ลมเหนือที่รัก
ตอน116 กายเริ่ม
------------------------------
Guy’s
ผม...กาย
ขณะนี้ เวลานี้ผมเดินงุ่นง่านเป็นเสือติดจั่นในห้องของตัวเอง มองโทรศัพท์ที่เพิ่งวางทิ้งแล้วหยิบขึ้นมาใหม่ ตัดใจจะโทร-ไม่โทรเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้
อีก 15 นาทีจะ 4 ทุ่ม ...เอาวะน่าจะยังไม่นอน
กดโทรออก—แค่ติ๊ดเดียว ลนลานรีบกดสายตัวเองทิ้ง โยนมือถือลงบนเตียงอีกหน
ซบหน้าลงกับฝ่ามือ ‘ตื่นเต้นบ้าไรวะ นั่นเพื่อนสนิทน้อง เค้าป่วยอยู่ เมื่อวานเป็นลม สลบคาอกกู กูกอดเค้าไว้เอง ...วันนี้ก็เหยียบเศษแก้วอีก’ เอาน่าเหตุผลพอเพียง
ถ้าจะโทรต้องจัดการตอนนี้ จำได้เริ่มเรียนวันแรกเปิดเทอม 3 ทุ่มผมโทรไป ไม่มีคนรับสาย จนโน่นเกือบ 4 ทุ่มโทรกลับมาหา โดนตอกกลับน้ำเสียงสุภาพเกิน
'ผมซ้อมเปียโนอยู่ ไม่ว่างรับสาย ถ้าพี่กายมีอะไรเร่งด่วนกรุณาฝากข้อความไว้นะครับ แล้วตอนนี้จะเข้านอนแล้ว ผมหลับลึก คงไม่สดวกรับสาย'
เล่นเอาผมอึ้ง หน้าม้าน เก็ทยังบอก 'นี่ยังน้อยไปครับ ปกติลมมันไม่พูดเลย หรือถ้าตื้อจริงๆ มันสวนกลับแรงกว่านี่หลายเท่า"
'แล้วตอนมันง่วงๆ จะนอน ใกล้หลับมิหลับแหล่นั่นน่ากลัวที่สุด อารมณ์ร้ายมาก ทำรายงานกลุ่มอยู่ดีๆ ถีบโต๊ะล้มตึงมาแล้ว' เก็ทเล่าผมจำขึ้นใจ
ทิ้งตัวนอนหงาย นวดหน้าผากตัวเอง ภายใจหมกมุ่นวนเวียนคิดถึงคนๆ เดียว
ย้อนในผับคืนนั้น...ร่างบางในชุดสีขาวโยกย้ายท่าเต้นเพลงสุดฮิต wonder girl ห่างผมแค่ช่วงมืออื้อมถึง ช่างยั่วยวนจุดไฟปรารถนาที่เก็บซ่อนไว้เกือบปะทุปรอทแตก ดีที่มีพวกนักเลงมาเบรค อ้อ—เมี่ยงคำอีกคน สุดแสนเสียดาย ต้องเก็บอาการหัวเสียไว้เมื่อกลับมาไม่เจอกันแล้ว
น้องบอกเหยี่ยวพากลับเพราะอาการแพ้ควันบุหรี่จะเข้าขั้น...ผมได้แต่ทำใจยอมรับเงียบงัน
เหตุการณ์น่าจะผ่านมาได้ด้วยดี ยิ่งเก็ทกับบีสานสัมพันธ์กันมากขึ้นเท่าไร ผมก็ต้องเป็นพี่ชายที่ดี เป็นลูกที่ดีมากขึ้นเท่านั้น ใช้เมี่ยงคำเป็นตัวช่วยอำพรางความรู้สึก พอๆ กับทุ่มเทงานมหาลัย
แต่ทว่า...ยิ่งกดไว้มากเท่าไร กลับมีแรงดีดสะท้อนมากขึ้นเท่านั้น ทุกๆ วันที่มีซ้อมวง ผมต้องยืนเตร่ชั้นล่างหรือแถวนั้น หยุดยืนฟังเส้นเสียงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร จดจำได้แม้กระทั่งยามหลับตา ท่วงทำนองการร้องเหมือนเด็กหนุ่ม หากน้ำเสียงกว้างกังวานสวยใสเหมือนผู้หญิงทุ้มนุ่ม
เสียงหัวร่อคุยหยอกเล่นนั่นอีก
ช่างร่าเริงเหมือนนกตัวน้อย
เผลอยิ้มกับตัวเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า
จะทำเวทีให้คนๆ นี้ อย่างสุดหัวใจ---บ้าก็บ้าวะ
...................................
.........................................
“น้ำมะนาวเท่าไหร่นะครับ น้าชมชื่น” ผมสดใสจนแปลกใจตัวเอง นั่นออกจากปากตัวเองแน่หรือ?
“ใส่ช้อนเดียวก่อนค่ะคุณกาย ค่อยๆ ชิม ให้เปรี้ยวนำนิดๆ จะได้ชุ่มคอ”
"ช้อนเดียวก่อนนนน" พึมพัมกับตัวเอง ค่อยรินน้ำมะนาวลงผสมกับน้ำผึ้ง
"ถ้าคุณเมี่ยงคำรู้ว่าคุณหนูของน้าลงครัวเองแบบนี้คงดีใจมากเลยนะคะ" แม่ครัวรับใช้เก่าแก่ในบ้านแซวกันได้ ผมชะงักน้ำมะนาวกระฉอก เกือบลืมที่ปิดบังไว้
"แต่คุณเมี่ยงคำเธอชอบหวานนะคะ วันก่อนโน้นยังบ่นหมูมะนาวเปรี้ยวไป" พี่นา ผู้ช่วยน้าชมชื่นแม่ครัวประจำบ้าน พี่นาเพิ่งเข้าทำงานแค่ปีเดียว ยังไม่เคยเห็นหน้าเพื่อนเก็ทคนไหนนอกจากบี
"มาค่ะ น้าช่วยกรองน้ำผึ้ง"
"มะ-ไม่เป็นไรครับ ผมแยกไว้แล้ว ของเมี่ยงคำน้ำผึ้งเยอะหน่อย" ร้อนตัว จุดหมายคือนักร้องร่างบางนั่นต่างหาก
"ก็ดีค่ะ เอาไปเผื่อคุณหนูเก็ทกับหนูบีด้วย รายนั้นชอบเปรี้ยว น้าช่วยใส่ขวดให้มั้ยคะ?" แม่ครัวอยู่รับใช้กันมานานกุลีกุจออาสา
"ไม่ -ไม่ต้องครับ ผมจัดการเอง!"
"เอางั้นเหรอคะ?"
"ครับ เดี๋ยวผมลืม ขวดไหนของใคร...จะได้หยิบถูก"
ไม่อยากให้ยุ่งอยากทำเองทั้งหมด อยากส่งให้ถึงมือ แต่ทำไม่ได้ต้องอาศัยบีหยิบยื่นให้
เอาน่า...ผมยิ้มปลื้ม ให้กำลังใจตัวเอง
-------------------------------------------------
วันงานมาถึง คืนวันเสาร์
มันยิ่งกว่าจินตนาการไว้มากมายนัก หัวใจผมพองโต เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ไม่อยากเชื่อ นักร้องหน้าใหม่แทบทุกคนไม่รู้จัก ไม่คาดฝันเรียกเสียงกรี๊ดชื่นชมดังลั่น
บนเวทีร่างบางเสื้อขาวพริ้วไปตามจังหวะเพลง เดฟยีนส์สีดำสนิทลูบเรียวขาตรงสวยกับบู๊ทหนังงูสีเทาฟ้า กำลังโบกหมวกคาวบอยสีขาวครีม นำให้คนโยกตาม ริบบิ้นกำมะหยี่ที่ต้นแขนและปลายเสื้อสะบัดปลิวไสว
เหมือนเจ้าชายน้อยในฝัน อ่อนหวานและงามสง่าเหลือเกิน
"ไงกาย น้องกูเจ๋งป่ะ!" โจ๊กยักคิ้วกวน คุมกล้องวีดีโอท้ายสนาม
"ไม่น่าเชื่อ..." ผมคราง จับจ้องคนเดียวบนเวทีตาไม่กระพริบ
"กูก็ไม่คิดว่าจะออกมาเทพขนาดนี้ ตอนซ้อมก็ว่าเสียงเจ๋งไม่เหมือนใคร เทคนิคสุดยอดแล้ว เจอวันนี้ทำกูอึ้งไปเลยว่ะ"
"นั่นดิ"
"สตาร์ อิส บอร์นจริงๆ 555" โจ๊กสรุปหัวเราะร่วน
"555" ผมหัวเราะตาม ใจเต้นแรง ไม่มีคำพูดอื่นใดออกจากปาก ตื่นเต้นไปหมด
"เพอร์ฟอร์มแมนท์บนเวทีโคตรแน่น เอาคนดูอยู่หมัด นักร้องอาชีพยังอายว่ะ" โจ๊กวิจารณ์ต่อ ก่อนโบกไม้โบกมือตามจังหวะเพลงแรก 'หลบไปให้พ้น' ของวงอินคา
ร่างขาวสูงบางระหง กระจ่างจ้าสดใสท่ามกลางแสงไฟ ลากขาไมค์ยืนใกล้กับเจฟฟรี่ที่ลีดกีต้าร์ โคลงตัวโยกไปมาจังหวะเดียวกัน คนกรี๊ดแทบไม่ได้ยินเสียงดนตรี
กำลังเพลินในภวังค์...
"เก็ทกับบีล่ะ?" โจ๊กถามหลังจบเพลงแรก เสียงใสหอบเล็กน้อยก่อนยื่นหมวกให้พี่คนสวยหน้าเวที เสียงกระเทยควายโมนาลิซ่า-กรี๊ดสลบ
"โน่น หน้าเวที!" ผมชี้
"อีกสองเพลงลมมันจะพักให้เจฟฟรี่โชว์ ถ้าจะเข้าไปข้างหลัง บอกไอ้เก่งที่คุมกล้องข้างหน้าตัวซ้ายให้เปลี่ยนกูด้วย มันรู้แล้วแค่ไปเตือนเฉยๆ" โจ๊กสั่งยาวแล้วก้มดูหน้าจอต่อไม่สนใจ ปล่อยผมจัดการตัวเอง
ผมรู้กำหนดการแสดงแล้ว ชีทในมือจดไว้ละเอียดไม่พลาด ดอกไม้ก็เตรียมแอบซ่อนไว้ รอเวลาว่าจะให้ตอนไหน
แต่...ไม่ได้ให้
ลิลลี่ช่อใหญ่ไม่มีโอกาสถึงมือสวยนั่น
เพราะเงาสีดำโฉบตัดหน้าผมเข้าไปในห้องเสียก่อน
เงาร่างสีดำ ..ของเหยี่ยวขาว
...............................
.....................................
ผมไม่เคยโกรธใครเท่านี้มาก่อนในชีวิต
คนที่ผมเฝ้าทะนุถนอม หวงแหนนักหนาถูกแตะต้อง
"โว๊ยยยย...หยุด!" ผมตะโกนก้อง ฉุดลากคนตัวสูงออกไป
"ไอ้...กาย" เหยี่ยวเหมือนรู้สึกตัว ไม่ว่าอะไร ยอมให้ลากออกห่างแต่โดยดี
"มึงทำแบบนี้ได้ไง!?" ผมเงื้อง่าจะชก เลือดขึ้นหน้า
กำลังจ้องตาเข่นเขี้ยว ดีมีเสียงร้องจากสตาฟเวที เรียกนักดนตรีให้เข้าประจำที่ ยั้งสถานะการณ์คุกรุ่นเส้นยาแดงผ่าแปด...คู่กรณีตอกกลับแค่ยกยิ้มมุมปากเย้ย เสยผม สะบัดมือจัดคอเสื้อตัวเองช้าๆ ก่อนเผ่นหายไป
ทิ้งผมหอบหายใจหนัก กำหมัดแน่น
ลิลลี่ช่อใหญ่ร่วงหล่นซ้ำถูกเหยียบหัก สูญหายไปตอนไหนไม่รู้ได้
ยิ่งเพลงสุดท้ายเห็นเหยี่ยวในชุดขาว เดินขึ้นไปร้องคู่บนเวที เกาะกุมมือไม่ห่าง ใจผมกระตุกจนเจ็บ หูอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
เห็นใบหน้ายิ้มร่า วิ่งถลามาหลังเวที ดีใจที่งานเสร็จลงด้วยดี ...ผมกลับฟูหัวใจพองโตอีกครั้ง
อยากเข้าสวนกอดแสดงความยินดี กลับทำได้แค่ยืนมองคนชุดขาวค่อยๆ ฟุบหลับกับอกกว้าง แล้วถูกเหยี่ยวอุ้มเกี่ยวเอวแนบสนิทกับตัว เดินผ่านผมไป...อีกครั้ง
ใจที่เพิ่งกลับเหี่ยวแฟบเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลอยคว้างกลางอากาศ
ผมว้าวุ่น นอนไม่หลับทั้งคืน เกือบรุ่งสางถึงได้ม่อยหลับเพราะความเพลีย
.....................
...........................
วันอาทิตย์...ตื่นบ่าย ผมนั่งงงกับชีวิตตัวเอง ไม่รู้จะไปทางไหนดี สุดท้ายเสียงเรียกร้องภายในหัวใจเป็นฝ่ายมีชัย
โทรหาบีกับเก็ทที่คอนโด น้องงัวเงียรับสาย
"เมื่อคืนกลับกี่โมง เพิ่งตื่นเหรอ?" ผม
"ตี 1 กว่าครับ ช่วยเก็บงานลีดเสร็จผมก็พาบีกลับเลย" น้องชายยังเสียงแหบพร่า คงเพิ่งตื่น
"ดีแล้ว พี่ห่วงอยู่ว่าจะไปต่อที่ไหนรึเปล่า ไม่โทรบอกพี่"
"ไม่ครับ บีไม่ไหว"
"เอ้อ เก็ท...เก็ทรู้มั้ย ลมพักที่ไหน?"
"เอ...ไม่รู้ครับ ลมบอกแค่ซอยข้างมอ.แถวคอนโดพี่เหยี่ยว"
อันนี้ผมรู้แต่แรกแล้ว คุยกับแม่ของลมที่เจอกันคราวก่อนก็บอกแค่ว่า ฝากให้รุ่นพี่ดูแลอยู่ห้องใกล้มหาลัย ไม่ได้คุยละเอียดเพราะติดพันวุ่นวายสอนร้อยมาลัยที่ร้านในห้างอยู่
แต่มันตรงไหนล่ะ...ทำไมไปกลับกับเหยี่ยวบ่อยครั้ง!?
"เก็ทไม่เคยถามเพื่อนเหรอ!?" ผมชักเดือด
"ไม่ครับ เก็ทยุ่งๆ เห็นลมปั่นจักรยานมาได้ เลยไม่ห่วง มันก็ไม่ว่าอะไรด้วย" เพื่อนสนิทประสาอะไร ไม่รู้ที่พักกัน เรียนจนเกือบจะ 2 เดือนอยู่แล้ว
"บีรู้รึเปล่า?" ผมจะเอาคำตอบให้ได้ อยากไปหาใจจะขาด
"ซักครู่นะครับ บีๆ บีจ๋า---" เสียงคุยถามกันลอดมาให้ได้ยิน
"---ว่าไง?"
"บีก็ไม่รู้ครับ ไม่โทรถามพี่เหยี่ยวครับพี่กาย"
"........." ผมชาวูบ เงียบงัน
"เอ่อ เก็ทขอโทษครับ เรื่องเมื่อคืน..." น้องช่วยล็อคตัวดึงออกมา อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
ผมปฎิเสธ ไม่อยากรับรู้ความจริงใดๆ
"ไว้วันหลังเก็ทถามลมมันชัดๆ ดีกว่าครับ ว่าแต่พี่กายมีธุระด่วน จะให้เก็ทโทรหามันเลยมั้ย?"
"ไม่ต้อง พี่แค่เป็นห่วง เห็นยืนฟุบหลับไป นึกว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า"
"ลมมันไม่เป็นไรหรอกครับ น่าจะใกล้เวลานอนบวกกับงานเสร็จ แบตหมดชักปลั๊กสลบเหมือดทันที"
"อ้อ เหรอ" ผมรู้แล้ว ได้ยินบ่อยแล้ว
"ตอนทำงานกลุ่มเก็ทเจอบ่อยๆ ถึงต้องไปทำงานบ้านมันไม่เคยมาบ้านเราเลย เขียนๆ อยู่หลับคาสมุดบ่อยครับ" เก็ทเล่าไปหัวเราะไป เห็นเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก
"อื้อ” ผมพยายามสงบอารมณ์
("อ๊าาาา หมูอ้วน มีอัพเพียบเลย มาดูเร๊ว!") เสียงบีแทรกเข้ามา ตื่นเต้นจนใคร่อยากรู้ไปด้วย
"เดี๋ยวๆ---บีว่าไงนะ ซักครู่ครับพี่กาย" เก็ทท้วงแล้วเงียบไป เสียงบีกรี๊ดเรื่องเว็บบล๊อกไดอารี่แว่วๆ
"บีว่าไงนะ-เก็ท!?" ผมหูผึ่ง รู้สึกมีความหวัง
"บีเข้าเน็ตของมอ. อยู่มีลิ๊งค์ไปบล็อคแฟนคลับของลมด้วย มีคนโพสต์เต็มเลยครับ" ผมตาโต หูผึ่ง
"บอกพี่มาเร็ว!"
"บีๆ---" เก็ทเรียกบีมาคุย
ผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกพลุ่งพล่านเต็มที่
คุยกันซักพัก โยนเรื่องให้น้องกลับมานอนที่บ้านค่ำนี้
พ่อกับแม่กลับมาจากต่างประเทศ ถึงพรุ่งนี้เช้าจะได้เจอกัน เก็ทโอดโอย
"โฮ่ยยยย-พี่กาย นึกว่าห่วงเพื่อนเก็ท ที่แท้จะให้น้องกลับบ้าน"
("ดีจัง จะได้ของฝากจากสิงคโปร์ด้วย รีบอาบน้ำเร็ว ไปทานข้าวบ้านกัน") บีเสียงใสแทรกเข้ามาในสาย
"555 รีบกลับมาเลยไอ้เสือ!" ผมหัวเราะกลบเกลื่อนบอกน้อง ตัวเองกระโจนหาโน๊ตบุค รีบเปิดเข้าเน็ตความเร็วเหนือแสง
............................
.......................................
ในบล็อค คนเขียนออกตัว เป็นของแฟนพันธุ์แท้ใกล้ชิดก็ว่าได้
ไม่ใช่เว็บที่ลมเหนือเขียนเองแต่ทำผมเสพติดหนัก ลุกไปไหนไม่ได้ วนดูซ้ำไปซ้ำมา
เป็นไดอารี่เรื่องราวของลมเหนือตั้งแต่แรกเข้ามหาลัย--- ไม่เล่าละเอียดมาก มีรูปเป็นส่วนใหญ่ อัพเดทช่วงแรกทุกสัปดาห์แต่ระยะหลังๆ ทุก 15 วันและตามอีเว้นต์ที่มีงานเข้ามา
คนเข้าเยอะมาก โพสต์ความเห็นว่าชอบและเจอลมเหนือตามที่โน่นที่นี่มาแชร์-เล่าสู่กันฟัง
ล่าสุดงานวันเสาร์ เมื่อวานนี้ แทบดูไม่ได้เพราะเต็มตลอด คนเข้าถล่มทลายจนน่าตกใจ
มีบางท็อปปิคดูไม่ได้ อย่างกระทู้เรื่อง 'หมาหมู่', 'ศึกชิงนาย', 'ราชินีเสียขวัญ' นั่นช่างเถอะ แค่เห็นใบหน้าหวานในภาพ ผมก็เคลิ้มจนลืมเวลา
แต่เอ๊ะ!...มีบางรูปสะดุดใจผม หมาฮัสกี้ตัวนั้นใช่ 'โชคดี' บ้านเจฟฟรี่รึเปล่า มือใหญ่นิ้วยาวสวยนั่นอีก ผมจำแหวนทองคำขาวลายเส้นขนนกที่นิ้วชี้ได้ ...แหวนของเหยี่ยวชัดๆ
ภาพพวกนี้น่าจะถ่ายที่บ้านเจฟฟรี่ ...และคนที่ถ่ายต้องมืออาชีพ
ชื่อ 'โจ๊ก' ผุดขึ้นมาในหัวผม!
***********************************TBC by puppyluv