บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: บาป...หวาน ♥ แจ้งข่าวดีด่วนสุดดดด หน้า 31 จ้า [16/1/16 :D]  (อ่าน 325601 ครั้ง)

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกแย่กับทีมจริงๆ
มันเหมือนว่าทีมหลงฝุ่นมากกว่ารักฝุ่นอะ
มันรักฝุ่นจริงๆหรือเปล่า?

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
ทีมนี่ร้ายใช่เล่น ร้ายแบบหื่น ๆ ซะด้วย :z1:

 :pig4: คะ

ออฟไลน์ hotladyanyavee

  • ขึ้นจากเกาะ มาใช้ชีวิตบนอ่าวนาง มันก็อินดี้ไปอีกแบบ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2384
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-10
มาอ่านรวบยอด บอกคำเดียวดีกรีพี่ที หื่นขั้นสุดยอดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เอ้าไหงยูล ทำตัวแบบเนี้ย
ตอนที่มีเค้าไว้ในมือ ก็ไม่จับไว้ให้มั่น เชอะะะะะะะ

ออฟไลน์ ~MeiMeiZ@~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นังยูล :angry2: ทำไมทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เล่า

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป



   ยูลแอบร้ายนะ
   แต่ก็สงสารยูลง่ะ ถึงรู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังยอมเจ็บอยู่ข้างๆเน้อ
    :sad11:  :sad11:  :sad11:




RGB.__

  • บุคคลทั่วไป
เชียร์ยุลเต็มที่  :mc4:
รู้สึกเหมือนอิพี่ทีมไม่ได้รักน้องฝุ่นเลยอ่ะ = =;
ส่วนคู่อ๋องกะสตังค์ เหอะๆ ไม่น่ากลับไปคบด้วยเลย
น่าจะควงแฟนใหม่มาเย้ยให้เจ็บๆ สาสมกะสิ่งที่ทำ  :laugh:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
ทีมอย่ามากไปกว่านี้เลยนะ สงสาร ฝุ่นอ่ะ  :m15:
 :กอด1: ฝุ่นสู้ๆ

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
ขอบคุณค่ะ  ขอ  :beat: ยูลซักหลายๆ ที

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
แอบโกรธทีมนะเนี่ย - -+
สงสารยูลเล็กน้อย
และ รักฝุ่น วะฮ่าๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Forget..*

  • บุคคลทั่วไป
ไหงทีมลงโทษฝุ่นแบบนี้ อยากรู้จริงๆ น่าจะคุยกันให้เข้าใจกันก่อนดีกว่า

;(

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
สนุกค่ะ แอบชอบบบ เข้ามาอ่านรวดเดียวเลย ชอบคู่หลักของเรื่องค่ะ พี่ทีมกับน้องฝุ่น รู้สึกว่าเขารักเดียวใจเดียวดี ชอบๆ ไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้อ่ะ แบบพี่อ๋อง อ่านแล้วแอบเคืองไส้ติ่งตงิดๆ

ปล.แอบอยากอ่านตอนพิเศษชื่อตอนว่า "เมื่อสตางค์เอาคืน"อยากให้พี่อ๋องได้รับบทเรียนบ้างง่ะ แบบนี้แลจบเรียบไป!

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook

   “ตกลงหายโกรธรึยัง”

   อารมณ์สงบ สติก็มาปัญญา(ยังไม่)เกิด ผมนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มมีทีมนอนซ้อนหลังแต่ก็ยังไม่คลายแรงกอดแต่อย่างใด กลับกันทีมยิ่งรัดผมแน่นขึ้นก่อนจะจับผมพลิกตัวเข้าหาผนัง กลายเป็นว่าตอนนี้ผมถูกกักไว้ด้วยกำแพงคอนกรีตด้วยหนึ่ง ส่วนอีกด้านก็เป็นกำแพงมนุษย์ล่ำๆ

   “แล้วคิดว่าหายโกรธรึยังล่ะ” เสียงยังขุ่นๆ อยู่เลยครับ

   “หายแล้วสิ หายแล้วใช่มั้ย หาย-นะ หายๆ” ผมแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียน ห่านป่าตัวใหญ่เลยหัวเราะออกมาพลางตอบ

   “หายโกรธตั้งแต่ที่ไอ้ไกด์มันบอกว่าฝุ่นร้องไห้แล้ว” ทีมตอบพร้อมหอมแก้มผมแรงๆ หนึ่งที

   “อ้าว งี้แปลว่าอยู่บ้านพี่ไกด์ตลอดเลยสิ” ฉุนนิดๆ ที่โดนโกหกแบบนั้น แต่พอกลับมาคิดว่าถ้าเป็นผมบ้าง...คงไม่หยุดอยู่แค่บ้านเพื่อนหรอกมั้ง อาจจะหลบไปอยู่ใต้สะพานสักระยะ(ทำหน้าเซ็ง)

   “หึหึ อย่ามาเบี่ยงประเด็นนะ คราวหน้าพี่ไม่เอาไว้จริงๆ ด้วย” ทีมมันพูดแล้วแกล้งบีบคางผมแรงๆ แต่ขอโทษ...โปรโมชั่นของมันจบแล้ว ต่อไปตาผมเอาคืนบ้าง

   “กล้ารึไง จะทำอะไรไม่ทราบ” ผมสะบัดปลายคางออกแล้วทำพูดเย้ยๆ

   “นั่นสินะ...ฝุ่นไม่ต้องใช้ไอ้นี่ก็ได้นี่นา” ทีมบอกเย้าๆ พลางเอื้อมมือไปคว้าส่วนกลางลำตัวผมมากำไว้ “ตัดทิ้งเลยแล้วกัน อันนี้เตือนสถานเบานะ โทษสถานหนักขอเก็บไว้คิดดูก่อน”

   “หื่นกาม” ผมบ่นหงุงหงิง ทีมเลยหัวเราะออกมาพลางตอบ

   “ไม่เก็บไปคิดแล้ว ถ้ามีครั้งหน้าอีก พี่จะตัดหนอนน้อยทิ้ง แล้วก็ล่ามโซ่ฝุ่นไว้ในห้องนอนนี่แหละ” 

   ผมกำลังจะอ้าปากด่าให้สมกับความคิดบ้าบอของไอ้แฟนจอมหื่นนี่ก็ต้องชะงักไปเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นเบาๆ พร้อมบอก

   “ทีม นี่น้าอิ่มเองนะ อยู่มั้ยจ๊ะ” หัวใจผมหายวาบไปในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น ทีมหันกลับมาสบตากับผมครู่หนึ่งก่อนจะพลิกตัวลงจากเตียงไปใส่กางเกงขายาวและเสื้อยืดสบายๆ บอกผมเบาๆ

   “อยู่ในห้องนะ”

   ผมได้แต่หดตัวเข้าไปในผ้าห่มราวกับต้องการให้ความอบอุ่นที่ทีมเหลือทิ้งไว้ก่อนลุกไปนั้นปกป้องตนเอง แต่ดวงตาก็ยังคงจับจ้องไปยังประตูห้องที่ถูกเปิดออก ก่อนแฟนของผมจะทำหน้าเป็นถามน้าอิ่มแบบสบายๆ

   “มีอะไรเหรอครับน้าอิ่ม มาเรียกผมซะดึกเลย”

   “ขอโทษจ้ะ คือ...น้าไม่รู้ว่าทีมจะกลับมากี่โมง พอดีว่าน้าเห็นรถเราจอดอยู่เรียบร้อยแล้วก็เลยลองมาเรียกดู” น้าอิ่มบอกด้วยน้ำเสียงกังวลใจ “น้าขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”

   “เอ่อ...ครับ เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่า” ทีมเหลือบสายตามามองผมนิดนึงก่อนจะเดินหายลับไปหลังบานประตู ทิ้งให้ผมนอนคิดฟุ้งซ่านอยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าน้าอิ่มคิดจะทำอะไร แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย เพราะผมมั่นใจว่าน้าอิ่มไม่มีวันทำร้ายผมลง แต่ในขณะเดียวกันผมกลับกลัวถึงสิ่งที่น้าอิ่มคิดว่ามันคือ “สิ่งที่ถูกต้อง”



   เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าทีมจะเดินกลับเข้าห้องมา ผมที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยและนั่งรออยู่บนเตียงจึงถามขึ้นทันทีที่ประตูเปิดและแน่ชัดว่าเป็นใคร

   “น้าอิ่มพูดเรื่องอะไรเหรอทีม” ผมถาม

   “....ก็...เอ้อ...เรื่องที่คิดว่าน่าจะโดนสงสัยมานานแล้วล่ะ แต่ไม่คิดว่าจะถามตรงๆ แบบนี้” ทีมยิ้มแห้งๆ ให้ หัวใจผมว่างเปล่าทันทีเมื่อจับใจความได้ว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่ผมกำลังกังวล

   “น้าอิ่มถามเรื่องความสัมพันธ์ของเราใช่มั้ย” ผมถามออกไป ทีมดูตกใจนิดหน่อย แล้วเดินเข้ามากอดผมไว้หลวมๆ

   “อืม แต่น้าอิ่มก็สัญญาว่าจะไม่ปริปากบอกพ่อ”

   “แต่ก็ใช่ว่าน้าอิ่มจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้” ผมเสริม แรงกอดกระชับรัดแน่นขึ้นก่อนที่ทีมจะพูดต่อ

   “ฝุ่นรับได้ใช่มั้ยที่น้าอิ่มรู้เรื่องนี้”

   แล้วผมมีตัวเลือกด้วยรึไง...

   “ถ้าวันนึงลุงสินรู้เรื่องนี้เข้า เราจะต้องเลิกกันใช่มั้ยทีม” ผมถามเหมือนคนละเมอ แล้วโอบแขนขึ้นรอบเอวเรียบที่ไร้ไขมันส่วนเกินนั่นไว้บ้าง

   “เราจะไม่เลิกกันด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนแบบนั้นหรอกน่า” ทีมกดจูบลงกลางกระหม่อมผมแรงๆ “ต่อให้พ่อรู้ พี่ก็จะดิ้นรนทุกวิถีทางให้เราได้อยู่ด้วยกัน”

   แล้วผมก็ได้คำตอบจากคำถามที่เคยสงสัย...โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคำตอบจริงๆ ของคำถามนั้นแล้วมันทรมานกว่าที่คาดไว้หลายร้อยเท่าตัวนัก



   หลังจากพยายามผลักดันปัญหาทุกอย่างให้พ้นๆ ไปจากสมองของผม ยูลก็อยู่ที่ไทยวันนี้เป็นวันสุดท้าย ทีมจึงรับปากว่าจะเจรจาสงบศึกเป็นของขวัญให้ผมสักวันนึง และเราสามคนก็ออกไปเดินตลาดกลางคืนอย่างสวนลุมไนท์บาซาร์กันส่งท้าย มากันตั้งแต่ห้าโมงเย็นเลยครับ เพราะยูลต้องไปสนามบินคืนนี้

   แน่ล่ะว่ายูลเห็นไอ้นั่นไอ้นี่ที่เป็นของไทยๆ ก็ตื่นตาตื่นใจตามแบบฉบับของฝรั่งทั่วไป แต่ขอโทษ ราคามันสูงกว่าท้องตลาดทั่วไปค่อนข้างมาก ยิ่งกับ “ไอ้หรั่ง” แบบหมอนี่ด้วยแล้วยิ่งได้ราคาสูงปรี๊ด ดังนั้นผมกับทีมจึงต้องเหนื่อยหน่อย รับหน้าที่คอยต่อราคาให้

   “ยูล เอากางเกงมวยมั้ย” ผมถามขึ้นแล้วเดินไปตีเสมอ ยูลหันมายิ้มกว้างพยักหน้างึกงักแบบเด็กๆ ผมจึงเดินเข้าไปถามราคา...เออ ก็ร้อยกว่าบาท ไม่แพงมาก พอซื้อไหว “เอาสีไหน”

   “สีไหนก็เหมือนกันแหละ ซื้อไปเถอะ” ไม่ใช่ยูลหรอกครับ กวนประสาทแบบนี้มีคนเดียว...เหอะ แฟนผมไง

   “ทำไมพูดแบบนี้อะ เราสัญญากันแล้วไงว่าจะสงบศึกวันนึง” ผมบ่นอุบ

   “ก็สงบศึก พี่พูดเป็นภาษาไทย ไอ้หรั่งมันจะเข้าใจได้ไง” ทีมทำลอยหน้าลอยตาใส่ ยูลเลยขมวดคิ้วนิดหน่อยหันมาถามว่าสิ่งที่ทีมพูดแปลว่าอะไร ผมจึงจงใจแปลส่งเดชให้

   “ทีมบอกว่าเขาจะซื้อกางเกงมวยให้นายเอาไว้ใส่เล่นที่นู่นห้าตัว”

   ทีมหันมาตาโตใส่ทันทีครับ อ้าปากพะงาบๆ อย่างพูดไม่ออก แต่ขอโทษ นาทีนี้ไม่สงสารหรอกโว้ย...ยูลหันไปตบไหล่แฟนผมอั่กใหญ่ด้วยรอยยิ้มแล้วเดินเข้ามาช่วยเลือกทั้งห้าตัว

   กว่าจะเดินซื้อของเสร็จสรรพก็ปาเข้าไปหลายชั่วโมงอยู่ เดินกันขาลากเลยครับ ที่จริงสิ่งที่ยูลตั้งใจซื้อกลับไปอเมริกานั้นไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ แต่ซื้อให้ผมไว้ใช้ที่นี่น่ะหลายชิ้นอยู่

   คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกัน เพื่อนที่ผมรักที่สุดมาอยู่ด้วยกันแค่สี่วันก็จะกลับบ้านเกิดอีกแล้ว ถ้าเป็นเมื่อสักสี่เดือนก่อนผมคงแพ็คกระเป๋าตามไปด้วยแน่ๆ แต่ตอนนี้ถ้าไปกับยูล แล้วใครจะดูแลเซ็กส์ซี่ล่ะ...? คริคริ ไม่เอาน่า ผมล้อเล่นหรอก ก็ยอมรับแหละถ้าจากกันตอนนี้ไม่รู้ว่าผมหรือแฟนบ้ากันแน่นะที่จะร้องไห้ขี้มูกโป่งโดดลงกลางทางแทบไม่ทันกัน

   “ฝุ่น สรุปว่าจะไม่กลับพร้อมฉันจริงๆ เหรอ” ยูลถามขึ้นพลางขยิบตาให้ผมตอนที่เราถึงสนามบิน และกำลังรอที่จะเช็คอิน ทีมหันขวับกลับมามองเพื่อนสนิทผมตาแทบถลนออกจากเบ้า

   “ฉันไม่ให้ไปโว้ย” ทีมบอกเสียงแข็งแล้วดึงผมให้ไปอยู่ข้างๆ พลางบ่นหงุงหงิงๆ อยู่คนเดียว “ไว้ใจไม่ได้เลย ไอ้ฝรั่งขี้นก ก็ลืมไปน่าจะพาแม่งไปสามพรานแล้วแอบถีบมันตกบ่อจระเข้”

   “ใจร้ายจริงๆ” ผมบ่นบ้าง ทีมเลยยกมือผมขึ้นงับแรงๆ “เจ็บนะ!”

   “ก็กัดให้เจ็บน่ะสิจะได้ตื่นจากกลลวงของไอ้หรั่งซักที” โอ้ก นี่แฟนกูคิดอะไรของมันวะ บ้าไปแล้ว

   “เฮ้ ฉันว่าเขาเปิดให้เช็คอินแล้วล่ะ งั้นฉันไปก่อนนะ” ยูลหันมาขัดจังหวะ เล่นเอาผมใจแป้วไปเล็กน้อย สี่วันนี้ผมก็ดูแลเพื่อนผู้แสนดีไม่ได้เต็มที่ หลายเรื่องมันประดังเข้ามาขนาดนั้น

   “ทะเลาะกันเมื่อไหร่ก็บินมาหาฉันได้ทันทีเลยนะฝุ่น” ยูลแกล้งพูดเสียงดังแล้วขยิบตาให้ ทีมเลยยิ่งเขม่นใส่มากขึ้น

   “ไม่มีวันหรอกโว้ย”

   ยูลยิ้มรับกับประโยคนั้น แล้วชะโงกหน้าไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ทำให้ทีมถึงกับนิ่งไปแล้วรับฟังแต่โดยดี พักเดียวห่านป่าตัวใหญ่ก็หันกลับมามองหน้าผมเงียบๆ ยูลจึงใช้โอกาสนั้นก้มลงมาหอมแก้มผมเบาๆ แทนคำลา ยิ้มให้บางๆ แล้วเดินจากไป

   “เมื่อกี้..ยูลบอกว่าอะไรน่ะ” ผมถามออกไปงงๆ ทีมหันกลับมามองแล้วยิ้มให้

   “พี่รักเรานะฝุ่น” แอร๊ย จะเล่นอะไรบอกมุขกูบ้าง อายแบบนี้เดี๋ยวมึงก็ได้จ่ายค่าพื้นที่กูจะมุดหรอก!



   ผมลูบกล่องสี่เหลี่ยมสีดำขนาดประมาณสิบสองเซนติเมตรทรงลูกบาศก์ในมือช้าๆ เผลอยิ้มออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว ตอนยูลมาจากอเมริกานั้นต้องเดินผ่านร้านค้าในสนามบินอยู่แล้ว ของมียี่ห้อในดิวตี้ฟรีจะค่อนข้างถูกกว่าข้างนอกเพราะมันไม่ต้องเสียภาษี ผมจึงฉวยโอกาสนั้นฝากให้ยูลซื้อนาฬิกาของยี่ห้อหนึ่งเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้ใครบางคน

   ตอนยังเด็กผมเคยคิดว่าการเสียเงินจำนวนมากเพื่อซื้อของชิ้นเล็กๆ เหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ แต่พอโตขึ้นมา ได้มีคนที่รักรายล้อม ทำให้ผมเข้าใจความจริงที่ว่า ทำไมคนเราถึงยอมที่จะเสียเงินซื้อของแพงๆ ให้กัน...อย่างน้อยมันก็เป็นความสุขเล็กๆ ที่เป็นรูปธรรมและสามารถหยิบยื่นให้ได้โดยง่าย

   แต่ตัวผมนั้นเรียนรู้ค่อนข้างช้าเกี่ยวกับการดูแลคนรัก แอบเข้าขั้นโง่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะละเลย แอบถามมาจากน้าอิ่มที่รู้อยู่แล้วว่าผมกับทีมเป็นอะไรกัน ว่าวันเกิดของห่านป่าตัวใหญ่นั้นวันที่เท่าไหร่

   โชคดีที่ถามตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะวันเกิดของผมกับทีมห่างกันแค่สี่เดือนเท่านั้น ถ้าเผลอทิ้งไว้จนลืมล่ะก็ได้เสียเงินมากกว่าค่านาฬิกาเป็นการตามง้อแน่ๆ

   “ฝุ่น..” ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงเรียกนั้นแล้วรีบซ่อนกล่องนาฬิกาไว้ใต้หมอนด้วยความฉับไว....เปิดประตูเข้ามาในห้องคนอื่นโดยไม่มีการเคาะแบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใคร

   “มีอะไรเหรอทีม” ผมถามแห้งๆ

   “เปล่า...พรุ่งนี้ว่าจะพาไปหาคนๆ นึงน่ะ” ทีมเดินเข้ามาหาพลางส่งยิ้มมาให้ก่อน แฟนสุดที่รักมันก้มลงมาจูบหน้าผากผมแรงๆ ก่อนจะถาม “ตื่นเช้าไหวมั้ย”

   “ไปไกลเหรอ” ผมถามกลับ

   “ก็...ไม่ถึงขั้นออกไปต่างจังหวัดหรอก แต่ถ้าเราไปสายแดดมันจะร้อนน่ะ” ทีมตอบแล้วทรุดตัวลงคุกเข่าเบื้องหน้าผม “พี่ไม่เคยพาใครไปหาคนๆ นี้เลยนะ...อยากให้เราเป็นคนแรกแล้วก็คนสุดท้าย”

   ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ กว่าจะทันรู้ตัวก็เอื้อมมือไปจับแก้มทีมเบาๆ ก่อนที่จะยอมเป็นฝ่ายเริ่มก่อนกดจูบลงไปบนเนินเนื้อนั้นอย่างแสนรัก

   “อย่าสิ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ตื่นเช้ากันพอดี” ทีมบอกปนขำ แล้วเหยียดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กระซิบบอกแผ่วเบา “ฝันดีนะ”

   “จะกลับไปนอนที่ห้องเหรอ” ผมถามงงๆ เพราะปกติแล้วต่อให้ไม่ได้ทำอะไรกันทีมก็มักจะนอนกับผม ถ้าไม่ใช่ที่ห้องของมันก็ต้องเป็นห้องผม วันนี้มาแปลกเว้ยเฮ้ย

   “อืม ไม่อยากตบะแตกซะก่อน เดี๋ยวเผลอจับใครบางคนแถวนี้ปล้ำเอาแล้วพรุ่งนี้จะเดินไม่ไหว” ทีมบอกยิ้มๆ พร้อมขยิบตาให้ ก่อนจะเดินหายลับไปหลังประตูเชื่อม

   ทันทีที่ประตูปิดลงผมก็หันไปคว้าเอากล่องนาฬิกาออกมาจากใต้หมอนแล้วเอนตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอน ภายในกล่องเรียบๆ แต่สวยหรูบรรจุนาฬิกาสายหนังสีดำแลดูเรียบๆ แต่สวยกว่าที่ผมเห็นจากในอินเตอร์เน็ตมาก แน่นอนว่าเจ้าของวันเกิดน่ะยังไม่เห็นมันหรอกครับ ผมเลยยังไม่แน่ใจว่าทีมจะชอบมันมั้ย ก็ได้แต่หวังว่าจะชอบล่ะนะ

   ผมคิดเอาไว้ว่าจะไม่ห่อกระดาษสีๆ หรือติดโบว์อะไรพวกนี้ แต่จะให้ไปทั้งกล่องเพียวๆ แบบนั้นเลย ดูคลาสสิคดี(หัวเราะ) ไม่เอาน่า ผมไม่ได้ขี้เกียจนะ อย่าใส่ร้ายสิ เซ้าซี้มากเดี๋ยวก็กัดจมูกขาดซะนิ(สะบัดบ๊อบ)



   วันต่อมา ผมถูกเขย่าปลุกให้ตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่แคะขี้ตาด้วยซ้ำ ทีมที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็นั่งลงบนเตียง ก่อนจะดึงแขนผมให้ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย เปลือกตาผมก็ริบรี่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อยู่อย่างนั้น

   “ตื่นสิ ไหนบอกตื่นเช้าไหวไง” ทีมจับแก้มผมไว้ทั้งสองข้างพลางบอกชิดริมฝีปาก ก่อนจะกดจูบลงมาเบาๆ แล้วถอนออกไป “อื้อหือ...นี่แปรงฟันก่อนนอนรึเปล่าเนี่ย”

   “ดมดูสิ” ผมบอกแล้วอ้าปากใส่ ทีมเลยหัวเราะออกมาก่อนจะบอก

   “มีแมลงสาบตายอยู่ในปากเป็นรังเลยกิ๊วๆ กลั้วคอด้วยน้ำกรดยังไม่หายเลยเนี่ย” แอร๊ย ผมได้ยินแฟนบ้ามันบอกอย่างนั้นเลยฟาดไปเต็มๆ ที่ต้นแขนมันแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว ทีมหัวเราะออกมาแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ส่งมือมาให้ผมจับ “ไปอาบน้ำเร็ว”

   “รู้แล้วน่า” ก็โดนปลุกซะขนาดนั้น ต่อให้ยังอยากนอนต่อก็คงไม่ได้แล้วล่ะครับ ขี้ตากระเด็นหลุดหายไปแล้ว



   ตอนจะออกจากบ้าน ผมทันได้เหลือบสายตาขึ้นดูนาฬิกาข้างฝาผนังก็ต้องทำหน้าเหม็นเบื่อออกมาอีกครั้ง เพราะนี่เพิ่งจะแค่เจ็ดโมงครึ่งเท่านั้นเอง เป็นวันเสาร์ที่ทรหดมากๆ ครับ

   ทีมไม่ได้บอกอะไรผมเลยว่าจะพาไปไหน รู้แค่ว่ามันมีคนที่อยากให้ผมเจอก็เท่านั้น แต่ก็เอาเถอะครับ ตามใจมันหน่อย ไหนๆ วันนี้ห่านป่าตัวใหญ่ก็แก่ขึ้นอีกปีนึงแล้ว ผมได้นั่งตากแอร์เย็นๆ ในรถมินิของมันก็ถึงกับเคลิ้ม แต่พอตาเริ่มจะปิดก็รู้สึกได้ว่าคันรถเลี้ยวไปทางซ้ายได้ไม่นานก็ชะลอตัวลงจนกลายเป็นจอดนิ่ง แรงสะกิดที่ต้นแขนพร้อมเสียงเรียกทำให้ผมต้องจำใจเปิดตาขึ้นมอง

   “ถึงแล้วเหรอ” ผมถาม ทีมได้แต่ยิ้มแล้วเอื้อมมือมาบีบมือผมเบาๆ ทีนึงก่อนจะบอกเสียงนุ่ม

   “ลงไปกันนะ” แล้วประตูรถฝั่งคนขับก็ถูกทีมเปิดออก ผมจึงได้แต่ลงจากรถไปยืนมองสภาพรอบตัวงงๆ

   เราสองคนยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบในลานกว้างของวัดแห่งหนึ่ง ผมยืนนิ่งมองไปรอบๆ อาจเพราะครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของการเช้ามาวัดพุทธ ผมเลยค่อนข้างแปลกตา มันไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนตอนที่เราไปเที่ยวงานวัดกัน แต่บรรยากาศที่ร่มรื่นกลับทำให้ไม่วังเวงอย่างที่คิด กำแพงวัดสีขาวแลดูค่อนข้างเก่า มีต้นไม่ใหญ่เรียงรายล้อมรอบบริเวณวัดทั้งหมด

   ผมหันกลับไปมองทีม ทำท่าจะอ้าปากถามว่าเรามาที่นี่กันทำไม แต่ก็ช้าไปเพราะห่านป่าตัวใหญ่เดินเข้ามาประชิดแล้วโอบหลังผมให้เดินไปพร้อมกัน

   “เราจะไปไหว้พระกันก่อน บ้านแม่อยู่ใกล้กับที่นี่ แม่เลยพาพี่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว” ทีมบอกสั้นๆ ทำให้ผมเดาได้ไม่ยากว่าวันนี้เราจะต้องไปเจอแม่บังเกิดเกล้าของมันแน่ๆ ผมเองก็อยากเจอเหมือนกันนะ แม่ของผู้ชายอารมณ์ดีอย่างทีมจะเป็นผู้หญิงแบบไหน ยิ้มเก่ง? ใจดี? อ่อนโยน? หรือว่าขี้เล่นกันนะ และอายุคุณแม่ของทีมจะใกล้เคียงกับแม่ผมมั้ย หรือมากกว่ากัน?

   แต่ที่สำคัญผมก็แอบตื่นๆ ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าทีมจะแนะนำผมกับคุณแม่ของมันยังไง และอีกอย่างเราก็ไม่รู้ด้วยว่าผลตอบรับจะเป็นยังไง

   ผมเก็บข้อนั้นมาคิดแม้กระทั่งตอนถวายสังฆทานและกรวดน้ำ ทีมพาผมเข้าไปในตัวโบสถ์เพื่อไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่อีกรอบหนึ่ง แล้วจึงเดินออกมาที่ลานกว้างอีกครั้ง

   “เฮ่ออ สบายใจ ไม่ได้มาไหว้พระนานมาก” ทีมบอกยิ้มๆ

ออฟไลน์ eiizes

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-0
    • facebook
   “เอาแต่ทำบาปนี่หว่า” ผมแซว

   “แน่ะๆ รู้ทันๆ” ทีมหยิกแก้มผมแรงๆ แล้วบอกเสียงนุ่ม “ไปหาแม่ของพี่กันดีกว่า”

   ตอนแรกผมนึกว่าทีมจะพาเดินนำไปที่รถเพื่อขับออกไปข้างนอก แต่กลับเดินนำผ่านตรอกไม่กว้างมากไปทางหลังวัดโดยไม่ได้บอกอะไรสักคำ แอบอึ้งเล็กน้อยที่มันพาเดินมาถึงลานขนาดกลางที่เต็มไปด้วยโกศและกุฏใส่กระดูก ผมตั้งท่าจะถามว่ามันจะเดินไปไหนกันแน่ แต่ทีมก็หันกลับมายิ้มให้บางๆ เมื่อเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าโกศหนึ่ง


   “มานี่สิฝุ่น แม่ของพี่รออยู่นะ”


   ผมนิ่งค้างไปเล็กน้อย ก่อนขาจะก้าวออกไปข้างหน้าทั้งที่ในสมองยังตื้อกับประโยคนั้นของทีม แค่เพียงไม่กี่ก้าวที่เดินเข้าไปหาแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันนานแสนนาน โกศทรงสี่เหลี่ยมสีขาวมีฝุ่นเกาะอยู่ค่อนข้างมาก ทีมมันล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเช็ดให้อย่างเบามือ ผมก้มลงมองที่รูปของเจ้าของโกศนี้ ก็ใจหล่นหายไปหนักกว่าเดิม ผู้หญิงคนนั้นยังดูสาวกว่าที่ผมคาดเอาไว้มาก ทั้งยังหน้าเหมือนทีมราวกับแกะ...

   “แม่...เหรอ?” ผมถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก ทีมหันหน้ากลับมามองผมด้วยดวงตาเศร้าๆ

   “อืม แม่แท้ๆ ของพี่เลย ท่านเสียไปเมื่อหลายปีก่อนเพราะอุบัติเหตุน่ะ” ทีมตอบพร้อมยิ้มบางๆ ที่ผมรู้สึกว่ามันแลดูเศร้ามากเหลือเกิน

   ผมในนาทีนั้นก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมทีมถึงอยากให้ผมคุยกับแม่ดีๆ รักแม่ให้มากๆ....เพราะสิ่งที่เสียไปแล้วมันไม่อาจเรียกคืนมาได้....

   “แม่ครับ ทีมเอง บนสวรรค์สบายดีมั้ยครับ” ทีมหันกลับไปพูดกับรูปนั้น ก่อนจะชูกุหลาบสีขาวสามดอกใหญ่ที่มัดรวมกันไว้ด้วยริบบิ้นเล็กๆ ที่ถือติดมือมาด้วยนั้นขึ้นในระดับสายตา “ทีมเอากุหลาบขาวที่แม่ชอบมาให้ด้วยนะ...ทีมรู้ว่าแม่ไม่ชอบดอกไม้ช่อใหญ่ๆ เลยเอามาให้สามดอกนะครับ”

   ผมน้ำตาคลอจนแทบจะไหลออกมาตอนที่ทีมวางดอกไม้ลงบนดินหน้าโกศนั้นแล้วเหยียดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง แฟนของผมหันกลับมายิ้มแล้วดึงให้ไปยืนข้างๆ ก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้ง

   “แม่จำได้มั้ยว่า แม่เคยบอกทีมว่าสักวันทีมจะเจอคนที่ทีมรักสุดหัวใจและพร้อมจะดูแลเค้าไปตลอดชีวิต” ทีมพูดพลางหันมายิ้มให้ผมที่น้ำตาไหลลงอาบแก้ม แค่มองด้วยสายตาผมก็รู้ได้ในทันทีว่าทีมกับแม่รักกันมากแค่ไหน “วันนี้ทีมพาเค้ามาหาแม่ด้วยนะครับ ฝุ่นเป็นเด็กน่ารัก ถ้าแม่ได้มารู้จักฝุ่นล่ะก็ แม่ต้องรักเค้าเหมือนที่ทีมรักแน่ๆ”

   ผมยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าจะกลั้นเสียงสะอื้นไม่อยู่ ทีมหันมายิ้มให้ผมทีนึงก่อนจะเอ่ยปากแซว

   “แม่ทำอะไรแฟนผมเนี่ย ทำไมเค้าร้องไห้ใหญ่เลย”

   “ทีม...มึงมันบ้า ทำไมต้องพูดให้ฝุ่นร้องไห้ด้วย” ผมพึมพำออกไป

   “หึหึ...ถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ ทีมว่าแม่ก็ต้องเข้าใจและไม่ว่าอะไรทีมเรื่องที่ทีมมีแฟนเป็นเด็กผู้ชายแบบนี้” ผมก้มหน้าร้องไห้ในขณะที่ทีมยังคงพูดต่อ “แม่ช่วยทีมด้วยนะครับ ถือว่าเป็นคำขอในวันเกิดทีมก็แล้วกัน ดลใจพ่อให้พ่อรับเรื่องนี้ได้ และอย่าให้พ่อขัดขวางหรือทำอะไรให้คนที่ผมรักต้องเสียใจเลยนะ”

   “คุณน้าครับ...ผม..ผมไม่ใช่คนที่ดีเท่าไหร่ แต่ผมสัญญานะ ว่าผมจะไม่ทำให้ทีมเสียใจอีก แล้วก็ถึงผมจะไม่เคยรู้จักกับคุณน้ามาก่อน แต่ผมรู้ว่าคุณน้าต้องเป็นคนใจดีมากแน่ๆ...ขอบคุณนะครับที่ทำให้ทีมเกิดมา” ผมพูดไปก็สะอื้น เช็ดน้ำหูน้ำตาเป็นพัลวัน ทีมก้มหน้ามาหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุขอยู่ที่ข้างหู ก่อนจะกดจูบเข้าที่ข้างขมับผมแรงๆ ทีหนึ่ง

   “แม่ครับ...ทีมรักฝุ่น รักมากด้วย...แม่เองก็รักฝุ่นด้วยนะครับ ถ้าวันไหนทีมต้องไปเรียน หรือไปทำงาน แม่ก็ต้องช่วยทีมดูแลฝุ่นนะ”

   ทีมปล่อยให้ผมยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง แน่นอนว่าถึงมันจะมีผ้าเช็ดหน้าก็คงไม่บ้าเอามาเช็ดให้ผมแล้วล่ะครับ เช็ดโกศคุณแม่ไปแล้วนี่นา สุดท้ายผมก็ใช้แขนเสื้อตัวเองกับอกเสื้อทีมนั่นแหละเป็นทิชชู่ใช้แล้วซัก

   หลังเราเดินกลับมาที่รถ ทีมก็ขับออกไปเรื่อยๆ อย่างอารมณ์ดี มีแค่ผมที่นั่งตาบวมตุ่ยอยู่อย่างนั้น

   “ทำไมไม่เศร้าหรือซึ้งอะไรเลยวะ” ผมบ่น

   “ซึ้งน่ะ ซึ้งอยู่แล้ว เศร้าก็เศร้า แต่จะให้พี่ร้องไห้เหรอ แม่ก็จะยิ่งเป็นห่วงน่ะสิ ถ้าพี่ร้อง แม่อาจจะมาตีฝุ่นคืนนี้ก็ได้นะ” อย่านะ กูกลัว ToT

   “ทีม”

   “ครับ?” ทีมหันมามองหน้าผมแวบหนึ่งแล้วกลับไปมองกระจกหน้าต่อ

   “แม่เสียไปหลายปีแล้วเหรอ” ผมถาม ทีมนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ

   “ปีเดียวกับที่พี่เลิกเล่นเทควันโดนั่นแหละ” ทีมตอบสั้น ก่อนจะพูดเสริม “แท็กซี่ที่แม่นั่งมาดูพี่แข่งรอบชิงชนะเลิศคว่ำระหว่างทาง ทั้งที่พี่ได้เหรียญแต่กลับไม่ดีใจเลยสักนิด แต่โชคยังดีกว่าหลายๆ คน พี่รีบไปหาแม่ที่โรงพยาบาล ท่านก็บอกสั้นๆ ก่อนสิ้นใจว่า ท่านดีใจที่พี่ประสบความสำเร็จกับกีฬานี้...หลังจากนั้นพี่ก็พับชุดเทฯ เก็บแล้วไม่เคยหยิบออกมาเล่นอีก”

   “ขอโทษนะ ไม่น่าถามเลย” ผมพึมพำ เพราะบรรยากาศในรถเริ่มเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

   “หึหึ ไม่เอาน่า พี่ทำใจได้ตั้งนานแล้วนะ ที่จริงก็อยากเลิกเล่นอยู่แล้ว ตอนนั้นจะเข้ามหาวิทยาลัยด้วย พอมีเรื่องแม่ พี่ก็เลยตัดสินใจให้วันนั้นเป็นเหรียญสุดท้าย” ทีมอธิบายด้วยน้ำเสียงร่าเริง พอดีกับที่รถติดไฟแดง แฟนของผมจึงหันมาจูบปากเบาๆ “ไม่จำเป็นต้องเศร้าหรือเสียใจกับอดีตที่ผ่านมา...แค่ตอนนี้ฝุ่นรักพี่ก็พอแล้ว”

   ผมอมยิ้มออกมากับประโยคนั้น ก่อนจะนึกขึ้นได้เลยพลิกตัวหันกลับไปชะโงกหยิบกระเป๋าเป้บนเบาะหลังที่วางเอาไว้ตั้งแต่เช้าขึ้นมา ทีมมองตามว่าผมจะทำอะไรสลับกับมองสัญญาณไฟเป็นระยะๆ ไม่อย่างนั้นเราคงโดนประชาชีบีบแตรไล่อีกยกใหญ่

   “หยิบอะไรน่ะ” ทีมถาม

   “ฮิฮิ” ผมแกล้งหัวเราะเสียงเล็กเสียงน้อย ก่อนจะหยิบกล่องนาฬิกาที่เตรียมเอาไว้ออกมาส่งให้พร้อมบอก “สุขสันต์วันเกิด”

   “หึหึ ทำเป็นเด็กๆ เลย”

   “แล้วจะไม่เอาใช่มั้ย” ผมแกล้งขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งใส่ ดึงกล่องคืน แต่ทีมกลับรีบคว้าเอาไว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “เอาสิครับ ที่รักให้ทั้งที” ทีมยิ้มกว้าง “ขอบคุณมาก....ที่จริง..ถึงฝุ่นจะไม่ให้อะไรเลย พี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ”

   อ้าว พูดงี้แปลว่าไม่อยากได้งั้นสิวะ?

   “แต่ยังไงก็ขอบคุณมาก พี่เกรงใจเรา ไม่ได้อยากให้คิดว่าต้องซื้อนั่นนี่ให้พี่มากมาย แค่ตอนนี้พี่ก็ดีใจที่สุดแล้ว” ทีมบอกด้วยรอยยิ้ม ผมกำลังจะยุให้เปิดกล่องแต่โชคร้ายที่ดันไฟเขียวพอดี และรถคันหลังก็บีบแตรไล่เสียงดัง ทีมจึงต้องเบนสมาธิไปขับรถอย่างเสียไม่ได้

   แต่แฟนของผมก็ไม่ได้ใจร้ายมากพอจะพากลับเข้าบ้านโดยไม่หาอะไรกินกันก่อน ตอนนี้ก็สายมากพอสมควรแล้ว และผมก็หิวด้วย ทีมจึงแวะจอดแถวตลาดหน้าปากซอยบ้าน จุดมุ่งหมายของเราคือร้านข้าวมันไก่ใกล้ๆ นี่เอง

   ทีมลงจากรถโดยถือกล่องนาฬิกาไปด้วย ผมจึงลงตามและเดินไปอยู่ข้างๆ เพื่อรอข้ามถนนพร้อมกัน

   “หิวมาก” ทีมหันมาบ่นให้ผมฟัง

   “พอกันแหละ” ผมตอบ แล้วรีบข้ามถนนทันทีที่รถโล่ง

   “ผมเอาข้าวมันไก่ไม่หนัง...ฝุ่นเอาอะไร” ทีมหันมาถาม ผมจึงนั่งคิดนิดหน่อยแล้วถามออกไป

   “ไก่ทอดอร่อยป่าวอะทีม”

   “ก็ดี แต่มันจะแข็งน่ะสิ เอาไก่ต้มเถอะ” ทีมแนะ ผมเลยเอาแบบเดียวกับที่มันสั่งไป ระหว่างที่รอข้าว ทีมก็หยิบกล่องนาฬิกาออกมาเปิดยิ้มๆ ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นของข้างในชัดๆ

   “สวยมั้ย” ผมถามแล้วยิ้มให้ ทีมยกนาฬิกาเรือนนั้นขึ้นมาทาบบนข้อมือด้วยสีหน้าบ้าเห่อ

   “สวยสิ พี่ชอบมากเลย ขอบคุณนะ” ผมรับคำนั้นด้วยรอยยิ้มและหัวใจที่พองโต แต่ยังมีความสุขได้ไม่ถึงขีดสุด ใครบางคนก็เดินมาจากทางด้านหลังแล้วนั่งลงข้างๆ พร้อมเสียงแหลมๆ ที่ทักขึ้น

   “ไงทีม น้องฝุ่น ไม่ได้เจอตั้งนาน ไม่เห็นออกมาหาพี่บ้างเลย” ...ก็กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงนี่หว่า จะออกมาหาทำหอกอะไร

   “ไงเชี่ยเป้” ทีมทักแล้วยิ้มเฝื่อนๆ

   “หึหึ มากินข้าวกันเหรอ...เฮ้ย ทีม นาฬิกาสวยว่ะ ขอกูดูหน่อยดิ” พูดแล้วไม่รอคำตอบ หันไปคว้านาฬิกาที่ทีมยังไม่ทันเก็บเข้ากล่องมาทาบและลองใส่อย่างถือวิสาสะ เล่นเอาผมแอบจี๊ดขึ้นมายังไงชอบกล ทีมขมวดคิ้วตอนที่มองไอ้พี่เป้นิ่ง ก่อนจะบอก

   “เชี่ยเป้ เอาคืนมา นั่นมันของกู”

   “โหย สวยขนาดนี้ ขอกูลองใส่แป๊ปเดียวเอง อย่างกดิวะ” ....อย่างทีมไม่เรียกว่างก แต่มึงน่ะ เสียมารยาท

   “พี่เป้ ขอคืนด้วยครับ” ผมบอกเซ็งๆ คราวก่อนเจอแม่งก็โคตรเสียมารยาท แต่นับว่าจิ๊บไปเลยเมื่อเจอวันนี้

   “อ่ะๆ น้องฝุ่นก็...เอาคืนก็ได้ครับ ไม่ต้องดุก็ได้แหม” ไอ้พี่เป้ทำเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วถอดนาฬิกาออกคืนทีมแบบส่งๆ ผมทันเห็นห่านป่าตัวใหญ่มันขมุบขมิบปากด่าแบบเซ็งๆ อย่าว่าแต่ทีมเลยครับ ผมเองก็เซ็งนะ เจอคนไร้มารยาทแบบนี้

   “ข้าวมาแล้วค่ะ” เด็กเสิร์ฟของร้านพูดขึ้นเมื่อวางจานข้าวลงบนโต๊ะ พร้อมน้ำซุปที่เป็นต้มจืดฟักใส่มะนาวดอง

   “พี่ป้อนมั้ยน้องฝุ่น” ไอ้พี่เป้หันมาถามออเซาะ ผมได้แต่ขยับตัวหนีด้วยความแขยงในใจ

   “ไม่เป็นไรมั้งเป้ กูว่าฝุ่นก็มีมือมีเท้าครบนะ คงไม่ต้องให้มึงมาคอยป้อนหรอก” ทีมขัดคอขึ้น

   “ทำหวงน้องนะไอ้เหี้ย นี่น้องฝุ่นเป็นน้องหรือเมียมึงวะ หวงซะยิ่งกว่าหมาหวงก้าง” สงสัยมันจะอยากกินรองเท้าหนัง เน้นคำหลังเสียจนผมแอบเห็นเส้นประสาทของทีมกระตุกตึบๆ กำช้อนแน่นคล้ายกำลังระงับอารมณ์ไม่อยากมีเรื่อง ผมจึงพูดเป็นเชิงไล่

   “จะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับพี่นี่ครับ ผมว่าถ้าไม่อยากมีเรื่องพี่ก็ให้พวกเรานั่งกินข้าวกันสงบๆ ดีกว่า”

   ไอ้พี่เป้หันมามองผมตาหนึ่ง ก่อนจะไหวไหล่แล้วบอก

   “ก็ได้ๆ ไปก็ได้ กูพูดเล่นๆ อย่าคิดมากนะมึง” เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของทีมตบไหล่แฟนผมทีนึง แล้วเดินออกจากร้านไป

   “นี่ใช่มั้ยวะ ถึงได้บอกว่าให้ห่างๆ ไอ้พี่เป้อะไรนี่ไว้” ผมถามเซ็งๆ ทีมพยักหน้า

   “มันไม่ใช่คนไม่ดี แต่บางทีก็กวนตีนเกินไป พี่เลยไม่ชอบคุยกับมันเท่าไหร่”

   “แต่ก็เห็นสนิทกันดีไม่ใช่เหรอทีแรก” ผมแซว ทีมเลยทำหน้าปากจู๋ใส่พลางตอบ

   “ไม่ขนาดนั้นสักหน่อย”



   ที่เค้าบอกว่าชีวิตเราก็เหมือนหาดทราย มีคลื่นพัดเข้ามา เดี๋ยวก็พัดออกไป บางทีก็มีมรสุม...ผมเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง หลังจากเมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมได้หลั่นล้าอยู่พักหนึ่ง มรสุมลูกใหม่ก็กระแทกเข้ากลางแสกหน้า เมื่อผมต้องสอบครั้งแรกในชีวิตมหาวิทยาลัย โอ้ก ไม่อยากจะบอกว่ารู้สึกอยากตายแรงๆ วันละหลายรอบ

   ถึงจะมีทีมมาช่วยติวเลขให้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะตอนสอบผมก็ยังนั่งงงๆ เขียนคำตอบลงไปเหมือนไม่เคยได้เรียนอะไรสักวิชา ไม่มีความรู้สึกว่าไอ้นี่คุ้นๆ หรืออะไรทำนองนี้แม้แต่น้อย...กูโง่สินะ(ร้องไห้)

   เมื่อคืนนี้คุณแฟนสุดที่รักบอกว่า วันอาทิตย์นี้ที่เป็นวันสอบวันสุดท้ายของผม มันไม่สามารถมารับที่คณะได้เนื่องจากติดไปค่ายอาสาพัฒนาที่จังหวัดเลยตั้งแต่เช้าวันศุกร์ กลับมาอีกทีก็วันพฤหัสบดีของอาทิตย์ถัดไป ตอนแรกทีมมันก็ไม่อยากไป แต่เพราะเป็นงานคณะที่พี่ไกด์กับมันเป็นเฮดด้วยกัน ถ้าไม่ไป พี่ไกด์อาจเอานิวเคลียร์มาบึ้มบ้านได้

   นับๆ ไป....วันมะรืนนี่หว่า วันศุกร์เนี่ย โอ้ก เร็วอะไรปานนี้

   จุ๊บ..

   “คิดอะไรอยู่” แรงจูบพร้อมคำพูดที่เกยอยู่บนหัวทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง ทีมยืนกอดผมเอาไว้หลวมๆ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

   “เปล่า กำลังเซ็งเรื่องสอบน่ะ” ผมตอบ แล้วเปิดอาหารกระป๋องเพื่อเตรียมให้เซ็กส์ซี่...แหม หมาน้อยหายไปหลายฉากเนอะ กลับมาแล้ว คิคิ

   “ขอโทษนะ ติดงานจริงๆ หลังจากนั้นสัญญาว่าจะพาไปกินข้าวปล่อยแก่”

   “ไอ้บ้า” ผมด่าขำๆ ทีมเลยกอดผมเอาไว้แล้วเขย่าไปมาอย่างกลั่นแกล้ง ผมก็ได้แต่หัวเราะแล้วบอกให้วางลง สิ่งที่ทำให้ทีมหยุดชะงักกลับไม่ใช่เสียงของผม...

   “เล่นอะไรกันน่ะ”

   ผมรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกเยือกแล้วหล่นลงไปกองกับพื้น ในขณะที่ทีมยังไม่ยอมปล่อยให้ผมยืนได้ปกติ สายตาของเราสองคนหันกลับไปมองยังบุคคลที่สามที่เพิ่งเข้ามาและกำลังจ้องมาทางผมด้วยแววตาประหลาด...โกรธก็ไม่ใช่ สงสัยก็ไม่เชิง...

   “รายการแกล้งฝุ่นประจำวันครับ” ทีมตอบขำๆ แล้วเริ่มเหวี่ยงผมอีกรอบ แต่คราวนี้ผมเริ่มขำไม่ออก ลุงสินเองก็เช่นกัน เขามองมาที่อ้อมแขนนั้นอย่างสงสัย ก่อนจะพูดขึ้น

   “แค่แกล้งกันก็แล้วไป อย่ามีอะไรมากกว่านั้นล่ะ”

   แกพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องครัวไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทีมจึงยอมวางผมลงให้ยืนกับพื้น ยิ้มให้บางๆ

   “เล่นอะไรทำไมไม่ดูเลย ถ้าลุงสินรู้เข้าจะทำยังไง!?” ผมทำเสียงดุใส่เบาๆ เพราะกลัวว่าลุงสินอาจเดินย้อนกลับมาหรือไม่ก็แอบฟังอยู่จะได้ยินเข้า ทีมไหวไหล่นิดหน่อยแล้วบอกแบบไม่ยี่หระ

   “พี่ไม่สนใจหรอกนะถ้าพ่อจะรู้ ก็เคยบอกแล้วไงว่าต่อให้พ่อจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ พี่ก็จะไม่มีวันปล่อยเราไปเด็ดขาด”

   แค่คำพูดมันก็น่าดีใจอยู่หรอกครับ แต่ผมก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้ ถ้าวันนึงลุงสินรู้เรื่องนี้เหมือนที่น้าอิ่มรู้ แกจะว่ายังไง ผมคงเป็นคนแรกที่โดนเฉดหัวออกจากบ้าน บอกตามตรงว่าไอ้เรื่องแค่นั้นผมไม่สนใจเท่าไหร่ แต่สิ่งสำคัญที่กำลังรบกวนจิตใจของผมมาตลอดตั้งแต่น้าอิ่มรู้เรื่องก็คือ...สักวันผมกับทีมต้องแยกจากกัน...

   ลุงสินมีความคิดค่อนข้างสมัยใหม่ก็จริง แต่เรื่องความรัก การแต่งงานหรืออื่นๆ ทางนี้เห็นได้ชัดว่าแกยังยึดถือความคิดของคนสมัยเก่าที่ว่า ‘ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง’ ไม่ใช่ ‘คนคู่กันคือคนที่รักกัน’ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพราะผมได้เห็นในหลายๆ มุมของลุงสินทำให้เกิดความเคารพและเกรงใจขึ้นเต็มหัวใจ จนมีวูบหนึ่งที่ผมเกิดความคิดว่า ต่อให้ทีมจะดื้อดึงรั้งทุกอย่างเอาไว้ แต่ผมจะเป็นคนทำเรื่องให้สิ้นสุดปลายทางตรงความถูกต้องด้วยตัวของผมเอง...

   “เอาอาหารไปให้เซ็กส์ซี่ก่อนนะ” ผมบอกเรียบๆ ทีมได้แต่เงียบไม่พูดอะไรจนผมยกชามพลาสติกสีขาวเดินออกไปจนถึงประตูห้องครัว เสียงของคนที่ผมรักจึงดังขึ้นขัดเบาๆ

   “เชื่อในตัวพี่นะฝุ่น...พี่รักเรามากนะ”

   ผมไม่ได้ตอบอะไรออกไปทั้งนั้น ได้แต่เดินออกไปหาเซ็กส์ซี่ที่ด้านนอกตัวบ้าน เจ้าหมาน้อยที่ไม่ได้เจอกันเพราะผมติดสอบต้องอ่านหนังสือรีบวิ่งหูปลิวหางกระพือเข้ามาหาพร้อมลิ้นห้อยๆ ทันที

   “ไงมึง...คิดถึงกูล่ะสิ” ผมบอกแล้ววางชามอาหารให้ เซ็กส์ซี่รีบกินอย่างรวดเร็ว “ถ้าเป็นมึง..จะทำไงวะ”

   แน่นอนว่าไม่มีคำตอบจากเจ้าขนทองสี่ขาที่กำลังเห็นแก่กินอย่างน่าเกลียดตัวนี้ ผมนั่งอยู่ที่สนามหญ้าพักใหญ่ รอให้เซ็กส์ซี่กินจนอิ่มจึงเอามันมาเล่นด้วย ทั้งลูบขนดึงนั่นดึงนี่ตามสไตล์แหละครับ มันกำลังอิ่มๆ ไม่อยากให้วิ่งมาก เดี๋ยวอ้วก เอิ้ก

   “กูรักเจ้านายมึงนะเซ็กส์ซี่ แต่ถ้าวันนึงกูต้องเลือกจริงๆ กูจะเลือกอะไรดี ความถูกต้องหรือความต้องการ?”

   มันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ นอกจากเสียงหงิงเบาๆ ของอีหมาน้อยที่เอียงคอมองผมอย่างน่ารักน่าแกล้ง ผมรู้..ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่วิตกกับเรื่องนี้ แต่ผมก็ไม่อยากให้ผู้มีพระคุณของผมต้องลำบากใจเพียงเพราะความต้องการส่วนตัวของตัวเอง



   จะดูเห็นแก่ตัวมั้ย ถ้าผมเลือกที่จะรักทีมโดยไม่สนใจความถูกต้องใดๆ บนโลกใบนี้...?








ต่อตอน 19 จ้ะ


eiizes’s talk
เตรียมใจไว้ดราม่าด้วยนะจ๊ะ อุคิ
อีกสองตอนครึ่งก็จะจบแล้วนะคะ ดังนั้นเราจึงเปิดจองแล้วค่า รายละเอียดรบกวนติดตามที่หน้าแรกได้เลยจ้ะ

แอบเอาปกมาโปรโมทที่ตรงนี้ด้วยค่ะ ฮี่ๆๆๆๆ





สั่งกันเยอะๆ น้า รับพี่ทีมกับน้องฝุ่นไปไว้ในอ้อมอกกันด้วยนะคะ  :o8: :L1: :L1:



ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่า  :กอด1:
eiizes


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2011 22:55:42 โดย eiizes »

ออฟไลน์ in_blu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
โห๊ะ มหากาพย์มาม่าจะเกิดขึ้นแล้วใช่มั๊ยค่ะ

ต้องรีบไปหาผ้าเช็ดหน้ามาเตรียมไว้รอแระ อิอิ

WhatLoveIs

  • บุคคลทั่วไป
เครียดเลยทีเดียว...

จะตัดสินใจอะไรก็คุยกันก่อนนะ T^T

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มาม่ามารอเสริฟแล้ววว  เฮ้อ

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
อารายกันนี้ กะลังหวานได้ที่

เตรียม ซื้อมาม่า เลยใช่ไหม

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
 o22 o22 :a5: :a5:
เตรียม เตรียมต้มน้ำรอแล้วค่ะ  o18

tawan

  • บุคคลทั่วไป
ปกน่ารักจังเลย

เลือกน้องทีมนะ :กอด1:

 :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kitty

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +258/-7
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:แอบเครียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ engrish

  • "LolliPoP"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 823
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-1
ทั้งมาม่า ผ้าเช็ดหน้า มาพร้อมค่ะ

ออฟไลน์ ~MeiMeiZ@~

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
โอ้ว ลุงสิน หิน หิน หิน หิน
 o22 o22

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เตรียมตัวกินมาม่าก่อน- -

ออฟไลน์ Petalkiss

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 307
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
กะแล้วว่าต้องมีมาม่า ....
แอบกลัว ไม่รู้ว่าลุงสินจะว่ายังไง สงสารทั้งทีมและฝุ่น

อยากได้รวมเล่มเหมือนกัน
ขอไปตัดสินใจก่อน  :กอด1:

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
ทีมน่ารักมาเลยตอนนี้ คำพุดแต่ละคำต่อหน้าแม่เล่นเอาคนอ่านซึ้งมากมาย
แต่เรื่องลุงสินกำลังจะทำให้คนอ่านเศร้าแทนซึ้งอะ :monkeysad:

ปกหนังสือหน้ารักจัง เดี๋ยว Mail ไปจองนะคะ

 :pig4: คะ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
มาม่า กับสองตอนครึ่งงงงงง  :serius2:
แล้วมันจะจบ มาม่าไหมอ่ะ  o18


ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ใกล้กินมาม่าจริงๆแล้วหรือครับ
ขอทำใจก่อน

ออฟไลน์ insunhwen

  • FREEDOM!!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 867
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
ต้มนํ้าร้อนรอมาม่าแล้ว
แต่ตอนจบเค้าไม่อยากกินมาม่านะ :m15:
อย่าเศร้าตอนจบเลย  :call:

ปล.อยากได้หนังสือออออ แต่ต้องไปดูงบก่อน  :z3:

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด