ลมเหนือที่รัก
ตอน141 my old man
------------------------------
yeaw’s
เจอพ่อตอนเย็น ผมคิดไว้ในใจ 'คงไม่คุยอะไรกันมากแน่' พ่อไม่เคยสนใจแม้จะชายตามองคู่ควงของผมอยู่แล้ว
แต่...กลับผิดคาด
ลมเหนือสนทนา พูดคุยกับพ่อเหมือนเป็นเรื่องปกติ ยิ้มแย้มสีหน้าธรรมดา
การเสวนาลื่นไหลไม่ตื่นตูมเลยซักนิด พ่อต่างหากที่ผูกขาดบทสนทนาอยู่กับคนๆ เดียว หัวเราะก้อง
แปลกใจงงง พ่อไม่เคยดูผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อน
อย่าบอกนะว่าหลงเสน่ห์คนของผมอีกคน
“เหยี่ยว...เสร็จแล้ว ลงมาคุยกันหน่อย”
“...ครับ”
ตอนเด็กถึงวัยรุ่น เคยโกรธเกลียดไม่เข้าใจ ไม่เข้าใกล้ ขัดขืนเกเร ง้างอำนาจทุกวิถีทาง
พอโตขึ้นช่วงเข้ามหาลัย พ่อผ่อนปรนผม ผมก็ไม่ยุ่งให้เกียรติแต่รักษาระยะห่างไม่เคยเข้าใกล้มาตลอด
นี่อาจเป็นการเผชิญหน้าตรงๆ ระหว่างพ่อลูกครั้งแรกอย่างจริงจังกระมัง ...
จะเป็นผู้ใหญ่ก็มีเรื่องต้องก้าวข้ามเหมือนกัน
..............................
.......................................
โอบหลังคนของผมพาขึ้นห้อง...
รอจนอาบน้ำเสร็จ ตัวเย็นๆ หอมๆ นุ่มลื่นมือก็ซุกแนบอก
อา...ทำหายไปตั้งสองวัน แทบบ้า ผมกกกอด วาดวงแขนรัดแน่นยิ่งกว่าเพนกวินจักรพรรดิหวงไข่
“แด๊ดพี่เหยี่ยวนี่ยอดเลยนะครับ หล่อ เท่ห์ สมาร์ทมากด้วย” อ้าวๆ ชมผู้ชายอื่นกะอกกูเนี่ยนะ
“อือ หึ๊...”
“ตอนลมอายุเท่านั้น อยากเท่ห์แบบนั้นจัง” อย่าเลยที่รัก เป็นแมวน่ารักแบบนี้ดีที่สุดแล้ว
“คุยไรกันมั่ง?” คลอเคลียแก้มนวล อยากรู้
“เรื่องเรียน ชีวิตประจำวัน ...ดนตรี”
"อืม...เพลินเลย"
พ่อเข้ามานั่งทานของกินเล่นที่โต๊ะทานข้าว ลมเหนือช่วยจัดวางเลยได้นั่งคุยกัน
ปล่อยให้เสวนากันเอง ตัวผมปลีกมาเฮฮากับเพื่อนบริเวณนั่งเล่นใกล้กัน
ยังงงว่า หัวเราะยิ้มแย้มอะไรกันสองคน...แด๊ดไม่เคยมีท่าทีอย่างนี้มาก่อน
เพื่อนสามคน กาย โจ๊ก เจฟฟรี่ยังชายตามองอึ้งๆ
เจฟฟรี่กับโจ๊กขนาดมาเจอบ่อย ยังเกรงๆ ไม่คุยมากความ
เก็ทกับบียิ่งแล้วใหญ่ ยกมือไหว้ทักทายชิ่งหนีไกล
ไอ้กายที่ว่าสุภาพเรียบร้อย มีแววสุดยังขยาดไม่คุยกับพ่อผมนับคำไม่เกิน 10
เท่าที่ดู คนของผมเข้ากับคนสูงอายุเก่ง ไม่เคอะเขิน
อาจเพราะอยู่กับคนแก่มาตลอด วุฒิภาวะเลยสูงกว่าคนวัยเดียวกัน
“ฮ้าววว---” เด็กหาวหวอด ซุนจมูกคลอเคลียต้นคอผม
“คนเก่ง ง่วงแล้ว” โยกตัวเห่กล่อม ลูบแผ่นหลังเบา
ช่วงเวลาความสงบสุข สายลมพัดบางเบาอย่างที่ผมชอบ
ตัวนุ่มนิ่มในวงปีกของผม...จูบแช่ขมับ สูดกลิ่นแชมพูเข้าปอด
“พี่เหยี่ยว...”
“หือ...”
“ตอนอยู่ที่วัด ลมคิดว่า ถ้าลมหายไปจากโลกนี้ทั้งที่ยังโกรธพี่อยู่ ลมคงรู้สึกแย่น่าดู ต้องตกนรกขุมลึกๆ ลึกมากแหง๋”
“หึหึ”
แม่ถึงยายเค้าสอนมาดี ให้ถือศีล 5 สวดมนต์ตอนเช้าตรู่ทุกวันถ้าทำได้
ส่วนตักบาตรผมบังคับให้ลงไปแค่วันพระกับวันหยุดที่ว่างจริงๆ
ได้อาซ้อ อาซิ้มร้านขายกับข้าวมังสวิรัติห้องแถวด้านหน้าเป็นพวก
"ตอนเด็ก ลมนั่งเฝ้าพ่อหน้าเตียง พ่อไม่ตื่นซะที ลมเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้จนเมื่อย ในใจคิด ถ้าพ่อตื่นมาพยักหน้านิดๆ ให้ ลมคงดีใจท่วมแน่ๆ"
"....." ผมกอดแน่น เด็กขนาดนั้นถ้ามีพ่อเป็นเจ้าชายนิทรา ผมนึกภาพตัวเองไม่ออกเหมือนกัน
"ลมจะบอกรักพ่อทุกเช้า-เย็นเลย กอดทุกวันเลยด้วย อืม..." คล้ายละเมอ บดเบียดซุกแน่นกับเนื้อตัวผม
"ที่รัก..."
“โชคดีที่มีพ่ออยู่ด้วย โชคดีจัง” คล้ายละเมอ ก่อนขยับตัวซุกเบียดอีกหน
“...คนดี”
“ของลม---อืมมม ” หลับตาพริ้มสูดกลิ่นกายหลังต้นคอเข้าทรวงอก
ภายในรู้สึกน้ำตาร้อนไหลเอ่อ น้ำตาตกในคงรสชาดประมาณนี้
จะรู้มั้ย คนนี้ทำลายกำแพงของผมพังภินทุ์ในพริบตา
ถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน โชดดีเหลือเกินที่มีกันอยู่ในช่วงเวลานี้---ความคิดแบบนี้มาได้ยังไง
...พ่อเป็นคนเดียวที่ผมมี ป้ามารีน่าที่ว่าเป็นยิ่งกว่าแม่ทูนหัว เป็นนางฟ้าประจำตัวผมแต่ก็ไม่ใช่พ่อ
...พ่อไม่เคยเรียกชื่อผมว่า 'Alex' หรือ 'Alexander' แต่จะเรียก 'เหยี่ยว' 'เหยี่ยวขาว' นามที่เขาตั้งให้ผม
...ผู้ชายที่รออยู่ข้างล่างเป็นคนให้ชีวิต ให้เลือดเนื้อนี้กับผม
สูดอากาศเข้าปอดปรับอารมณ์อ่อนไหว---
กอดกระชับคนตัวอ่อนโรยลง ค่อยๆ ปล่อยเอน จัดท่าให้นอนสบาย ซุกตัวกอดครู่ใหญ่
ทุกค่ำคืน ผมต้องตัดใจไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเที่ยว ให้ลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่ได้
เทวดาแสนสวย...ตอนเค้าลุกจากเตียงตอนเช้า จะมีคิดแบบเดียวกับผมมั้ยนะ
......................
................................
ในบ้าน ห้องนั่งเล่น เปิดม่านกระจกเต็มบาน ...
เห็นปาร์ตี้ริมสระเริ่มตั้งวงไพ่ คำนวณคณิตศาสตร์อีกรอบ แมวไม่อยู่หนูร่าเริง
นั่งโซฟาคนละฝั่ง ประจันหน้ากันอยู่กันสองพ่อลูก
แอนเดรียน่าเดินมาเคาะกระจก ส่ายเอวฮูลาฮูล่ากับเฟอดริเอโก้ให้ดูล้อๆ ก่อนเดินเข้าบ้านอีกทาง
คงมาเติมเสบียงจากตู้เย็นในแพนทรี-ครัวเล็ก
“โรมมี่นอนแล้วเหรอ” ถามลูกถึงคนของลูกเนี่ยนะ เรียกชื่อที่แอนเดรียน่าขานซะสนิทปาก
(กรุณาแกล้งๆ เข้าใจว่าผมกับพ่อคุยภาษาประกิด เนื่องจากพ่อเป็นฝาหรั่ง-ลูกจีไอ ส่วนผมเป็นหลานจีไอ)
“ครับ เค้าเข้านอนเร็ว ตื่นเช้าตรู่” ผมลูบต้นคอ พื้นที่หวงแหนเพื่อคนๆ เดียว
“คบมานานยัง?”
“อารักษ์คงรายงานแด๊ดแล้ว” สายสืบของพ่อส่งตรงถึงมือไม่มีพลาดซักราย
“อืม ใช่ อยากได้ยินจากปากน่ะ” จะสนทำไม ทุกทีไม่เคย ขนาดคนเคยทำให้เดือดร้อนยังตามล้างเช็ดให้เอง ไม่เคยถามเอาความจากผม
“ไม่นาน---เหมือนเมื่อวานกับวันนี้...ตลอดเวลา” ผมยิ้มบางกับตัวเอง
“555 ลืมวันลืมคืนเลยเหรอ” ไหงหลุดมาดงี้ล่ะครับ
“ประมาณนั้นครับ” ผมไม่บอกหรอก ตั้งเวลาในเครื่องคอม นั่นวันเวลาของผมกับเค้า---สองคน
"ไม่อยากเชื่อ"
"ครับ..." ผมก็ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน
ช่วงเวลาเคลิ้ม จะหลับมิหลับแหล่ มักเผลอไผลถามผม...
'เราอยู่ด้วยกัน...นานยัง'
'นาน เท่าไหร่ดี' รู้แต่แกล้งย้อนเด็ก
'เมื่อวาน วันนี้ แล้วก็พรุ่งนี้อีกวันไง'
'ใช่ ที่รัก...พรุ่งนี้อีกวัน'
สิ้นประโยคจากผม เด็กน้อยหัวเราะคิกเบาๆ แล้ววงแขนโอบรัดตัวผมแน่น
ก่อนสูดเข้าปอดแล้วค่อยถอนลมหายใจออกช้าๆ เข้าสู่นิทรารมย์...กับอกผม ทุกคืน ทุกวัน
สิ่งที่ผมกังวล กังขาว่า เค้ายังอยากอยู่กับผมมั้ย
ลบเลือนหายไปทีละน้อยๆ จนไม่เหลือซาก...เพราะกอดตอบนั้น
“โรมมี่เค้าขอบคุณเรื่องทุนของอาทิตย์กรุ๊ป?” แด๊ดเลิกคิ้วหยอก เชิงถามผมในที รู้สึกเหมือนเด็กแอบกินขนมในห้องนอนแล้วโดนจับได้คาเศษขนมบนเตียงยังไงยังงั้น
“ครับ---ผมเอง” จับปกเสื้อ ยืดอกรับ
“กะผูกมัดไม่ให้ไปไหนเลย---ว่างั้น”
“ถ้าทำได้” ผมหมายมั่น ตอนนั้นแค่อยากแกล้งเรื่องอวดดีไม่ยอมผม แต่ตอนนี้---เอาจริง
“555 แต่แด๊ดว่า คนนี้ท่าจะยากว่ะ” ไม่เคยหยอกผมเช่นนี้เลย
“แด๊ดตอบเค้าว่าไง?” ชักสนุก ใคร่รู้
“รับสมอ้างซิวะ ปลื้มซะไม่มี” กระหยิ่มยิ้มย่องจับปกเสื้อ ยืดอกสูดลมหายใจเต็มปอด ---กิริยาเหมือนผม
“ได้ไงครับท่าน” ผมเย้า
“อ้าว---ระดับไหน นี่ใคร นี่อินทรี Arthuriur อาทิตย์ชิงดวง ตัวจริง 555”
“555” ต่างคนระเบิดเสียงหัวเราะ ไม่เคยผ่อนคลายเท่านี้มาก่อน
บรรยากาศผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเราคุยกันเรื่อง 'โรมมี่' ลมเหนือของผม...งั้นเหรอ
ครั้งสุดท้ายที่ผมเปลี่ยนใจไม่ล้ำเส้นกับพ่อ คือตอนโดนยำจากแก๊งค์นักเรียนหน้าปากซอย (พวกไอ้โจ๊ก)
ตีกันกับอาชีวะอีกฟาก พวกนั้นเป็นศัตรูเก่าแก่กันมา พวกนานาชาติผมผ่านไปเห็นเหตุการณ์
เจฟฟรี่พุ่งเข้าช่วยโจ๊ก ทั้งกลุ่มเลยโดนรุมไปด้วย
ขึ้นโรงพักเพราะตามไปให้ปากคำ เพื่อนบางคน...ไอ้รักษ์กับเอเจบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล
พ่อใช้อำนาจตามเคลียร์เรื่องให้เงียบ
เย็นนั้นกลับเข้าบ้าน ดินเนอร์มื้อนั้นยังจำฝังใจจนทุกวันนี้...
เลขาพ่อเข้ามาตาม...โดนตวาดกลับ
"I am--- table with my son!"
ความไม่เข้าใจ ความสับสน ความน้อยเนื้อต่ำใจ
ทำแต่งานไม่สนใจผม ทำให้แม่เป็นบ้าเพราะมีผู้หญิงซุกซ่อนไว้
ที่คิดว่าพ่อไม่รักผม ไม่เห็นผมเป็นลูกชาย...กระจ่างในวินาทีนั้น ประโยคนั้น
ไม่รู้รสชาดอาหารมื้อนั้นเลย เพราะมันเค็มน้ำตา เค็มน้ำมูกน้ำลายมั่วไปหมด
เป็นครั้งแรกที่พ่อยื่นมือมาเช็ดหน้าตาให้ แล้วโอบแขนกว้าง กอดผมไว้
..................
........................
('ก๊อกๆๆ') เจฟฟรี่กับกายเดินเข้ามาเคาะประตูบานเลื่อนกระจกที่ปิดอยู่
ชูแก้วชวนดื่ม เรา 4 คนยกแก้วชูก่อนจรดเข้าปาก ลูกผู้ชายยอมรับกันด้วยความเงียบ
มองตาม 2 คนนั่นเดินไปรับแพ๊คเบียร์กับของกินจากแอนเดรียน่าและหัวทอง
“เรื่องมรดกกองกลาง จัดการให้เสร็จก่อนวันเสาร์ที่ 13 นี้นะ ไปร่วมงานให้ป้าเค้าดีใจหน่อย” ก็เสาร์-อาทิตย์ที่จะถึงนี้ซิ วันจันทร์ที่ 15 วันแสดงดนตรีพอดี
“ผม...หาได้มากกว่านั้นอยู่แล้ว”
ไม่อยากโอ่แต่ไม่อยากไป เงินมรดกรายปีให้ลูกหลานที่อายุยังไม่ถึง 25 ปี
ต้องไปให้เห็นหน้า เซ็นรับทุกปี หาเรื่องรวมญาติ ตรวจสอบความประพฤติซิไม่ว่า
ป้าเองไม่ชอบหรอก แต่พวกหมาไนนั่นโยนกองมาให้ ต้องรับเป็นเจ้าภาพบ่อยครั้ง
“รู้.... แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อวงศ์ตระกูล คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก ถือว่าไปช่วยป้ามารีน่า”
“ได้ครับ”
“อ้อ ป้ามารีน่าอยากมาดูงานของโรมมี่ด้วย มาพร้อมกันก็ดี---แอนเดรียน่าไม่ได้บอกเหรอ”
“บอกแล้วครับ” ชักขึ้งๆ ไม่ชอบใจ เรื่องคนของผมกระฉ่อนไกลถึงไหนต่อไหน ทำไมมีแต่คนสนใจใคร่รู้นัก
ร่างชายสูงวัยเดินไปเปิดตู้เซฟหลังรูปโมเน่ต์ หยิบกล่องเล็กๆ สีดำออกมา
“ของย่า ---ให้มาอีกที ลูกอาจต้องใช้” ผมเคยเห็น จำได้ติดตา
เปิดกล่องกำมะหยี่สีดำ แหวนเพชรน้ำงามสีชมพูจางๆ กระจ่างสดใสล้อแสงไฟ
นึกถึงนิ้วเรียวสวยวูบ จะพอดีนิ้วนางข้างซ้ายมั้ยนะ---
ไม่ซิ นั่นสำหรับแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆ ดีไซน์เกลี้ยงๆ แบบที่ผมชอบ
ผมจะหาให้เค้าเอง แหวนวงนี้คงต้องระเห็จไปอยู่นิ้วอื่น
หยิบมาดู น่าจะนิ้วก้อยได้...เผลอยิ้ม ตกอยู่ในภวังค์
“ไปสนุกกับเพื่อนเถอะ...”
“...ครับ”
ปิดกล่องหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อเชิ๊ต จะเดินออก มือจับลูกบิด ‘ถ้าหายไป ---โชคดีที่มีพ่ออยู่’ สะท้อนก้องในหัว
“แด๊ดครับ---”
“หือ...”
“ลมบอกว่า แด็ดเป็นสุภาพบุรุษ เป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมมากคนนึง"
"....." ร่างแกร่งตัวสูงโย่งที่ยืนมองไปที่สระข้างนอกหันมาหามองผม
"แต่เหยี่ยวขาวมีลมเหนือหนุนปีก ผมจะบินสูง เข้มแข็งกว่าใครแน่นอน---แด๊ดไม่ต้องห่วง”
เป็นเดินเข้าไปกอด ฝ่ายนั้นเงอะงะก่อนโอบแขน กอดตอบผมแน่น
“555 เหยี่ยวขาว My son” อุ้งมือใหญ่จับเนื้อตัวก่อนตบหลังผม โยกตัวผมไปมาหนักๆ เหมือนเป็นเด็กตัวโต ---พ่อหัวเราะก้อง
“My old man” (พ่อของผม)
“ขอบใจ ...เหยี่ยวขาว” ตบหลังผมปึ่กๆ เร็วแรงไม่ขาด
ผมไม่ตอบแต่ยิ้มกว้าง พยักหน้ารับ เห็นขอบตาผู้ชายสูงวัยรื้อคลอหน่วยตา
เสมือนสายลมพัดเมฆที่ยอดเขา ช่างเย็นฉ่ำและแสนสบาย
ความรู้สึกหนักอึ้งตลอดวันเวลาในอดีตเลือนลางจางหายไป
***********************************TBC by puppyluv