ลมเหนือที่รัก
ตอน18/1 special preview
--------------------
Lomrudee, lom's mother
ขอแทรกหน่อยนะคะ อิชั้น รมย์ฤดี คุณแม่ของลมเหนือค่ะ
ลมเหนือเป็นชื่อที่มาจากเราทั้งคู่ ‘ลม’ พ้องเสียงจากชื่ออิชั้น ...รมย์ฤดี ส่วน ‘เหนือ’ มาจากชื่อพ่อเค้า ...เมืองเหนือ ลูกคนนี้เป็นโซ่ทองจากสวรรค์ประทานมาให้
พ่อของลมเป็นพ่อเลี้ยงใจดีอยู่ที่เชียงใหม่ มาเป็นคู่กันเพราะผู้ใหญ่แนะนำ โชคดีที่มีความรักชักพาจึงมีลูกคนนี้เกิดมา
ลมเหนือเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ที่สำคัญมีใบหน้าเหมือนคุณยายมาก อ้อ จริงๆ แล้วเหมือนทางคุณปู่มากกว่า ดวงตาหวาน จมูกโด่งได้ปู่ แต่ริมฝีปากยกยิ้มเหมือนยาย คุณแม่อิชั้นท่านสวยรูปหน้าเหมือนนางในวรรณคดีที่เค้าเขียนกันสมัยนี้ ลูกชาววังทุกกระเบียด จำได้ว่าคุณพ่อเลี้ยงเมืองเหนือเข้าหาอิชั้นเพราะใบหน้าของแม่ (ยายของลม)คล้ายคลึงกับพ่อเค้ามาก เลยมาจีบลูกสาวซะเลย ดูซิคนอะไร...เพียงเห็นหน้าลมเหนือ ทุกคนที่ได้เห็นล้วนหลงรักเด็กคนนี้แทบทั้งสิ้น
นั่นไม่เท่าจิตใจที่เข้มแข็งและงดงามของแกค่ะ ชีวิตอิชั้นประสบเหตุพลิกผันไม่น่าเชื่อ ลมเหนือกลับเป็นสายลมอ่อนที่พัดพาความทุกข์ร้อนใจทั้งหลายมลายสิ้น พาความสุขนำความสดชื่นมาให้ ในชีวิตนี้จะโชคดีเท่ามีลูกคนนี้ ไม่มีอีกแล้ว
วันเสาร์ที่แล้ว ดิฉันไปพบคุณหมอชัยพฤกษ์ คนที่ให้ทุนส่งลูกลมเรียนมัธยมมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา คนนี้มีบุญคุณช่วยเหลือเราสองคนแม่ลูก
ช่วงมอ.1 พ่อลมเหนือเข้าโรงพยาบาล คุณหมอคนนี้เจอลูกนั่งเฝ้าหน้าเตียงพ่อ ซ้อมเล่นโน๊ตเพลง
“ผมเคยใฝ่ฝันอยากเป็นนักดนตรี เล่นเปียโนตั้งแต่เด็กแต่เพราะคุณพ่อบุญธรรมผมเป็นหมอ เพราะกิจการครอบครัวถึงเลือกเป็นอาชีพหมอจนทุกวันนี้” อิชั้นได้แต่รับฟังเงียบ ๆ
“ลูกคุณรมย์ช่างกล้าหาญ กรุณาให้โอกาสผมได้สนับสนุนเด็กคนนี้นะครับ” ภาพที่มองผ่านกระจกช่องประตูเข้าไป คือลมเหนือเคาะนิ้วเล็ก ๆ ของแกลงบนกระดาษที่ต่อยาว วาดเป็นรูปคีย์บอร์ดเปียโน สอดใต้ฟูกกดไล่โน๊ตด้วยปากเปล่าให้พ่อที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่บนเตียงฟังเบา ๆ
ลูกบอกอิชั้น 'คุณพ่อนอนฟังอยู่ คุณปู่ก็ได้ฟังที่สวรรค์ด้วย แล้วถ้าท่องโน๊ตดีๆ คล่องๆ แบบนี้คุณปู่จะได้มาอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนคุณพ่อครับ' เล่าไปยิ้ม ได้แต่กัดปากตัวเองไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าลูก
แกรักเปียโนค่ะ ติดปู่ ปู่เล่นให้เห็นมาตั้งแต่เกิด ยังมีรูปถ่ายตอนเป็นเด็กนั่งตักปู่กดเปียโนเหลือไว้ดูต่างหน้า ปู่ตายคำสั่งเสียสุดท้ายบอก ‘หลานไม่ต้องเศร้า ปู่ไปสวรรค์มีแต่คนดีเป็นเพื่อนเยอะแยะ แค่เล่นเปียโนบ่อย ๆ ปู่มองลงมาจากสวรรค์ จะคอยฟังตลอด...ไม่แน่ว่าวันไหนหลานเล่นดีและปู่ว่าง จะลงมายืนฟังข้างๆ’ ขยิบตาล้อเล่นให้กำลังใจหลาน ลูกชายอิชั้นเลยมีเปียโนเป็นยิ่งกว่าเพื่อน
คิดถึงตอนนั้นยังพาลน้ำตาจะไหลทุกที
(ยังรู้มาอีกว่า เปียโนที่โรงเรียนมัธยมใกล้บ้านก็เป็นของคุณหมอบริจาคให้ ระบุแกมขอร้องให้ลูกอิชั้นได้เล่น เป็นโชคดีเหลือเกิน นั่นทำให้อิชั้นกล้าช่วยคนอื่น คนดี ๆ หากมีคนหยิบยื่นโอกาสให้ ต่อไปเค้าต้องอยากมอบโอกาสให้อื่น เป็นการส่งต่อความดีไปเรื่อย ๆ)
.....................
...........................
ห้าปีต่อมา คุณหมอคนนี้อีกที่เป็นคนบอกอิชั้น สาเหตุเพราะเป็นลมหมดสติในร้านอาหารจนต้องมาฟื้นที่โรงพยาบาล
“คุณรมย์ มีโอกาสเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองครับ” ไม่ทันได้ฟังต่อ แค่คำว่ามะเร็งหลุดปากพื้นก็หมุนเคว้งโลกเบาหวิวยืนไม่อยู่เป็นลมอีกรอบ ฟื้นตอนหกโมงเย็น คุณหมอขอให้อยู่ต่อเพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียด
โทรไปปดลูก จะนอนค้างบ้านเพื่อนรุ่นน้องชื่อ อร ให้ลูกรู้เรื่องตอนนี้ไม่ได้ ช่วงนี้ลมเหนือสอบไล่เหลืออีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจเป็นการสอบครั้งสุดท้ายที่อิชั้นจะได้เห็นลูกในชีวิตการเรียน
ลูกบอกแผนชีวิตคร่าว ๆ จะไม่เรียนต่อ คิดเรื่องกำจัดมรสุมระลอกใหม่ที่เกิดจากอิชั้นไว้เนื้อเชื่อใจคนกันเอง ไปค้ำประกันให้ สร้างหนี้เกือบ 5 ล้านได้ ความเร่งด่วนที่จะระเบิดในเวลาอีกไม่นาน
แม้คุณหมอท่านนี้คะยั้นคะยอจะส่งลมเหนือเรียนต่อเอง ไม่ทวงบุญคุณใดๆ แต่อิชั้นยังละล้าละลัง การยืมจมูกคนอื่นหายใจช่างเป็นเรื่องค่อนข้างลำบากและเคยสร้างบทเรียนที่น่ากลัวสำหรับอิชั้น ทั้งที่เคยวางใจลูกน้องจนบ้านล้มละลาย ที่เร็วๆนี้ คือวางใจรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันจนตัวเองต้องแบกรับภาระหนี้
แล้วตัวลมเหนือก็เด็ดขาด คิดแผนการไว้แล้วเสร็จ อิชั้นอยากให้ลูกได้พยายามในทางของแกดู อีกซักปีนึงค่อยขอความช่วยเหลือคุณหมอจริงจัง ถึงตอนนั้นค่อยให้ลูกเรียนต่อ ไม่แน่ว่าช่วงพักระหว่างปีที่พ่อของลูกเรียกว่าแก็บเยียร์ ...ลมเหนืออาจจะเจอเรื่องที่อยากทำ อยากเรียนรู้จริงจัง...คนเราไม่ได้อยู่คำฟ้า เราต้องแอบสอนลูกให้เค้าเข้มแข็งด้วยตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่พ่อแม่คนนี้จะทำได้ นั่นคือแผนการณ์เคร่าๆ ที่พ่อของลมเหนือบอกคร่าวๆ ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่
...อิชั้นเชื่อใจลูก เคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ ...แม้ลึกๆ อยากให้ลูกเรียนต่อเร็วที่สุดก็ตาม
...แล้วก็เหมือนฟ้าประทาน การสอบของลมเหนือครั้งนี้ยังจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย!!!
------------------------------------------------------------------------------
“ในข่าวร้ายก็มีข่าวดีครับ คุณรมย์ “
“ตอนนี้จะข่าวไหน ๆ อิชั้นรับได้ บอกมาเลยค่ะคุณหมอ”
“กรรมการบริหารในเครืออาทิตย์กรุ๊ปสนใจตัวลมเหนือครับ” รายละเอียดในข่าวทำอิชั้นลืมเรื่องร้ายของตัวเองไปเลย
ลมเหนือได้เรียนต่อ มีงานรองรับแม้จะเป็นการใช้ทุนคืนแต่ก็มีอิสระ เป็นตัวของตัวเอง
ไม่น่าเชื่อ อะไรจะเป็นเหตุบังเอิญขนาดนี้
อิชั้นร่วมทำบุญอะไรไว้กับคนนามสกุล'อาทิตย์ชิงดวง'รึไร
คุณหมอชัยพฤกษ์คนนี้เป็นพี่ชายภริยา ประธานบริษัทในเครือ อาทิตย์กรุ๊ป
คุณผู้หญิงที่เคยช่วยชีวิต บริจาคโลหิตให้ลมตอนเลือดตกในช่องท้องในวัยเด็กคือ ป้าของเด็กเหยี่ยว
เด็กเหยี่ยวขาวนั่นเป็นหลานของคุณหมอ เป็นคนในตระกูลอาทิตย์ชิงดวง ที่เคยช่วยเหลือเรื่องกฎหมายตอนล้มละลาย ตอนนั้นคิดแค่ว่าเพราะเป็นลูกค้ารายสุดท้ายที่ทำธุรกิจด้วย เค้าเลยช่วยเหลือด้วยคุณธรรมเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
หรือนี่จะเป็นพรหมลิขิต ...
ลมเหนือจะจำได้มั้ย คนที่ลูกพร่ำเพ้อพูดถึงติดปากเช้าเย็น แทบทุกวันตอนมอ.1 มาเล่าอวดอิชั้น ...พี่เค้าหล่อมาก เล่นบาสเก่ง นิสัยดุ ชกต่อยกับใครก็ชนะ ดีไม่ดีสารพัดเรื่องราวจะเล่า
ตอนแรกคิดว่าแค่คลั่งไคล้ธรรมดา ประเดี๋ยวก็ลืมตามประสาเด็ก แต่ไม่ใช่ ...เป็นเดือน เป็นปี ตลอดเวลาที่เรียนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งนั้น กลายเป็นอิชั้นที่รอฟังเรื่องของพี่เหยี่ยวคนนี้ในทุก ๆ เย็นเสียเอง
แม้มอ.2 จะเปลี่ยนโรงเรียนใหม่ มีชิวิตเปลี่ยน เพียงเอ่ยชื่อเด็กคนนี้ ลมเหนือจะไม่เป็นตัวของตัวเอง มีท่าทีตกหลุมรักลึกซึ้งจนเกินถอน เรื่องราวของเด็กที่ชื่อ 'เหยี่ยวขาว อาทิตย์ชิงดวง'
แว่บแรกที่เห็นเด็กผู้ชายตัวสูงยืนเคียงข้างลูกที่หน้าบ้าน อิชั้นรู้ทันทีลูกเป็นของเหยี่ยวมาตลอด ...หมดใจ
เมื่อเช้าวาน อิชั้นลองไล่เรียงถามเอาความจากเด็กหนุ่ม เหยี่ยวขาวสมเป็นสุภาพบุรุษ เขายอมรับว่าสนใจลมเหนือและยินดีจะให้เกียรติ
“ในสายตาคุณแม่อาจมองว่าผมไม่ดี ยุ่งทั้งผู้ชายผู้หญิงแต่กับคนที่ใช่ ที่เต็มใจเท่านั้น ผมไม่เอาเปรียบใคร ถ้าลมเหนือไม่ยุ่งผมยินดีจะปล่อยไปตามทางของเค้าครับ”
“ยอมรับว่า ตอนนี้ผมตอบอะไรไม่ชัดเจน แต่ผมขอโอกาสคุณแม่ ให้ผมได้เรียนรู้ ได้รู้จักลมเหนือ ได้มั้ยครับ?”
คำพูดเอาแต่ใจ เลือดร้อนแต่ตรงใจนั่นเสมือนน้ำเย็นรดหัวใจให้ชุ่มชื่น
อิชั้นจะบอกลูกเรื่องที่อิชั้นตัดสินใจวันศุกร์ ลมเรียนเสร็จวันสุดท้ายพอดี
...หวังว่าอิชั้นคงตัดสินใจไม่ผิดนะคะ จากคุณแม่วายหัดใหม่ค่า
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%
ตอน18/1
----------------
Lom’s
เย็นวันศุกร์ เลิกเรียนวันสุดท้ายเสร็จ
คุณแม่บอกให้รีบกลับมีเรื่องจะคุยด้วย สำคัญแหง
“คุณแม่จะให้ลูกเรียนต่อ มหาลัย K” ห๋า...ฟ้าผ่าเปรี้ยงแรก ไม่มีเค้าลางซักน้อยนิด
“อะไรกันครับคุณแม่ ที่เราตกลงกันไว้ล่ะครับ!?” ข้อมูลใหม่เอี่ยมยังจูนไม่ติด
“มีคนจ่ายหนี้ 5 ล้านให้คุณแม่หมดแล้ว”
คุณแม่เป็นอิสระ ผมต้องเรียนทุนที่มหาวิทยาลัย K คณะไหนก็ได้ เรียนจบต้องทำงานบริษัทในเครืออาทิตย์กรุ๊ป ใช้ทุนคืนคิดคร่าว ๆ เกือบ ห้าปี สิบปี แล้วแต่เงื่อนไขคืนทุน ...นั่นไม่เท่าไร
แต่ที่ฟ้าฟาดเปรี้ยงสอง หนักหน่วงคือ ผมต้องอยู่ในอาณัติความรับผิดชอบของเหยี่ยวขาว อาทิตย์ชิงดวง ทายาทคนสำคัญ ที่กว่านั้นคือ ต้องย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับเหยี่ยว ทำหน้าที่ดูแลกึ่งพ่อบ้านกลาย ๆ ซึ่งก็คือ ไอ้คนที่ทำเป็นเดินเล่นงุ่นง่านที่สนามหญ้า ในสวนหย่อมข้างบ้านตอนนี้
“คุณลุงหมอชัยพฤกษ์ ใช่มั้ยครับ ผมจะไปบอกปัดท่านเอง” ฉิววูบ มายุ่งอะไรเรื่องภายในครอบครัวเราวะ ดีใจท่วมท้นแน่ล่ะ แต่ผมไม่มีน้ำยาดูแลครอบครัวตัวเองรึไง
“เรื่องนี้ไม่ใช่คุณหมอคนเดียว เป็นคนจากอาทิตย์กรุ๊ปสั่งตรงลงมา”
“งั้นผมรับเรื่องทุน แต่เรื่องใช้หนี้ให้คุณแม่ผมไม่ยอม ผมหาเงินคืนแทนคุณแม่ได้” คิดอยู่ใครจะบ้าจ่ายให้ฟรี ๆวะ กลัวแม่ตกหลุมพรางคนร้อยเล่ห์
ผมอยากรู้เรื่องแทงตลอด ไม่ใช่มารับผลสุดท้ายแบบงงงวยแบบนี้ ...อย่าให้รู้นะว่าใคร พ่อจะสับไม่ยั้ง!!!
“ลม... ” ไม่ยอมฟัง รีบพูดอย่างที่ใจคิด ผมดูแลบ้านนี้มาตั้งกี่ปี นี่อะไร!
“เค้าไม่มายุ่งกับเรามากไปหน่อยเหรอครับ ไหนว่าเราจะจัดการกันเอง ลมดูแลคุณแม่ได้” คราวที่แล้วไปค้ำประกันให้คน เรื่องแดงโร่ เป็นผมที่รู้เรื่องคนสุดท้าย แม่หัวอ่อนเชื่อคนง่ายและดูเป็นนิยายมากเกินไป ภัยตามมาทีหลังเสียแม่ไปผมจะทำยังไง
“ลม คุณแม่ตัดสินใจแล้ว!”
“คุณแม่ครับ...” พูดไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ใจแข็งยิ่งกว่าหินผา
“ลูกไม่เชื่อใจคุณแม่แล้วเหรอ...” ผมอึ้ง ไม่เคยได้ยินคุณแม่เสียงดัง ยิ่งตัดพ้อเคร้าสร้อยขนาดนี้ยิ่งน้อยกว่าน้อย
“คุณแม่ไม่ได้เรียนสูงแต่คุณแม่ก็อยากเห็นลูกเรียนจบ รับใบปริญญา แล้วหนี้นั่นคุณแม่ก็เป็นคนก่อเอง จะให้เอาเปรียบลูกได้อย่างไร” เรียนจบแค่มอ.ต้น (สมัยนั้น) แล้วอยู่บ้านเรียนเย็บปักถักร้อย การเรือน การฝีมือในบ้าน แค่ 16 ก็มีพ่อ19 ก็มีผม
“แต่เรามีกันสองคนนี่ครับ” ไม่รักแม่ ไม่บรรเทาทุกข์ร้อนให้แม่ ผมจะมีใคร
“เพราะมีกันแค่นี้ไง คุณแม่ถึงได้คิด ...ลมจ๋า ชีวิตคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ โชคดีมาเคาะถึงหน้าประตูบ้าน ลูกจะไม่ให้โอกาสคุณแม่เชียวหรือ ไม่มีหนี้ แถมได้เห็นลูกเรียนมหาลัยดีๆ มีงานทำแน่นอน” คิดอะไรง่าย ๆ เป็นคุณผู้หญิงของผมจริง ๆ
ผมเงียบ ยอมรับในข้อแรก
“แล้วอีกเรื่องนึงล่ะครับ?” เผลอมองลอดหน้าต่าง คนตัวสูงเดินเตะพุ่มไม้ในสวน สีนวลกับตาเดียวอยู่ข้าง ๆ คุมเชิง
“อ้อ หึ ๆ พี่เหยี่ยวเค้าก็ไม่ใช่คนไม่ดีไม่ใช่เหรอ” พูดงี้เห็นแต่ด้านเทพบุตรซินะครับ
“แต่ ...ทำไมผมต้องไปอยู่ดูแลพี่เค้า ผมอายุน้อยกว่านะครับ”
“ก็ความรับผิดชอบไงลูก ทำอะไรไว้ล่ะ” ความผิดแทงฉึก ๆ ไอ้กระโห้ ปลาสิงโตหน้าตายว่ายวนเยาะเย้ย ห่างแค่ช่วงมือเอื้อมถึง เดี๊ยะ พ่อคว่ำตู้แตก!
“ไม่รู้ล่ะ คนของทางโน้นเห็นว่าลูกจะดูแลพี่เค้าได้ แล้วพี่เหยี่ยวก็บอกคุณแม่แล้วห้องนั้นค่าเสียหายมากกว่า 10 ล้านแน่ะ”
“ห๋า ...กว่า 10 ล้านเชียวเหรอ!”
“ค่าห้อง และค่าของที่เสียหายคร่าว ๆ ตัวเลขจริงคงมากกว่านี้ แต่พี่เหยี่ยวเค้าคิดว่าลูกน่าจะรับผิดชอบไหว เลยบอกเท่านี้”
ไอ้นกเอี้ยง ดูถูกกันมากไปหน่อยแล้ว!!!
“งั้นคุณแม่ต้องทราบซิครับ ค่าห้องจริงมันเท่าไรกันแน่”
“ไม่รู้ล่ะ ไปถามกันเอง ลูกบอกจะรับผิดชอบ คุณแม่คงไม่ต้องย้ำนะคะ” อ้าว บทจะโยน
“งั้นผมจะทำงานพิเศษ หาเงินช่วงเรียนไปด้วยไม่ต้องไปพักที่ห้องพี่เค้าก็ได้ แบบนี้สดวกกว่า” คิดแผนสองฉึบฉับไวว่อง พลางหันไปยิงนัยน์ตาเลเซอร์พิฆาตส่งตรงถึงสวน
“ไม่ได้! คุณแม่รับปากทางโน้นเค้าแล้ว บ้านเรากับมหา’ลัยไม่ใช่ใกล้ๆ ถึงเช่าอยู่แถวนั้นก็ใช่ว่าจะสดวก มีเวลาดูแลพี่เค้าเต็มที่ได้ไง รึจะให้คุณแม่ผิดคำพูด” ท้ายประโยคเง้างอด ออดอ้อนทำตาปริบ ๆ
เหมือนเด็กเอาแต่ใจแบบนี้ผมต้องยอมทุกที แต่ยกเหตุมาอ้างเป็นข้อ ๆ ดักทางได้หมดแบบเหมือนรู้เรื่องดีมากๆ เลยนะครับ
....................................................
..............................................................
“ลมเหนือ ลูก...” เอ่ยหลังเงียบชั่วครู่
“ครับ คุณแม่”
"ลูกพอจะรู้เรื่องคุณแม่กับคุณหมอชัยพฤกษ์ คุณพ่อขายาวของลูกอยู่ใช่มั้ย?"
"----" เรื่องลับคมคมในของแม่ แต่ผมพอรู้เลาๆ แล้ว คุณผู้หญิงไม่เคยมีความลับกับผม
"คุณหมอขอคบกับคุณแม่เมื่อราว2-3 เดือนที่แล้ว ที่เคยเล่าให้ฟังนั่นล่ะ คบแบบไหนคุณแม่คงไม่ต้องบอก ลูกโตแล้วคงพอจะดูออก"
"ครับ..."
"แรกๆ ก็คิดว่าเรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ตอนนี้คุณแม่ก็เริ่มมีใจกับคุณหมอแล้วล่ะ เพียงแต่ยังอยากให้โอกาสคุณหมออยู่ ...ที่จริงอยากให้เวลากับตัวเองน่ะแหละ" ยิ้มตาหยีแป๊ะยิ้ม แลบลิ้นนิดๆ เวลาเขิน พิมพ์เดียวกับผม
"ครับ---" ผมอมยิ้ม คิดดีมีความสุขไม่เคยเปลี่ยนล่ะคุณผู้หญิงคนนี้
"คุณแม่ยังรักคนพ่ออยู่ ไม่ใช่รักแบบติดยึดหรือไม่ได้รักชอบคุณหมอหรอก ก็พร้อมที่จะรับรักครั้งใหม่นี้แต่เพราะมีเรื่องประทับใจกับคุณพ่อของลูกหลายเรื่องเหลือเกิน"
"-----" ยังเงียบ ต่อมีเรื่องสำคัญต่อจากนี้แน่ ทุกทีก็เกริ่นประมาณนี้
"คุณพ่อห่างจากคุณแม่ตั้งรอบนึงก็จริง คลุมถุงชนก็จริงแต่เพราะมีรักและคุณพ่อเองก็เข้าใจคุณแม่อย่างที่สุด"
"ที่สำคัญกว่า คุณพ่อของลูกให้ความกล้า ...ใครจะคิดว่าเด็กในกะลา อยู่แต่ในบ้านหัดทำการเรือนอย่างคุณแม่ ที่อายุแค่ 16-17 จะทำได้"
พ่อเจอแม่ตอนท่าน 29 อายุห่างกันตั้ง 12 ปี ฝรั่งจ๋ามาเข้าทางผู้ใหญ่ฝ่ายแม่ เพียรเอาใจไปมาหาสู่เกือบ 2 ปี ถึงตกลงแต่งงาน ...แค่ปีเดียวก็มีผม โตมากับภาพที่เห็นท่านทั้งสองนั่งคุยกันเบาๆ ละมุนละไม
"เราทั้งคู่ผ่านอะไรมาด้วยกัน ทั้งร้ายและดี ทำทุกอย่างร่วมกัน ...ยุยงให้เด็กผู้หญิงอ่อนต่อโลกทำโน่นทำนี่ ให้กำลังใจ ไม่เคยห่าง ไม่เคยอารมณ์เสียใส่ซักครั้ง" ยิ้มพรายในใบหน้า
ได้ฟังบ่อย 'ลองแบบนั้นแบบนี้ซิ -คุณทำได้ ที่รัก ...ผมรู้ ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัว' ชอบเล่าให้ผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ สดชื่น นั่นเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไปเคยลังเลจะลงมือทำอะไร หากตั้งใจ
"แต่ความจริงไม่ใช่นิยาย ชีวิตมันพลิกผันจะมาจะไปตอนไหนไม่รู้ตัว ลูกรู้ใช่มั้ย"
"ครับ..." ถึงเสียพ่อไป ฐานะเปลี่ยนหน้ามือหลังมือแต่แม่ยังเข้มแข็ง ไม่เกรงกลัว
"งานสอนที่ศูนย์พัฒนาฝีมือ ถ้าคุณแม่ไม่กล้าก้าวออกไปนอกบ้าน ตื้อเอางานไปให้เค้าดู บอกว่าเราทำโน่นทำนี่ได้เค้าคงไม่รับเข้าทำงาน คุณแม่คงไม่เจอน้าอร ไม่เจอเพื่อนร่วมงานดีๆ ไม่ได้ช่วยเด็กๆ มาฝึกงานแบบนี้"
เป็นเดือนมั้ง ถึงรับแม่เป็นลูกจ้างชั่วคราว ตอนนี้กลายเป็นหัวเรือใหญ่ ก๊วนคุณนายเฮฮาสุดโต่ง มีแต่คนรักคนชอบ
"ได้มาไม่เท่ารักษา คุณยายสอนมา แต่เราก็ต้องปรับเปลี่ยนความคิดให้เท่าทัน ไม่จมกับอดีตถึงจะกล้ารับอะไรใหม่ๆ เข้ามาได้" ได้ยินบ่อย เห็นคุณยายเข้มแข็ง เคี่ยวงวดกับแม่เรียนการเรือนแต่อ่อนโยนไม่น่าเชื่อ
คล้ายกับคุณปู่ ...หนีคนรักจากอิตาลีมาอยู่เมื่อไทยเพราะครอบครัวสาวเจ้าขัดขวางเด็กรับใช้นักดนตรีอย่างปู่ มาแต่งงานเข้าบ้านย่าที่เป็นสาวเหนือใช้นามสกุลบ้านย่า เหมือนเข้มแข็งตัดขาดทุกอย่างได้ แต่ตอนเมาๆ จะเคลิ้มหลับก็ละเมอหาชื่อผู้หญิงคนรักที่โรม...ผมรู้เพราะปู่สอนผมเล่นเปียโน
"ลูกน่ะใจแข็งได้คุณปู่ได้คุณยาย แต่ต้องรู้จักรับ รู้จักปรับเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาด้วย"
"-----" ยังเงียบเพราะมีต่อ
"มีความสุข หากมีโอกาสก็ต้องรีบทำจะได้ไม่เสียใจวันหลัง...แค่ไม่ต้องกลัว กล้าให้โอกาสตัวเองนะคะ" นั่นล่ะจากปากพ่อเทป รีเพลย์มาถึงแม่เด๊ะ
"ครับ..." ยอมรับโดยดุษฎี
................................................
........................................................
“จำเรื่องเด็กที่ลูกชอบมาเล่าให้คุณแม่ฟังทุกวันหลังเลิกเรียนตอน มอ.1 ได้มั้ย?”
จู่ๆ-ก็...!!!
ผมหน้าชา ใจเต้นแรงเม้มปากแน่น ก่อนประโยคฟ้าผ่าโลกทั้งโลกของจริงจะตามมา
“พี่นักบาสคนนั้น คือพี่เหยี่ยวคนนี้ ถูกมั้ยคะ?”
“คุณ ...คุณแม่ทราบ” ในหัวอึงอล
“ลูกจะใจร้ายกับตัวเอง ไม่ยอมให้โอกาสกับตัวเองเชียวเหรอ พี่เค้ายืนต่อหน้าลูกแล้วนะ”
ผมเงียบ ความรู้สึกเต็มตื้นในอก
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องกล้าเผชิญ กล้ายิ้มรับผลของมัน ไม่ว่าจะร้ายหรือดี คุณยายสอนไว้...ในหนังก็มี จำได้ใช่มั้ย”
“...ครับ”
“คุณแม่รู้นะ ...ลูกรักพี่เหยี่ยว”
“คุณแม่รู้เหรอครับ ...ไม่โกรธลม ไม่ดุลม” ไม่รู้ตัว น้ำตาไหลพร่างพรู บรรยายความรู้สึกเป็นคำพูดไม่ได้อีกต่อไป
“แม่เลี้ยงลูกมากับมือ ไม่รู้ก็ไม่ใช่แม่ของลูกแล้ว ไม่ว่าจะยังไงลมก็คือลูกของคุณแม่นะคะ”
กอดผ้หญิงที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผม
%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%TBC by puppyluv
Aon แย่แล้ว ตกหลุมเหยี่ยวซะแล้ว ,
A-J.seiya* ประโยคพูดของคนนั้น---ตามหลังคือคำบรรยายของตัวละครนั้นๆ
เช่น "----" เรื่องลับคมคมในของแม่ แต่ผมพอรู้เลาๆ แล้ว คุณผู้หญิงไม่เคยมีความลับกับผม (อันนี้ลม ตอนนี้แหละ-ข้างบน)
“ลมจ๋า คืนนี้คุณแม่ค้างบ้านน้าอรนะคะ” คุณนายโทรเข้าตอนเกือบทุ่ม (อันนี้แม่พูด ตอนก่อนเมื่อกี้ 17/1)
“งั้นเย็นนี้พี่มารับ รออยู่แต่ข้างใน ไม่ต้องออกมา มาถึงพี่โทรเข้าไปเอง” เผด็จการ (อันนี้นกฮิตเล่อร์พูด ตอนไปส่งลมที่โรงเรียน)
หลงเข้ามาแล้วก็ต้องอ่านต่อล่ะ ตอนต่อไปคงคล่องขึ้น พยายามเข้านะ และขอบคุณที่โพสต์ ไม่งั้นก็ไม่รู้กัน
-----------------------^O^
ขอบคุณทุกรีพลาย ทุกโพสต์ และทุกอ่าน(วิว)
พรุงนี้ไม่อัพเรื่องแต่เป็นการ์ตูน 4 ช่องแทน ถ้าว่างก็เข้ามาเยี่ยมๆ มองๆ เน้อ
