.... แอบอู้ไปทั้งคืน ...กลับมาต่อให้แล้วนะค้าบ ....
2.
แม้บางครั้งจะรู้สึกว้าเหว่บ้าง แต่เอกก็ค่อนข้างพอใจกับชีวิตที่เกาะสมุย ธรรมชาติกับชีวิตที่ราบบเรียบ ไม่รีบร้อนวุ่นวาย แข่งขันกันอยางในกรุงเทพ ทำให้จิตใจของเขาเริ่มสงบขึ้น การทำงานที่สนามบิน สลับกับออฟฟิศในตัวเมืองสมุย ก็ทำให้เอกไม่รู้สึกเบื่อกับการทำงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนก็น่ารัก และมีน้ำใจ เอกเริ่มสนิทกับพี่บราวน์มากขึ้น และเพื่อนๆ ในแผนกอีก 2-3 คน หลังเลิกงานเขาก็ออกไปโน่นมานี่กับเพื่อนๆ หรือไม่ก้ไรวมตัวกันที่บ้านพี่บราวน์ นั่งดูทีวี ทานข้าว พูดคุยกันสนุกสนาน บ้างก็พูดถึงเรื่องงาน บ้างก็เล่าถึงพฤติกรรมแปลกๆ เรื่องตลกๆ ของผู้โดยสาร พี่บราวน์จะชอบเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้ฟัง สมัยแกเรียน สมัยที่อยู่ในกองทหารเกณฑ์ว่าทำอะไรมาบ้าง แต่ละเรื่องก็เป็นเรื่องสนุก และเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เอกไม่เคยรู้ไม่ก่อน ในความเป็นตัวตนอีกด้านของพี่บราวน์ ซึ่งก็เป็นสิ่งทีทำให้เอกสบายใจ และเริ่มวางใจที่จะวางตัว และแสดงตัวตนความเป็นตัวของเขาเองให้เพื่อนๆในกลุ่มได้รู้ ว่าเขาเป็นอย่างไร เอกเริ่มเปิดใจ และเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟัง รวมทั้งเรื่องเลสลี่ด้วย
“โห .. อย่างเอกเนี่ยนะเป็นเกย์ มีแฟนเป็นผู้ชายด้วย ไม่น่าเชื่อ” ผึ้ง เพื่อนในกลุ่มอีกคนออกความเห็นหลังจากฟังเรื่องของเอก
“นี่ ยัยผึ้ง แกดูไม่ออกเลยเหรอว่าใครเป็นไม่เป็น ฉันน่ะดูออกตั้งแต่เห็นมันแล้ว ... อย่างว่า แหละ ผีเห็นผี ฮะฮะ ...แต่ผู้หญิงก็เป็นซะอย่างนี้แหละ ชอบหลงคิดว่าตัวเองสวย จะคึงผู้ชายให้มาสนใจได้ แต่ขอโทษเหอะๆ กว่าค่อนโลกมันก็แบบเดียวกันกับพวกฉันนี่แหละ “ .... พี่บราวน์ ออกความเห็นแกมหยอก ทำให้ได้หัวเราะหายเครียดกันไป
“เอก .. อย่าไปคิดอะไรมาก ดูอย่างฉันสิ ออกจะพราวด์ เราต้องมั่นใจในความเป็นเรา เราต้องเป็นผู้เลือกไม่ใช่ผู้ถูกเลือก” พี่บราวน์อกกความเห็นบอกเอกอีกรอบ
“ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามนะพี่ แต่มันก็นะ ...พูดยาก ก็คนมันผูกพันนี่...” เอกตอบ
“ชิ ... ผูกพัน ... ผูกพัน อะไร มันก็ผูก (ผสม)พันกับแกนั่นแหละ .. . คำว่าผูกพันมันก้เป็นแค่ข้ออ้าง ที่แกเอาไว้ปลอยใจตัวเองว่า สักวันเขาจะเห็นแก่ความดี ที่แกทำให้เขา แล้วกลับมาหาแก อย่างนั้นสิ ... นั่นแหละ ผูกพัน ... คนหนึ่งรัก อีก คนไม่รัก มันจะผูกพันยังไงละเนี่ย ....”
“นั่นสินะ ...ผูกพันเหรอ ...ผูกพันตรงไหน ทุกอย่างที่เราคิดมันก็มาจากเราฝ่ายเดียวเองนี่นา ....” เอกฉุกคิดกับคำพูดของพี่บราวน์
“ถ้างั้นเหตุผลที่เอกขอมายอู่สมุยเนี่ย ก็เพราะอยากจะหนีให้พ้นจากที่ที่แก เคยมีความรัก ว่าอย่างนั้นเถอะ .... โอย ... เอกเอ๊ย ไม่ว่าแกจะหนีไปไหน หนีไปไกลถึงอีกฟากโลก แกก็หนีไม่พ้นหรอก เพราะมันอยู่ที่ใจแก ถ้าแกไม่ตัดใจ ต่อให้ไปอยู่ไกลจากที่เดิมๆ แค่ไหน มันก้เจ็บปวดอยู่ดีแหละ” พี่บราวน์พูดปลอบแกมสอนไปในเชิง
.... นั่นสินะ ถ้าไม่ตัดมันออกไป ...ไม่ว่าจะหนีไปไหนก็ไม่อาจหนีพ้น ความรู้สึกที่อยู่ในใจได้หรอก เขาจะต้องพยายามตัดใจ เหตุของความเจ็บปวดหลังจากที่คนสองคนเลิกกัน ไม่ใช่เพราะความรักมันจบลง แต่มันเป็นเพราะอีกคนยังคงรักต่อไปต่างหาก ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสินใจเดินจากมันมาแล้ว เขาไม่ควรคิดจะเสียใจหรือเสียดายอะไร เพราะตัวเองก็เป็นฝ่ายรักเพียงฝ่ายเดียว มันก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะยื้อความสัมพันธ์หรือความผูกพันอะไรนี้อีกต่อไป ... เขาต้องเริ่มใหม่ ..เริ่มให้ได้ด้วยหัวใจที่ไม่มีคนนั้นมาเป้นอิธิพลต่อจิตใจ ....
*******************************************************************************
“เอก ...รับผู้โดยสารคนนี้แทนพี่ที พี่ยังติดเคสอยู่”พี่ป๋อง รุ่นพี่ที่ทำงาน วานให้เอกช่วยรับผู้โดยสารแทนเพราะยังทำงานค้างอยู่
“ครับพี่ …” เอกหันกลับไปมองผู้โดยสารและเชิญให้มาที่เคาน์เตอร์ของเขา ผู้โดยสารคนนั้น ดูท่าทางเป็นชาวต่างชาติ หน้าตาออกไปทางคนญี่ปุ่น แต่ถ้าดูอีกทีก็คล้ายๆ คนไทย แต่เพื่อความไม่ประมาท เอกจึงทักทายเขาเป็นภาษาอังกฤษไป
“Good Morning Sir, Can I help you?”
ผู้โดยสาร คนนั้นมองหน้าเอก แล้วยิ้ม “ ผมพูดไทยได้ครับ” สำเนียงไทยที่ค่อนข้างชัดเจนของเขา แต่ก็ยังดูออกว่าไม่ใช่คนไทยที่พูดไทยได้เป็นภาษาหลัก เอกเริ่มคุ้นกับผู้โดยสารคนนี้ แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าเป็นใคร อาจเคยเป็นผู้โดยสารที่เดินทางบ่อยๆ เพราะที่นี่ก็มีผู้โดยสารที่เดินทางประจำอยู่หลายคน เขาอาจเคยเห็นผ่านๆ ที่สนามบิน เมื่อผู้โดยสารบอกแล้วว่าพูดไทยได้ เขาก็เลยคุยกับผู้โดยสารคนนั้น สอบถามความต้องการ .. น่าแปลกที่ผู้โดยสารมองเอก และยิ้มอยู่ตลอดเวลา เขาก็แปลกใจว่ามอและยิ้มอะไร เขามีอะไรผิดปกติ หรือทำไรเปิ่นๆ หรือเปล่า ...
“ผมอยากจะขอเลื่อนไฟลท์กลับ กรุงเทพไปอีกสัก 4 วันครับขอเป็นเที่ยวบินตอนเย็นได้ไหมครับ นี่ครับตั๋ว” ผู้โดยสารคนนั้นบอกความต้องการพร้อมทั้งยื่นตั๋วให้เอก ขณะพูดเขาก็ยังนิ้มและมองเอกไม่ละสายตา
เอกเริ่มเขินกับการมองของเขา แต่เขาก็รู้สึกว่า เขาคุนนหน้าผู้โดยสารคนนี้จริงๆ เขารับตั๋วนั้นมาเพื่อดูรายละเอียดและจะเปลี่ยนการเดินทางให้ ... เมื่อเอกอ่านชื่อ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่า เขาคุ้นกับชื่อนี้
“MR. Aranishi Kenji ….” “ชื่อคุ้นจัง” ..เอกคิดในใจ แต่เขาก็ไม่ได้นึกไปไกลกว่านั้น เพราะใจยังจดจ่อกับการทำงาน
“อีก 4วันถัดไปก็เป็นวันที่ 10 กันยายนนะครับ เที่ยวบินที่ว่าง เวลา 19.00 น. ครับ ต้องการเปลี่ยนเป็นไฟลท์นี้ไหมครับ”
“ได้ครับเปลี่ยนได้เลย”ผู้โดยสารคนนั้นตอบ และก็ยังยิ้มและมองเอกอยู่อย่างเคย
“รอสักครู่นะครับ” เอกเริ่มขวยเขินกับการมองของเขา สายตาแบบนี้ เขาเคยเจอที่ไหนนะ เอกยังนึกไม่ออก ชื่อก็ด้วย เขานึกไปขณะที่กำลังเปลี่ยนไฟลท์ให้ผู้โดยสาร “Aranishi ..Kenji ...ทำไมชื่อนี้มันคุ้นๆ จังนะ” เอกนึกในใจ
“เรียบร้อยครับ เปลี่ยนเป็นเที่ยวบินเวลา 19.00 น. วันที่ 10 กันยายน ครับ วันเดินทางติดต่อ check in 1 ชั่วโมงก่อนไฟลท์ออกนะครับ” เอกจัดการเปลี่ยนไฟลท์และยื่นตั๋วกลับให้ผู้โยสารพร้อมทั้งทวนรายละเอียด
“ขอบคุณครับ คุณเอก ... เพิ่งมาทำงานที่นี่เหรอครับ” ผู้โดยสารรับตั๋วคืนจากเอก และชวนเอกคุยต่อ
“ครับ .. ก็มาประจำที่นี่ได้เกือบ 4 เดือนแล้วครับ”
“มิน่าละ ไม่เห็นไปที่ เดอะมิกซ์เลย ตั้งแต่วันนั้น มาอยู่ที่นี่เอง” ผู้โดยสารคนั้นตอบ พร้อมปล่อยมุขเด็ดออกมา จนทำให้เอกนึกนึกขึ้นมาได้ว่า ...
“เคน .. เคนซัง” เอกเรียกชื่อเขาเบาๆ
“ใช่ครับผมเอง .. บังเอิญมากเลยนะ .. ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่นะครับ” เคนตอบเอกและพูดคุยอย่างสนิทสนม ดูเขาดีใจที่ได้เจอเอก
เอกทำหน้า เจื่อนๆ งุนงง และตกใจในความบังเอิญ แบบนี้ “ใช่ ..ใช่ครับบังเอิญจังเลย .. สบายดีนะครับ แล้วนี่มาเที่ยวเหรอครับ”
“ใช่ครับ ... มาพักผ่อนนะ ยังไม่อยากกลับเลยมาขอเลื่อนไฟลท์กลับอยู่ต่ออีก 3-4วัน เลยมาเปลี่ยนไฟลท์ ไม่คิดว่าจะได้มาเจอคุณที่นี่เลย เซอร์ไพรซืมากๆ ...นามบัตรที่ให้ไปยังเก็บไว้ใช่ไหม ไม่งั้นคงจำผมไม่ได้ ...” เคนยังพูดคุยเหมือนเคยเหมือนกับเขาสนิทกับเอกมานานนม ทั้งที่ก็เป็นแค่ครัง้ที่สอง และก็เป็นฝ่ายเขาอีกนั่นแหละที่คุยเป็นชุดเหมือนเคย ...
ไอ้อ ..ครับยังเก็บไว้ ...แต่ก็ไม่ได้โทรหาเลย .. แฮะๆ ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงตอนนี้ก็เจอกัน แล้ว ...”เขาตอบยิ้มๆ และมองเอกอยู่อย่างเคย ...
“เอกยังอึ้งอยู่ ..ทั้งสองมองกันอยู่สักพัก เอกก้เหลือบไปมองเห็นผู้โดยสารชาวต่องชาติอีกเดินมายืนรออยู่ด้านหลังเคน เอกเลยจำเป็นต้องตัดบท
“ทุกอย่างเรียบร้อยนะครับ ..” เอกพูดพร้อมส่งสายตาให้เคนเหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่ามีคนอยู่ข้างหลัง
“อ้อครับ ..ขอบคุณนะ ...วันนี้เลิกงานกี่โมง ... โทรหาผมนะ จะได้นัดเจอกันกินข้าว ผมอยู่โรรงแรมใกล้ๆ นี่เอง” เคนตอบพร้อมกับขอนัดเอกไปในที
“...เอ่อครับ ...เลิกงานแล้วเดี๋ยวผมโทรหาครับ..ขอบคุณครับ” เอกยกมือไหว้ขอบคุรตามหน้าที่หลังจากให้บริการผู้โดยสารเรียบร้อย
เคนเดินหลีกทางให้กับผู้โดยสารอีกคน “แล้วผมจะรอนะ” เขาพูดย้ำก่อนเดินออกไปจากเคาน์เตอร์ ... เอกไม่ตอบแต่หันไปยิ้มให้เขา และหันกลับมาทักทายผู้โดยสารที่อยู่ตรงหน้า และทำหน้าที่ต่อไปตามเดิม ทุกอย่างดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจของเขากลับเต้นระส่ำ ระคนแปลกใจว่าเขามาเจอกับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจออีกครั้ง ...โลกออกกว้างใหญ่ แต่ทำไมยังมาเจอกันได้ กรุงเทพ กับ เกาะสมุยออกจะอยู่กันไกลแสนไกล แล้วอะไรทำให้เคนมาเจอกับเขาได้ ......
*---------------------------------------------------------------------*
“การปรากฎตัว ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่า คือ จุดสำคัญของการได้พบกัน
มีผู้คนมากมาย ที่เดินสวนกันไปมาบนโลกใบนี้
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโชคชะตา ..ผมกับคุณคงไม่สามารถพบกันได้...”
(ข้อความบางส่วน จากหนังสือ เรื่อง Sweet Heart ความทรงจำแห่งรัก
เขียนโดย Park Shin-yang แปลโดย ณัฐกุล)
*---------------------------------------------------------------------*