ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในความมืดสลัว อดีตที่ฝังใจย้อนกลับมาทำร้ายผมอีกครั้งในความฝัน ทุกครั้งที่ผมรู้สึกอ่อนแอภาพสมัยเด็กมักจะย้อนกลับมาให้เห็น คล้ายกับมีคนใจร้ายกำลังเปิดวีดีโอแล้วบังคับให้ผมนั่งดูมันจนจบ ความเปียกชื้นบนข้างแก้มทำให้ผมอยากยกมือขึ้นมาเช็ดมัน ทว่าแรงกอดรัดที่มากขึ้นจากกำแพงมนุษย์ตรงหน้าทำให้ความคิดนั้นต้องโดนพับเก็บไป
ทีมครางในลำคอนิดหน่อยแล้วหลับต่อ ผมจึงพลิกตัวแล้วลุกขึ้นนั่ง ไอ้ห่านป่ามันคงเข้ามาหลังจากที่ผมเผลอหลับไปแล้ว และคงนอนกอดผมเอาไว้ทั้งคืน กลิ่นเหล้ายังคลาคลุ้งอยู่รอบๆ ตัวมัน บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนคงกินเข้าไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ผมที่ตาสว่างเป็นที่เรียบร้อย ตัดสินใจจะลุกไปอาบน้ำแต่เสียงที่ทักขึ้นพร้อมแรงกระตุกที่ข้อมือจากคนที่นอนอยู่ทำให้ผมได้แต่นั่งนิ่งอยู่ข้างมันอย่างนั้น
“จะไปไหน ยังไม่หกโมงเช้าเลย” ทีมถามเสียงงัวเงียพลางคว้าโทรศัพท์มือถือของผมที่วางทิ้งเอาไว้บนหัวเตียงขึ้นมาเปิดดูเวลา มันสะโหลสะเหลลุกขึ้นมานั่งตัวงออยู่ข้างๆ
ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่หันหน้าหลบเพราะกลัวมันจะทันได้เห็นน้ำตาที่ยังทิ้งคราบชื้นแฉะเอาไว้ ถ้าให้เปรียบเทียบผมก็เหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง ถ้าเจ็บแล้วก็จำ และรู้จักเลียรักษาบาดแผลให้ตัวเอง ตอนนี้ก็เช่นกัน ผมแค่ต้องการเวลาเลียแผลเก่าให้มันปิดสนิทเหมือนเดิมก่อนที่จะต้องเผชิญหน้ากับใคร
“เมื่อคืนมึงฝันอะไร” มันถามผม แล้วเอื้อมมือมาคว้าใบหน้าผมเอาไว้ ไม่ยอมให้หันหนี
“เปล่า” เสียงผมกระซิบตอบออกไป “ทำไมถึงคิดว่ากูฝัน”
“มึงนอนละเมอร้องไห้ทั้งคืน จะให้กูเชื่อจริงๆ เหรอว่ามึงไม่ได้ฝันอะไร” เสียงไอ้ทีมเข้มขึ้นจนผมใจหาย ไม่ชอบเลยครับ โดนเสียงเข้มๆ ดุๆ ซักนั่นถามนี่
“กู...กู..ไม่ได้ฝันอะไรทั้งนั้น” ผมตอบ แต่ภาพความทรงจำที่พยายามใช้เวลาสิบปีลบเลือน กลับฉายชัดซ้ำไปซ้ำมาทีละภาพ คล้ายกับมีใครบางคนกำลังกรีดลงไปบนแผลของผมซ้ำๆ
อีกไม่นานหรอก ทีมก็จะเบื่อ แล้วก็เขี่ยนายทิ้ง “ทีม”
“หืม?”
“ถ้าวันนึงมึงเบื่อแล้วมึงจะทิ้งกูมั้ย” ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ถึงได้ถามออกไปแบบนั้น ความมืดทำให้ผมเห็นหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนนัก ทว่าแรงกอดกระชับที่ดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้แน่นกลับแทนคำตอบได้อย่างดี
“มึงเคยได้ยินมั้ยฝุ่น คนเรา ต่อให้เคยเจ้าชู้เหลวแหลกมาเท่าไหร่ ถ้าวันนึงเราเจอใครสักคนที่รู้สึกว่าใช่ และก็อยากดูแลไปจนวันตาย ต่อให้มีอุปสรรคอะไร เราก็จะไม่มีวันทิ้งคนๆ นั้นไป” ทีมไม่ได้ให้คำตอบ แต่ทิ้งอีกคำถามไว้ให้ผมแทน มันกอดผมแน่นขึ้นก่อนจะก้มลงมาจูบที่ข้างขมับ “สำหรับมึงอาจจะแค่เดือนเดียวที่รู้จักกู ความผูกพันธ์คงสู้ที่มึงมีกับยูลไม่ได้ แต่กูก็รักมึงนะ เป็นห่วง อยากดูแล”
จบประโยคนั้นของมัน น้ำตาผมก็ไหลไม่หยุดเหมือนทำนบแตก กอดไอ้ห่านป่าแน่นขึ้น ในอกจุกแน่นไปหมด แต่มันกลับจุกเสียดคนละแบบกับที่เคยเจ็บตอนที่แม่บอกว่าไม่ต้องการผม ครั้งนี้มันคล้ายกับว่าผมเจ็บในอกเพราะหัวใจที่พองโตขึ้นด้วยความสุข...
“ฮึก...กูฝัน ทีม กูฝันเห็นตอนกูยังเด็ก ... แม่...แม่บอกว่ากูเป็นฝุ่น ที่ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการ” ผมสะอื้นไปเล่าไป จนฟังตัวเองแทบไม่ออก แต่ทีมก็ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากกอดผมเอาไว้แล้วโยกเบาๆ “กูเป็นเด็กไม่ดีเหรอทีม...แม่ไม่เคยรักกูเลย ฮึก..กูก็แค่..อึก.อยากให้แม่ยิ้มให้กูบ้างก็ยังดี”
“ฝุ่นไม่ใช่เด็กไม่ดีหรอก คนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีใครไม่รักลูกหรอกนะ” ทีมกระซิบปลอบ มันลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น
“ตอนนี้ฝุ่นอาจจะไม่รู้สึกถึงความรักของแม่ แต่เชื่อทีมนะ แม่ไม่ได้เกลียดฝุ่นหรอก...ถ้าฝุ่นคิดว่าไม่มีใครรัก ก็ให้เริ่มจากรักตัวเองก่อนนะครับ” ทีมคลายอ้อมกอดออก มานั่งมองหน้าผมแทน มันยิ้มให้จางๆ หน้าผมน้ำหูน้ำตาไหลจนดูไม่ได้แน่ๆ ฮือออ “รักตัวเองมากๆ พี่ทีม น้าอิ่ม ลุงสินก็รักฝุ่นนะ แต่พี่ทีมรักฝุ่นมากกว่าคนอื่นแค่นั้นเอง”
น่าแปลกที่ผมไม่เคยรู้สึกดีกับคำพูดของใครมากเท่านี้ ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ แต่คงไม่ถูกใจห่านป่าบางตัว มันถึงได้ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เหลือทิ้งคราบบนแก้มให้ ทว่าห้องคงจะมืดไปสักนิด นิ้วมันเลยเผลอจิ้มเข้ามาในตาจนผมร้องโอ๊ยออกไปดังลั่น
“เฮ้ย เป็นอะไร”
“ฮือออ นิ้วมึงจิ้มตากู”
ทีมหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมเลยประเคนหมัดหนักๆ ทุบแม่งเข้าที่อกมันดังอั่ก จนเสียงหัวเราะขาดไป แต่มันก็ยังไม่วายจะส่งเสียงหึหึ ตามมาให้อยากกระทืบ ผมตั้งใจจะใช้โอกาสนั้นหนีไปล้างหน้าเพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะดราม่า ร้องไห้หนักไปเสียแล้ว แต่ไอ้อดีตแชมป์เทควันโดมันกลับเสียมารยาทพับโครงการผมเก็บด้วยการคว้าข้อมือเอาไว้พลางยิ้มให้ผ่านความมืด
ทีมหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมเลยประเคนหมัดหนักๆ ทุบแม่งเข้าที่อกมันดังอั่กจนเสียงหัวเราะขาดไป ผมตั้งใจจะใช้โอกาสนั้นหนีไปล้างหน้าเพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองชักจะร้องไห้มากไปเสียแล้ว แต่ไอ้อดีตแชมป์เทควันโดมันกลับไม่ยอม ทีมคว้าข้อมือผมเอาไว้พลางยิ้มให้ผ่านความมืด
“กูจะไม่ทิ้งมึงไปไหน ต่อให้นั่นเป็นความต้องการของมึงเองที่จะทิ้งกูไป” ทีมยังยิ้มตอนที่ดึงผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆ มันซบหน้าลงแถวๆ หน้าท้องแล้วพูดต่อ “ถ้ามึงดื้อด้านจะไปจากกูให้ได้ กูก็จะจับมึงล่ามไว้กับเตียง ปล้ำเช้าปล้ำเย็น จนกว่ามึงจะยอมอยู่กับกูนั่นแหละ”
“แสรด มึงเป็นพระเอกเรื่องจำเลยรักรึไง”
“เปล่า กูเป็นพระเอกของมึงต่างหาก หึหึ”
โอ๊ย มุขห่าน!!!
“มึงหายเศร้าก็ดีแล้ว เพราะกูจะบอกว่า....กูปวดท้องมากเลย” ประโยคหลัง มันบอกเสียงอ่อยแล้วลงไปนอนหมอบตะแคงครางหงิงกับพื้นเตียงจนผมตกใจ แต่เพราะกลิ่นเหล้าที่คลุ้งจากตัวมันปนกับอาการปวดท้องจนหน้าเขียวเหมือนน้องโดนชกแบบนี้ จากประสบการณ์ที่ผมเคยเห็นยูลเป็นบ้างในบางครั้งก็ทำให้พอที่จะเดาได้ว่าทีมมันเป็นอะไร
“เมื่อคืนมึงกินเหล้าแล้วไม่ได้กินข้าวเหรอ”
“ตอนแรกว่าจะกินหรอก แต่พอเห็นใครก็ไม่รู้ร้องไห้ กูก็อยากกินแต่เหล้า”
ใครวะ...กูไม่รู้ (ทำหน้าเหรอหรา)
“แล้วเกี่ยวอะไรกับกูด้วย”
“แหนะๆ กูรู้นะว่ามึงร้องไห้เพราะคำพูดของปิ๊กน่ะ” มันพูดพร้อมยิ้มกวนๆ มาให้ผม แม่ง...ปวดท้องใช่มั้ย เดี๋ยวกูซ้ำหนักๆ เลยนี่
“พูดมาก” ผมพึมพำ “มึงรอตรงนี้แหละ กูจะไปเอานมมาให้”
ผมบอกมันแค่นั้น ทิ้งให้ห่านป่านอนหงิงอยู่บนเตียงลำพัง แล้วลงไปเอานมกล่องที่แช่อยู่ในตู้เย็นกลับมาให้มัน คิดดูนะครับ ผมอุตส่าห์สวมบทเป็นคนดี เอานมมาให้ เขย่ากล่องและยังเจาะเรียบร้อย แต่ไอ้ทีมมันกลับลีลา ไม่ยอมลุกขึ้นมานั่งกินเอง นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงจนผ้าปูยับย่น
“ป้อนหน่อย ป้อนหน่อย”
“มึงเป็นง่อยรึไง ลุกขึ้นมากินเอง จะได้เลิกนอนครางแบบนี้ซักที”
“ป้อนอะ ป้อนนนนนนนนนนน” มันทำท่าเหมือนดักแด้ที่ไม่มีมือ นอนตะแคงกอดอกอยู่กับพื้นเตียง แต่ยกหัวขึ้นมาบอกผมแบบนั้น
“กูว่านะ ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้โดนมึงทิ้งหรอก เค้าทิ้งมึงเพราะทนรำคาญไม่ได้มากกว่า” ผมบ่นแล้วยอมลากมันขึ้นมานั่งข้างๆ พลางส่งนมให้กิน ห่านป่าตัวใหญ่ก็ก้มลงมากินยิ้มๆ นมหายออกจากกล่องลงท้องไปได้หน่อยเดียว มันก็เริ่มปากมากอีกครั้ง
“ทำไมมึงชอบทำปากร้ายกลบความอายวะ จะทำตัวน่ารักก็ทำเถอะ อยู่กันแค่สองคน ไม่มีใครเห็นซักหน่อย”
“ส้นตีนล่ะ ถือเองเลยมึง กูจะไปอาบน้ำ” ผมไม่พูดเปล่าจับมือมันขึ้นมาถือกล่องนมเอง แล้วลุกหนีทันที ไอ้ทีมจะไม่ถือเองก็ไม่ได้ ไม่งั้นนมคงหกบนเตียงผมอีก...แน่นอน ถ้าเป็นแบบนั้น นอกจากมันจะต้องสละเตียงให้ผมนอนแล้ว มันคงโดนซ้ำเอาแถวๆ ซี่โครงแน่ๆ
ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างก็ตอนเกือบหกโมงครึ่ง ตัวบ้านยังคงเงียบสนิทราวกับไม่มีคนอยู่ และที่สำคัญมันยังสะอาดกว่าที่ผมจินตนาการเอาไว้มาก ทั้งในห้องนั่งเล่นและที่สนาม ทั้งที่เมื่อวานก็กินกันเยอะขนาดนั้น แต่กลับถูกเก็บเรียบร้อย สงสัยว่าป้าแจ่มจะเข้ามาทำความสะอาดแต่เช้า
ผมคิดว่าจะเข้าไปหยิบนมในตู้เย็นมากินซักกล่อง แล้วออกไปแกล้งปลุกเซ็กส์ซี่ คงเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
“อ้าว น้องฝุ่น ทำไมวันนี้ตื่นเช้าจังคะ” เสียงผู้หญิงค่อนข้างสูงวัยดังทักผมขึ้นมาจากในห้องครัว ป้าแจ่มนั่นเองครับ สงสัยจะเพิ่งมา เพราะแกยังไม่ได้เอาผักต่างๆ ออกจากถุงเลย
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะครับ แล้วนี่ป้าเพิ่งมาเหรอ”
“ใช่จ้ะ ป้าจะมาประมาณหกโมงครึ่งของทุกวัน” คำตอบพร้อมรอยยิ้มใจดีของป้าแจ่มทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ ถ้าป้าเพิ่งมา แล้วใครเก็บของทำความสะอาดบ้าน?
“อ้าว ถ้างั้นใครเป็นคนทำความสะอาดบ้านล่ะครับ เมื่อคืนไอ้ทีมพาเพื่อนมากินบาร์บีคิวกันด้วย”
“อ๋อ งั้นเพื่อนน้องทีมแล้วล่ะค่ะ ที่ชื่อลัน คนนั้นเค้าไม่กินเหล้า อยู่ดึกเก็บของทุกที”
สิ่งที่เพิ่งได้รับรู้ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะชื่นชมพี่ลันมากขึ้น สมเป็นพ่อครัวจริงๆ ครับ ทั้งหาซื้อ เริ่มล้าง ปรุง ไหนจะเก็บล้างอีก ครบเซ็ตจริงๆ
ผมพยักหน้ารับคำแล้วชวนป้าแจ่มคุยเรื่องสัพเพเหระอีกนิดหน่อย พอดีกับที่นมในกล่องหมด ผมเลยกะว่าจะขอตัวออกไปทักทายเซ็กส์ซี่สักหน่อย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะตื่นแล้วหรือยัง ผมจัดการเอากล่องนมไปทิ้งในถังขยะใบเล็กที่วางอยู่ในห้องครัวแล้วเดินออกไปที่สนาม
มันเริ่มเช้าแล้ว ทำให้ผมสามารถเดินออกไปที่สนามหน้าบ้านได้โดยไม่ต้องอาศัยไฟนำทาง เซ็กส์ซี่ยังนอนหมอบอยู่ในบ้านหลังเขื่องใต้ต้นมะม่วงริมรั้ว ด้านหน้ามันมีชามอาหารและชามน้ำที่ว่างเปล่าวางอยู่
“ไงมึง ตื่นสายเหรอวันนี้” ผมทรุดตัวลงนั่งยองๆ แล้วลูบหัวอิหมาน้อยที่ alert ขึ้นทันทีเมื่อผมเดินเข้าไปในระยะสองเมตร เซ็กส์ซี่ดมๆ เลียๆ มือผมอยู่พักนึง ข้อดีของมันที่ผมชอบก็คือ เซ็กส์ซี่มันไม่ค่อยเห่าครับ อาจจะเป็นธรรมชาติของสุนัขพันธุ์โกลเดนท์ รีทรีฟเวอร์อยู่แล้วก็ได้
“เลียมือกูทำไมเนี่ย หิวเหรอ”
แน่นอนว่าเซ็กส์ซี่ไม่ได้ตอบ แต่มันกลับลุกขึ้นมาพยายามตะกุยผมแทน พอไม่ได้ผลมากๆ เข้า มันก็เริ่มครางหงิงๆ แล้ววิ่งไปมารอบตัวผม
“กูพูดภาษาหมาไม่ได้นะเซ็กส์ซี่” ผมทำหน้าเบื่อหน่าย บางทีการอยู่กับหมาก็มีความสุขตรงที่มันไม่ด่าเรากลับนี่แหละครับ แต่บางทีก็ลำบากตรงการสื่อสาร เพราะผมเองก็ไม่ได้เลี้ยงหมามาตั้งนานแล้ว ไม่อยากจะพยายามทำความเข้าใจเท่าไหร่ด้วย
“หนูหิวแล้วค่ะหม่ามี๊ ถอยให้ป่าป๊าเอาอาหารให้หนูหน่อยค่ะ” เสียงเล็กแหลมที่ดังขึ้นจากข้างหลังทำให้ผมหันกลับไปมอง ไอ้ทีมเดินมาพร้อมกระป๋องอาหารสุนัข เซ็กส์ซี่ที่คงเห็นและก็จำอาหารของมันได้ ถึงกับผละจากผมไปวิ่งรอบๆ เจ้านายมัน พยายามตะกายไอ้ทีมอย่างเต็มกำลัง แต่มีหรือที่ห่านป่าจะยั่น ทีมยิ้มกว้าง แล้วแกล้งดัดเสียงต่อ “ถ้าหม่ามี๊ไม่ถอย หนูจะเชียร์ให้ป่าป๊ากินหม่ามี๊แทนนะคะ”
“งั้นเซ็กส์ซี่กับป่าป๊าจะอดกินข้าวไปคนละหนึ่งอาทิตย์นะคะ” ผมแกล้งพูดตอบบ้าง ทีมมันทำหน้าเหวอ แล้วส่ายหัวด๊อกแด๊ก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ป้าแจ่มบอกว่า มึงกินนมไปกล่องเดียว อิ่มเหรอ”
ทีมมันถาม พลางเอาชามอาหารที่ว่างเปล่าของเซ็กส์ซี่ไปล้างที่ก๊อกน้ำใกล้ๆ
“ที่จริงกูไม่ได้หิวหรอก เห็นมึงกินเลยอยากกินบ้าง” ผมตอบ แล้วรับชามอาหารมาจากไอ้ทีม เพราะมันจะเอาชามใส่น้ำไปล้างต่อ ทีนี้ล่ะ เซ็กส์ซี่ตามมากดดันผมด้วยการครางหงิงๆ แล้วยืนสะบัดหางอยู่ข้างหน้า มันก้มลงเอาจมูกดันชามอาหารเป็นการเร่งผมอีกทาง
“รู้แล้วน่า แป๊ปนึงสิวะ” ผมหยิบอาหารกระป๋องมาเปิด แล้วเทลงใส่ชามให้ เซ็กส์ซี่รีบก้มลงไปกินอย่างรวดเร็ว “มึงเคยลองกินอาหารหมารึเปล่าวะทีม”
“ไม่เคยอะ อยากรู้เหมือนกัน เห็นบางคนบอกว่าอร่อย” มันตอบ พลางเอาชามน้ำมาวางให้หมาสุดที่รัก “อืม..กูลืมบอก”
“อะไร” ผมถาม แต่เอาอีกแล้วครับ ไอ้ทีมแม่งไม่ตอบ แต่แสดงให้ดูเลยว่ามันลืมอะไร...มันก้มลงมาขโมยจูบปากผมดังจุ๊บ แล้วถอยออกไปพร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวาบ
“อรุณสวัสดิ์”
“แสรด” ผมด่า เผลอยกมือขึ้นเกาแก้มแก้เขินเบาๆ
“เฮ้ย มึงต้องบอกอรุณสวัสดิ์กูพร้อมจูบดิ ไม่ยุติธรรมเลย”
ถ้าเป็นเมื่อต้นเดือนที่แล้วผมคงด่ามันจนบรรพบุรุษร้องไห้แล้วกระโดดถีบขาคู่ใส่หน้า แต่นาทีนี้บวกลบความดีทุกอย่างที่มันทำให้ผม...ยอมๆ มันไปหน่อยก็ได้วะ
ผมชะเง้อคอขึ้นจูบปากมันเบาๆ ก่อนจะถอนออกมาแล้วบอกเสียงเบา
“อรุณสวัสดิ์”
“ทำแบบนี้กันทุกวันนะ” ทีมบอก แล้วยิ้มกว้างจนผมเห็นฟันมันจะครบสามสิบสองซี่อยู่แล้ว
“ได้คืบเอาศอกนะมึง”
ห่านป่าแม่งไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหัวเราะคิกๆ แบบน่าถวายขาคู่ให้สักชุด ผมเลยยกมือขึ้นตบไหล่มันแรงๆ ทีนึง แน่นอนว่าทีมแม่งก็ทำร้องโอ๊ยเสียงดังแบบตอแหลเหมือนเดิม เจอผมแยกเขี้ยวใส่ไปที มันเลยยอมหยุดแล้วหักโค้งเปลี่ยนเรื่องคุย
“เออฝุ่น อาทิตย์หน้ามึงจะไปไหนรึเปล่า”
“วันที่เท่าไหร่” ผมลูบหัวเซ็กส์ซี่ขณะที่มองหน้าทีม มันยิ้มให้บางๆ
“ช่วงก่อนสงกรานต์ ประมาณวันที่แปด” ผมชะงักมือที่ลูบหัวเซ็กส์ซี่ตอนที่ได้ยินคำตอบของมัน ไม่รู้ว่าทีมมันจงใจเลือกช่วงนั้นรึเปล่า แต่จากสีหน้าที่ไม่มีพิรุธอะไรก็ทำให้ผมได้แต่ห้ามใจตัวเองไม่ให้คิดมากตอนที่ตอบออกไป
“ก็...ว่าง ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว”
“จริงเหรอ งั้นไปทะเลเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ อยากไปมาตั้งนานแล้ว” ทีมยังยิ้มซื่อๆ ให้ผมตอนที่บอก แต่คนที่พูดกลับไม่รู้ตัวว่าคำพูดเรียบง่ายของมัน กระตุกหัวใจผมให้เต้นแรงขึ้น
“อะ..อืม ไปสิ กู..ก็อยากไปทะเลเหมือนกัน” ผมตอบ รู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อทีมมันก้มลงมากดจูบที่ข้างแก้มแรงๆ
“มึงน่ารักจัง งั้นกูไปดูป้าแจ่มก่อนนะ ว่ากับข้าวเสร็จรึยัง”
พูดแล้วมันก็วิ่งหายเข้าไปในบ้าน โดยที่ทิ้งผมไว้ให้นั่งมองเซ็กส์ซี่เพียงลำพัง ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนเรื่อๆ ตอนที่ยิ้มออกมา ไม่แน่ใจว่ายิ้มเพราะเรื่องอะไร แต่ความรู้สึกหนึ่งที่ชัดเจนมากในขณะนั้นก็คือ...
ผมดีใจและมีความสุข...ที่จะได้ไปเที่ยวทะเลในวันเกิดของตัวเอง...
เจอกันตอน 12 จ้า
eiizes’s talk
สวัสดีค่า
รู้สึกทีมกับฝุ่นเริ่มเดินมาไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วเนอะ
อีกซักพักทุกคนก็จะได้คำตอบแล้วค่ะ ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงชื่อบาปหวาน คริคริ
ดราม่าถามว่ามีมั้ย....มันก็...มีนะ แต่คงอีกซักพักแหละเนอะ (ให้คนอ่านเตรียมใจ )
วันนี้มีคำถามนิดนึงค่า
คืออันนี้ถามเผื่อนะคะ
ถ้าเราจะรวมเล่มบาป...หวาน จะมีท่านใดสนใจบ้างมั้ยคะ (ทำตาปริบๆ)
แต่เราจะลงเนื้อเรื่องหลักที่นี่จนจบอยู่ดีนะ แต่ในเล่มคิดเอาไว้แล้วว่าจะแถมตอนพิเศษให้
ตอนนี้มี(นับ)...ประมาณห้าถึงหกตอนแล้ว
ยังไงก็รบกวนลงความเห็นกันหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่า
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ
eiizes