ผมรีบวิ่งแจ้นจากร้านคอฟฟี่บีนซึ่งผมยังคงทำงานอยู่ที่นั่น แม้ว่าผมจะจบคอร์สการเขียนบทภาพยนตร์แล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ยังไม่มีบริษัทตอบรับบทที่ผมยื่นไปตอบกลับมาซักบริษัท ผมกำลังจะโบกแท็กซี่เพื่อไปยังสนามบินก่อนที่เนทจะโวยวายไปมากกว่านี้ พลางก็คิดในใจว่า’เอาน่า ถ้าช้ามีหวังเนทฆ่าผมแน่ๆ’ แตอีกใจก็ได้แต่คิดว่า’เอาอีกแล้วไง สัปดาห์นี้ผมขึ้นแท็กซี่ไปสองครั้งแล้วนะ’ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ทันมีหวังผมตกเครื่องแน่ๆ
“เจสัน,,,,นายอยู่ไหน? นายมีเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีนะ! รีบเข้า! เจสัน!” ผมเปิดข้อความจากเนทซึ่งส่งเข้ามาขณะที่ผมอยู่ระหว่างทางเพื่อไปยังสนามบินจากเมจเสจบ่งบอกได้ว่าตอนนี้หมอนี่กำลังงุ่นง่านมากเกินทนนั่นจากเครื่องหมายอัศเจรีย์(!)ถึงสามตัว ถ้าให้ผมเดาตอนนี้เนทคงกำลังเดินวนไปวนมาจนโอลิเวอร์ต้องยกหนังสือขึ้นมาอ่านและแอบเสียบหูฟังพร้อมกับเปิดเพลงเสียงดังสุดๆอยู่แน่ๆ เพราะหมอนั่นคงบ่นด้วยประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาอย่างน่ารำคาญอยู่แน่ๆ
สิบนาทีต่อมาผมก็มาถึงสนามบิน เขาบ่นผมใหญ่แต่ซักพักก็เงียบไปจากนั้นก็ดึงผมไปกอดซะจนตัวผมลีบเล็ก ทำเอาผมอึดอัดแทบจะหายใจไม่ออก ผมจึงต้องพยายามค่อยๆแกะเขาออก
“นี่เป็นของขวัญที่เราตั้งใจให้นายเลยนะ ถ้านายมาไม่ทัน...ฉันคงเสียใจน่าดู” เนทบอกผมหลังจากที่เรามาถึงบาเซโลน่า ใช่!เรามาบาเซโลน่ากันจริงๆ พวกเขาสองคนมอบแพคเกจทัวร์นี้ให้กับผมทันทีหลังจากที่ผมจบคอร์สการเขียนบทภาพยนตร์
“นายควรจะได้รับมันจริงๆ” โอลิเวอร์บอกสั้นๆเมื่อผมแสดงสีหน้าลำบากใจเมื่อพวกเขายื่นของขวัญสุดล้ำค่านี่ให้ผม นั่นทำให้ผมแทบจะกระโดดกอดพวกเขาไว้ทันที พวกเขาน่ารักกับผมจริงๆ และยังใจดีกับผมมากๆอีกด้วย พวกเขาสนับสนุนผมตลอดเวลานั่นทำให้ผมซึ้งใจมากจริงๆ
เรานั่งรถไฟด่วนเพื่อไปยังหาดชองเกสหลังจากที่เราพักผ่อนอยู่ในตัวเมืองถึงสี่วัน เหตุผลมากพอที่ทำให้เราต้องนั่งรถไฟด่วนเพราะเนทรักการนั่งรถไฟเป็นที่สุด แน่นอนว่าโอลิเวอร์ย่อมตามใจและสนับสนุนเขาเสมอ
หาดชองเกสเป็นที่ขึ้นชื่อในการรวมตัวของเกย์ไว้ที่นี่ รอบๆหาดจะมีเกย์เป็นคู่ๆนอนอาบแดดกันเรียงราย นั่นรวมถึงโอลิเวอร์และเนทด้วย เกย์ส่วนใหญ่ใส่กางเกงว่ายน้ำแบบรัดรูปโชว์สัดส่วนอันสวยงามกับผิวสีแทนที่เรียกได้ว่าเวรี่แทน เพื่ออวดสายตาแก่เกย์อื่นๆ ส่วนโอลิเวอร์ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจสายตาใดๆที่มองมาที่เขา เขานอนคว่ำอย่างสบายใจ ส่วนเนทซึ่งดูเหมือนจะรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าแฟนของเขาถูกแทะโลมด้วยสายตา เขาจึงเริ่มเบียดตัวไปนอนเกยอยู่บนตัวโอลิเวอร์เรียบร้อยแล้ว เนทมักจะพรมจูบกรามสวยได้รูปของโอลิเวอร์ทันทีที่เห็นว่ามีสายตาคู่อื่นมองมา ผมนั่งมองพวกเขาแล้วยิ้มขำอย่างอดใจไม่ได้ และดูเหมือนโอลิเวอร์จะสังเกตเห็นสายตาของผมเขาจึงพยักหน้าและขยิบตาให้ผม ผมส่งนิ้วโป้งพร้อมกับกระซิบให้เขาอ่านปากไปได้ว่า’นายนี่ร้ายจริงๆ’ เขากระซิบกลับมาซึ่งผมอ่านปากได้ว่า’มันดีจริงๆที่เนททำแบบนี้บ้าง’ ผมยิ้มให้เขาแล้วหันไปมองรอบๆตัวต่อ
มีเกย์หลายคนที่เดินเข้ามาพูดคุยกับผม ผมก็ไม่ได้รังเกียจพวกเขานะแล้วก็เห็นว่าพวกเขาคุยสนุกดี จากคนนึงก็กลายเป็นสองคน สามคน สี่คนและตอนนี้เราก็มีถึงห้าคน เราพูดคุยกันเรื่องไร้สาระมากมาย พวกเขาส่วนใหญ่เป็นชาวคาตาลัญ ซึ่งมีรูปหน้าคล้ายกับชาวยุโรปเป็นอย่างมากแต่ชาวคาตาลัญมักมีหน้าตาที่ดูดีกว่า หรือเรียกว่าหล่อเลยทีเดียวล่ะ
“ผมชอบผิวราวกับกระเบื้องเคลือบของคุณแหะ” เกย์คนนึงบอกผม
“คุณก็มีผิวสีแทนที่สวยนะ” ผมชมเขาบ้าง
“ผมก็มีผิวสีแทนนะ” เกย์อีกคนตะโกนบอก
“ใช่ พวกคุณทุกคนเลย” ผมบอกแล้วยิ้มให้พวกเขา
“คุณมีแฟนหรือยัง” พวกเขาเริ่มรุกผม นั่นทำเอาผมอดจะหลีกเลี่ยงเขาไม่ได้ ผมจึงไม่ตอบคำถามแต่ยิ้มให้เขาไป
“คุณไม่ตอบ” เกย์อีกคนเริ่มท้วง
“เจสัน” เสียงหนึ่งที่ผมคุ้นเคยดีเรียกผมไว้ นั่นทำให้ทุกสายตาจ้องมองไปยังเขาโดยทันที
“คุณมาถึงแล้วเหรอ” ผมถามเขา เขาจึงพยักหน้าให้ผมจากนั้นก็ส่งเอ้กน็อคแก้วใหญ่มาให้ผม แล้วก็นั่งลงบนพื้นทรายใกล้ๆผม เขาจ้องพวกเกย์ที่เข้ามาป้อล้อผมนิ่ง นั่งทำให้พวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วนจนทำให้บางคนลุกออกไป
“ผมมาระวังหลังให้คุณ” เขาบอกผมแล้วยิ้มล้อๆ
“บ้าเอ้ย” ผมยิ้มขำแล้วส่งเอ้กน็อคแก้วโตให้เขา เมื่อสังเกตอีกทีก็เห็นว่าเกย์ที่เข้ามาป้อล้อผมได้ลุกออกไปหมดแล้ว
“เฮ้!” เนทโบกมือมาทางเรา ซึ่งผมมั่นใจว่าไม่ได้โบกมือมาให้ผม
“เฮ้” เขาโบกมือตอบแล้วหันหน้าไปมองทะเลเงียบๆ ผมจึงทำบ้าง
หลังจากที่ผมมีอะไรกับแบรตเราก็ดูจะหวานชื่นไปซะทุกอย่าง เราไปดูหนังที่เทศกาลซันแด๊นซ์ด้วยกัน เราดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน บีเจก็ดูจะรับรู้เรื่องนี้อยู่อย่างเนืองๆ วันหนึ่งขณะที่ผม บีเจและแบรตเดินเตร่ที่สวนสาธารณะบีเจก็ถามขึ้นมาว่า
“พ่อกับเจสันคบกันเหรอ”
“ทำไมนายถึงถามคำถามนั้น” ผมถามบีเจ
“พวกคุณแชร์เอ้กน้อคแก้วใหญ่กัน ปกติพ่อไม่แชร์อาหารหรือเครื่องดื่มกับใคร” บีเจบอกนิ่งๆ
“ถ้าเราคบกัน...ลูกจะโอเครึปล่าว” แบรตถามขึ้น
“เจสันก็ดีนะ” บีเจบอกแต่ผมไม่เข้าใจบีเจกับคำว่า’ก็ดี’
“ทำไม? ทำไมก็ดี?” ผมถามบีเจ
“คุณเลือกเสื้อลายสก็อตสีเหลืองให้ผมใส่มาวันนี้ ซึ่งผมก็คิดว่ามันก็ดีนะ” บีเจอธิบายอย่างเรียบๆ แบรตจึงกระซิบบอกผมว่า ‘เขาชอบเสื้อตัวนี้’
“นายชอบชั้นงั้นเหรอ” ผมถามบีเจขณะที่เขาหยุดเลียไอศรีมในมือเพราะมันละลายและเริ่มหกเรี่ยราดใส่มือเขา
“อาจจะใช่ ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนะว่าผมชอบหรือไม่ชอบคุณมากกว่า”
“...” ผมเงียบเพราะสะอึกกับคำพูดของเขา
“ไม่ไม่ชอบท่าเต้นประหลาดๆกับเพลงเสียงดังๆตอนเช้าตอนที่คุณทำอาหารเช้า แล้วคุณยังมีหนังสุดสยองในชั้นวางของคุณเป็นแถวอีก”
“ฮ่าๆ” ผมกับแบรตหัวเราะออกมาพร้อมกัน เพราะอดจะโล่งใจนิดๆไม่ได้
“นั่นไง!! ผมไม่ชอบเสียงหัวเราะแหลมๆของคุณด้วย”
“อะไร? ฉันหัวเราะเสียงแหลมงั้นเหรอ” ผมหันหน้าไปถามบีเจและหันไปมองแบรต พวกเขาพยักหน้าให้กับผมราวกับฝาแฝดหรืออาจจะเรียกว่าคู่หูดี
“แต่คุณน่ารักนะ” บีเจบอกผมนิ่งๆแล้วโยนไอศครีมทั้งโคนลงถังขยะ จากนั้นก็โบกมือมาทางผมเพื่อบ่งบอกว่า’เจสัน ผมขอทิชชู่หน่อย’
“ใช่มั้ยล่ะ ฉันมีจิตใจที่ดีใช่มั้ย?” ผมถามบีเจยิ้มๆ
“ใช่ เพราะฉะนั้นพ่อต้องดูแลเขาดีนะๆเพราะดูเหมือนเขาจะมีหน้าที่การงานที่ไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่” บีเจบอกแบรตนิ่งๆแล้วเดินนำหน้าผมซึ่งกำลังอึ้งในสิ่งที่เขาพูด ให้ตายสิ! ผมต้องรับมือกับคนถึงสองคนเชียวเหรอเนี่ย
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะแย่ลงเมื่อพบว่าพวกเขามาแอลเอแค่ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนของบีเจ ผมลืมเรื่องนี้ไปเลยเพราะมัวแต่หลงกับความสุขที่ดูเหมือนกับครอบครัวใหม่ของผมที่กำลังเติบโตขึ้นเล็กๆ
“คุณแน่ใจจริงๆเหรอว่าเราจะคบกันแบบทางไกล” ผมถามแบรตขณะที่เรานอนกอดกันอยู่
“คุณย้ายมาอยู่นิวยอร์คกับผมเถอะ” แบรตบอกผมแล้วจ้องผมด้วยสายตามุ่งมั่น
“เสียใจด้วยจริงๆแบรต ผมต้องการจบคอร์สการเขียนของผม ผมมีสิ่งที่ผมตั้งใจรอผมอยู่”
“แต่ผมรักคุณ”
“ผมก็รักคุณ จะเป็นไปได้ไหมถ้าคุณกับบีเจจะย้ายมาอยู่แอลเอ” ผมถามเขา
“ผมมีบริษัทที่ผมต้องดูแลอยู่ และนิวยอร์คก็ดูจะเหมาะกับการเติบโตของบีเจมากกว่าแอลเอ”
“ที่แอลเอบีเจก็เติบโตได้ ดูผมสิ” ผมบอกแบรต เขาจึงมองมาที่ผมจากนั้นก็ยิ้มเยาะให้ผม
“ผมไม่ได้หมายถึงร่างกาย อีกอย่างนะผมโตในดีซี” ผมบอกเขาเรียบๆแล้วก็อดที่จะชกหน้าอกเขาเบาๆเมื่อเขาเปรยออกมาเบาๆว่า”แหงล่ะ ผมไม่ให้บีเจเติบโตในดีซีแน่ๆหากร่างกายของเขาขยายได้เท่ากับคุณ”
“เราสองคนต่างมีงานที่รออยู่ ผมไม่สามารถทำงานที่นี่อย่างถาวรได้ แต่ผมมั่นใจว่าผมสามารถมาหาคุณได้” แบรตบอกผมอย่างจริงจัง
“หลังจากจบคอร์สการเขียน ผมจะลองมองหาโอกาสในนิวยอร์คดูแล้วกัน” ผมบอกแบรต นั่นทำเอาเขารวบตัวกันไปกอดซะแน่นแล้วพร่ำพรรณาคำว่าขอบคุณนับล้านรอบ
แต่ก็อย่างที่คุณรู้แล้วล่ะนะว่าการคบกันแบบทางไกลนี่มันไม่เวิร์คซะจริงๆ เราทำได้แค่คุยโทรศัพท์กันเกือบชั่วโมงก่อนจะหลับไปเพราะหมดเรื่องคุย ความห่างไกลยิ่งทำให้ความรู้สึกห่างไกลเรามากขึ้น อาจเพราะแบรตมีงานมากมายที่เขาต้องทำ และผมก็มีงานเขียนที่ต้องเสียงส่งมากขึ้นและยากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เราได้คุยกันวันละเกือบชั่วโมงก่อนเข้านอน เวลาของเราตอนนี้กลับลดลงเหลือแค่สิบนาที เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เหนื่อยอย่างแสนสาหัส นั่นทำให้วันนึงผมอดจะพูดเรื่องนี้กับแบรตไม่ได้
“คุณก็เห็นว่าคบกันทางไกลมันไม่เวิร์คจริงๆ” ผมบอกเขาทางโทรศัพท์ เขาเงียบไปพักนึง
“บางที...” ผมหยุดพูดเพื่อรอฟังเขา เขาอาจจะห้ามผมหรือตัดสายผมทิ้งไปเลย
“เราคงต้องเลิกกัน” ผมกับแบรตพูดขึ้นมาพร้อมกัน
“เกย์พวกนั้นมองคุณอย่างสนใจเลย” ผมบอกเขาขณะที่เขาเอาแต่นอนปิดตาอย่างสบายใจ
“แต่ผมไม่สนใจเขา” เขาบอกผมเรียบๆ
“ทำไม?” ผมถามเขาขณะทางครีมกันแดดอีกรอบบนตัว ให้ตายสิมันเหนอะหนะซะจริง!
“คุณจะทามันอีกกี่รอบ” เขาถามผมแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ไม่รู้สิ” ผมบอกเขาเพราะไม่รู้จริงๆ เพราะดูเหมือนเขาคงนอนอาบแดดอีกยาวแน่ๆ
“คุณทามันไปเถอะ คุณเหมาะกันผิวขาวแบบกระเบื้องเคลือบมากกว่าผิวสีแทนเป็นไหนๆ” เขาบอกผมยิ้มๆ นั่นทำเอาผมก้มหน้างุดอย่างอายๆ
“เฮ้!” เสียงเนทตะโกนแล้วโบกมือมาทางเรา ผมจึงโบกมือให้พวกเขากลับเมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะกลับไปยังโรงแรม
“พวกนายจะอยู่กันอีกนานมั้ย?” โอลิเวอร์ถามขณะที่เดินหิ้วของมาทางเรา
“ดูท่าคาแบลท์จะอยากอาบแดดอ่อยเกย์แถวนี้อีกนาน” ผมแซวคนข้างๆผมอย่างล้อๆ
“บ้าน่า ผมหยุดเรื่องพวกนั้นแล้วจริงๆ” เขาตอบแล้วมองมายังผมอย่างจริงจัง
“งั้นพวกเรากลับก่อนล่ะ บายคาแบลท์ เจสัน” โอลิเวอร์บอก
“ดูแลเพื่อนฉันดีๆนะคาแบลท์” เนทหันไปบอกคาแบลท์
-----------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนนี้อาจจะงงนิดนึง เพราะดับสลับระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เอ๊ะหรืออดีตกับอนาคตหว่า?
เพราะงั้นไม่มีใครรู้ว่าคาแบลท์เป็นปัจจุบันหรืออนาคต
