รีบมาค่ะ มีเด็กแถวนี้จะไปขึ้นดอย
เลยรีบมา ยังไม่มีชื่อตอนเลย กร๊ากกกกกกกกก
เดี๋ยวอีกแป๊บมาเพิ่มชื่อตอนนะคะ
..................................................
ตอนที่๒๐ กระต่ายตื่นตูม
จากหางตาอรุณรุ่งมองเห็นการเคลื่อนไหวของมือขาวๆของคนที่จนผ่านไปเกือบห้านาทีแล้วยังนั่งเงียบป้วนเปี้ยนอยู่ชั่วแวบ แล้วบรรยากาศเงียบสนิทจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจก็ถูกทำลายด้วยเสียงกีต้าร์หนักๆที่ทำให้คนที่ตั้งใจจะนั่งนิ่งๆทำตัวเลียนแบบหุ่นขี้ผึ้งเนื่องจากความอายถึงกับสะดุ้ง
ตามมาด้วยเสียงร้องคุ้นหูและเนื้อเพลงที่ถึงไม่เคยฟังมาก่อนแต่อรุณรุ่งแน่ใจว่านับจากวินาทีนี้คงไม่มีวันลืม......
….A taste of honey….tasting much sweeter than wine.
do do do do…..
do do do do………. ด้วยความที่ความคิดมันแล่นไปตามเสียงที่ได้ยินก่อนจะตั้งสติได้ ความหมายของเนื้อเพลงที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนตัวโตที่กำลังส่งเสียงฮึมฮัมตามอย่างมีความสุขนี่ต้องจงใจเปิดมาเย้าแหย่กันแน่ๆถึงได้ซึมซาบเข้าสู่เนื้อสมองของเหยื่อโจรขโมยจูบเข้าเต็มเปา
.....I dream of your first kiss, and then,
I feel upon my lips again,
A taste of honey….tasting much sweeter than wine. คนที่กำลังเขินแทบตายขยับจะยกมือขึ้นมาปิดหู แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าขืนทำอย่างนั้นก็จะยิ่งน่าอายหนักเข้าไปใหญ่ และเพราะรู้ตัวว่ากำลังจะสะกดกลั้นรอยยิ้มให้เป็นแค่อมยิ้มไม่ได้อีกต่อไป จากที่นั่งมองตรงไปด้านหน้าหนุ่มน้อยที่ความร้อนบนใบหน้าพุ่งสูงแทบปรอทแตกจึงหันหน้าออกทางประตู....ซุกตัวให้แนบเข้ากับพนักพิงยิ่งขึ้นแล้วหันข้างอยู่อย่างนั้น
จนพาหนะสีขาวมาจอดติดไฟแดงอยู่ตรงแยกก่อนจะขึ้นสะพานข้ามสมเด็จพระเจ้าตากสินนั่นแหละน้ำเสียงยั่วเย้าจากคนทำหน้าที่ขับรถจึงดังขึ้นลอยๆ
“เกร็งจนคอแข็งแล้วมั้งนั่น......” หัวขโมยตัวโตได้รับรางวัลเป็นอาการขมวดคิ้วฉับของคนที่นั่งหันหน้าเข้าประตูรถมาตลอดเวลาเกือบยี่สิบนาที และดูท่าจะเป็นรางวัลที่คนได้รับพออกพอใจมาก.....จนต้องออกปากล้ออีกสักนิด...
“A Taste of Honey.....ดีเนอะ......แต่พี่ว่า....เสียงตอนตกใจของคนแถวนี้เร้าใจกว่าเยอะ”
“เพชร!! คุณนี่มัน.....”
สีหน้าที่แสดงออกว่าขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้ของหนุ่มน้อยที่เม้มปากจนแทบจะเป็นเส้นตรง แต่ทั้งหน้าทั้งคอกลายเป็นสีแดงไปหมดนั้น....ยิ่งได้เห็นวัชระก็ยิ่งอยากแกล้ง
“หืม...ไม่นี่ หน้าพี่ไม่มันนะ แก้มดอว์นสิมัน ดูสิมันติดปลายจมูกพี่เลยเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่ยังยื่นหน้าเข้าไปหาจนปลายจมูกเรียบเนียนไร้ความมันส่วนเกินฝังลงบนแก้มใสของคนที่ถูกกล่าวหาว่าหน้ามันอีกต่างหาก
“อึ๋ยยย.....ไม่ตลก!!”
เบี่ยงหน้าหลบได้ก็พอดีเหลือบไปเห็นสัญญาณไฟเขียวสัญญาณไฟเขียว คนตกเป็นเหยื่อซ้ำซากเกิดอาการระบบความคิดในสมองรวนคิดหาคำพูดมาบอกไม่ออกกะทันหัน ต้องใช้วิธีชี้นิ้วไปด้านหน้าเป็นสัญญาณเตือนคนขับที่ยังไม่ยอมถอยกลับไปประจำที่ ดีแค่ไหนที่จอดต่อคิวอยู่เป็นคันที่สี่ที่ห้า...ไม่อย่างนั้นคงได้ถูกคันหลังสาปแช่งเอาแน่ๆ
“เหรอ? ไม่ตลกแล้วทำไมคนแถวนี้ต้องยิ้มด้วยล่ะ?”
ชายหนุ่มคนขับส่งคำพูดล้อเลียนอย่างต่อเนื่องในขณะที่บังคับรถเลี้ยวขวาแล้วเร่งความเร็วขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ แว่นกันแดดกรอบสีขาวถูกเจ้าตัวหยิบออกมาสวมทั้งที่ตายังจับมองทางอยู่ตลอด
“ใครบอก....ผมเปล่ายิ้ม....”
คนกำลังเขินที่รู้ตัวดีว่ากำลังอินเลิฟขั้นรุนแรงแต่พยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บอาการอดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าไปทางคนขับอีกนิด ลอบมองใบหน้าที่มีแว่นกันแดดกรอบขาวโผล่มาประดับอยู่แล้วหัวใจยิ่งเต้นถี่.....เพชรแม่ง...หล่อว่ะ!!
“....จะชมก็ชมออกมาเลยสิครับ มองพี่ขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขินมากพาหลงทางไม่รู้ด้วยน้า”
อรุณรุ่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มชินกับคำพูดเย้าแหย่ของคนตรงหน้าขึ้นมานิดๆ แถมยังค้นพบอีกความรู้สึกที่แทรกขึ้นมาแล้วด้วย.....อยากจะเอาคืนนัก เพชรบ้า....คิดว่าตัวเองแกล้งคนอื่นเป็นข้างเดียวหรือยังไง
“อืม...ดูดีนะ”
คนถูกแกล้งมาตลอดทางหันหน้าไปมองคนขับเต็มที่แล้วพูดออกไป....แต่แทนที่คนเพิ่งบอกให้ชมเมื่อครู่จะยิ้มชอบใจ กลับละมือข้างซ้ายจากพวงมาลัยรถมาขยับแว่นแล้วจากสายตาซอกซอนของอรุณรุ่งก็เห็นว่าหัวคิ้วหนาๆของเพชรขมวดเข้าหากันน้อยๆซะงั้น
“.................แว่นน่ะ”
เท่านั้นแหละ คนที่ขมวดคิ้วหน้ายุ่งอยู่เมื่อครู่ก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาทันที คนตั้งใจเอาคืนเลยรับรู้เดี๋ยวนั้นเอง....ว่าเพชรรู้ทันว่าเดี๋ยวต้องมีการแกล้งกลับ แล้วเลยพานตกใจว่าตัวเองกลายเป็นคนอ่านง่ายแบบนี้ไปได้ยังไง
เจ้าของจี้อำพันคนปัจจุบันไม่รู้ตัวเลยว่าพอคิดมาถึงตรงนี้ ความเคยชินที่เป็นมาตลอดสี่ปี ความเคยชินกับการปิดกั้นตัวเองตั้งแต่เสียน้องสาวฝาแฝดไป ทำให้หัวใจที่ยังมีแผลเป็นแห่งความสูญเสียกางกำแพงปิดกั้นจากโลกภายนอกอีกครั้ง......
วัชระยังคงไม่รับรู้ว่าเด็กน้อยที่เปิดใจให้ ถอยกลับเข้าหลังกำแพงไปอยู่ในโลกของตัวเองอีกแล้ว เมื่อระงับอาการหัวเราะได้ก็เอ่ยประโยคตัดพ้อที่ยังกลั้วไปด้วยเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอตั้งคำถามออกมา
“ฮ่าๆๆๆ โห่.....ไรเนี่ย? แทนที่จะชมพี่ ชมแว่นซะงั้น”
“........................”
“นี่.....พี่เพชรไม่หล่อสักนิดเลยหรือครับ....นิดเดียวก็ยังดี....ฮื้ม?”
“....................เอ่อ.....”
“ดอว์น.....ทำไมเงียบไปล่ะครับ ง่วงรึเปล่า? ถ้าง่วงก็หลับไปก่อนได้นะ เดี๋ยวถึงแล้วพี่ปลุก”
เมื่อเห็นว่าคนนั่งข้างไม่ต่อปากต่อคำกลับมาสักนิดวัชระก็เหลือบตามามอง ภาพที่เห็นทำให้ต้องลอบถอนหายใจเบาๆ.....ก็นัยน์ตายิ้มได้ที่เห็นอยู่เมื่อครู่กลายกลับไปเป็นนัยน์ตาโศกที่แฝงแววหวาดกลัวกับบางสิ่งบางอย่างเสียแล้ว
ที่ทำไม่รู้ไม่เห็นบอกว่าให้หลับไปก่อนถ้าง่วงนั่นก็เพื่อให้ดอว์นได้รวบรวมสติแล้วลองเปิดใจออกมาเอง ในขณะที่นายแพทย์วัชระเองก็คิดทบทวนว่าในบทสนทนาเมื่อครู่มีอะไรผิดไป อะไรที่สะกิดตะกอนบางอย่างในใจของเจ้ากระต่ายน้อยขี้กลัวตัวนี้.....แต่ก็จับไม่ได้เลยสักนิด
ก็แหย่กันตามประสาคนรักแท้ๆนี่หว่า ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกๆตรงไหน.....เออเว้ย นี่เป็นคนรักแล้วหรือวะ? หรือเพราะรู้สึกว่ามันเร็วไปดอว์นของพี่ถึงได้กลับไปซุกตัวอยู่หลังกำแพงแบบนี้? “......อืม...งั้นผมนอนนะ”
วัชระปลอบใจตัวเองว่ายังดีที่ไม่เข้าโหมดเป็นใบ้ไปพร้อมๆกับอาการกลัวที่จับได้ทางแววตา ไม่งั้นคนที่แย่คงจะเป็นเขาเองแน่ๆ ชายหนุ่มยื่นปลายนิ้วหรี่เสียงเพลงลง แต่ยังปล่อยให้ท่วงทำนองของ Let it Be ดังแผ่วๆ หวังจะปลอบประโลมใจให้เจ้ากระต่ายตื่นตูมกลับมามีดวงตายิ้มได้ให้เร็วที่สุด
….And when the night is cloudy.
There is still a light that shines on me.
Shine on until tomorrow….let it be. ถึงจะไม่ชอบใจกับอาการแบบนี้ของผู้โดยสารคนสำคัญ....แต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าลึกๆแล้วเขาภูมิใจ
ก็ถ้าหากไอ้เจ้าแววตาตื่นตกใจของเจ้ากระต่ายน้อยที่เห็นนี่มีสาเหตุมาจากเจ้าตัวก็รู้สึกถึงความสัมพันธ์นี้ว่ามันเริ่มจะลึกซึ้งเช่นเดียวกับเขา มันก็แปลว่าตัวเขาเองได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของอรุณรุ่งแล้วไม่ใช่หรือ.... ฝ่ามืออุ่นของคนขับตัวโตยื่นไปแตะเบาๆที่เส้นผมนุ่มละเอียดของคนที่ดูก็รู้ว่าทำท่านอนหลับในคราวแรก แล้วค่อยวางลงไปทั้งมือก่อนจะลูบช้าๆเหมือนกล่อมให้น้องนอนหลับสบายจนคนที่ซุกหน้าเข้ากับพนักพิงรู้สึกอุ่นวาบไปถึงหัวใจ
“นี่เพลงโปรดของปะป๊า.....”
ดวงตาสีอ่อนที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสกระพริบถี่ เมื่อพลิกหน้ามามองจับที่คู่สนทนาอีกครั้ง
เมื่อมือใหญ่ที่ส่งผ่านความอบอุ่นทำท่าจะละไปปิดเพลงนั้นซะเพราะคิดว่าเป็นสาเหตุให้อีกคนต้องมีน้ำตา อรุณรุ่งกลับยกมือมาจับยึดไว้เสียเอง.....
“ดอว์น....พี่ขอโทษ......”
น้ำตาที่เอ่อคลอเหือดหายไปแล้ว หนุ่มน้อยที่ซุกตัวกับพนักเก้าอี้เมื่อกี้ชันตัวขึ้นนั่งหลังตรงโดยไม่ยอมปล่อยมือข้างนั้นของคนขับตัวโต ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้ทั้งปากทั้งตา
“ผมดีใจ.....ดีใจที่ได้ฟังเพลงนี้ ถึงแม้จะต้องเศร้า แต่ทั้งๆที่เศร้า ผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้คิดถึงปะป๊า....เมื่อกี้...ที่เงียบไปนั่น ผมก็แค่รู้สึกตกใจ.....คือ...”
“คืออะไรครับ?”
แก้มที่เริ่มซับสีระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งของอรุณรุ่งทำให้นายแพทย์วัชระพลอยยิ้มออก คิดล่วงหน้าไปแล้วว่าประโยคต่อไปของเจ้ากระต่ายตื่นตูมต้องเผยความในอะไรบางอย่างออกมาให้ได้ชื่นใจแน่ๆ
ส่วนเรื่องของปะป๊า....ว่าที่พ่อตาที่พาดพิงไปถึงนั่น ยังไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้ แค่ที่รู้ว่าว่าที่พ่อตาจะไม่อยู่ขัดขวางการขอเป็นคนรักของหนุ่มน้อยหน้าใสตรงนี้ก็เพียงพอแล้วนี่นะ
“...คือ....เมื่อกี้ ที่เงียบไป......ผมก็แค่ตกใจ ว่า...เอ่อ....”
“ถ้าไม่พูดออกมา....พี่จะสรุปล่ะนะ ว่าเป็นอย่างที่พี่คิด”
อรุณรุ่งขมวดคิ้วมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่ยังมองตรงไปแต่ทางข้างหน้า ตอนนี้ถนนที่รถวิ่งอยู่เป็นถนนใหญ่ข้ามจังหวัด มีป้ายแสดงว่าเป็นทางไปจังหวัดสมุทรสงคราม ถึงสมาธิของคนขับจะจับอยู่ที่การขับรถ แต่ผู้โดยสารคนเดียวก็ยังสังเกตเห็นว่ารอยยกยิ้มของคนตัวโตคราวนี้มันดูเจ้าเล่ห์กว่าปกติ.....ทั้งๆที่ดวงตาของเพชรยังถูกซ่อนอยู่ใต้แว่นกันแดดแต่ทำไมตนถึงรู้ได้ก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่กำลังยกยิ้มราวกับความสุขทุกอย่างในโลกมากองอยู่ตรงหน้านี้กำลังคิดอะไร
“.......ผม จะ ไม่ พูด......”
“ไม่พูดจริงอ้ะ....สักนิดสิครับ อ้อมๆก็ได้ หรือจะพูดในภาษาอื่นก็ได้นะครับ เดี๋ยวถ้าเกิดดอว์นพูดจีนออกมาแล้วพี่ฟังไม่รู้เรื่องพี่ก็จะจำไปถามลูกน้องเอาก็ได้”
“ไม่!! ผมไม่พูดหรอก....ก็คุณรู้อยู่แล้วนี่ จะต้องให้พูดทำไมอีกล่ะ” มือใหญ่ๆข้างที่ถูกยึดไว้ถูกคนจับยกมาวางคืนถึงพวงมาลัยรถนานแล้ว และจากถนนใหญ่เมื่อครู่ วัชระก็พารถเลี้ยวเข้ามาสู่ถนนแยกเข้าดอนหอยหลอด โดยที่ผู้โดยสารซึ่งมัวแต่หันหน้าออกด้านข้างทำท่าว่าชื่นชมภาพจ้อกแจ้กจอแจริมทางทั้งๆที่ทั้งเขินทั้งอายจนไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่ารถถูกเลี้ยวเข้าร้านอาหารทะเลที่ปลูกยื่นเข้าไปในหาดโคลน แถมคนขับยังจอดเข้าซองเรียบร้อยแล้วด้วย
“เฮ้ย!! ทะ.....ทำอย่างนี้อีกแล้วนะ”
คนยืนยันไม่ยอมพูดแต่หน้าแดงแป๊ดถูกจอมโจรฉกจูบลงที่ข้างแก้มอีกครั้งจนได้
“อ้าว!! ก็ไหนดอว์นบอกว่าเป็นแบบที่พี่คิดไงครับ ก็พี่คิดว่าตอนที่ดอว์นเงียบไปเป็นเพราะดอว์นตกใจที่แค่ไม่นานก็รักพี่เข้าแล้ว...อุ๊บ...อีอี๊อ้อเอยอู๊อึกอ้าอุ๊กอ่างอันอ้วดเอว.....”
คนช่างแหย่พูดออกมาได้ครึ่งๆกลางๆก็ถูกฝ่ามือที่ถึงจะเล็กเรียวกว่าแต่ก็จัดการปิดปากคนตัวโตจอมเจ้าเล่ห์แถมยังรู้ทันไปเสียทุกอย่างได้กดปิดไว้แน่น ก่อนเจ้ากระต่ายตื่นตูมของพี่(ตามที่คุณหมอเพชรเรียกขานในใจ)จะเอ็ดคนเป็นผู้ใหญ่กว่าออกมา
“บ้า! พอได้แล้ว....รู้แล้วก็ดีแล้วนี่....ไม่เห็นจะต้อง..พูดออกมาเลย”
เสียงปลดล๊อคประตูรถดังขึ้นแล้ววัชระก็ได้หัวเราะออกมาเต็มเสียงกับอาการเขินจนรั่วของกระต่ายตื่นตูมตรงหน้าอีกครั้ง
ก็ดอว์นน่ะสิ...พอได้ยินเสียงปลดล๊อคเท่านั้นก็เปิดประตูทำท่าจะพุ่งตัวหนีออกนอกรถทันที คงกะจะไปตั้งหลักไกลๆนั่นแหละ แต่ทั้งๆที่หน้าตาดี..ก็ก่งก๊งได้นะ ลืมได้ยังไงไม่รู้ว่าตัวเองยังไม่ได้ปลดเข็มขัดนิรภัยเลย.....
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ดอว์น.... ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
.......................................
..โปรดติดตามตอนต่อไป..ปล. อีอี๊อ้อเอยอู๊อึกอ้าอุ๊กอ่างอันอ้วดเอว...ทีนี้ก็เลยรู้สึกว่าทุกอย่างมันรวดเร็ว ***
ปล.๒
ค่ะทุกท่าน ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ปล.๓ ขอบคุณดาด้าสำหรับการจิ้มจึกและเร่งหื้อเจ้สปีดอัพ พี่มูมู่(ชอบนามนี้ น่าร้ากกกกกก) สำหรับการมาช่วยหม่ำๆของหวาน คริคริ และกระต่ายน้อย สำหรับคำผิดคำพลาด และประโยคที่อ่านแล้วไม่เคลียร์นะคะ