ไม่ได้ต่อเสียนาน เลยเอาตอนใหม่มาแปะ จริง ๆ เรื่องนี้เราเขียนมาตั้งแต่ช่วงวาเลนไทน์แล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่จบซะที เลยคิดว่ามาแปะดีกว่า เผื่อจะมีคนช่วยเข็น ๆ ทวง ๆ ให้จบได้บ้าง
ดังนั้นขอแจ้งไว้ก่อนว่าเรายังแต่งไม่จบนะคะ ดังนั้นอาจจะแปะไม่ถี่แบบรายวัน เพราะช่วงนี้ยุ่ง ๆ อยู่เหมือนกัน แต่จะพยายามมาอัพค่ะ ยังไงอ่านแล้วก็ส่งเสียงกันหน่อยแล้วกันนะคะ ^^
Edit: แต่งจบแล้วนะคะ อ่านกันได้เลยค่ะ
====================
จูบนั้นสำคัญไฉน?
(part 1)
ช่วงนี้ในตอนเย็นครึกครื้นกว่าปกติ เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันสำคัญ สำหรับหนุ่มสาววัยเจริญพันธุ์อย่างพวกผม หรือพูดง่าย ๆ ว่ามันเป็นวันที่พวกเรา…บรรดาหนุ่มโสดไร้ปัญญาหาสาวมาเป็นแฟน ใช้วันพิเศษนี้ เพื่อหาใครสักคน มาเป็นคู่ใจให้ได้
เพราะว่ามันคือวันแห่งความรัก หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า ‘วันวาเลนไทน์’ นั่นเอง
ถึงพวกเราจะเป็นคนไทย ที่ไม่เห่อของนอกสักเท่าไหร่ แต่โอกาสจะจีบสำเร็จสูง ก็ต้องวันนี้นั่นแหละ
ก็ใครใช้ให้เมืองไทย ไม่โปรโมทวันแห่งความรักเป็นวันอื่นบ้างล่ะ ผมก็เลยต้องยอม ๆ ตามฝรั่งกับเขา เผื่อจะได้จีบคุณหนูเอมิกาติดสักที
“เฮ้ย เนย พรุ่งนี้เอาไง” เสียงเอกทักผม เจ้าเอกนี่เป็นเจ้าพ่อคลังเอวีประจำห้อง มันชอบไรท์แผ่นมาแบ่งปันเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำนั่นล่ะครับ ผมเองก็ต้องอาศัยใบบุญมันอยู่เรื่อย แม้ว่าบางที จะโดนเจ้านัทตัดหน้า แถมผูกขาดหนังบางแผ่นไปด้วยสินบนหลายร้อยด้วยก็เถอะ ก็ใครให้บ้านมันรวยกว่าล่ะ คนจนอย่างผม เลยต้องอดต่อไป สองมาตรฐานชัด ๆ!
“นายยังคิดจะจีบยัยคุณหนูเอมิกาอยู่มั้ยเนี่ย” เสียงเอกกระซิบถาม ผมเหลือบมองเจ้านัทอย่างลืมตัว เจ้านั่นกำลังคุยกับสาว ๆ กลุ่มใหญ่อยู่ แถมยังยิ้มน้อย ๆ อย่างเท่ แบบที่ผมเรียกมันว่า ‘ยิ้มการค้ารับสาวสวย’ อย่างหน้าชื่นตาบาน เฮอะ ไอ้เจ้าคนเล่ห์ ยิ้มได้ยิ้มดี หวังของขวัญวาเลนไทน์จากแม่พวกนั้นล่ะสิ!
เจ้านัทได้ของขวัญมากกว่าใครในห้องทุกปี และยิ่งเทียบกับผม ก็ยิ่งต่างกันราวฟ้ากับก้นเหว เพราะผมน่ะ…ไม่เคยได้ของจากสาวคนใดเลยสักชิ้น…แถมบางปี ดันมีรุ่นพี่หนุ่ม ๆ แอบเอาขนมมาให้แทนเสียอีก รุ่นพี่ผู้ชายนะครับ ไม่ใช่ผู้หญิง แล้วแบบนี้ ผมจะไปแมนกับใครเขาได้ยังไง และที่น่ากลัวกว่าก็คือจำนวนหนุ่ม ๆ ที่เอาของมาให้ มันดันเพิ่มขึ้นทุกปีเสียด้วย!
‘สาว ๆ ที่ไหนเขาจะแล คนที่ได้ของขวัญจากผู้ชายกันล่ะ’ เจ้านัทมันเคยปรามาสผมไว้แบบนั้น ด้วยท่าทางอันน่าหมั่นไส้ จะไม่น่าหมั่นไส้ได้ยังไง ก็มันนั่งเอกเขนกอยู่ข้างโต๊ะ ที่มีของขวัญจากสาว ๆ กองโต ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เย้ยอยู่นี่นา
หนอยแน่ะ น่าเจ็บใจจริง ๆ
“คราวนี้แหละ ฉันจะจูบกับมาริสาให้ได้เลย!” เสียงเจ้าเป้า เพื่อนอีกคนของผมพูดอย่างมุ่งมั่น แน่ล่ะครับ มันเทียวไล้เทียวขื่อ ตามจีบมาริสา เพื่อนสาวห้องเดียวกันมานานหลายเดือนแล้ว แต่ผมว่า…ท่าทางดูไม่ค่อยจะมีน้ำยาแบบมัน คงจะไม่รอดเหมือนเดิมนั่นแหละ
“หวังน้อยจริงนะเป้า วันวาเลนไทน์แบบนี้ มันต้องจับกดให้ได้สิวะ” เสียงแบงค์ เพื่อนสนิทของเจ้าเป้าว่า พลางตบไหล่มันหนัก ๆ ถึงแบงค์จะเตี้ยกว่า ขนาดต้องเอื้อมมือขึ้นไปสูง กว่าจะตบไหล่เจ้าเป้าได้ แต่เจ้าเป้า ก็ยังชอบยึดมันเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญอยู่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของความรัก เพราะท่าทางเจ้าแบงค์นั้นดูเชี่ยวกว่าเยอะ แถมยังมีข่าวลือด้วยว่า มันคบอยู่กับอาจารย์อนุวัตร อาจารย์ประจำชั้นห้องเราด้วย ไม่รู้มันไปจีบติดได้ยังไง อาจารย์หล่อ ๆ แมน ๆ แถมสุภาพ ใจดีน่ารักขนาดนั้น
เจ้าเป้าหน้าแดงฉาน ก่อนค้านตะกุกตะกัก “ยังไงฉันก็ได้จับมือแล้วนา วาเลนไทน์แค่ขอจูบ แล้ววันหลัง…ค่อยทำเรื่องอย่างว่าสิ ของแบบนี้ มันต้องทำแบบเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่เรอะ”
เจ้าแบงค์พยักหน้ารับ “เออ มันก็จริงหรอก อย่างนายน่ะ เอาแค่จูบให้รอดก่อนก็ยังดีนี่นะ แต่ว่า…อย่าฝันเปียกบ่อยนักล่ะ เดี๋ยวจะจูบผิด ไปจูบผู้ชายแทน”
คนฟังหน้าแดงหนักกว่าเก่า เพราะถูกพูดแทงใจดำ ผมมองมันแล้วแอบอมยิ้ม เขารู้กันทั้งห้องแล้วว่าเจ้าเป้า…มันเคยฝันเปียก แถมไม่ฝันธรรมดา ดันฝันถึงเทพวารี….ที่เป็นผู้ชายเสียด้วย แค่พวกเราไปทัศนศึกษากัน แล้วศาลของท่านเทพ มีรูปปั้นอย่างงามก็เท่านั้น
ก็เพราะเอวีเกย์แผ่นแรกแผ่นนั้นของเจ้าเอกนั่นแหละ ที่ทำให้พวกเรา…ฟุ้งซ่านกันเสียขนาดนี้ และก็เพราะเอวีแผ่นนั้นอีก…ที่ทำให้เจ้านัท…กับผม….
ผมลอบเหลือบมองอีกครั้ง เจ้านัทยังคุยกับสาว ๆ ไม่เลิก จนผมชักเริ่มหงุดหงิดเสียแล้ว
ว่าแต่…ผมจะไปหงุดหงิดมันทำไมเนี่ย
อ้อ ใช่สิ ก็เพราะวาเลนไทน์นี้ มันจะต้องได้ของขวัญเพียบอีกแหง ๆ ผมเลยหงุดหงิดที่แพ้มัน
ใช่ มันต้องใช่แน่ ๆ!
“ยังไงก่อนมีเซ็กส์ มันก็ต้องเริ่มจากจูบนั่นแหละ ในเอวียังมีเลยนี่นา” เจ้าเป้ายังคงแย้งต่อไปอย่างไร้เดียงสา
“ทำไมต้องเป็นจูบด้วยวะ” แบงค์ขัดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“นายจะไปรู้อะไร ในการ์ตูนสาวน้อยทุกเรื่อง จูบแรก เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับสาว ๆ นะเว้ย แถมยิ่งจูบแรก ก่อนจะมีอะไรกัน มันยิ่งเป็นความทรงจำ ว่าผู้ชายคนนั้น…รักเธอมากขนาดไหนไงล่ะ ฉันศึกษามาดีนะขอบอก”
“ถ้าไม่จูบ แล้วทำเลย แสดงว่าไม่รักรึไง” ผมอดไม่ได้ ถามขึ้นบ้าง
เจ้าเป้าหันมามองผมอย่างงง ๆ ที่ผมดูไม่ได้รู้เรื่องอะไรเอาเสียเลย ท่าทางดูเชี่ยวขนาดนี้ มันคงศึกษาการ์ตูนสาวน้อยมาดี สาเหตุหนึ่งก็เพราะมันหวังจีบมาริสา ผู้คลั่งการ์ตูนตาหวานเป็นพิเศษอยู่นั่นแหละ แถมล่าสุด คุณเธอยังนิยมแนวที่เปิดไปมีแต่ผู้ชายกอดกันเสียด้วย
“ถ้าหวังแต่จะทำเรื่องอย่างว่า โดยไม่คิดจะทำแม้กระทั่งจูบ ก็แสดงว่าคนทำ มันหื่นหวังฟันอย่างเดียวน่ะสิ ไม่ได้สนใจจะรักเลย หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ‘สนแค่ร่างกาย’ ไงล่ะ พวกนี้พอได้แล้วเบื่อ มันก็ทิ้งนั่นแหละ”
ว่าพลางยืดอกอย่างภาคภูมิใจว่า “ถ้าเป็นฉันล่ะก็นะ จะไม่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ รู้มั้ยเนย ฉันกำลังหัดผูกก้านมะยมด้วยปลายลิ้นอยู่นา ใกล้สำเร็จแล้วด้วย รับรองจูบแรกของฉัน จะทำให้มาริสา จำได้ไม่รู้ลืมชัวร์”
“เขาใช้ก้านเชอรี่ไม่ใช่เรอะ” เจ้าเอกแย้งขึ้นมา จากการศึกษามาดี แต่ก็ยังหาแฟนไม่ได้เช่นกัน
“ก็เชอรี่มันแพงนี่หว่า แถมก้านมะยมยังหาง่าย ไม่ต้องเสียเงินด้วย”
“เฮ้ยเนย ว่าแต่ว่า นายจะมาฝึกด้วยกันกับฉันมั้ย” เจ้าเป้าหันมาถามผม ในความคิดของมัน ผมคงอ่อนพอ ๆ กับมันนั่นล่ะ จูบก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่เป็น จะจีบสาวก็ยังไม่กล้า
แต่มันคิดผิดแล้ว ผมน่ะ ถึงจะไม่เคยจูบ แต่เรื่องอย่างว่า…ผมทำมาตั้งสองรอบแล้วนะ!
…ถึงคนทำ…มันจะเป็นเจ้านัท ไม่ใช่สาว ๆ ก็เถอะ…
ผมยังคงเหลือบมองเจ้านัท เป็นรอบที่สาม และมันก็…ยังคุยไม่เลิกอีกเช่นเคย
ถ้าทำโดยไม่จูบ แสดงว่าไม่ได้ทำด้วยความรักงั้นเหรอ…
ผมเผลอตกอยู่ในภวังค์อยู่เป็นครู่ จนอีกฝ่ายต้องเขย่าตัวเรียก “เนย..เป็นอะไรล่ะนั่น”
“เอ้อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันว่าฉันกลับบ้านดีกว่า” ผมตัดบทเมื่อตั้งสติได้ ผมจะมัวไปคิดเรื่องนั้นมากทำไม ดูซิ เดี๋ยวก็มีพิรุธจนพวกมันจับได้พอดี เรื่องที่ผมทำกับเจ้านัท มีแค่เราที่รู้ ผมไม่ได้บอกใคร เจ้านัทก็ไม่ได้บอก ดังนั้น…มันก็คงเป็นความลับต่อไป
ผมหยิบกระเป๋าที่เก็บเสร็จตั้งแต่ก่อนออดเลิกเรียนขึ้นมา แล้วหันหลังตั้งท่าจะเดินกลับบ้านทั้งอย่างนั้น ทิ้งให้บรรดาเพื่อน ๆ ที่กำลังจะปรึกษากันเรื่องวาเลนไทน์ซึ่งใกล้จะถึง มองมาด้วยความแปลกใจ
“เนยมันเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ท่าทางแปลก ๆ” เป้าพึมพำอย่างงง ๆ เพราะตั้งท่าจะหาแนวร่วมไปฝึกจูบด้วยกัน แต่เป้าหมายดันไม่สนใจเท่าที่ควรอย่างผิดคาดเสียนี่
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง” แบงค์ว่าพลางอมยิ้ม “เดี๋ยวเจ้านัทก็จัดการเองแหละ”
ผมที่ยังไม่ทันได้เดินไปไกล ยังคงได้ยินคำพูดประโยคนั้น จนอดถอนใจไม่ได้ ทุกคนรู้ดีว่าผมไปไหนมาไหนกับเจ้านัทเสมอ ดังนั้นเวลาผมมีอะไรผิดปกติ ก็จะให้เจ้านัทคอยดูแลตลอด แต่จริง ๆ น่ะ ผมต่างหาก ที่ต้องคอยดูแลมัน คุณหนูอย่างมัน ทำอะไรเป็นซะที่ไหน ถ้าเราไม่ได้รู้จักกันตั้งแต่อนุบาลล่ะก็ ผมไม่สนใจมันแน่
แต่วันนี้ ผมกลับไม่อยากจะมองหน้ามันแล้ว
เพราะคำพูดเจ้าเป้าทีเดียว
…สนใจแค่ร่างกายงั้นรึ…
…เบื่อแล้วก็ทิ้ง…
ตั้งแต่ผมทำกับเจ้านัทมา…มันยังไม่เคยจูบผมเลยสักครั้ง!
แล้วแบบนี้ จะไม่ให้ผมคิดมากได้ยังไงล่ะ!!!
TBC