ลมเหนือที่รัก
ตอน79 get's call-1
-------------
lom's
เกือบหกโมงเย็น ร้านอาหารไทยชื่อเจ้อันโด่งดังใกล้คลีนิครักษาสัตว์บ้านพี่เจฟฟรี่
พี่สองตัวเจและนกกระตั้วพาผมมาทานข้าวเย็น ก่อนพี่เจฟฟรี่จะจรลีลัดฟ้าพาตี๋วัดสมอ-เพื่อนรักซี้ปึ๊กของผมไปทำธุรกรรม ณ เกาะฮ่องกง
เพิ่งรู้สึกว่าสงบเงียบจริงๆ ก็ตอนนี้ เพราะวันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายหลายยก ...เมื่อเที่ยงบีงอนเก็ท ต้องเต้นโชว์เพลงป๋าเบิร์ดกลางลานด้านข้างคณะ
บ่ายมามีนัดพบปะกับพวกพี่ก๊วนจักรยาน จะเฮฮามากก็ไม่ได้เพราะไอ้นักบาสรูปหล่อ ตัวสูงเรียกไปเกาะขอบสนามคอยยื่นขวดน้ำ-ผ้าเช็ด สั่งให้นั่งตามเชียร์อยู่นั่น
มีกระซิบทวง 'ค่าก๋วยเตี๋ยวลุยสวน' ต้องติดริงไซด์ให้เห็น ...เหว่ยยย ไม่น่าหาเรื่องให้มันเอาสินบนมาแบล็คเมล์กลับเล๊ย-ให้ตายเหอะ!!!
อ้อ ที่สนามบาส...พี่เชษฐ์เข้ามาคุยดี ขอโทษผมก่อนต่างหาก ดูท่าคิดไว้ไม่ผิดจริงๆ นิสัยดีเหมือนไอ้หมอกเพื่อนที่โรงเรียนมัธยม ...ใช้ได้ๆ น่าคบจะกันยืดอยู่นะผมว่า
ที่น่าแปลกคือ ช่วงนี้ไม่เห็นพี่กาย คงเพราะวันนี้วันศุกร์ด้วยมั้ง เก็ทบอกอยู่ว่าแม่กับพ่อมีนัดออกงานสังคม ระดมทุนช่วยเหลือเรื่องอะไรซักอย่าง พี่กายกับพี่เมี่ยงคำโดนจองตัว ควงไปเป็นเพื่อนแม่หรือคนทางบ้านพี่เมี่ยงคำบ่อยครั้ง
เรื่องนั้นช่างเถอะ ปล่อยไปก่อน สนใจอาหารตรงหน้านี่
"อิ่มแล้วเหรอลม เอาไรอีกมั้ย" พี่เจฟฟรี่
"...ครับ" ผมรวบช้อน
"ตักอีก-ไอ้น้อง แค่สลัดกับแกงจืดเอง พอได้ไง" พี่โจ๊ก นั่งฝั่งตรงข้าม ติดกับพี่เจฟฟรี่
"พอแล้วครับ ผมไม่ค่อยกินของหนักหลังอาทิตย์ตกดินเท่าไหร่" มันหนักท้อง เคยลองเพราะหิวจัดๆ ซึ่งมีไม่บ่อยครั้ง ปรากฎใกล้เวลานอนจะอึดอัด ไม่สบายเอามากๆ
"ติดนิสัยนิสัยจากยายมึงมากไปนะ เป็นกูหน่อยไม่ได้" พี่โจ๊กแขวะผมเรื่องยายถือศีลแปด ไม่ทานอาหารยามวิกาล เคยชินถึงหลานชายอย่างผม
"ยังไม่ชินน้องอีกเหรอ" พี่เจฟฟรี่เลิกคิ้วล้อคนข้างตัว
"ก็นิสัยมันน่ะ---" พี่โจ๊กจิจ๊ะ งุบงิบคนเดียว
"กินไปเลย น่องไก่มึงอ่ะ" นกกระตั้วเลื่อนจานส่งตรงถึงพี่โจ๊ก ...เข้าใจสภาพร่างกายผมดียิ่งกว่าตัวผมเองซะอีก
"ตกลงพี่เจฟฟรี่ไปกี่ทุ่มนะครับ?" ผมถามเรื่องสงสัย
"เครื่องออก 4 ทุ่มครึ่ง กลับเที่ยงวันมะรืน น่าจะถึงนี่อาทิตย์เย็น" พี่ผมยาวร่ายกำหนดการ
"เก็ทรับกี่งานแน่ครับ?" ผม
"ถ้าชัวร์ก็เครื่องดื่มนั่น ไม่แน่ว่าเป็นเอ็กตร้าชุดกีฬาเพิ่มด้วย ใช่มั้ย-นายแบบ" พี่โจ๊กตอบแทน ก่อนถามนายแบบฝรั่งข้างตัว
"มันน่าจะได้ทั้งคู่นั่นแหละ ทางโมเดลคอนเฟิร์มมาแล้วไม่ใช่เหรอ" นกเหยี่ยวนั่งฝั่งเดียวกับผม
"เผื่อไว้ก่อน ไม่อยากบอกให้น้องมันเครียด" พี่เจฟฟรี่คลี่คลาย
เพื่อนตี๋จะโกอินเตอร์ครับ รับงานถ่ายภาพนิ่ง ขึ้นโปสเตอร์-คัทเอาท์ในฮ่องกง เครื่องดื่มน้ำผลไม้ผสมสารสกัดวิตามิน เพราะนายแบบดังระดับบิ๊กของที่โน่นเซย์โน เลยตกมาที่เพื่อนผม
ส่วนอีกงาน...ไหนๆ ก็ไปถึงโน่นแล้ว พี่เจฟฟรี่กับนกตัวร้าย(ที่ไม่ยอมรับงาน) ขอให้ผู้จัดการทางโน้นช่วย
ได้งานถ่ายภาพนิ่ง ปริ้นท์ติดกับแพ็คเกจผลิตภัณฑ์ชุดกีฬา มีนางแบบหลัก เก็ทเป็นหนึ่งใน 3 ตัวรองร่วมแจมด้วย
..............
................
กำลังนินทา---เหอๆ ท่าทางจะตายยากจริงๆ เพราะโทรศัพท์ผมสั่นครืด
["Urrrrrrr"]
"เก็ทโทรมาครับ..." บุ้ยใบ้นกข้างตัวเชิงขอคุยสายข้างนอก พยักหน้าแต่ตาจ้องมองตามไม่วาง
กดรับโทรศัพท์เพื่อน ลุกออกไปคุยเก้าอี้ม้ายาวนั่งเล่นหน้าร้าน
"ไง ตี๋อินเตอร์ มิกซ์จูสพลัสพาวเวอร์ สูงด้วยคุณประโยชน์ รสซาบซ่าน" ผมล้อติดตลก
"โหย มึงรู้แล้วเหรอวะ นี่กูเพิ่งรู้เมื่อเช้า อุตส่าห์ปิดข่าวเงียบ" เก็ทหัวเราะ
"กูอยู่กับพี่นายแบบโมเดลลิ่งเดียวกับมึง คงตกข่าวหรอกว่ะ"
"555 เจ๋งป่ะ นายแบบหย่าย ที่โน่นเค้าถอนตัวกระทันหัน กูเลยเสียบชิบ...คนมันจะดัง ช่วย-ม่าย-ด้าย"
"เหอๆ ให้มันจริงเห้อะ ไปทำขายหน้ากูจะด่าเช็ดมึงคนแรก"
"มือระดับนี้แล้ว ไม่ต้องห่วงว่ะ" เพื่อนตี๋เสียงหล่อโอ่อวด
"อ๋อ-เหรออออ แต่กูได้ข่าวว่ามีพี่ฝรั่งมือโปรไปด้วยนะ"
"มึงอ่ะ ชมกูหน่อยก็ไม่ได้"
"555 มึงห้ามงี่เง่านะเฟ้ย ไม่อายแค่ที่โน่น ได้ตามมาอายถึงนี่แน่ หึๆ"
"อยู่แล้นนน..."
แล้วมันก็เงียบไป
"ลม...มึงไม่โกรธกูนะเว๊ย" เก็ทเสียงเปลี่ยน
"โกรธมึง-เรื่อง?"
"เรื่องนี้แหละ ที่กูจะเป็นนายแบบน่ะ"
"เฮ้ย กูดีใจแทบจุดพลุฉลองชัย ไม่เชื่อมึงรอถามพี่เจฟฟรี่ดู"
"จริงนะ!" เก็ทบู๊ทเครื่องใหม่
เรื่องเคยตกลงกันไว้ครับ จบมัธยมเมื่อไหร่จะเร่งหาเงิน-หางาน วาดโครงการเข้าโมเดลลิ่งเดียวกันกับพี่กาย
ตอนนั้นผมจนตรอก เดือดร้อนต้องหาเงินตัวเป็นเกลียว อีกทั้งแรงยุจากบี อยากเห็นเพื่อนเป็นดารา-เป็นคนดังในวงการ
ส่วนเก็ทอยากลองทำสิ่งที่ชอบ อยากฉีกเดินในถนนอีกสาย กล้ายืนลำแข้งตัวเองบ้าง มันไฮเปอร์-พี่กายเป็นายแบบ น้องก็อยากดังมั่ง
ในใจผมไม่ชอบตั้งแต่แรก หากไม่เคยขัดคอเพื่อน...ตอนนี้เก็ทกำลังจะเริ่มก้าวแรก น่าดีใจไม่หยอก (พี่กายไม่ต่อสัญญาเพราะเข้าปี 3 เรียนหนักและงานที่บ้านเยอะแล้ว เก็ทเลยถวายตัวเข้ากับพี่เจฟฟรี่ให้ช่วย ได้บินปร๋อโกอินเตอร์รวดเร็วทันใจ)
"มึงน่าจะรู้ กูชอบอยู่หน้ากล้องที่ไหนเล่า ยิ่งอยู่หน้าแสงไฟ-แสงแฟรชอีก ไม่ใช่แนวว่ะ ...ทำเพลงอยู่เบื้องหลังอย่างทุกวันนี้ ชิลกว่าเยอะ" อ้างถึงงานที่ผมทำกับพี่เจฟฟรี่ ฟรีแลนซ์ทำดนตรีประกอบโฆษณาที่น่าจะไปได้สวย ทางที่ผมถนัด
"เดี๋ยวกูเอาพอร์ท-โฟร์ไฟล์มึงให้พี่เจฟฟรี่ไปเสนอโมเดลลิ่งที่โน่นด้วยดีมั้ย"
"ม่ายอ่ะ กูขอร้องเลย-อย่า...แค่คิดว่ามีคนมายุ่มย่ามกับเนื้อตัวกูนะ อะยื๋ย-ไม่อยากจะคิด"
ผมหวงตัวครับ ไม่ชอบคนแตะตัว...ตอนเด็กประถมเข้า ป. 1 อยู่เชียงใหม่ เพื่อนเด็กผู้ชายเอากบเขียด แมลงสาบมาแกล้งเพื่อนผู้หญิง
ผมไม่กลัวอะไร เพื่อนท้าเอาตัวบุ้งมาไต่ที่แขน นั่งนิ่งๆ จนหมดคาบเรียน ตัวบุ้งไต่เข้าในเสื้อนักเรียน จากนั้นมาเวลามีคนมาจับเนื้อตัวจะคิดถึงตัวบุ้งไต่ ไม่ชอบใจอย่างมาก...
เรื่องนี้เก็ทไม่เคยรู้ แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่รู้สาเหตุแท้จริง
-----------------
"โรคคุณชายหวงตัวของมึงขึ้นสมองอะดิ"
"เออ นั่นก็ด้วยว่ะ ไม่ต้องเลยนะมึง กูห้าม-ไม่งั้นมีเคืองแน่"
"ก็ได้ๆ เพื่อมึง กูจะดังงงง-คนเดียว 555" เก็ทอารมณ์ดี
"ช่างรู้ใจจริงจริ๊ง นี่ใช่ตี๋เก็ทรูปหล่อ พ่อรวย แม่สวย มีอาหมวยยาหยีเป็นเป้าให้แฝงพวงมะม่วงมานานปี-เพื่อนสนิทกูชื่อไอ้เก็ท มั้ยวะ!?" ล้อเพื่อน ร่ายคารมยาว เล่นกับมันบ่อยครับ คุ้นเคยกันดี
"555 ไม่ต้องแฝงแล้วว่ะลม กูอ่ะ...หึๆ ไม่อยากจะคุย!" เก็ทกระหยิ่มในน้ำเสียง
"เฮ๊ย คุยมาเลยเก็ท กูจะถามอยู่ เป็นไง-เด็กน้อยมึง หายงอนป๊ะ!?" ผมถามผลประกอบการเมื่อตอนเที่ยง
"อยู่แล้ว" เก็ทโอ่
"เห็นมะฝีมือซะอย่าง-ไอเดียกู เมื่อเที่ยงใครเอาหัวโขกประตูตึงๆ" ผมโอ่ ข่มไปงั้น
"ใช่ก็ได้วะ แค่ตอนเที่ยงหรอก...ที่เหลือ กู-ฉายเดี่ยวคนเดียวล้วนๆ 555"
"ไม่ค่อยเลยนะคนเรา" ผมส่ายหน้ากับโทรศัพท์ นึกขำท่าทางเพื่อน
"อ๊าาาา... โลกช่างโสภา" เก็ทยังเพ้อ
ผมว่ามันแหม่งๆ เก็ทไม่น่าจะโอเว่อร์ขนาดนี้ อย่างน้อยบีน่าจะงอนมันแรงกว่า-นานกว่าหน่อย
จะช่างโสภาอะไรได้เร็วปานนี้ ...สองตัวนี้งอนกันบ่อย ที่โรงเรียนยังเคยแรงกว่านี้ ชักสงสัยซะแล้ว
"ไอ้เก็ท มึงทำไรเด็กน้อยกู!?" ผมข่มขู่เชิงถามเอาความนัย
"พูดดีๆ ลม เด็กน้อยกูต่างหาก"
"เด็กกูอะไร มึงติดทัณฑ์บนอยู่ อย่ามา---"
"555 ไม่ใช่แล้วโว๊ย กูอ่ะ-วู๊วววว มีฟามสุขค่อดๆ ว่ะลม รู้งี้ก็น่าจะทำงี้ตั้งนานแล้ว"
ผมตาโต ใจเต้นระทึก มือกำโทรศัพท์แน่น เข้าใจในทันที
"มึงๆๆๆๆๆ หมายความว่าไงฟะ!?" นั่งๆ อยู่ ผมทะลึ่งลุกพรวด
"เออ อย่างที่มึงคิด อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ"
"อ๊ากกกก-เชรี่ยเก็ท!?" ผมกำหมัดเหวี่ยงอากาศ หน้าเปื้อนยิ้มอย่างเลอะ
"ชู่ววววว์-เบาๆ เค้าหลับอยู่" เก็ทกระซิบกระซาบตื่นเต้น
"เบา-ไร นี่ๆๆ นี่พวกมึงอยู่ที่ไหน!?" แทบตะโกน กดเสียงตื่นเต้นไม่มิดลงโทรศัพท์
"บ้าน!"
"บ้านไหน บ้านพ่อมึง แม่มึง พี่ไนซ์กายของมึง??" ผมหันรีหันขวาง
"เอ้อ บ้านกู!"
"โหยยยยย-เก็ท... มึงรายงานกูด่วน ให้ว่อง" ผมโอดหมดแรง ขาลากทรุดนั่งกับเก้าอี้ยาวหน้าร้านตัวเดิม
"เห็นแก่ลมเหนือเพื่อนรักเยี่ยงมึง ฟังนะ...!"
"เออๆ"
"เริ่มจากเที่ยง หลุดจากมึงกูก็พาเค้าไปกินข้าว-สองต่อสอง จากนั้นก็มาต่อที่ห้องกู-แบบสองต่อสองอีก ใจ๋!?" ไอ้เก็ทลิ้นพันกัน
"ชัดแจ้งแดงแจ๋ ...แล้ว!? แล้วไงต่อ ผมกลืนน้ำลายแทบไม่ทัน
"แล้วเมื่อกี้กูก็พาเค้าขึ้นรถ-แบบสองต่อสอง มาเก็บของที่บ้าน กินข้าวเย็น แล้วเค้าก็หลับบนเตียงกู ในห้องกู ตอนนี้-ที่นี่-จบ!"
"เชรี่ยยยย แล้วแบบสองต่อสองนี่มัน...!?" ผมไม่อยากรู้ แต่มันอดม่าย-ด้ายยยยย T^TT
"ก็-อ่านะ" เสียงเก็ทเป็นต่อมั่ก อยู่ใกล้ผมหาอะไรยัดปากมันแล้ว
"อ่านะ อะไร!?" แทบตะคอกเพื่อน ใจรัวระรื่นผิดจังหวะ
"ก็-หยั่งว่า" โหย มึ๊งงงงงงง
"อ๊ากกกก ไอ้สัดตี๋อินเตอร์ งั้นโปร 3 เดือนของมึง!?" ผมไม่อยากจะจิ้นฉากเรท
"ปล๊าว เหมือนเดิมเด๊ะ นี่แค่ฉลองครึ่งทาง" เพื่อนว่าเรื่อยไม่อาทรร้อนใจ
"เก็ท กูไม่เก็ทว่ะ" ผมมึน ทว่าความตื้นตันเต็มปรี่ล้นอก
"เอาเป็นว่า กูเป็นชายเหนือชาย อ๊างงงงง"
"เอิ่ม---" ผมตาแตก ไม่อยากจะคิดภาพเพื่อนสนิมผมอายม้วนต้วน เป็นบ้า-เต้นแร้งเต้นกาอยู่ระเบียงห้องมันเอง
"กูเจนเทิลแมนมาก เจนเทิลๆ น่ะ เบาๆ แค่ในห้อง-บ่ายจนค่ำ แค่นั้นเอ๊ง" เสียงน่าถีบมาก
"อ้าย-ฟาย มึงๆๆๆ" ผมยกส่วนไมโครโฟน จ่ออัดใส่ปากเน้นๆ ...สงสารเพื่อนหมวยจะฟ้าเหลือง นึกแปลกใจทำไมศรีทนได้
เสียงหัวร่อจากทั้งสองฝ่าย ทั้งผมและมัน เข้าใจกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
เพียงแต่นึกสงสัย...เพราะอะไรดลใจเพื่อนตี๋ขี้กลัว หัวหดอยู่ในกระดองอย่างเก็ทถึงกล้าหือ
.................
....................
"ไง ๆ พูดไม่ออก ลมเหนือพูด-ม่าย-ออก หุๆ" เพื่อนตี๋รู้อาการผมดี
"กูจุกอกว่ะ ทำไมมึงกล้าอะไรตอนนี้วะ" ส่ายหน้ารำพึงกับตัวเอง
"อ้าว ก็คนมีไฟ!"
"ไฟหอก ที่ผ่านมากูยุมึงเป็นล้านๆ รอบ มึงว่าไง...ไม่เอา กูกลัว-กูไม่กล้างั้นงี้ กี่ปีมาแล้วทำไมวันนี้ เฮ้ออออ" ผมล้อเลียนก่อนจำนนด้วยคำพูด
ตลอดวันเวลาที่ผ่าน ผมทั้งยุทั้งปลอบ ทั้งหาหนทาง คิดแผนการณ์ให้เพื่อนสมหวัง...เคยสำเร็จจริงๆ มั้ย บอกได้เลยว่า 'ไม่'
พี่ชายไนซ์กายมีน้องถอดนิสัยไนซ์บอย ดีเลิศคงเส้นคงวา ดำรงตัวเองอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ขนาดผมขู่จะปล้ำบี เก็ทยังถอย-คิดดู
"ต้องขอบใจหนุงหนิง ทางตรงและทางอ้อมว่ะ"
"ก็ไหนเค้าตามต้อยรังควานมึงจนบีหึงไง?" ผมล่ะงง
"ตาม แต่ตามแบบสาววายเหมือนกิ๊บซี่กับกวาง จำได้มั้ย-สาววายที่เชียร์มึงกับกูเป็นคู่เกย์ตอนเรียนไง"
"อ๋อ เข้าใจล่ะ" สองสาวหัวโจกตั้งชมรมคนรักเก็ท-ลม เชียร์ผมสองคนออกนอกหน้า กันท่าคนอื่นไม่ให้เข้ามาวอแว สบายไปแต่ละเหี่ยใจบ้างบางเวลา เพราะใส่ไข่ล้นเกิน
"มึงต้องระวังหนุงหนิงไว้มั่งนะ เพราะพี่เจฟฟรี่ยังเคยโดนเรื่องพี่โจ๊ก พี่เหยี่ยวก็ด้วย"
"หื๊อ!?" ไอ้นกด้วยเหรอ แต่ไม่แปลกหรอก เพราะเท่าที่พี่โจ๊กเล่าภูมิหลัง คนผ่านมาของมัน...นับไม่ถ้วน
"ผู้หญิงบางทีก็น่ากลัวว่ะ" เก็ทสรุป
แล้วเก็ทก็ทำผมตะลึง...o-0!!!
"จริงๆ แล้ว...พี่ไอดอลบอกกูเองแหล่ะว่ะ"
"ห๊ะ!?" ผมหันขวับ กลับหลังหันประจันหน้ากับนกตาแดงจ้องผมเขม็งทะลุกระจกมา
หนาววูบจับจิต...ไอดอลของเพื่อนตี๋จะมีใครที่ไหน ถ้าไม่ใช่นกเหยี่ยวสีขาว-ตัวร้ายตัวนี้
***********************************TBC by puppyluv