Tsundere Boy เมื่อหนุ่มซึนมาหลงรัก ตอนที่ 16
‘อึดอัด....อึดอัดเป็นบ้า..’ ใบหน้าหวานนั่งมองเหตุการณ์เบื้องหน้าอย่างกระอักกระอ่วน เขารู้สึกเหมือนว่ามีหนามแหลมๆทิ่มแทงหัวใจของเขาทั้งดวง บางทีก็เหมือนถูกบีบคั้นจนแทบหายใจไม่ออก
“เช็ดปากก่อนสิครับ” มือใหญ่ที่เคยใช้สัมผัสเขากำลังจับผ้าเช็ดหน้าสีขาวเช็ดที่แก้มของคนอื่น
“ขอบคุณค่ะ” ดวงตาคมที่เคยมอบรอยยิ้มให้เขา กำลังยิ้มอ่อนโยนให้คนอื่น
“น้ำ ทานขนมนี่ดูสิจ๊ะ” น่ารังเกียจ! น่ารังเกียจที่สุด
“ขอบคุณครับ แต่ผมอิ่มอยู่” น้ำฝืนยิ้มตอบ เขาช่างมีจิตใจน่ารังเกียจ ทำไมถึงคิดแบบนั้น ทำไมถึงคิดอิจฉาแบบนั้น น้ำรับรู้ได้ถึงสายตาของเขื่อน สายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน น้ำลุกพรวดขึ้น และยิ้มกว้าง
“ผมขอไปซ้อมก่อนดีกว่าครับ ถือว่าใช้เวลาให้เกิดประโยชน์” แล้วก็รีบจ้ำออกมา ขาสองข้างพาร่างบางก้าวไปโดยไม่มองรอบข้าง ใบหน้าหวานคิ้วขมวดมุ่น ภายในสมองครุ่นคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว
‘ทำไมเราถึงมีจิตใจที่น่ารังเกียจขนาดนี้...’ น้ำไม่อยากจะเชื่อว่าความหึงหวงช่างมีอานุภาพที่ร้ายกาจ แม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าเขื่อนนั้นทำไปด้วยความจำเป็น แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นเขื่อนดีกับแซมมี่ เขาก็เสียใจอย่างบอกไม่ถูก
“วันนี้...ไม่มีซ้อม” มิสเตอร์โรมานอฟฟ์ยืนจังก้าหน้าประตูเมื่อเห็นน้ำมาที่ห้องซ้อม แต่ร่างบางก็ดึงดันจะไปซ้อมต่อ จึงเดินแหวกร่างสูงของอาจารย์เข้าไปจนได้
“ตามใจ” มิสเตอร์โรมานอฟฟ์ส่ายหัวก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องทำงานของตัวเอง
‘เล่นเพลงอะไรดีละ’ น้ำเปิดไล่โน้ตเพลงหนาเป็นปึก หัวสมองเรียกร้องหาแต่เพลงที่ไม่เคยเล่น เพลงที่ยากๆ ยากพอจะทำให้เขาลืมเรื่องขุ่นมัวในใจได้
‘เพลงนี้แล้วกัน A little bit of my heart เพลงของใครกันนะ ไม่เคยได้ยิน’ น้ำจรดนิ้วตามโน้ตที่เห็น ท่วงทำนองที่แสนอ่อนหวานที่สุดเท่าที่เขาเคยเล่นมาดังกังวานไปทั่วห้อง
‘ว้าว ทำนองอ่อนหวานดีจัง...’ น้ำคิดแล้วหลับตาพริ้ม ปล่อยให้โน้ตทุกตัวได้ซึมซับเข้าไปในหัว เสียงดนตรีที่แสนไพเราะนั้นไม่ได้ทำให้หัวใจของน้ำชุ่มชื่นขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังทำให้อีกคนในห้องทำงานยิ้มขึ้นมาได้
“นายชอบเพลงนี้เหรอ?” มิสเตอร์โรมานอฟฟ์ทักขึ้นมาหลังจากเพลงจบ
“อาจารย์...” น้ำหันไปมองหน้าตาตื่น คนกำลังเคลิ้มกับเพลงก็เดินมาไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง
“มันเพราะใช่มั้ยละ” น้ำพยักหน้าแทนคำตอบ
“ใครเป็นคนแต่งหรือครับ”
“ภรรยาฉันเอง” น้ำอึ้ง...สถานการณ์แบบนี้จะตอบว่ายังไงดี
“เธอเป็นนักแต่งเพลงน่ะ เพลงที่เธอแต่ง มันมักจะเป็นเพลงที่เยียวยาความรู้สึกคนฟังได้เสมอ”
“แบบนี้เธอก็ต้องโด่งดังใช่มั้ยครับ”
“เธอไม่ทันได้โด่งดังหรอก เพราะเธอเสียตั้งแต่ยังสาวๆแล้ว”
‘ดราม่า ดราม่า ดราม่าแล้ววววว’ น้ำคิดในใจ เพิ่งจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดๆ ก็มาเจอเรื่องดราม่าอีกแล้ว
“จำโน้ตได้หรือเปล่า”
“ครับ...”
“ลองเล่นอีกสิ เดี๋ยวฉันจะเล่นด้วย” น้ำทำหน้าตะลึง สอนมาตั้งนานไม่เคยเห็นเล่นสักที วันนี้จะได้เห็นมิสเตอร์โรมานอฟฟ์เล่นเป็นบุญตาแล้วเว้ยยย
นิ้วเรียวเริ่มบรรเลงเพลงอีกครั้ง ในหัวก็ได้แต่ลุ้นว่ามิสเตอร์จะใช้เครื่องดนตรีอะไรกันนะ จนกระทั่งเสียงทุ้มจากเครื่องสายที่น้ำไม่ค่อยได้ยินนักดังขึ้น ร่างบางจึงถึงบางอ้อ
‘เชลโล่...เท่จังแฮะ...’
อาจารย์และศิษย์ทั้งสองที่มีเรื่องภาษามาเป็นพรหมแดนขวางกั้นความเข้าใจ แต่หากตอนนี้มีสื่อกลางที่บอกเล่าเรื่องราวได้ดีกว่าคำพูดเสียอีก ที่สำคัญยังทำให้จิตใจของคนที่ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านเสียงเพลงได้ปลดปล่อยความตึงเครียดในจิตใจได้หมดสิ้น
“นาย...หายเครียดแล้วใช่มั้ย” อาจารย์ถามราวกับไปนั่งอยู่ในจิตใจของน้ำ ใบหน้าหวานก้มหน้างุด เขาเผลอปลดปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลงมากเลยเหรอ
“นิดหน่อยครับ..”
“เปียโนไม่อาจช่วยนายแก้ปัญหาได้ แต่มันทำให้นายมีความสุขได้เหมือนกันนะ” น้ำพยายามทำความเข้าใจกับประโยคยาวๆนั้น และพอจับใจความได้ว่า ‘อย่างน้อยดนตรีก็ทำให้เรามีความสุข’ น้ำจึงพยักหน้ารับและยิ้มได้สักที
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ออกมานานแล้ว”
“ไม่ต้องออกไปหรอก นู่น มีคนมารับนายแล้ว” มิสเตอร์โรมานอฟฟ์บุ้ยหน้าไปตรงโต๊ะเรียนด้านหลัง เขื่อนกำลังนั่งมองตรงมาที่น้ำด้วยสายตาเคร่งเครียด
“เขื่อน...” น้ำรีบเดินไปหมเขื่อนที่นั่งหน้ามู่ทู่อยู่ มือเรียวแตะลงบนใบหน้าคม
“ทำไมผลุนผลันออกมาละ รู้มัยว่าฉันเป็นห่วง” เขื่อนพูดใบหน้าเครียด
“ผม..ขอโทษครับ..”
“กลับบ้านกันเถอะ” เขื่อนลุกขึ้นยืนและดึงมือน้ำไปจับไว้แน่นเหมือนกับกลัวว่าน้ำจะหนีไปอีก น้ำหันมองซีกหน้าด้านข้างของเขื่อน ใบหน้าคมอันเป็นที่ปรารถนาของใครๆ เขาเองไม่มีอะไรที่จะไปสู้คนอื่นได้เลย มีเพียงเรื่องดนตรี ที่เขาทำได้ดี และเรื่องความรักที่มีต่อเขื่อนซึ่งเขาทำได้ไม่แพ้ใคร
“เขื่อน กลับไปผมจะเล่นเปียโนให้ฟังนะครับ” เขื่อนหันมามองและเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
“อย่าทำหน้าแบบนี้สิครับ มันหล่อเกินไป..” น้ำพูดจริงจังจนเขื่อนหัวเราะออกมา ก่อนจะโน้มหัวร่างบางไปในอ้อมกอดและระดมหอมอย่างหมั่นเขี้ยว
“เพลงที่นายเล่นเมื่อกี้ เพราะดีนะ”
“อืม เป็นเพลงที่ภรรยาของอาจารย์แต่งไว้น่ะครับ”
“ไว้วันหลังลองเล่นให้ฟังบ้างนะ แต่ตอนนี้รีบกลับกันเถอะ ฉันอยากพักผ่อนจะแย่แล้ว” เขื่อนกระชับมือที่โอบน้ำให้แน่นขึ้นและเร่งฝีเท้า
“ครับ” น้ำยกแขนขึ้นมาโอบที่เอวเขื่อน และพิงหัวไว้กับอก พร้อมทั้งบอกตัวเองอยู่ในใจว่าเขาจะไม่ทำให้เขื่อนต้องรู้สึกไม่ดีเพราะเขาอีก
เหตุการณ์น่าอึดอัดที่น้ำต้องเผชิญผ่านไปเรื่อยๆจนหมดเดือน แต่เพราะน้ำได้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ทำให้เขื่อนต้องรู้สึกไม่ดีเพราะเขา น้ำจึงอดทน ด้วยความรักที่มีต่อเขื่อนเท่านั้นที่ทำให้เขาทนได้ ยังดีที่ช่วงนี้แซมมี่ไม่ค่อยมา คงเป็นเพราะเธออ่อนแอลงมาก น้ำจึงไม่ต้องทนมองภาพบาดตา และยังสงสารแซมมี่อีกด้วย เพราะว่าเวลาที่เขื่อนไปหาแซมมี่ เขามักจะกลับมาเล่าอาการของเธอให้ฟัง เขื่อนบอกว่าแซมมี่ผอมลงไปมาก และไม่ค่อยมีแรงจะพูดแล้วด้วย
“คุณหนูๆ มีเพื่อนโทรมาหา บอกว่าขอสายคุณหนูค่ะ” น้ำชี้หน้าตัวเองอย่างงงๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์มาจากเมดและกรอกเสียงลงไป
“น้ำตาล เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” เสียงสดใสที่ตอบกลับมาทำให้หัวใจของน้ำพองโต
“มะนาว! เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ย”
“อื้ม มะนาวเรียนร้องเพลงที่นี่สนุกมากเลย แล้วน้ำตาลละจ๊ะ”
“อืม...ก็ดีนะ มีแต่คนเก่ง...” น้ำนึกถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว เรื่องราวที่เหมือนกับจะทำให้เขาเติบโตขึ้นมาอีกเป็นสิบปี
“น้ำตาล เสียงฟังดูไม่ดีเลย มีอะไรบอกมะนาวได้นะจ๊ะ” เสียงใสพูดกลับมาอย่างเป็นห่วง สมเป็นมะนาว รู้ทุกเรื่องของเขาดีเหลือเกิน
“มะนาว...” เรื่องราวต่างๆที่ถูกถ่ายทอดผ่านทางโทรศัพท์ เรื่องที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวดใจ สิ่งที่น้ำต้องทน และเรื่องที่เขื่อนต้องเจ็บปวดขนาดไหน...
“น้ำตาล เก่งมากเลยนะจ๊ะ...”
“เอ๋??...”
“น้ำตาลเก่งที่ทนมาได้ และเข้าใจเขื่อนเสมอ เห็นน้ำตาลเป็นคนดีแบบนี้ มะนาวก็ละอายใจที่คิดอะไรไม่ดี”
“อะไรเหรอมะนาว..”
“มะนาวตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่โทร แต่ก็อดไม่ได้ เพราะรู้ว่าน้ำตาลจะต้องได้เจอกับแซมมี่แน่นอน มะนาวเลยคิดว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของน้ำตาลกับเขื่อนจะต้องสั่นคลอน เลยอยากจะลองโทรมาดูว่ามีโอกาสของมะนาวมั้ย” เสียงใสพูดเจื้อยแจ้ว
“มะนาว!” น้ำอุทานเสียงหลง
“ฮิฮิ น้ำตาลไม่ต้องตกใจหรอกจ้ะ แค่มะนาวได้ยินว่าน้ำตาลอดทนและเชื่อใจเขื่อนขนาดนี้ มะนาวก็ไม่คิดแล้วละ”
“มะนาว...ทะเล้นตลอดเลยนะ...” น้ำพูดพลางอมยิ้ม ยังร่าเริงอยู่สินะ
“น้ำตาลไม่ต้องกังวลเรื่องยัยแซมมี่หรอกนะจะ เพราะยัยนั้นน่ะ เดี๋ยวก็ซี้ม่องเท่งแล้วละ”
“มะนาว! ทำไมไปแช่งเขาแบบนั้นละ ไม่น่ารักเลยนะ”
“แหม ก็ยัยนั่นน่ะ ร้ายลึกจะตาย รู้มั้ย มะนาวเคยเจอยัยนั่นตอนม.ต้น ยัยนั่นร้ายน่าดู ไม่น่าจะเชื่อว่าเป็นคนป่วยโรคที่รักษาไม่ได้” คำว่ากล่าวเผ็ดร้อนที่ออกจากปากมะนาวทำเอาน้ำไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อว่าแซมมี่ที่แสนเรียบร้อยจะเป็นอย่างที่มะนาวว่า แต่เขาก็รู้จักมะนาวดีพอ ว่ามะนาวไม่มีทางโกหก เพราะถ้ามะนาวไม่ชอบใคร แปลว่าคนนั้นไม่ดีจริงๆ
“แต่เวลาน้ำไปเจอเขาน่ะ เขาเรียบร้อยและอ่อนหวานมากเลยนะ”
“หึ น้ำตาลไปกับเขื่อนใช่มั้ยจะ น้ำตาลไม่เคยอยู่กับเขาตามลำพังล่ะสิ”
“อย่าบอกนะมะนาว ว่าแซมมี่เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก”
“ใช่จ้ะ แม่นั่นเป็นคนแบบนั้นแหละ มะนาวไม่อยากไปข้องเกี่ยว เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่ารังแกคนป่วยเอา”
“อะไรกัน น้ำนึกว่าคนแบบนี้มีแต่ในละครเสียอีก”
“โลกเรามันมีเรื่องมากมายจ้ะ คนก็ต่างกันไป ทำใจไว้ดีกว่า” บทสนทนาเรื่อยเปื่อยยังคงดำเนินต่อไปจนเย็นย่ำ มะนาวจึงขอตัวไปทานมื้อเย็นก่อน และรับปากว่าจะโทรมาคุยด้วยอีกครั้ง
“เฮ้อ...” น้ำนั่งเอาแขนพาดบนโซฟาและแหงนหน้ามองเพดาน คิดสะระตะเกี่ยวกับเรื่องที่คุยกับมะนาวไป ตอนนี้ที่น้ำหวังมีเพียงเรื่องเดียว คือเขาจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับแซมมี่ตามลำพัง!!
“น้ำ เดี๋ยวเล่นท่อนนี้ซ้ำอีกรอบนะ” น้ำพยักหน้ารับกับเดวิด วันนี้เป็นวันที่ซ้อมหนักที่สุดในรอบสัปดาห์ เขาเริ่มซ้อมตั้งแต่แปดโมงเช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปสองทุ่มแล้วก็ยังไม่เลิกซ้อม
“ไม่ใช่ๆ ท่อนนี้ต้องช้าลงอีก” เสียงมิสเตอร์โรมานอฟฟ์ตะโกนใส่หูน้ำมาเกือบสิบนาที เพราะวันนี้ดูท่าจะเป็นวันซวยของน้ำเสียแล้ว
“ผมก็ช้าแล้วนะ”
“นายต้องช้าลงตรงกลางๆ และค่อยเร่งความเร็วให้เท่าระดับเดิมในตอนท้าย”
“ก็ทำอยู่นี่ไงเล่า!” น้ำเหลืออดจึงตะโกนกลับไปเป็นภาษาไทย ทั้งห้องเงียบกริบ แม้จะฟังไม่ออก แต่เดาได้ว่าน้ำต้องกำลังโมโหมากแน่ๆ
“ขะ..ขอโทษครับ...ผมจะลองอีกครั้ง” น้ำยกแขนเตรียมจะเล่นอีกรอบ แต่มิสเตอร์โรมานอฟฟ์ก็ยกมือขึ้นห้าม
“กลับบ้าน ไปพักผ่อน” พูดด้วยสีหน้านิ่งๆทำให้น้ำยอมจำนน ร่างบางจึงรวบกองโน้ตใส่กระเป๋า
“ผมจะไปซ้อมต่อที่บ้าน” พูดส่งท้ายและเดินออกไป
“สวัสดียามเย็นจ้ะน้ำ” น้ำเดินมาที่ห้องสมุด หวังว่าจะมาหาหนังสือนิทานอ่านคลายเครียด (ก็ภาษายังไม่แข็งแรง เลยอ่านได้แค่นิทานนี่เนอะ) แต่ก็ต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน
“สวัสดีครับแซมมี่”
“มานั่งคุยกันก่อนสิจ๊ะ” น้ำเดินเข้าไปอย่างจำใจทั้งที่กำลังจะเอี้ยวตัวเดินออกแล้ว นี่เขื่อนไปไหนกันนะ
“ไปเรียนเปียโนมาเหรอจ๊ะ สนุกมั้ย”
“ครับ มิสเตอร์โรมานอฟฟ์สอนดีมาก” น้ำพูดไปตามความจริง แต่ทว่าแซมมี่กลับมีสีหน้าแปลกไป
“มิสเตอร์โรมานอฟฟ์สอนเธอเหรอจ๊ะ แบบนี้เธอก็เป็นเธอที่มิสเตอร์โรมานอฟฟ์เอามาแทนชั้นจริงๆน่ะสิ” น้ำอ้ำอึ้ง ประโยคที่แซมมี่พูดออกมามันยาวเกินไป เขาจับใจความไม่ทัน
“ฟังไม่ทันสินะ เจ้าพวกผิวเหลือง ไม่รู้มิสเตอร์โรมานอฟฟ์คิดยังไง ถึงเอาพวกเอเชียต่ำต้อยมาแข่งแทนชั้น” แซมมี่พูดไปยิ้มไป แต่น้ำเสียงที่พูดเริ่มกราดเกรี้ยวขึ้น น้ำเริ่มนั่งไม่ติด นี่แซมมี่พูดอะไร เขาฟังไม่ทัน แต่รู้สึกได้ว่าอยากไปให้พ้นจากที่นี่
“ไม่ต้องอึกอักไปหรอก คีนไม่อยู่ที่นี่ ชั้นสงสัยมานานแล้วว่าใครกันนะที่จะมาเล่นเปียโนแทนชั้น พอโทรไปถามมิสเตอร์โรมานอฟฟ์เขาก็บอกว่าได้คนเล่นแทนแล้ว ชั้นละภาวนาขอให้ทีมแพ้จริงๆ” แซมมี่พูดยาวเหยียดก่อนจะยกชาขึ้นมาจิบ และมองน้ำด้วยสายตาเหยียดๆ
“ขอโทษนะครับ ผมฟังไม่ทัน ช่วยพูดช้าๆได้มั้ยครับ”
“ได้สิ เธออยากให้ชั้นเริ่มพูดตั้งแต่ตรงไหนละ เจ้าเกย์” น้ำฟังชัดเจน คำที่ถูกเน้นเสียงจนเหมือนพูดตอดไปในสมองของเขา น้ำลุกพรวดและตรงดิ่งไปที่แซมมี่ทันที ก่อนจะจับไหล่และตวาดเสียงดัง
“นังแม่มด!” แซมมี่สะดุ้งเพราะถูกจู่โจม ตัวเธอเองก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้ จึงเผลอปล่อยถ้วยชาหล่นลงพื้น
เพล้ง!!
“เกิดอะไรขึ้น น้ำ ทำอะไรน่ะ!” น้ำตกใจที่จู่ๆเขื่อนก็เข้ามาโดยไม่คาดคิด แต่กลับกัน แซมมี่กลับยิ้มกริ่มที่เขื่อนมาได้ถูกเวลา
“อะ...เอ่อ” น้ำอึกอักและรีบถอยไปยืนห่างๆ สายตาเขื่อนกราดเกรี้ยวที่สุด
“นายทำอะไรแซมมี่ บ้าไปแล้วเหรอ” เขื่อนเดินเข้าไปหาแซมมี่และโอบไหล่บางๆนั้นไว้
“ผม...ผม..” น้ำใจเสียที่เขื่อนโมโห ตอนนี้เขาเสียเปรียบที่สุด เพราะไม่มีพยานที่จะช่วยเขาได้เลย
“นาย..ออกไปก่อนนะน้ำ” คำพูดขับไล่จากปากเขื่อนทำเอาน้ำปากคอสั่น เขาไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้จริงๆ ขาเรียวพาร่างกายเดินออกมาจากห้องนั้นให้ไวที่สุด ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาให้อับอาย...
“แซมมี่ขวัญเสียมาก” เขื่อนเดินเข้ามาในห้องนอนที่ปิดไฟจนมืดสนิท ร่างบางที่นอนหันหลังให้เขาอยู่บนเตียงนอนนิ่งไม่ไหวติง
“ฉันรู้ว่านายไม่ได้หลับ” เขื่อนเดินอ้อมมาด้านหน้า
“...” เป็นอย่างที่คาด ใบหน้าหวานนอนลืมตาโพลง ดวงตาคู่สวยช้ำแดงเพราะร้องไห้อย่างหนัก เขื่อนแตะนิ้วที่หางตาร่างบาง แต่เจ้าตัวก็สะบัดหน้าหนีและหันหลังไปอีกฝั่ง
“น้ำอย่างี่เง่าสิ ฉันเหนื่อยแล้วนะ...” เขื่อนพูดเสียงเนือย ถ้าเป็นธรรมดาน้ำจะเข้าไปกอดและลูบหลังให้เขื่อนหายเหนื่อย แต่วันนี้ไม่ใช่!
“ใช่สิ ผมมันร้ายกาจ เขื่อนไม่ต้องมาสนใจผมหรอก” น้ำตะเบ็งใส่หน้าเขื่อน ก่อนจะลุกพรวดและวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ เขื่อนรีบตามไปแต่น้ำก็ชิงล็อกประตูเสียก่อน
“ผมยอมได้ทุกอย่างเพื่อเขื่อน แต่ยกเว้นสิ่งเดียว คืออย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น!” เสียงหวานตะโกนลอดประตูห้องน้ำมา
“ผมทนได้ ทนมองเขื่อนคอยโอ๋ยัยแม่มดนั่นได้ แต่ที่ผมทนไม่ได้คือการที่เขื่อนไล่ผมต่อหน้ายัยแม่มดนั่น!”
“ผมเกลียดยัยแซมมี่!!!!” ประโยคสุดท้ายที่ดังสัน่นที่สุด ก่อนที่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดจะเงียบไป เหลือเพียงเสียงหอบแฮ่ก
“พอใจหรือยัง...น้ำ” เขื่อนเงียบรอพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าน้ำไม่พูดต่อ จึงถามน้ำเสียงนิ่งๆ
“ฟังฉันพูดบ้าง” เขื่อนทรุดลงนั่งหันหลังพิงประตู ก่อนจะถ่ายทอดเรื่องราวจากความทรงจำ
“ฉันน่ะนะ สนิทกับแซมมี่มาตั้งแต่จำความได้ เพราะฉะนั้น แซมมี่จะเป็นคนยังไง คิดว่าฉันจะไม่รู้เชียวหรือ” น้ำที่นั่งพิงอยู่ประตูอีกฝั่งผงะทันที เขื่อนหมายความว่ายังไง
“ถึงแม้จะไม่มีใครบอก แต่ฉันก็รู้ ว่าแท้จริง แซมมี่เป็นคนแบบไหน ฉันเคยคิดว่าควรจะทำอย่างไรกับแซมมี่ดี แต่เธอก็ไม่เคยทำให้ฉันหรือครอบครัวของฉันต้องขุ่นเคืองใจ ฉันเลยทำอะไรไม่ได้ เมดในบ้านก็เอาเรื่องนี้ไปฟ้องแม่ แม่ก็เอามาเล่าให้ฉันฟัง แรกๆก็ไม่เชื่อ จึงคอยแอบดูแซมมี่เวลาที่เธอมาที่นี่” เขื่อนหยุดพักหายใจก่อนจะพูดต่อ
“แซมมี่หยาบคาย และชอบดูถูกคนอื่น แต่กับฉัน เธอแสนดี เพราะว่าแซมมี่รักฉัน ฉันหักหาญน้ำใจเธอไม่ได้” พอเขื่อนเล่าถึงตรงนี้น้ำก็เบะปาก
‘ทีกับยัยแซมมี่ละไม่หยาบคายใส่ ทีกับเขาที่บอกว่ารักดันชอบหยาบคายใส่จังเลย ฟังดูเป็นสุภาพบุรุษจังเลยเนอะ’
“ที่ฉันต้องรักษาน้ำใจแซมมี่เอาไว้ เป็นเพราะเรารู้จักกันมานาน สนิทกันมานาน ฉันผลักไสเธอไม่ลงหรอก และเธอก็เป็นเพื่อนที่ฉันรักด้วย รู้มั้ย ตอนเด็กๆฉันเคยมีเรื่องกับเด็กคนอื่น แล้วฉันจะโดนชกหน้า แซมมี่ก็เข้ามาขวางให้ด้วยนะ” คนเล่าก้มหน้านิ่ง หลับตานึกถึงเรื่องในอดีต เด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่โดนชกจนแก้มตุ่ย เด็กหญิงที่ดีกับเขา และรักเขาเสมอมา
“โอ๊ย!” จู่ๆประตูก็เปิด ทำเอาคนที่นั่งหงายหลังหัวโขกพื้นดังโป๊ก เขื่อนแหงนมองขาเรียวที่ค้ำหัวเขาอยู่และกำลังเดินอ้อมมาด้านหน้า
“จะทำอะไรน่ะน้ำ” เขื่อนถามเมื่อน้ำดึงให้เขื่อนลุกขึ้นมา ร่างบางนั่งยองๆตรงหน้าแล้วยิ้ม
เพียะ!
“จะดูถูกผมเกินไปแล้วนะเขื่อน!” ตบแรงจนหน้าหันแล้วยังตวาดอีก เขื่อนได้แต่มองตกตะลึง
>>>>> TBC