บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]  (อ่าน 325561 ครั้ง)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
ตอน 14   เมื่อรักเรา...มาถึงจุดเปลี่ยน (อ๋องกับสตังค์)



ผมยกปากกาในมือขึ้นจดข้อความยุกยิกลงบนปฏิทินที่ผนังห้องนอน ปลายเดือนนี้ผมมีนัดสัมภาษณ์งานอยู่สองสามที่ ถ้าใช้สมองอันปราดเปรื่องของตัวเองจำเพียงอย่างเดียวก็กลัวจะจำได้ดีเกินไป อาจจะไปผิดวันหรือไม่ก็ผิดที่ผิดเวลา และอาจจะงานเข้าได้ง่ายๆ

สายตาผมมาหยุดอยู่ที่วงกลมเข้มๆ ของวันที่เก้าเมษายน มันมีข้อความสองอย่างจดอยู่บนนั้น หนึ่งในสองไม่ใช่ลายมือของผม เขียนเอาไว้ว่า

วันครบรอบของเรา และตามด้วยรูปหน้ายิ้มอันเล็กๆ อยู่ด้านข้าง

ส่วนอีกอันเป็นข้อความที่ผมเพิ่งเขียนลงไปไม่กี่วันมานี้ ไอ้น้องรหัสมันโทรมาชวนผมไปพัทยา เพราะวันที่เก้าเป็นวันเกิดของแฟน เอ้ย ว่าที่แฟนของมัน แต่เพราะมันวางแผนจะเซอร์ไพรส์ฝุ่น เลยสั่งแกมขอให้พวกผมไปถึงสักบ่ายๆ ของวันที่เก้า

ผมยืนคิดอยู่พักหนึ่ง โชคไม่ดีเท่าไหร่ที่ผมเองก็อยากไปพัทยามากพอสมควร เพราะปีที่ผ่านมา เอาแต่ปั่นโปรเจ็คจบและฝึกงานจนไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากก้มหน้างกๆ อยู่กับโมเดลโปรเจ็คที่มีเดทไลน์แบบบ้าสุดติ่ง ไม่ได้นอนกันไปเป็นอาทิตย์เลยครับ โทรมจนหน้าใกล้เคียงกับศพระยะเริ่มอืด ถ้าเดินในซอยเปลี่ยวกลางดึก คนที่เห็นอาจจะวิ่งหนีได้

 แต่อีกใจก็สงสารเจ้าของลายมือ ที่อุตส่าห์เข้ามาย้ำเตือนความจำผมด้วยการเขียนยุกยิกลงบนปฏิทิน จองตัวผมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ผมรู้ดี ต่อให้ผมไม่ไป เจ้าตัวเล็กก็คงไม่ว่าอะไร นอกจากทำหน้าหงอยๆ แต่ถ้าง้อด้วยการพาไปนั่งทานไอศครีม สักพักเดี๋ยวก็อารมณ์ดีขึ้นเอง

พูดก็พูด ผมเองไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับฝุ่นมากนัก เท่าที่ฟังมาจากปากไอ้ทีม น้องรหัสสุดกวนตีนของผมก็คือ เด็กคนนั้นเป็นหลานของแม่เลี้ยงของมัน แต่ถ้ารู้แค่นั้นผมเองก็คงไม่เก็บมาล้อจนเป็นประเด็นลับๆ อยู่จนทุกวันนี้

เมื่อประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไอ้น้องรหัสมันมีงานที่ต้องปั่นส่ง ทำกันตาแหกเลยครับ ทำให้รู้ว่าหน้าตาไม่ได้ช่วยอะไรในคณะนี้เลยจริงๆ ตอนนั้นทั้งไอ้ทีมเอง เชี่ยไกด์(ผมไม่รู้ว่าแม่มันตั้งมาแบบนี้จริงๆ รึเปล่า เพราะเห็นใครๆ ก็เรียกเชี่ยไกด์ๆ ไม่มีใครเรียกแค่ไกด์เลยสักครั้ง) ไอ้บอล ปลาย น้องนะโม ทุกคนพากันยกขบวนหายเงียบไปเหมือนโดนฆาตกรรมหมู่เลยครับ

หลังจากมรสุมชีวิตระลอกเล็กๆ ของพวกปีสี่ผ่านไป ไอ้น้องรหัสสุดที่รักมันก็หอบหน้าศพๆ ของมันมาที่โต๊ะประจำของผม นับว่ามันตื่นเช้ามาก เพราะนี่เพิ่งเก้าโมงเศษๆ พอหย่อนก้นลงนั่งได้ มันก็ยกมือขึ้นไหว้ผมลวกๆ แล้วลากกองหนังสือผมไปทิ้งหัวลงนอนทันที

“เป็นไงมึง หน้าศพเชียว ใกล้เน่ารึยัง” ไม่มีคำทักดีๆ หรอกครับ พวกผมเน้นความสนิทสนม

“พี่อ๋อง ผมมีเรื่องกลุ้มใจว่ะ” แม่งเริ่มต้นประโยคเหมือนจะดี แต่ลงท้ายวะเว้ยอีกล่ะ เดี๋ยวกูจัดซ่อมซะนี่

“อะไรมึง หายหัวไปเป็นอาทิตย์ พอโผล่มาก็มีเรื่องมาระบาย กูไม่ใช่บ่อเกรอะนะ” ผมพูดไปก็หัวเราะหึหึ ไอ้น้องรหัสมันเลยหัวเราะออกมาบ้าง แล้วตอบ

“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ คือเมื่อตอนต้นเดือน ก่อนเปิดเทอมน่ะ ผมไปอเมริกามา เฮ้ยๆ ของฝากอยู่ที่บ้าน ยังไม่ได้เอามา” มันรีบร้องบอกทันที เมื่อเห็นผมอ้าปากจะทวง นี่สิ รู้ใจกันจริง พี่อ้าปากปุ๊บ น้องก็เห็นไส้ติ่ง กร๊าก “ผมเจอเด็กคนนึง หน้าตาก็ทั่วๆ ไปแหละพี่ ธรรมดาๆ แต่แม่ง...”

“แม่งอะไร ลีลาดี? ติดใจเหรอมึง?” เดาเอาครับ เพราะไอ้ทีมมันหนีไม่ค่อยพ้นเรื่องอะไรกามๆ คือผมก็ไม่ได้เข้าข้างสายรหัสตัวเองนะ นอกจากปู่รหัสของมันแล้ว ทุกคนในสายหน้าตาดีหมดครับ โดยเฉพาะมัน แม่งมีสาวๆ มาควงไม่ซ้ำหน้าตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ จนผมนึกอนาถ กลัวน้องเป็นเอดส์ก่อนเรียนจบ ผมว่า ถ้าเอาคนในประเทศไทยมาวัดเรื่องการผิดศีลห้าข้อที่สาม คงมีไอ้นี่ติดเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะมั้ง

“โหยพี่ จะบ้าเหรอ ผมไม่ได้มั่วขนาดนั้นนะ” มันบอกเสียงดัง

“อะเหรอ” ทำเสียงเหอๆ ใส่มันอีกนิดหน่อย มึงอมพระมาทั้งวัดกูยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย

“พี่อ๋อง จะฟังมั้ยเนี่ย”

“มึงก็เล่ามาสิวะ”

“คือ เด็กคนนั้นอะพี่ ก็หน้าตาธรรมดาแหละ ขาวหน่อยเพราะอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่ได้สเป็คผมเลยพี่ ไม่ได้เอ็กซ์ ตัวเล็ก เอวบาง ตาสวย น่าจูบ ดูเผินๆ ก็ทื่อๆ เนี่ยแหละ แต่แบบ...ว่าไงดีวะ” ไอ้ทีมทึ้งหัวตัวเองเป็นการใหญ่

“แต่มึงติดใจเค้า”

“ก็...ว่าแบบนั้นก็ได้มั้ง เฮ้ย แต่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้นะพี่ แม่งแบบ เหมือนกำลังทุรนทุรายอะ”

ผมเริ่มยิ้มเยาะในใจ...ผมว่าผมรู้นะ ว่าไอ้น้องรหัสกำลังเป็นอะไร

“แล้วทำไมมึงไม่ขอเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลมาล่ะวะ ก็ติดต่อเริ่มจากเป็นเพื่อนไปก่อนก็ได้นี่” ผมแนะ ทีเรื่องอื่นล่ะฉลาด ทีเรื่องแบบนี้ล่ะ กินหญ้าแข่งกับหมา เอ้ย ควายเลยนะน้องกู

“ไม่รู้สิพี่ ใจนึงก็อยากขอ แต่ก็รู้ว่าเค้าต้องไม่ให้แน่ๆ” มันว่าเสียงอ่อย

“ทำไมมึงคิดว่าเค้าจะไม่ให้ เค้ามีแฟนแล้วรึไงวะ แต่เอ...ปกติต่อให้มีแฟน ถ้ามึงจะเอา กูก็เห็นได้มาทุกที”

 “มันไม่ใช่แบบนั้นอะพี่ คือยังไง เค้าก็จะย้ายมาอยู่ที่บ้านผมตอนช่วงมีนาคมปีหน้าแล้ว”

“เฮ้ย เดี๋ยวๆ เด็กคนนี้เป็นใครวะเนี่ย ทำไมเค้าจะย้ายมาอยู่ที่บ้านมึงด้วย” ผมเริ่มงง ตอนแรกก็เหมือนจะตามเรื่องทันนะ ไปๆ มาๆ ทำไมไอ้ทีมมันเล่างงๆ วะ นี่มึงทำโมเดลมากเกินไปจนสมองบวมรึเปล่า

“หลานของน้าอิ่มอ่ะ ชื่อ ’ฝุ่น’”

ผมรู้สึกตะหงิดๆ ในใจยังไงชอบกล คือชื่อฝุ่นเนี่ย เป็นผู้หญิงก็มีนะครับ แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นน่ะ.....ผู้ชาย

“นี่เท่ากับว่าเด็กมันก็ขึ้นชื่อว่าเป็นญาติมึงเลยนะทีม” ผมแย้ง แต่ไอ้น้องรหัสมันกลับส่ายหน้าพลางบอก

“แค่นั้นผมไม่ห่วงหรอกพี่ ไงๆ ก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ผมเคยมีเพื่อนแถวบ้าน มันยังเป็นแฟนกับหลานของพี่ชายพ่อเลี้ยงเลย”

“แล้วมึงกลุ้มใจเรื่องอะไรกันแน่วะ”

“คือฝุ่น...เป็น.....”

“ห๊ะ? อะไรนะ กูไม่ได้ยิน” ผมก้มหน้าไปใกล้มันมากขึ้น ไอ้ทีมมันหันซ้ายหันขวาแล้วตอบผมด้วยแก้มที่แดงก่ำ

“พี่หูตึงเหรอ ฝุ่นเป็นผู้..ย..”

“ห๊ะ? ผู้เยาว์? นี่มึงจะกินเด็กต่ำกว่าสิบแปดเหรอไอ้เหี้ย ติดคุกนะโว้ย”

“โอยพี่อ๋อง ว่างๆ ก็ไปตรวจสภาพหูบ้างนะ ผมบอกว่าฝุ่นเป็น ผู้ชาย! ผู้ชายแบบที่มีจุ๊ดจู๋อย่างพี่กับผมอ่ะ!” ไอ้น้องรหัสมันตอบเสียงดังแล้วก้มหน้าลงไปซบที่กองหนังสือของผมอีกครั้ง

ผมอึ้งไปไม่เล็กน้อยเลยครับกับคำตอบของมัน คือขำก็ขำนะ ที่ผู้ชายโคตรเจ้าชู้อย่างมันจะมาตายที่เด็กผู้ชายธรรมดาๆ คนนึง แต่...ไม่อยากพูดมากอะ เดี๋ยวเข้าตัว..

“มึงมีรูปเค้ามั้ย กูอยากเห็นว่ะ” ผมบอกขำๆ คิดไว้อยู่แล้วล่ะครับว่ามันจะต้องตอบว่าไม่มี เพราะต่อให้มันชอบยังไงก็ไม่เคยพกรูปแฟนไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระทั่งโทรศัพท์มือถือเลย รูปคู่ก็ไม่มี ใครเป็นแฟนมันนี่ต้องทำใจสุดๆ จริงๆ

“มี”

โก้ชชชชชช!! มีด้วย!!!

ทีมมันล้วงไปในกระเป๋าสะพาย เพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเปิดรูปให้ผมดู ไอ้น้องรหัสมันใส่รูปเด็กคนนั้นเอาไว้ที่ช่องแรก...แต่เออ จริงของมันว่ะ หน้าตาธรรมดาจริงๆ

“เออ จริงของมึง ไม่น่ารักอย่างทุกคน แต่ก็ไม่ได้แย่นะน้องรัก” ผมวิจารณ์พลางส่งกระเป๋าคืนให้เจ้าตัว

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นดิพี่”

แล้วมึงจะเอาประเด็นไหนไปเขียนรบ. ดีวะไอ้น้อง ท่ามากจริง เดี๋ยวกูก็หนีไปเรียน ปล่อยให้มึงนั่งเศร้าเป็นหมาหิวอยู่ตรงนี้ซะนี้

“ผมสงสัย..ผมเป็นเกย์เหรอพี่อ๋อง” มันทำหน้าซึมๆ ตอนที่ถามผม ไม่เข้าใจว่ามึงจะเศร้าหาอะไร แค่ชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่ใช่เป็นลูคีเมียระยะสุดท้ายนะโว้ย

“.....กู...ไม่รู้ว่ะ” ผมลังเลที่จะตอบ กลัวมันช้ำในตาย ซื้อน้ำใบบัวบกมาให้มันกินก่อนบอกน่าจะเข้าท่ากว่า “แล้วมึงเรียกผู้ชายที่รักผู้ชายว่าอะไร”

“ก็..ผู้ชาย” นี่มึงเข้าข้างตัวเองเกินไปป่ะเนี่ยยยยย

“เหรอ เออ...งั้นก็ ผู้ชาย แค่คนที่มึงชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย” ผมเออ-ออตาม

“เออใช่! ผมไม่ใช่เกย์ แค่ผู้ชายที่บังเอิญชอบผู้ชายด้วยกัน คุยกับพี่แล้วสบายใจว่ะ สมกับเป็นบ่อเกรอะ ขอบคุณนะพี่อ๋อง ผมไปเรียนแล้ว เจอกันๆ”

เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันบอกว่าผมสมเป็นบ่อเกรอะใช่มั้ยครับ...โอ๊ย ไอ้น้องส้นตีน!!



จากนั้นมา ทีมมันก็หลอกถามข้อมูลนั่นนี่มาจากน้าอิ่ม โดยอ้างว่ามันเองก็ตื่นเต้นที่จะมีน้องเพิ่มมาอีกคน ฝ่ายนั้นก็ดีใจหาย บอกทุกอย่างที่ทีมมันอยากรู้ น้าอิ่มเองก็คงรักหลานคนนี้มากด้วยแหละครับ เก็บทุกรายละเอียดมาเล่าให้ไอ้น้องรหัสของผมฟัง

ถึงมันจะบอกผมนักหนาว่าให้เก็บเป็นความลับก่อน ไม่อยากให้เอิกเกริกนัก เพราะถ้าวันไหนล่อลวงน้องไปเที่ยวพร้อมพวกผมด้วยได้ ทีมมันก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ มันแทะเล็มน้องด้วยสายตาแปลกๆ เพราะกลัวไก่ เอ้ย เด็กจะตื่น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ความลับไม่มีในโลก

เรื่องของเรื่องก็คือ มีอยู่วันหนึ่ง ไอ้ทีมมันมือเลอะกาวติดไม้ครับ แต่มันจะกินน้ำ ผมก็ไม่รู้ว่าถ้ามันไม่กินตอนนั้นคอหอยจะกระเด็นออกมาหรือว่าอะไร แต่มันใช้ให้เพื่อนสนิทแต่โคตรปากเสียอย่างเชี่ยไกด์หยิบเงินในกระเป๋าตังค์ไปซื้อน้ำจากซุ้มใกล้ๆ ให้ และนั่นเอง....เหมือนโทรโข่งเลยครับ   

“เหี้ยทีมมมมม เดี๋ยวนี้มึงอมเด็กไว้ไม่บอกกูเหรอ”

ทีมมันคงตกใจจนหัวใจหล่นหายไปเลย เพราะผมเห็นมันสะดุ้งสุดตัว กาวจะเลอะหรือคอหอยจะหลุดยังไงคุณชายมันไม่สนแล้วครับ วิ่งไล่เอากระเป๋าเงินคืนมาจากเชี่ยไกด์ซะเดี๋ยวนั้น แต่ไอ้เพื่อนสนิทมันก็คนดีเกินจะรับได้ วิ่งไปก็โพนทะนาไปทั่ว ว่าไอ้ทีมเก็บเด็กไว้ในอกคนเดียวแบบนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ

เออ...ผมไม่ได้ทรยศหักหลังน้องรหัสนะ แต่กูเห็นด้วย เรื่องเก็บน้องไว้คนเดียว ไม่บอกใครเลยแบบนี้ มีได้สองกรณี จีบเล่น กะได้แล้วทิ้ง กับอีกกรณีคือรักจริงจัง เลยไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวเรื่องจะแตกเสียก่อน

แต่เชื่อเถอะ ผมรู้จักมันมาสี่ปี อย่างหลังชัวร์~

ยินดีต้อนรับสู่โลกสีม่วงนะน้องรัก อุฮิ



“พี่อ๋อง พรุ่งนี้ไปทานข้าวกันนะ ตังค์ชวนแม่แล้ว”

เสียงเด็กตัวเล็กที่ดังขึ้นจากประตูห้อง ทำให้ผมสะดุ้งจากภวังค์หันกลับไปมอง

สตังค์ที่ยื่นแค่หน้าเข้ามาในห้อง ส่วนตัวนั้นยังอยู่ด้านนอก ก็ยิ้มกว้างส่งมาให้ก่อน ผมทรงนักเรียนที่เริ่มยาวไม่เป็นทรงถูกปัดเสยไปลวกๆ ด้วยน้ำเปล่า สงสัยเจ้าตัวยุ่งคงเพิ่งไปล้างหน้ามาแน่ๆ

“เข้าห้องพี่ ทำไมไม่เคาะประตู”

“ตังค์เคาะแล้ว พี่นั่นแหละ ไม่ได้ยินเอง” พูดจบก็ทำหน้าบู้บี้ใส่ ตลกจนผมเผลอยิ้มออกมา สตังค์เดินเข้ามาในห้องแล้วตรงไปที่เตียงของผม ไม่รอช้า เจ้าเด็กตัวยุ่งทิ้งตัวลงนอนดังตุ้บทันที

“สตังค์ อาบน้ำรึยังมานอนบนเตียงพี่เนี่ย” ผมไม่ค่อยชอบครับ ถ้ายังไม่อาบน้ำแล้วจะมาคลุกบนเตียง แม่จะบอกไว้เสมอตั้งแต่ผมยังเด็กว่า เราออกไปข้างนอก ฝุ่นติดตัวมาทั้งวัน ควรจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนมานอนบนเตียง ไม่อย่างนั้นจะป่วยง่าย อันหลังไม่รู้จริงรึเปล่า แต่แม่สั่งไว้ ผมก็จำๆ มา จนติดเป็นนิสัย

“อาบแล้วน่า ตังค์ไม่ได้เน่าอย่างพี่อ๋องสักหน่อย”

ผมหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปหาเด็กมัธยมปลายที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง สตังค์วาดมือและเท้าไปมาด้วยความสบาย เพราะเตียงผมเน้นเรื่องความนิ่มครับ ไม่ว่าใครจะหาว่ามันทำให้ปวดหลังมากขึ้น แต่ผมชอบเตียงนิ่มๆ กลับบ้านมาเหนื่อยๆ ก็ขอนอนพักสบายๆ สักที

ผมขยับตัวลงนั่งที่ข้างเตียง พอดีกับที่สตังค์ลุกขึ้นมานั่งบ้าง เจ้าเด็กดื้อเข้ามาซบไหล่ผม

“ตกลงว่าไงพี่อ๋อง ไปทานข้าวกันนะ พรุ่งนี้ครบรอบสองปีของเราแล้ว”

ครบรอบสองปีของเรา....

“พี่..ไม่ว่าง ขอโทษนะ” ผมหันไปมองแล้วตอบไปตรงๆ สตังค์ทำหน้าบูดทันที มันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของเด็กคนนี้ กับผมเขาจะแสดงอารมณ์ออกมาทั้งสีหน้าและการกระทำ ไม่ว่าดีใจ เสียใจ หรือโกรธ

ถ้าทะเลาะกันนอกบ้าน สตังค์ก็พร้อมที่จะหายตัวไปจากบริเวณนั้น ทิ้งผมที่หัวเสียขนาดหนักเอาไว้ ณ ที่เกิดเหตุ แล้วตัวเองก็ไปนั่งดูหนัง หรือไม่ก็ทานไอศครีม เป็นการประชดผมได้ทันควัน แต่บางทีถ้าเราเกิดผิดใจกันในบ้าน ผมที่เป็นคนไม่ค่อยยอมใครอยู่แล้ว มักจะเสียงดังใส่ แน่นอนว่าสตังค์ไม่ยอม ก็ทะเลาะกัน และหน้าบูดๆ นั้นก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์โมโหของผมมากขึ้นเป็นเท่าตัว

“พี่อ๋องจะไปไหนอะ ปีที่แล้วพี่ก็ไม่ว่าง”

“พรุ่งนี้วันเกิดแฟนไอ้ทีม พี่จะไปพัทยา”

“....ทำไมทีวันเกิดแฟนคนอื่น พี่ไปได้ แต่วันครบรอบของเรา พี่กลับไม่เคยอยู่กับแฟนเลย” สตังค์ไม่ได้เสียงดัง ไม่ได้ตะโกนอะไร แค่พูดเบาๆ เรียบๆ แต่มันกลับกระตุกใจผมจนหายวูบ

“พี่เลี่ยงไม่ได้นี่ อีกอย่างทีมเองก็นัดพี่ก่อนที่เราจะมาชวนพี่กินข้าวนะสตังค์” ผมตอบ แล้วก้มลงไปจูบแก้มเอาใจเด็กดื้อ สตังค์เงยหน้ามายิ้มให้ผมบางๆ

“กอดตังค์นะ”

คำว่า “กอด” สำหรับเราสองคน ไม่ได้หมายถึงการ กอด จริงๆ หรอกครับ กอดเฉยๆ ทั้งที่อยู่บนเตียงแล้วเนี่ย ออกจะไม่เร้าใจสำหรับชีวิตคู่นะ..จริงมั้ย


“อื้อ..พี่อ๋อง อะ....”

“ตังค์....อย่าเกร็งนะ”

เกือบสองปีที่อยู่ด้วยกันมา ไม่ว่าเมื่อไหร่ สตังค์ก็ไม่เคยชิน เด็กตัวเล็กยังคงบิดกายด้วยความเจ็บปวดยามผมแทรกตัวเองเข้าไป ความอึดอัดคับแน่นทำให้ผมเผลอกระแทกตัวเองเข้าไปแรงขึ้น สตังค์ร้องลั่น ผมรีบก้มลงไปปลอบใจเด็กน้อยด้วยริมฝีปาก พยายามปลุกปั่นอารมณ์เขาให้พุ่งขึ้นสูงตามผมมา

เพียงไม่นาน อาจเป็นเพราะเรารู้จุดกันดี ผมจึงดึงสตังค์ออกจากความเจ็บปวดได้ไม่ยาก เด็กตัวเล็กนอนหอบครางเสียงสั่นอยู่ใต้ร่างขณะที่ผมเพียรพยายามระงับอารมณ์ตนเองไม่ให้กระเจิดกระเจิงยามใกล้ถึงฝั่งฝัน...

อยากให้มีความสุขพร้อมกัน...

“พี่อ๋อง...ถ้าจะเสร็จแล้ว...อะ...ก็ปล่อยเลยก็ได้นะ..” สตังค์บอกผมเสียงแหบปนครางกระเส่า เด็กคนนี้ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็เห็นผมมาก่อนเสมอ

ผมให้รางวัลการเป็นเด็กดีด้วยการก้มลงไปจูบปิดปากเล็กแดงระเรื่อนั่นเป็นการกระตุ้นให้สตังค์ถึงปลายทางให้เร็วขึ้นอีกทางหนึ่ง เพียงไม่นาน ร่างเล็กก็บิดเกร็งอีกครั้ง ของเหลวสีขาวขุ่นทะลักล้นออกมาเลอะหน้าท้องเขา ไม่แพ้กัน..ผมเอง ก็ปลดปล่อยทุกอารมณ์ไว้กับช่องทางที่บอบบางนั่นเช่นกัน...


หลังจากเริ่มหายใจเป็นปกติ ผมก็นอนเอาหลังพิงหมอน มีสตังค์นอนซบอยู่ใกล้ๆ ผมฮัมเพลงเบาๆ...มันเป็นสิ่งที่ผมทำจนติด หลังจากมีอะไรกับสตังค์ ทุกครั้งที่อิ่มเอมใจ ผมมักจะฮัมเพลงหรือไม่ก็ร้องเพลงออกมาเบาๆ มันแปลกตรงที่ว่าผมจะอารมณ์ดีมากถึงมากที่สุดก็แค่กับเด็กคนนี้เท่านั้น ผู้หญิงสวยๆ ทำให้เดินทางไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดได้ก็จริง แต่ความอิ่มเอมใจ..มันต่างกัน

แต่หยาดน้ำอุ่นๆ ที่ไหลหยดลงบนอกก็กลายเป็นสิ่งที่ขัดความอิ่มเอมใจของผมเข้าเสียแล้ว... “สตังค์ เป็นอะ...” ผมยังพูดไม่ทันจบ เด็กผู้ชายตัวผอมที่เพิ่งมีเซ็กส์ไปด้วยหมาดๆ ก็ดันตัวขึ้นจูบผมทั้งน้ำตา ผมเองก็ไม่เข้าใจเรื่องเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้ขัดแรงจูบของน้อง จนกระทั่งสตังค์เป็นฝ่ายถอนตัวออกไปเอง

“พี่อ๋องรู้สึกยังไงบ้าง จูบกับตังค์”

“สตังค์จะพูดอะไร” ผมเริ่มใจร้อน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยพอใจกับน้ำตาของเด็กคนนี้เลย ผมเห็นมันทีไร รู้สึกเหมือนหัวใจโดนกระชากออกจากอกแรงๆ ยังไงยังงั้น

“ตังค์ถามว่า พี่อ๋องรู้สึกยังไงเวลาจูบหรือมีเซ็กส์กับตังค์” สตังค์เริ่มเสียงดัง ทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด

“.....” ผมลุกขึ้นนั่ง ไม่ได้ตอบอะไร เอื้อมมือไปจะเช็ดน้ำตาให้ ทว่าสตังค์กลับหันหน้าหนีความตั้งใจนั้น ผมจึงเอามือกลับมาไว้ที่เดิมด้วยอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น

“แล้วตังค์อยากได้คำตอบแบบไหน” ผมถามเรียบๆ

“ฮึก...ตังค์ก็แค่อยากรู้ ว่าเวลาพี่มีเซ็กส์กับแฟน จะมีความสุขเท่ามีกับคนอื่นรึเปล่า”

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเหลือเพียงกายหยาบ หัวใจหล่นหายไปในชั่วเสี้ยววินาที ผมไม่แน่ใจว่าสตังค์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร น้องรู้อะไรมา และต้องการจะบอกอะไรผม

“สตังค์...นี่เรากำลังพูดถึงอะไรอยู่”

“ไม่...ไม่มีอะไรหรอก ตังค์..อึก.ตังค์แค่เสียใจที่พี่ทำเหมือนตังค์ไม่มีค่าอะไรเลย ขอโทษนะ...ตังค์จะไป...ไปอาบน้ำ” สตังค์พูดเสียงสั่นพลางส่ายหน้าไปมาราวกับหยุดไม่ได้ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย ไหล่เล็กเปลือยสั่นสะท้านจนผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะเบาๆ สตังค์เงยหน้าที่เปื้อนน้ำตาขึ้นมองผม เด็กคนนั้นร้องไห้หนักขึ้นทั้งที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว

“สตังค์...ถ้าเราไม่พูด พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเราเป็นอะไร หรือกำลังคิดอะไรอยู่” ถึงตอนนี้ ผมเริ่มกำมือรอบหัวไหล่สั่นๆ นั่นแรงขึ้นจนสตังค์ทำหน้าเบ้เพราะความเจ็บ แต่สิ่งที่ผมอยากรู้และต้องรู้ให้ได้คือ น้องกำลังพูดถึงอะไร คนอื่นที่ว่าคือใคร ที่สำคัญน้องรู้อะไรมา!

“ไม่มีอะไรจริงๆ พี่อ๋อง...ปล่อยตังค์นะ ตังค์เจ็บ” สตังค์บอกเสียงเบาแทบจะเป็นเสียงกระซิบ ผมจึงรู้สึกตัวและปล่อยให้สตังค์เป็นอิสระ น้องยิ้มให้ผมครั้งหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าที่ผมถอดและโยนไปที่พื้นแทบจะทั่วทุกมุมห้อง เด็กมอปลายตัวผอมก้มลงหยิบเสื้อเชิ้ตผมขึ้นมาเตรียมจะส่งให้ ทว่าซองอะไรบางอย่างทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีเงินอันเล็กที่มีรอยฉีกแล้ว กลับร่วงหล่นจากกระเป๋าเสื้อของผมลงบนเตียง...   

ไม่ใช่แค่สายตาของผมที่มองจ้องลงไปที่วัตถุนั้น สตังค์เองก็เห็นมัน เด็กตัวเล็กไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าบอกเบาๆ

“ตังค์...จะเอาไปทิ้งให้นะ”

นาทีนั้น เหมือนหัวใจผมโดนบีบ ตอนที่น้องก้มลงหยิบซองถุงยางอนามัยใช้แล้วจำนวนสองซองขึ้นจากเตียงนั้น สตังค์ไม่ได้พูดอะไรเลย กลับกันผมได้ยินเพียงแค่เสียงสะอื้นเบาๆ ในสมองของผมมีเพียงคำพูดที่ว่า จะเอาไปทิ้งให้..ดังก้องไปมาราวกับมีคนเปิดเทปกรอกอยู่ข้างหู

มันเป็นระยะเวลาเพียงชั่วเสี้ยวนาทีเดียวที่สตังค์เดินไปถึงประตูห้องน้ำ ทว่าผมกลับรู้สึกว่าตัวเองนั่งโง่อยู่ตรงนั้นเนิ่นนานเป็นชาติ น้องยกมือหนึ่งขึ้นเกาะขอบประตูห้องน้ำแล้วหันใบหน้าเล็กขาวกลับมายิ้มให้ผม



“จะทิ้งกันเมื่อไหร่ ก็บอกตังค์ล่วงหน้านะพี่อ๋อง...”



ทั้งที่น้องกำลังยิ้ม แต่ผมกลับรู้สึกว่าน้องกำลังเจ็บปวดและเสียใจที่สุดในชีวิต....   


ผมอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้ห้องน้ำชั้นล่าง ก่อนจะขับรถออกมาจากบ้านทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน ในใจรู้แค่ว่าผมไม่อยากอยู่บ้าน ไม่ใช่เพราะไม่อยากเจอสตังค์ แค่ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความจริง...ก็เท่านั้น

เป็นวันแรกที่ผมขอบคุณการที่กรุงเทพฯ รถติดเป็นบ้าเป็นหลัง ทำให้สติที่หลุดกระจายไปได้ค่อยๆ รวบรวมกลับเข้ามาสู่กายหยาบอีกครั้ง โทรศัพท์เป็นสิ่งแรกที่สัญชาตญาณสั่งให้ผมหยิบออกมากดไล่ดูเบอร์อย่างเหม่อลอย ตอนแรกเบอร์ไอ้ทีม เป็นสิ่งแรกที่ผมคิดจะติดต่อไป ทว่ามโนธรรมที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดก็เตือนให้รู้ว่าตอนนี้มันกำลังสวีทหวานอยู่กับแฟน

ปลายนิ้วผมเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ชื่อของกระเทยสาวนางหนึ่ง...และกดโทรออก รอไม่นานนัก ปลายสายก็กดรับด้วยเสียงไม่พอใจนัก

“เพ่ย อยู่ไหน”

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook

((ฉันอยู่ไหนแล้วแกจะทำไมยะ)) ปลายสายแว๊ดๆ ใส่ผม สงสัยจะโทรไปผิดเวลาไปสักหน่อย แต่นาทีนี้ผมแค่ต้องการใครสักคนที่จะช่วยเหลือผมได้ จะผิดเวลาหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ผมให้ความสนใจในตอนนี้

“ออกมาเจอกันหน่อยสิ ที่ห้างxx ก็ได้”

((ฉันอยู่ปิ่นเกล้า แกจะให้ฉันถ่อไปหาถึงบางนาเหรอ อีสมองไม่ทำการ!))

เอ้า...กูจะรู้มั้ยนี่ ก็เห็นบ้านอยู่กระเถิบไปทางนั้น จะรู้ได้ไงว่ามาร่อนอยู่แถวปิ่นเกล้า

“งั้นเจอกันที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้าก็ได้ เดี๋ยวอ๋องเลี้ยงข้าวเลย”

((...ราเมนน่ากินจังเลย...))

“เออๆ อาหารญี่ปุ่น” ผมเริ่มปวดหัวจี๊ดอย่างไรชอบกล รู้จักกับเพ่ยเพ่ยมาจะสิบปีแล้ว มันนะ มุขนี้ตลอด

((อุ๊ยตายแล้วอ๋อง...ฉันเพิ่งรู้ว่าร้านเค้กที่อยู่ตรงชั้นสามมันทำใหม่แหละ เค้กน่ากิ๊นน่ากิน)) เสียงแหลมของมันดังลอดสายมาอีก

“เออ เลี้ยงขนมหวานด้วย!! ใส่ห่อกลับบ้านด้วยเลย”

((โอเคจะเบบี๋ งั้นเดี๋ยวเพ่ยไล่กิ๊กหมายเลขสองกลับบ้านก่อนละกันนะ ถึงแล้วโทรมาอีกทีละกัน))

“ได้ ไม่เกินสิบห้านาที เดี๋ยวอ๋องโทรหา” ผมกดวางโทรศัพท์แล้วตบไฟขอทาง เตรียมเบี่ยงเข้าเลนขวาเพื่อเตรียมจะยูเทิร์นรถกลับไปทางสะพานพระปิ่นเกล้า

เพ่ยเพ่ย หรือพังเพย เป็นสาวประเภทสองหนึ่งในไม่กี่คนที่ผมรู้จักและสนิทด้วย มันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยผมหัวเกรียนเรียนมอต้นอยู่เลยครับ ถึงตอนช่วงมัธยมปลาย มันจะออกไปเรียนสายอาชีพเพราะความไม่ถนัดทางสายสามัญ แต่มันก็ไปได้ดี และตอนนี้เปิดร้านเหล้าอยู่แถวๆ ถนนข้าวสาร กิจการก็ไปได้ดีมากพอสมควร

ถึงนานๆ จะเจอกันสักที แต่เพ่ยเพ่ยก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องผมกับสตังค์อย่างละเอียด ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ผมต้องการจะเจอหน้าในตอนนี้



“อ๋อง!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นบนสุดของห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ทำให้ผมสาวเท้าเร็วๆ เดินตรงไปทางนั้น เพ่ยเพ่ยนั่งสวยรออยู่ก่อนแล้ว ถึงผมจะชอบแกล้งแซวว่าเป็นสาวไม่แท้ สาวเทียมหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เพ่ยมันก็เป็นคนที่รู้จักดูแลตัวเอง ผิวพรรณพ่อแม่ให้มาขาวก็เป็นกำไรหน่อย แต่ความเนียนเนี่ยได้มาจากครีมที่มันพยายามทาบำรุงตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเป็นตัวช่วยเสริม จนตอนนี้มันสวยจนผู้หญิงหลายๆ คนยังอาย

“โทษทีนะ ไม่รู้จะโทรหาใครแล้ว” ผมบอกเสียงอ่อย เพ่ยมันทำหน้าเชิดขึ้นแบบรู้ทัน

“ทำเหี่ยวแบบนี้เมียขอเลิกเหรอยะ อ๋อง”

ผมสะอึกไปเล็กน้อย มือที่เอื้อมไปรับชาเขียวเย็นๆ มาจากพนักงานก็วางแก้วลงบนโต๊ะอย่างหมดแรง

“ไม่ใช่แบบนั้นเว้ย คือ....”

“เดี๋ยว ฉันสั่งราเมนเทมปุระไป แล้วก็อย่างอื่นอีกนิดหน่อย แกจะเอาอะไรเพิ่มก็สั่งเองนะ” ผมส่ายหน้าให้แทนคำตอบ เพ่ยมันเลยถามต่อ “แล้วแกเป็นอะไร ร้อยวันพันปีไม่โทรหา ทีวันนี้ฉันมีนัดกับเด็กในสังกัด แกดันโทรมาขัดจังหวะได้”

“คือเมื่อตอนกลางวัน หลังจาก...เอ้อ...” ผมอึกอัก โต๊ะข้างๆ มันใกล้มากครับ ไม่กล้าพูดดัง

“ฟีทเจอริ่ง” เพ่ยต่อให้

“เออนั่นแหละ สตังค์หยิบเสื้อให้อ๋องไง แล้วทีนี้ซองถุงยางมันก็...หล่นลงมา”

“มันจะแปลกอะไรวะ ก็แค่ซองถุงยาง แกทำกับน้อง ไม่ใช้ถุงยางรึไง” มันยังไม่เข้าใจครับ ต้องให้กูบอกมั้ยนี่ ว่าเมื่อเช้ากูไปฟีทเจอริ่งกับคนอื่นมาแล้วเมาอากาศมากไปหน่อยจนเผลอทิ้งไว้ในกระเป๋าเสื้อเนี่ย

“มันเป็นซองเปล่าที่มีรอยฉีกไงเข้าใจมั้ยเพ่ย คือน้องอึ้งไปเลย อ๋องแบบ....” ผมพูดไม่ออก รู้ว่าตัวเองอยากพูดอยากอธิบายทุกอย่างออกมา แต่เหมือนคำพูดมันจุกติดอยู่ตรงคอ ผมยกมือขึ้นทึ้งหนังหัวตัวเองแบบไม่ได้ดั่งใจจนคนที่โต๊ะข้างๆ หันมามอง

“อีอ๋อง แกช่วยทำตัวให้เป็นมนุษย์ปกติหน่อย นั่งดีๆ ฉันอายคนรอบข้าง” เพ่ยหันมาดุ “สรุปคือ แกโทรให้ฉันมาเจอเพื่อที่จะเล่าวีรกรรมเลวส่วนตัวให้ฟังว่าอย่างนั้นเถอะ”

“เฮ้ย ไม่ใช่แบบนั้น ถ้าแค่นั้นอ๋องคงไม่โทรตามเพ่ยหรอก แต่นี่สตังค์อยู่ๆ ก็ร้องไห้แล้วถามประมาณว่า อ๋องรู้สึกยังไง เวลาที่จูบหรือมีเซ็กส์กับน้อง มันต่างกับที่อ๋องมีกับคนอื่นรึเปล่า” ผมบอกยาวแล้วถอนหายใจเฮือก ผิดกับที่เพ่ยเพ่ยทำตาโตจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าแทนคำตอบ

“แล้วแกตอบน้องไปว่าไงยะ”

“ก็...ไม่ว่าไง ถามไปเฉยๆ ว่าสตังค์อยากพูดอะไรกั....” ผมยังพูดไม่ทันจบ เพ่ยมันก็แทบจะกรี๊ดออกมาแล้วชี้หน้าผม ก่อนจะทิ้งตะเกียบที่คีบซูชิอยู่ลงกับโต๊ะ

“อีอ๋อง!! ตอนเด็กๆ แม่ผสมหญ้ากับนมให้กินเหรอยะ อีปลวก โอ๊ย ฉันไม่รู้ว่าจะด่าแกว่าอะไรเลย อีโง่ โง่ โง่ โง่ โง่ นี่แกสาบานได้นะ ว่าแกโตมาด้วยข้าวไม่ใช่หญ้า!!!”

“อะไรวะ” ผมงง เพื่อนกูแน่รึเปล่า ด่าผมไม่หยุดตั้งแต่เจอหน้าแล้วเนี่ย

“แล้วน้องพูดว่าอะไรอีก แกเล่ามาให้หมดนะ”

“ก็....ตอนที่ถุงยางหล่น น้องก็พูดนิดนึง...บอกว่าจะเอาไปทิ้งให้ แล้วก็จะทิ้งกันเมื่อไหร่ก็ให้อ๋องบอกน้อง.....” พูดถึงตรงนี้ อารมณ์ผมก็เริ่มหม่นอีกครั้ง หัวใจเหมือนโดนเขย่าจนผมตั้งตัวไม่ได้ เพ่ยลุกขึ้นโน้มตัว เอามือสองข้างมาจับหัวผมแล้วเขย่าแรงๆ จนผมตกใจร้องลั่น “เฮ้ยๆๆ ทำอะไร เพ่ยปล่อย เฮ้ย”

“อีโง่ จั๊ดง่าววววววววว แกมัน..อร๊ายยยยยยยย ฉันไม่รู้จะด่าเป็นภาษาอะไรถึงสาสมกับความโง่ของแกเลยจริงๆ ผู้ชายมันเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด ฉันล่ะปวดกบาล”

“เอ้อ...เผื่อลืม เพ่ยก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อน” ผมแย้งเบาๆ แล้วลูบหัวตัวเองเบาๆ เมื่อเพ่ยเพ่ยมันยอมปล่อยมือและเลิกประทุษร้ายผม

“กรี๊ด ฉันมีสามัญสำนึกย่ะ ฉันเลยกลายมาเป็นเพ่ยเพ่ยสุดสวยแบบทุกวันนี้” พูดแล้วก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ฉันต้องตั้งสติก่อน อยากจะบ้า ไม่เคยคิดเลยว่าเค้าให้เกียรตินิยมกับคนที่ทั้งโง่ทั้งบ้า ขี้เหล้า ขี้หลีแบบแกด้วย”

“อ๋อง...ไม่เข้าใจน่ะเพ่ย  น้องรู้อะไรมา ดูน้องเสียใจมาก อ๋องรู้สึกผิดยังไงไม่รู้”


“แน่ล่ะที่แกต้องรู้สึกผิด ถ้าแกยังคิดว่าตัวเองเป็นคนอยู่” เพ่ยบอกแล้วถอยให้พนักงานเอาชามราเมนมาวางลงบนโต๊ะ “ถ้าให้ฉันเดา...ไม่ๆ ไม่ใช่เดา แต่น้องต้องรู้ชัวร์ว่าแกมีคนที่สองสามสี่ห้า ฉันเคยคิดว่าถ้าแกมีแฟน แกจะเลิกเจ้าชู้นะอ๋อง”

“เฮ้ย ก็ไม่ได้อยากเจ้าชู้นะเว้ย แต่อ๋องเป็นพวกไม่ชอบปฏิเสธคน” ผมบอกแล้วยิ้มขำๆ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงเฝื่อนๆ เมื่อคู่สนทนาไม่ได้ขำด้วยแม้แต่น้อย กลับกันเพ่ยเพ่ยยังส่ายหน้าเบาๆ แล้วตำหนิผม

“บางทีฉันก็ไม่เข้าใจความคิดของคนเจ้าชู้นะ ว่ามันจะมีคนอื่นหลายๆ คนทำไมในเวลาเดียวกัน แกไม่รู้สึกผิดบ้างเหรออ๋อง คนๆ นึงรอแกอยู่ที่บ้านเพียงเพื่อจะได้เห็นแกกลับมาตั้งแต่หัวค่ำ ได้กินข้าวด้วยกัน นั่งคุยกัน” เพ่ยมันถามผมนิ่งๆ “ถ้าฉันเป็นสตังค์ ฉันคงเสียใจที่คนที่ฉันรักไปทำกับคนนั้นคนนี้ ทั้งที่ฉันน่ะไม่เคยยอมให้ใครได้แตะตรงนั้นนอกจากแก”

“เหล้าเข้าปากมันก็อยาก.....” ผมแก้ตัว

“เหรอ แล้วแกรู้สึกผิดบ้างมั้ยเวลาเอากับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน” เพ่ยถามพลางยกแก้วชาเขียวเย็นขึ้นจิบ

“เอ้อ...ตอนทำ มันมีความสุขอะ ไม่ค่อยรู้สึกอย่างอื่น เมาด้วย แต่พอโดนสตังค์พูดแบบนั้น....”

“ถ้าแกคิดแบบนั้น....งั้น...ก็เลิกไปสิ” เพ่ยหยุดกินทุกอย่างบนโต๊ะพลางบอกผมเสียงสนุกๆ อย่างไรชอบกล “นี่ไง น้องตังค์ไม่รู้เบอร์ฉัน แกเอาโทรศัพท์ฉันโทรไปบอกน้องเลยว่าแกอยากเลิกกับเขา”

“เฮ้ย อ๋องไม่ได้พูดแบบนั้น” ผมตกใจ รู้สึกใจหายวาบเมื่อโดนเพ่ยพูดใส่หน้าเรื่องให้เลิกกับสตังค์

“อ้าว แกจะรั้งไว้ทำไม ก็บอกไปสิว่าแกไม่ชอบที่สตังค์พูดเรื่องการที่แกจะไปฟีทกับคนอื่น เพราะมันทำให้แกรู้สึกไม่ดี โทรไปเลยอ๋อง บางทีน้องก็คงรอให้แกบอกเลิกเองอยู่เหมือนกัน”

“อ๋อง..ไม่ได้อยากเลิกกับสตังค์” ผมตอบเสียงเบา ยอมรับว่าไม่มั่นใจกับคำพูดของตัวเองเท่าไรนัก ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเด็กคนนั้น ไม่รู้ว่าชอบ ไม่ชอบ รัก หรือไม่รัก อาจจะเห็นว่าสตังค์เป็นแค่เด็กมัธยมปลายที่มารังควาญชีวิตผมไปวันๆ ไม่ก็อาจจะรู้สึกว่าสตังค์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ผมขาดไปไม่ได้

แต่ถึงกระนั้น...การที่มีผมมีสตังค์อยู่ในชีวิตอย่างทุกวันนี้ มันก็กลายเป็นความเคยชินที่ผมกล้าพูดได้ว่า....มันลงตัวแล้ว

“แกแน่ใจเหรออ๋อง แกไม่รักก็ปล่อยน้องไปสิ ให้เค้าไปเจอคนที่ดีกว่า ฉันแนะนำคนดีๆ ให้น้องได้นะ แกไม่ต้องห่วงหรอก รับรอง น้องจะมีความสุขจนลืมผู้ชายหน้าตาดีแต่สันดานเหี้ยอย่างแกไปเลย” เพ่ยมันพูดแล้วก็ยิ้มหวานโชว์ฟันเขี้ยว

ผมรู้สึกเหมือนทำหัวใจหล่นเอาไว้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นตั้งแต่ประสาทหูซึมซับประโยคของเพ่ยเพ่ยมา ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป แต่บอกได้คำเดียวว่าผมรู้สึกอยากหยุดหายใจเป็นครั้งแรกในชีวิตตอนที่นึกถึงเวลาที่ต้องบอกเลิกและมีชีวิตอยู่โดยไม่มีสตังค์อีกต่อไป...


เล็กซัสสีบรอนซ์เงินค่อยๆ ขับเลี้ยวเข้าไปจอดที่ลานบ้านอย่างเคยชิน แต่คนที่มองจากข้างนอกจะรู้มั้ยว่าคนขับน่ะ รู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปนานแล้ว ผมดับเครื่องและก้าวลงจากรถแบบมึนๆ ทั้งที่วันนี้ยังไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลยแม้แต่หยดเดียว

ไม่ไกลเกินสายตานัก มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดสนิทอยู่ มันทำให้ผมแปลกใจค่อนข้างมาก เพราะที่บ้านไม่มีใครขับมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะสตังค์เอง รายนั้นมีปัญหาเรื่องการขับรถในที่แคบ ทำให้น้องมักจะพุ่งชนกำแพงอยู่บ่อยครั้ง ถ้าต้องขับในซอยเล็กๆ ผมจึงสั่งห้ามขับมอเตอร์ไซค์เด็ดขาด

แล้วรถคันนี้ของใคร มันเป็นสิ่งที่ผมจะเข้าไปหาคำตอบด้วยตัวเองในตอนนี้

ผมเดินเข้าไปในตัวบ้าน แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องนั่งเล่นก็เอ่ยทักผมขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ไปไหนมาล่ะลูก เมื่อกี้น้องตังค์ก็ถามแม่ว่าพี่อ๋องไปไหนแล้ว...เออใช่ พรุ่งนี้น้องตังค์ชวนไปทานข้าวนอกบ้านด้วยกันแน่ะ น้องบอกรึยัง”

“พรุ่งนี้ผมไม่ว่างน่ะครับ บอกสตังค์แล้ว” ผมตอบไปเรียบๆ แล้วหลบตาแม่อย่างรู้สึกผิดในใจหน่อยๆ

“อ๋อง..อย่าหาว่าแม่ยุ่มย่ามอะไรเลยนะ ลูกทะเลาะอะไรกับสตังค์รึเปล่า” แม่ถามขึ้น ตอนที่ผมกำลังจะเดินเลี่ยงขึ้นบันได

“เปล่านี่ครับ ก็ปกติดี” ผมตอบ แอบได้ยินเสียงแม่ถอนหายใจเบาๆ แต่ผมก็ไม่ได้ติดใจจะทักท้วงอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ผมอยากรู้ตอนนี้ก็คือ ใครเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น ถ้าไม่ใช่แขกของแม่ คนๆ นั้นจะต้องอยู่กับสตังค์อย่างแน่นอน

ผมเดินขึ้นไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆ หนึ่งริมทางเดิน ตัวอักษรขนาดกลางเขียนอยู่บนป้ายไม้เป็นคำว่า STANG! แขวนอยู่หน้าห้องนั้น ผมยกมือขึ้นสัมผัสลูกบิดประตูเตรียมจะเปิดออกด้วยความอยากรู้ และยิ่งเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังลอดออกมายิ่งทำให้อะไรบางอย่างในใจผมมันเดือดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่

“อ้าว พี่อ๋อง กลับมาแล้วเหรอ” เสียงสตังค์ดังทักขึ้นเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ในห้องไม่ได้มีแค่น้องเพียงคนเดียว แต่กลับมีไอ้ผู้ชายที่ไหนไม่รู้นั่งหน้าเป็นอยู่ด้วย ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในห้อง สตังค์ก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินมาหาผม ทว่า...

“มันเป็นใคร” ตั้งใจจะให้เสียงตัวเองที่ลอดออกจากปากนั้นเป็นเพียงคำถามเรียบๆ แต่สิ่งที่ออกไปมันกลับเข้มเสียจนสตังค์ยังชะงักเท้า

“เอ่อ...นี่ชื่อพล เป็นเพื่อนของตังค์เอง”

“หวัดดีครับพี่” ไอ้เหี้ยพลอะไรนั่นมันยกมือขึ้นไหว้ ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องนอนของสตังค์

เนื่องจากบ้านของผมเป็นบ้านหลังค่อนข้างใหญ่ ทำให้ห้องๆ หนึ่งมีหน้าที่ที่ชัดเจน เช่นห้องนี้ ก็จะเป็นห้องนอน เลยไม่มีโซฟาหรือเก้าอี้นั่งใดๆ ทำให้ตรงกลางห้องที่เป็นพื้นที่ว่างนั้น ถูกสตังค์นำโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ มากางเอาไว้ บนโต๊ะนั้นมีหนังสือเรียนกางอยู่สองสามเล่ม

“พอดีตังค์จะขึ้นมอหกแล้ว..ก็เลยชวนพลมาอ่านหนังสือกัน” ประโยคหลังสตังค์เสียงอ่อยลง เมื่อเจอผมตวัดตาเข้าใส่

“แล้วห้องอื่นไม่มีจะอ่านหนังสือกันรึไง ทำไมต้องห้องนอนด้วย”

“ก็ห้องนี้ว่าง”

“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรตังค์หรอกนะครับพี่” ไอ้พลมันขัดขึ้นเรียบๆ ผมเลยหันกลับไปมองหน้า...แม่ง ไม่ได้อคติส่วนตัวนะ แต่หน้าตามันโคตรกวนส้นตีนเลย อยากจัดให้ซักดอกสองดอก

“แล้วมึงมาทำส้นตีนอะไรในห้องนอนของแฟนกู” ผมขึ้นเสียงแล้วเดินรี่เข้าไปหามัน แต่สตังค์กลับคว้าแขนผมไว้แน่น

“นี่เพื่อนตังค์นะพี่อ๋อง!”

“ถอยไป!!” ไม่รู้ทำไม แต่ตอนนี้ผมเลือดขึ้นหน้าแล้ว ใครจะห้ามก็ต้องตัวใหญ่พอกันถึงจะรั้งผมไว้อยู่

“อ้อ พี่นี่เอง พี่อ๋องที่เลิศที่สุดในปฐพี เห็นสตังค์เอามาพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่าแฟนได้เกียรตินิยมด้วย...แต่ผมก็สงสัยนะ เกียรตินิยมอะไรวะ แค่สอนเลขให้เด็กมอปลายแค่นี้กลับทำไม่ได้ จนสตังค์ต้องหาเพื่อนติวให้ ทั้งที่ก็สอบตก ซ่อมแล้วซ่อมอีก” ไอ้เหี้ยพลมันลุกขึ้นพูดตอกหน้าจนผมแทบจะถลาเข้าไปซัดหน้ามันลงตรงนั้น สตังค์รีบเข้ามาขวางเอาไว้ไม่ยอมให้ผมถึงตัวไอ้เหี้ยนั่น

“พี่อ๋อง พอแล้ว!! พลแค่มาติวเลขให้ตังค์เฉยๆ พี่หยุดบ้าได้แล้ว!!”

