ลมเหนือที่รัก
ตอน121 รูปหนึ่งของกาย
------------------------------
lom's
ตอนสายวันอังคาร-วันรุ่งขึ้น
ผู้หลักผู้ใหญ่จาก GES เข้ามามอบรางวัล มีสื่อมาทำข่าว รายการทีวีมาเก็บภาพ
ผมได้อภิสิทธิ์งดเรียนช่วงเช้าถึงได้มีโอกาสดูรูปในงานนิทรรศการ
(กันคนนอกไม่ให้เข้าตั้งแต่เมื่อคืนวาน ตอนเช้ามารอต้อนรับ ได้เดินดูแบบโล่งสุดๆ)
รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างหลัง เหลือบมอง อ้อ...
“พี่กาย หวัดดีครับ”
“หวัดดีครับ ลม...” พี่กายขอบตาคล้ำ เหมือนคนอดนอน ดูโทรมนิดๆ หากยังหล่อขาวสไตล์คุณชายตี๋สำอางค์ไม่เปลี่ยน
“ไม่สบาย หายดีแล้วเหรอครับ?” ผมอมยิ้มให้
“ก็ดีขึ้นบ้าง...ลมเป็นห่วงพี่ด้วยเหรอ”
“ครับ หายไปตั้งหลายวัน เมื่อวานเก็ทบอกพี่มาเรียนแต่ผมไม่เจอตัวพี่กายเลย”
“พี่---”
“พี่โจ๊กบอก พี่กายอยู่กับพี่เมี่ยงคำ” พยายามชวนคุย
"...."
"เก็ทว่าพี่เมี่ยงคำไปตามพี่กายที่บ้านด้วย ท่าทางเป็นห่วงใหญ่" ผมเล่าเรื่องเพื่อนซี้ตี๋โทรมาปรึกษาเชิงระบายความว่าพี่ชายหาย
“พี่กับเมี่ยงคำไม่ได้เป็นอะไรกัน!” เอ๋---อะไรหว่า
“เอ่อ พี่กายเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เก็ทชมให้ฟังบ่อย จริงๆ”
ผมไม่ค่อยได้คุยสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับพี่กายมาก แววตาพี่กายบางครั้งก็ดูแปลกไป คล้ายมีอะไรบางอย่างซ่อนลึกกว่าที่เห็น
อีกสายตาดุๆ ของพี่เมี่ยงคำในบางครั้งที่มองผมเวลาอยู่กับพี่กายด้วยแล้ว ทำให้ผมระมัดระวังความสัมพันธ์โดยไม่รู้ตัว...ผู้หญิงหวงแฟน หวงคนรัก พอจะจับได้อยู่หรอก
“ลมครับ...”
“ครับ?” มัวแต่ดูเพลินรีบหันไปมอง จะพูดอะไรกับผม สายตาพี่กายจ้องผมเขม็ง มีอะไรติดหน้ารึเปล่าหว่า
"....."
“มีอะไรครับ?” เห็นเงียบไปนาน ไม่ว่าออกมาซักที
เสียงถอนหายใจยาว เบนสายตามาที่ภาพตรงหน้า ผมมองตาม...
“นี่ใช่พี่กายมั้ยครับ?” ผมชี้คนในรูป
“ใช่พี่จริงด้วย"
"น่าจะเพลงแรก ผมยังมีหมวกอยู่เลย" ผม
"เราอยู่ในภาพเดียวกันเหรอเนี่ย พี่เพิ่งเห็น” พี่กายตื่นเต้น ขยับเข้าใกล้รูป จ้องมองจริงๆ จังๆ
“จริงด้วย อยู่กันคนละฝั่ง ผมติดกระดาษฝั่งซ้าย พี่กายฝั่งขวา” ชี้นิ้วสองมือ มือซ้ายชี้ตัวเอง มือขวาแตะพี่กายในรูป
จุดที่พี่กายยืนอยู่ ตำแหน่งเดียวกับบริเวณตั้งกล้องถ่ายวีดีโอ ใต้แสงไฟดวงหรี่เล็กสุดทางเดิน
มีผมใส่เสื้อขาว สวมหมวกคาวบอยยืนอยู่บนเวทีสว่างไสว ทางซ้ายของภาพ มือผมเหยียดแขนตรงไปที่กลุ่มคนดู
มองจากภาพนี้เหมือนผมชี้ตรงไปสุดสนาม ตรงจุดหมายที่พี่กายยืนอยู่อีกฝั่งพอดี
น่าจะมีพี่โจ๊กที่คุมกล้อง แต่พี่โจ๊กสวมเสื้อดำและก้มมองกล้อง เลยคล้ายเหลือเราสองคนประจันหน้าท่ามกลางคนดู
บรรยากาศภาพดุดันแต่สงบอยู่ในที
“เดี๋ยวพี่ขอรูปนี้เก็บไว้ดีกว่า” พี่กายยืนทางขวามือผม พูดเสียงกลั้วยิ้ม ท่าจะอารมณ์ดีขึ้นแฮะ
“ผมเห็นรูปพี่กับพี่เมี่ยงคำในรูปเล็กด้วยนะครับ พี่โจ๊กบอกขายดีมาก โดยเฉพาะน้องๆ นิเทศซื้อกันเต็ม”
“อืมมม...” พี่กายยังอยู่ในภวังค์ มองภาพตรงหน้าไม่ละสายตา
“รูปพี่กายตอนคุมงานก็เท่ห์มากนะครับ มีคนแห่ซื้อมากพอกัน” ผมเล่า
“ลม---"
"ครับ"
"ลม...ชอบเวทีมั้ย?”
“ครับ—มันยอดมาก พี่ดูสปอร์ตไลท์กระทบผ้าตรงนี้ ทำคนบนเวทีเหมือนลอยได้เลย” ผมชม ชี้ภาพตรงหน้าชื่นชมถึงคนทำเวทีด้วย
แหง๋ล่ะ นกดุข้างตัวเครียดตลอดช่วงขึ้นโครงเวที บ่นอุบ ไหนจะรบกับนิเทศ ฝั่งถาปัดยังลามถึงพี่เจ้าหน้าที่อาคาร กับเพื่อนกายของตัวเองอีก
ผมฟังพลางนวดหลังให้มัน เสียหูไม่พอยังเสียตัวให้มันอีกไม่เว้นวัน
พี่กายดูลุ่มหลงหนัก ท่าอยากแกะรูปใบนั้นออกไปกอดบัดเดี๋ยวนั้นให้ได้
"ไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ"
"ครับ"
"เอ่อ พี่หมายถึง---"
"ภาพนี้เหรอครับ?"
"อา ใช่"
ผมว่า บทสนทนาค่อนข้างเรียบง่ายและว่างเปล่าเกินไป
อาจเพราะพี่กายเพิ่งหายดี หรืออีกกรณีนึง ...ไม่รู้ซิ ผมเดาไม่ออก
..............
.................
['แช๊ะ']
"อยู่นี่เอง นึกว่าหายไปไหน” บุคคลที่สามปรากฏตัว
“พี่โจ๊ก!”
“ไง-กาย ดีใจที่เห็นมึงยังเดินได้ ขอบใจที่มานะเพื่อน”
“อืม...”
พี่โจ๊ก...เจ้าของรางวัลรูปถ่ายภาพสีจับปกเสื้อสูทมหาลัย กระชับเนคไทค์ เสื้อเชิ้ตนักศึกษาแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ ใบหน้าเปื้อนยิ้มยืดชวนใจละลาย ทายได้เลยว่าของ GES ทั้งข้างในข้างนอกแน่
วันนี้พี่โจ๊กดูดี หล่อเท่ห์ทะเล้น เวลานี้อมยิ้มสดใสแป้นแล้น นัยน์ตาคมยิ่งโดดเด่นน่ามองไม่วาง มีเสน่ห์ น่ารักชะมัด
"ตกลงมึงหายดีแน่แล้วเหรอวะ"
"หาย?"
"ก็ที่ว่าป่วยปางตายไม่ยอมมาเรียน จนพวกกูจะบุกบ้านมึงแล้ววันนี้"
"อ้อ" ดูพี่กายไม่ค่อยสนใจนัก
"มึงเล่นหายหัว กูคิดว่าจะชวดเจอมึงวันนี้ซะแล้ว" พี่โจ๊กตามคุย ไม่รุกเอาความมาก
"ไม่เป็นไรหรอก"
"เห็นสบายดีก็ดีแล้ว"
"อืม อย่างที่เห็น" พี่กายไม่สบตา ไม่ว่าต่อ
"กูแค่---กูหมายถึงพวกกูแค่เป็นห่วง" พี่โจ๊กช่างจ้อลิ้นพันกันซะงั้น
"อืม..." พี่กายเหม่อ
"ทีหลัง---" พี่โจ๊กหมดคำพูดเฉยๆ
"....." พี่กายเบือนหน้าหนี ปิดปากเงียบเชิงจบเรื่อง
"เอ้อ รับรางวัลเสร็จมึงอยู่ฟังบรีฟก่อนนะ" พี่โจ๊กเปลี่ยนประเด็น
"เรื่อง?" พี่กาย
"ไม่ค่อยชัวร์ ทาง GES เค้าอยากคุยกับช่างภาพกับพวกที่ได้ป๊อปปูล่าร์โหวตน่ะ"
"อืม ได้" พี่กายดูท่าแยกแยะออก เรื่องไหนเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหรืออย่างอื่น
"เราด้วยนะลม"
"ผม...อ่าครับ"
เหว่ย-ท่าจะงานงอก อาจารย์ปู่นัดให้ไปหาก่อนเที่ยงด้วย เพราะท่านจะไปต่างประเทศทั้งอาทิตย์
เดินทางบ่ายนี้ เจอกันอีกทีจันทร์หน้าโน้น สับหลีกไงดี อยากเป็นลมเหนือภาค x-mens แยกร่างได้จังเลยแฮะ
เรายังยืนกันปิดปากเงียบกัน 3 คน...ผมรู้สึกว่าพี่กายซ่อนอะไรบางอย่างไว้ และพี่โจ๊กก็ดูท่าจะรู้สึกยอมอ่อนบวกเกรงใจนิดๆ เลยไม่คิดจะล้วงลูกแต่อย่างใด บทพูดคุยจึงดูเกร็งและประดักประเดิก ว่าย้ำซ้ำไปมาประมาณพายเรือทวนวนในอ่าง ...ไม่เหมือนพี่โจ๊กและพี่กายตามปกติเท่าไหร่
'โจ๊กมันเซ็นต์ซิทีฟ ปากด่าว่า เสียงดังปาวๆ ห้าวไปงั้น แต่กับเพื่อน ยิ่งเพื่อนสนิท... โดยเฉพาะไอ้กายด้วยแล้ว โจ๊กมันเกรงใจจะตาย' นกติดเพื่อนเคยวิจารณ์ให้ผมฟัง
ตอนพี่โจ๊กอยู่กับผมตามลำพังเหมือนกัน พี่ชายคนนี้ใจดี พูดเบาและไม่เคยดุว่าเล่นหัวเหมือนตอนเข้าก๊วน รู้ว่าผมชอบหรือไม่ชอบอะไรจริง
ถึงตอนนี้ผมนึกสงสัย...พี่เมี่ยงคำไปไหน ทำไมไม่เห็นพี่เมี่ยงคำอยู่แถวนี้เลย
ที่ฉุกใจคือ พี่โจ๊กไม่ออกชื่อพี่เมี่ยงคำซักแอะ ทั้งๆ ที่บอกว่าเป็นหนึ่งในรูปขวัญใจมหาชน อยู่รูปเดียวกับเก็ทด้วยซ้ำ
“เห็นภาพชนะเลิศยัง?” พี่ตาคมหันมาถามผม
“ยังครับพี่โจ๊ก เพิ่งเข้ามาเมื่อกี้ เดินไม่ทั่วเลย” ผู้คุมกฎปล่อยผมลงตัวเองเอารถไปเก็บ บอกเดินไกลจะพาลเป็นลมอีก ยังไม่มีแดดแถมแปดโมงเช้าเนี่ยนะ คิดไปได้
“รีบไปดูเร็ว พวกท่านๆ มาจะอดเชยชมผลงานระดับเทพของพี่” ตากล้องโอ่ไม่สนใคร ไม่เปลี่ยน...กลับเป็นพี่โจ๊ก พี่ชายขี้เล่นคนเดิมแล้ว
“โจ๊ก---” คนถูกเรียกชะงักกึก
“อะไรกาย?”
“ขอรูปนี้ได้มั้ย?” พี่กายชี้ภาพตรงหน้า ภาพที่ดูกับผม ท่ามกลางฝูงชนเราสองคนเสมือนคู่กัน ทว่า เรายืนคนละฝั่ง
“ได้ จะบอกน้องให้ ชอบรูปไหนอีกบอกเลย อ้อ เอาไฟล์ไปด้วยก็ได้ ---ไปลม ไปดูงานพี่” คว้าแขนผมลากลิ่วๆ
ผมรู้สึกวูบโหวงพิกล
“พี่กายครับ...ไปดูด้วยกัน”
“พี่ตามไป เชิญครับ” สุภาพไม่เปลี่ยน ไม่เหมือนไอ้พี่ไฮเปอร์คนนี้ ---ให้ตาย
คล้ายแวบเห็นแววตาของคนอยู่ในระยะทำใจจากการสุญเสียอะไรซักอย่างจากพี่ชายคนนี้ยังไงไม่รู้
มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่กายกับพี่เมี่ยงคำ หรือผมคิดมากไปเองนะ...
**************************TBC by puppyluv