ถ้าจะบอกว่าฝุ่นมีชู้...คุณจะเชื่อผมไหม?
ผมไม่ได้พูดปากเปล่าโดยไม่มีหลักฐาน และก็ไม่ได้อยากสร้างความคิดหรือปมปัญหาอะไรมาคิดให้ฟุ้งซ่านด้วย แต่พฤติกรรมระยะนี้ของฝุ่นทำให้ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ แหนะๆ ผมรู้นะว่าคุณๆ กำลังหาว่าผมขี้โม้อยู่ งั้นผมจะบอกให้ฟังก็แล้วกันว่าตอนนี้ผมกำลังเผชิญกับอะไรอยู่
ครืด...ครืด....
แม่ง นี่ใครจุดธูปเนี่ย ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปากเล่า ไอ้หนึ่งในสาเหตุของความกังวลใจของผมก็ดังขึ้นมาทันที คุณแฟนสุดที่รักที่นอนคว่ำดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบสะดุ้งสุดตัว รีบคว้าเอาโทรศัพท์มือถือออกมาดูสายเข้า ก่อนจะหันมาบอกผมลวกๆ
“รับโทรศัพท์ก่อนนะ”
แล้วผมจะห้ามอะไรได้(วะ)ครับ!!
เขาบอก รักแฟนต้องตามใจแฟน แต่ตำรานั้นมันรวมกรณีแฟนอยากมีชู้ต้องตามใจด้วยรึเปล่า?
ฝุ่นวิ่งหน้าระรื่นขึ้นไปคุยโทรศัพท์บนชั้นสอง ผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้ปลายสายมันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไม่รู้รึไงคนนี้กูจองแล้ว ยิ่งนึกผมก็ยิ่งหงุดหงิด หนักๆ หน่อยก็เคยเอ่ยปากถาม แต่ฝุ่นก็ตอบปัดไปแค่ว่าเป็นเพื่อน แต่ขอโทษ เพื่อนเค้าโทรหากันตอนเที่ยงคืนด้วยเหรอครับ หรือพี่จะแก่เกินวัยรุ่นเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนทั่วไปเขามีเทรนด์โทรมาบอกกู๊ดไนท์ด้วย
เวลาพาน้องไปส่งที่มหาวิทยาลัย ก็พยายามเหล่มองนะครับว่าใครมันคิดจะแย่งดวงใจของผมไป แต่เพื่อนของฝุ่นที่ผมเจอบ่อยๆ ก็มีแค่อันดา ที่บังเอิญโลก(โคตร)กลม มีพรหมลิขิตทำให้น้องชายของพี่ลันเขาเลือกคณะเศรษฐศาสตร์เหมือนกับแฟนผม และอีกคนก็คือน้องลูกชุบ สาวเชียงรายหน้าตาน่ารัก แต่ห้าวเกินมนุษย์ปกติเกือบสิบห้าเปอร์เซ็นต์
ถ้าฝุ่นจะชอบผู้หญิง ผมก็คงสงสัยลูกชุบเป็นคนแรก แต่นี่ก็ไม่ใช่...จะว่าอันดา ก็เอาสมองไปให้หมูกินเถอะ
แล้วไอ้ชู้รักนั่นมันใครวะ คนหน้าตาดีสงสัยเว้ยเฮ้ย!
ผมเคยพยายามไปแอบฟังลอดรูประตู แต่ก็ไม่ได้ยินเพราะน้องพูดเสียงค่อนข้างเบา หนักๆ เข้าก็เลิกคุยโทรศัพท์มาส่งอีเมลแทน ดูสิครับ ผมอุตส่าห์เป็นคุณชายติดบ้านให้เมียชื่นใจ แต่ฝุ่นนอกจากจะไม่เห็นใจผมแล้ว ยังจะทำร้ายผมได้ลงคออีก
นั่งจิตหงุดเงี๊ยว ... เอ้ย จิตหงุดหงิดได้สักพัก ฝุ่นก็เดินลงมาหาด้วยหน้ายิ้มๆ น้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผม...เอาแน่กู มีเรื่องจะอ้อนแน่ๆ
คบกันมาเกือบสามเดือน ทำให้ผมได้เห็นนิสัยหลายๆ อย่างของฝุ่นที่คนทั่วไปไม่มีวันจะได้เห็น น้องเป็นคนชอบให้ผมเอาใจ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างของที่ชอบ ไม่ชอบ อยู่กันไปก็จะรู้ไปเองแหละครับ ฝุ่นไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ถ้าทำไม่ถูกใจก็เขี้ยวงอกได้เหมือนกัน นอกจากนี้สิ่งที่ฝุ่นจับได้จากนิสัยผมก็คือ ผมแพ้ตาใสๆ ที่ทำหวานอ้อนนั่นแหละครับ ขออะไรเทกระจาดให้หมดเลย
“เอาอะไรอีกล่ะครับ”
“ทีมอ่า...” เสียงงุ๊งงิ๊งๆ พร้อมหัวทุยๆ ที่ทิ้งลงนอนบนตัก น้องพลิกตัวมากอดเอวผมไว้หลวมๆ “อีกสองวัน เพื่อนจะมาค้างที่บ้านนะ”
“เพื่อนที่ไหนล่ะหืม” ผมถาม พลางเกลี่ยเส้นผมบนหน้าผากเขาให้พ้นไป
“ก็...เพื่อนอะ จะมาค้างที่นี่ประมาณสี่ห้าวัน”
ไม่อยากจะบอกว่าลางสังหรณ์กูแปลกๆ ครับ
“เพื่อนที่ไหนครับ” ผมเริ่มเก๊กเสียงให้ต่ำลง เพราะรู้ว่าถามแบบนี้ทีไร น้องจะยอมบอกความจริงทุกที
“เพื่อนเก่า”
เพื่อนเก่านี่ใช่ไอ้ฝรั่งนั่นรึเปล่าวะ ชื่ออะไรนะ ยูล? ยีน? หรือว็อดก้า กร๊ากกก (มุขควาย)
“บ้านพี่ไม่ใช่โรงแรมที่จะให้ใครก็ได้มาพักนะ” ผมทำเสียงเข้ม
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ฝุ่นไม่อยากให้เพื่อนเสียค่าโรงแรมนี่ น่านะ”
ผมส่ายหน้าเบาๆ แทนคำปฏิเสธ เท่านั้นแหละ น้องลุกขึ้นนั่งทันที ทำเอาผมถอยหน้าหลบแทบไม่ทัน หัวเกือบโขกกันแน่ะ ฝุ่นขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่นบอกเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“อะไรวะ แค่นี้ให้มาพักไม่ได้รึไง ห้องฝุ่นก็นอนได้ ทีมขี้งก ไอ้ขี้งก โกรธ!” ดูสิครับ แฟนผม เด็กมั้ยล่ะ
แอ๊ะๆ เด็กแต่ก็รักนะ กร๊ากกก
“นี่ ฟังก่อน” ผมพยายามดึงให้น้องนั่งลง แต่ฝุ่นก็ไม่ยอม ทำหน้าย่นใส่ผม พอดีกับที่ประตูบ้านถูกใครบางคนเปิดออก ฝุ่นก็ได้ทีรีบหาพรรคพวกเลยครับ
“น้าอิ่ม” เออ ลูกคู่ทีมใหญ่ กูตายแน่
“ไงจ๊ะฝุ่น ทีม คุยอะไรกันอยู่เอ่ย” น้าอิ่มยิ้มกว้างตอนที่ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน พ่อผมเดินตามเข้ามาติดๆ ขานี้ก็เห่อเมียและลูกมากครับ...อ่อ ผมยังไม่ได้เล่าใช่มั้ย ว่าตอนนี้น้าอิ่มเองก็ท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว บ้านเรากำลังจะมีเสียงเด็กเล็กอีกแล้วล่ะครับ เอิ้ก
“น้าอิ่ม ถ้าวันมะรืนยูลจะมาค้างที่บ้านได้รึเปล่าครับ”
“ได้สิจ๊ะ”
“ไม่!!!!!” ไม่ใช่เสียงพ่อหรอกครับ ผมเองแหละ ได้ยินชื่อไอ้หรั่งนั่นแล้วอารมณ์เสีย ดูสิครับ ขนาดจะให้ถ่านไฟเก่ามาพักที่บ้าน ฝุ่นยังกล้าโกหกผมเลย ว่าเป็นเพื่อนเก่า แล้วแบบนี้จะให้ผมเชื่อใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรจริงๆ
“อะไรเล่า ทำไมแกไปห้ามน้องแบบนั้น ยูลอะไรนี่ก็เป็นเพื่อนน้องตอนอยู่อเมริกาไม่ใช่เหรอ” พ่อหันมาเอาความที่ผมทันทีครับ โคตรอยากบอกเลยว่านั่นเป็นชู้ของเมียผม แต่ติดตาดุๆ ของฝุ่นที่ขึงใส่ เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากบิดเบือนข้อเท็จจริง
“ผมไม่สะดวก”
“ลุงสินดูสิครับ ทีมขี้งกกับผมอะ” นี่สาบานได้นะว่าเป็นคนเดียวกับไอ้เด็กดื้อที่พูดแทบจะไม่เป็นเมื่อหลายเดือนก่อน ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้ฟ้องจังวะ
“นั่นสิ แกจะไม่สะดวกอะไร ห้องนอนน้องกับแกก็คนละห้องกัน ถ้าเพื่อนฝุ่นมาจะให้นอนห้องนอนของแขกก็ได้นี่ ไม่เห็นจะลำบาก”
“แต่ผม...”
“งั้นไม่เป็นไรครับ” ฝุ่นทำเสียงหงอย “เดี๋ยวผมให้ยูลไปนอนที่โรงแรมข้างนอกก็ได้ ช่วงนั้นผมก็ออกไปนอนเป็นเพื่อนยูลก็แล้วกันครับ”
“แบบนั้นจะดีเหรอจ๊ะฝุ่น”
“นั่นสิ ลำบากนะลุงว่า”
“เออๆๆๆ มาที่บ้านก็มาสิวะ เซ็กส์ซี่มึงไปห้ามฝุ่นทำไม!!” ทั้งที่วันนั้นฝุ่นมีเรียนตั้งแต่เช้า แต่น้องก็เลือกที่จะโดดเพื่อไปรับชู้ที่สนามบิน ส่วนผมน่ะหรือ ได้แต่รับฟังด้วยสีหน้าเซ็งๆ ไม่ได้คุยกับฝุ่นดีๆ มาตั้งแต่วันที่น้องบอกว่าไอ้หรั่งยูลจะมาพักที่บ้านแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรครับ เหมือนเป็นคำต้องห้าม ได้ยินชื่อมันปุ๊บ ฟ้าพาลจะมัวทุกที
พ่อกับน้าอิ่มออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ทิ้งให้ผมนอนคว่ำหน้าด้วยสภาพโทรมๆ อยู่บนเตียงยันเก้าโมงเช้า ก่อนที่เสียงทุบประตูที่ดังราวกับออดไฟไหม้จะรัวขึ้น ผมจึงงัวเงียเงยหน้าขึ้นมาบอก
“เปิดเลย ไม่ได้ล็อคประตู” หรือพูดให้ถูกก็คือ ประตูที่เชื่อมตรงห้องน้ำ ไม่มีกลอนโว้ย
“”ตื่นเร็ว ออกไปรับยูลกัน”
“ง่วง” ผมตอบ แน่นอนว่าฝุ่นเดินเข้ามาผลักผมทันที “อะไรวะ”
“ทำไมทำตัวแบบนี้ ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ยูลทำอะไรผิด”
โอ้โห ยังจะกล้าถามว่าไอ้หรั่งทำอะไรผิด ถ้าให้ลิส สิบหน้ายังไม่เสร็จเลยจ้ะฮันหนี
“ไม่ได้ผิด แต่เกลียดมัน” ผมตอบ แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำแบบไม่สบอารมณ์ ตอบไม่ถูกเหมือนกันครับว่าทำไมถึงได้ใส่อารมณ์กับน้องมากขนาดนั้นทั้งที่ฝุ่นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว เออ ก็ยอมรับว่าหึง จะไม่ให้หึงได้ยังไง ในเมื่อพฤติกรรมของฝุ่นไปสอดคล้องกับหลักเมียมีชู้ แล้วไอ้ชู้นั่นก็กำลังจะมาเสวยสุขที่บ้านของผมในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี่!
ห๊ะ? ไม่เคยได้ยินหลักเมียมีชู้? โหย เชยว่ะ เชยมากๆ
ข้อแรก...เมียมีชู้จะเริ่มมีความลับ
ข้อสอง...เมียมีชู้จะเริ่มมีเบอร์แปลก..และแน่นอนว่าต้องเดินหนีไปคุย
ข้อสาม...(ก่อน)เมียมีชู้เราต้องรู้ให้ได้ ToTb
แค่นี้ยังน้อยนะ ถ้าให้ลิสจริงจนไอ้หรั่งบินกลับถึงเมกาแล้วผมยังพูดไม่จบเลยเหอะ (ทึ้งหัวตัวเอง)
ด้วยความรักที่มี ทำให้ผมยืนอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนานเกือบชั่วโมง กว่าจะแต่งตัว เช็ตผมอีกก็กินเวลาไปโขอยู่ ฝุ่นก็เดินมาเคาะประตูรอบแล้วรอบเล่า แต่สนใจมั้ย....นิดนึง กร๊ากก ฝุ่นรีบ แต่ผมไม่ได้รีบนี่นา ก็นั่นแหละครับ ออกมาก็เจอสุดที่รักนั่งหน้าเป็นจวักรออยู่ก่อนแล้ว
“ปากจะติดจมูกแล้ว” ผมเดินเข้าไปจับปากฝุ่นเล่นเบาๆ หวังจะให้น้องยิ้ม แต่กลับกัน ที่รักเขาปัดมือผมทิ้งบอกเสียงเขียว
“จงใจแกล้งกันใช่มั้ย เครื่อง
ยูลลงตั้งแต่เมื่อสิบนาทีที่แล้ว ทำไม
มึงเป็นคนแบบนี้” เพล้ง.....ยูล...มึง...
“ฝุ่น” ผมเรียกน้องเสียงเข้มเป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่านอกจากเขาจะไม่รู้ตัวแล้ว ยังไม่สนใจอีกด้วย
“เรียก
กูทำไม”
“ฝุ่น” เราขอเตือนท่านเป็นครั้งที่สอง ถ้ามีครั้งที่สาม น้องจะโดนงับปาก และไม่ได้ออกจากห้องนี้ไปอีกสัปดาห์นึง
“จะไปข้างนอกแล้ว รีบๆ เดินออกมาด้วย!” นอกจากจะไม่มีคำขอโทษ น้องยังกระแทกเสียงใส่ผมแล้วเดินฉับๆ ออกจากห้องนอนไปเลยครับ เออ คาดโทษไว้ก่อน ได้โอกาสเมื่อไหร่จะทบต้นทบดอกให้แสบถึงไส้ติ่งเลยเชียว
ผมจงใจทำตัวเลว ขับรถอ้อมโลกมาที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมารับไอ้หรั่งชู้รัก ตลอดทางฝุ่นไม่พูดอะไรกับผมสักคำ สงสัยจะโกรธมาก แต่นาทีนี้ผมก็ไม่ง้อหรอกครับ โกรธเหมือนกัน
โชคร้ายของผมที่เที่ยวบินที่ไอ้หรั่งมันเกาะล้อมานั้นเสือกดีเลย์! แม่งเอ๊ย แฟนโกรธแล้วต้องมานั่งรอชู้อีก ชีวิตกูประเสริฐแท้
ผมตัดสินใจบอกให้ฝุ่นนั่งรออยู่ที่มุมหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ออกไปสูบบุหรี่แก้เครียด พลางกดโทรศัพท์หาไอ้เชี่ยไกด์ที่ป่านนี้คาดว่าคงกำลังนั่งดูหนังโป๊อยู่ที่บ้าน
((รายสราด)) ดูมันสิครับ รับโทรศัพท์ได้ผู้ดีมาก
“เมียกูมีชู้”
((ห๊ะ? กู้อีจู้? คืออะไรวะ)) มันถามไปก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี แม่ง จะมามุขไหนกูก็ขำไม่ออกนะ สถานการณ์แบบนี้น่ะ
“กู้อีจู้พ่อมึงสิ กูบอกว่า ฝุ่นมีชู้!” ผมตะโกนใส่โทรศัพท์
((อะไรของมึง ตอนนู้นก็พี่อ๋องโดนเมียบอกเลิก ตอนนี้เมียมึงมีชู้ พวกมึงสองคนโคตรสมเป็นพี่น้องรหัสกันเลย มีแต่ปัญหาเรื่องกามๆ)) ดูมันบ่น ((กูสงสัย ถ้าไม่มีปัญหานี่ชีวิตคู่มึงขาดรสชาติเหรอครับเชี่ยทีม))
“นี่กูโทรมาบ่นให้มึงฟังนะ ไม่ใช่ให้มึงด่ากู” ผมบอก ไอ้เพื่อนเลวเลยหัวเราะออกมาแล้วถาม
((มึงแน่ใจได้ไงว่าน้องฝุ่นมีชู้))
“จะไม่แน่ใจได้ไง พักนี้ฝุ่นชอบทำตัวมีความลับกับกู หนีไปนั่งคุยโทรศัพท์คนเดียวบ่อยๆ พอถามเข้าก็บอกว่าเพื่อน แม่งดีนะที่กูรู้จักอันดาด้วย ไม่งั้นคงตามไปกระทืบถึงบ้าน"
((เกี่ยวไรกับอันดาวะ)) ไอ้ไกด์มันถามงงๆ ครับ
“หอก ก็อันดาเรียนคณะเดียวกับแฟนกูไงครับ ม.เดียวกันด้วย” ผมตอบข้อสงสัยของมัน ไอ้เชี่ยไกด์เลยถึงบางอ้อบอกกลับมา
((อาจจะเพื่อนจริงๆ ก็ได้ แต่น้องฝุ่นรู้ว่ามึงชอบทำตัวพล่านแบบนี้เลยไม่อยากคุยให้ได้ยินรึเปล่า ถ้าเป็นกูมีแฟนนิสัยแบบมึงกูก็ไม่อยากคุยโทรศัพท์ต่อหน้าเหมือนกันแหละ...อ่อ ไม่สิ นี่ดีนะที่น้องยังทนได้ เป็นกู กูไม่ทนหรอก แฟนสันดานแบบมึงอะ))
“นี่มึงเป็นเพื่อนกูแน่รึเปล่าครับไกด์ ตั้งแต่รับสายนี่ยังไม่หยุดด่ากูเลยนะ”
((หึหึ กูด่ามึงอยู่แค่สองเวลาเอง แค่ตอนหายใจเข้าแล้วก็ตอนหายใจออก)) มันบอกแล้วหัวเราะลั่น เอ๊ะ ก็บอกว่าวันนี้กูอารมณ์ไม่ดี ไม่ขำไง
“งั้นเตรียมหยุดหายใจได้เลย แสรด”
((ไม่เอาน่ามึงนี่ ทำตัวเป็นผู้หญิงมีเมนส์ไปได้ กูว่าไม่มีอะไรหรอก อย่าไร้สาระนัก เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ว่างๆ ก็ไปไถนาซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน)) มันบอกขำๆ ((เฮ้ย มีอะไรอีกรึเปล่า เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอก))
“เออๆ ไม่มีอะไรแล้ว ไอ้พวกเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อน” ผมทิ้งท้ายด่ามัน แต่มีหรือที่คนหนังหนาอย่างเชี่ยไกด์จะสะทกสะท้าน มันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้ววางสายไป ผมจัดการดับบุหรี่แล้วเดินกลับเข้าไปในอาคารพักผู้โดยสาร แอบเห็นฝุ่นอยู่ไวๆ กำลังจะเดินไปหาแต่เท้าผมชะงักนิดหน่อยตอนที่เห็นแฟนเต็มตา น้องไม่ได้มีแขนงอกเพิ่มหรืออะไร แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจกระตุกก็คือ....ฝุ่นไม่ได้อยู่คนเดียว
ฝุ่นยืนยิ้มกว้างคุยกับไอ้หรั่งที่ไหนไม่รู้ด้วยท่าทางสนิทสนม อยากจะเดินหนีไปด้วยความโกรธแต่เห็นท่าทางรุ่มร่ามของไอ้แขกไม่ได้รับเชิญที่เอาแต่จับมือจับแก้มแฟนแล้วผมก็ทนไม่ได้รีบสาวเท้าเข้าไปหาน้อง ทันทีที่ถึงตัวก็ยกมือขึ้นโอบไหล่ฝุ่นดึงเข้าหาตัวทันที คุณแฟนสุดที่รักเขาสะดุ้งเฮือกหันหน้ากลับมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ
“ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้ “แฟน” รู้จักหน่อยเหรอ” ผมถามเป็นภาษาอังกฤษ โอบไหล่ฝุ่นแน่นขึ้นเมื่อน้องเริ่มดิ้นและผลักออกขณะที่มองหน้าไอ้หรั่งนั่น มันมองหน้าผมกับฝุ่นสลับกันไปมาพักหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามใส่น้อง ฝุ่นทำสีหน้ากระอักกระอ่วนตอนที่ยอมพูดออกมา
“ทีม นี่ยูลเพื่อนของฝุ่นเอง...ยูล นี่แฟนของฉัน”
“แฟน..? ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”
“เมื่อไหร่ก็ไม่สำคัญโว้ย รู้แค่ตอนนี้เรารักกันก็พอ” ผมบอกเสียงเหี้ยมแล้วจ้องไอ้หรั่งยูลเขม็ง ได้ยินชื่อมันทีแรกก็นึกว่าหน้าจะตี๋ๆ ออกเกาหลีนิดๆ แต่แม่งที่ไหนได้ฝรั่งมังค่าแบบที่รบกับญี่ปุนตอนสงครามโลกนี่หว่า พูดจาไม่เข้าหูมันมากๆ จะเอาปรมาณูมายิงบ้านกูป่าววะนี่ เอิ้ก
“งั้นหรือ..? หึหึ ยินดีด้วยนะฝุ่น แต่ฉันเหนื่อยแล้วล่ะ เราขึ้นรถกลับบ้านนายกันเลยได้มั้ย” มันไม่พูดกับผมแต่กลับหันไปหาฝุ่นแทน น้องก็ดีใจหาย ระริกระรี้เดินเข้าไปเกาะเพื่อนพาไปที่รถของผมทันที แต่ก่อนที่ไอ้หรั่งมันจะเดินพ้นตัวผมไป ก็ทันได้ยินมันกระซิบเสียงขุ่นอยู่ข้างหู
“เก็บปลาย่างให้พ้นมือแมวก็แล้วกัน” งั้นกูจะยอมกลายเป็นหมาเฉพาะกิจ ไว้คอยจัดการแมวขี้ขโมยอย่างมึงเอง!!
โตมายี่สิบกว่าปี ผมไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกไหนที่ให้อารมณ์ได้รุนแรงเท่ากับคำว่า “หมาหัวเน่า” เลยจริงๆ ตอนมีผมอยู่คนเดียว เอะอะอะไรก็ทีมอย่างนั้น ทีมอย่างนี้ แต่ดูตอนนี้สิ มีชู้มานอนเกยอยู่ที่บ้าน ไอ้ทีมก็หายไปจากการรับรู้ของน้อง ตลอดเวลาฝุ่นเอาแต่สนใจไอ้หรั่ง ถามนั่นคุยนี่แล้วก็หัวเราะกันอยู่สองคน จนตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้วเสียงหัวเราะและพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเลิศยังงุ๊งงิ๊งๆ ลอดบานประตูมาให้ผมอยากอกแตกตาย
อยากจะเดินไปเคาะประตูแรงๆ บอกให้เงียบ หรือไม่ก็กระทืบไอ้หรั่งสักรอบสองรอบให้หายปวดใจ แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากเมื่อเย็นว่า “ยูลของข้า ใครอย่าแตะ” ก็ทำให้แผลใจกำลังบอบช้ำและเริ่มติดเชื้อ (ปาดน้ำตา)
เมื่อตอนเย็นผมเป็นคนลงมือทำกับข้าว เพราะป้าแจ่มแกต้องเลี้ยงหลานด้วยในช่วงเย็นจึงทำให้ไม่มีเวลามาทำกับข้าวให้ ด้วยความรักและสงสารไอ้ชู้รักสุดหัวใจ ผมเลยจัดการทำกับข้าวรสชาติเผ็ดจี๊ดไปให้กิน เท่านั้นแหละ พ่อ น้าอิ่ม และฝุ่นรุมว่าและค่อนขอดผมโทษฐานรังแกไอ้หรั่ง
ถึงจะเริ่มแก่แต่ผมก็อยากทำตัวน่ารักแสนงอนให้น้องง้อบ้างตามประสาคนรักกัน แต่ดูเหมือนมันจะเป็นได้แค่ความต้องการเพียงฝ่ายเดียวของผม เพราะนอกจากฝุ่นจะไม่เคยง้อ ไม่เคยทำตัวน่ารักอิ๊อ๊ะเหมือนคนอื่นแล้ว ดีไม่ดีน้องยังปล่อยผมที่โกรธจัดไว้เฉยๆ เพื่อให้ลืมและหายโกรธไปเองเสียอีก มันน่าน้อยใจจริงโว้ย ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกที่มาหลงรักหลงเอาใจเด็กคนนี้
ผมพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ แต่เสียงพูดคุยที่รบกวนประสาทผมอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ไม่อาจปิดตาลงได้ ผมเลือกที่จะทำตัวเลวอีกครั้ง เดินไปที่ประตูเชื่อม ไม่คิดจะเคาะด้วยแต่เปิดเข้าไปในห้องนอนของฝุ่นเลย
“เบาๆ หน่อยได้มั้.....” ยังพูดไม่ทันจบแต่วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว....
ภาพน้องที่นอนหงายอยู่บนเตียง มีไอ้เหี้ยยูลนอนคร่อม หน้าผากแตะชิด ปากห่างกันแค่ลมหายใจกางกั้นก็ทำให้ผมไม่ต้องขอตัวช่วยใดๆ มาอธิบายเพิ่มอีกต่อไป ฝุ่นหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจ น้องรีบผลักไอ้หรั่งออกจากตัว ภาพมันเหมือนในละครแทบทุกอย่าง แค่แฟนของผมไม่ใช่ผู้หญิงเท่านั้นเอง แม่ง เคยนั่งดูแล้วด่าพระเอกในละครว่ามันถูกจัดฉากนะไอ้โง่ แต่ตอนนี้รู้เองแล้วครับว่ากูโคตรช็อคเลย ฮืออออ
“ทีม มันไม่ใช่อย่างที่ทีมคิดนะ ฟังฝุ่นก่อน” เด็กที่ผมรักสุดหัวใจดูตื่นตระหนกตอนที่วิ่งเข้ามารั้งผมเอาไว้ไม่ให้เดินกลับห้องไปด้วยอาการจิตหลุด แต่หน้าผมคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้น้องถึงกับพูดไม่ออก
“พูดมา” ผมเองก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาอุดเอาไว้ตรงขั้วหัวใจไม่ให้เลือดไหลผ่าน ตัวชา สมองหยุดการทำงาน ที่อกเหมือนโดนมีดเล่มเล็กๆ แทงอย่างไม่มีความปรานีจนเป็นรูรั่วจำนวนมาก
“มัน มันไม่ใช่อย่างที่ทีมคิด ฝุ่นกับยูลไม่ได้มีอะไรกันนะ”
“ไม่ได้มีอะไรกัน?...ฝุ่นคิดว่าพี่กินหญ้าเหรอ...พี่โง่สินะที่เชื่อใจ ถ่านไฟเก่ามันยังไม่มอดนี่เอง” ผมพูดเหมือนคนละเมอเพ้อ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดออกไปได้ยังไง ฝุ่นหน้าซีดไปถนัดตา น้องจับแขนผมแน่นขึ้นในขณะที่ไอ้เหี้ยมือที่สามมันกลับเดินเข้ามาดึงฝุ่นออกไปจากผม
“so…he is mine?” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะสะบัดมือของน้อง แล้วเดินออกมาจากห้องนอนของฝุ่นด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ก็สงสัยอยู่บ้างว่าทำไมพักนี้ฝุ่นทำตัวแปลกไป แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเรื่องพรรค์นี้กับตา
ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ผมก็จัดการเลื่อนโต๊ะหัวเตียงมาบังประตูเชื่อมเอาไว้ เนื่องจากตรงนั้นมันไม่มีกลอน ไว้ให้ใจผมพร้อมมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะเอายังไง
ผมเดินวนไปมาในห้องนอนด้วยความวุ่นวายใจ รู้สึกร้อนรนปนเสียใจอยู่ตลอดเวลา เห็นภาพซ้อนของแฟนกับไอ้เหี้ยนั่นอยู่ด้วยกันก็ยิ่งปวดใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าคงจะไม่หายง่ายๆ ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งแรกที่ผมคว้าขึ้นมากดโทรออก
“เชี่ยไกด์ เจอกันที่คอนโดมึงนะ” บอกไปแค่นั้นไม่ได้รอฟังด้วยซ้ำว่าปลายสายมันหลับแล้วหรือยัง ผมจัดการแต่งตัวใหม่ลวกๆ หยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์และกุญแจรถ แล้วออกจากบ้านไปทันที
“มึงเป็นส้นตีนอะไรถึงโทรหากูดึกดื่นแบบนี้” ทันทีที่มันเห็นหน้าผมก็สำรอกคำหยาบถามออกมาทันที
“กูบอกมึงแล้วว่าฝุ่นมีชู้” ผมพูดไปก็เสียใจไป ไม่ปนขำๆ เหมือนทุกทีแล้ว เชี่ยไกด์ทำหน้าเหวอเล็กน้อยตอนที่จัดการปิดประตูห้อง มันเดินไปหยิบแก้วน้ำผลไม้มาส่งให้ผม
“อะไรของมึงวะ อย่ามาแต่ผล กูขอเรื่องราวด้วย”
“ก่อนหน้านี้ฝุ่นเคยมีคนสนิทชื่อยูล กูก็คิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะฝุ่นบอกว่าไม่เคยแม้แต่จะคบกันด้วยซ้ำ แต่มึงรู้มั้ยวันนี้กูเห็นอะไร” ผมเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง รู้สึกเหมือนกำลังจะสำลักลมหายใจของตัวเองตาย มองหน้าไอ้เชี่ยไกด์นิ่งตอนที่บอก “ไอ้เหี้ยนั่นกำลังคร่อมเมียกูอยู่”
“เฮ้ย จริงเหรอวะ เค้าเล่นกันรึเปล่า” ไกด์มันทำตาโต
“เล่นเหี้ยอะไรล่ะ ถ้ากูเข้าไปช้ากว่านี้คงได้เห็นไอ้เหี้ยหรั่งกำลังไซร้คอฝุ่นอยู่ล่ะมั้ง” ผมพูดไปก็สบถไปด้วยความหัวเสีย
“ถ้าเป็นงั้นจริงมึงจะทำไง”
“แล้วมึงคิดว่ากูจะทำไงล่ะ” ผมย้อนถาม
“ถ้าเป็นมึงที่กูรู้จัก มึงจะไม่ออกมาจากบ้านง่ายๆ แบบนี้หรอก คงบอกเลิกไปก่อนแล้วค่อยวิ่งแจ้นมาหากูเนี่ย”
“แสรด นี่มึงยุให้กูเลิกกับเมียเหรอ” ผมตั้งท่าจะปาแก้วใส่ ไอ้ไกด์มันเลยเอาหมอนอิงขึ้นมากันพลางแก้ตัว
“คำไหนในประโยคของกูวะที่บอกให้มึงเลิกกับฝุ่น หอกนี่ ตีความมั่วแล้วมาด่ากู” มันบ่นหงุงหงิงตามสไตล์ ก่อนจะบอกอีก “กูหมายถึงว่า ถ้าเป็นมึงตามปกติจะต้องทำแบบนั้น มึงจำดาวรัฐศาสตร์ที่มึงบอกเลิกเค้าต่อหน้าประชาชีเป็นร้อยได้มั้ยล่ะ”
“เออ การกระทำที่ไม่แมนที่สุดในชีวิตกูเลย” ผมตอบรับแบบเซ็งๆ ดาวรัฐศาสตร์คงคิดว่าตัวเองสวยและฉลาดที่สุดในปฐพีเพราะเธอควงทั้งผม และผู้ชายวิศวฯ อีกคนนึง แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญที่ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ เลยมีคนคาบข่าวมาบอก นั่นแหละ จัดเลย กลางลานเกียร์จ้ะ เอิ้ก
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ” ผมถามเพราะยังไม่เข้าใจว่าไอ้ไกด์ต้องการจะบอกอะไร
“ไม่เกี่ยว กูแค่ยกตัวอย่างว่ากับคนอื่นที่เขานอกใจมึง มึงก็ยังกล้าบอกเลิกเขาได้แบบหักหน้ากันแรงๆ แต่กับฝุ่น มึงเห็นขนาดนั้นก็ยังไม่บอกอะไรน้องไง”
“แต่กูก็เสียใจ” ผมบอกหงอยๆ
“เออ กูรู้ ก็เพราะมึงรักน้องไง เลยเป็นแบบนี้” มันบอกอีก “แต่เซ้นส์กูบอกว่าฝุ่นไม่ได้นอกใจมึงอย่างที่มึงคิดหรอก”
Rrrr Rrrr
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้พวกผมสองคนต้องชะงักบทสนทนาไว้แค่นั้น ไอ้ไกด์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่ข้างๆ ตัวขึ้นมาดูที่หน้าจอ มันยื่นมาให้ผมดูแวบหนึ่ง ก่อนจะเอากลับไปกดรับ
...เบอร์ส่วนตัวของฝุ่น...
“หวัดดีคร้าบ” มันกรอกเสียงกวนตีนลงไป ผมไม่รู้ว่าปลายสายพูดว่าอะไรกันแน่แต่จากคำตอบของไอ้ไกด์ก็ทำให้พอเดาออก
“หืม..เชี่ยทีมเหรอ” มันหันมามองหน้าผมเป็นเชิงถาม ผมเลยรีบโบกมือพลางส่ายหน้าดิกให้มันตอบไปว่าไม่อยู่ ไอ้ไกด์ก็ทำตามอย่างดิบดี “ไม่อยู่นะน้องฝุ่น มีอะไรกันรึเปล่า”
“...อ่อ งั้นถ้าพี่เจอไอ้ทีมแล้วจะบอกให้มันโทรหานะ..ครับ หวัดดีครับ”
“ฝุ่นบอกว่าอะไร” กว่าจะทันได้ห้ามปาก ก็ถามออกไปแล้ว ไอ้ไกด์ทำหน้าตาเหรอหราแบบจงใจกวนตีน
“อยากรู้ก็โทรไปถามสิวะ โอ๊ยไอ้เหี้ย!” มันด่าเต็มเสียงเพราะผมเขวี้ยงหมอนใส่หน้า ไอ้ไกด์จับจมูกตัวเองที่แดงก่ำเพราะแรงกระแทกก่อนจะยอมบอก “น้องบอกว่ามึงเข้าใจผิดนิดหน่อย พอจะเข้าไปอธิบายที่ห้อง มึงก็หายไปไหนแล้วไม่รู้
น้องร้องไห้ด้วยนะมึง”
“กูกลับบ้านก่อนนะ” ได้ยินมันบอกแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนกำลังจะหยุดหายใจ ผมคว้ากุญแจรถบนโต๊ะแล้วลุกขึ้น เชี่ยไกด์รีบคว้าชายเสื้อผมไว้ทันที
“โอ๊ย ไอ้เหี้ย มึงนั่งลงก่อนเลย” ก็เมียร้องไห้อะ กูต้องรีบกลับไปดูแลนะ TT เห็นน้องร้องไห้ทีไร ใจจะขาดทุกที “ถ้ามึงอยากให้บทเรียนดีๆ กับฝุ่นมึงก็เชื่อกู แต่ถ้าอยากเห็นสถานการณ์แบบนี้ซ้ำรอยอีกก็กลับบ้านไปปลอบเมียมึงซะเดี๋ยวนี้เลย”
กูยังมีตัวเลือกเหลืออีกเหรอวะ โอ้ก น้ำตาจะไหล
เจอกันตอนที่ 17 จ้ะ
eiizes’s talk
มาแว้วววววววววววววววว หายไปหลายวันอยู่(หัวเราะชั่ว)
พยายามเขียนตอนพิเศษ ค่อยๆ เคลียร์ไปเรื่อยๆ ค่ะ ทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนค่อยเปิดจองเนอะ
ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดีเลยค่ะ เดี๋ยวก็หนาวเดี๋ยวก็ร้อน ตอนหนาวนี่ก็ขอขดอยู่แต่ในผ้าห่มล่ะ สบายสุด เอิ้ก
ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้และวันพุธก็จะหนาวขึ้นมาอีกระลอกนึง รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคนนนน
เจอกันตอนหน้าจ้ะ มีคอมเม้นท์อะไร จัดได้นะจ๊ะ อุคิ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ
eiizes