“เดี๋ยวนี้เห็นคนอื่นดีกว่าพี่แล้วเหรอสตังค์ อ้อ...พี่เพิ่งเข้าใจ ที่บอกว่าจะเลิกเมื่อไหร่ก็ให้บอกตังค์ล่วงหน้า เพราะเรามีคนอื่นแบบนี้นี่เอง” ผมโกรธจนแทบไม่รู้ตัวว่าพ่นคำพวกนั้นออกไปได้ยังไง รู้ทั้งรู้ว่าสตังค์ไม่มีใคร แต่ผมก็ยังพูดจนใบหน้าของแฟนผมนองไปด้วยน้ำตา สตังค์ส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ

“ตังค์..ตังค์ไม่ได้มีใครนะพี่อ๋อง” น้องบอกเสียงสั่น มือหนึ่งก็กำแขนเสื้อเชิ้ตของผมไว้แน่น

“แล้วไอ้เหี้ยนี่เป็นใคร!!!” ผมตะคอกลั่น สตังค์สะอื้นหนักขึ้น

“กูเป็นเพื่อนของสตังค์! มึงเลิกบ้าซักทีเถอะ!!” ไอ้เหี้ยพลมันตรงเข้ามากระชากสตังค์ที่กำลังร้องไห้ออกไปจากผม ยิ่งเห็นมันปลอบน้องเอาไว้ผมก็ยิ่งอารมณ์เสีย อยากจะเข้าไปชกหน้ามันแทบบ้าตาย แต่สิ่งที่ผมทำกลับตรงกันข้าม

ประตูห้องถูกผมกระชากเปิดแล้วปิดมันลงดังปังใหญ่ ผมเข้าไปในห้องนอนที่อยู่ติดกัน หยิบเสื้อผ้ายัดลงกระเป๋าเดินทางใบที่เตรียมเอาไว้จะไปทะเล โมโหจนหน้ามืด ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหยิบเสื้อหรือกางเกงตัวไหนไปบ้าง

แค่อึดใจเดียวผมก็ได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมด ผมเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากห้อง สตังค์ยืนหน้าซึมรออยู่ที่ระเบียง มีไอ้เหี้ยพลยืนอยู่ห่างออกไปไม่มาก

“พี่อ๋อง...ตังค์ขอโทษนะ พลเป็นเพื่อนของตังค์จริงๆ ตังค์แค่...แค่...”

“ถ้าจะหาคนติวเลขก็ไม่เคยบอกกันซักคำ เห็นพี่เป็นอะไร ถอยไปได้แล้ว พี่จะออกไปค้างบ้านเพื่อน” ผมพยายามกดเสียงไว้ให้นิ่งที่สุด พยายามเดินเบี่ยงเลี่ยงสตังค์ที่ยังยืนนิ่งน้ำตานองอยู่ตรงนั้น

“พรุ่งนี้วันครบรอบของเรานะ พี่จะกลับมาหาตังค์ใช่มั้ย”

ผมชะงักฝีเท้าเล็กน้อยกับประโยคนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ผมที่กำลังโมโหเลือกที่จะเดินออกไปสตาร์ทรถโดยปราศจากคำพูดใดๆ


“เฮ้ยพี่ พอแล้วเหอะ เดี๋ยวก็เมาชิบหาย ขับรถไม่ไหวหรอก ผมขาเดี้ยงอยู่ ขับให้ไม่ไหวนะ”

“เหี้ยไกด์..กูเป็นแฟนที่แย่มากเหรอวะ” ผมถามกลับพลางดึงกระป๋องเบียร์หลบการแย่งชิงของไอ้ไกด์

“ทำไมอะ พี่ล่มปากอ่าวบ่อยเหรอ”

“พ่อมึงสิ” ผมด่า มันเลยหัวเราะออกมาแล้วเลิกบอกให้ผมเลิกกินเบียร์ที่อุตส่าห์แวะซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ สองลัง กะว่าลังหนึ่งจะเอาไปเมากันพรุ่งนี้ อีกลังซัดแม่งที่นี่ให้หมดเลย

“กูก็ยอมรับนะเว้ย ว่ากูเอากับคนอื่นด้วย แต่กูก็ไม่เคยเรียกใครว่าแฟน...อึก...” ผมสะอึกกับคลื่นลมที่ตีตื้นขึ้นมาในคอนิดหน่อย ไอ้ไกด์มันพยักหน้ารับคำ ผมจึงพูดต่อราวกับคนไม่มีสติ “กูมันแย่ใช่มั้ย ที่ลืมซองถุงยางใช้แล้วไว้ในกระเป๋าเสื้อจนแฟนจับได้”

“เอ่อ...ผมว่าพี่ผิดประเด็นว่ะ” เชี่ยไกด์เริ่มแย้ง

“ตรงไหนวะ ไหนมึงบอกซิไอ้น้อง” ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมึนๆ ตอนที่ถามมัน

“มันไม่ได้ผิดที่พี่ซกมกลืมซองถุงยางใช้แล้วไว้ในกระเป๋าเสื้อ ต่อให้พี่ลืมเซ็กส์ทอยมีคราวเหนียวๆ ไว้ในรถมันก็ไม่ใช่ประเด็น เรื่องมันอยู่ที่พี่ไปมีอะไรกับคนอื่นทั้งที่พี่มีแฟนแล้วต่างหาก”

“อืม.....ก็กูเมา กูก็อยากเอาหมดแหละ”

“เฮ้ย งั้นอย่าเมาใกล้ๆ ผมนะ”

“อึก...กูก็เลือกหนังหน้าบ้าง” ผมตอบพลางหัวเราะ เชี่ยไกด์มันเลยทำปากขมุบขมิบบ่น ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มเพียวๆ อีกครั้ง “น้องพูดเหมือนกูกำลังทำร้ายเค้าอยู่...น้องร้องไห้ตอนที่จูบกูด้วย”

“เดี๋ยวนะ คำก็แฟน สองคำก็น้อง แฟนพี่นี่ใครเนี่ย ใช่เด็กคนที่มาที่โรงพยาบาลวันนั้นรึเปล่า” ไกด์มันสะกิดผมอย่างอยากรู้

“อืม...” ผมยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อนึกถึงเด็กคนนั้น “ชื่อสตังค์...”

“อ้อ แล้วสตังค์ที่ว่า บอกอะไรพี่ผมถึงได้มานั่งเมาหัวราน้ำแบบนี้”

“น้อง..บอกว่าถ้าอยากเลิกก็ให้บอก แล้ววันนี้..อึก น้องยังพาไอ้เหี้ยที่ไหนไม่รู้ มานั่งคุยหัวร่อต่อกระซิกกันในห้องนอนด้วย...อืม”

“แล้วพี่หึงเหรอ” ไอ้ไกด์มันยิงคำถาม...นี่มึงเรียนสถาปัตย์หรือนิเทศฯ วะ สัมภาษณ์กูอย่างกับเป็นนักข่าว

“กู..ไม่รู้ว่ะ แค่ไม่พอใจ..อึก ที่น้องปกป้องมันมากกว่าจะสนใจกู...อึก” ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง แต่ก็ต้องสบถด่าออกมาเมื่อมันไม่เหลือให้กินสักหยด ผมจึงหันไปคว้ากระป๋องใหม่มาเปิดท่ามกลางเสียงห้าม(แต่ทำอะไรไม่ได้)ของไอ้ไกด์

“พี่อาจจะไม่ได้รัก แค่หวงก้างรึเปล่าวะพี่อ๋อง”

“แต่กูก็รู้สึกเหมือนโลกจะถล่ม ตอนที่กูนึกถึงว่ากูต้องอยู่โดยไม่มีเด็กคนนั้นมาเดินต้อยๆ รอบๆ กู...หึหึ พี่มึงบ้าไปแล้วว่ะไกด์ ส่งกูเข้าศรีธัญญาเถอะ” ผมพึมพำบอกมัน ไอ้ไกด์หัวเราะออกมา แล้วบอก

“งั้นพี่ก็ควรจะดูแลแฟนพี่ให้ดีที่สุด”

“พรุ่งนี้ไอ้น้องเหี้ยของกู มันชวนไปทะเล...แต่พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบสองปีของกูกับแฟน”

“ห๊ะ? สองปีแล้วเหรอวะพี่ ทำไมพวกผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”

“หึหึ...ให้พวกมึงรู้ แฟนกูก็โดนลวนลามหมดสิวะ” ผมตอบเจื้อยแจ้วราวกับไม่รู้สึกตัว...จะว่าไม่รู้สึกก็คงเกินไป ไม่อย่างนั้นคงไม่มีปัญญามานั่งเล่าเรื่องให้คุณๆ ฟังกันแบบนี้จริงไหม ผมรู้สึกตัวว่ากำลังทำอะไร แค่รู้สึกเหมือนสมองตัวเองกำลังประมวลผลผ่านกระจกฝ้า มันไม่แจ่มใสเสียทีเดียว ติดจะมึนๆ เสียด้วยซ้ำ

“งั้นทำไมพี่ไม่อยู่กับแฟนอะ ทะเลไปเมื่อไหร่ก็ได้”

“ไม่เอา กูอยากพักผ่อนบ้าง”

“เฮ้ยพี่ ผมว่าบางทีพี่ก็ควรจะเสียสละตัวเองเพื่อคนที่รักพี่บ้างนะ”

“หึหึ มึงแม่งเหมือนศิราณีเลยว่ะไกด์ แต่ก็ตลกที่มึงไม่มีแฟน” ผมเยาะเย้ย ไอ้เชี่ยไกด์แกล้งทำเสียงฮึดฮัดนิดหน่อยตอนที่ตอบผม

“ไม่ใช่ไม่มี แต่คนที่ใช่ยังไม่ผ่านมา”    

ผมหัวเราะหึหึ กับคำพูดเสี่ยวๆ ของมัน

“เหี้ยไกด์” ผมเรียกมัน

“อะไรพี่” มันถามงงๆ ผมเลยกวักมือเรียกให้มันชะโงกหน้ามาใกล้ๆ เนื่องจากขามันเดี้ยง ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ดังใจต้องการ ไอ้ไกด์มันก็แสนดี ชะโงกหน้ามาหาผมอย่างว่าง่าย


“กูจะอ้วก”




เจอกันตอน 15ค่ะ


eiizes’s talk

ตอนนี้และตอนหน้าเป็นเรื่องราวของพี่อ๋องและน้องตังค์นะคะ

จริงๆ จะไม่อ่านก็ไม่มีผลอะไรกับเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่ แต่เรื่องของพี่อ๋องเป็นส่วนเติมเต็มและเล่าเรื่องราวของทีมฝุ่นในมุมมองของคนอื่นดูน่ะค่ะ แหะๆ

เร็วๆ นี้จะมีนิยายเรื่องใหม่ของไอซ์นะคะ แต่อาจจะไม่ได้ลงที่นี่ เพราะนางเอกไม่ใช่ผู้ชาย 555

ไว้เขียนเสร็จและลงเป็นที่เรียบร้อยจะแอบมาแจ้งข่าวนะคะ ฮี่ๆ เผื่อใครอยากลองอ่านเนอะ (ถ้ามี 5555)

ขอบคุณที่อ่านมาจนบรรทัดนี้นะคะ

eiizes

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ได้อ่านถึงตอนนี้แล้วเข้าใจอารมณ์ผู้ชายเลยอ่ะ  มีแฟนแต่ก็มีอะไรกับคนอื่นได้
โดยที่ตัวเองไม่ได้รู้สึกผิดอะไร สงสารน้องตังค์  :m15:


นิยายเรื่องใหม่ จะ ชาย-ชาย หญิง-ชาย หรือ หญิง-หญิง เค้าก็จะติดตามค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
สงสารสตังค์ว่ะ
ชิงบอกเลิกแม่งก่อนเลยดีกว่า

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
ทำตัวแย่ว่ะพี่อ๋อง โคตรแย่เลยยย

สงสารน้องสตังค์จิงๆอ่ะ

เจอถุงยางที่ใช้แล้วต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่เพิ่งมีไรกับแฟนนี่นะ

เดี๋ยวก้อยุให้พล จีบซะเลย แค่ชื่อก้อหล่อแล้ววุ้ยยยย

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
สตังค์ บอกเลิกเลย คนนี้ต้องโดนก่อนค่อยจะรู้สึก
ไม่งั้นสตังค์ นายจะต้องคอยตามนิสัยแย่ๆแบบนี้ตลอดไป เจ็บปวดจะตายT^T

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ดีนะที่เป็นตังค์  ถ้าเป็นเรานะจะเอาทีนลูบหน้าแมร่งเลย  หยามกันขนาดนี้ยังจะมีหน้ามาฉุนเฉียวใส่อีก  เลวววววว

ออฟไลน์ BossZa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เค้าจะร้องไห้อ่า สงสารสตังค์มากเลย :monkeysad:
ผู้ชายที่ไม่ซื่อสัตย์กับแฟนตัวเองนี่แย่มากๆเลยอะ :fire:
ถ้ารักแล้วมันเจ็บแบบนี้ เลิกเลยดีกว่ามั้ย ดูอิพี่อ๋องก็ไม่ค่อยสำนึกผิดเท่าไหร่
เผื่อเลิกกันไปแล้วจะได้ตาสว่างขึ้นมาบ้าง ว่าที่ตัวเองทำมันแย่ขนาดไหน
อ๊ากกก อินมากๆๆๆๆๆๆ เกลียดผู้ชายแบบนี้ที่ซู้ดดดดดด :angry2:
+1 ขอบคุณค่า กอดๆน้องตังค์กะไอซ์ด้วยจ้า :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
คำเดียวสำหรับอ๋อง  
เลว

ต่อให้รักยังไง แต่ชั่วๆแบบนี้ก็ไม่เอาไว้ทำพ่อหรอกค่ะ!!! :fire: :angry2:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
แบบว่าพี่อ๋องเลวอะ ไม่ค่อยสนใจเรื่องของคนเลวๆ โดยเฉพาะถ้ามันไม่ใช่ตัวหลัก เหอะๆ ตรงไปป่าวอะ แหะๆ เค้าขอโทษ

แบบว่าถ้ามีตอนหน้าขอให้สตังค์ทิ้งอีพี่อ๋องได้ปะ จะได้สะจายยยย  :laugh:

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
หมั้นไส้อีพี่อ๋องค่ะ... คิดแบบนี้ได้ แย่มากกกกกกกกกก

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
ถ้าพี่อ๋องยังไม่เลิกทำตัวแบบนี้

พี่ก็ไม่มีสิทธิไปว่าอะไรสตังค์หรอก

ตัวเอง อยากก็เอาน้อง น้องไม่อยู่ก้หาเอาแถวๆนั้น

แค่น้องนั้งอยู่กับคนอื่นทำมาเป็นหึง อย่าเปลี่ยนเรื่องขอร้อง เอาตัวเองให้เคลีย์

สตังค์ไม่ผิดเลยย บริสุทธ์ใจ โอเค๊

katook

  • บุคคลทั่วไป
เลิก.... ให้มันรู้ กันไปเลย

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านถึงตอนเจอซองถุงยางกับคำพูดของสตังค์


อยากเอาไข่เน่าปาหน้าอิอ๋อง
คือ จะเป็นรองเท้าก็ยังเสียดายเพราะใช้ประโยชน์ได้ 

หรือเราเอาขยะปาหน้าจะดีกว่า 
ผู้ชายไม่ไร้เท่าใบพุทราค่ะน้องสตังค์ หาเอาใหม่เหอะ

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
พี่อ๋องแย่อ่ะ
บอกตรงๆว่า แย่
คงกินหญ้าแทนข้าวบ่อยๆ
น้องพูดชัดเจนแบบไม่ต้องใช้นิ้วโป้งคิดก็รู้ว่าพี่น่ะแย่
ทำไมต้องเอาไปถามให้คนอื่นด่าอีกยืดยาว
ไม่ไหว โฮๆๆๆๆ
เลิก!!!  น้องสตังค์ ..... เลิก!!!!!

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
สงสารสตังค์ครับ   โอ๋ๆๆๆๆไม่ร้องนะครับ :กอด1: :กอด1:



เลิกไปเหอะสตังค์  เดี๋ยวก้อหาใหม่ได้  อย่าได้แคร์

annis204

  • บุคคลทั่วไป
สงสารสตังค์อ่ะ คงจะรักอ๋องมาก ไม่ก้อมีอ๋องเป็นคนแรก
เลิกไปเถอะ อย่าไปยึดติดเลย ยิ่งอยู่ก้อยิ่งเจ็บอ่ะ ไม่มีประโยชน์
ไปคบกับคนที่เห็นเราสำคัญที่สุดดีกว่า รักกัน คบกัน แต่ดันไปมีอะไรกะคนอื่นได้
ถ้าลองสตังค์ทำบ้าง อ๋องจะเป็นยังไง เอ...สตังค์ก้อน่าจะลองดูนะ
อย่าลองนะสตังค์ พี่ล้อเล่น พี่ก้อพูดไปงั้นแหละ แหะ แหะ

hahn

  • บุคคลทั่วไป
สงสารน้องสตังค์อ่ะ พี่อ๋องดีกับคนอื่น แต่กับแฟนตัวเอง ห่วยมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12

ออฟไลน์ ~MeiMeiZ@~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
เค้าไม่ได้อ่านอ่ะอ่านคอมเม้นต์แล้วไม่กล้าอ่านเลย กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอข้ามๆๆกลัวปวดใจ

ออฟไลน์ creator

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไอ้พี่อ๋องครับ มาให้กระทืบทีเถอะ
 :z6:

น้องเค้าแคร์แกขนาดนี้แล้วยังไม่รู้สึกอีกเร้อออออ
ไอ้..ไอ้คนเห็นแก่ตัว
อย่าอยู่เลยเถอะ ปล่อยน้องเค้าไปซะ ถ้าไม่ปรับปรุง  :z3:

อินแล้วจากไป
รอตอนต่อไปจ้ะ  :กอด1:

kokoky

  • บุคคลทั่วไป
เชี่ยพี่อ๋อง เห็นแก่ตัวว่ะ
 :beat: :beat: :beat:
สงสารน้องตังค์มาก ที่อดทนก็เพราะรัก ที่ยอมก็เพราะรัก
ที่ทำเป็นเหมือนคนโง่ หูหนวก ตาบอดก็เพราะรัก เชี่ยพี่อ๋องไม่เข้าใจหรอคะ
พี่มีหัวคิด แต่ไม่มีหัวใจหรอ เรื่องยากๆคิดออก ทำได้ แต่กับเรื่องง่ายๆนี่โง่นัก

อารมณ์ขึ้นสุดๆ  :fire:
พี่อ๋องลองคิดดูดีๆนะคะ เรื่องของใจก็ใช้ใจคิดนะคะอย่าใช้หัว

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :z6:อ๋อง
 :กอด1:สตังค์

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
ชะแว๊บเข้ามาดูหน่อย^^

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
คำเดียวสำหรับอ๋อง 
เลว

ต่อให้รักยังไง แต่ชั่วๆแบบนี้ก็ไม่เอาไว้ทำพ่อหรอกค่ะ!!! :fire: :angry2:
+ 1  ให้จากใจเลยครับ
อย่าไปมีใจให้กับไอ้คนพรรค์นี้เลย

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
อ่านไปก็ทั้งสงสารกับเห็นใจน้องสตังค์อ่ะ
พี่อ๋องแม่งเห็นแก่ตัวว่ะถ้าเป็นเราน่ะเลิกไปแล้ว
 :กอด1: :L2: :pig4:

arebaba

  • บุคคลทั่วไป
ทีมน่ารักมาก ถึงมากที่สุด

ฝุ่นโชคดีจริงๆที่เจอผู้ชายอย่างทีม

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด