*** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2  (อ่าน 44088 ครั้ง)

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
สายลมเอื่อยๆ ของทะเลยามค่ำคืนที่ริมหาดละไม แสงไฟสลัวจากคบเพลิงที่ร้านอาหารจุดวางไว้ตามจุดต่างๆ บริณเวณชายหาดหน้าร้าน เพื่อให้แขกในร้านมองเห็นน้ำทะเลกับคลื่นเล็ก ๆที่ซัดเข้าหาฝั่งอยู่เนือยๆ ...เสียงคลื่นกระทบฝั่ง เสียงลมทะเลที่พัดลู่ผ่านทางมะพร้าว เงารางของยอดมะพร้าวที่ลู่ไปตามลม กับแสงคบเพลิงที่สั่นระยิบตามแรงลม ส่งให้บรรยากาศภายในร้านดูสงบ สบายๆ และโรแมนติกสำหรับลูกค้าที่มาทานอาหารริมระเบียงของร้าน
เอกกับเคนเพิ่งมาถึงในร้าน พนักงานในร้าน เข้ามาต้อนรับ พาทั้งสองคนมานั่งที่ริมระเบียงในจุดที่มองเห็นชายหาดได้ชัด เอกรับเมนูจากพนักงานในร้านและส่งให้เคน เขารับอีกชุด พนักงานแจ้งสักครู่จะมารับออเดอร์ แล้วเดินจากไป
“...ร้านนี้บรรยากาศดีจังครับ เอก ...”
“ใช่ครับ ร้านนี้ผมกับเพื่อนๆ มาทานกันบ่อยๆ อาหารก็อร่อย ไม่ค่อยแพงมาก และของทะเลก็สด ร้านอยู่ติดทะเลด้วย เคนซังชอบไหมครับ”
เคนเงยหน้าขึ้นมามองเอก ยิ้มแล้วตอบ “ ....ชอบครับ ... ชอบมากด้วย” ปากบอกชอบร้าน แต่ตานั้นไม่ได้มองร้านเลย สายตาเขากลับจ้องมาที่เอก จนเอก รู้สึกเขิน ได้ แต่ หลบสายตา ก้มลงไปอ่านเมนู
อาหารพร้อมเสริฟ เอกสั่งอาหาร มา 2-3 อย่าง ส่วนใหญ่เป็นอาหารทะเล ทั้งสองคนนั่งทานด้วยกัน คุยกันเรื่องต่างๆที่ผ่านมา เอก เล่าเรื่องชีวิตที่สมุยให้เคนฟัง ดูเขาจะสนใจเรื่องต่างๆ ท ี่เกิดขึ้น ส่วนเคนก็เล่าเรื่องที่เขาอยู่ที่กรุงเทพ ส่วนใหญ่ ชีวิตเขาก็มีแต่ทำงานกลับบ้าน และไปสังสรรค์ กับเพื่อนๆ ที่ เดอะมิกซ์ บ้าง แล้วก็ไม่ได้ ไปไหน เขาบอกเอกว่า ทุกครั้งที่ไป เดอะมิกซ์ เขาจะรอจเอเอกตลอด แต่ก็ไม่เคยเจอเลย .... ทุกเรื่องที่คุย เคนไม่เคยเอ่ยถามถึงเลสลี่ เลย เอกก็เช่นกัน เขาไม่อยากรี้อความหลัง มาพูด ... เหมือนกับเคนจะรู้ เขาจึงไม่เคยถามเลย
“เอกจะพาผมไปเที่ยวที่ไหนบ้างครับ”
“เคนซังชอบดำน้ำใช่ไหมครับ  แต่เป็นแค่ สน็อคเกิลนะครับ ผมไม่ได้จองสคูบ้าไว้  ...”
“ใช่ครับ .... เอกจำได้ ดีใจจัง แล้วไปที่ไหนครับ” เขาทำหน้าดีใจทำตากรุ้มกริ่มมองเอก เพราะเอกจดจำสิ่งที่เขาบอกได้
“เกาะเต่าครับ ... เราไปกันตอนเช้า เสร็จแล้วตอนบ่ายขากลับ แวะลงที่เกาะพงัน แล้วนั่งเรือหางยาวไปที่หาดท้องนายปาน แล้วพักที่นั่น แล้วเช้าอีกวันก็กลับ” เอกอธิบายแผนการเดินทาง
“ดีจัง .... วันเดียวได้เที่ยว 2 เกาะเลย....แถมได้ไปเที่ยวกับเอกด้วย ขอบคุณนะครับ”
สองคนนั่งทานอาหารด้วย ต่างคนต่าง เทคแคร์ กันและกัน เอก หมั่นเติมน้ำที่พร่องแก้วให้ ตักกับข้าวให้เคน เคนก็ทำเช่นเดียวกันกับเอก เหมือนกับช่วงเวลานี้มีเพียงแค่เขา 2 คน เสียงเพลงคลาสิคในร้าน เปิดคลอเบาๆ แสงไฟสลัวๆ เงารางๆ ที่สั่นไหวไปตามลมของคบไฟที่ริมหาด ก็ยังเต้นระยิบเป็นเงาเหมือนวิ่งเล่นอยู่บนหาดทราย เสียงคลื่นกระทบฝั่งเริ่มดังขึ้น ลมทะเลก็เริ่มจะแรงขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำลายบรรยากาศส่วนตัวของทั้งสองได้เลย
ระหว่างทางกลับบ้านเคนจอดรถแวะที่เนินลาดเกาะจุดชมวิวจุดหนึ่งที่มองเห็นหาดเฉวงตลอดแนว จุดชมวิวยามกลางคืน ดูสวยงามไม่น้อย ไฟระยิบหลากสีประดับประดาเรียงไปตามชายหาด โรงแรมริมหาดแต่ละโรงแรมก็จะจัดโต๊ะดินเนอร์ให้แขกในโรงแรมและลูกค้าได้ดินเนอร์ ริมหาดกันอย่างใกล้ชิดที่สุด ผืนทะเลเบื้องหน้า แม้จะมองไม่เห็นแต่ดูเหมือนผืนผ้าใบสีดำผืนใหญ่ ที่ประดับไปด้วยมุกสวยหลากสีระยิบรับที่ริมขอบผ้าไล่ไปตั้งแต่ต้นหาดเฉวงน้อยไปจนสุดหาดเฉวงใหญ่ เสียงเพลงหลาหหลายแนวลอยมาตามลมให้ได้ยินเบาๆ เอกกับเคนยืนอยู่ที่ศาลาตรงจุดชมวิว เสียงรถวิ่งผ่านไปมาตรงถนน ไม่ได้ทำลายความสวยงามที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
“สวยจัง .... ทะเลเนี่ยดูเวลาไหนก็สวยนะครับ”  เอกพูดขึ้นหลังจากยืนเงียบอยู่นาน
“ครับ ... ผมถึงได้ชอบทะเลไงครับเอก”
... เอกกำลังปล่อยใจไปกับความสวยงามของทะเลเบื้องหน้า ..จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจของใครบางคนที่ข้างแก้ม พร้อมๆ กับสัมผัสของปลายจมูกและริมฝีปากบนแก้มของเขา ... เอกสะดุ้ง หันไปมองเจ้าของสัมผัสนั้น ...
“เคนซัง” เขาก้าวถอยออกมาจากเคน ใบหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นระรัว เพราะโกรธ หรือ เพราะอาย หรือ เพราะอะไร เอกแยกแยะไม่ได้ในตอนนั้น
“ Sukida เอกซัง” .. คำพูดของเคน จะไม่มีความหมายเลย หาก เอกไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น เอกเคยเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างเขาจึงรู้ดีว่า ที่เคนซังพูดนั้น หมายถึงอะไร
“เคนซัง .... ผม ....” เอกยังคงพูดอะไรไม่ออก เขายังตกใจ สับสน และตื่นเต้นระคนกันไปกับสิงที่เกิดขึ้น มือข้างขวายังจับอยู่ที่แก้มที่โดนโขมยจุมพิตไป
“ Sukida ....เอกรู้ความหมายคำนี้ ใช่ไหมครับ ผมพูดออกมาจากใจจริง มันไม่เร็วไปหรอกสำหรับผม เพราะผมรอที่จะบอกเอกมานานแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอเอกที่ เดอะมิกซ์แล้วครับ แต่ตอนนั้นผมบอกไม่ได้ เพราะอะไร ผมกับเอกรู้ดีอยู่แล้ว ... แต่ตอนนี้ ผมอยู่กับเอกตรงนี้ ผมมีโอกาสได้บอกแล้ว ...”
“เคนซัง ....” เอกยังคงได้แต่เรียกชื่อของคนที่เพิ่งจะบอกว่าชอบเขา เพราะเขาไม่รู้จะบอกความรู้สึกอย่างไรดี
..........แสงไฟจากรถที่วิ่งผ่านจุดที่ทั้งสองยืนอยู่สาดเข้ามาทำให้เห็นใบหน้าและแววตาที่มุ่งมั่นของเคนส่งมาที่เอก ส่วนเอกนั้น ดูเขาสับสน หน้าแดงเพราะยังคงเขินอายกับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ความรักเข้าจู่โจมเขารวดเร็วเหลือเกิน เขาพร้อมที่อ้าแขนรับมัน หรือว่า เขาจะปฏิเสธมันดี

*----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------*

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เมื่อถึงคราวที่เราจะได้ทำตามที่หัวใจปรารถนา
เปิดรับมันอย่างกล้าหาญ แต่รับรู้และอยู่กับมันอย่างมีสติ
 :m1: :m1: :m1:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..........ของบางอย่างมาเร็วจนเราอาจจะตั้งตัวไม่ทัน.........

