บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]  (อ่าน 325603 ครั้ง)

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
อยากกระโดดถีบหน้าอิพี่อ๋อง
สงสารน้องสตังค์...
ชิ

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
15


เมื่อรักเรามาถึงจุดเปลี่ยน (อ๋องกับสตังค์ ตอนต่อ)




สรุปก็ไม่ใช่ผมที่เป็นคนขับรถ ไอ้ไกด์มันโทรตามไอ้บอล เพื่อนสนิทมันอีกคนให้มาขับแทนผมที่นอนพังพาบด้วยความมึนและแฮงค์ขั้นสุด โชคดีหน่อยที่รถของผมคันค่อนข้างใหญ่ ไกด์มันก็เลื่อนเบาะให้ตัวเองสามารถเหยียดขาหักๆ แต่ก็ยังริจะไปเที่ยวต่างจังหวัด ส่วนผมเหรอครับ...ขอตัวนอนเหยียดยาวอยู่ที่เบาะหลังก็แล้วกันนะ

“นี่เฮียไปทำอะไรมา ทำไมเมาเละขนาดนี้วะไกด์”

พอกูนอนหลับตาหน่อยก็นินทาเลยนะไอ้บอล เดี๋ยวกูก็ลุกขึ้นมาอ้วกใส่หน้าซะนี่

“อ้อ ทะเลาะกับเมียน่ะ เรื่องของคนแก่อย่าได้แคร์” หึหึ...แม่งกวนตีนจริงๆ

“เมื่อเช้ากูโทรไปหาไอ้ทีมมา แม่งด่ากูใหญ่ที่โทรไปปลุกมัน”

“เดี๋ยวๆ กูว่านะ มันไม่ได้โกรธที่มึงโทรปลุกมันหรอก แต่มันโกรธที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะผสมพันธุ์ของมันมากกว่า” ไอ้ไกด์มันนินทาเพื่อนสนิทแล้วก็หัวเราะออกมา

“เออ กูก็ว่างั้น ได้ยินเสียงใครไม่รู้หงุงหงิงๆ อยู่ใกล้ๆ มันด้วย” ไอ้บอลรายงานสถานการณ์

“น้องฝุ่นๆ...สงสัยแผนไอ้ทีมจะได้ผล” ไกด์มันบอกแล้วหัวเราะเบาๆ

“แผนอะไรวะ”

“ที่จริงวันนี้เป็นวันเกิดของแฟนมันน่ะ มันเลยฉลองให้แฟนตั้งแต่เมื่อคืน แต่มึงก็รู้สันดานมัน พระจันทร์ทำงานทีไร ไอ้เหี้ยนี่อยากผสมพันธุ์ทุกที”

“เอาจริงงงงงง” บอลมันลากเสียงยาวพร้อมหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน

“เออ ตกลงนะโมกับไอ้ปลายมารึเปล่าวะ” เสียงไกด์มันถามขึ้น จะว่าไปก็จริงของมัน ผมไม่เจอหน้านะโมกับไอ้ปลายมาตั้งแต่เจอกันที่ร้านคาราโอเกะคราวที่ไอ้ทีมมันพาแฟนไปเปิดตัว ส่วนอันดากับสิมิลันก็ไม่ว่าง ต้องอยู่ดูแลร้าน เพราะใกล้จะสงกรานต์แล้วลูกค้าก็เยอะเป็นพิเศษ

“นะโมไปเที่ยวเหนือกับที่บ้าน ส่วนไอ้ปลายแม่งไปเวิร์คที่ทรานซิลเวเนีย” บอลตอบ เวิร์คที่ว่าก็เวิร์คแอนด์ทราเวลนั่นเองครับ เด็กไทยที่อยากฝึกภาษาก็ค่อนข้างนิยมไปกัน แต่ผมว่าของแบบนี้ ถ้าไม่ขยันพูด ก็ไม่ค่อยได้อะไรเท่าไหร่นะ

“เฮ้ย ไม่ใช่แม่งได้เมียเป็นผีดูดเลือดกลับมานะ” เชี่ยไกด์ว่าติดตลก สองคนนั้นหัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก


อาจเพราะเราสามคนออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า เลยมาถึงที่หมายกันเร็วหน่อย เกือบสิบโมงเองครับตอนที่ไอ้ไกด์มันหันมาเขย่าตัวผมให้ลุกขึ้น พอมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความง่วง ก็เริ่มดีขึ้นมาสักหน่อย

ไอ้ทีมมันเลือกทำเลดีจริงๆ ครับ

ทะเลสีฟ้าครามกว้างสุดลูกหูลูกตาอยู่ทางด้านขวามือของคันรถ แต่ถ้ามองออกไปทางกระจกหน้าจะเห็นเป็นภูเขาลูกโตสองสามลูกไล่เรียงซ้อนทับกัน ไอ้บอลมันเลื่อนกระจกลงให้ลมทะเลพัดเข้ามาในคันรถ กลิ่นเค็มๆ ของเกลือซัดเข้ามาเต็มที่ ไม่ห่างจากคันรถที่เริ่มชะลอลงเท่าใดนัก เป็นบังกะโลขนาดกลางตั้งอยู่หันหน้าออกไปทางหาดพอดี

“เหี้ยทีมแม่งเลือกที่พักดีชิบหาย กะให้น้องเคลิ้มแล้วจับทำเมียเลยมั้งเนี่ย” ไอ้ไกด์ยังไม่เลิกบริภาษเพื่อนสนิท

ผมเดินงงๆ ลงจากรถด้วยอาการสมองยังทำงานไม่เต็มที่ ไอ้ไกด์โชคดีหน่อยที่มันขาเดี้ยง ทำให้มันรับหน้าที่แบกขนมถุงใหญ่แต่เบาไปแทน ส่วนผมกับไอ้บอลก็ช่วยกันแบกกระเป๋าและลังเบียร์ที่เหลืออีกลังกว่าๆ ลงไปที่บ้านพัก

ไอ้ทีมยืนถือโทรศัพท์ในมือ ยิ้มหน้าแป้นรออยู่ก่อนแล้ว มันใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสามส่วนโชว์กล้ามเนื้อเต็มๆ ที่ได้มาจากการเล่นเทควันโดตั้งแต่เด็กๆ ถึงมันจะเลิกเล่นไปหลายปีแล้วแต่ไอ้น้องรหัสก็ยังหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ

“ไงมึงไอ้เดี้ยง ถ่อสังขารมาจนได้นะ” ทีมมันเริ่มปล่อยหมาออกมาทักทายพวกผมทันทีครับ ไกด์มันเลยยกมือขึ้นแจกนิ้วกลางให้แทนคำตอบรับ

“แล้วน้องฝุ่นล่ะวะ หรือมึงกลืนน้องไปทั้งตัวแล้ว” ไอ้บอลเอาบ้าง

“แหมะแหมะ เพื่อนบอล มาถึงก็ถามหาเมียเพื่อน มึงจะเป็นชู้กับแฟนกูรึไง” ไอ้ทีมบอกพลางหัวเราะหึหึ แล้วรับถังน้ำแข็งกับเหล้าอีกสองกลมไปไว้ที่ลานทรายหน้าบ้าน ผมได้ยินมาว่าไอ้ทีมมันรู้จักกับเจ้าของที่พักเป็นการส่วนตัว เลยได้ทำเลค่อนข้างดีและราคาพิเศษ

“ฝุ่นอยู่ในห้อง เพิ่งอาบน้ำเสร็จเอง พวกมึงคงไม่ว่าอะไรถ้าวันนี้แฟนกูจะมึนๆ ไปสักหน่อย”

“น้องเพิ่งคลานออกมาจากท้องมึงได้สินะเพื่อน” ไอ้เชี่ยไกด์ยังไม่เลิกลากบทสนทนาเข้าวังวนกามๆ ครับ

“ไม่คุยกับพวกมึงแล้ว แฟนกูเสียหายหมด” ไอ้น้องรหัสบ่นๆ แล้วมันก็เดินมาทางผมที่ทิ้งตัวลงนั่งพักบนเก้าอี้หินหน้าบ้าน “เป็นไรพี่อ๋อง มาเที่ยวทั้งที ทำหน้าเหมือนทะเลาะกับเมียมา”

แสด นี่พวกมึงมีญาณวิเศษเหรอ ทักอะไรตรงเผงขนาดนี้ แม่งซื้อหวยถูกแบบนี้บ้างรึเปล่าวะ

ผัวะ!

“โอ๊ย เหี้ยไรวะไอ้ไกด์” ไอ้น้องรหัสมันเงียบไปแป๊ปนึง ผมเดาเอาว่าไกด์มันคงยืนพะงาบๆ ปากบอกโดยไม่มีเสียงเพราะไม่อยากซ้ำเติมแผลของผม เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมอยากขอบคุณมัน

“เอ้อ...กูเข้าไปดูฝุ่นก่อนละกัน ปลุกให้ตื่นเช้าทีไร งอแงใส่ทุกที” ทีมมันพูดขึ้นมาอย่างนั้นแล้วทิ้งให้ผมนั่งเงียบอยู่ที่เดิม พอเสียงปิดประตูบ้านดังขึ้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ผมก็ดังตาม

เป็นเบอร์ของสตังค์ที่กำลังโทรหาผม...

สาบานได้ว่านี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่ผมรู้สึกกังวลใจกับการรับโทรศัพท์ ครั้งแรกก็ตอนหนีเที่ยวครั้งแรกแล้วแม่จับได้ตั้งแต่ผมยังไม่ถึงผับด้วยซ้ำ...แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากเล่าในตอนนี้

“ว่าไง” ผมกรอกเสียงลงไปแทนคำตอบรับ สตังค์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่น้องจะถามขึ้น

((พี่อ๋องอยู่ไหนเหรอ)) สตังค์ไม่ได้ตะโกนถามหรือเสียงดังอะไรทั้งนั้น ทั้งที่สั่นแต่ดูราวกับน้องพยายามพูดให้มันเป็นปกติมากที่สุด

“พี่อยู่พัทยา” ผมตอบไปตามความจริง ไม่อยากโกหก เพราะผมว่าสตังค์เองก็น่าจะเดาได้อยู่แล้วว่าผมอยู่ที่ไหน

((ตอนเย็นพี่อ๋องจะกลับมาทานข้าวกับตังค์มั้ยครับ))

“พี่จะค้างที่นี่คืนนึง...ตังค์ทานกับแม่ไปก่อนนะ” ผมบังคับไม่ให้เสียงตัวเองสั่นด้วยความรู้สึกผิดที่อัดแน่นเต็มหัวใจ เมื่อปลายสายเริ่มสะอื้นเบาๆ ลอดมาให้ได้ยิน

((พี่อ๋อง...ตังค์..ตังค์ไม่ได้อยากถามแบบนี้เลยนะ แต่ตังค์แค่สงสัย...อึก ระหว่างวันเกิดแฟนเพื่อน กับวันครบรอบของเรา พี่ก็เลือกวันเกิดแฟนเพื่อนเหรอ..ฮึก))

“สตังค์..”

((ถ้าพี่ยืนยันจะเลือกเพื่อน เลือกคนอื่นมากกว่า ตังค์ก็คงไม่มีสิทธิ์ห้ามพี่)) สตังค์บอกเบาๆ ผมเดาอารมณ์น้องไม่ถูกเลย ((แต่เรา..จบกันนะพี่อ๋อง พอแค่นี้เถอะนะ ตังค์ทนไม่ไหวแล้ว))

“สตังค์ เราพูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า” ผมใจหายวาบกับประโยคนั้น ตังค์กำลังบอกเลิกผม...เรากำลังจะเลิกกัน

((หลายครั้งที่ตังค์ไม่อยากพูด ตังค์ไม่อยากบีบบังคับพี่ เพราะรู้ดี...ฮึก...ว่าได้แค่นี้..มันก็ดีมากแล้วสำหรับตังค์ แต่..ฮึก ตังค์เป็นแฟนพี่นะ ตังค์ขอแค่วันเดียวที่พี่จะอยู่กับตังค์บ้าง...)) น้องร้องไห้หนักขึ้น ผมยิ่งร้อนรน อยากจะกลับกรุงเทพเสียเดี๋ยวนี้

“สตังค์..ฟังพี่ก่อน มันไม่ใช่ว่าพี่เลือกใครมากกว่า แต่พี่รับปากไอ้ทีมแล้ว”

((มันไม่ใช่แค่วันนี้หรอกพี่อ๋อง...ตังค์..เหนื่อยที่ต้องวิ่งไล่ตามพี่คนเดียว)) เสียงสะอื้นดังลอดโทรศัพท์มาหนักขึ้น ผมยิ่งใจหายมากกว่าเดิม น้องร้องไห้ไม่หยุดตอนที่บอกผม ((เราจบกันแค่นี้เถอะนะ...แล้วสักวันหนึ่งพี่คงเจอคนที่พี่รักจริงๆ อย่าทำให้เค้าเสียใจเหมือนที่พี่ทำกับตังค์ ส่วนข้าวของที่อยู่ในบ้านพี่ ตังค์จะขนกลับบ้าน...ฮึก...ตังค์รักพี่นะพี่อ๋อง รักมาก และจะรักตลอดไป...))

“สตังค์!!” มันไม่ทันแล้ว สตังค์ตัดสายโทรศัพท์ไปแล้ว ผมพยายามโทรไปอีกครั้ง แต่น้องก็ปิดเครื่องหนี จนผมหมดสิ้นทั้งแรงและความพยายาม

ผมกลายเป็นไอ้บ้าที่ทั้งโง่ทั้งเซ่อนั่งอยู่คนเดียวบนเก้าอี้ม้าหินริมทะเล...หึ น้ำเน่าเป็นบ้า นี่ถ้าฝนตกหน่อยกูก็ครบสูตรเลย ผมหัวเราะให้ตัวเองเบาๆ ก่อนจะดังขึ้นและไม่คิดจะหยุดราวกับคนเสียสติ โทรศัพท์กลายเป็นสิ่งไร้ค่า ผมลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ทะเลเพื่อจะเขวี้ยงมันทิ้ง

โทรศัพท์เครื่องหรูราคาแพงตกลงน้ำดังจ๋อม...เครื่องละสองหมื่นหรือสองพัน ตกน้ำมันก็พังเหมือนกัน ไม่ได้ต่างอะไรกับใจคน จะรวยหรือจนถ้าเขาไม่เอา ก็เป็นคนที่ถูกทิ้งเหมือนกัน....

“พี่อ๋อง! บ้าป่ะวะพี่” ไอ้บอลเข้ามาดึงไหล่ผมให้ถอยไปแล้วมันก็วิ่งลงไปในทะเลเพื่อควานหาโทรศัพท์ของผม “ไอ้เหี้ยทีม มึงมาดูพี่มึงหน่อยดิ๊!!”

“ห๊ะ? ห๊ะ? ใครเรียกกู เกิดอะไรขึ้น” ไอ้ทีมมันวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องพัก แล้วตรงเข้ามาหาผม “พี่อ๋องเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม เกิดเหี้ยอะไรขึ้นเนี่ยเชี่ยบอล!”

ผมยกมือขึ้นสัมผัสแก้มตัวเอง น้ำอุ่นๆ ยังไหลออกมาไม่ขาดสาย หัวใจผมเจ็บร้าวจนรู้สึกเหมือนกับว่าต่อให้ใครเอามีดมาจ้วงแทงผมตอนนี้ก็คงไม่รู้สึก ผมทรุดตัวลงคุกเข่าที่พื้นทรายแล้วเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนไอ้ทีมมันก้มลงมาตบแก้มผมแรงๆ

“พี่อ๋องๆ เป็นอะไร”

“พี่อ๋องบ้าไปแล้วแม่ง พอรับโทรศัพท์เสร็จก็วิ่งเอาโทรศัพท์มาเขวี้ยงลงทะเล พังป่าววะเนี่ย” ไอ้บอลมันพูดบ่น แล้วแกะฝาหลังโทรศัพท์ผมออกดู น้ำเค็มไหลเจิ่งนองออกมา “โห...กูว่าซื้อใหม่น่าจะคุ้มกว่าค่าซ่อมว่ะ”

“เค้าเลิกกับกูแล้วทีม”

“ห๊ะ? ใครเลิกอะไรพี่ ผมงงแล้วเนี่ย ไอ้เหี้ยไกด์มึงมาขยายความให้กูฟังที”

“สตังค์บอกเลิกกูแล้ว” ผมบอกพลางจับแขนมันแน่น ไอ้ทีมตาโต มันหันไปซักเอาความกับเพื่อนสนิททันที ไอ้บอลกับฝุ่นเดินเข้ามากึ่งลากกึ่งประคองผมให้เดินเข้าไปนั่งซึมในบ้านพักก่อน ขณะที่ไกด์กับทีมยังไม่เข้ามา มันคงกำลังคุยกันให้รู้เรื่องอยู่ เสียงไอ้ทีมตะโกนงงๆ เข้ามาอยู่หลายรอบ

“พี่ไม่ลองโทรไปหาน้องดูอีกทีเหรอพี่อ๋อง” ไอ้บอลมันถามขึ้นอย่างเกรงใจ

“เค้าคงไม่อยากรับโทรศัพท์กูแล้วล่ะ”

“แล้วพี่รู้ได้ไง ว่าแฟนพี่ไม่อยากคุยด้วย” ฝุ่นเป็นคนแย้งขึ้นมาอีก

“กูรู้จักเด็กคนนั้นดีกว่าใคร ถ้าสตังค์ถึงขั้นบอกแบบนี้แปลว่าเค้าคงทนกูไม่ได้แล้ว...” ผมพูดไปก็รู้สึกถึงหยาดน้ำตาที่ไหลออกจากตาไม่หยุด หัวใจผมเจ็บเหมือนโดนค้อนหนักๆ ทุบเอาสามสี่ครั้งจนมันบอบช้ำ...แต่สตังค์ คงเป็นมากกว่าผม...หลายร้อยเท่า

บางทีผมก็สงสัย ว่าน้ำตา...มันไหลออกมาจากที่ไหนกันแน่ ดวงตาหรือหัวใจ..?



ตอนช่วงบ่ายหลังสงบใจกันได้พักหนึ่ง พวกผมตัดสินใจจะออกไปทานอาหารที่ร้านริมหาดใกล้ๆ ถึงสติจะยังกลับมาไม่พร้อมมูลดี แต่ผมก็ไม่อยากให้ทุกคนต้องมากร่อยไปด้วย ยิ่งวันนี้เป็นวันเกิดของฝุ่นด้วยแล้วผมจึงรับปากว่าจะเป็นเจ้ามือให้ ให้ทุกคนสั่งได้เต็มที่ แน่นอนว่าไอ้ไกด์ก็คงเข้าใจความรู้สึกของผม...หรือไม่ก็ไม่เข้าใจอะไรเลย เพราะแม่งเฮฮาขึ้นทันที สั่งอาหารไม่ยั้งจนผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดเสียแล้ว

“ทีม หยิบกุ้งเผาให้หน่อย” ฝุ่นที่นั่งตรงข้ามผมพอดี บอกแฟนมันที่สลัดคราบความเจ้าชู้ออกไปจนหมดให้หยิบให้ เพราะจานกุ้งมันอยู่กระเถิบไปทางไอ้ทีมพอดี เจ้าตัวก็ดีใจหายกระดี๊กระด๊าแกะกุ้งให้อย่างออกหน้าออกตา “ให้หยิบ ไม่ใช่แกะ พี่ไกด์จะกิน ไม่ใช่ฝุ่น”

เท่านั้นแหละ ไอ้ทีมแม่งโยนกุ้งที่ยังแกะไม่เสร็จดีใส่จานเพื่อนที่นั่งประกบฝุ่นอีกข้างทันทีครับ

“หนอยยยยย ไอ้เพื่อนเลววว” เชี่ยไกด์ร้องลั่น 

“แล้วไม่บอกล่ะ” พูดไปมันก็ทำปากยื่นใส่ แม่งสวีทกันไม่ได้สงสารคนอกหักอย่างกูเลย

“เห็นปากมึงแล้วกูอยากเอาแม็กซ์เย็บว่ะทีม” ไอ้บอลแม่งพูดขึ้น เรียกเสียงฮาจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ผมเองก็พาลยิ้มออกไปด้วย

“เงี้ยแหละมึง พวกมีความรัก อะไรๆ ก็หวานแหววไปหมด ดูสิน้ำทะเลยังหวานได้”

“มึงลองแล้วเหรอวะไกด์ เดี๋ยวกลับไปเอาน้ำทะลใส่น้ำแข็งเย็นๆ จัดให้แม่งซักแก้วดิ๊” ผมบอกบ้าง ไอ้ทีมยื่นมือมาแท็คด้วยทันทีครับ “กูหมายถึงจัดให้มึงนะน้องรหัส ไม่ใช่ไอ้ไกด์”

เท่านั้นแหละ ทั้งโต๊ะฮาครืน มีเพียงไอ้ทีมที่หันไปขอความยุติธรรมจากแฟนมันเสียงหงุงหงิง...

“โอ๊ย ใครโทรมาวะ โทรศัพท์สั่นอยู่ตรงตูดนี่” ไม่ใช่ใครนอกจากไอ้เชี่ยไกด์ครับ ที่ทำตัวอุบาศว์ได้ตลอดเวลา

“แทนไวเบรเตอร์ไงมึง” บอลแม่งบอกเสียงดัง แล้วก็นั่งขำ ไกด์มันกดรับโทรศัพท์แล้วก็ทำหน้างงๆ

“ครับ?...อ่อ...อยู่ครับอยู่ รอแป๊ปนะฮะ” มันบอกปลายสายด้วยเสียงค่อนข้างเรียบร้อย ทำให้พวกผมพากันอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมว่าใครคือคนที่โทรมาหามัน “พี่อ๋อง แม่โทรมา”

ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจว่าแม่รู้เบอร์ของไอ้ไกด์ได้ยังไง แต่จะให้แม่โทรหาผมก็คงไม่ได้ เพราะโทรศัพท์ลงทะเลไปแล้ว ผมรับโทรศัพท์มือถือมาจากมือที่เลอะกุ้งเผาเกือบทุกนิ้วของมัน แล้วตอบรับปลายสาย

“ครับแม่?” ผมกรอกเสียงลงไป แม่ของผมตอบรับมาด้วยเสียงที่สั่นจนรู้สึกได้ และที่สำคัญคือปลายสายกำลังร้องไห้อย่างหนักจนแทบจับใจความไม่ได้....ผมรู้สึกเป็นครั้งที่ร้อยในรอบสองวันที่เหมือนโดบทุบหัวด้วยหินหนักๆ หลายก้อนพร้อมกัน “แม่...ล้อเล่นรึเปล่า”

((รีบมาได้มั้ยอ๋อง...รีบมาได้มั้ย)) แม่พูดย้ำๆ พลางสะอื้นเสียงสั่น ผมกดวางสายท่ามกลางความเงียบของคนอื่น โทรศัพท์ของไอ้ไกด์ถูกส่งกลับคืนให้เจ้าของทั้งที่ผมยังช็อคไม่หาย ในหัวมันสับสนไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรก่อนเป็นอย่างแรก ทว่าร่างกายกลับตอบสนองต่ออาการนั้นได้ดีกว่า ผมผุดลุกขึ้นแล้วบอกพวกที่นั่งอยู่สั้นๆ ว่า

“กู..จะกลับกรุงเทพฯ”

คันเร่งของเล็กซัสคันเดิมถูกผมเหยียบจนแทบมิดขณะบึ่งรถกลับกรุงเทพฯ ขับปาดหน้าคันนั้นคันนี้บนมอเตอร์เวย์อย่างไม่คิดจะสนใจแม้กระทั่งเสียงบีบแตรที่ดังไล่หลังมา เสื้อผ้าและทุกสิ่งที่ผมเก็บออกจากบ้านถูกทิ้งไว้ที่บ้านพัก ใครจะเก็บหรือไม่เก็บไว้ให้ไม่ใช่สิ่งที่ผมกังวลแม้แต่น้อย ต้นเหตุของความกลัวทุกอย่างกำลังรออยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ...

.’..สตังค์โดนรถชนอาการสาหัส....’


   
“แฟนผม...แฟนผมโดนรถชน”     

ผมจอดรถทิ่มแม่งไว้ตรงด้านหน้าโรงพยาบาล แล้วรีบตรงเข้าไปถามพยาบาลที่ถือกระดานชาร์จเดินไปเดินมาตรงแถวๆ ผู้ป่วยที่รอหมอเรียก ดูเธอเอง
ก็ตกใจไม่น้อยที่ผู้ชายเหี้ยๆ ที่ไหนไม่รู้วิ่งเข้าไปถาม ทั้งที่ยังหอบเหนื่อยและก็โทรมจนแทบจะกลายเป็นศพอยู่แล้ว

“เอ่อ...คุณใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ห้องฉุกเฉินอยู่ทางด้านโน้น” พยาบาลชี้ไปที่ทางเดินทางหนึ่งซึ่งมีป้าย ห้องฉุกเฉินเขียนอยู่ตัวใหญ่มาก เพียงแต่ผมรีบจนไม่ทันได้สังเกตมัน

ยังไม่ทันได้แม้แต่จะเอ่ยปากขอบคุณ ผมก็วิ่งตรงไปยังทางเดินใต้ป้าย ห้องฉุกเฉิน ทันที

สุดทางเดินสีขาวสว่างจ้าและเหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์มีเก้าอี้พลาสติกสำหรับนั่งรอเรียงกันอยู่สามสี่ตัวเหมือนตามโรงพยาบาลทั่วไป แต่ภาพที่ผมภาวนามาทั้งชีวิตว่าไม่อยากเห็นก็คือ ญาติหรือแม่ของผมนั่งรออยู่ ณ ตรงนั้น...และวันนี้มันก็เป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว

“แม่...สตังค์...สตังค์เป็นยังไงบ้าง” ผมตรงเข้าไปถามถึงน้องทันที แม่ดูตกใจมากกับการที่ผมพุ่งเข้าไปจับเธอเอาไว้แบบนั้น แต่สุดท้ายแม่ของผมก็ระล่ำระลั่กออกมาทั้งที่ยังสะอื้นว่า

“หมอยังผ่าตัดน้องอยู่เลยอ๋อง...น้องจะเป็นอะไรมั้ย ฮึก...แม่ไม่น่ายอมให้น้องออกจากบ้านเลย” ยิ่งได้ฟังแม่พูดผมก็ยิ่งใจเสียและงงงวยมากขึ้น

“มัน..เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับแม่ เล่าให้อ๋องฟังได้มั้ย” ผมประคองให้แม่นั่งลง ก่อนที่จะเป็นลมต้องหามเข้าห้องพักไปอีกคน

“อึก..น้อง..อยู่ๆ น้องก็ร้องไห้แล้วเดินมาบอกแม่ ว่าเลิกกับอ๋องแล้ว..น้องจะกลับบ้าน” แม่เล่า หัวใจผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง “แม่ห้ามน้องเอาไว้ เพราะแม่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แต่น้องก็ขอเวลา อยากอยู่คนเดียว แม่เลย...แม่เลยยอมให้น้องออกมา”

ถึงตรงนี้ แม่ร้องไห้ออกมาหนักมากขึ้นจนผมต้องโอบให้ศรีษะของแม่มาพิงที่อกแล้วกอดไว้หลวมๆ

“แค่ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ลุงอี๊ดที่ขายโจ๊กอยู่ปากซอยก็ปั่นจักรยานมาบอกแม่ ว่าสตังค์โดนรถชน”

ผมโยกตัวไปมาช้าๆ แทนคำปลอบโยน ไม่กล้าพูดอะไรออกมาทั้งนั้น กลัวว่าเสียงจะสั่นจนแม่จับได้ ตอนนี้ผมเองก็เริ่มที่จะห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว ถ้าสตังค์เป็นอะไรขึ้นมา ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ถูกของเพ่ยเพ่ยและไอ้ไกด์ เรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เริ่มที่ผมลืมซองถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรืออะไรทั้งนั้น

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผมไม่รู้จักพอ...

เมาแล้วอยาก ไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีเลยกับการคิดจะมีเซ็กส์กับคนที่ไม่ใช่แฟนของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าสตังค์รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเมื่อวันก่อน อาทิตย์ก่อน เดือนก่อน หรืออาจจะ...ตั้งแต่ต้น

แต่จากนี้ไป ถ้าผมมีโอกาสได้ดูแลสตังค์อีกสักครั้ง ผมกล้าสาบานกับตัวเองว่าจะดูแลเด็กคนนั้นด้วยหัวใจ สตังค์จะไม่มีวันได้เสียน้ำตาเพราะความเสียใจอีกเป็นอันขาด...

“อ๋อง..”

“ครับแม่”

“ลูกเลิกกับน้องจริงๆ เหรอ”

“เคยเลิก...แต่จะไม่เลิกอีก” ผมกระซิบตอบ แล้วค่อยๆ ปล่อยแม่ออกช้าๆ “แม่โทรบอกป๊ารึยังครับ” ผมหมายถึงพ่อของสตังค์

“โทรแล้วจ้ะ พ่อของน้องตังค์กำลังขายของอยู่แต่เขาจะฝากร้านไว้กับคนอื่นแล้วมาหาน้องก่อน”

หลังจากแม่พูดจบได้แค่อึดใจเดียว ประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออก แพทย์คนหนึ่งเดินออกมา เขาไม่ได้ตัวอ้วนเตี้ย ใส่แว่นท่าทางน่าเกรงขามเหมือนในโทรทัศน์ กลับกัน เขาตัวสูงโปร่ง ท่าทางสมาร์ทไม่เบา หมอยิ้มให้ผมนิดๆ แทนคำทักทาย

“ขอโทษนะครับ ใช่ญาติคุณธนพัฒน์รึเปล่าครับ”

“ใช่ครับ ผมเป็นแฟนของเด็กคนนั้น” ผมรีบประคองแม่ลุกขึ้น ดูท่าว่าคำพูดของผมจะทำให้หมอตกใจนิดหน่อย แต่เขาก็รักษาท่าทีเอาไว้ได้ขณะตอบ

“คนไข้ขาหักและมีอาการกล้ามเนื้อฉีกนะครับ คงต้องให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน และตอนเกิดอุบัติเหตุศีรษะคนไข้ได้รับการกระแทกอย่างแรงจนหมดสติ เราต้องรอดูอาการอีกสักพักว่ายังมีเลือดคั่งในสมองหรืออาการผิดปกตินอกเหนือจากนี้หรือไม่..แต่โดยรวมน้องก็ไม่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะครับ”

“ผมจะเข้าไปหาสตังค์ได้เมื่อไหร่ครับ” ผมถามขึ้น

“อีกสักครู่ หมอจะย้ายน้องไปไว้ที่ห้องพักผู้ป่วยนะครับ ถึงตอนนั้นคุณแม่กับคุณพี่ก็ดูแลน้องได้ตามอัธยาศัย อ่อ...แต่ภายใต้การดูแลของหมอนะครับ” คุณหมอบอกอีกครั้ง ผมเลยเอ่ยปากขอบคุณแล้วกอดแม่ที่สะอื้นด้วยความดีใจไว้แน่นๆ

“อ๋อง” ผมหันกลับไปตามเสียงเรียก พ่อของสตังค์วิ่งหอบมาตามทางเดิน ยังไม่ถอดผ้ากันเปื้อนออกด้วยซ้ำครับ

“ป๊า...” ผมยกมือไหว้ ป๊ารีบรับไหว้ลวกๆ แล้วถามถึงลูกชายทันที

“ตังค์เป็นยังไงบ้าง แม่เราโทรหาป๊าบอกว่าตังค์โดนรถชน”

“หมอเพิ่งออกมาบอกว่าสตังค์ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก” ผมบอกเสียงอ่อยๆ รู้สึกผิดอยู่เต็มหัวใจ ผมเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องวุ่นทั้งหมดนี่ ป๊าของสตังค์เป็นเจ้าของร้านขายก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ประจำตึกแถวแห่งหนึ่งในย่านท่าพระจันทร์ แกมีลูกชายทั้งหมดห้าคน ตอนแรกก็ไม่ยอมที่สตังค์จะย้ายมาอยู่ที่บ้านเพราะแฟนของผมเป็นลูกคนเล็กที่แกหวงที่สุด แต่สุดท้ายเด็กคนนั้นก็ฟังใครที่ไหนล่ะครับ สุดท้ายป๊าก็ต้องยอมเพราะความรักลูก

“ป๊า..ผมขอโทษครับ” ผมปล่อยให้แม่นั่งลงที่เก้าอี้แล้วเริ่มสารภาพบาป ป๊าเองก็งงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจที่ผมพยายามจะบอก “ผมเป็นสาเหตุทำให้สตังค์โดนรถชน ถ้าผมอยู่กับสตังค์ในวันนี้ น้องก็จะไม่เป็นแบบนี้ ผมขอโทษจริงๆ ที่ดูแลลูกชายป๊าไม่ดีพอ”   

“อ๋องเอ๊ย...อย่าโทษตัวเองกับสิ่งที่เกิดไปแล้ว เรารู้ตัวว่าทำอะไรไม่ดีกับตังค์ไปบ้าง ก็ต้องไปขอโทษสตังค์นู่นไม่ใช่ป๊า แล้วจากนี้ไปก็ดูแลสตังค์ดีๆ...โอย ขอบคุณพระเจ้าที่ดูแลลูกอั๊วไม่ให้เป็นอะไร ถือว่าฟาดเคราะห์จริงๆ” ป๊าบอกแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้อย่างเหน็ดเหนื่อย “ป๊าทิ้งร้านมาทันทีที่ได้รับโทรศัพท์ แต่รถก็ติดชิบหายเลย เฮ่อ....”

“ป๊ากับแม่จะทานน้ำอะไรมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้” ผมเสนอ

“ถ้าไม่รบกวนเกินไป ป๊าขอน้ำเปล่าเย็นๆ ให้คนแก่ขี้เหนื่อยหน่อยแล้วกันนะอ๋อง” ป๊าบอกพลางยิ้มโชว์ฟันหลอให้ แกคงโล่งใจไปเยอะที่ลูกชายคนเล็กไม่เป็นอะไรมากอย่างที่คิด

“แม่ขอน้ำเปล่าก็แล้วกันจ้ะ” แม่บอกผม

ระยะทางระหว่างห้องฉุกเฉินออกไปร้านสวัสดิการที่ขายของใช้จำเป็นเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงเครื่องดื่มและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น ค่อนข้างไกลกันพอสมควร ผมก็เพิ่งเคยมาที่โรงพยาบาลนี้เป็นครั้งแรกเลยหลงทางไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ย้ายตัวเองมายืนจ่ายเงินน้ำเปล่าสามขวดและบุหรี่หนึ่งซองได้เป็นที่สำเร็จ

“มาเยี่ยมญาติเหรอคะ” เอาอีกละ...มารผจญ

ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้พนักงานคิดเงินนิดหน่อย อายุน่าจะไล่เรี่ยกับผม หรือไม่ก็อาจจะอ่อนกว่า เธอแจกยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ ถ้าไม่มีแฟนกูก็จะเล่นด้วยหรอกนะ แต่นี่ขอโทษด้วย ไม่มีที่ว่างให้คนมาทีหลังแล้ว...ผมเข็ด

“เปล่าครับ”

“อ้าว ถ้างั้นตรวจสุขภาพเหรอคะ?”

“เปล่าอีกเหมือนกันครับ พอดีแฟนผมประสบอุบัติเหตุเลยมาหาน่ะครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม จงใจเน้นหนักตรงคำว่า “แฟน” ให้เธอได้ยินไปชัดๆ พนักงานยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับมาแล้วไม่พูดอะไรอีก ผมจึงเดินออกไปจุดบุหรี่ขึ้นสูบมวนหนึ่งเป็นการแก้เครียด รู้สึกเหมือนมีอะไรอีกหลายอย่างที่ผมต้องทำ...

หลังจากหายหัวจากการรู้เห็นของป๊าและแม่ได้พักนึง ผมก็เข้าไปล้างปากในห้องน้ำเพื่อไม่ให้มีกลิ่นบุหรี่ติดและเดินกลับไปที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ทว่ามีเพียงแม่ที่ยังนั่งรอผมอยู่

“แล้วป๊าล่ะครับ”

“โทรศัพท์ลูกเป็นอะไรน่ะอ๋อง แม่โทรหาไม่ติดเลยนะวันนี้” แม่แย้งถามขึ้น...เอ้อ จะโทรติดได้ไงล่ะครับผมเพิ่งปามันลงทะเลไป

“แบตหมดน่ะฮะ แล้วทำไมเหลือแม่รออยู่คนเดียว”

“เขาเพิ่งย้ายน้องขึ้นไปที่ห้องพัก แต่แม่กลัวอ๋องมาแล้วจะไม่เจอใครเลยนั่งรออยู่ที่นี่ก่อน” แม่ตอบพลางรับน้ำไปดื่ม ผมรอให้แม่ทานน้ำให้เรียบร้อยแล้วจึงรับมาถือไว้ให้เพื่อเตรียมจะขึ้นไปหาสตังค์ที่ชั้นบน

ตอนที่มาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยนั้น ผมยกมือขึ้นแตะลูกบิดด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนมันแทบจะกระดอนออกจากอกด้วยหลากหลายความรู้สึก ประตูห้องผู้ป่วยถูกผมผลักเปิดออกช้าๆ ไม่กล้าแม้แต่จะให้เกิดเสียง กลัวจะเป็นการรบกวนคนตัวเล็กที่ยัง(น่าจะ)หลับอยู่ในห้อง

ห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่มีอยู่เพียงเตียงเดียวค่อนข้างกว้างมากทีเดียวครับ มีโซฟาสำหรับญาติที่มาเฝ้าอยู่อีกชุดใหญ่ๆ อีกฝั่งนึงเป็นกระจกบานสูงที่สามารถเลื่อนเปิดออกไปยืนที่ระเบียงได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากสนใจ...ผมเดินเข้าไปหาสตังค์ที่ยังนอนหลับตานิ่งหายใจแผ่วเบาเป็นจังหวะอยู่บนเตียงตรงกลางห้อง

น้องดูซีดและอิดโรยเป็นอย่างมาก ดวงตาทั้งสองข้างบวมช้ำคล้ายผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ที่แก้มและหางคิ้วแตกเป็นแผลยาว ทั้งบริเวณหน้าผากยังมีผ้าพันเอาไว้รอบ ไม่รวมบริเวณฝ่ามือที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นแผลถลอกจากการล้มลงกระแทกกับถนน ทั้งยังขาซ้ายที่หักอย่างที่หมอบอกเมื่อครู่ สายน้ำเกลือและสายอะไรต่อมิอะไรที่ผมไม่รู้จักต่างห้อยระโยงระยาง สภาพของสตังค์ในตอนนั้นทำให้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร่างกายผมที่อ่อนล้าทรุดลงคุกเข่าข้างเตียงน้อง แล้วเริ่มร้องไห้ราวกับคนบ้า

“พี่ขอโทษสตังค์...พี่ผิดเอง....” ผมพึมพำ น้ำตาอุ่นๆ ไหลออกมาไม่หยุด ป๊าเดินมาตบไหล่ผมเป็นเชิงให้กำลังใจ

“เราต้องดีใจสิ ที่ตังค์ปลอดภัย ไว้น้องตื่นขึ้นมาก็ขอโทษน้องอีกทีนะอ๋อง” ผมครางรับคำนั้น

“อ๋อง...พยาบาลบอกว่า ตอนที่สตังค์โดนรถชน พยานที่เห็นเขาบอกว่าน้องไม่ยอมปล่อยกระเป๋าเลย ลูกลองเปิดดูหน่อยสิว่ามีอะไรสำคัญรึเปล่า” ผมค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้น เช็ดน้ำตาแล้วรับกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลที่เปื้อนเลือดจนตอนนี้มันเริ่มแห้งกรังแต่ยังคล้ำเป็นดวงๆ มาจากแม่

ผมเปิดดูแล้วเริ่มค้นของภายในนั้น มีชุดนักเรียนที่พับมั่วๆ อยู่สองสามชุด เสื้อผ้าอยู่บ้าน แปรงสีฟัน และสมุดปกแข็งสีฟ้าเล่มใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่ก้นกระเป๋า ผมหยิบของไม่คุ้นตาอันนั้นขึ้นมาไว้ในมือแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ก่อนจะค่อยๆ เปิดมันอย่างเบามือ

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook

9 เมษายน
เราเริ่มกันจากตรงไหนนะ? ทักกันที่ผับใช่มั้ย...พี่อ๋องตอนกำลังหลับหล่อมาก คบกันฆ่าเวลาอย่างที่ไอ้พี่นนท์บอกก็เป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะ


จริงอย่างที่สตังค์ว่า เราสองคนเจอกันที่ผับ ผมที่ไม่มีใครกำลังยืนคุยกับเพ่ยเพ่ย และม่อสาวไปเรื่อยๆ ตามความถนัด ส่วนสตังค์ที่เพิ่งเลิกกับแฟน เริ่มเข้าคุยกันเพราะเพื่อนๆ ยุยง ตอนแรกผมก็กะจะไม่เอา แต่ตอนนั้นกำลังเมาและอยากลอง...


31 เมษายน
อยากอยู่ใกล้ๆ พี่อ๋องแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จัง มีความสุขที่สุดเลย


5 พฤษภาคม
วันนี้เป็นวันเกิดของพี่อ๋อง ไม่รู้จะให้อะไร เลยพาพี่อ๋องไปเที่ยวเขาดิน หน้าเหมือนลิงเลย คริคริ


มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ประหลาดที่สุดที่ผมเคยได้รับ หลังจากไหว้แม่ในตอนเช้าเรียบร้อย สตังค์ก็มาหาผมในช่วงเที่ยง เพื่อพาผมนั่งรถประจำทางไปที่ๆ หนึ่งที่เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่าที่ไหนจนกระทั่งถึงที่...สวนสัตว์ดุสิตน่ะครับ ผมจำได้ว่าเรามีความสุขกันมาก สตังค์ยิ้มและหัวเราะเสียงดังเมื่อผมโดนอีกาทั้งฝูงขโมยขนมในมือไปจิกกินหน้าตาเฉย


9 กรกฏาคม
วันนี้พี่อ๋องพาไปทานข้าวกันสองคน เพื่อฉลองที่เราอยู่ด้วยกันมาครบสามเดือนเต็ม พี่อ๋องไม่เหมือนคนอื่นที่เคยรู้จัก เราทะเลาะกันบ้างแต่ตังค์ก็ยังอยากอยู่กับพี่อ๋องต่อไปเรื่อยๆ ... แบบนี้เรียกว่ารักรึเปล่านะ?? (เหมือนเด็กเลยอะสตังค์ เขียนอะไรเนี่ย)
   

12 สิงหาคม
วันนี้พี่อ๋องพาไปไหว้แม่ ตังค์ไม่รู้ว่าพี่อ๋องคิดอะไรอยู่ แต่แม่ก็ดูไม่ตกใจเท่าที่คาดเอาไว้ แม่ยังทำกับข้าวให้ตังค์ทานด้วย แม่ใจดีมากเลย ตังค์เองก็คิดถึงอาม๊ามากเหมือนกัน ป่านนี้จะยังสบายดีอยู่บนสวรรค์มั้ยนะ...ถ้าอาม๊ารับรู้ ตังค์ก็รักอาม๊านะครับ


วันนั้นเป็นวันแม่ ผมที่รู้มาว่าสตังค์เสียแม่ไปตั้งแต่ยังเล็กจึงพาเด็กดื้อเขามาที่บ้านเพื่อให้มาอยู่กับแม่ ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไร แค่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยากทำก็เท่านั้น
ผมอ่านข้อความในไดอารี่ของสตังค์ไปเรื่อยๆ ทุกวันของเด็กคนนั้นมีแต่พี่อ๋อง พี่อ๋อง แล้วก็พี่อ๋อง ไม่เคยมีชื่ออื่นโผล่มาให้เห็นแม้แต่ชื่อเดียว ยิ่งทำให้ผมสะอึกในใจมากขึ้น วันที่สตังค์นอนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ผมกลับอยู่ที่ไหนกันนะ...? กำลังนอนกกใครอยู่กัน...    ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธและโทษตัวเองมากขึ้น...ผมทำผิดขนาดนี้แต่ไม่เคยรู้ตัวได้ยังไงกัน


31 ธันวาคม
ตังค์ พี่อ๋อง แล้วก็แม่จะไปเคาท์ดาวน์กันที่เชียงใหม่ ตอนแรกพี่อ๋องจะขับรถไปเพราะจะได้มีรถไว้ขับเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ แต่ตังค์กับแม่เป็นห่วงนี่นา ไม่เอาๆ ขึ้นเครื่องดีกว่า :) วันนี้ตังค์ขอพรให้แม่กับพี่อ๋องแล้วก็ป๊ากับเฮียทั้งหลายมีความสุขมากๆ โดยเฉพาะพี่อ๋อง ขอให้พี่อ๋องรักตังค์อย่างที่ตังค์รัก แล้วก็เลิกเจ้าชู้ซักทีนะ ไม่งั้นตังค์จะเฉือนทิ้งแล้วโยนให้เป็ดกินจริงๆด้วย
   

17 มกราคม
พี่นนท์โทรมาหา บอกว่าเจอพี่อ๋องที่ร้านเหล้า และเดินหายไปกับผู้หญิงคนหนึ่ง....ไม่ไปไม่ได้เหรอพี่อ๋อง...ถ้าพี่อ๋องอยากมีเซ็กส์ก็บอกตังค์สิ ตังค์ให้พี่อ๋องได้ จะกี่ครั้ง ต่อให้เหนื่อยแทบตายตังค์ก็จะให้


ผมเริ่มรู้สึกเสียใจกับข้อความนั้นขึ้นมาทีละนิด สตังค์รู้เรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว แต่น้องไม่เคยแม้แต่จะบอกหรือด่าว่าผมเลยซักคำ


14 กุมภาพันธ์
พี่อ๋องซื้อกุหลาบมาให้ดอกหนึ่ง ดีใจมากกกก โทรไปเวิ่นเว้อให้ไอ้พี่นนท์ฟัง มันคนขี้อิจฉา ไม่ยอมฟังจนจบ แต่ตังค์ดีใจนี่ ถึงมันจะเริ่มเหี่ยวไปบ้างก็ตามที แต่ตังค์ก็ดีใจนะ รักพี่อ๋องมาก และจะรักตลอดไป


วันนั้น....กุหลาบดอกนั้นผมแวะซื้อที่ร้านหน้าปากซอยบ้านตอนช่วงมืด ผมมัวแต่ปั่นโปรเจ็คจนเสร็จก็กินเวลาไปค่อนข้างมากแล้ว และทิ้งท้ายด้วยการไปเที่ยวกับไอ้น้องรหัส ฉลองวาเลนไทน์ด้วยการมีเซ็กส์กับผู้หญิงสวยๆ ที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อราวกับคนโสด...ก่อนเข้าบ้าน ผมถึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ซื้ออะไรให้สตังค์เลย และถ้าผมไม่ซื้อ น้องคงจะบ่นจนหูชา ผมเลยแวะซื้อมาดอกหนึ่งในราคาไม่กี่สิบบาทเท่านั้น แต่สตังค์กลับเห็นค่ามัน และเก็บกุหลาบดอกนั้นทับไว้ในหนังสือจนมันแห้งและแบนมากพอจะนำมาใส่ถุงพลาสติกใบเล็ก และเก็บไว้ในไดอารี่อย่างดี


31 มีนาคม
ตังค์ออกไปเที่ยวกับพี่นนท์ กะว่าจะแวะไปเซอร์ไพรส์พี่อ๋องที่คณะ แต่สงสัยคณะพี่อ๋องจะย้ายตึกมาเป็นสยาม...เดินเข้าไปดูหนังกับใครไม่รู้ที่ตังค์ไม่รู้จักชื่อ แต่..ไม่เป็นไร ตราบใดที่พี่อ๋องยังได้ชื่อว่าเป็นแฟนกับตังค์ คนอื่นมันก็เป็นได้แค่ดอกไม้ริมทางที่พี่อ๋องเก็บขึ้นมาดมแล้วก็โยนทิ้งไป ฮึ่ยยย


9 เมษายน

บนกระดาษมันเป็นหยดด่างดวงคล้ายน้ำตาจนผมอ่านแทบไม่ออก
ตังค์ทะเลาะกับพี่อ๋องแรงมาก...ตังค์ขอโทษนะที่เอาแต่ใจ แต่ตังค์แค่อยากอยู่กับพี่อ๋องในวันครอบรอบหนึ่งปีของเราเท่านั้นเอง...ถึงวันนี้พี่อ๋องจะออกไปเที่ยวแล้วตอนที่ตังค์เขียนไดอารี่ พี่อ๋องจะยังไม่กลับบ้านก็เถอะ แต่ตังค์ก็รักพี่อ๋องนะ ดีใจนะครับที่ได้เป็นแฟนกับพี่อ๋อง

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว สตังค์ชวนผมออกไปทานข้าวด้วยกันตอนเย็น แต่ผมมีนัดกับไอ้ทีมและเพื่อนๆ เลยปฏิเสธไป ก็ทะเลาะกับสตังค์ยกใหญ่ ถึงขั้นตะโกนใส่กันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผมออกจากบ้านไปด้วยอาการหัวเสีย คืนนั้นผมเมามากและไม่ได้กลับบ้านจนรุ่งเช้า ผมพบสตังค์นอนหลับคอพับคออ่อนอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกราวกับน้องรอผมจนหลับไป...พอจะอุ้มไปนอนบนห้องก็ดันตื่นเสียก่อน ตังค์ขอโทษผมยกใหญ่และสัญญาว่าจะไม่เอาแต่ใจอีก


20 มิถุนายน
ตังค์ทะเลาะกับพี่อ๋องอีกแล้ว ตังค์ไม่ได้อยากเห็นพี่อ๋องไม่กลับบ้าน...ตังค์เสียใจ


3 สิงหาคม
พี่นนท์โทรมาคุยด้วย มันอึกอักไม่ค่อยอยากเล่า แต่สุดท้ายก็ซักเอาความจนได้ พี่อ๋องนอกใจตังค์อีกแล้ว แต่ไม่เป็นไรนะ ถ้าพี่อ๋องยังรักตังค์เหมือนเดิม ตังค์ทนได้


ผมน้ำตาไหลอีกครั้งขณะพลิกหน้าไดอารี่ผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ในวันที่เมื่อวานนี้ ซองถุงยางที่ฉีกแล้วทั้งสองซองยังนอนนิ่งอยู่บนหน้ากระดาษนั้น คำพูดที่แสดงออกถึงความปวดร้าวของสตังค์ได้เป็นอย่างดีจรดเขียนอยู่บนนั้น หยาดน้ำตาเป็นดวงๆ ทำให้กระดาษย่นเข้าหากัน


8 เมษายน
ตังค์ชวนพี่อ๋องไปทานข้าว...แต่พี่อ๋องก็ไม่ว่างเหมือนเดิม ตังค์อยากรู้พี่อ๋องเคยรักตังค์บ้างมั้ย ตังค์รู้ตัว ตังค์ไม่ได้สำคัญเท่าเพื่อนพี่ แต่ตังค์ขอแค่วันเดียวในรอบปี รักตังค์บ้างไม่ได้เหรอ แล้วทำไมถึงไม่เอาซองถุงยางที่พี่ใช้กับคนอื่นทิ้งไป เอามาหยามหน้าตังค์อีกทำไม ถ้าไม่รักกันก็น่าจะบอกมาตรงๆ จะทรมานตังค์อยู่ทำไม ตังค์รักพี่คนเดียว....
พลเป็นเพื่อน แค่เพื่อน ไม่เคยมีใครที่ตังค์รักมากเท่าพี่ ตังค์ไม่มีใครเลย ไม่มีใครจริงๆ...ตังค์รักพี่คนเดียว รักพี่อ๋องคนเดียวมาตลอด...ไม่รักก็สงสารตังค์บ้าง โกหกตังค์ซักครั้งว่าพี่รักกัน แล้วตังค์จะไม่ขออะไรอีกเลย
ตังค์ก็เป็นแค่คนโง่ที่รักพี่มาก ตังค์ทนได้ถ้าพี่ยังยิ้มให้ แต่ถ้าวันไหนที่พี่ทิ้งตังค์ขึ้นมา ตังค์จะหายใจต่อไปยังไง ตังค์ลืมไปแล้วว่าการมีชีวิตอยู่โดยไม่มีพี่ ตังค์มีความสุขได้ยังไง


9 เมษายน
เรา..เลิกกันแล้ว....เราจบกันแล้ว...ตังค์บอกเลิกเพราะรักพี่อ๋อง ตังค์อยากเห็นพี่มีความสุข บางทีพี่คงมีความสุขมากกว่าถ้าตังค์หายไปจากชีวิตพี่ ตังค์จะไม่เป็นไรตราบใดที่พี่ยังยิ้มได้ ใครเคยบอกว่าความรักคือการให้ แต่ความรักของตังค์คือพี่ ตังค์รักพี่มาก รักพี่อ๋องแค่คนเดียวตลอดไป


หน้าสุดท้ายที่สตังค์เขียนมีแต่หยาดน้ำตาที่ไหลริน ผมเห็นภาพน้องที่นั่งเขียนกระดาษแผ่นนี้ ทุกความรู้สึกถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูดนั้นให้ผมได้รับรู้ ทุกความเลวที่ผมได้ทำ สตังค์รับรู้มันมาตลอด เพียงแต่น้องรักผมมากเกินกว่าที่น้องจะพูดมันออกมา ผมซบหน้าลงกับไดอารี่เล่มนั้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างไม่อาย หัวใจผมที่ว่าเจ็บแล้วตอนได้ยินถ้อยคำบอกเลิกจากน้อง ยังเทียบไม่ได้กับการที่สตังค์ทนยิ้มบนความรวดร้าวมาตลอดเวลา...


ป๊ากับแม่ออกไปตั้งแต่ตอนไหนผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ได้แต่นั่งเหม่อลอยเฝ้าเด็กตัวเล็กที่ยังนอนหายใจเรียบๆ อยู่อย่างนั้นเนิ่นนานไม่ได้ขยับไปไหน จนรู้สึกได้ถึงแรงสัมผัสที่ไหล่ข้างหนึ่ง

“เป็นไงบ้างพี่ พักหน่อยมั้ย” ไอ้น้องรหัสที่ไม่รู้ว่ามันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเข้ามาถามผม มันยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้ “ทานหน่อยละกันพี่ ดูหน้าสิ โทรมเชียว”

“กูไม่หิวเลยทีม...กูแค่อยากเห็นสตังค์ลืมตา” ผมพูดเบาๆ คล้ายกับว่ากำลังเลื่อนลอยไม่รู้สึกตัว

“ผมรู้ แต่ถ้าพี่ไม่กินเลย พี่นั่นแหละที่จะแย่เอานะ” ผมรู้สึกขอบคุณมัน ที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาหาผมถึงที่โรงพยาบาล เลยรับถุงน้ำเต้าหู้มาแกะและใส่หลอดลงไป “ไอ้เชี่ยไกด์กับคนอื่นก็อยากมาด้วย แต่ถ้ามากันหมดทีเดียว ผมกลัวว่าโรงพยาบาลจะแตกซะก่อน เลยหนีมาเยี่ยมสตังค์แค่คนเดียว”

“แล้วฝุ่นล่ะ ไม่พามาด้วยเหรอ” ผมถาม ไอ้ทีมยิ้มกว้างเกาแก้มเขินๆ แล้วตอบ   

“ฝุ่นก็อยากมานะ แต่พอดีไม่ค่อยสบายน่ะพี่ ผมเลยสั่งให้เซ็กส์ซี่เฝ้าอยู่ที่บ้าน” เออ มันเอาหมาไว้เฝ้าคนป่วย เจิดจริงน้องกู

“นี่พี่นั่งอยู่อย่างนี้ตั้งแต่วันที่กลับมากรุงเทพฯ คนเดียวเนี่ยนะ” คำพูดแปลกๆ ของมันทำให้ผมขมวดคิ้วแล้วถาม

“พูดอะไรของมึง”

“วันนี้วันที่สิบเอ็ดแล้ว พี่นั่งอยู่อย่างงี้มาสองวันแล้วเนี่ย ความรักทำให้คนเป็นบ้าจริงๆ” มันบ่น ก่อนจะลุกขึ้นมายืนข้างเตียงสตังค์บ้าง “น้องดูไม่ซีดอย่างที่ผมคิดนะ ท่าทางจะดีขึ้นในไม่ช้า”

“ก็ขอให้เป็นแบบนั้น” ผมตอบ แล้วเอาถุงน้ำเต้าหู้ที่เหลือไม่มากวางพิงไว้กับแก้วน้ำผู้ป่วยที่ยังไม่ถูกใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วเอื้อมมือไปลูบข้างแก้มที่ช้ำจนออกสีอมม่วงของคนเจ็บเขาเบาๆ “ตื่นซักทีสิสตังค์ พี่รอเราอยู่นะ”

“อยากทานอะไรอีกมั้ยพี่อ๋อง เดี๋ยวผมไปซื้อมาให้”

“ไม่ล่ะ ขอบใจมาก”

“ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะ ไม่อยากทิ้งฝุ่นไว้นาน เดี๋ยวเกิดเข้าไปทำอะไรในครัวขึ้นมา บ้านจะระเบิดเอา” มันว่าติดตลกแล้วโบกมือบายให้ผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ผมอยู่กับสตังค์เพียงลำพังอีกครั้ง

“ตังค์ ไม่ตื่นมาฟังคำขอโทษของพี่เหรอ พี่รู้นะ ว่าพี่ร้ายกับเรามากแค่ไหน ให้โอกาสพี่สักครั้งไม่ได้เลยเหรอ หืม..?” ผมถามกับร่างที่ไร้สติ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วโน้มตัวลงก้มจูบที่ริมฝีปากแห้งผากเบาๆ “พี่รักเรานะตังค์..ตื่นเร็ว..เจ้าชายจูบปลุกแล้ว”

ผมแค่พูดไปเพียงลำพัง ไม่คิดว่าสตังค์จะลืมตาขึ้นได้ด้วยจูบจริงๆ ทว่านาทีนั้นพระเจ้ากลับให้โอกาสคนเลวอย่างผมอีกครั้ง เปลือกตาเล็กบางขยับยุกยิกเพียงแผ่วเบาๆ จนหัวใจผมเต้นแรงแทบกระดอนออกจากอก น้องค่อยๆ ขยับลืมตาขึ้นช้าๆ สตังค์มองไปรอบๆ อย่างงุนงง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของผม น้ำตาจากดวงตาคู่เล็กเริ่มเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่อ๋อง....” เสียงน้องแผ่วเบามากเสียจนผมกลัว จึงรีบบอก

“รอก่อนนะตังค์ พี่จะเรียกนางพยาบาลให้มาดูเราก่อน”

“พี่อ๋อง..ตังค์ขอน้ำ” เสียงน้องสั่นเบา ผมจึงรีบกุลีกุจอเอาน้ำต้มที่ใส่เตรียมไว้ในเหยือกข้างเตียงเทใส่แก้ว ไม่ลืมที่จะปักหลอดลงไปด้วย เพื่อสตังค์จะได้ทานสะดวกและไม่สำลัก

หลังประคองให้น้องดื่มน้ำแก้กระหายไปจนเป็นที่พอใจ เจ้าตัวเล็กก็ยอมละออกจากหลอดสีขุ่น ผมจึงหันไปกดปุ่มเรียกให้นางพยาบาลเข้ามาดูแลเด็กตัวเล็กที่นอนเจ็บอยู่นี่ เมื่อเธอเข้ามาเห็นว่าผมเรียกเพราะอะไรก็บอกเพียงว่า จะไปตามคุณหมอมาตรวจอีกที แล้วก็หายไปราวพักหนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมหมอเจ้าของไข้คนที่ผมเจอที่หน้าห้องฉุกเฉินเดินยิ้มๆ เข้ามาในห้องพัก

สตังค์มองเขานิ่งๆ อย่างไม่มีแรง น้องหันหน้ามาหาผมตลอดขณะที่หมอกำลังตรวจอาการ มือเล็กที่มีสายยางอะไรบางอย่างติดอยู่พยายามยกขึ้น ผมจึงเดินเข้าไปประคองมือเล็กนั่นเอาไว้แผ่วเบา...ถ้าตาไม่ฝาดผมว่าผมเห็นน้องยิ้มออกมาจางๆ นะ

“ดีใจด้วยนะครับ ที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง น้องเองก็ยังเด็กเลยฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว ให้พักอยู่ที่นี่อีกซักวันสองวันก็กลับบ้านได้แล้ว ส่วนอาการเจ็บแผลนั้น ผมจะให้ยาระงับอาการปวดเผื่อเอาไว้แล้วกันนะครับ” คุณหมอแกบอกอย่างนั้นขณะที่เก็บสายตรวจทั้งหลายให้เข้าที่

“ผม..ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ ถ้าไม่ได้หมอ แฟนของผมคงแย่” ผมบอก คุณหมอแกก็ยิ้มๆ แล้วตอบ

“ไม่หรอกครับ ผมก็ช่วยเต็มความสามารถเท่าที่ผมจะทำได้เท่านั้นเอง น้องต่างหากที่เข้มแข็งต่อสู้กับอาการเจ็บปวดและฟื้นตัวได้เร็ว” คุณหมอบอกพร้อมยิ้มให้อีกครั้ง “ถ้ามีอะไรก็เรียกพยาบาลได้ตลอดเวลา ผมขอตัวไปตรวจคนไข้ต่อนะครับ”

ผมยกมือไหว้แทนทั้งคำขอบคุณและคำลา จนประตูห้องปิดลง เสียงของคนที่ผมเฝ้ารอให้ลืมตาตื่นมากว่าสองวันก็ดังขึ้นเบาๆ

“พี่อ๋อง...ตังค์...” ผมรีบเดินกลับไปที่ข้างเตียง มองสตังค์ที่น้ำตาไหลอาบแก้มจนผมเจ็บในหัวใจ เลยยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้น้องเบาๆ เพราะกลัวจะกระเทือนแผล

“พี่ขอโทษ พี่รู้ตัวว่าตัวเองเลว แต่ขอโอกาสให้พี่ได้มั้ยตังค์” ผมกระซิบถามเบาๆ แต่มันคงสั้นเกินไป ดวงตากลมแป๋วถึงได้มองผมอย่างไม่เข้าใจ

“ตังค์บอกเลิกพี่อ๋องแล้ว...ฮึก...เราเลิกกันแล้ว” ผมยังเจ็บไม่หายกับประโยคนี้ ยิ่งสตังค์ตอกย้ำมันและเริ่มร้องไห้ผมก็ยิ่งเสียใจ

“ไม่มีคำนั้นอีกแล้วเจ้าเด็กดื้อ พี่ไม่ได้ตอบตกลงที่เราบอกเลิกพี่เลยนะ ยังคุยไม่ทันรู้เรื่องตังค์ก็วางหูใส่พี่” ผมบอกแล้วดึงมือข้างหนึ่งที่สตังค์ยกขึ้นเช็ดน้ำตาเอาไว้ บังคับให้น้องมองหน้าผม “พี่ไม่ยอมเลิกกับเราหรอกนะ”

“แล้วพี่อ๋องจะให้ตังค์ทำยังไง...ตังค์...ตังค์รักพี่ แต่ตังค์ก็ทนไม่ไหวที่ต้องเห็นพี่ไม่เคยสนใจตังค์เลย ตังค์เลยคิดว่า...”

“คิดว่าพี่จะมีความสุขมากกว่าถ้าตังค์ออกไปจากชีวิตพี่...งั้นสิ” ผมบอก สตังค์ได้แต่พยักหน้างึกงักทั้งน้ำตา “คิดเองเออเองคนเดียวทั้งนั้น”

“แล้วตังค์ควรจะทำยังไง ฮืออออ”

“พี่ขอโทษ เราเริ่มกันใหม่ไม่ได้เหรอตังค์ พี่รักตังค์นะ รักมากกว่าที่ตังค์รักพี่อีก” สตังค์ตาโตกับคำพูดของผม “พี่ขอโทษที่รู้ตัวช้า แต่รู้ช้าก็ยังดีกว่าไม่รู้นี่นา จริงมั้ย...เลิกร้องไห้นะ”

“พี่พูดจริงเหรอพี่อ๋อง” สตังค์ยังไม่คงไม่เชื่อกับคำพูดของผม...นี่ผมกลายเป็นตาแก่ขี้โกหกในสายตาน้องไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

“จริงสิ พี่เคยโกหกเราเหรอ”

“ตั้งหลายครั้ง” แหงะ...ตอนไหนวะ

“นั่นแหละ...แต่คราวนี้พี่พูดจริงนะ พี่รักเรามาก ตอนที่ตังค์บอกเลิก พี่รู้สึกเหมือนโลกจะแตก หายใจไม่เป็น พี่ไม่ได้เว่อร์นะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ”

“แล้วพี่คิดมั้ยว่าตอนตังค์วางสายจากพี่ไป ตังค์รู้สึกยังไง” น้องบอกผมด้วยดวงตาฉ่ำแดง “ตังค์รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตาย ตังค์ไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพี่ ตังค์...”

“ไม่เอา ไม่ร้องแล้ว พี่อยู่ตรงนี้แล้วไง”

สตังค์พยักหน้าให้แทนคำตอบ ผมจึงก้มลงจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากแห้งเพราะขาดน้ำของเจ้าตัวเล็ก ก่อนจะขยับไปงับเอาที่ปลายจมูกเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว

“แต่พี่อ๋องสัญญากับตังค์อย่างนึงได้มั้ย”

“อะไรก็ได้ พี่จะทำให้ อ่อ..ยกเว้นเฉือนไอ้นั่นไปให้เป็ดกินนะ” ผมบอก สตังค์หัวเราะเบาๆ แล้วก็ทำหน้าซี้ดเพราะเจ็บแผล จนผมอยากจะงับปากบวมๆ นั่นอีกสักรอบสองรอบจริงๆ

“รักตังค์คนเดียวนะ”

“ไม่บอกก็จะทำให้ครับ” ผมยิ้มกว้าง สตังค์เองก็ยิ้ม เรายิ้มให้กันอย่างมีความสุข ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว แค่เรามีกัน โลกจะแตกก็ปล่อยมันไปเถอะครับ ผมพอใจกับสิ่งที่ผมมีแล้ว

พอสตังค์ออกจากโรงพยาบาล ผมพาน้องไปเปิดตัวแบบไอ้ทีมบ้างดีกว่า ใครจะหาว่าเต๊าะเด็กก็ยอมแล้วแหละครับ และคงจริงอย่างที่เพ่ยมันว่า แม่คงผสมหญ้าให้ผมด้วยตอนที่ชงนมตอนเด็กๆ พอโตมาก็คงกินหญ้าแทนข้าว มาเรื่อยๆ ก็พัฒนาเป็นความชอบส่วนตัว จนตอนนี้ผมเลยกลายเป็นควา...เอ่อ โคแก่ที่ชอบกินหญ้าอ่อน

หืม..? คนอ่านงงอะไรครับ...



ก็ผมชอบกินหญ้าอ่อนเลยมีเมียเด็กไง!!





เจอกันตอนที่ 16 จ้ะ

eiizes’s talk

อนุญาตให้ตบพี่อ๋องแรงๆ ได้คนละสองที 5555

ขออธิบายนิดนึงแล้วกันค่ะ เรื่องพี่อ๋องกับน้องตังค์

เราอยากให้พี่อ๋องเป็นตัวแทนของความไม่รู้จักพอ เราเชื่อว่าผู้ชายร้อยละเก้าสิบเป็นแบบนี้ มีแฟนแล้ว แต่ก็ยังมองคนนู้นมองคนนี้ได้ แบบว่าถ้าแฟนไม่รู้ก็ไม่เสียหาย 555

ส่วนสตังค์ ให้เป็นตัวแทนของความรักที่ให้ได้ทุกอย่าง รักมาก จนใกล้เคียงกับคำว่าโง่ คือน้องรัก แล้วเลิกมองข้อเสียทุกอย่างของพี่อ๋อง
จนกลายเป็นว่า สตังค์โง่รึเปล่าที่รักอ๋องแบบนี้? ส่วนตัวแล้ว เราว่าสิ่งนี้ก็มีในตัวคนอีกหลายๆ คน รักมากจนยอมให้ได้ทุกอย่าง

อยากให้สตังค์เป็นอีกตัวอย่างนึงว่า ความรักที่มีทั้งความอดทน และให้อภัย มอบให้เขาก่อน ทั้งที่ตอนแรกพี่อ๋องไม่ได้รัก แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ยิ่งเห็นว่าของที่อยู่ในมือ เป็นสิ่งที่มีค่ามาก และต้องรักษาเอาไว้

แล้วคนอ่านละคะ คิดยังไงกันบ้าง :)

แสดงความคิดเห็นกันได้เต็มที่นะคะ จัดหนัก 555

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะคะ

eiizes

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาสินะ


ไม่เข้าใจทำไมผู้ชายต้องมักมาย ถึงจะยังไม่มีแฟนเป็นตัวตน จริงๆคนเราก็ไม่น่าจะคันกันขนาดนั้นนะ แบบว่าถ้าวันหนึ่งเรามารู้ว่าแฟนเรา่ผ่านผู้หญึ่งมาเป็น สิบๆ ร้อยๆ ถึงให้รักมากแค่ไหนก็โคตรจะเสียใจ ถึงมันจะเป็นอดีตที่เคยผ่านมา แต่ทำไมถึงไม่ทำตัวเองให้ดีกันก็ไม่รู้ไม่เข้าใจ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
พี่อ๋องเป็นตัวแทนของชายเลวได้เกือบสมบูรณ์แบบและ  เพียงแต่ได้คิดซะก่อนเท่านั้นเอง
คนเราก็แค่นี้ต้องให้เกือบสูญเสียหรือสูญเสียไปซะก่อนถึงจะได้คิดว่ามันสำคัญกับตัวเองมากขนาดไหน

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
รู้สึกดีใจที่อีพี่อ๋องอะไรนี่จะกลับตัวได้...
สตางค์หายไวไวนะ ^^

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
+1 พร้อมกับซับน้ำตาตัวเองเบาๆ ,,
ถ้าน้องไม่บอกเลิก จะรู้สึกมั้ย ?
จะคิดได้รึเปล่า ...
โฮๆๆๆ น้องสตัวค์ ขวัญมานะลูก
ไม่เป็นไรใช่มั้ย ฮึกกกกก
ยังอยากจะ ตบพี่อ๋องอยู่นิดๆ  ดีนะที่น้องรักมากจนยอม
ชิส์ ถ้ามีอีกที  โฮๆๆๆ ไม่เอาแล้วนะ
ฮึกกก 

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
แหมม อยากให้จบดราม่าจริ็งจริ้ง ผู้ชายอย่างอ๋องเนี้ย
 :L2:

ออฟไลน์ stormphoenix

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-3
 :L2: :L2:เอาดอกไม้มาเยี่ยมสตังค์  หายไวๆนะครับ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
เหอๆ
โง่ค่ะน้องสตังค์
กลับไปคบง่ายๆแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะค่ะ ระวังน้ำตาเช็ดหัวเข่าอีกนะ เหอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BossZa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
    อ่านตอนนี้แล้วสะเทือนใจสุดๆสงสารสตังค์  เอามาให้นู๋ตัง :L2:


   :m16: ดีนะที่อีพี่อ๋องรู้ใจตัวเองทัน

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
 :serius2:คนอย่างอ๋องเป็นตัวแทนของคนเลวสุดๆ..เป็นประเภทกูเอากับใครก้อได้ แต่กับสตางค์ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองคนเดียว..ห้ามมองใคร..เลวว่ะ :beat:
ส่วนสตางค์น่าจะพากันไปกินหญ้า..รู้ว่ามันเลว..แม้ว่าจะขอเลิกกันก้อยังพูดให้มันได้ใจอีกว่า..จะรักตลอดไปปปป..ชิส์

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ถึงกับแซดแต่เช้าเลยทีเดียว... :sad4:
ยิ่งตอนบอกเลิกกันนี่ อู๊ยยย น้ำตาจะไหล T T
มันก็สองจิตสองใจนะ ตอนน้องตื่นนี่อยากจะให้น้องความจำเสื่อม ลืมไอ้พี่อ๋องไปเลยอะ
แต่อีกใจก็นะ...พี่อ๋องมันอุตส่าห์ขอโอกาสแก้ตัว ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะดีได้เท่าที่พูดกับน้องหรือเปล่า -*-
แต่ไงก็ชอบให้คนรักกันมากกว่านะ คืนดีกันได้ก็ดีใจด้วยนะพี่อ๋อง จะได้หวานแข่งกับน้องรหัส :o8:
+1 ขอบคุณและฝากช่อดอกไม้ไปเยี่ยมน้องตังค์ด้วยค่ะ ไม่ใช่กุหลาบดอกละสิบบาทของไอ้พี่อ๋องหรอก ชิส์ :a14:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ถ้าเป็นเรื่องจริง ผู้ชายที่เจ้าชู้ จะยอมเปลี่ยนตัวเองเพราะว่ารักแฟน
หายากค่ะ เมื่อมันเคยมักมากยังไง สำนึกได้ไม่กี่ครั้งก็ดีแตก
สุดท้ายก็ย้อนไปจุดเดิมที่เริ่มคบกัน ว่าเมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้นี่นา :z3: :z3:

jay_tt

  • บุคคลทั่วไป
แอบอ่านที่ทำงาน  ร้องไห้ก้อไม่ได้ ทรมาน

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
จะให้ว่าไงดี อ่านเปนนิยายก็ซึ้งดี 555 แต่ดันไปคิดว่าถ้าเปนเรื่องจริงสตังค์อาจจะจบลงโดยการเป็นเอดส์เพราะติดจากอีพี่อ๋องก็ได้ มองโลกแง่ร้ายไปปะ 555 แต่ชีวิดไม่ได้มีด้านเดียว เพราะงั้น มองอะไรต้องคิดให้รอบด้าน ทั้งด้านที่ดีและไม่ดี  :z2:

ลืมแซวอีพี่ทีม หวานน้ำตาลหยด  :laugh:

ออฟไลน์ nutjung19

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อ๊ายยยยย น่ารัก อ๋องกินหญ่าอ่อน

@StaR@

  • บุคคลทั่วไป
พี่อ๋องยังยังถือว่าดีมากที่คิดได้
บางคนแฟนจับได้มันทำเป็นไรู้เรื่อง
สตังค์น่ารักจริงๆอดทนด้วย
ขอให้หายเร็วๆน่ะสตังค์
 :กอด1: :L2: :pig4:

lazewcielo

  • บุคคลทั่วไป
อ๋องกินหญ้าอ่อน 55555555555555555555555

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เป็นเรื่องปกติที่ความรักบังตาทำให้ความสมรรถภาพการตัดสินใจลดลง
และทำให้ EQ, IQ ต่ำกว่าร้อย....

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






fahzang

  • บุคคลทั่วไป

ร้องไห้ ดราม่ามากกกก  TT.
สงสารหนูสตาง

ติดตามเรื่องนี้อยู่เสมอจ้า 

kokoky

  • บุคคลทั่วไป
เป็นบทสรุปเสมอเลยเนาะ
คนเรามักเห็นค่าของสิ่งใกล้ตัวเมื่อกำลังจะสูญเสีย หรือได้สูญเสียสิ่งนั้นไป
ใช้ได้กับทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องความรัก หรือสิ่งสำคัญ หรือแม้กระทั่งความรู้สึก
พี่ขวัญเจอกับตัวเลยล่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่แก้ไขไม่ได้ตลอดกาล เมื่อโอกาสมันไม่มีอีกแล้ว
ถึงได้รู้ว่าไม่ควรทำอะไร หรือควรทำอะไร สายไปแล้วจริงๆ..........................

รักกันไว้เถอะค่ะ อีกเรื่องนึงนะคะ เรื่องคำพูด พูดดีๆต่อกันเถอะ
คำพูดที่พูดออกไปมันแก้ไขอะไรไม่ได้เลย หากคนที่เราอยากขอโทษไม่ได้อยู่บนโลกเดียวกันแล้ว
พี่อ๋องถือว่าโชคดีมากค่ะที่ได้โอกาสแก้ไข ปรับปรุงตัว คิดทัน ทุกอย่างยังทันเพราะน้องยังอยู่

น้ำตานองตลอดเลยค่ะ เวลาเจอเนื้อหาประมาณนี้ รู้สึกโดนสะกิดต่องตลอด

เป็นเรื่องดีค่ะที่ไอซ์นำประเด็นน้องตังค์กับพี่อ๋องมาเป็นตัวอย่างให้เห็นกัน
ขอบคุณสำหรับบทสรุปดีๆจ้า

hahn

  • บุคคลทั่วไป
ยังดีนะที่น้องสตังค์ไม่เป็นอะไร แต่กว่าพี่อ๋องจะรู้สึกตัวเกือบเสียน้องไปซะแล้ว

Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
เกือบจะสายไปซะแล้ว..
พี่อ๋องกลับมาเปลี่ยนตัวเองให้น้องทันเวลาเนอะ ;)

ออฟไลน์ creator

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ไม่เข้าใจเม้นชอบเลื่อนไปเรื่องอื่น  :serius2:

เหมือนจะคืนดีกันง่าย(ไปหน่อย)
ไม่สะใจ 5555555555

แต่อ๋องโชคดีมากนะ ที่น้องยังให้โอกาสน่ะ
งี้ละนะ ไม่เจออย่างนี้คงไม่รู้ตัว หึหึ


รอตอนต่อไปจ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2011 16:24:20 โดย creator »

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
จุดจบคลาสโนว่า

ให้มันได้อย่างนี้สิ


ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
อ๋องรู้ตัวช้าไปนิด แต่สตังค์ก็ยังให้โอกาส โชคดีนะ
ดีที่สตังค์ไม่เป็นอะไรมาก
นายอ๋อง ชอบกินหญ้าอ่อน 55+

ออฟไลน์ ~MeiMeiZ@~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เล่นตัวอีกนิดก็ได้นะคะน้องตังค์
แต่ไหนๆก็ดีกันแล้ว ก็ขวัญเอยขวัญมานะลูก โอ๋ๆๆ

ขอตบอิพี่อ๋องซัก 2-3ที
ทำน้องเสียใจ ชริส์~~

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
จัดหนักจริง ๆ นะเนี่ยมาทียาวววว...เลยแต่ชอบ

อยากให้น้องดัดนิสัยไอ้พี่อ๋องหน่อยยกโทษไวแบบนี้อ๋องได้ใจหมด
แต่ก็นะมันเจ้าชู้ขนาดนั้นถ้าไม่รีบเดี๋ยงมันเปลี่ยนใจเลิก ๆ เราซวย
แต่คราวหน่าไม่เอาแบบนี้นะ ถ้ามันนอกใจเมื่อไหร่ตัดทิ้งโยนให้เป็ดกิน
ถ้าที่บ้านไม่มีเป็ดเอามาให้พี่เดี๋ยวพี่จัดให้ :laugh:

 :pig4: คะ

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook

   ถ้าจะบอกว่าฝุ่นมีชู้...คุณจะเชื่อผมไหม?


   ผมไม่ได้พูดปากเปล่าโดยไม่มีหลักฐาน และก็ไม่ได้อยากสร้างความคิดหรือปมปัญหาอะไรมาคิดให้ฟุ้งซ่านด้วย แต่พฤติกรรมระยะนี้ของฝุ่นทำให้ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จริงๆ แหนะๆ ผมรู้นะว่าคุณๆ กำลังหาว่าผมขี้โม้อยู่ งั้นผมจะบอกให้ฟังก็แล้วกันว่าตอนนี้ผมกำลังเผชิญกับอะไรอยู่

   ครืด...ครืด....

   แม่ง นี่ใครจุดธูปเนี่ย ผมยังไม่ทันได้เอ่ยปากเล่า ไอ้หนึ่งในสาเหตุของความกังวลใจของผมก็ดังขึ้นมาทันที คุณแฟนสุดที่รักที่นอนคว่ำดูทีวีอย่างสบายใจเฉิบสะดุ้งสุดตัว รีบคว้าเอาโทรศัพท์มือถือออกมาดูสายเข้า ก่อนจะหันมาบอกผมลวกๆ

   “รับโทรศัพท์ก่อนนะ”

   แล้วผมจะห้ามอะไรได้(วะ)ครับ!!

   เขาบอก รักแฟนต้องตามใจแฟน แต่ตำรานั้นมันรวมกรณีแฟนอยากมีชู้ต้องตามใจด้วยรึเปล่า?

   ฝุ่นวิ่งหน้าระรื่นขึ้นไปคุยโทรศัพท์บนชั้นสอง ผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้ปลายสายมันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไม่รู้รึไงคนนี้กูจองแล้ว ยิ่งนึกผมก็ยิ่งหงุดหงิด หนักๆ หน่อยก็เคยเอ่ยปากถาม แต่ฝุ่นก็ตอบปัดไปแค่ว่าเป็นเพื่อน แต่ขอโทษ เพื่อนเค้าโทรหากันตอนเที่ยงคืนด้วยเหรอครับ หรือพี่จะแก่เกินวัยรุ่นเลยไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนทั่วไปเขามีเทรนด์โทรมาบอกกู๊ดไนท์ด้วย

   เวลาพาน้องไปส่งที่มหาวิทยาลัย ก็พยายามเหล่มองนะครับว่าใครมันคิดจะแย่งดวงใจของผมไป แต่เพื่อนของฝุ่นที่ผมเจอบ่อยๆ ก็มีแค่อันดา ที่บังเอิญโลก(โคตร)กลม มีพรหมลิขิตทำให้น้องชายของพี่ลันเขาเลือกคณะเศรษฐศาสตร์เหมือนกับแฟนผม และอีกคนก็คือน้องลูกชุบ สาวเชียงรายหน้าตาน่ารัก แต่ห้าวเกินมนุษย์ปกติเกือบสิบห้าเปอร์เซ็นต์

   ถ้าฝุ่นจะชอบผู้หญิง ผมก็คงสงสัยลูกชุบเป็นคนแรก แต่นี่ก็ไม่ใช่...จะว่าอันดา ก็เอาสมองไปให้หมูกินเถอะ

   แล้วไอ้ชู้รักนั่นมันใครวะ คนหน้าตาดีสงสัยเว้ยเฮ้ย!

   ผมเคยพยายามไปแอบฟังลอดรูประตู แต่ก็ไม่ได้ยินเพราะน้องพูดเสียงค่อนข้างเบา หนักๆ เข้าก็เลิกคุยโทรศัพท์มาส่งอีเมลแทน ดูสิครับ ผมอุตส่าห์เป็นคุณชายติดบ้านให้เมียชื่นใจ แต่ฝุ่นนอกจากจะไม่เห็นใจผมแล้ว ยังจะทำร้ายผมได้ลงคออีก

   นั่งจิตหงุดเงี๊ยว ... เอ้ย จิตหงุดหงิดได้สักพัก ฝุ่นก็เดินลงมาหาด้วยหน้ายิ้มๆ น้องทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผม...เอาแน่กู มีเรื่องจะอ้อนแน่ๆ

   คบกันมาเกือบสามเดือน ทำให้ผมได้เห็นนิสัยหลายๆ อย่างของฝุ่นที่คนทั่วไปไม่มีวันจะได้เห็น น้องเป็นคนชอบให้ผมเอาใจ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างของที่ชอบ ไม่ชอบ อยู่กันไปก็จะรู้ไปเองแหละครับ ฝุ่นไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่ถ้าทำไม่ถูกใจก็เขี้ยวงอกได้เหมือนกัน นอกจากนี้สิ่งที่ฝุ่นจับได้จากนิสัยผมก็คือ ผมแพ้ตาใสๆ ที่ทำหวานอ้อนนั่นแหละครับ ขออะไรเทกระจาดให้หมดเลย

   “เอาอะไรอีกล่ะครับ”

   “ทีมอ่า...” เสียงงุ๊งงิ๊งๆ พร้อมหัวทุยๆ ที่ทิ้งลงนอนบนตัก น้องพลิกตัวมากอดเอวผมไว้หลวมๆ “อีกสองวัน เพื่อนจะมาค้างที่บ้านนะ”

   “เพื่อนที่ไหนล่ะหืม” ผมถาม พลางเกลี่ยเส้นผมบนหน้าผากเขาให้พ้นไป

   “ก็...เพื่อนอะ จะมาค้างที่นี่ประมาณสี่ห้าวัน”

   ไม่อยากจะบอกว่าลางสังหรณ์กูแปลกๆ ครับ

   “เพื่อนที่ไหนครับ” ผมเริ่มเก๊กเสียงให้ต่ำลง เพราะรู้ว่าถามแบบนี้ทีไร น้องจะยอมบอกความจริงทุกที

   “เพื่อนเก่า”

   เพื่อนเก่านี่ใช่ไอ้ฝรั่งนั่นรึเปล่าวะ ชื่ออะไรนะ ยูล? ยีน? หรือว็อดก้า กร๊ากกก (มุขควาย)

   “บ้านพี่ไม่ใช่โรงแรมที่จะให้ใครก็ได้มาพักนะ” ผมทำเสียงเข้ม

   “ไม่ใช่แบบนั้น แต่ฝุ่นไม่อยากให้เพื่อนเสียค่าโรงแรมนี่ น่านะ”

   ผมส่ายหน้าเบาๆ แทนคำปฏิเสธ เท่านั้นแหละ น้องลุกขึ้นนั่งทันที ทำเอาผมถอยหน้าหลบแทบไม่ทัน หัวเกือบโขกกันแน่ะ ฝุ่นขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่นบอกเสียงดังอย่างไม่พอใจ

   “อะไรวะ แค่นี้ให้มาพักไม่ได้รึไง ห้องฝุ่นก็นอนได้ ทีมขี้งก ไอ้ขี้งก โกรธ!” ดูสิครับ แฟนผม เด็กมั้ยล่ะ

   แอ๊ะๆ เด็กแต่ก็รักนะ กร๊ากกก

   “นี่ ฟังก่อน” ผมพยายามดึงให้น้องนั่งลง แต่ฝุ่นก็ไม่ยอม ทำหน้าย่นใส่ผม พอดีกับที่ประตูบ้านถูกใครบางคนเปิดออก ฝุ่นก็ได้ทีรีบหาพรรคพวกเลยครับ

   “น้าอิ่ม” เออ ลูกคู่ทีมใหญ่ กูตายแน่

   “ไงจ๊ะฝุ่น ทีม คุยอะไรกันอยู่เอ่ย” น้าอิ่มยิ้มกว้างตอนที่ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน พ่อผมเดินตามเข้ามาติดๆ ขานี้ก็เห่อเมียและลูกมากครับ...อ่อ ผมยังไม่ได้เล่าใช่มั้ย ว่าตอนนี้น้าอิ่มเองก็ท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว บ้านเรากำลังจะมีเสียงเด็กเล็กอีกแล้วล่ะครับ เอิ้ก

   “น้าอิ่ม ถ้าวันมะรืนยูลจะมาค้างที่บ้านได้รึเปล่าครับ”

   “ได้สิจ๊ะ”

   “ไม่!!!!!” ไม่ใช่เสียงพ่อหรอกครับ ผมเองแหละ ได้ยินชื่อไอ้หรั่งนั่นแล้วอารมณ์เสีย ดูสิครับ ขนาดจะให้ถ่านไฟเก่ามาพักที่บ้าน ฝุ่นยังกล้าโกหกผมเลย ว่าเป็นเพื่อนเก่า แล้วแบบนี้จะให้ผมเชื่อใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรจริงๆ

   “อะไรเล่า ทำไมแกไปห้ามน้องแบบนั้น ยูลอะไรนี่ก็เป็นเพื่อนน้องตอนอยู่อเมริกาไม่ใช่เหรอ” พ่อหันมาเอาความที่ผมทันทีครับ โคตรอยากบอกเลยว่านั่นเป็นชู้ของเมียผม แต่ติดตาดุๆ ของฝุ่นที่ขึงใส่ เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากบิดเบือนข้อเท็จจริง

   “ผมไม่สะดวก”

   “ลุงสินดูสิครับ ทีมขี้งกกับผมอะ” นี่สาบานได้นะว่าเป็นคนเดียวกับไอ้เด็กดื้อที่พูดแทบจะไม่เป็นเมื่อหลายเดือนก่อน ทำไมเดี๋ยวนี้ขี้ฟ้องจังวะ

   “นั่นสิ แกจะไม่สะดวกอะไร ห้องนอนน้องกับแกก็คนละห้องกัน ถ้าเพื่อนฝุ่นมาจะให้นอนห้องนอนของแขกก็ได้นี่ ไม่เห็นจะลำบาก”

   “แต่ผม...”

   “งั้นไม่เป็นไรครับ” ฝุ่นทำเสียงหงอย “เดี๋ยวผมให้ยูลไปนอนที่โรงแรมข้างนอกก็ได้ ช่วงนั้นผมก็ออกไปนอนเป็นเพื่อนยูลก็แล้วกันครับ”

   “แบบนั้นจะดีเหรอจ๊ะฝุ่น”

   “นั่นสิ ลำบากนะลุงว่า”
   

   “เออๆๆๆ มาที่บ้านก็มาสิวะ เซ็กส์ซี่มึงไปห้ามฝุ่นทำไม!!”



   ทั้งที่วันนั้นฝุ่นมีเรียนตั้งแต่เช้า แต่น้องก็เลือกที่จะโดดเพื่อไปรับชู้ที่สนามบิน ส่วนผมน่ะหรือ ได้แต่รับฟังด้วยสีหน้าเซ็งๆ ไม่ได้คุยกับฝุ่นดีๆ มาตั้งแต่วันที่น้องบอกว่าไอ้หรั่งยูลจะมาพักที่บ้านแล้ว ไม่รู้เป็นอะไรครับ เหมือนเป็นคำต้องห้าม ได้ยินชื่อมันปุ๊บ ฟ้าพาลจะมัวทุกที

   พ่อกับน้าอิ่มออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ทิ้งให้ผมนอนคว่ำหน้าด้วยสภาพโทรมๆ อยู่บนเตียงยันเก้าโมงเช้า ก่อนที่เสียงทุบประตูที่ดังราวกับออดไฟไหม้จะรัวขึ้น ผมจึงงัวเงียเงยหน้าขึ้นมาบอก

   “เปิดเลย ไม่ได้ล็อคประตู” หรือพูดให้ถูกก็คือ ประตูที่เชื่อมตรงห้องน้ำ ไม่มีกลอนโว้ย

   “”ตื่นเร็ว ออกไปรับยูลกัน”

   “ง่วง” ผมตอบ แน่นอนว่าฝุ่นเดินเข้ามาผลักผมทันที “อะไรวะ”

   “ทำไมทำตัวแบบนี้ ตั้งแต่วันนั้นแล้ว ยูลทำอะไรผิด”

   โอ้โห ยังจะกล้าถามว่าไอ้หรั่งทำอะไรผิด ถ้าให้ลิส สิบหน้ายังไม่เสร็จเลยจ้ะฮันหนี

   “ไม่ได้ผิด แต่เกลียดมัน” ผมตอบ แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำแบบไม่สบอารมณ์ ตอบไม่ถูกเหมือนกันครับว่าทำไมถึงได้ใส่อารมณ์กับน้องมากขนาดนั้นทั้งที่ฝุ่นก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่นิดเดียว เออ ก็ยอมรับว่าหึง จะไม่ให้หึงได้ยังไง ในเมื่อพฤติกรรมของฝุ่นไปสอดคล้องกับหลักเมียมีชู้ แล้วไอ้ชู้นั่นก็กำลังจะมาเสวยสุขที่บ้านของผมในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี่!

   ห๊ะ? ไม่เคยได้ยินหลักเมียมีชู้? โหย เชยว่ะ เชยมากๆ

   ข้อแรก...เมียมีชู้จะเริ่มมีความลับ

   ข้อสอง...เมียมีชู้จะเริ่มมีเบอร์แปลก..และแน่นอนว่าต้องเดินหนีไปคุย

   ข้อสาม...(ก่อน)เมียมีชู้เราต้องรู้ให้ได้ ToTb

   แค่นี้ยังน้อยนะ ถ้าให้ลิสจริงจนไอ้หรั่งบินกลับถึงเมกาแล้วผมยังพูดไม่จบเลยเหอะ (ทึ้งหัวตัวเอง)

   ด้วยความรักที่มี ทำให้ผมยืนอ้อยอิ่งอยู่ในห้องน้ำนานเกือบชั่วโมง กว่าจะแต่งตัว เช็ตผมอีกก็กินเวลาไปโขอยู่ ฝุ่นก็เดินมาเคาะประตูรอบแล้วรอบเล่า แต่สนใจมั้ย....นิดนึง กร๊ากก ฝุ่นรีบ แต่ผมไม่ได้รีบนี่นา ก็นั่นแหละครับ ออกมาก็เจอสุดที่รักนั่งหน้าเป็นจวักรออยู่ก่อนแล้ว

   “ปากจะติดจมูกแล้ว” ผมเดินเข้าไปจับปากฝุ่นเล่นเบาๆ หวังจะให้น้องยิ้ม แต่กลับกัน ที่รักเขาปัดมือผมทิ้งบอกเสียงเขียว

   “จงใจแกล้งกันใช่มั้ย เครื่องยูลลงตั้งแต่เมื่อสิบนาทีที่แล้ว ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้” เพล้ง.....ยูล...มึง...

   “ฝุ่น” ผมเรียกน้องเสียงเข้มเป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง แต่ดูเหมือนว่านอกจากเขาจะไม่รู้ตัวแล้ว ยังไม่สนใจอีกด้วย

   “เรียกกูทำไม”

   “ฝุ่น” เราขอเตือนท่านเป็นครั้งที่สอง ถ้ามีครั้งที่สาม น้องจะโดนงับปาก และไม่ได้ออกจากห้องนี้ไปอีกสัปดาห์นึง

   “จะไปข้างนอกแล้ว รีบๆ เดินออกมาด้วย!” นอกจากจะไม่มีคำขอโทษ น้องยังกระแทกเสียงใส่ผมแล้วเดินฉับๆ ออกจากห้องนอนไปเลยครับ เออ คาดโทษไว้ก่อน ได้โอกาสเมื่อไหร่จะทบต้นทบดอกให้แสบถึงไส้ติ่งเลยเชียว


   
   ผมจงใจทำตัวเลว ขับรถอ้อมโลกมาที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมารับไอ้หรั่งชู้รัก ตลอดทางฝุ่นไม่พูดอะไรกับผมสักคำ สงสัยจะโกรธมาก แต่นาทีนี้ผมก็ไม่ง้อหรอกครับ โกรธเหมือนกัน

   โชคร้ายของผมที่เที่ยวบินที่ไอ้หรั่งมันเกาะล้อมานั้นเสือกดีเลย์! แม่งเอ๊ย แฟนโกรธแล้วต้องมานั่งรอชู้อีก ชีวิตกูประเสริฐแท้

   ผมตัดสินใจบอกให้ฝุ่นนั่งรออยู่ที่มุมหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ออกไปสูบบุหรี่แก้เครียด พลางกดโทรศัพท์หาไอ้เชี่ยไกด์ที่ป่านนี้คาดว่าคงกำลังนั่งดูหนังโป๊อยู่ที่บ้าน

   ((รายสราด)) ดูมันสิครับ รับโทรศัพท์ได้ผู้ดีมาก

   “เมียกูมีชู้”

   ((ห๊ะ? กู้อีจู้? คืออะไรวะ)) มันถามไปก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างอารมณ์ดี แม่ง จะมามุขไหนกูก็ขำไม่ออกนะ สถานการณ์แบบนี้น่ะ

   “กู้อีจู้พ่อมึงสิ กูบอกว่า ฝุ่นมีชู้!” ผมตะโกนใส่โทรศัพท์

   ((อะไรของมึง ตอนนู้นก็พี่อ๋องโดนเมียบอกเลิก ตอนนี้เมียมึงมีชู้ พวกมึงสองคนโคตรสมเป็นพี่น้องรหัสกันเลย มีแต่ปัญหาเรื่องกามๆ)) ดูมันบ่น ((กูสงสัย ถ้าไม่มีปัญหานี่ชีวิตคู่มึงขาดรสชาติเหรอครับเชี่ยทีม))

   “นี่กูโทรมาบ่นให้มึงฟังนะ ไม่ใช่ให้มึงด่ากู” ผมบอก ไอ้เพื่อนเลวเลยหัวเราะออกมาแล้วถาม

   ((มึงแน่ใจได้ไงว่าน้องฝุ่นมีชู้))

   “จะไม่แน่ใจได้ไง พักนี้ฝุ่นชอบทำตัวมีความลับกับกู หนีไปนั่งคุยโทรศัพท์คนเดียวบ่อยๆ พอถามเข้าก็บอกว่าเพื่อน แม่งดีนะที่กูรู้จักอันดาด้วย ไม่งั้นคงตามไปกระทืบถึงบ้าน"

   ((เกี่ยวไรกับอันดาวะ)) ไอ้ไกด์มันถามงงๆ ครับ

   “หอก ก็อันดาเรียนคณะเดียวกับแฟนกูไงครับ ม.เดียวกันด้วย” ผมตอบข้อสงสัยของมัน ไอ้เชี่ยไกด์เลยถึงบางอ้อบอกกลับมา

   ((อาจจะเพื่อนจริงๆ ก็ได้ แต่น้องฝุ่นรู้ว่ามึงชอบทำตัวพล่านแบบนี้เลยไม่อยากคุยให้ได้ยินรึเปล่า ถ้าเป็นกูมีแฟนนิสัยแบบมึงกูก็ไม่อยากคุยโทรศัพท์ต่อหน้าเหมือนกันแหละ...อ่อ ไม่สิ นี่ดีนะที่น้องยังทนได้ เป็นกู กูไม่ทนหรอก แฟนสันดานแบบมึงอะ))

   “นี่มึงเป็นเพื่อนกูแน่รึเปล่าครับไกด์ ตั้งแต่รับสายนี่ยังไม่หยุดด่ากูเลยนะ”

   ((หึหึ กูด่ามึงอยู่แค่สองเวลาเอง แค่ตอนหายใจเข้าแล้วก็ตอนหายใจออก)) มันบอกแล้วหัวเราะลั่น เอ๊ะ ก็บอกว่าวันนี้กูอารมณ์ไม่ดี ไม่ขำไง

   “งั้นเตรียมหยุดหายใจได้เลย แสรด”

   ((ไม่เอาน่ามึงนี่ ทำตัวเป็นผู้หญิงมีเมนส์ไปได้ กูว่าไม่มีอะไรหรอก อย่าไร้สาระนัก เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ว่างๆ ก็ไปไถนาซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน)) มันบอกขำๆ ((เฮ้ย มีอะไรอีกรึเปล่า เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอก))

   “เออๆ ไม่มีอะไรแล้ว ไอ้พวกเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อน” ผมทิ้งท้ายด่ามัน แต่มีหรือที่คนหนังหนาอย่างเชี่ยไกด์จะสะทกสะท้าน มันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้ววางสายไป ผมจัดการดับบุหรี่แล้วเดินกลับเข้าไปในอาคารพักผู้โดยสาร แอบเห็นฝุ่นอยู่ไวๆ กำลังจะเดินไปหาแต่เท้าผมชะงักนิดหน่อยตอนที่เห็นแฟนเต็มตา น้องไม่ได้มีแขนงอกเพิ่มหรืออะไร แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจกระตุกก็คือ....ฝุ่นไม่ได้อยู่คนเดียว

   ฝุ่นยืนยิ้มกว้างคุยกับไอ้หรั่งที่ไหนไม่รู้ด้วยท่าทางสนิทสนม อยากจะเดินหนีไปด้วยความโกรธแต่เห็นท่าทางรุ่มร่ามของไอ้แขกไม่ได้รับเชิญที่เอาแต่จับมือจับแก้มแฟนแล้วผมก็ทนไม่ได้รีบสาวเท้าเข้าไปหาน้อง ทันทีที่ถึงตัวก็ยกมือขึ้นโอบไหล่ฝุ่นดึงเข้าหาตัวทันที คุณแฟนสุดที่รักเขาสะดุ้งเฮือกหันหน้ากลับมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ

   “ไม่คิดจะแนะนำเพื่อนให้ “แฟน” รู้จักหน่อยเหรอ” ผมถามเป็นภาษาอังกฤษ โอบไหล่ฝุ่นแน่นขึ้นเมื่อน้องเริ่มดิ้นและผลักออกขณะที่มองหน้าไอ้หรั่งนั่น มันมองหน้าผมกับฝุ่นสลับกันไปมาพักหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามใส่น้อง ฝุ่นทำสีหน้ากระอักกระอ่วนตอนที่ยอมพูดออกมา

   “ทีม นี่ยูลเพื่อนของฝุ่นเอง...ยูล นี่แฟนของฉัน”

   “แฟน..? ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ”

   “เมื่อไหร่ก็ไม่สำคัญโว้ย รู้แค่ตอนนี้เรารักกันก็พอ” ผมบอกเสียงเหี้ยมแล้วจ้องไอ้หรั่งยูลเขม็ง ได้ยินชื่อมันทีแรกก็นึกว่าหน้าจะตี๋ๆ ออกเกาหลีนิดๆ แต่แม่งที่ไหนได้ฝรั่งมังค่าแบบที่รบกับญี่ปุนตอนสงครามโลกนี่หว่า พูดจาไม่เข้าหูมันมากๆ จะเอาปรมาณูมายิงบ้านกูป่าววะนี่ เอิ้ก

   “งั้นหรือ..? หึหึ ยินดีด้วยนะฝุ่น แต่ฉันเหนื่อยแล้วล่ะ เราขึ้นรถกลับบ้านนายกันเลยได้มั้ย” มันไม่พูดกับผมแต่กลับหันไปหาฝุ่นแทน น้องก็ดีใจหาย ระริกระรี้เดินเข้าไปเกาะเพื่อนพาไปที่รถของผมทันที แต่ก่อนที่ไอ้หรั่งมันจะเดินพ้นตัวผมไป ก็ทันได้ยินมันกระซิบเสียงขุ่นอยู่ข้างหู


   “เก็บปลาย่างให้พ้นมือแมวก็แล้วกัน”


   งั้นกูจะยอมกลายเป็นหมาเฉพาะกิจ ไว้คอยจัดการแมวขี้ขโมยอย่างมึงเอง!!



   โตมายี่สิบกว่าปี ผมไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกไหนที่ให้อารมณ์ได้รุนแรงเท่ากับคำว่า “หมาหัวเน่า” เลยจริงๆ ตอนมีผมอยู่คนเดียว เอะอะอะไรก็ทีมอย่างนั้น ทีมอย่างนี้ แต่ดูตอนนี้สิ มีชู้มานอนเกยอยู่ที่บ้าน ไอ้ทีมก็หายไปจากการรับรู้ของน้อง ตลอดเวลาฝุ่นเอาแต่สนใจไอ้หรั่ง ถามนั่นคุยนี่แล้วก็หัวเราะกันอยู่สองคน จนตอนนี้เกือบตีหนึ่งแล้วเสียงหัวเราะและพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเลิศยังงุ๊งงิ๊งๆ ลอดบานประตูมาให้ผมอยากอกแตกตาย

   อยากจะเดินไปเคาะประตูแรงๆ บอกให้เงียบ หรือไม่ก็กระทืบไอ้หรั่งสักรอบสองรอบให้หายปวดใจ แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากเมื่อเย็นว่า “ยูลของข้า ใครอย่าแตะ” ก็ทำให้แผลใจกำลังบอบช้ำและเริ่มติดเชื้อ (ปาดน้ำตา)

   เมื่อตอนเย็นผมเป็นคนลงมือทำกับข้าว เพราะป้าแจ่มแกต้องเลี้ยงหลานด้วยในช่วงเย็นจึงทำให้ไม่มีเวลามาทำกับข้าวให้ ด้วยความรักและสงสารไอ้ชู้รักสุดหัวใจ ผมเลยจัดการทำกับข้าวรสชาติเผ็ดจี๊ดไปให้กิน เท่านั้นแหละ พ่อ น้าอิ่ม และฝุ่นรุมว่าและค่อนขอดผมโทษฐานรังแกไอ้หรั่ง

   ถึงจะเริ่มแก่แต่ผมก็อยากทำตัวน่ารักแสนงอนให้น้องง้อบ้างตามประสาคนรักกัน แต่ดูเหมือนมันจะเป็นได้แค่ความต้องการเพียงฝ่ายเดียวของผม เพราะนอกจากฝุ่นจะไม่เคยง้อ ไม่เคยทำตัวน่ารักอิ๊อ๊ะเหมือนคนอื่นแล้ว ดีไม่ดีน้องยังปล่อยผมที่โกรธจัดไว้เฉยๆ เพื่อให้ลืมและหายโกรธไปเองเสียอีก มันน่าน้อยใจจริงโว้ย ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกที่มาหลงรักหลงเอาใจเด็กคนนี้

   ผมพยายามข่มตาตัวเองให้หลับ แต่เสียงพูดคุยที่รบกวนประสาทผมอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้ไม่อาจปิดตาลงได้ ผมเลือกที่จะทำตัวเลวอีกครั้ง เดินไปที่ประตูเชื่อม ไม่คิดจะเคาะด้วยแต่เปิดเข้าไปในห้องนอนของฝุ่นเลย

   “เบาๆ หน่อยได้มั้.....” ยังพูดไม่ทันจบแต่วิญญาณออกจากร่างไปแล้ว....

   ภาพน้องที่นอนหงายอยู่บนเตียง มีไอ้เหี้ยยูลนอนคร่อม หน้าผากแตะชิด ปากห่างกันแค่ลมหายใจกางกั้นก็ทำให้ผมไม่ต้องขอตัวช่วยใดๆ มาอธิบายเพิ่มอีกต่อไป ฝุ่นหันมามองหน้าผมด้วยความตกใจ น้องรีบผลักไอ้หรั่งออกจากตัว ภาพมันเหมือนในละครแทบทุกอย่าง แค่แฟนของผมไม่ใช่ผู้หญิงเท่านั้นเอง แม่ง เคยนั่งดูแล้วด่าพระเอกในละครว่ามันถูกจัดฉากนะไอ้โง่ แต่ตอนนี้รู้เองแล้วครับว่ากูโคตรช็อคเลย ฮืออออ

   “ทีม มันไม่ใช่อย่างที่ทีมคิดนะ ฟังฝุ่นก่อน” เด็กที่ผมรักสุดหัวใจดูตื่นตระหนกตอนที่วิ่งเข้ามารั้งผมเอาไว้ไม่ให้เดินกลับห้องไปด้วยอาการจิตหลุด แต่หน้าผมคงมีอะไรบางอย่างที่ทำให้น้องถึงกับพูดไม่ออก

   “พูดมา” ผมเองก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาอุดเอาไว้ตรงขั้วหัวใจไม่ให้เลือดไหลผ่าน ตัวชา สมองหยุดการทำงาน ที่อกเหมือนโดนมีดเล่มเล็กๆ แทงอย่างไม่มีความปรานีจนเป็นรูรั่วจำนวนมาก

   “มัน มันไม่ใช่อย่างที่ทีมคิด ฝุ่นกับยูลไม่ได้มีอะไรกันนะ”

   “ไม่ได้มีอะไรกัน?...ฝุ่นคิดว่าพี่กินหญ้าเหรอ...พี่โง่สินะที่เชื่อใจ ถ่านไฟเก่ามันยังไม่มอดนี่เอง” ผมพูดเหมือนคนละเมอเพ้อ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดออกไปได้ยังไง ฝุ่นหน้าซีดไปถนัดตา น้องจับแขนผมแน่นขึ้นในขณะที่ไอ้เหี้ยมือที่สามมันกลับเดินเข้ามาดึงฝุ่นออกไปจากผม

   “so…he is mine?” นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนจะสะบัดมือของน้อง แล้วเดินออกมาจากห้องนอนของฝุ่นด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ก็สงสัยอยู่บ้างว่าทำไมพักนี้ฝุ่นทำตัวแปลกไป แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเรื่องพรรค์นี้กับตา

   ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ผมก็จัดการเลื่อนโต๊ะหัวเตียงมาบังประตูเชื่อมเอาไว้ เนื่องจากตรงนั้นมันไม่มีกลอน ไว้ให้ใจผมพร้อมมากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีว่าจะเอายังไง

   ผมเดินวนไปมาในห้องนอนด้วยความวุ่นวายใจ รู้สึกร้อนรนปนเสียใจอยู่ตลอดเวลา เห็นภาพซ้อนของแฟนกับไอ้เหี้ยนั่นอยู่ด้วยกันก็ยิ่งปวดใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าคงจะไม่หายง่ายๆ ถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งแรกที่ผมคว้าขึ้นมากดโทรออก

   “เชี่ยไกด์ เจอกันที่คอนโดมึงนะ” บอกไปแค่นั้นไม่ได้รอฟังด้วยซ้ำว่าปลายสายมันหลับแล้วหรือยัง ผมจัดการแต่งตัวใหม่ลวกๆ หยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์และกุญแจรถ แล้วออกจากบ้านไปทันที

   

   “มึงเป็นส้นตีนอะไรถึงโทรหากูดึกดื่นแบบนี้” ทันทีที่มันเห็นหน้าผมก็สำรอกคำหยาบถามออกมาทันที

   “กูบอกมึงแล้วว่าฝุ่นมีชู้” ผมพูดไปก็เสียใจไป ไม่ปนขำๆ เหมือนทุกทีแล้ว เชี่ยไกด์ทำหน้าเหวอเล็กน้อยตอนที่จัดการปิดประตูห้อง มันเดินไปหยิบแก้วน้ำผลไม้มาส่งให้ผม

   “อะไรของมึงวะ อย่ามาแต่ผล กูขอเรื่องราวด้วย”

   “ก่อนหน้านี้ฝุ่นเคยมีคนสนิทชื่อยูล กูก็คิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะฝุ่นบอกว่าไม่เคยแม้แต่จะคบกันด้วยซ้ำ แต่มึงรู้มั้ยวันนี้กูเห็นอะไร” ผมเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง รู้สึกเหมือนกำลังจะสำลักลมหายใจของตัวเองตาย มองหน้าไอ้เชี่ยไกด์นิ่งตอนที่บอก “ไอ้เหี้ยนั่นกำลังคร่อมเมียกูอยู่”

   “เฮ้ย จริงเหรอวะ เค้าเล่นกันรึเปล่า” ไกด์มันทำตาโต

   “เล่นเหี้ยอะไรล่ะ ถ้ากูเข้าไปช้ากว่านี้คงได้เห็นไอ้เหี้ยหรั่งกำลังไซร้คอฝุ่นอยู่ล่ะมั้ง” ผมพูดไปก็สบถไปด้วยความหัวเสีย

   “ถ้าเป็นงั้นจริงมึงจะทำไง”

   “แล้วมึงคิดว่ากูจะทำไงล่ะ” ผมย้อนถาม

   “ถ้าเป็นมึงที่กูรู้จัก มึงจะไม่ออกมาจากบ้านง่ายๆ แบบนี้หรอก คงบอกเลิกไปก่อนแล้วค่อยวิ่งแจ้นมาหากูเนี่ย”

   “แสรด นี่มึงยุให้กูเลิกกับเมียเหรอ” ผมตั้งท่าจะปาแก้วใส่ ไอ้ไกด์มันเลยเอาหมอนอิงขึ้นมากันพลางแก้ตัว

   “คำไหนในประโยคของกูวะที่บอกให้มึงเลิกกับฝุ่น หอกนี่ ตีความมั่วแล้วมาด่ากู” มันบ่นหงุงหงิงตามสไตล์ ก่อนจะบอกอีก “กูหมายถึงว่า ถ้าเป็นมึงตามปกติจะต้องทำแบบนั้น มึงจำดาวรัฐศาสตร์ที่มึงบอกเลิกเค้าต่อหน้าประชาชีเป็นร้อยได้มั้ยล่ะ”

   “เออ การกระทำที่ไม่แมนที่สุดในชีวิตกูเลย” ผมตอบรับแบบเซ็งๆ ดาวรัฐศาสตร์คงคิดว่าตัวเองสวยและฉลาดที่สุดในปฐพีเพราะเธอควงทั้งผม และผู้ชายวิศวฯ อีกคนนึง แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญที่ผมเป็นคนเพื่อนเยอะ เลยมีคนคาบข่าวมาบอก นั่นแหละ จัดเลย กลางลานเกียร์จ้ะ เอิ้ก

   “แล้วเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้วะ” ผมถามเพราะยังไม่เข้าใจว่าไอ้ไกด์ต้องการจะบอกอะไร

   “ไม่เกี่ยว กูแค่ยกตัวอย่างว่ากับคนอื่นที่เขานอกใจมึง มึงก็ยังกล้าบอกเลิกเขาได้แบบหักหน้ากันแรงๆ แต่กับฝุ่น มึงเห็นขนาดนั้นก็ยังไม่บอกอะไรน้องไง”

   “แต่กูก็เสียใจ” ผมบอกหงอยๆ

   “เออ กูรู้ ก็เพราะมึงรักน้องไง เลยเป็นแบบนี้” มันบอกอีก “แต่เซ้นส์กูบอกว่าฝุ่นไม่ได้นอกใจมึงอย่างที่มึงคิดหรอก”

   Rrrr Rrrr

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้พวกผมสองคนต้องชะงักบทสนทนาไว้แค่นั้น ไอ้ไกด์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่ข้างๆ ตัวขึ้นมาดูที่หน้าจอ มันยื่นมาให้ผมดูแวบหนึ่ง ก่อนจะเอากลับไปกดรับ

   ...เบอร์ส่วนตัวของฝุ่น... 

   “หวัดดีคร้าบ” มันกรอกเสียงกวนตีนลงไป ผมไม่รู้ว่าปลายสายพูดว่าอะไรกันแน่แต่จากคำตอบของไอ้ไกด์ก็ทำให้พอเดาออก

   “หืม..เชี่ยทีมเหรอ” มันหันมามองหน้าผมเป็นเชิงถาม ผมเลยรีบโบกมือพลางส่ายหน้าดิกให้มันตอบไปว่าไม่อยู่ ไอ้ไกด์ก็ทำตามอย่างดิบดี “ไม่อยู่นะน้องฝุ่น มีอะไรกันรึเปล่า”

   “...อ่อ งั้นถ้าพี่เจอไอ้ทีมแล้วจะบอกให้มันโทรหานะ..ครับ หวัดดีครับ”

   “ฝุ่นบอกว่าอะไร” กว่าจะทันได้ห้ามปาก ก็ถามออกไปแล้ว ไอ้ไกด์ทำหน้าตาเหรอหราแบบจงใจกวนตีน

   “อยากรู้ก็โทรไปถามสิวะ โอ๊ยไอ้เหี้ย!” มันด่าเต็มเสียงเพราะผมเขวี้ยงหมอนใส่หน้า ไอ้ไกด์จับจมูกตัวเองที่แดงก่ำเพราะแรงกระแทกก่อนจะยอมบอก “น้องบอกว่ามึงเข้าใจผิดนิดหน่อย พอจะเข้าไปอธิบายที่ห้อง มึงก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ น้องร้องไห้ด้วยนะมึง

   “กูกลับบ้านก่อนนะ” ได้ยินมันบอกแบบนั้นก็รู้สึกเหมือนกำลังจะหยุดหายใจ ผมคว้ากุญแจรถบนโต๊ะแล้วลุกขึ้น เชี่ยไกด์รีบคว้าชายเสื้อผมไว้ทันที

   “โอ๊ย ไอ้เหี้ย มึงนั่งลงก่อนเลย” ก็เมียร้องไห้อะ กูต้องรีบกลับไปดูแลนะ TT เห็นน้องร้องไห้ทีไร ใจจะขาดทุกที “ถ้ามึงอยากให้บทเรียนดีๆ กับฝุ่นมึงก็เชื่อกู แต่ถ้าอยากเห็นสถานการณ์แบบนี้ซ้ำรอยอีกก็กลับบ้านไปปลอบเมียมึงซะเดี๋ยวนี้เลย”

   กูยังมีตัวเลือกเหลืออีกเหรอวะ โอ้ก น้ำตาจะไหล



เจอกันตอนที่ 17 จ้ะ

eiizes’s talk
มาแว้วววววววววววววววว หายไปหลายวันอยู่(หัวเราะชั่ว)

พยายามเขียนตอนพิเศษ ค่อยๆ เคลียร์ไปเรื่อยๆ ค่ะ ทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนค่อยเปิดจองเนอะ :)

ช่วงนี้อากาศไม่ค่อยดีเลยค่ะ เดี๋ยวก็หนาวเดี๋ยวก็ร้อน ตอนหนาวนี่ก็ขอขดอยู่แต่ในผ้าห่มล่ะ สบายสุด เอิ้ก

ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้และวันพุธก็จะหนาวขึ้นมาอีกระลอกนึง รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะทุกคนนนน

เจอกันตอนหน้าจ้ะ มีคอมเม้นท์อะไร จัดได้นะจ๊ะ อุคิ

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ
eiizes

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด