธิสุดจะทนกับภาพที่เห็นจึงโผเข้าผลักร่างคนใจร้ายจนล้มลงก้นกระแทกพื้นเรือน
“โอ้ย!” จิตราร้องออกมาด้วยความเจ็บ เงยหน้าขึ้นมองอิทธิที่ยืนจังก้าชี้หน้าคาดโทษตน
“ลองคุณจิตรแตะต้องตัวแม่นางแม้แต่นิ้วก้อยเดียวอีกครั้ง เราเป็นได้เห็นดีกันแน่”
“ไอ้เด็กเปรต ถึงฉันทำไม่ได้ บริวารฉันก็มี นังพิศ จัดการ” จิตราเอ่ยออกคำสั่งสาวใช้ให้จัดการแม่นางแทนตน เพลินพิศรับคำอย่างเร็วพุ่งร่างเงื้อมือเตรียมฟาดลงบนใบหน้าเหยื่อ แต่คราวนี้มันไม่ง่ายเช่นเคยเมื่อแม่นางยกมือขึ้นจับข้อมือหล่อนไว้ก่อนฝ่ามือจะกระทบใบหน้า ไม่เพียงแค่นั้น มืออีกข้างของฝ่ายนั้นยังฟาดสวนกลับมากระทบที่ใบหน้าตนเต็มๆ จนหันสะบัด เป็นจังหวะเดียวกับที่มือที่ถูกจับไว้โดนปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างท้วมๆ จึงล้มลงทับร่างของจิตราที่นั่งอยู่ที่พื้นเรือนก่อนหน้า
“ว้าย โอ้ย อีพิศ กูเจ็บ” จิตราร้องออกมาเมื่อรู้สึกจุกแน่นบริเวณหน้าท้องที่โดนทับ
“พิศก็เจ็บเจ้าค่ะคุณจิตร นังแม่นางมันตบหน้าพิศ” เพลินพิศรีบลุกออกจากร่างเจ้านาย รายงานสถานการณ์พลางลูบแก้มตนที่เจ็บแสบอยู่ ฝ่ามือยังแม่นางนี้หนักไม่เบา หล่อนนึกคิด
“กูเห็นแล้วอีโง่ อูย กูลุกไม่ขึ้น ฉุดกูที” จิตราร้องโอดโอยเมื่อรู้สึกเจ็บแน่นจนลุกไม่ไหว อิทธิเห็นภาพนั้นถอยร่างมายืนชิดมารดา เอ่ยถาม
“แม่เจ็บมั้ย”
“เดี๋ยวมันก็หายลูก ไปฉุดคุณจิตรลุกทีนะ” แม่นางตอบแล้วสั่งลูกชาย
“ผมไม่ถีบตกเรือนก็ดีเท่าไหร่แล้วแม่ ลุกไม่ได้ก็นอนอืดตายอยู่ตรงนั้นแหละ อยากมาราวีเราก่อนทำไม สาเหตุเกิดจากเรื่องใดก็ยังไม่รู้” อิทธิตอบมารดา จิตราได้ยินทุกประโยค ร้องกรี้ดออกมาอยากคับแค้นใจ เมื่อลุกอาละวาดไม่ได้อีก จึงระบายออกมาเป็นคำพูดแทน
“ก็เพราะพวกแกสองคนมันอวดดีไปรังแกลูกนายศรหัวหน้าคนงานไง ฉันถึงต้องตามมากำราบไม่ให้พวกแกจองหองไปมากกว่านี้ วันนี้พวกแกเล่นงานลูกหัวหน้าคนงาน วันหน้าคงเป็นคิวฉันกับพี่ฉันที่จะเป็นผีเฝ้าไร่นี้เพราะน้ำมือพวกขี้ข้าอันธพาลอย่างแกสองคน”
“พวกเราเปล่านะคะคุณจิตร คุณจิตรไปฟังความมาจากไหนกัน” แม่นางปฏิเสธหน้าตื่น
“ยังจะมาแก้ตัว หนอยตบฉันซะหน้าหัน มือหนักใช้ได้นะแก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหน้าไอ้สินถึงได้แหกขนาดนั้น” เพลินพิศเอ่ยบ้าง สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างนึกสงสัยว่าที่สาวใช้จิตราเอ่ยเมื่อครู่มันหมายถึงอะไร กำลังจะหันกลับมาถามหาความกระจ่างก็ไม่ทันการณ์เมื่อมีเสียงร้องเรียกปนเสียงฝีเท้าวิ่งดังเข้ามาขัดจังหวะ
“คุณจิตรคะคุณจิตร คุณจันทร์อาการแย่แล้วค่ะ เป็นลมยังไม่ฟื้นเลย”
“พี่จันทร์” จิตราครางชื่อพี่สาวออกมาอย่างตกใจ คำว่าเป็นลมยังไม่ฟื้นทำหล่อนหน้าเสีย
“นังพิศ พยุงข้าขึ้นเร็ว ข้าจะไปดูพี่จันทร์” หล่อนหันมาสั่งสาวใช้ที่นั่งดูอาการอยู่ข้างๆ
“ว้าย! คุณจิตรเป็นอะไรไปนังพิศ” สาวใช้ที่วิ่งมาแจ้งข่าวร้องถามเพลินพิศเมื่อเห็นจิตรานั่งสิ้นท่าอยู่ที่พื้นเรือน
“สองแม่ลูกนี่สิมันรุมทำร้ายคุณจิตรกับฉัน พวกหล่อนเป็นพยานไว้นะ หากคุณจันทร์ฟื้นฉันจะฟ้องคุณจันทร์” เพลินพิศสร้างเรื่องให้สาวใช้คนอื่นๆ คล้อยตาม
“คอยดูฉันจะให้พี่จันทร์เฉดหัวแกสองคนออกจากไร่ให้ได้” จิตราเอ่ยคาดโทษสองแม่ลูกที่ยืนระอาใจกับการโดนใส่ความ เสียน้ำลายแก้ต่างตอนนี้ก็ท่าจะไร้ประโยชน์ สองคนจึงนิ่งซะ อีกอย่างจิตใจตอนนี้ก็เป็นห่วงนางผู้เป็นเจ้าของไร่เหลือเกิน
“แม่จะไปดูคุณจันทร์ อิทอยู่เรือนนะลูก” แม่นางเอ่ยบอกบุตรชาย
“แกจะสะเออะไปทำไมให้เรือนฉันแปดเปื้อน พี่สาวฉันฉันดูแลเองได้ แหม คิดจะไปประจบประแจงตอนที่พี่สาวฉันไม่สบายล่ะสิ ขี้ข้าขี้ประจบอย่างแกอ้าปากฉันก็เห็นลิ้นไก่แล้ว” จิตราว่าตอนที่สาวใช่พยุงร่างให้ลุกได้แล้ว แต่ก็ยังต้องพยุงกันอยู่
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณจิตร ดิฉันเป็นห่วงคุณจันทร์จริงๆ” แม่นางเอ่ยแย้ง
“ฉันไม่เชื่อคำแกหรอกนังขี้ข้า” จิตราตวาดกลับ แม่นางขยับปากจะพูดแต่บุตรชายชิงเอ่ยก่อน
“เขาไม่ให้ไปก็ไม่ต้องไปแม่ คนมันร้าย ในสมองก็มักคิดแต่เรื่องร้ายๆ แบบนี้แหละ”
“แอร๊ย! ไอ้อิทธิ นี่แกว่าฉันเรอะ!” จิตราลืมอาการเจ็บเต้นเร่าๆ ด้วยความโกรธ แต่ก็ได้เพียงชั่วครู่ก็ต้องหยุด เมื่อรู้สึกจุกแน่นขึ้นมาอีก
“พูดแค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ ความจริงทั้งนั้น” อิทธิเอ่ยอีก จิตราได้แต่ถลึงตาเข้าใส่เพราะหมดเรี่ยวแรงที่จะราวี หล่อนสั่งให้บริวารพยุงร่างกลับเรือนเมื่อนึกเป็นห่วงพี่สาวขึ้นมา
ลับหลังจิตราอิทธิยกมือขึ้นเช็ดหยดเลือดที่มุมปากมารดา หนุ่มน้อยน้ำตาใหลออกมาด้วยความสะเทือนใจเมื่อเห็นมารดาสะดุ้งกายคล้ายเจ็บ
“แม่นางเจ็บเหรอครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามพลางสะอื้นไห้ออกมาเมื่อเก็บกลั้นอารมณ์สะเทือนใจไม่อยู่
“ไม่เอาอิท ไม่ร้องลูก เป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งนะ” แม่นางปลอบบุตรชาย แต่ตนก็ไม่วายน้ำตาไหลออกมาให้เห็น
“อิทปกป้องแม่ไม่ได้ อิทขอโทษ” อิทธิโผเข้ากอดมารดา ซึ่งได้รับการกอดตอบอย่างแนบแน่น สองแม่ลูกจึงกอดกันกกลมจมกับหยาดน้ำตาอีกครั้ง
ที่เรือนหลังใหญ่ จันทร์จวงยังคงนอนแน่นิ่งอยู่เตียงนอนภายในห้อง  จิตราไปถึงสั่งคนรับใช้เปิดหน้าต่างและประตูทุกบานเพื่อให้ลมโกรกเข้ามา อากาศจะได้ปลอดโปร่ง
“มีใครสั่งนายไกรไปเรียกหมอมาหรือยัง” หล่อนเอ่ยถามผู้คนรอบข้าง
“ผมบอกลุงไกรแล้วครับ” อาทีตอบ จิตราหันมองบุตรชาย รู้สึกคล้ายใบหน้าอิทธิตามมาหลอกหลอนตนจนไม่อยากจะเสวนาด้วย จึงสะบัดหน้าหนีหันไปสนใจร่าพี่สาวที่ยังนอนไม่ได้สติ
อาทีเห็นอาการมารดาก็เกิดความน้อยใจขึ้นมาอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงได้ชอบเมินสะบัดใส่ตนนัก ทั้งๆ ที่ตนก็เป็นลูกชายคนหนึ่งไม่ต่างจากอาทิตย์
“ให้ผมช่วยอะไรมั้ยครับ” เด็กหนุ่มทำใจดีเสนอตัวเข้าช่วยเหลือเมื่อเห็นมารดาเยื้องกรายเข้าไปใกล้ร่างป้าจันทร์ของตน
“เป็นเด็กเป็นเล็กแกจะมาช่วยอะไรได้ ไปหลับไปนอนโน่นไป อย่ามาอยู่ขวางหูขวางตาฉัน” มารดาหันมาว่า หนุ่มน้อยยืนซึมสักพัก แล้วจึงค่อยเดินออกมานอกห้อง นั่งรอฟังอาการป้าของตนอยู่ที่ชานเรือน ระหว่างนั้นก็คิดถึงความเป็นไปของเพื่อนสนิทอย่างอิทธิ ใจก็อยากจะตามไปให้เห็นกับตาว่าเจ้าตัวโดนมารดาของตนพิพากษายังไงบ้าง แต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะภายในห้องที่ตนเดินออกมาผู้มีพระคุณล้นเหลือก็กำลังนอนไม่ได้สติอยู่
“หมอมาแล้วครับ” เสียงลุงไกรดังมาจากข้างล่าง สักพักร่างผอมสูงของเจ้าตัวก็โผล่ขึ้นมาบนเรือนพร้อมหมอชายสูงวัย
“เชิญเลยครับลุงหมอ ป้าจันทร์อยู่ในห้องครับ” อาทีรีบลุกเชิญเจ้าตัวเข้าไปดูอาการป้าของตน
จันทร์จวงรู้สึกตัวอีกครั้วจากการปฐมพยาบาลของหมอ ซึ่งรายงานผลตรวจว่าเป็นเพียงความอ่อนเพลียของคนในวัยชรา จากนี้บุตรหลานหรือบริวารควรเอาใจใส่ดูแลให้มากๆ ก่อนหมอจะกลับ จิตราวานให้เจ้าตัวช่วยตรวจดูอาการฟกช้ำของตนบ้าง อาทีและจันทร์จวงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยถามพร้อมกันว่าหล่อนไปทำอะไรมาถึงจะต้องฟกช้ำ
“สองแม่ลูกอันธพาลนั่นมันรุมทำร้ายคุณจิตรค่ะคุณจันทร์” เพลินพิศที่นั่งรวมอยู่ด้วยได้ทีรายงานเจ้าของไร่
“จริงหรือแม่จิตร” จันทร์จวงหันมาถามน้องสาว
“จริงค่ะพี่จันทร์ สองแม่ลูกนั่นมันร้ายนัก จิตรแค่ไปปรามมันดีๆ มันกลับจองหองผลักจิตรจนล้ม นี่ถ้านังพิศไม่ไปกับจิตร สงสัยมันสองคนต้องรุมตบตีจิตรเป็นแน่” จิตราตอบ ก่อนหันมาบอกหมอให้ตรวจร่างกายตนอย่างละเอียด เพราะรู้สึกเสียดแน่นภายในช่องท้อง เหตุจากโดนร่างท้วมของเพลินพิศล้มทับ
“ถ้าแม่เป็นขนาดนี้ ผมว่าไอ้อิทกับแม่นางคงเจ็บไม่ต่างกันหรอก” อาทีเอ่ยคาดเดา ไม่อยากจะจับผิดมารดา แต่ความจริงเป็นเช่นไรก็อยากจะให้มันกระจ่างต่อหูป้าของตน
“แกหุบปากเลยนะอาที ฉันเป็นแม่แกนะ เมื่อไหร่แกจะเลิกเห็นไอ้พวกขี้ข้าดีกว่าผู้ให้กำเนิดแกห๊ะ!” จิตราตวาดบุตรชายลั่น ร้อนถึงจันทร์จวงที่ต้องเอ่ยปราม
“สองคนนี่ยังไงทำยังกะไม่ใช่แม่ลูกกัน ทะเลาะกันอยู่ได้ตั้งแต่เด็กยันโต”
“พี่จันทร์ก็ดูมันพูดสิคะ พูดแบบนี้มันหาว่าจิตรเป็นฝ่ายไปราวีสองแม่ลูกนั่นชัดๆ” จิตราหน้าเง้าเอ่ยบอกพี่สาว
“ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ” จันทร์จวงถามใหม่ คราวนี้น้องสาวอึกอักนิดๆ อาทีเห็นอาการอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า
“แม่ไม่น่าหูเบาไปเชื่อคำนายสินกับยัยส้มเลยนะครับ สองคนนั่นไม่ชอบแม่นางกับไอ้อิทมาแต่ไหนแต่ไร พวกเขาสร้างเรื่องให้แม่ไปราวีแม่นางกับอิทแม่ก็ไม่น่าทำตามเลย”
“แกอย่ามาสู่รู้ไอ้อาที กลับเข้าห้องแกเลยไป ผู้ใหญ่เขาจะคุยกัน” จิตราเอ่ยไล่บุตรชาย เมื่อเห็นเจ้าตัวชักจะขัดคอตนไม่เลิก
“ผมยังไม่นอนหรอก ผมจะไปดูไอ้อิทกับแม่นาง” อาทีเอ่ยออกมาตรงๆ เพราะเชื่อว่าสองคนนั่นคงกำลังขวัญหายกันอยู่จากการกระทำของมารดาตน
“มืดค่ำป่านนี้แกจะกระเสือกกระสนไปดูพวกมันทำไม ฉันนี่ที่แกต้องดู เห็นมั้ยว่าหมอกำลังตรวจร่างกายฉัน” จิตราว่าเข้าให้
“ผมไม่ใช่พี่อาทิตย์ ให้ดูแลแม่ยังไง แม่ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่หรอกครับ” อาทีได้ทีเอ่ยประชด ก่อนจะลุกเดินก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป จิตราอยากถลันไปจัดการบุตรชายเจียนใจจะขาด ติดที่หมอสูงวัยกำลังตรวร่างกายอยู่จึงได้แต่เก็บความโมโหเอาไว้ในอก
“เฮ้อ ฉันล่ะเวียนหัวกับแม่ลูกคู่นี้เหลือเกิน เมื่อไหร่ตาอาทิตย์จะกลับมานะ ฉันล่ะคิดถึงเสียจริง” จันทร์จวงบ่นออกมาตามความรู้สึก นางเอนอายลงนอนพักต่อ จิตราเห็นภาพนั้นจึงไล่บ่าวไพร่ออกไปจากห้องให้หมด รวมถึงหมอที่กำลังตรวจร่างกายตน
“พอเถอะค่ะหมอ ขอบคุณนะคะที่มา เดี๋ยวจะให้นายไกรขับรถไปส่งที่อนามัยนะคะ” หล่อนเอ่ยบอก แล้วหันไปสั่งคนรถให้ขับรถไปส่งเจ้าตัว ลับหลังคนทั้งหมดแล้วจึงได้ยืนคิดถึงบุตรชายคนโต วางแผนว่าน่าจะโทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าตัวให้กลับมาเยี่ยมตนและพี่สาวที่ร่างกายกำลังผิดปกติกันทั้งสองคน

****************************************************************
แสงแดดจ้าในตอนสายลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างของห้องที่ถูกเปิดค้างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ผ้าห่มผืนหนาถูกยกขึ้นคลุมโปงเพื่อบดบังรัศมีของแสงที่ส่งมาถึงร่าง แต่ก็คลุมได้เพียงครู่เดียวก็ต้องสะบัดเปิดออกเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังอยู่ภายนอกห้อง
“อาทิตย์ตื่นหรือยังลูก โทรศัพท์แน่ะ แม่โทรมา” เสียงที่ดังตามมาเป็นเสียงของบิดา อาทิตย์ลุกนั่งยกมือปิดหน้าเมื่อสายตาปรับรับกับแสงสว่างไม่ทัน ผ้าห่มผืนหนาใหลร่นออกจากลงปกปิดแค่ร่างกายส่วนร่าง ส่วนท่อนบนขณะนี้เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์สวมใส่ แสงแดดภายนอกส่องให้เห็นผิวขาวละเอียดของชายวัยหนุ่มที่ห่อหุ้มรูปร่างกำยำสมส่วนของเจ้าตัว ชายหนุ่มค่อยๆ เลื่อนมือลงจากใบหน้า เผยโฉมให้เห็นความหล่อเหลาตั้งแต่หน้าผากกว้างไร้รอยย่น ตามมาด้วยคิ้วหนาที่อยู่บนดวงตาคู่คมทั้งสองข้าง ต่ำลงมาอีกนิดเป็นจมูกได้รูป ต่อเนื่องมาถึงริมฝีปากโค้งสวยที่อวดสายตาด้วยสีชมพูอ่อนๆ ส่งท้ายด้วยคางที่ทิ้งปลายได้สัดได้ส่วน 
“ตื่นแล้วครับพ่อ รอแป็บนึงครับ” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาส่งเสียงบอกบิดาเมื่อได้ยินเสียงเคาะที่ประตูซ้ำ ผ้าห่มที่ปกปิดช่วงล่างถูกจับสะบัดออกจากกาย เผยให้เห็นท่อนขาแข็งแรงที่โผล่พ้นออกมาจากกางนอนขาสั้นตัวบาง ร่างสูงลุกยืนบิดขี้เกียจอวดกล้ามเนื้องามตามร่างกายตั้งแต่หน้าอก หน้าท้อง แขน และขา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง
“คุยกับแม่เขาหน่อย เห็นบอกว่าไม่สบาย” เกริกเกรียงยื่นโทรศัพท์ให้บุตรช่ายเมื่อเจ้าตัวแย้มใบหน้าหล่อเหลาออกมาให้เห็น
“ครับ” อาทิตย์รับโทรศัพท์จากมือบิดามาแนบหู เอ่ยทักทายปลายสายซึ่งเป็นมารดาด้วยรอยยิ้ม พูดคุยกันต่อได้สักพักฝ่ายนั้นก็วางสายไป ชายหนุ่มหันมายื่นโทรศัพท์คืนบิดา เอ่ยบอก
“แม่อยากให้ผมกลับไร่น่ะพ่อ ท่านกับป้าจันทร์ไม่สบาย”
“แล้วเราว่างพอกลับได้หรือเปล่าล่ะ” บิดาเอ่ยถาม
“ช่วงนี้ก็พอได้ครับ น่าจะอยู่ที่ไร่ได้สักอาทิตย์” บุตรชายเอ่ยตอบ เป็นการเปิดประเด็นสนทนา
“กลับได้ก็กลับ พ่อเองก็อยากไปด้วยเหมือนกันติดที่งานมันยุ่งเหลือเกิน”
“ผมกลับก็เหมือนพ่อกลับแหละครับ เดี๋ยวผมจะหอบความคิดถึงไปฝากแม่ให้”
“ตะกี้ต่อว่าพ่อซะหูชาแล้ว หาว่าพ่อลืม เฮ้อ”
“แม่เขาก็พูดไปเรื่อยแหละพ่อ อย่าคิดมากเลยนะ”
“อืม แล้วเราจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ”
“ว่าจะกลับเย็นนี้เลย พ่อว่าไง”
“แล้วเรื่องเรียนล่ะ”
“ช่วงนี้ยังพอเคลียร์ได้ครับ”
“ก็ดี จะกลับยังไงล่ะ”
“นั่งเครื่องไปดีกว่า เร็วดี”
“จัดการเองได้นะ”
“ได้สิครับพ่อ ผมโตแล้วนะครับ”
“ก็ดี ฝากความคิดถึงแม่กับน้องด้วยละกัน”
“แม่น่ะพอจะคุยได้ครับ แต่ไอ้อาทีไม่รู้มันจะคุยกับผมหรือเปล่า”
“เป็นพี่น้องกันทำไมจะไม่คุยกัน”
“พ่อไม่ได้อยู่กับเราตลอดพ่อไม่รู้หรอกว่าไอ้อาทีมันติดนายอิทธิมากกว่าผมอีก”
“ก็เด็กมันโตมาพร้อมกัน เราอย่าน้อยใจไปเลยน่า”
“ผมเปล่าน้อยใจนะพ่อ แค่หมั่นไส้มันสองคนนิดหน่อย เวลาเห็นผมทำยังกะเห็นผีเห็นปิศาจซะทุกที”
“กลับไปคราวนี้ก็หาเวลาเคลียร์กันซะ โตๆ กันแล้ว อีกหน่อยน้องก็จะตามมาอยู่นี่แล้วด้วย”
“ไอ้อาทีผมไม่มีปัญหาหรอกครับ ยังไงมันก็น้องผม กลัวแต่มันจะหนีบเพื่อนซี้มันมาด้วยน่ะสิ”
“มาได้ก็มาถ้าแม่เขาไม่หวง เราก็อยู่กันแค่สองคน จะหวงบ้านไปทำไม”
“ผมไม่ได้หวงบ้านครับ ผมกลัวว่าพ่อจะปวดหัวตายน่ะสิ เชื่อเหอะว่านายอิทธินั่นไม่ยอมญาติดีกับผมง่ายๆ หรอก เด็กๆ ยโสยังไง โตขึ้นก็คงไม่ต่างกันมั้ง คิดดูละกันว่าถ้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผมอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้าง คงทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวัน”
“มันก็ไม่แน่หรอก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เผื่ออะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้”
“อืม ผมก็หวังอย่างนั้นแหละ”
“งั้นก็เตรียมตัวซะ พ่อไปล่ะ มีประชุมต่อ”
“ครับ”
ร่างบิดาเดินจากไปแล้ว อาทิตย์ปิดประตูห้องตามหลัง นึกถึงภาพเก่าๆ ตอนที่ตนยังอยู่ที่ไร่ อมยิ้มส่ายหน้าในตอนที่นึกถึงกิริยาท่าทางเถียงคำไม่ตกฟากของอิทธิ ในตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกหมั่นไส้ในท่าทีแบบนั้นของเจ้าตัว แต่พอมาตอนนี้ทำไมถึงนึกตลกก็ไม่รู้ หรือเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ
ชายหนุ่มหันมองรูปร่างเปลือยท่อนบนของตัวเองในกระจกเงา ภาพที่เห็นไม่ใช่เพียงรูปร่างสูงสมส่วนและผิวกายที่ขาวสะอาดสะอ้านเท่านั้น แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมายังรวมไปถึงรูปหน้าที่คมคายหล่อเหลาขึ้นจากเมื่อตอนเด็ก จู่ๆ ก็นึกอยากรู้ว่าหน้าตาอิทธิจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง เอ นี่เขาจะนึกถึงนายนั่นทำไมนักหนานะ แปลกๆ แฮะเรา
 
โปรดติดตามตอนต่อไป


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ขอให้แปลกในทางที่ดีแล้วกันนะ  เฮ้ออ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
อาทิตย์คงรู้สึกบางสิ่งบางอย่างกับอิทธิแล้วมั้ง 55+
แต่คุณจิตรเนี่ย.......หูเบาสุดๆ ประมาณว่า เป็นเครื่องมือของพวกตัวโกงได้ง่าย 55+ (ไม่อยากใช้คำแรงๆ -*-)
ติดตามจ้า^^

ออฟไลน์ vk_iupk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 990
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-2
อ่านแล้วแปลกๆๆๆๆๆ  ไม่เอานะ  
อิทธิต้องเป็นเคะนะ  :o8: :-[ เค้าไม่ยอม  เอิ๊กๆๆๆๆ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ขอให้มันแปลกไปในทางที่ดีด้วยเหอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด