ลงอัพเมื่อวาน เลื่อนดู---เฮ๊ย สั้นแฮะ! ท่าจะไม่ถนัดมาม่าของจริงเรา...เจอกันวันอังคาร ^^
*******************************************************
ลมเหนือที่รัก
ตอน111 เพราะพ่อ
------------------------------
yeaw's
ห้องนอนชั้นบน...
ผมกำลังเช็ดหน้าลบคราบน้ำตา ดวงหน้าสวยขมวดมุ่ย ละเมอผะแผ่วพร้อมกับมือสวยจิกเกร็งเขย่าผ้านวมแน่น
“พ่อ ...ตื่นเร็ว ลุก น้ำจะท่วม...!”
“พ่อ ...อย่าทิ้งลม ตื่น ตื่นเร็ว!” วนเวียนอยู่แค่นั้น
ตอนเปลี่ยนเสื้อเปื้อนอาเจียนกับจัดการทำแผลที่เท้าให้ เกือบได้มัดไว้ ตัวเล็กโวยวายลั่นจะไม่ยอมท่าเดียว
“ฮือ พี่เหยี่ยว อย่าทิ้งลมไป ...ยอมทุกอย่าง จะทำทุกอย่าง!”
“ไม่เอา ไม่ให้ไป ลมทำไรผิด บอกลมนะ บอก—พี่เหยี่ยว!” หลุดตะโกนเสียงดัง อ้อนวอนผมทั้งน้ำตา ดึงทึ้งร่างกายผมไว้แน่น
ต้องกอดปลอบคนตัวสั่นไว้แนบชิด
“พี่อยู่นี่ ไม่ไปไหน ไม่ให้ลมไปไหน...นะคนดี”
"พี่...พี่เหยี่ยว..." เกาะติดตัวผมซี่โครงแทบหัก
"พี่เหยี่ยวอยู่นี่ ...ชู่ว์ หลับนะครับ ชู่ว์" มือกำเสื้อเชิ้ตผม บิดเกลียวแน่นไม่ปล่อยเด็ดๆ แม้ทรวงอกสะท้อนลมหายใจสม่ำเสมอไปแล้ว
เกือบตายกว่าจะสงบลงได้...ปลายนิ้วลูบเบาผิวแก้มใส อยากลบคราบน้ำตาให้หมด อยากโอบอุ้ม ถนอมไม่ห่าง
ความโกรธ โมโหหึงไร้สติของผมเกือบพังภินทุ์ทุกๆ อย่าง
ด่าตัวเอง เตือนตัวเอง...มึงต้องระวังตัว ระวังใจตนให้มากกว่านี้
แต่ทว่า...มันเกิดอะไรขึ้น!???
-----------------------------------
ราวกระแสสายพัดผันหนีจาก ...เด็กคลุ้มคลั่งเป็นพายุร้ายไม่รู้เหนือรู้ใต้หลับสนิท
นอนทั้งที่หัวคิ้วยังยุ่งเล็กๆ ผมไม่เคยเจออารมณ์โหมดนี้เลย ...เกือบไม่รอด
เก็บผ้าเปื้อนลงมาชั้นล่าง เหลือบเห็นตัวเองในกระจก หางคิ้วซ้ายแตกเลือดแห้งกรัง ถอนหายใจกับสภาพครัว---เละ!
เฮ้อ เคยแต่ทำรก ต้องเก็บเสียเอง ลำบากแฮะ
[Rrrrrrrr]
คุณแม่โทรมา ได้จังหวะพอดี อยากฟังเฉลยซักหน่อย
“สวัสดีครับ คุณแม่” ผมกดรับสาย
"ลูกเหยี่ยวเหรอคะ"
ขอบคุณผมเรื่องเว็บไซด์ครับ ให้เจฟฟรี่จัดการสร้างให้แล้วส่งต่อพนักงานของพ่อตามไปสอนต่อถึงบ้าน พร้อมเครื่องคอมที่ร้านและที่บ้านเสร็จสรรพ
“คุณแม่เพิ่งให้เด็กไปส่งของให้ลูกค้าทางไปรษณีย์ล็อทแรก เลยโทรมาบอก ...ดีจังเลย ขอบใจลูกเหยี่ยวมากนะคะ”
“ครับ ดีใจด้วยครับ”
"ดีมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าเพิ่มลูกค้าได้หลายทาง รวดเร็วขนาดนี้"
คุยกับต่อ 4-5 ประโยค ผมวกเข้าเรื่องที่อยากรู้
“คุณแม่ครับ ลมเค้ากลัวเลือดรึเปล่าครับ ...พวกเลือดไหล-เป็นแผล ทำนองนั้น”
“เลือดเหรอ เอ...ไม่เชิงนะ เคยทำแผลเอง อะไรเองได้"
"ไม่เป็นไรแน่เหรอครับ?" ผมย้ำ
"อ้อ นึกออกล่ะ ถ้าเลือดจางๆ เลือดปนกับน้ำล่ะก็ -ไม่แน่”
“ยังไงครับ?” ชักเข้าเค้า
“คุณแม่เคยทำปลา มีดบาดนิ้วจะล้างน้ำ ลมเค้าอยู่ในครัวด้วยไม่รู้คิดยังไง เห็นวิ่งเตลิดออกหน้าบ้าน เกือบโดนรถใหญ่ชน ดีที่ซอยแคบแล้วเค้าก็ระวังด้วย"
"...ครับ"
"วิ่งหายออกไปเกือบชั่วโมง เจอตัวอีกทีเดินบ่นงึมงำ วนไปวนมาในสวนข้างบ้านเราน่ะแหล่ะ เท้าเปื้อนถลอกปอกเปิก คุณแม่งี้ตกใจมากต้องเขย่าเรียกสติตั้งนานเหมือนกัน”
"อืม ครับ" ชัดล่ะ
"อีกทีก็ น้าอร---อันนี้รู้ชัด"
"ยังไงครับ" ผมซัก คนนี้ผมรู้จัก
"อรหอบของสดมาบ้าน แกะปูรึปลานี่ล่ะ อะไรทิ่มมือไม่รู้ อรเค้าจุ่มน้ำถังข้างๆ ---ลมลุกพรวดเลย โน่นวิ่งตึงๆ ขึ้นบ้าน ปิดประตูเงียบ ตามขึ้นไปดู ลูกกอดเข่าน้ำตาไหลพราก คุณแม่เลยรู้ชัด"
"ตอนนั้นเอง..." ผมไพล่คิดถึงที่เกาะกูด เป็นครั้งแรกที่รู้ว่าชอบปูแต่กลับแกะเนื้อปูไม่เป็น คงเพราะแหยงจากเหตุนี้
"ตอนนั้นลมยังเด็ก ไม่คิดว่าจะฝังใจ..." คุณผู้หญิงเสียงอ่อนทอดยาว
“เกี่ยวกับเรื่องคุณพ่อรึเปล่าครับ?” เอาวะ ขอเสียมารยาทหน่อยว่ะ
“ลม...เค้าเล่าให้ฟังเหรอคะ?”
“เค้าละเมอ ฝันร้ายครับ”
คุณผู้หญิงในสายเงียบชั่วครู่
“เฮ้อ...นึกว่าลืมไปแล้วซะอีก"
"คุณแม่จะกรุณา..." ผมอ้อนวอน หันหาใครไม่ได้แล้วตอนนี้
"ลูกเหยี่ยวคงพอรู้ ...ตอนนั้นย้ายมากรุงเทพใหม่ๆ ที่บ้านหลังเก่าโน้น คุณพ่อล้มหัวฟาดพื้นในห้องน้ำ"
"ทราบครับ" เรื่องนี้เคยรับฟังมา
"กว่าคุณแม่กับคนใช้ไปเจอ น้ำปนเลือดท่วมเจิ่งเกือบล้น ลมตะโกนทุบตี ต่อยตัวคุณพ่อใหญ่เลย คุณแม่เองก็ผิด ตวาดเค้า ดุเค้า ตีด้วยทั้งที่เลี้ยงมาไม่เคยเลยนะ กว่าจะแงะกันออกมาได้ เกือบแย่ทั้งแม่ทั้งลูก”
“อ่า...ครับ” พอมองเห็นภาพ น่าตกใจ
“กลับมาจากโรงบาลวันต่อมาถึงเห็นลมเค้านอนกอดหมา ตัวใหญ่ๆ สีน้ำตาลนั่นน่ะค่ะ"
"---โชแปง!" ผมนึกชื่อออกทันใด
"ใช่ ตัวนั้นล่ะ ซุกอยู่ใต้โต๊ะทั้งคนทั้งหมา ยังใส่ชุดนักเรียนเปื้อนๆ ชุดเดิมอยู่ ถุงเท้าก็ไม่ถอด คิดดู...จากเปียกๆ นอนข้ามวันข้ามคืนจนแห้ง เฮ้อ---" ถอนใจสลด
"....." ผมพูดไม่ออก
"เค้าไข้ขึ้นสูงไม่ได้ไปโรงเรียนเป็นอาทิตย์ ฟังลูกละเมอแต่ว่า ลมผิดเอง คุณพ่อตื่นๆ ...คุณแม่ทนไม่ได้ ต้องออกไปบนบานวัดแถวนั้นรอบเลยล่ะคะ”
“เป็นผมคงช็อคเหมือนกันครับ” ความรู้สึกตีปะทะอก ไม่อยากจะเชื่อ
นึกออกล่ะ นี่คงจะเป็นสาเหตุนี้ที่ชอบสุนัขสายพันธุ์ใหญ่ เคยบอกผม 'กอดเต็มไม้เต็มมือดี ลมชอบ~~'
คลีนิกเพ็ทชอปหน้าบ้านเจฟฟรี่มีปั๊ก มีชิสุ เด็กผมเล่นด้วยจริงแต่ที่โปรดสุด ถามหาตัวแรกสุดคือ เจสเตอร์
'เหมือนโชแปงของลมเลย!' แล้วก็กอดชอคโกลาบราดอร์ตัวจ่าฝูงแน่น
เจฟฟรี่กับโจ๊กไม่เคยห้าม กลับหัวเราะร่วนเล่นด้วย ทุกทีน้องนัวเนียกับสี่ขาตัวอื่นต้องดุ 'เสื้อเปื้อน ตัวเหม็น อย่ากอดมัน'
เพิ่งสังเกตุออก...กับเจสเตอร์ตัวเดียวเท่านั้นที่ยกเว้น
คุณแม่เล่าภาคต่อ
“แต่เด็กก็งี้ล่ะค่ะ ฟื้นตัวเร็ว พอไปเรียนวันแรกยิ้มกลับมาเลยนะ เล่าให้ฟังใหญ่ว่าไปกรี๊ดพี่นักบาสมา ชมว่าเล่นเก่ง มีประกายสีทองระยิบระยับเป็นเทวดา"
"อ่ะ-ครับ!?" ปรับสภาพฟังประเด็นใหม่
"ตอนนั้นคุณแม่นึกว่าต้องเอาลูกเข้าโรงบาลอีกคนซะแล้ว ฮิฮิ” มีขำครับ แม่ลูกจริงเปล่าเนี่ย
“...นักบาสเหรอครับ?” คิดตาม
“ใช่ คิดว่าแค่คุย ๆ เดี๋ยวคงลืม ที่ไหนได้ เป็นเดือน เป็นปี เลยกลายเป็นว่าคุณแม่รอฟังเรื่องของพี่คนนั้นทุกเย็นแทน”
“นักบาสนั่น มอ.3 ใช่มั้ยครับ!?” ผมโพล่ง นึกขึ้นมาได้
“ถ้าจำไม่ผิดน่าจะใช่"
"อ่า..." ภายในอกผมฟูฟ่องเร็วยิ่งกว่าลูกโป่งอัดแก๊ส
"ลมเค้าชอบมาเล่าให้ เล่นเพลงโน้นเพลงนี้ให้พี่เค้าฟังตอนพี่เค้าซ้อม"
"ครับ?"
"ลมเค้าเล่นเขียนลงสมุดเป็นคู่มือ จดเป็นข้อๆ น่ารักจริงเชียว” เอาเข้าไป อาการคิกขุกำเริบ
“คุณแม่พอจะจำได้มั้ยครับ เด็กคนนั้นสวมเสื้อเบอร์อะไร!?”
ผมใจเต้นเร็วแรง ขอให้ใช่ทีเถอะ
ทีมตัวจริง...ไอ้กายเบอร์ 12,
มิกกี้ 4,
เจฟฟรี่ 5 ,
ไอ้ต้น 10
และผม ---เบอร์ 7
“เอ ...จำไม่ได้ ลมไม่ได้เล่าอะไรเหรอคะ?”
“เอ่อ บอกแต่ว่าชอบนักบาสครับ” ไม่รู้จริงง่ะ อยากเค้นคอแม่เด็กจังเล๊ย เลขตัวเดียวก็จำไม่ได้ T^T
“ฮิ ค่อยถามลมเค้าเองละกันค่ะ คุณแม่ไม่พูดดีกว่า เรื่องของคนสองคน”
“อ่า...ครับ?” จ๋อยดิ ที่ฟูๆ แฟ่บลงถนัดใจ
“ลูกเหยี่ยว.../คร้าบ!” จู่ๆ ก็เรียก ขวัญกูสะดุ้งแว๊บบบบ
“คุณแม่ขอบใจลูกมากนะคะ ถ้าไม่ได้ลูกมาช่วย คุณแม่กับตัวลมเองคงแย่”
“ไม่ใช่หรอกครับ คุณแม่เก่งอยู่แล้ว” จู่ๆ ก็...อะไรหว่า
“ที่ผ่านมาได้ก็เพราะมีลูกช่วย ไม่ว่าจะตอนไหน ขอบใจลูกมากนะ”
“ยังไงครับ คุณแม่!?” กูงงว่ะ พูดยังกะรู้จักมานานมาก เห็นกันอยู่ก็แค่ตอนนี้
ผมนึกย้อนเรื่องราว...นอกจากแปลงร่างเป็นมิสเตอร์บุญทุ่มนิรนาม อ้างชื่อพ่อกับอาทิตย์กรุ๊ป จัดการเคลียร์หนี้ค้ำประกันของแม่ ให้ทุนเด็กเรียนต่อ ม.K เป็นคุณพ่อขายาวในเงา
และเมื่อเร็ววันมานี้ เพิ่งให้เงินเพื่อช่วยเหลือน้าอร เสมือนค่าสินสอดกลายๆ ที่เอาตัวลูกมาอยู่กับผมนั่นแหล่ะ...ก็วันเวลานี้เอง มีตอนเก่ากว่านี้ด้วยเหรอวะ!???
“เอาเป็นว่า ตอนนี้ช่วยคุณแม่ดูแลลมไงคะ น้องดื้อไปบ้างก็บอกดีๆ ว่ากันดีๆ นะ ลมพูดรู้เรื่องอยู่หรอก” คุณแม่ในสายสรุปฝากฝังเชิงสั่งการวิธีสยบลูกตัวเอง
“ครับ ...ได้ครับ” ชัดเลย พูดดีๆ เผลอขึ้นเสียงกับเค้าหยกๆ ไม่กี่นาที ห้องกระจุย T-T!!!
เปลี่ยนหัวข้อคุยกันเรื่องร้านนิดหน่อย อยากให้หาเวลากลับไปเยี่ยม จะที่ร้านในห้างหรือที่บ้านก็ได้...แล้ววางสาย
เฮ้อ ก็ดี รู้เรื่องเด็กนี่ขึ้นมาหน่อย
ไม่อยากจะเชื่อ คนของผมมีอดีตที่ไม่น่าจดจำ ฝังในก้านสมองลึกขนาดนั้น
------------------------------------
ปล. และกว่าที่ผมจะรู้ ว่านั่นคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เด็กน่อยขวัญเสียในวันนั้นยืนหยัดกลับมามีชีวิตขึ้นได้
เป็นเพราะภาพประทับใจที่ผมโดดชู๊ตแต้มบาส แต้มสำคัญในวันนั้นเอง
...กว่าจะรู้
...กว่าผมจะรู้
********************************TBC by puppyluv

โชแปง

เจสเตอร์
*** รูปจาก love a-lab ดอทเน็ท