..........ฉะนั้นจงอยู่กับมันอย่างมีสติและเข้าใจ........ o7 o7

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :o7: คุณน้องจับกดเรยคับบบบบบบบบบบ    :sad4:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
บางครั้งความผิดหวังครั้งก่อนจะทำให้ปฏิเสธรักครั้งใหม่ได้ มันต้องใช้เวลา  :m1:

-------------------------------------------------------------------------------

ปี้แสบเปงราย ทำไมต้องฟูมฟายขนาดนั้น รึเพ่ก็จับยูยะกดมะได้  :m14:


ไปแระเดี๋ยวโดนตืบ  :m7:  :m7:

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 o9 เบื่อคนรู้ทัน...... o9

aumzaa

  • บุคคลทั่วไป
เปิดใจตัวเอง....
..แล้วก็ลองถามใจตัวเองดูสิครับ.....
 :interest: :interest: :interest:

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
.... “ว่าไงน้องเอก ... เก็บกระเป๋า เตรียมไป Honey Moon หรือยัง”  เสียงพี่บราวน์ แหย่เอกตั้งแต่ยังไม่เดินเข้ามาในห้อง
“น่าอิจฉา จริงๆ  มาไม่ทันไร  Go inter  ไปซะละ กรูอยู่มาตั้งนาน ยังไม่ทันมีอะไรให้ชื่นใจได้เหมือนน้องมันเล้ย” ...
พี่บราวน์ มานั่งข้างๆ ขณะที่เอกกำลังง่วนเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า
“พี่บราวน์ น่ะ ... ยังไม่เลิกแหย่ผมอีก ... ชวนไปด้วยก็ไม่ไป .. เดี๋ยวพี่ๆ เขาก็ล้อเอกกันหมด สนามบินหรอก” เอกพูดแก้เขินพลางลุกเดินไป หยิบของเพิ่มจาก ตู้เสื้อผ้า
“จะมาอายทำไม ดีซะอีก จะได้รู้ว่า เมิงขายออกแล้ว .... 55555”
“พี่บราวน์ นะ พี่บราวน์ ...จำไว้ อย่าให้ถึงทีน้องบ้างละกัน จะล้อให้เข็ดเลย ....”
“แล้วพี่จะรอวันนั้นนะน้อง ... นอนเอาแรงเถอะ พรุ่งนี้ ต้องไปรับศึกหนัก แต่เช้าไม่ใช่เรอะ .. ไปละ เข้ามาแซว แล้วเราก็จากไป .... 5555” แล้วพี่บราวนื ก็เดินออกจากห้องปล่อยให้เอก นั่งอมยิ้มกับคำพูดล้อเลียนของพี่บราวน์ อยู่ในห้องเพียงลำพัง
“ ... คงไม่มีอะไรหรอกน่าเอก ... แกแค่ไปเที่ยวกับเขานะ .... แล้วจะมาคิดมากอะไรละเนี่ย” ... เอกรำพึงอยู่กับตัวเอง พลันใจก็นึกไปถึงคืนที่ลาดเกาะ เขายกมือขึ้นจับแก้มข้างที่โดนเคนซังโขมยจุมพิต เอกขำอยู่อยู่ในลำคอ .... “ไอ้บ้า เอก .. แกคิดไรของแกอยู่เนี่ย” ... เขาจัดของเรียบร้อย ก่อนจะล้มตัวลงนอน ก็ได้ยินเสียง โทรศัพท์ดัง เป็นเสียงเมสเซจเข้า .... เขาหยิบขึ้นมาดู แล้วอมยิ้ม เพราะเจ้าของ SMS ไม่ใช่ใคร เป็นเคนซังนั่นเอง ... “oysumi krab” ....
“oyasumi ja”  เขาส่งตอบกลับไป เปิดข้อความอ่านอีกครั้ง ความรู้สึกมันแปลกๆ มันมีทั้งสุข ทั้งกังวล แขาพยายามจะไม่คิดถึงว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะเขาไม่อยากคาดหวังอะไรแล้วทั้งนั้น
“.. ไปเที่ยว เอก ไปเที่ยว อย่าคิดถึงเรื่องอื่น ...นอนได้แล้ว” ...แสงไฟดับลงทุกอย่างรอบตัวมืดสนิท แต่ภายนอกยังคงมีเสียงคลื่นทะเลอยู่เนือยๆ เสียงต้นไม้หน้าบ้านที่ลู่ไปตาามลม เป็นเหมืองเสียงเพลงกล่อมให้เอกหลับไปอย่างมีความสุข

........

“เคนจิซัง .... ตื่นหรือยังครับ” เอกถามคนที่อยู่ปลายสาย เขาโทรหาเคนหลังจากตื่นนอน และเก็บของเตรียมออกจากห้อง เขาต้องไปที่โรงแรมที่เคนพัอยู่ เพราะรถของทัวร์ที่จองไว้จะไปรับที่นั่น
“ตื่นแล้วครับ เอกมาได้เลยครับ ผมรออยู่นะ”
“ครับ mata na”
“ ครับ เจอกันครับ” เคนตอบกลับเป็นภาษาไทย เอกนึกในใจ เออ ตลกดี เราคนไทยแท้ๆ แต่คุยกับเขาก็ไทยคำญี่ปุ่นคำทั้งๆ ที่ภาษาญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะเก่งนักหนา แต่เขา คนญี่ปุ่น (ครึ่งหนึ่ง) แต่เขากลับพูดไทย ... ตกลงจะคุยกันภาษาอะไรดีเนี่ย ....

เอกมาถึงโรงแรมแล้ว เขาเดินตรงไปที่ห้องอาหารริมทะเล เพราะ เคนรอเขาอยู่ที่นั่น ห้องอาหารริมทะเลแบบเปิดโล่ง ที่จัดเตรียมอาหารเช้าไว้สำหรับแขกในโรงแรม จัดดูกะทัดรัดน่ารัก เป็นบุฟฟเต์ นานาชาติ ซึ่งส่วนใหญ่ แขกทุกชาติก็ทานได้ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ แขกยังมาทานอาหารเช้าไม่มากนัก เอก เห็น เคนนั่งอยู่ โต๊ะ ริมสระ เช้านี้ดูเคนสดชื่นเป็นพิเศษ เขานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ กรอบเช้า ที่ทางโรงแรมจัดไว้ เอกเดินไปใกล้ๆ ได้ยินเสียงเขา ฮัมเพลงเบาๆ  ... 
“อรุณสวัสดิ์ครับเคนซัง.... หลับสบายดีใช่ไหมครับ” เอก นั่งลงตรงข้ามเขาพร้อมกับทักทายเคนอีกครั้ง
เคนละสายตาจากหนังสือพิมพ์ พับเก็บไว้ที่เก้าอี้ข้าง “สบายมากเลยครับ เตียงนุ่มมากๆ ครับ แต่เสียดาย นอนคนเดียว ....” พูดเสร็จก็ทำตากรุ้มกริมใส่เอก
เอกรู้สึกเขินขึ้นมาทันที ... โดนรุกแต่เช้าเลย แต่เขาก็ยังยิ้มสู้  “ ... แหม แหย่ผมแต่เช้าเลยนะครับ เคนซัง ...”เอกทำท่าค้อน
“อะไรเหรอครับ “ เคนทำหน้าเหลอหรา แกล้งทำเป็นไม่รู้ว่า เอกหมายถึงอะไร
.... “ทานอะไรหรือยังครับ ผมไปเอากาแฟมาให้ไหม”
“ขอบคุณมากครับ เคนซัง  ผมไม่ทานกาแฟ  ... อีกอย่างผมดื่มนมมาแล้ว ครับ” เอกบอกปัด เพราะไม่อยากให้เคนวุ่นวาย
“ครับผม ... แล้วรถมากี่โมง”
“นัดไว้ตอน 7โมงเช้า เดี๋ยวก็คงมาครับ เขาคงรับแขกจากโรงแรมอื่นด้วย สักพักคงมาถึง”
...เอกหันไปมองทะเลที่อยู่ตรงหน้า มีคนเดินเล่นอยู่บนหาดบ้าง บางคนก็ลงไปเล่นทะเลตั้งแต่เช้า บ้างก็วิ่งอกกำลงักายอยู่บนหาดทราย บางคนก็ มานอนอาบแสงแดดยามเช้า อ่านหนังสือ อยู่บนเก้าอีชายหาดหน้าโรงแรม .... ทะเล ช่างเป็นที่สร้างความสุขให้กับคนที่มาเยียมชมพบเห็นจริงๆ  ... เห็นจะจริงที่เขาว่ากันว่า สมุยนั้นเป็นเกาะในฝันที่หลายคนอยากมาเที่ยวมาพัก บางคนต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเล มาที่นี่ทุกปี เมื่อมีวันหยุดพักผ่อน หลายโรงแรมจะมี รีเทิร์นเกสต์ เยอะมาก จึงไม่แปลกที่ใครต่อใครก็อยากมาที่นี่  ....
“คิดถึงใครอยุ่เหรอครับ” เสียงของเคนดึงเอกกลับมาจากโลกส่วนตัวของเขา
“ ... เอ่อ ..เปล่าครับ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ... ไม่รู้ทำให้เคนซังเบื่อหรือ เปล่า ผมไม่ค่อยได้คุยกับเคนเลย ชอบนั่งเงียบเป็นประจำ ....”
“ไม่เบื่อหรอก ครับ ... อยู่กับเอกน่ะ ผมไม่มีวันเบื่ออยู่แล้ว..” เคนก็ยังไม่วายที่จะหยอดคำหวานใส่เอกเช่นเคย ..
“ .. ขอบคุณนะครับ ... รอนี่แป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวผมเดินไปดูที่หน้าโรงแรมก่อนว่า รถมาหรือยัง”
“ผมไปด้วย ...จะไปหยิบกระเป๋าที่ห้อง”
“โอเคครับ งั้นไปกัน”
เคนลุกขึ้นเดินเข้าหาเอก เคนตัวสูงกว่า เอกเล็กน้อย จึงไม่ยากที่เขาจะดึงเอกเข้ามาใกล้ และเดินโอบใหล่เอกเอาไว้ สองคนเดินกันไป เหมือนพี่น้องเดินกอดคอกัน เคนก้มหน้ามองเอก แล้วแอบยิ้ม ....

------------

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
มาแรงและเร็ว
 :impress2: :impress2: :impress2:
แต่ขัดกับโบราณท่านว่า
ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
 :o :o :o :o

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
เข้าหื่นตามปี้แสบ

 :m10:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...........เจออย่างนี้ก็คงใจอ่อนเหมือนกัน.......... :m1: :m1:

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
4.

 

เด็กหนุ่มสองคนยืนกอดคอกันอยู่หน้าทางเข้าวัด อะซะคุสะ โดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างว่าจะมองพวกเขาอย่างไร วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุด ผู้คนเลยหนาตากว่าทุกวัน และที่นี่ก็ยังเป็นย่านช็อปปิ้งแหล่งของฝากอีกด้วย หน้าทางเข้าวัดจะมีประตูขนาดใหญ่ แขวนด้วยโคมแดงขนาดยักษ์ คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ประตู คามินาริมอน ย่านนี้เป็นย่านท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของโตเกียว โบรชัวร์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นและโปรแกรมทัวร์ โตเกียวจะต้องมีวัดแห่งนี้อยู่ในโปรแกรมด้วยเสมอ จึงไม่แปลกที่จะมีผู้มาเยี่ยมเยียนอยู่ไม่ขาด

“คนเยอะจังเลย เคนจิคุง”

“วันหยุดก็อย่างนี้แหละ เราอยากให้ทาคุได้ออกมาเปิดหูเปิดตาด้วย ชอบถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนสถานที่ถ่ายรูปบ้างไง จะได้ไม่เบื่อ”

“อึ้ม ...ก็จริงนะ ...งั้น รอตรงนี้ เดี๋ยวเดียวนะ เราขอไปถ่ายรูปตรงนั้นก่อน” เด็กหนุ่มพูดพลางเอามือของอีกคนออกจากไหล่ ดึงเป้จากข้างหลังเพื่อหยิบกล้องโพลารอยด์ที่เขาพกมา

เด็กหนุ่มอีกคนยืนมองไม่ละสายตา คงเพราะกลัวว่าจะพลัดหลงกัน

“เคนจิคุง ...มาถ่ายรูปกัน” เด็กหนุ่มเข้าไปดึงตัวเคนจิให้เข้ามาถ่ายรูปด้วยกัน

“คุณน้าครับ รบกวนด้วยครับ” เด็กหนุ่มเข้าไปขอหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินผ่านมาเพื่อให้เขาถ่ายรูปให้ เขาอธิบายวิธีการใช้ บอกที่กดชัตเตอร์ แล้วโค้งขอบคุณ วิ่งกลับมาที่ เคนจิ ยืนอยู่

“เคนจิคุง มองกล้องสิ ... คุณน้าเขาจะถ่ายรูปแล้ว” เด็กหนุ่มเอามือจับหน้าเคนจิเพื่อให้หันหน้ามาทางกล้อง

“แชะ...” แล้วคุณน้าคนนั้นก็กดชัตเตอร์ ได้ตอนที่เคนจิหันมาพอดี

 

******

 

หยดน้ำที่กระเซ็นเข้ามาในเรือจากแรงกระแทกของลำเรือกับคลื่นทะเลที่ชัดเข้ามา ดึงเคนจากภาพในอดีต เขาหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ เขา

“ทาคุคุง”เขารำพึงเบาๆ

“..หือ...เมื่อกี้เคนจังพูดอะไรนะครับ ...”เอกหันไปถามเพราะเขาได้ยินเคนพึมพำพำอะไรบางอย่าง

“นานิโมไน่ ... ไม่มีอะไรครับ” เขายิ้มให้เอก แล้วหลบตามองไปข้างหน้า

เรือ สปีดโบ๊ทยังคงวิ่งไปข้างหน้า โต้กับคลื่นทะเลที่ซัดเข้ามา ลูกทัวร์ที่นั่งอยู่หน้าเรือต่างก็เปียกปอน เพราะละอองน้ำที่กระเด็นเข้ามาในเรือ วันนี้ คลื่นค่อนข้างแรง แต่ก็ไม่น่ากลัวนัก ลูกทัวร์ แต่ละคนกลับดูสนุกสนานไปกับมันด้วยซ้ำ

“ท่าทางพวกเขาสนุกกันดีนะครับ”

“นั่นนะสิ ... เอกไม่ลองไปนั่งข้างหน้ากับพวกเขาดูล่ะครับ”

“ไม่ละครับ นั่งตรงนี้ดีแล้ว เดี๋ยวเปียกหมด ...”

“กลัวเปียกทำไม เดี๋ยวก็ต้องลงน้ำไปดำน้ำอยู่แล้ว”

เคนหันมามองที่เอก ใบหน้ายิ้ม ทุกครั้งที่เคนยิ้มให้เขา เอกจะหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มนั้นทุกที เสน่ห์ของเคนอยู่ที่รอยยิ้มนี่เองที่ทำให้กหัวใจของเอก เริ่มเอนเอียงมาที่เขา

เสียง ลำเรือกระแทกกับคลื่นที่ซัดเข้ามาอีกครั้ง น้ำทะเลกระเด็นเข้ามาในตัวเรือ  เคนรู้สึกได้ถึงความเย็นของน้ำที่กระเด้นเข้ามา ทั้งผมและหน้าของเขา เปียกปอน เพราะน้ำระลอกใหญ่กระเด็นเข้ามา

“เฮ้ย! เปียกจนได้”

“ฮะ ฮะๆ เคนซังเปียกหมดเลย “ เอกหัวเราะพลางหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้เคน

“อาริงาโตะ...”  เคนยิ้มและจับมือเอกไว้ขณะที่เขาเช็ดหน้าให้

สองคนนั่งมองหน้ากัน แล้วหัวเราะ..... ... เสียงหัวเราะของพวกเขา ที่คนอื่นจะได้ยินนั้น พวกเขาก็คงไม่รู้ว่า ความสุขที่ทั้งสองได้หัวเราะออกมานั้นมันมีมากมายเพียงใด .....


*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
...ฝากไว้ถึงตอน 4 ต้นๆ ก่อนนะครับ ลูกเป็ดลาพักร้อน 5 วัน กลับมาอีกทีวันที่ 30 ค้าบ แล้วจะมาต่อเรื่องให้เน้อ ....  :m13:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย
 :m5: :m5: :m5:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ลูกเป็ดหนีไปเที่ยว อย่าลืมของฝากหนา

 :m7: :m7: :m7: :m7:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

.........เก็บเกี่ยวความสุขต่อไป........... :m4: :m4:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
รับทราบจ้า จะรอน้า  :m3:  :m3:  :m3:

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :a4:  เข้ามาทำเนียนรอของฝาก....... :a11: :a10: :a3: :a2: :a6:

aumzaa

  • บุคคลทั่วไป
 :a11: :a11: :a11:



มามั่งรอด้วยคนครับ





[attachment deleted by admin]

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อให้แล้วนะค้าบ ขอโทษจริงๆ ช่วงนี้งานค่อนข้างยุ่ง แต่ก็จะพยายามมาต่อให้รื่อยๆ นะค้าบ คิดถึงทุกคนจังเยย โดยฌฉพาะ พี่แสบ หุหุ ......
 :m29:


******
“เคนจิคุง .... ทำอะไรอยู่น่ะ” ทาคุยะ แอบเข้ามา ในห้องของ เคนจิ ตั้งใจจะทำให้ เขาตกใจเล่น แต่ เคนจิ กลับไม่ตกใจเลยสักนิด เคนจิ กลับดึงตัวทาคุยะเข้ามาแล้วทุ่ม ทาคุยะลงบนที่นอน แล้วทิ้งตัวลงล็อคทาคุยะไว้แบบมวยปล้ำ
“ปล่อย....เคนจิคุงชอบแกล้งเรา ....”
“อ้าว ก็อยากมาแกล้ง เราก่อนทำไมล่ะ” เคนจิ ยังคงนอนล็อคทาคุยะอยู่อย่างนั้น
“โอเคๆ ยอมแพ้ ปล่อยเถอะ หนักจะแย่ นอนทับอยู่ได้”
“ไม่ปล่อย ... จะล็อคทาคุไว้อย่างนี้ไม่ปล่อยไปไหนเลย” ว่าแล้ว เคนจิยิ่งล็อคทาคุยะแน่นมากขึ้นกว่าเดิม   
“ทาคุคุง....ปล่อยเราเถอะ ...นะ เหนื่อยแล้ว...”ทาคุยะทำเสียงอ้อน
“อ่ะ ...ก็ได้ ..ไม่หนุกเลยอ่ะ ทาคุ ไม่ยอมสู้เราเลย ...” เคนจิ บ่นเสียงอุอิบพร้อมกับคลายมือออกจากทาคุ แต่ยังคงกอดเขาไว้หลวมๆ
“อ้าว ... แล้วไม่ปล่อยเราละ กอดไว้ทำไม ...” ทาคุยะถาม แต่ก็ไม่ได้ ขัดขืนหรือ จะทำตัวให้หลุดจากอ้อมกอดนั้น
“ก็เรายังไม่อยากปล่อย ....ขอนอนอยู่แบบนี้แป๊บนะ” เคนจิ นอนกอดทาคุไว้อย่างนั้นใบหน้าของเขาแนบอยู่กับหลังของทาคุยะ
“เมื่อกี้ เคนจิคุง นั่งดูอะไรอยู่เหรอ”
“ดูรูปเราสมัยเด็กๆ น่ะ...ดูแล้วคิดถึงตอนสมัยเด็กๆ นะ ทำไมเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยก็ไม่รู้”
“พูดอะไรแปลกๆ นะเคนจิคุงเนี่ย ... ปล่อยเราได้แล้ว ไม่เมื่อยหรือไง” ทาคุยะเบี่ยงตัวเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมกอดของ เคนจิ
“...ก็เราไม่อยากโต เราอยากเป็นเด็ก จะได้วิ่งเล่น สนุกๆ กับทาคุไปเรื่อยๆ ไม่ต้องโต ไม่ต้องทำงาน สนุกจะตาย...”
“ขี้เกียจนี่เอง คนเราก็ต้องโต กันทั้งนั้นแหละเคนจิคุงเดี๋ยวพอโตนะ เคนจิคุงไปเจอสาวๆ ขี้เกียจจะจีบสาวๆ แล้วลืมเรื่องสมัยเด็กๆ ไปเลย”
“เราไม่มีวันลืมหรอก เราจะลืมทาคุได้ยังไง”
“แล้วเราจะคอยดู....ว่าเคนจิคุงจะลืมเราหรือเปล่า...ไหน เอารูปมาดูสิ” ทาคุยะพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบอัลบั้มรูปบนโต๊ะมาดู เคนจิคุง ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขานั่งอยู่ด้านหลังของทาคุยะ ยื่นหน้ามาเกยไหล่ของทาคุยะไว้ ....
“เคนจิคุงเนี่ย ทำตัวเหมือนเด็กเลย ...ไม่ต้องมาทำตัวอ้อนเลย ..มานั่งดีๆ หนักนะเนี่ย” ทาคุยะทำเสียงค้อน แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีปัดป้องแต่อย่างใด
“เราชอบนั่งแบบนี้ สบายดี อย่าบ่นน่า.. 555 ดูรูปนี้สิ  ทาคุยะตัวเปี๊ยกเดียว ใส่กางเกงว่ายน้ำสีเขียวปี๋ เลย รูปนี้ตอนเราไปเที่ยวทะเลกันใช่ไหม ... “
“อืม ใช่ๆ อยากไปอีกจังเลย”
“งั้น ..ไปกัน วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ดีไหม” เคนจิเสนอ
“ไปกับใครล่ะ เคนจิคุง”
“ก็ไปกับเราไง ไปกัน 2 คน ..ไปนะๆ”
“พ่อจะให้ไปรึเปล่าน้า”
“ให้ไปสิ คุณน้า เขาอนุญาตอยู่แล้ว ...เดี๋ยวเราขอให้”
“ตามใจ เคนจิคุงละกัน....” ทาคุยะพูด แล้วหันมายิ้มให้กับเคนจิ
“เย้...ไปทะเลๆ ....” เคนจิร้องดีใจ ลุกขึ้นกระโดดไปมาบนเตียง ส่วนทาคุยะก็นั่งยิ้มกับอาการดีใจที่เหมือนเด็กๆ ของเคนจิคุง ... เวลาที่เคนจิอยู่กับเขา เคนจิมักจะทำตัวเหมือนเด็กเล็กๆ อ้อนเขาอยู่เสมอ แต่ถ้าอยู่ข้างนอก เคนจิจะคอยปกป้องและเป็นเหมือนพี่ชายของเขา
“มองอะไรเล่า ทาคุ ...ไม่ต้องมามองเลย นี่มากระโดดด้วยกันเร็ว” เคนจิพูด แล้วก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ทาคุยะเหมือนเด็กๆ

**************

“เคนซัง.... นั่งทำอะไรอยู่ ลงมาทางนี้เร็วๆ ตรงนี้ปะการังสวยมากๆ เลย” เอกเรียกเคนขณะที่เขากำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่บนโขดหินของ อ่าวม่วงที่เรือท่องเที่ยวไปจอดให้ลูกทัวร์ ได้ดำน้ำดูปะการังกัน
“ครับ เดี๋ยวผมตามลงไปครับ ว่ายน้ำระวังด้วยนะ” เคนบอกเอก พร้อมกับค่อยๆหย่อนตัวเองลงน้ำ เขาค่อยๆ ว่ายน้ำเข้ามาใกล้ๆ เอก และ ดำน้ำลงไปดุปะการังพร้อมๆ กับเอก
“เคนซังมาดูทางนี้ครับ ปลาเต็มเลย อ่ะนี่ ขนมปัง ปลามันจะได้เข้ามาใกล้ๆ” เอกดูร่าเริง และสนุกสนานเหมือนเด็กๆ ยิ่งเคนเห็นท่าทางของเอกที่ร่าเริง สนุกสนาน ยิ่งทำให้เขานึกถึงภาพอดีตวัยเด็กของเขากับทาคุยะ เอกช่างเหมือนกับทาคุยะเหลือเกิน เขายังตกใจกับความบังเอิญนี้ ตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอกับเอก แล้วเขายังมาได้เจอกับเอกในที่ที่เขาไม่คาดติดอีกด้วย โชคชะตาช่างล้อเล่นกับเขาเหลือเกิน
“เคนซัง ...ทางนี้ครับ”
เคนค่อยๆว่ายน้ำเข้าไปหาเอกจากทางด้านหลัง  เอกไม่ได้ตั้งตัวเพราะเขามัวแต่เพลิดเพลินและสนใจกับฝูงปลาที่อยู่ตรงหน้า เคนค่อยๆ ลอยตัวไปใกล้เอก และกอดเอกจากทางด้านหลัง เอกสะดุ้งตกใจ กำลังจะผละออกจากอ้อมกอดนั้น แต่ก็ไม่ทันความเร็วของเคนที่ โอบรัดเขาไว้แน่นมากขึ้น สองกายแนบชิดเอกใจเต้นรัว เคนก็เช่นกัน
“เคนซัง ... เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เอกกลัวคนอื่จะมาเห็น แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนอ้อมกอดนั้นเลย
เคนปลี่ยนมากอดเอกจากทางด้านหน้า เขาค่อยเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าของเอก ทำท่าเหมือนจะจูบ แต่เพียงใค่ใช้ปลายขมูกแตะกับปลายจมูกของคนที่อยู่ตรงหน้า
“เอกซัง ... suki yo ..”
“wakaru”  เอกตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นกลับไป คำตอบนั้นทำให้ เคนยิ้ม  เอกแก้เขินด้วยการ ปัดน้ำใส่เคน แล้วผละจากอ้อมกอดของเขา ว่ายน้ำออกไปอีกด้าน เคนจิว่ายตามไป สองคนเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้สนใจ คนรอบข้างว่าจะมาองพวกเขาอย่างไร เพราะนี่คือเวลาแห่งความสุขของพวกเขา
หลังจากดำน้ำดูปะการังที่อ่าวม่วงแล้ว เรือก็พาลูกทัวร์ ไปที่เกาะเต่า เพื่อทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารริมหาด เสร็จแล้วก็พาลูกทัวร์ขึ้นเรือเพื่อมุ่งหน้าสู่ เกาะนางยวน  เมื่อเรือเทียบท่าของเกาะ ผู้ดูแลประกาศบอกว่าทุกคนมีเวลพักผ่อนบนเกาะนางยวนจนถึง บ่ายสามโมง เพราะที่เกาะนางยวนเป็นจุดสุดท้ายของทัวร์แล้ว ทุกคนสามรถใช้เวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ วันนี้ที่เกาะยังมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก อาจจะเพราะยังไม่มีเรือลำอื่นมาจอดเทียบท่า ที่เกาะนางยวน จะไม่มีมีบ้านเรือนของชาวเกาะ เพราะ เป็นเกาะสัมปทานห้ามสร้างที่อยู่อาศัย มี เพียง รีสอร์ทอยู่ รีสอร์ทเดียวที่ซื้อสมัปทานได้ และเป็นโรงแรมที่พักที่ผูกขาดเพียงแห่งเดียวของเกาะนี้ ทางเดินเชื่อมต่อจากท่าเรือไปสู่ด้านในของเกาะ ทำด้วยไม้ เป็นสะพานไม้ยาวไปจนถึงหาดในเกาะ  เอกกับเคนเดินไปด้วยกัน เอกหยุดถ่ายรูปตามที่ต่างๆ ที่เขาชอบ เคนมองเอกไม่วางตาในใจคิดถึง ทาคุยะเวลาที่เขายกกล้องขึ้นถ่ายรูป เหมือนกับคนๆ เดียวกันที่อยุ่ต่างที่ต่างเวลาเท่านั้นเอง เวลาเขามองเอก ก็เหมือนมองทาคุยะ อดีตของเขาหวนกลับมาให้เขาคิดถึงได้อีกครั้ง

**********************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :m12: ลุ้นฉากเรท....เมือไหร่จะจูบกับแบบมี  tongue action โคตรดูดดื่มซะที...

น้องลูกเป็ดครับ....อย่าอายสิครับ....ใส่ลงไปเลย....เอาให้พี่แสบเกร็งไปทั้งตัวเลย... :m10: 

ปล. บอกแต่คนอื่น เรื่องพี่ ไอ้เรื่องซาวน่าอะไรนั่นนะ  พี่ก้ไม่กล้าลงเหมือนกัน

มันเขิลๆยังไงชอบกล.... :m26: +1 ให้นะ

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..........คนของอดีต.........คนของปัจจุบัน.........ทดแทนกันได้ไหม...... o7 o7

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อย่าให้เป็นตัวแทนใครเลย
เพราะถ้าเขาคนนั้นกลับมา เราจะต้องเจ็บอีกครั้งหรือ
 :a6: :a6: :a6:

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
... ..เรือสปีดโบ๊ทกำลังแล่นออกจากฝั่ง เคนจินั่งอยู่ในนั้น เขากอดบางอย่างไว้แน่น ประหนึ่งว่ากลัวสิ่งนั้นจะหล่นหายไปจากเขา ดวงตาของเขายังแดงช้ำ และเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาที่ไหลอกมาเป็นสายปลิวไปแรงลมที่พัดปะทะใบหน้าของเขา  ตอนนี้ ถ้าทำได้เขาต้องการจะปลิวไปกับสายลมแล้วหายไปจากโลกนี้ เพราะคนที่เขารักที่สุดได้จากเขาไปแล้ว เคนจิยังคงกอดโถเถ้ากระดูกของทาคุยะไว้แน่น เขาทำตามสัญญาของทาคุยะว่าหลังจากปิดเทอมฤดูร้อน แล้วจะพาทาคุยะกลับมาที่ทะเลที่พวกเขาเคยมาเมื่อตอนยังเด็ก แต่เคนจิไม่คิดว่า เขาจะต้องพาทาคุยะมาในสภาพแบบนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนทั้งเขาและครอบครัวของทาคุยะตั้งตัวไม่ทัน อุบัติเหตุได้พรากชีวิตของทาคุยะไปจากเคนจิ และคนที่รักเขาอีกหลายคน ทั้งหมู่บ้านต่างก็พากันเสียใจ เพราะทาคุยะเป็นเด็กน่ารัก และมีอัธยาศัยดีกับทุกๆคน คนที่ขับรถชนเขาช่างใจร้ายนัก ที่ทำให้เขาต้องจากโลกนี้ไปอย่างไม่ใยดี แม้ตำรวจจะรับปากอย่างแข็งขันว่าจะจับตัวคนที่พรากชีวิตของทาคุยะมาลงโทษให้ได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อทาคุยะได้จากไปโดยไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว แม้เคนจิจะเจ็บแค้นมากแค่ไหน เขาก็คงหาตัวคนใจร้ายคนนั้นไม่ได้ เคนจิไม่เคยห่างจากทาคุยะเลยแม้ในตอนก่อนที่จะเขาจากไป ทาคุยะยังคงบอกกับเคนจิว่าอยากไปทะเลอีกครั้ง เคนจิทำตามสัญญาแล้ว แต่มันช่างเป็นการกลับมาอย่างปวดร้าวเหลือเกิน

“จอดตรงนี้ก็ได้ครับ” เคนจิบอกคนขับเรือให้จอดเรือหลังจากที่เรือแล่นออกจากฝั่งได้ไกลพอสมควร วันนี้ ทะเลสงบนิ่ง เหมือนกับ ความรู้สึกของเคนจิที่หยุดนิ่งไปตั้งแต่ ทาคุยะจากไป  เรือยังคงลอยคว้างอยู่กลางทะเล เคนจิเดินออกไปที่หัวเรือ เขาปีนขึ้นไปบนนั้น มือข้างหนึ่งยังคงโอบกอดโถเถ้ากระดูกของทาคุยะไว้แน่น เคนจิมองไปข้างหน้า มองเห็นชายหาดที่เขาพึ่งนั่งเรือออกมาอยูลิบๆ เขาเห็นเงารางๆ ของเด็กสองคนกำลังวิ่งเล่นกันอยู่บนหาดนั้น พลันให้คิดถึง เมื่อตอนเขายังเด็กที่เขาและทาคุยะมาวิ่งเล่นกันบนหาดนี้ ทาคุยจะขอขี่หลังเขาเสมอ

.... “เคนจิคุง แข็งแรงมากเลยนะ แบกเราได้ไม่เคยบ่นเลย”

“เรายอมให้นายขี่หลังได้คนเดียว แหละ นายตัวเบาแค่นี้เอง เราแบกไหวอยู่แล้ว”  เคนจิแบกทาคุยะไว้บนหลังอย่างนั้น แล้ววิ่งลงทะเล

“เคนจิคุงทำอะไร ไม่ลงทะเล ว๊ากๆๆๆๆ”  ทั้งสองคนถูกคลื่นทะเลขนาดย่อมซัดจนเปียกปอน ทั้งสองต่างนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนหาดทราย หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

แสงอาทิตย์ ยามเย็นส่องประกายเป็นสีทองอร่าม ทั้งสองยังคงนอนแหงนมองฟ้า อยู่บนหาดนั้น

“สวยจังเลย นะเคนจิคุง” ทาคุยะพูดขึ้น

“อะไรสวยเหรอ ทาคุ”

“ท้องฟ้าไง ดูสิเป็นสีทองสวยจัง .... เราอยากเห็นท้องฟ้าแบบนี้ไปตลอดจังเลย...นอนมองดูท้องฟ้าแบบนี้ เหมือนเราเป็นหาดทรายที่รับได้แสงอันอบอุ่นจากดวงอาทิตย์เลยนะ”

“ทาคุคุงพูดอะไร เราไม่เห็นจะรู้เรื่อง”  เคนจิ พูดไปคงเพราะเขายังเด็ก เลยไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดนั้น

“ถ้าอยากเห็นนานๆ ทาคุก็ถ่ายรูปสิ ถ่ายรูปเก็บไว้ดูไง ....” เคนจิเสนอความเห็น

“นั่นสิ งั้นไปเอากล้องคุณพ่อมาถ่ายรูปกันเถอะ” ทาคุยะพูดพลางลุกขึ้นปัดทรายออกจากตัวแล้วก้มลงมอง เคนจิที่ยังคงนอนมองทาคุยะอยู่ ทาคุยะยื่นมือออกไป เหมือนกับรู้ว่า เคนจิต้องการอะไร เคนจิยื่นมามาจับมือทาคุยะแล้วลุกขึ้น เขามองทาคุยะแล้วยิ้ม ... “ไปเร็ว เดี่ยวพระอาทิตย์ตกก่อน ใครถึงที่ห้องก่อน คนนั้นจะได้ถ่ายรูปท้องฟ้านะ”

“อย่างนี้เราก็แพ้สิ ... เคนจิคุงวิ่งเร็วกว่าเรา”

“พูดมากน่า ลองดูเร็ว เอ้า เริ่มนะ 1 2 3 วิ่ง” เงาของทั้งสองเริ่มวิ่งห่างออกไปจากชายหาดจนลับตา

เคนจิยกโถนั้นขี้นมา เขาประทับริมฝีปากกับโถนั้น แล้วกอดไว้แนบอกอีกครั้ง น้ำตายังคงไม่หยุดไหล ที่เขากอดไว้นั้นควรจะเป็นทาคุยะ ไม่ใช่แค่เถ้ากระดูกแบบนี้  เคนจิค่อยๆ เปิดฝาโถออก สายลมพัดแรงขึ้น เขาค่อยๆ บรรจงเทเถ้ากระดูกของทาคุยะ ออกจากโถ สายลมที่พัดผ่านมา พัดพาเอาเถ้าของทาคุยะปลิวหายไปกับท้องทะเลเบื้องหน้า

“ซาโยนาระ .. ทาคุคุง.... เราสัญญา ว่าจะมีชีวิตที่มีความสุขเพื่อนาย เราจะใช้เวลาที่มีอยู่เพื่อนาย  เราจะคิดถึงนายทุกวัน”

เคนจิยืนเงียบอยู่อย่างนั้น ตามองเหม่อกับทะเลข้างหน้า เหมือนว่าเขารอให้ใครสักคนปรากฎกายมาให้เจอ แต่ก็ไม่มีใคร เขาร้องไห้อีกแล้ว ความเงียบรอบกาย กับสิ่งที่เพิ่งปลิวหายจากไปไม่มีวันหวนกลับ ทำให้เขาต้องเจ็บปวด เคนจิ กอดโถไว้แน่นประหนึ่งว่ามันคือสิ่งเดียวที่เขายึดเหนี่ยวไว้ได้  เรือค่อยๆ เคลื่อนตัวกลับเข้าสู่ชายฝั่ง เคนจิยังคงนั่งกอดโถใบนั้น ร้องไห้คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว

*****************************

“เคนซัง ... มาถ่ายรูปด้วยกันครับ” เอกยืนโบกมือเรียกให้เคนมาถ่ายรูป เขามัวแต่เดินถ่ายรูปเพลินจนลืมสังเกตไปว่าเคนไม่ได้เดินตามเขามาด้วย  เอกจัดแจงดึงขาตั้งกล้องออกมา เขาต่อเข้ากับตัวกล้อง แล้ววางลงที่พื้น ก้มลงดูที่กล้องเพื่อปรับโฟกัสของรูป

“เคนซัง ยืนอยู่ตรงนั้นนะครับ เดี๋ยวผมวิ่งไปถ่ายรูปด้วย ...เอาละนะ” เขากดปุ่มชัตเตอร์ แล้วรีบวิ่งไปที่เคน

เอกวิ่งไปยืนข้างๆ เคน เขาหันไปยิ้มให้เคน มองไปที่กล้องเขายังยิ้มอยู่อย่างนั้น เคนเอื้อมมือมาโอบไหล่เขาไว้จนกระทั่งไฟกระพริบเวลาของกล้องดับลง เอกวิ่งมาที่กล้อง ดูรูปแล้วอมยิ้ม รูปของเขากับเคนซัง ที่ยืนเคียงข้างกัน รอยยิ้มแบบเขินๆ ของเคนดูแล้วก็น่ารักไปอีกแบบ คงเพราะเขินที่ต้องถ่ายรูป แล้วยังแอบโอบไหล่เขาอีกด้วย

“คาวาอิจัง” เอกบอกกับเคน

เอกเดินถ่ายรูปบริเวณรอบๆ เคนก็เดินตามเป็นเงาไม่ห่าง ทั้งสองเดินเรื่อนมาจนถึงทางเชื่อมระหว่างเกาะ เป็นสันทรายสีขาวโพลน และมีเศษปะการังที่ถูกน้ำทะเลพัดเข้ามาเกยหาดปะปนอยู่ เกาะเล็กๆ อีกเกาะข้างหน้า เป็น ที่ตั้งของโรงแรมและวิวพอยน์ ที่สวยที่สุดที่หนึ่งจองเกาะนางยวน เอกชวนเคนเดินขึ้นไปที่วิวพอยน์ ทั้งสองเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่โรงแรมได้ทำไว้ให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์รอบเกาะ เอกหยุดถ่ายรูปเป็นระยะ ๆบางครั้งเขาก็ขอให้เคนถ่ายรูปให้ บางครั้งก็ถ่ายด้วยกัน บางครั้งก็แอบถ่ายรูปเคนยามเขาเผลอ ทางเดินที่ลาดชันไม่ได้ทำให้ทั้งสองรู้สึกเหนื่อยล้าเลย เพราะความสุขที่ได้เดินข้างๆ กัน เดินจับมือกันขึ้นไปบนยอดเกาะ ทั้งสองค่อยๆ ปีนขึ้นมาจนถึงยอดเกาะ ภาพที่อยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้พวกเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง ท้องทะเลสีฟ้าคราม ล้อมรอบเกาะเล็กๆ 3 เกาะที่มีสันทรายสีขาวเชื่อมต่อติดกันเป็นทางเดินตรงกลางระหว่างเกาะ  ตรงกลางมีอ่าวเล็กๆ เหมือนสระว่ายน้ำสีเขียวมรกตตัดกับสีฟ้าครามของทะเลรอบนอก ทั้งสองยืนดึ่มด่ำกับความงามของทิวทัศน์เบื้องหน้า เคนยังคงจับมือเอกไม่ยอมปล่อย เขาค่อยๆ ดึงตัวเอกเข้ามาใกล้ๆ เขาโอบเอกไว้จากทางด้านหลัง ค่อยเลื่อนใบหน้าเข้าชิดกับใบหน้าของเอก เขายืนกอดเอกอยู่นาน ทั้งสองยืนอยู่อย่างนั้นปราศจากคำพูดใดๆ แต่ทั้งสองต่างก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกัน เสียงพูดคุยกันเข้ามาใกล้ที่ที่ทั้งสองยืนอยู่ เคนคลายการกอดจากเอกแล้วเปลี่ยนมาจับมือแทน ทั้งสองค่อยๆ ปีนลงจากจุดวิวพอยน์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ได้ขึ้นไปดูบ้าง 

“ที่นี่สวยมากเลยนะครับ ขอบคุณเอกมาก ที่พาผมมาเห็นสิ่งสวยงามแบบนี้” เคนพูดขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน เขายังคงจับมือเอกไว้ไม่ยอมปล่อย เอกไม่ตอบแต่หันมายิ้มให้เขา และยังคงจับมือกับเคนอยู่เช่นกัน สองคนจับมือคู่กันไป เดินไปยังชายหาด     *************************


*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
....ขอบคุณสำหรับ โหวตของทุกๆ คน ขอบคุณค้าบ ... แล้วจารีบมาต่ออีกค้าบ ...

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :a4: :a4: :a4:  ลุ้นๆๆๆๆๆ อิอิอิ :m9: :m9:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
หาดทรายใต้แสงอาทิตย์
 :a1: :a1: :a1:

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
5 .

เรือหางยาวลำเล็ก แล่นฝ่าคลื่นทะเลเป็นระลอกดูน่าหวาดเสียว แต่คนขับเรือก็เชี่ยวทะเล และชำนาญเส้นทาง ทำให้เอกกับเคนไม่ค่อยรู้สึกตื่นกลัวมากนัก เรือกำลังมุ่งหน้าไปยังอ่าวท้องนายปานเกาะพงัน พวกเขาลงจากเรือสปีดโบ๊ทที่ท่าท้องศาลาแล้วเหมาเรือหางยาว เพื่อไปยังอีกด้านของเกาะพงัน เพราะหากขับรถเองกว่าจะถึงคงค่ำ เพราะยังไม่ชำนาญเส้นทาง แดดยามบ่ายยังคงร้อนแรง แต่ก็ทำให้ผืนทะเลดูสวยงาม เป็นประกายเหมือนเรือแล่นอยู่บนผืนอัญมณีสีฟ้าครามทั้งสองยังคงนั่งจับมือกันไม่ยอมปล่อย หัวใจทั้งสองเริ่มเบิ่งบานด้วยความสุข เอกเริ่มเปิดใจที่จะรับเคน เข้ามาไว้ในความรู้สึกของเขา ก็ไม่แปลกที่เขาจะยอมรับเคน ความบังเอิญ ความใกล้ชิด และควน่ารักของเคน หากใครได้อยู่ใกล้ ก็ต้องชอบเขาแน่นอน ในใจลึกของเอก ก็ยังคงกังวลใจกับความผิดหวังที่อาจจะเกิดขึ้น แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะตอนนี้เขามีความสุขกับคนที่อยู่ข้างๆ เขา อนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นไม่มีใครรู้ได้ อยู่ที่ว่าเขาจะเก็บเกี่ยวความสุขไว้ได้มากน้อย และนานแค่ไหน  ถึงมันจะผิดหวัง หรือไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ แต่อย่างน้อย เขาก็ได้มีโอกาสพบกับความสุขกับความรัก เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่กลัวที่จะเปิดใจรับเคนเข้ามาไว้ในใจ เมื่อความรักวิ่งเข้าหา แล้วเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องปฏิเสธมัน เอกคงจับมือเคนไม่ปล่อย เขากำมือของเคนแน่นขึ้น เคนรู้สึกได้ จึงค่อยๆ ขยับตัวมาใกล้ เขาโอบเอกจากด้านหลัง เอกค่อยๆ เอนตัวลงมาพิงที่ตัวของ เคน ตอนนี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของเคน

เรือแล่นอ้อมไปอีกด้านของเกาะ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นชายหาดอยู่ตรงหน้า ผ่านอ่าวท้องนายปานใหญ่ แล่นผ่านแหลมหินขนาดเล็ก แล้วเรือก็เริ่มชะลอความเร็วลง เพื่อเตรียมเข้าเทียบฝั่งอ่าวท้องนายปานน้อย ที่หาดจะไม่มีท่าเรือ เอกจ่ายค่าเรือให้กับคนขับเรือกล่าวขอบคุณ เสร็จแล้วเก็บกระเป๋าเตรียมลงจากเรือ พวกเขาจะต้องลุยทะเลเดินขึ้นชายหาด เพราะเรือจอดใกล้หาดมากไม่ได้ ที่ชายหาดมีนักท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่มากโข เพราะอากาศดีแดดแรง บ้างก็นอนอาบแดด บ้างก้ เล่นฟุตลอลชายหาด บ้างก็พายเรือคายัค อีกด้าน ก็เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน นักท่องเที่ยวที่หาดนี้ส่วนใหญ่ เป็นชาวต่างชาติ หาดท้องนายปานน้อยเป็นหาดเล็กๆ ที่เงียบสงบ มี โรงแรม บังกะโลอยู่ไม่กี่เจ้าที่เปิดให้บริการที่นี่ ที่หาดจึงคล้ายๆ เป็นหาดส่วนตัว พวกเขาเดินลุยทะเลขึ้นมาที่ชายหาด มุ่งหน้าสู่รีสอร์ท ท้องนายปานรีสอร์ท เอกเข้าไปติดต่อขอกุญแจห้องพัก หลังจาก  Check-in แล้ว เจ้าหน้าโรงแรมก็พาที่ห้องพัก ห้องพักของรีสอร์ทที่นี่ จะแบ่งเป็นหลังๆ เป็นบ้านแยกเดี่ยวแต่ละหลัง หลังละ 1 ห้อง ด้านหน้ามีระเบียงและ ชุดโต๊ะสำหรับนั่งเล่นหน้าบ้าน ห้องนอนเป็นเตียงเดี่ยว เอกคิดไม่ถึงว่าห้องพักจะเป็นแบบเตียงเดี่ยว เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย เพราะ เขาคิดว่าจะมีห้องเตียงคู่ แต่รีสอร์ที่เขาพักไม่มี เลยจำใจต้องใช้ห้องเตียงเดี่ยว นี่เขาต้องนอนเตียงเดียวกันกับเคนซัง

“เอก แกมาเที่ยวนะ อย่าคิดมาก”  เอกคิดในใจ เขาแอบเห็น เคนยิ้มไม่ยอมหุบ ดูท่าทางเคนจะไม่ได้ ตื่นตกใจกับการต้องนองเตียงเดียวกันกับเอกเลย

“ดีจัง ห้องเป็นเตียงเดี่ยว วันนี้ผมได้นอนกอดเอกแล้ว” เคนพูดล้อเอก 

เอกเแก้เขินด้วยการชกที่แขนเคนเบาๆ เขา หลบไปที่ตู้ ด้านในสุดของห้องเพื่อเก็บกระเป๋า เขาค่อยหยิบของออกมาทีละชิ้น จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ก้นกระเป๋า เป็นห่อกระดาษเล็กๆเขียนชื่อเขาไว้ เอกแกะมันออกมาดู พอเขาเห็นสิ่งที่อยู่ในห่อนั้น เขาต้องรีบทิ้งมันลงกระเป๋าทันที ที่กระดาษเขียนเป็นลายมือบอกเอกว่า

“ถึงน้องเอก พี่มีของขวัญวันออกไปเที่ยวให้น้องนะ  I know you can make it สุ้ๆ พิชิต หนุ่มแดนปลาดิบให้ได้นะ :p จาก พี่บราวน์”  เอกพับเก็บกระดาษนั้น พยายามนึกว่าพี่เขาเอามาใส่ไว้ตอนไหน พอนึกได้ เขา ส่ายหัว อมยิ้ม กับความขี้เล่นของพี่บราวน์ ที่แอบแกล้งเขาไม่ให้รู้ตัว

“คิดได้ไงเนี่ย พี่บราวน์ ทำน้องแสบนัก กลับไปนะ .... ต้องเคลียร์ ซะหน่อยแล้ว” เอกบ่นอุบอิบ อยู่คนเดียว เขาไม่รู้ตัวเลยว่า เคนแอบยืนมองเขาอยู่ด้านหลัง เขาค่อยโน้มตัวลงมาใกล้เอก แล้วกระซิบที่ข้างหู

“เขาก็ทำดีแล้วนี่ครับ ฮิฮิ” พูดจบ เคนก็ โขมยหอมแก้มเอกอีกครั้ง เอกนั่งหน้าแดงด้วยความอาย อายทั้งเคนที่แอบเห็น ถุงยางที่พี่บราวน์แอบใส่มา อายทั้งโดนโขมยหอมแก้ม เขาไม่รู้จะทำไง นึกบ่นว่าพี่บราวน์อยู่ในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนเคน ก็นั่งยิ้มอย่างผู้มีชัยอยู่ข้างๆ มือก็ ยีหัวเอกเล่นเบา ๆ พร้อมกับหัวเราะ

*************************

พลบค่ำทั้งสองออกไปเดินที่ริมชายหาด ไม่มีแดดแล้ว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยว อยู่ เต็มริมหาด บางส่วนก็ยังเล่นน้ำกันอยู่ บ้างก็นั่งเล่น จับกลุ่มกันอยู่ที่ริมหาด บางคนนั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่บังกะโลริมหาด เสียงกีตาร์ แว่วเป็นเพลงมาตามลม ฟ้ายามเย็นดูสวยงาม กลุ่มเมฆบางๆ บดบังแสงอาทิตย์ที่กำลังจะคล้อยลับขอบฟ้า เหมือนผืนผ้าใบสีขาวขนาดใหญ่ที่ถูกแสงไฟสาดส่องผ่านมา เหมือนจอหนังจอใหญ่ที่ มีตัวหนังเป็นเมฆกลุ่มก้อนรูปร่างต่างๆ อยู่ผืนผ้าใบนั้น เอกยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเก็บ ไว้ เคนเดินนำหน้าไปก่อน หลังจากเอกถ่ายรูปเสร็จ เขามองไปที่เคน แล้วอมยิ้ม เหมือนคิดอะไรได้ เขายกกล้องขึ้นถ่ายรูปเคนจากด้านหลัง เขาก้มลงมองที่ภาพในกล้องแล้วอมยิ้ม เก็บกล้องแล้วเดินตามเคนไป เขาค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังกระโดดขึ้นขี่หลังเคน เคนรับเขาไว้ได้ เขายืนทรงตัวอยู่สักพัก จัดแจงท่าทางที่ถนัด แล้วเขาก็เริ่มวิ่ง เอกร้องเสียงหลง เพราะเคนวิ่งไปทำท่าจะทุ่มเขาลงพื้นไป ทั้งสองหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

วิ่งเล่นกันจนเหนื่อยแล้ว ทั้งสองก็มานั่งที่โขดหินที่อยู่ปลายสุดของหาด ดูพระอาทิตย์ ลับขอบฟ้า เอกนั่งอยู่ด้านหน้าของเคน ส่วนเคนก็โอบเอกไว้จากทางด้านหลัง เอกซบลงที่ไหล่ของเคน หน้าผากของเอกอยู่ในระดับที่เคนสามารถประทับจูบได้ มือทั้งสองเกาะกุมกันไว้ เอกรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจของเคนที่เต้นอยู่จากด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดรินหน้าผากของเขาทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเคน ทำให้เขารู้สึกอยู่ภายใต้การปกป้องจากใครสักคน

“ทะเลยามเย็นนี่ ดูที่ไหนก็สวยนะครับ”  เอกพูดขึ้น เขายังคงซบไหล่ เคนอยู่อย่างนั้น มือก็ลูบแขนของเคนไปมา ช้าๆ อย่างอ่อนโยน เคนจูบเอกที่หน้าผากเป็นการตอบรับ เขายังคงเงียบไม่พูดอะไร เหมือนกับคิดถึงใครบางคนอยู่

“เคยมีคนๆ หนึ่งเขาก็ชอบทะเลยามเย็นแบบเอก เหมือนกันครับ” เคนบอกกับเอกหลังจากที่ทั้งสองอยู่ในความเงียบมานาน ฟ้าเริ่มมืดขึ้น พระอาทิตย์ ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่พวกเขายังนั่นอยู่ตรงนั้น

“ทาคุ ใช่ไหมครับ” เอกพูดขึ้นมาลอย เหมือนกับเขารอโอกาสที่จะถามถึงตัวตนของคนๆ นี้ เพราะ เขารู้ดีว่า สาเหตุที่ทำให้ เคนเหม่อลอย ตอนที่เที่ยวกับเขาอยู่บ่อยๆนั้นเพราะเขาต้องนึกถึงใครสักคนอยู่ เคนเงียบไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าเอกจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาได้ ที่เขานึกถึงทาคุทุกครั้ง

“เอกรู้ได้ยังไงครับ” 

“ผมจำได้ตอนที่ เคนซังพูดตอนที่อยู่ในเรือ จำได้ไหมครับ ที่ผมถามว่า เคนซังพูดอะไรกับผม จริงๆ แล้วผมได้ยิน แต่ผมไม่อยากเซ้าซี้ เคนซังครับ เพราะมันคือเรื่องส่วนตัวของเคนซัง เคนซังจะคิดถึงใครผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับเอก  ... .. ผมไม่ได้ตั้งใจจะเป็นแบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ผมเห็นเอก ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา เพราะเอกเหมือนกับเขามาก เหมือนกันแทบจะทุกอย่างเลย”

“แต่ผมก็ไม่ใช่ทาคุนะครับ  เอกก็ยังเป็นเอก ไม่ใช่ทาคุ”  เอกพูดน้ำเสียงราบเรียบ เคนเดาไม่ได้เลยว่า อารมณ์ ของเอกตอนนี้ เป็นอย่างไร จะโกรธเขาหรือเปล่าที่จู่ๆ เขาก็มาคิดถึงอดีตที่ผ่านมาแล้ว

“ผมขอโทษครับเอก” เคนกอดเอก แน่นมากขึ้นเหมือนเขากลัวว่า เอกจะหลุดจากอ้อมกอดของเขาไป ความกลัวการสูญเสียเข้ามาคุกคามจิตสำนึกเขาทันทีที่เอกพูดชื่อทาคุขึ้นมา

“ขอโทษอะไร ผมหรือครับ เคนซังไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย”

“ก็ผม ...คิดถึงคนอื่น ทั้งๆ ที่อยู่กับเอก” เคนพูดเสียงสั่นเครือ

“โถ ... คิดมากไปได้ครับ เคนซังคิดถึงใครผมห้ามไม่ได้หรอกครับ คนๆนั้นเขาอาจมีความสำคัญกับ เคนซัง ผมจะไปโกรธทำไม ทุกคนมีสิทธิที่จะคิดถึงใครก็ได้ที่สำคัญต่อเรา ผมไม่รู้หรอกนะ ว่า ทาคุเขาคือใคร แต่ผม เชื่อว่า เขาต้องเป็นคนที่สำคัญกับ เคนซัง เคนซังเป็นคนดี เคนซังคิดถึงเขา เขาก็น่าจะเป็นคนดี แล้วเคนซังก็ยังบอกว่า ผมเหมือนกับเขา นั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดี เพราะนั่นหมายถึงว่า ผมก็เหมือนคนๆ หนึ่งที่สำคัญต่อเคนซัง ....” พูดจบ เอกก็เงยหน้าขึ้นไปมองเคน สองคนตาประสานกัน เคนก้มลงจูบที่หน้าผากเขาอีกครั้ง

“...Arigato … เอกคุง .... คือเรื่อง ของทาคุ....” ไม่ทันที่จะพูดต่อ เคนก็ยังไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดได้ เพราะ เอามือมาจับที่ปากเขาไว้ เป็นการบอกว่า เขาไม่จำเป็นต้องอธิบาย เคน จับมือของเอกแน่น เลื่อนมือออกจากปากของเขา

“ผมอยากบอก เอกครับ ...ผมยินดีที่จะเล่าเรื่องของเขาให้เอกฟัง เอกจะได้เข้าใจ..”

“ได้ครับ...อ่ะ เล่ามาสิ” เอกทำตาแป๋ว เตรียมตัวตั้งใจฟัง เคนมองเอกอย่างเอ็นดู เขาก้มลงไปจูบหน้าผากของเอกอีกครั้ง

“ทาคุยะ คือเพื่อนสนิทที่ผมรักมาก เราโตมาด้วย บ้านเราอยู่ติดกัน พ่อแม่ของเราเป็นเพื่อนกัน เราเรียนที่เดียวกัน ห้องเดียวกัน ผมกับเขาเป็นเหมือนพี่น้องกัน ทาคุยะ ชอบถ่ายรูป เขาชอบทะเล เราไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ  ตอนนั้นผมยังเด็กผมยังไม่รู้หรอกว่า ผมรักเขา จนกระทั่งเรียน มปลาย ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกตัวเองว่า ผมไม่อยากให้เขาไปไหน ไม่อยากให้เขาใกล้ใคร เวลาที่เขาไปไหนมาไหนกับสาวๆ ผมจะรู้สึกหวง และห่วง แต่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมาก ผมอยากให้เขารู้ว่าผม รู้สึกอย่างไร ....แต่....”

เคนเงียบไป เอกรู้สึกได้ว่าเคนกำลังเสียใจ เขาเงยหน้าขึ้นไปมองเคน เอกครัง เคนหันกลับมาที่เขาเช่นเดียวกัน ทั้งสองรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เคนค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้เอกมากขึ้น เอกยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งสองบรรจบกัน สัมผัสริมฝีปากทั้งสองยังบรรจบกันอยู่อย่างนั้น เอกค่อยๆ เลื่อนใบหน้าออกจากเคน แต่เคนรั้งไว้ เขา โน้มเอกมากอดรัดไว้ เอกโอบกอดเขาเป็นการตอบรับความรู้สึก

“ถ้าเคนซังลำบากใจที่จะพูด หรือพูดแล้วมันทำให้เคนซังเสียใจ ไม่ต้องแล้วก็ได้ครับ ผมไม่อยากเห็นเคนซังเศร้า” ทั้งสองยังคงกอดกันอยู่อย่างนั้น

“ทาคุยะ เขาไม่อยู่แล้วครับ ... ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้บอกรักเขา เขาจากผมไป ตั้งแต่ผมเรียนอยู่ม.ปลายแล้วครับ ... สาเหตุที่ผมชอบทะเลก็เพราะ ทาคุยะเขาอยู่ที่นี่ เขาจะอยู่ในทะเลทุกๆที่ เพราะ ผมได้เทเถ้ากระดูกของเขาลงในทะเลไปแล้ว ทุครั้งที่ผมมองทะเล ผมก็จะเห็นเขา ผมีความสุขที่เขายังไม่จากผมไปไหนในความทรงจำ ผมจึงมีความสุขที่ผมได้อยู่กับเอกตอนนี้ไงครับ”

เอกคลายการกอดจากเคน เปลี่ยนมาเป็น จับที่มือทั้งสองข้างของ เคน เขามองหน้า เคน สายตาที่มองนั้น เอกก็ไม่รู้ได้ว่า เขารู้สึกอย่างไร ใจหนึ่งก็รู้สึกเสียใจไปกับการสูญเสียของเคน แต่ใจหนึ่ง เขาก็รู้สึกน้อยใจกับการที่เคนมาชอบเขานั้นเพราะเขาเป็นเหมือนตัวแทนของใครคนหนึ่งที่เคนเคยรัก แต่ทำไมเขาต้องมาน้อยใจด้วยล่ะ ถึงแม้จะเป็นตัวแทนของใคร แต่คนที่เขามาแทนที่ก็ไม่อาจจะกลับมาได้แล้ว ตอนนี้ เขาทำให้เคนซังมีความสุขได้ เพราะเคนซังได้อยู่กับเขา มันก็น่าจะเพียงพอแล้ว ... ความสุขของเอกตอนนี้ ก็คือการได้อยู่ กับ เคน แล้ว ทำไมเขาจะต้องมาทำลายความสุขของเขาด้วย เอกเลื่อนตัวเข้าไปใกล้เคน เขาค่อยๆ เลื่อนหน้าไปหอมแก้มของเคน

“เคนซัง .... ผมดีใจ ที่อย่างน้อยผมก็ทำให้เคนซังมีความสุขได้ แม้ผมจะเป็นเมหือนตัวแทนของใครคนหนึ่งที่เคนซังยังรักและคิดถึง ...แต่ผมก็ยังเป็นเอก ที่ ไม่ใช่ ทาคุยะ ...ผมเป็นตัวแทนใครไม่ได้หรอกครับ ที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ ผมก็เป็นตัวของผมเองไม่ได้อยากจะมาเป็นตัวแทนของใคร .... ผมอยากจะทำให้เคนซังมีความสุขเพราะผมเป็นผม .... แต่ผมก้ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ผมรู้ดีว่า เราลืมใครสักคนที่เรารักไม่ได้หรอก แต่ผมก็อยากเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เคนซังมีความสุขได้ ด้วยความที่ผมเป็นผมเอง ..... ...” เอกมองหน้าเคน แล้วยิ้ม เขาก้มหน้ามองพิ้น

“ผมพูดอะไรไปก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ....” เคน ดึงตัวเอกเข้ามาใกล้ เขาจุบที่หน้าผาก เขากอดไว้อีกครั้ง

“ผม ชอบเอก  ก็เพราะ เอกเป็นตัวของเอกนั่นแหละครับ ... ผมยอมรับว่า ตั้งแต่เห็นเอกครั้งแรก เอกทำให้ผมนึกถึงทาคุยะ แต่นั่น ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมอยากให้เอกมาแทนเขา เพราะ ผมก็ยังอยากเจอเอก อยากเห็นเอก เพียงแต่บางครั้ง สิ่งที่เอกเป็น เอกทำให้ผมนึกถึงเขาบางช่วงเวลาเท่านั้นเอง การที่ผมได้อยู่กับเอก ก็ทำให้มีความสุขเหมือนกันครับ ...ทาคุยะเขาคงดีใจ ที่ผมมีความสุขตอนนี้ และเขาคงดีใจมากขึ้น ที่คนที่ให้ผมมีความสุขก้เป็นคนที่มีอะไรคล้ายๆกันกับเขา”

เอกไม่ตอบอะไร และเคนก็ไม่พูดอะไรหลังจากนั้น แต่เขาทั้งสองก็ยังคงนั่งมองฟ้า เหนือผืนทะเล ที่ค่อยๆ ดับแสงสว่างลงเรื่อยๆ รอบตัวเริ่มปกคลุมด้วยความมีด .... .....

****************************

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..........เคนจัง....ทำไมน่ารักอย่างนี้........ :m3: :m3:

ป.ล....พี่บราวน์ทำได้ดีมาก........ :a2: :a2:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
รักที่เราเป็นเรา จะได้ไม่ต้องมาบอกเสียใจภายหลัง
 :a2: :a2: :a2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด