ลมเหนือที่รัก
ตอน17/1
----------------
Lom’s
วันพฤหัส เริ่มสอบ...
“ลมจ๋า อีกสองอาทิตย์จะมีน้องมานอนบ้านเรานะคะ”
“ครับ คราวนี้กี่คน?”
“สองคนค่ะ เด็กผู้หญิงเพิ่งจบมอ.3 หลานห่างๆ น้าที่เป็นแม่บ้านคนนึง”
“ได้ครับ แล้วค่อยคุยกัน อ้อ ลมอยู่ที่โรงแรมถึง 2 ทุ่มนะครับ”
“ค้า โชคดีนะคะ” นี่แหละคุณนายรมย์ฤดีผู้ใจบุญ ให้ที่พักเด็กที่มาฝึกงานช่วงปิดเทอมตลอด ตอนแรกไม่ค่อยชอบแต่บอกผม 'เราช่วยเค้า วันข้างหน้าเค้าจะได้ไปช่วยคนอื่นต่อไงคะ' ตอนนี้เป็นแนวร่วม ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการไปแล้วผม
รีบออกมาหน้าบ้าน วันนี้สอบวันแรกด้วย...ไม่อยากไปสาย
“เฮ้ย ยางแบน!?” ล้อหน้าล้อหลังกอดคอตายคู่ งี้ไอ้ลมก็แย่อ่ะดิ
“มีอะไรเหรอคะลูก?” แม่เดินออกมา
“ยางแบนครับ ไม่รู้เป็นไร เมื่อวานยังดี ๆ อยู่เลย เมื่อคืนก็ดูดีแล้ว” พึมพำ ทำอะไรไม่ได้
“คุณแม่ครับ น้าอรมาแล้วคร๊าบ” คนไม่เคยตื่นก่อนผมร้องบอกคุณแม่อยู่หน้าบ้าน น้าอรเบิ้ลมอไซค์รอยิ้มกว้างให้สุดหล่อกิ๊งเทพ
“คุณแม่ไปก่อนนะคะ ไงก็ให้พี่เหยี่ยวเค้าช่วย -ฝากน้องด้วยนะคะ”
“คร๊าบ สวัสดีครับคุณแม่” ยกมือไหว้ยิ้มๆ น้าอรยังเขินม้วนไม่ยอมออกรถ ร้องอิ๊อ๊ะๆ อยู่หน้าบ้าน เห็นแม่เขย่าเรียกสติอยู่หลายที รายนั้นหันมายิ้มสว่างเจิดจ้าขนาดพระอาทิตย์ยังหลบฉากกับผม
ยังงงๆ เป้หลังถูกฉวย
“ป่ะ พี่ไปส่ง” สะพายกระเป๋าผมขึ้นรถ นั่งรอหลังพวงมาลัยเรียบร้ อย
“อ่า... ” เงอะงะ เหมือนเห็นแวมไพร์เดินทะลุแดด
“เร็ว ปิดบ้าน พี่จะสายแล้ว!” สายห่านนน นี่ยังไม่ 7 โมงดี
“ส่งแค่ปากซอยพอครับ ผมต่อรถเมล์เอง” ยังไม่ยอม มือใหญ่คาดเข็มขัดนิรภัยให้ เชยคางทั้งที่นิ้วยังเกี่ยวสายเข็มขัดอยู่
“ทางผ่านพี่อยู่แล้ว จะลำบากทำไม เดี๋ยวไปสอบไม่ทันหรอก” รู้อีกสอบวันนี้ อ้อ...ตารางสอบติดข้างโต๊ะหรา ตาไม่บอดคงเห็นหรอก
“ผม...ไปเองได้” อุบอิบซ่อนหน้า
“น่า อยู่บ้านเดียวกัน นอนก็นอนด้วยกัน ก็ไปคันเดียวกันนี่ล่ะประหยัดลดโลกร้อน” ว่าเรื่อย ๆ ไม่เดือดร้อนแต่ผมหน้าไหม้ตั้งแต่คอยันหู ได้ยินเสียงหัวร่อ หึๆๆ ในลำคอพออกพอใจก่อนออกรถนุ่มนวล
เลิกยิ้มซะที ใจกูสั่นเป็นเจ้าเข้าหมดแล้ว ชิ!!!
“เย็นนี้บ่ายสี่โมงพี่มารับ”
“พี่รู้ได้ไงผมเลิกเวลาไหน!?” หันขวับ
“รู้ละกันน่า ต้องไปทำงานพิเศษที่โรงแรมต่อด้วยไม่ใช่เหรอ” เหวอดิ บอกแม่คนเดียวแบบกระซิบด้วย เลือกตอนมันเข้าห้องน้ำอีกต่างหาก
“ผม ...ไม่รบกวนพี่ดีกว่าครับ” ขนาดเรียกมันพี่ยังเขินไม่ชินซะที
“น่านะ เป็นลูกชายบ้านนี้ทั้งที ต้องบำเพ็ญประโยชน์หน่อย” สนิทกับแม่เป็นปี่เป็นขลุ่ย เห็นทีไรไม่คุยกันช่วยงานฝีมือ วันนี้กล้าปากเก่งกับผมแต่เช้า เมื่อคืนไม่น่าหลวมตัวเรียกมันว่าพี่เลย ให้ตาย
รถเลี้ยวออกถนนใหญ่ เห็นป้ายรถเมล์แล้วนึกเรื่องเก็ทกับบี ...เก็ทมันจะมองแล้วเศร้าแค่ไหนนะ
“คิดไรอยู่?” รถติดไฟแดง หันมองมายกยิ้มมุมปาก อ่า -เรื่องไหนดีอ่ะ
“เรื่อง ...จักรยานครับ มันไม่เคยเกเรพร้อมใจกันถึงสองล้อ เมื่อคืนก็ดูแล้วด้วยรอบนึง” รถกระชากออกตัวสะดุด คนขับกระแอม
“สงสัยจุกลมไม่แน่น รถเก่าแล้ว กลับไปต้องดูอีกที” พูดคลายอารมณ์ ออกมายังลั๊ลลาเมื่อกี้หน้าเคร่งขึ้นมาเฉยๆ ลมเพลมพัดเอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ อ้าว คราวนี้ยิ้มโล่ง
ว๊า แต่ชอบจังใบหน้าแบบนี้ ...หยุ๊ดดดไอ้ลม!!! +^+TTT
“งั้นเย็นนี้พี่มารับ รออยู่แต่ข้างใน ไม่ต้องออกมา มาถึงพี่โทรเข้าไปเอง” เผด็จการ
“ผมว่า...”
“ไม่ต้อง โดนฉุดไปคุณแม่เอาพี่ตาย ไม่ได้ยินเหรอคุณแม่สั่งพี่เมื่อกี้เหรอ” โหย อ้างซะ
“คุณแม่ก็พูดไป.../ทำตามนั้น ถึงแล้วครับ” ชิ ยังต่อไม่จบ 'คุณแม่ก็พูดไปงั้นเองไม่ต้องถือสา' หายไปเลย มองรั้วโรงเรียน นักเรียนคนอื่นจ้องรถสปอร์ตสีดำแทบทุกคนที่เดินผ่าน ซวยล่ะซิ จอดแอบหน่อยก็ไม่ได้
“ก็ได้ ...ผมรอแค่ครึ่งชั่วโมงนะ ไม่มาผมไปเอง”
“คร๊าบ ได้คร๊าบ” เสียงใสเหมือนเด็กได้ของเล่นชิ้นโปรด รีบปลดล็อคหน้ายิ้มแฉ่ง ไม่น่าหันไปมองมันเลย
ยิ้มนั่นล่องลอยเป็นวิญญาณไม่เข้าร่างอยู่นาน จนอาจารย์วางกระดาษข้อสอบที่โต๊ะถึงเรียกกลับมาได้
...เกือบชั่วซะแล้วมั้ยล่ะ
--------------------------------------------------------
มีข้อความเข้าตั้งแต่บ่ายสามสี่สิบ เพิ่งออกจากห้องสอบ คิดจะตามหาบี โดนเรียกซะแล้ว
[‘รออยู่ร้านไอติมหน้าโรงเรียน'] เหวยยยยย รีบเผ่นซิครับ
“มาช้า...” คำแรกเลย
“แฮ่ก ๆ ...พี่ครับ นี่มันบ่าย 4 กับอีก ...5นาที” ตะกายอากาศเข้าปาก ตามองนาฬิกาในร้าน ที่ข้อมือผมอันตธานไปไร้การร่ำลา หาทั่วบ้านก็ไม่เจอ
“หอบแฮ่กมาเลยเหรอ” ยิ้มล้อ ...ยังจะมีหน้า
“ใครก็ไม่รู้ ส่งข้อความมาซะ” ผมส่ายหน้า อ้าปากหอบ เล่นส่งออกทุกสองนาทีได้
“แบบนี้เหรอ” ชูมือถือตัวเองวางท่าโคตรเท่ หรี่ตาร้ายๆเจ้าเล่ห์กดส่ง'ติ๊ด' เครื่องในกระเป๋ากางเกงผมสั่นครืด
“พี่ ส่งมาทำไมอิ๊ก!?” ยกขึ้นดูเบอร์เต็มหน้าจอ เฮ้ย...เครื่องค้าง กดมั่ว ยุ่งอะดิครับ
“อะไร?”
“จอค้าง สงสัยเครื่องจะเจ๊ง” หน้ามุ่ย เผื่อพี่แมวโทรมาจะทำไง
“ไหนดูหน่อย” ยื่นให้ กดแกร๊ก ๆ ผมชะโงกไปดู เผลอแนบแก้มกับต้นแขนมันได้ไงก็ไม่รู้ ซักพักไฟหน้าจอดับพรึ่บ!
“ตายสนิท...” แต่หน้างี้ดีใจมาก
“พี่อ่ะ!” คิ้วยุ่ง คว้ามาคืน พยายามยังไงก็ไม่ได้ผล
“พี่ซื้อให้ใหม่” ประโยคคำสั่งมาอีกล่ะ
“ไม่ต้องครับมันเก่าแล้ว ผมหาเองได้” ยังโมโหไม่หาย
“น่า มันเจ๊งในมือพี่ เอาใหม่แบบสวยๆ เลย” ยิ้มกว้าง ชิ
“ไม่ต้องหรอกครับ กลับบ้านชาร์ตแบตใหม่น่าจะยังใช้ได้”
“ดื้อจริง” น้ำเสียงเอ็ดแต่ชวนฟังไม่รู้คลาย
"----" เงียบไว้ก่อนแม่สอนไว้
“ทานอะไรก่อนมั้ย?”
“ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากซ้อมกับพี่เพอร์คัสชั่นก่อน” ถ้ามีงานสำคัญพี่ยะจะถูกเรียกมาแจมวง ครั้งนี้ก็เช่นกัน
..................
.....................
ในรถ
“นี่ใช่ของลมมั้ย?” สมุดบัญชีสีฟ้า คาดตัวอักษรท๊อป ซีเคร็ทหรา อ๊า ...หายไปไหนมา คว้าหมับ
“สมุดของผม...” ยิ้มแต้
“พี่เจอมันหล่นในรถ”
“ขอบคุณครับ นึกว่าหายไปไหน หาตั้งนาน” ระล่ำระลักดีใจของหายได้คืน
“ดีใจๆ ยิ้มหน้าบาน รู้งี้แอบอ่านซะก็ดี จะได้รู้ลมของพี่มีท๊อป ซีเคร็ทอะไรไว้” อะไร ลมของพี่ไหน
“ไม่มีหรอกครับ สมุดบัญชีธรรมดาไม่มีความลับ”
“นั่นซินะ”ออกรถทั้งที่ยิ้ม นัยน์ตาวิบวับ ผมไม่สนใจโทรศัพท์ทำท่าจะพังแต่ได้ของหายคืน ...วันนี้ก็มีอะไรดี ๆเหมือนกันนะ
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
แต่มันแค่เหมือนจะดี ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ซะก่อน
ถึงโรงแรมซักซ้อมกับพี่ปิยะ คนขับรถที่พาผมเลือกนั่งมุมห้อง ...อภิสิทธ์มาก รู้รึเปล่าว่าตรงนั้นมันโซนวีไอพี มองเห็นก็เห็นเวทีเต็ม ๆ ตา ตอนนี้มีระดับผู้จัดการมาคุย ซักพักมีหัวหน้าเจ้าหน้าที่อาคารมาคุย เอาเอกสารมาให้ น่าจะเป็นรูปถ่ายคุยกันเรื่อยๆ ก่อนนกกินปลีจะยิ้มย่อง หันมายักคิ้วให้ผม
ค่อยน่ามองหน่อย ...ฮิ!
ถือเป็นช่วงที่ผมสนุกมาก เพลงที่พี่แมวเตรียมไว้ให้ได้ใช้หมด แขกมีอารมณ์ร่วม อิ่มแล้วลุกขึ้นมาเต้นรำเกือบเต็มหน้าเวที มีผู้ชายผู้หญิงขึ้นมาแจมขอร้องเพลงด้วย บรรยากาศรื่นเริงมาก แขกอยู่ติดโต๊ะแทบทั้งหมด เป็นการเปิดอารมณ์ส่งต่อเข้าช่วงปาร์ตี้ได้สบาย
ลงมาพี่แมวกับผู้จัดการห้องจัดเลี้ยงมารอข้างเวที เอ่ยขอบอกขอบใจมากมาย คงได้ฟังอีกหลายกระบุงโกยถ้าไม่มีมือดีหนีบผมเข้าห้องพักพนักงานเสียก่อน
“กลับบ้าน!” ตวาดลั่น ดันตัวผมให้เปลี่ยนเสื้อผ้า
"----" อ่านะ โหมดนกฮิตเล่อร์รังควาน
“เปลี่ยนชุด!” รู้แล้ว ไปกินรังแตนมาจากไหนเนี่ย เลี่ยงจะเปลี่ยนในห้องน้ำ ตอนแรกไม่ยอม...พนักงานเดินเข้ามาสองสามคน ยอมซะงั้น
...โดนลากลิ่วขึ้นรถ
“พี่เหยี่ยว เจ็บ ปล่อยก่อน!” หันมาหน้าเหวอ ยอมคลายมือ เปลี่ยนเป็นโอบเกือบอุ้มทั้งตัวผมเข้าไปในรถแทบทันที
“พี่เป็นไร?” ถามตอนหยิบเข็มขัดนิรภัยจัดการให้ ไม่ได้เป็นง่อยนะ
“เป็นไร สนด้วยเหรอ เห็นกอดกันกลมขนาดนั้น!”
“ใคร อะไร?” เหวี่ยงอะไรกูเนี่ย
“ก็ไอ้หน้าหนวดนั่นไง ปล่อยมันกอดอยู่ได้” หนวดไหน พี่ยะออกจะเกลี้ยงเกลา ลูกเมียเลี้ยงซะกลมดิ๊กแคลอรี่บราๆ ขนาดนั้น
รึจะเป็นคนที่ขึ้นขอแจมร้องเพลงหว่า...นึกได้
“นั่นแขก เค้าขอบคุณตามมารยาท” ไม่กอดผมคนเดียว พี่ยะก็โดนด้วย พร่ำกราเซียๆ ซินยอริต้ากับผมอยู่นั่น ไม่ยอมลงจากเวทีซะที
“ตามมารยาท ...เห็นยอมให้มันกอดตั้งหลายที”
โอ๊ย ไอ้นี่ ไม่เห็นเหรอกูขัดขืนมันแทบตายน่ะ!!!
“ปล่อยให้มันหอมด้วยรึเปล่า”
“นี่ พี่!” หมดคำพูดกับมัน
“เห็นพี่เป็นหัวหลักหัวตอรึไง!?”
“ยังเสียงดังแบบนี้ ผมไม่คุยกับพี่แล้ว!” เอาซิวะ
“งั้นก็เลิก จะตอนนี้หรือตอนไหน พี่ห้ามเด็ดขาด”สั่งอะไรกูเนี่ย เหวี่ยงแรงเกินไปแล้ว
“มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม พี่ไม่มี../จุ๊บ”
คำว่าพี่ไม่มีสิทธิ์ กลืนหายไปพร้อมกับมือหนารั้งใบหน้าผมเข้าไปรับจูบหนักหน่วง ลิ้นร้อนจาบจ้วงเข้ามาในโพรงปาก ดูดดุนเกี่ยวกระหวัดรุนแรงจนเจ็บ ผมทุบอั๊กทั่วตัวหัวไหล่...มั่วไปหมด
จูบไม่คลายออกแต่ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นนุ่มนวล อ่อนหวานยั่วเย้า หยอกล้อให้กระหายอยากจนลืมเลือนหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ผมตัวอ่อนไร้แรงขัดขืน ทุกความคิดหมุนคว้างก่อนจะระเหิดหายไปไหนไม่รู้
รู้ตัวอีกที ผมหอบหายใจฮั่ก ตัวอ่อนถูกสูบหมดเรี่ยวแรง ถูกตะกองกอดทะนุถนอม ใบหน้าอิงซบกับไหล่กว้าง
กรุ่นกลิ่นกายหอมคุ้นเคย เหมือนเมื่อสูดดมยามเคลิ้มหลับในทุกค่ำคืนที่ผ่านมา ตกอยู่ในห้วงแห่งความฝันแสนหวานไม่อยากตื่น
“ลมเป็นของพี่ ลมเป็นสิทธิ์ของพี่ ของพี่เหยี่ยวคนนี้ ...คนเดียว”
ประโยคสั่งดังย้ำชัด ขัดกับน้ำเสียงออดอ้อนเว้าวอน แว่วข้างหู
--------------------------------------------------------------------
-----------------------------------------------------------------------------
ปล. ขอเหยี่ยวแทรกนิ๊ดส์ พอเช้าวันรุ่งขึ้น (วันศุกร์) ลมของผมชิ่งไปโรงเรียนตั้งเช้า ลงมาไม่ทันดันเจอคุณแม่รอถามเอาความจากผม คิดยังไงกับลูกเค้า ผมตอบอย่างที่ใจอยาก 'ลมเหนือต้องเป็นของผม' 555 ไม่ช่ายยย ผมตอบดีกว่านั้น ค่อยเล่าทีหลังนะครับ
**********************************
ตอน17/2
----------------
Lom’s again
วันเสาร์ เกือบ 9 โมงเช้า แม่แต่งตัวสวยกำลังจะออกไปข้างนอก
“ตื่นสายนะเรา คุณแม่ว่าจะขึ้นไปปลุกอยู่เชียว”
“ครับ นอนเพลินไปหน่อย” เมื่อวานล้ามาก สอบสองวิชารวด มึนเรียนยังเจอบรรยากาศมาคุระหว่างเพื่อนอีก
...เฮ้อ คิดไม่ตก
นอนไม่หลับเพราะขยับทีโดนกอดแน่น เล็กน้อยก็ไม่ได้ ฮึ่มแฮ่ใส่งับหูตลอด แถมขู่อีก ‘จะร้องให้คุณแม่ได้ยิน ลมต้องรับผิดชอบพี่เหยี่ยวเต็ม ๆ ‘
บ้าไปแล้ว ไอ้นกบ้า นิสัยพาล ใครต้องรับผิดชอบใครกันแน่
ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบโต้ง ๆ ...รู้สึกหน้าร้อน ๆ แฮะ
ทำไมบ้านเงียบ ตื่นมาก็ไม่เจอ มองในครัว สวนข้างบ้านก็ไม่มี รึจะอยู่สวนหย่อมข้างนอก เอ๊ะ หน้าบ้านไม่มีรถจอดเหมือนเคย
“พี่เหยี่ยวเค้าไปธุระข้างนอกแต่เช้า เห็นบอกนัดช่างที่คอนโดตอนบ่ายอาจจะเย็น ๆ ถึงจะกลับ ฝากบอกลมด้วยครับ จะได้ไม่เป็นห่วง พี่เค้าว่างั้น” อ้างกลายเป็นเทปตอบรับไปซะแล้ว แม่ผม
ชิ เรื่องไร ใครเป็นห่วง หลงตัวองเกินไปแล้ว
“คุณแม่กำลังจะออกไปข้างนอกเหรอครับ”
“จ๊ะ เอาตัวอย่างมาลัยไปให้ร้านในห้าง CEN ดู แล้วก็นัดคุณหมอชัยพฤกษ์ทานข้าวด้วย”
อ๋อ ที่บอกไว้วันก่อนว่าจะไปกับน้าอร
“อ้อ ลม พี่แมวเค้าโทรมาเมื่อครู่ บอกโอนเงินค่างานพิเศษให้ลมเรียบร้อยแล้วนะ เสร็จเรื่องเรียนเมื่อไรโทรหาเค้าได้เลย” เยี่ยม
“ขอบคุณครับ คุณแม่”
“คุณแม่ไปก่อนนะคะ” พนมมือไหว้กับอก หอมหัวไหล่ นัดหนุ่มทานข้าวนี่เองแต่งหน้าเช้งวับเชียว
...บ้านว่างเหมือนขาดอะไร ทุกทีไม่เคยเป็นแบบนี้
ตั้งแต่มันมาอยู่ที่นี่ ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
คิดย้อนแล้วไม่นึกว่าจะรอดมาได้
วันจันทร์ -จำได้แม่น 2 ทุ่ม เข้าบ้าน ไม่รู้ยังไงแม่ให้มันพักที่นี่ จากนั้นก็จะใส่เข่ากันในรถ ทำผมน้ำตาไหลแต่ต้องมาเจียวไข่ให้กิน อ้อ ป้อนแตงกวาใส่ปากมันด้วย ชิ
วันอังคาร -ก่อนอาบน้ำคุณชายเอาแต่ใจใช้ผมยิ่งกว่านางทาส แค่เสื้อผ้าตัวเองยังหาใส่เองไม่ได้ ...โน่น 3ทุ่มเกือบจะขว้างมีดบินใส่กันอีกรอบ ดีที่มีปลากระโห้ช่วยชีวิต
วันพุธ -เจอโทรศัพท์ของผมก็จริง แต่นกนิสัยเถื่อนทำผมแปลกใจ...เรียกมันว่า'พี่'จนได้
วันพฤหัส -โทรศัพท์รีเทอร์นหมาดๆ ของผมเจ๊งในมือมันไม่พอ ที่โรงแรม ในรถนั่น ไอ้ -ไอ้นกฮิตเลอร์มัน...มันจูบผ๊มมมม อ้างสิทธิ์ 'ลมเป็นของพี่คนเดียว' อยากร้องให้ก้องงงงง...นิสัย!!!
วันศุกร์-วานนี้ ...กลับมาตอนเย็นไม่รู้ดี๊ด๊าอะไรกับแม่ ตกกลางคืนผมเคลิ้มจะฟุบหลับ โดนมันวิสาสะหิ้วร่องแร่งลงจากโต๊ะอ่านหนังสือ...แล้วมันนนน
มันนอนกอดผม ...เห็นผมเป็นหมอนข้างส่วนตัว ฮืออออ!!!
โอเค๊ ผมเป็นของเหยี่ยวตัวนั้นแล้ว แต่เพราะมันใช้กำลังขืนผมต่างหาก ไม่ได้เต็มใจซักนิด นี่ยังตามมาวอแวถึงบ้าน ถึงห้อง ถึงที่นอนอีก จะมากไปแล้ว (ก็นู๋ดันสลบซะก่อน ตื่นมาก็เป็นไข้พ่วงเจ็บตรงนั้นอีก เอาน่านะลมนะเข้าใจว่างั้นไปก่อนละกัน) ให้อภัยมันจริงแต่จะไม่มีวันลืมเด็ดขาด เตือนตัวเองตลอด 'ไม่เป็นไร ผมก็ผู้ชาย แล้วนั่นคือเหยี่ยวขาวคนนั้น คงไม่มีวันเป็นไปได้'แต่ที่ผ่านมายอมรับว่าเขว ใจเต้นกระตุกสั่นระรัวควบคุมไม่ได้ ...แค่มันมองตา เฮ้อ ต้องอยู่ใกล้กันต่ออีก จะไหวมั้ยเนี่ย
ไม่ไหว ออกจากหัวผมด่วนนนนน!!!
ดึงสติกลับมา เอาน่ามีเงินเข้า ไปธนาคารที่ซุปเปอร์ใหญ่หน้าปากซอย จ่ายค่าบ้านซักงวดรึสองงวดต่อชีวิตอีกเฮือก รีบกลับมาอ่านหนังสือ อาทิตย์หน้าวันพุธสอบเสร็จวิชาสุดท้าย วันศุกร์ปัจฉิมนิเทศส่งลา ปิดชีวิตวัยเรียน จะได้เริ่มวัยทำงานกันจริงจัง
---------------------------------
“ลมจ๋า คืนนี้คุณแม่ค้างบ้านน้าอรนะคะ” คุณนายโทรเข้าตอนเกือบทุ่ม
“คุณแม่มีอะไรมั้ยครับ ให้ไปรับกลับมั้ย?” ไม่บ่อยที่จะไปค้างบ้านคนอื่น ทุกทีต้องมีเหตุ ไปวัด ไปสัมมนาร้อยแปด ต้องเตรียมตัวเตรียมกระเป๋า เมื่อเช้าบอกไปที่ห้าง CEN แค่นั้นนี่นา
“ไม่ต้องค่ะ คุณแม่จะคุณธุระเรื่องแบ่งเด็กมานอนที่บ้านด้วย” นิสัยพอกันครับ รับเด็กมาพัก พาไปฝึกงานที่ทำงาน ช่วยหางานให้ ทุกปิดเทอมเล็ก-ใหญ่-ย่อย บ้านผมมีเด็กมาอาศัยตลอดไม่มีขาด
“ลูกทานข้าวหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ” มัวแต่ห่วงทั้งคู่ หายจ้อยทิ้งผมเฝ้าบ้าน หง่าวอยู่ตัวเดียวเลยเพิ่งหาของกิน
“ทานอะไรไปคะ?” เอ๋ ท่าจะห่วงจริง ทุกทีไม่ค่อยถาม โดนสั่งสอนตลอดต้องรับผิดชอบตัวเอง ปล่อยให้คนอื่นเป็นห่วงถือว่าใช้ไม่ได้
“ข้าวไข่พะโล้กับผลไม้นิดหน่อยครับ คุณแม่ทานข้าวกับคุณลุงหมออร่อยมั้ย?” แซวกลับ มีคุณชายมาพักของกินล้นตู้เย็น กินไม่ทันหอบแจกชาวบ้านชาวช่องอื้อซ่า หมาแมวยังเปรมพุงกาง
“อร่อยค่ะ เจอคุณลุงหมอที่ร้าน SSP ผัดไทย อร่อยม๊าก มาก” เหอๆ เอ็นจอยจริงเลยทิ้งลูกไปออกเดท ดูทำน้ำเสียงคิกขุเข้า
“แล้วคุณพี่เหยี่ยวกลับมายัง?” นี่อีกคน หายหัว ไม่ต้องถามถึงมันครับ
เสียงจอดรถครึ่กครั่กหน้าบ้าน ท่าจะหลายคันแต่สปอร์ตสีดำทิ่มลูกกะตา
“พูดถึงก็มาพอดีครับ” พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
“งั้นแค่นี้นะคะ ดูบ้านดี ๆ ล่ะ สวัสดีค่ะลูก”
“สวัสดีครับคุณแม่”
วางโทรศัพท์ ปะทะศึกตรงหน้าเต็ม ๆ
โจโฉไม่ได้มาเปล่า พาพนักงานและของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์มาเป็นกองทัพ ยี่ห้อดังยกรถ
“เอาล็อทแรกไปไว้ในครัว ชั้นล่างข้างใน เครื่องซักผ้ากับชั้นไปวางหลังบ้าน ส่วนล็อทสองขึ้นไปไว้ห้องนอนคุณแม่ข้างบนทางซ้าย ล็อทสามห้องนอนชั้นบนทางขวาหน้าบ้าน” แม่ทัพใหญ่สั่ง คงเตรียมการมาดีเพราะพนักงานพร้อมพรึ่บ กองทัพรับคำ ยกตู้เย็น ไมโครเวฟ กาต้มน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวผ่านหน้าเฉ๊ย
“เฮ้ย นั่นห้องนอนผม”
“ห้องนอนพี่ด้วย หลีกไปอันตราย พี่มีเรื่องให้ทำ จัดการพวกหมาหมู่หน้าบ้านให้เงียบซะ!”
โหยยยย งานสำมะคัญมาก เจ้าของบ้านโดนหิ้วร่องแร่งไปยืนเกาะรั้วรวมกับพวกลูกสมุนที่ยืนทำตาปริบ ๆ ดูมหกรรมสินค้าและจัดแต่งบ้าน เรียกได้ว่า 'ยกเค้า' ไม่ซิ 'ตั้งเค้า' น่าจะเหมาะกว่า
............................
...............................
ผมนั่งมองข้าวของในห้องนอน ตู้หลังใหม่-ใหญ่ยาวชนผนัง ชั้นวางเป็นตู้ยาวสูงเกือบชนเพดานข้างโต๊ะอ่านหนังสือ ฟูกใหม่ ที่นอนใหม่ โคมไฟใหม่ อื่น ๆ อีกมากมาย
แต่จัดวางอย่างลงตัว ห้องยังดูกว้างและพวกที่มาใหม่ก็เข้ากับตู้ไม้กับโต๊ะอ่านหนังสือไม้ของผมเป็นอย่างดี นึกชมคนเลือกเก่งจัด คงเป็นอินทีเรียของยี่ห้อนี้ สวยสมกับที่โฆษณาว่าแพงระยับจริง ๆ
แม่ทัพเดินผมเปียกในชุดเตรียมพร้อมเข้านอนมานั่งที่เตียงไม้เก่าของผม ฟูกใหม่หนานุ่มสูงน่านอนเล่น กางเกงผ้ายืดสีเทาตัวย้วยมันร่นเลยเอวต่ำเห็นถึงไหนต่อไหน ไม่หัดใส่เสื้อมั่ง บอกไปไม่เคยจำ
“ไม่จัดของล่ะ?” อ้าวไอ้นี่ ตั้งแต่เข้าบ้านมา ได้ยินเสียงออกคำสั่งปาว ๆ คนเดียวไม่หยุด ผมต้องจัดให้มันต่ออีกเหรอ
“ไม่ต้องดีกว่า ง่วงแล้ว ...ฉลองที่นอนใหม่เลยละกัน อา แบบนี้นอนนุ่มไม่เจ็บตัวแล้ว” เออออเองหมด ลากที่นอนหนานุ่มอันใหม่ที่พิงผนังมาวางปูพื้น ปิคนิคอันเก่าบางแฟ่บกลายเป็นของไอ้บิ๊กข้างรั้วบ้านซะแล้ว นั่นที่นอนประจำผมนะนั่น(ตั้งแต่มันเข้ามายึดที่)
“เดี๋ยวครับ นี่มันอะไรกัน” เจ้าของบ้านเพิ่งได้ออกปาก
“ซื้อของเข้าบ้านไง”
“ได้ไง ไม่ถามผมก่อน” ราคาของไม่ใช่ว่าจะน้อย ๆ ของบางอย่างไม่เคยเห็น ท่าจะไม่เคยใช้ด้วย
“พี่ถามคุณแม่แล้ว ...อนุญาตเรียบร้อย” ยิ้มแป้น จัดแจงยื่นผ้าปูให้ช่วยกันทำที่นอน
“แต่นี่มันห้องผม” ช่วยปูผ้าได้แต่ผมไม่ยอมหรอก
“ก็ห้องพี่ด้วย ของของลมก็เป็นของของพี่” ขี้ตู่ชะมัด
ปูที่นอนเสร็จ โดดไปนั่งขัดสมาธิหลวม ๆ รอ มือตบแปะ ๆ ข้างตัว
“มานี่ มีไรจะให้” จำใจจำยอมเดินเซื่องไปนั่งข้าง ๆ แบบห่าง ๆ คว้าถุงสีขาววางข้างตัวมายื่นให้
“อะไร ...ห๊า” โทรศัพท์สีขาวรุ่นบางเฉียบ ไม่อยากคิดถึงราคา รูปผลไม้โดนกัดแหว่งหราแบบนี้ เก็ทเคยเอารูปในแมกกาซีนมาอวด บอกเปิดขายเมื่อไหร่กูจะไปซื้อ ตอนนี้นอนแอ้งแม้งในมือผม
“ซื้อมาก็ใช้ซะ” กระถดมาชิดใกล้ตั้งแต่เมื่อไร กลิ่นสบู่กลิ่นแชมพู ...อา
“ไม่เอา ผมบอกแล้วไง จะเก็บตังค์ซื้อเอง”
“ได้มาแล้วพี่ซื้อให้ แทนเครื่องเก่าทำพังกับมือต้องรับผิดชอบซิไม่งั้นจะฟ้องคุณแม่ ลมไม่ยกโทษให้พี่” ร่ายยาวอ้างคุณนายผู้ว่าตลอด หยิบโทรศัพท์พระเจ้าเหาของผมมาจัดการใส่ซิมเสร็จสรรพ ผมมองมือสวยแข็งแรงนั่นหยิบจับเพลิน
“อ๊ะ” ยื่นให้ ไม่เอาไม่ตื่นเต้น วิดวี๊ว เพลิน ...จมูกโด่งคลอเคลียข้างแก้มเมื่อไรไม่รู้ตัว
“นี่ ๆ (แช๊ะ) /...เฮ้ๆ” กดถ่ายรูปครับ รีบแย่งผม
“ไม่ให้ อ๊า-เอาคืนมา/ดูก่อน ไม่หล่อล่ะน่าดู”
“ห้ามลบด้วยนั่นของผม!!!” ผมหน้าบูดแต่อีกฝ่ายหยิบไปดูหัวเราะ หึ ๆ ไม่ว่าอะไร เสียง แช๊ะเบาก่อนส่งคืน
"ห้ามลบด้วย นั่นของพี่!!!”
“อ๋า.../เป็นไง ฝีมือ” รูปใบหน้าผมเต็ม ๆ กำลังจู๋ปากนิดๆ แก้มป่อง หน้ายุ่งคิ้วผูกโบว์เพราะโดนแย่งโทรศัพท์ใหม่ไป
ส่วนรูปแรกมันเปลือยแผงอก ถ่ายเห็นแค่จมูกโด่งกับริมฝีปากอมยิ้ม มีผ้าขนหนูปิดหัวคลุมยาวเรี่ยบ่าแข็งแรง ไม่รู้ว่าใครแต่แผ่นอกแกร่งมีจี้รูปเหยี่ยวห้อยบอกยี้ห้อ นั่นฝีมือผม
“ไม่เอา ไม่ให้ลบ” แย่งไปอีก ผมกำลังเงอะงะหาปุ่มดีลีทรูปตัวเองอยู่เชียว
“มันไม่หล่ออ่ะ” เสียงผมรึนั่น
“นี่แหละ ไม่ต้องหล่อหรอก แบบนี้น่ารักสุดแล้ว ทำหน้างี้กับพี่คนเดียว นะ ๆ ไม่ลบนะครับ”
“เอาคืนมา!”
“รับปากก่อน” อ้อน โยกตัวมาหอมหัวไหล่ผม เลียนแบบผมเล่นกับแม่
“...ก็ได้”
“สัญญาด้วยดีกว่า พูด!” เอาแต่ใจได้โล่จริ๊งงง
“คร๊าบบ สัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือ” บรรยากาศห้องร้อน ๆ ต้องรีบตัดบท อยู่ในหว่างขามันต่างหาก
ยื่นคืน เห็นรูปกุญแจล็อคเรียบร้อย กดตอนไหนฟะ ไม่ลบก็ได้ ไล่ดูฟังก์ชั่นอื่นเพลิน
“เช็ดผมให้หน่อย ...น๊า” อ้อนมองตาปรอย คางเกยไหล่
เฮ้อ ปล่อยให้สนใจอะไรเกินสองนาทีมั่งได้มั้ยเนี่ย อ้อมไปนั่งซ้อนหลังเช็ดให้เบามือ ไม่อยากให้เห็นหน้าที่กำลังแดงร้อน
“เดี๋ยวผมจัดของเข้าตู้ให้” ประดาถุงข้าวของยังกองเต็มเตียง โวยวายไปก็เท่านั้น ไหนๆก็ไหนๆ ผมคิด
“ไม่ต้องพรุ่งนี้พี่จัดเอง จะได้รู้ด้วยอะไรอยู่ไหน เราน่ะอ่านหนังสือสอบไปเลย” ยาวเป็นชุด
“งั้นผมไปนอนห้องแม่” ทิ้งผ้าเปียกหมาดที่คอ
“ไม่ ไม่ให้ไป นอนด้วยกันนี่แหล่ะ!” ฉุดแขนอ้อมไปกอด กลายเป็นผมโอบมันจากข้างหลังเต็ม ๆ หน้าอกปะทะแผ่นหลังแกร่งแม้มีเนื้อผ้ากั้นแต่หัวใจทะลุไปชนมันแบบนี้ อายว่ะ จะรู้มั้ยใจกระเด็นกระดอนหมดแล้ว
“จะไปนอนห้องคุณแม่” แทบเกยทั้งตัว ดึงแรงชิบ
“น่า นะ กลัวผี” เชื่อตาย โตเป็นควาย หลับมากี่คืนเข้าไปแล้ว ไม่ต้องดึงไปกอดแรงได้มั้ยจะขี่หลังอยู่แล้วเนี่ย
“ไม่เอา เมื่อคืนนอนดิ้น”อุบอิบ ดีที่อยู่ข้างหลังไม่เห็นหน้าไหม้ ซุกไซร้อยู่นั่น แกะเท่าไรก็เหมือนละเมอกอดก่ายล็อคแน่นเข้าตลอด
“ไม่ทำอะไรหรอก ตัวประกันอยู่ข้างล่าง นะๆ” จริงด้วย ไอ้ปลากะโห้นั่น ขอบใจที่บอก
“นะ ที่นอนใหม่” ไม่รอคำตอบ ลุกตัวปลิวปิดไฟ
กลับมาซุก โดนตัวเย็น ๆ ผลักลงไปนอน อา ...ที่นอนใหม่นุ่มจัง เอ๊ะ ไม่ได้ ๆ
“เดี๋ยว ผมยังไม่ง่วง” เอ็ดไปก็เท่านั้น กอดยิ่งแน่นขาก่ายล็อคตัวแทนหมอนข้าง ดิ้นหนีไม่ได้เข้าไปใหญ่
“จะห้าทุ่มแล้ว ที่นอนใหม่ นุ๊มนุ่ม ห๊อมหอม” จมูกเย็น ๆ น่ะเวียนหอมแก้ม จูบขมับไม่หยุด
เฮ้อ ความง่วงงุนโรยมาที่เปลือกตา
“ไม่ทำไรจริงนะ...” เสียงตัวเองเพ้อ ๆ จะหลับมิหลับแหล่
“อื้อ นอนนะครับ คนดี ” นุ่มเบาราวปุยนุ่นกระซิบ
ใกล้เคลิ้มหลับ อากาศเย็นเผลอไผลซุกหาไออุ่น ผ้าห่มอุ่นร้อนเคลื่อนที่มาคลุมทับตัวได้ไงก็ไม่รู้
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%TBC by puppyluv
จัดหนักกันไป (ตามโพสต์ som ไม่สั้นแล้วนะ...คนอ่านสู้ๆ)
พรุ่งนี้เจอกับคุณนายรมย์ฤดี-แม่-แน่ๆ

ขอให้คุณอ่านมีความสุข อรุณสวัสดิ์!!!