*** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2  (อ่าน 44086 ครั้ง)

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
หายไปนานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ งานค่อนข้างยุ่งครับผม พอโผล่มาก็มาจบเรื่องซะต้งๆ คาๆ อย่างนั้น เอาเป็นว่า ขึ้น  Season 2 กลับมาแบบรวดเดียวเลยครับ  .....

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากเดินชมทะเลยามเย็นกันจนเหนื่อย และทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารของรีสอร์ทแล้ว ทั้งสองก็กลับเข้าห้องพัก เอกนั่งดูรูปถ่ายที่ถ่ายไว้ เคนแอบยืนอยู่ด้านหลัง แล้วก้มลงไปหอมแก้มเขา เอกหันไปยิ้มให้ แล้วก็หันกลับมาสนใจกับรูปในกล้องเป็นการแก้เขิน

“ผมไปอาบน้ำนะครับ”

“ตามสบายครับเคนซัง” เอกตอบกลับ แต่เขาก็ยังไม่ละสายตาไปจากการดูภาพถ่ายในกล้อง

“แหม ... อุตสาห์ บอกว่าจะไปอาบน้ำ นึกว่าจะไปอาบด้วยกัน ...” พูดเสร็จเคนก็หอมแก้ม เอกอีกครั้งก่อนรีบเดินจ้ำอ้าว เข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้เอกนั่งเขินอยู่กับคำพูดที่เขาพูดล้อไว้

“...คนบ้า ...พูดอะไรก็ไม่รู้” เอกนึกในใจ แต่ก็แอบยิ้ม

.......

“oyasumi ครับเคนซัง” 

“ครับผม เหนื่อยแย่เลย พาผมเที่ยวทั้งวันเลยนะวันนี้ พักผ่อนเยอะๆ นะครับ ... Oyasumi ..”

เคนปิดไฟที่หัวเตียง แล้วค่อยเอนตัวลงนอน เขานอนตะแคงหันหน้ามาที่เอก สายตามองเอกอย่างอ่อนโยน เขาค่อยๆ เอื้อมมือจะไปจับที่แก้มของเอก แต่เขาก็ชะงักไว้ คงเพราะไม่อยากทำให้เอกตื่น เคนหลับตาลง โยที่เขาไม่รู้เลยว่า เอกนั้นก็แอบมองเขาอยู่อีกด้านเช่นกัน ......

 

...เอกรู้สึกเหมือนมีใครมากอดเขาไว้จากด้านหลังขณะที่นอนหลับอยู่ เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นเคน เคนค่อยๆ ดึงตัวเอกมากอดให้แน่นขึ้น ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน เตียงเดียวกัน เคนจูบเขาที่ท้ายทอย อ้อมกอดของเคนเริ่มแน่นขึ้น เขากอดเอกอยู่นาน จนกระทั่งเอกเริ่มขยับตัว และหันหน้ามาหาเคน สองคนประสานสายตาในความมืด เคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เอกรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของของเคน และเคนก็เช่นกัน เคนเริ่มก่อนด้วยการจุมพิตริมฝีปากของเอก และเอกก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เคน เริ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าของเอก อย่างช้าๆ และ ก็ยังคงกอดเอกอยู่อย่างนั้น เอก เริ่มกอดเคนตอบ เขาเริ่มปล่อยใจไปตามอารมณ์ แรงแห่งปรารถนา เคนเลื่อนจูบลงมาจนกระทั่งกลับมาจุมพิตเอกที่ริมฝีปากเขาอีกครั้ง จูบเริ่มนานขึ้น ปากทั้งสองแนบชิด เคนรุกหนักขึ้นด้วยการสอดลิ้นเข้าไป เอกตอบรับโดยอัตโนมัติ เขาปล่อยให้ลิ้นของเคนเข้าไปสัมผัสลิ้นของเขาอย่างง่ายดาย ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม สัมผัสกอด แน่นแฟ้น ทั้งสองกอดก่าย และจูบกันอยู่อย่างนั้นอยู่เนิ่นนาน  นานพอที่จะปลดปล่อยความปรารถนาต่อกันที่เก็บกักไว้มานาน ภายใต้ผ้าห่มผืนนั้น ทั้งสองยังคงดำเนินบทรักต่อไป ท่ามกลางเสียงคลื่นลมทะเลภายนอกที่ยังคงซัดสาดทะเลเข้าหาหาดทรายอยู่เนีอยๆ ....

ความมืด เริ่มจางหาย แสงสว่างจากแสงอาทิตย์ เริ่มเข้ามาแทนที่ ลมทะเลยังคงพัดเอื่อยๆ  ยามเช้าของอีกวันเข้ามาแทนที่ ค่ำคืนที่แสนหวานของเอกและเคน เอกยังคงภายใต้อ้อมกอดของเคน เขารู้สึกตัวตื่นอยู่นานแล้ว เพียง แต่ยังไม่ลุกไปไหน เพราะ เขายังคงมีความสุขกับการอยู่ภายใต้อ้อมกอดของเคน เคนก็ตื่นแล้วเช่นกัน เขาทักทายเอก ด้วยจุมพิตที่ข้างแก้ม

“ Ohayo …” เอกทักทาย หลังจากได้รับจุมพิตจากเคน

“ Ohayo …” เคนตอบกลับ พร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มเอกอีกครั้ง เขายังคงมองหน้าเอกด้วยแววตาที่อ่อนโยน เคนเอื้อมมือ ค่อยๆ สัมผัสที่ริมฝีปากของเอก เขาใช้นิ้วจิ้มจมูกเอกเล่นเบา ๆ ใบหน้ายังคงยิ้ม เปี่ยมไปด้วยความสุข ที่เขามีเอกอยู่ในอ้อมกอด สองคนยังคงหยอกล้อกันอยู่บนเตียง ประหนึ่ง เวลานี้มีเพียงเขาสองคน ........

เสียงโทรศัพท์มือถือของเคนดังขึ้น เคนไม่อยากลุกไปรับเพราะยังคงสนุกและมีความสุขกับการหยอกล้อเอกอยู่บนที่นอน แต่ เมื่อคนโทรยังคงไม่ลดละเอกจึงบอกเคนให้รับเพราะอาจจะมีเรื่องด่วนจาก กรุงเทพ เคนจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาพูดสาย

“สวัสดีครับ เคนจิครับ ..... Ah … Hai Kenji Desu”  เคนซังหันมาบอกเอกว่า เป็นสายจากคุณพ่อ เอกจึงบอกเขาตามสบาย เคนลุกจากที่นอน เดินไปคุยโทรศัพท์ ที่ระเบียงหน้าบ้านพัก เอกลุกจากเตียงเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ในใจนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วแอบยิ้มอยู่คนเดียว ... หลังจากทำธุระเสร็จเอกก็ออกมาเก็บของ เพื่อเตรียม เช็คเอาท์ และกลับสมุย วันนี้ เคนต้องกลับกรุงเทพแล้ว สองวันที่ผ่านมา เอกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ เคน และเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไป จากวันนี้จะเป็นยังไงเขาก็ไม่รู้ได้ เพราะหลังจาก เคนกลับไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ เขาและเคนจะยังคงติดต่อกันอยู่หรือเปล่า แล้ว เคนจะรู้สึกอย่างไรกับเขา มันก็แล้วแต่โชคชะตาแล้ว

เคนเปิดประตูเข้ามา สีหน้าเขาดูเปลี่ยนไปจากเดิม จากที่ร่าเริง กลับเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด เอกสังเกตุเห็นได้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะ อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา

“เอกครับ ... ผมต้องกลับญี่ปุ่นวันพรุ่งนี้”

“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ผมเห็นสีหน้าเคนซังดูไม่ดีเลย”

“คุณแม่ ผมป่วยครับ ผมต้องกลับไปดูใจท่าน”

“ถ้างั้น รีบไป check out เถอะครับ ผมจะได้ไปจองไฟลท์ที่เร็วที่สุดให้เคนซังได้กลับกรุงเทพ”

“...ขอโทษนะ ผมเลยทำให้ต้องรีบกลับเลย”

“อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยครับ คุณแม่ของเคนซัง สำคัญกว่านะ”

เคน เดินมาใกล้ๆ เอก เขาดึงตัวเอกมากอดแน่น

“ขอบคุณนะครับ เอก .... คุณดีกับผมจริงๆ ผมอยากเจอคุณเร็วกว่านี้จริงๆ”

“เคนซัง ... จะเร็วจะช้าตอนนี้ เราก็ได้เจอกันแล้วนี่ครับ” เอกเงยหน้าขึ้นมามองเคน แล้วปลอบเขาไป

“แต่ได้เจอกันแล้ว ผมก็ต้องไปญี่ปุ่นแล้ว คิดว่าอย่างน้อยกลับกรุงเทพ ก็ยังได้คุยกับเอกบ่อยๆ หรือมาหาบ้าง แต่นี่ ผมต้องไปอยู่ไกลถึงญี่ปุ่น ...”

“จะไกลแค่ไหน ก็คุยกันได้ครับ .. เรายังมีโทรศัพท์ มี อีเมลล์ มี MSN คุยกันได้ อยู่แล้วครับ ...” เอกบอกเคนไป ทั้งๆ ที่เขาเองก็ใจหายที่จู่ๆ คนที่เพิ่งได้ใกล้ชิดกัน กลับจะต้องมาจากไปอยู่ไกล ไกลจนที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสจะได้เจอกันเมื่อไหร่

ตลอดทางที่นั่งเรือหางยาวกลับท่าเรือ  และ นั่งเรือกลับมาจากเกาะพงัน เคนไม่ยอม ห่างจากเอก เลย เขา จับมือ เอกไม่ยอมปล่อย สายตาที่มองเอกอย่างอาวรณ์ไม่อยากไป แต่เขาก็ต้องไป หลังจากถึงฝั่งที่เกาะสมุยแล้ว เอกพาเคนไปเก็บของและเช็คเอาท์ ที่โรงแรม ตลอดทางจากโรงแรมจนถึงสนามบิน เคนเงียบ และสีหน้าครุ่นคิดมาก เอกไม่รู้ว่า อาการป่วยของแม่เคนนั้นจะหนักแค่ไหน เขาอยากจะถามไถ่ แต่ก็ไม่กฃ้า เพราะ เขาไม่อยากไปตอกย้ำความกังวลให้มากกับเคนมากขึ้นไปกว่าเดิม เขาพยายามนั่งยิ้ม จับมือเคนไว้ เพื่อให้เคนได้รู้ว่า อย่างน้อยเคนก็ยังมีเขาอยู่ข้างๆ  จนกว่าเขาจะออกจากเกาะนี้ ... เอกจัดการเรื่องเปลี่ยนเที่ยวบินให้เคนเรียบร้อย และ ถือบอร์ดดิ้งพาสมาให้เขา  เคนรับไว้ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย ดูเขายังไม่อยากกลับไปเลย แต่เขาก็ต้องจากคนที่เขาอยากอยู่ใกล้ๆ ไปไกลเหลือเกิน

เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารเที่ยวบินของเคน ประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องแล้ว เคนต้องเข้าไปในบอร์ดิ้งเกท ซึ่ง เอก เข้าไปด้วยไม่ได้แล้ว เอกกับเคนต้องยืนลากันตรงนั้น

“ผมไปก่อนนะ...ถึงกรุงเทพแล้วจะโทรหา”

“Take care นะครับ เคนซัง ... แล้วผมจะรอโทรศัพท์ เคนซังนะครับ”

... เครื่องเจ็ททะยานขึ้นฟ้าไปแล้ว ... หัวใจของเอกรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนกับมันทะยานไปกับไฟลท์ เจ็ทนั้นไปแล้ว ... เคนซัง กับ เขา ต่อไปจะเป็นยังไนะ ความรักครั้งใหม่ของเขา เพิ่งจะเรอ่มต้น แต่ทางเดินของมันกลับมาสะดุดเพราะระยะทางแบบนี้ ต่อไปจะเป็นอย่างไร

 

***************************************  End of  Season 1 **************************************

 

Synopis Season 2

 

เวลาผ่านไป 1 ปี ความสัมพันธ์ของเอกกับเคนยังเป็นเพียง อีเมล์ โทรศัพท์ และ MSN กิจการของเคนที่ญี่ปุ่นกำลังไปได้ดี และ เขางานค่อนข้างยุ่งขึ้นทุกวัน การติดต่อเริ่มขาดหาย แต่ เอกกับเคนก็ยังคงติดต่อกันอยู่ เอกวางแผนจะไปเยี่ยมเคนที่ญี่ปุ่น แต่เคนขอเลื่อนแผนการไปเยี่ยมของเอกไปก่อน เพราะกลัวไม่มีเวลาดูแล เอกทำเป้นยอมรับ แต่เขาไม่เปลี่ยนแผน และคิดจะไปเซอร์ไพรซ์ แล้วเอกก็ไปพบกับความจริงที่เคนไม่เคยบอกเขาเลยตลอด 1ปี ที่คบกัน เอกจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เขาไปเจอในต่างแดน

 

 

******************************************************************************************************************

gobgab

  • บุคคลทั่วไป


...........จบ season1 ซะและ........

...........หวังว่าจะไม่เกิดเรื่องเศร้าใน season 2......... :undecided: :undecided:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อ้างถึง
“ขอบคุณนะครับ เอก .... คุณดีกับผมจริงๆ ผมอยากเจอคุณเร็วกว่านี้จริงๆ”


เหมือนมีความหมายมากมายในประโยคดังกล่าว
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

anisongchanon

  • บุคคลทั่วไป
สนุกมากๆเลยคับ

โรแมนติกจังเลย





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคับพี่

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
 :m9: ลูกเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้วค้าบ บบบบบบบบบบบบบ หายไปนาน เป็น เดือนๆ ...แบบว่า มุ่งทำงานอย่างเดียวจนไม่ได้ เป็นอันกลับมาเยี่ยมเยียนบอร์ด เห็น นิยายของลูกเป็นด มาอยู่หน้า 3 ก็ตกใจ เลย เร่งมี เขียน Season 2 ซะเลย มาต่อกันเลยนะครับ กับตอนแรก "สิ่งที่ปิดบัง" เป็นยังบ้างเพื่อนๆ ก็ เมนท์ ก็ได้นะค้าบ แล้วจะพยายาม อ่านเรื่องของเพื่อนๆ และ เม้นท์ เหมือนกันค้าบ
ปล. คิดถึง ทุกคนเลยน โดยฉาเพาะ ปี้ แสบ ค้าบ อุอุอุอุอุอุ  :a9:


***************************************************************************************************************

หาดทรายใต้แสงอาทิตย์  Season 2
Previously on Season 1
เอกย้ายไปทำงานที่สมุย  เริ่มต้นการทำงานและชีวิตใหม่ที่นั่น  วันหนึ่ง เขาได้พบกับเคนโดยบังเอิญ เคนคือคนที่เขา เจอในผับที่เอกเคยไปเที่ยวกับแฟนเก่าเมื่อครั้งที่อยู่กรุงเทพ เคนขอให้เอกพาเที่ยวเกาะ เอกรับปาก และพาเคนไปเที่ยว ทั้งสองเริ่มสนิทและรู้จักกันใกล้ชิด ตอนไปเที่ยว หลังจากที่เอกเปิดใจรับเคนเข้ามาอยู่ในใจ แต่วันสุดท้ายที่เคนต้องกลับกรุงเทพ เคนต้องกลับญี่ปุ่นกะทันหัน เพราะ แม่ไม่สบาย เคนกับเอกต้อง อยู่ห่างกันทั้งๆ ที่เพิ่งจะเริ่ม เปิดใจยอมรับกันและกัน
*********************************************


*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
1. สิ่งที่ปิดบัง

“ตัดสินใจดีแล้ว เหรอเอก” พี่บราวน์ ถามเอก ขณะเอกเก็บกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางไปญี่ปุ่น
“อ้าว พี่บราวน์ ตอนแรกมายุผมให้ไป จนผมพร้อมจะไป ได้วีซ่า ได้ตั๋วมาแล้วเนี่ย มาถามผมว่าแน่ใจแล้ว เหรอ เนี่ย หมายความว่าไม่อยากให้ผมไปแล้วเหรอ ...” เอกถามพี่บราวน์ อย่าง งงๆ เพราะ ว่า เขาได้ แรงยุจากพี่บราวน์ให้บินไปเซอร์ไพรซ์เคน ที่ญี่ปุ่น แต่พอจะไปจริงๆ กลับมาถามว่าเขาแน่ใจจริงๆ หรือเปล่า 
“มันก็ใช่ แต่ว่าตอนนั้นกะตอนนี้ มันไม่เหมือนกันนี่หว่า” พี่บราวน์ตอบ
“ยังไงอ่ะพี่”  เอกถามต่อ
“ไม่รู้อ่ะ ตอนนี้ รู้สึกแปลกๆ ไม่อยากให้น้องไป” พี่บราวน์ ตอบแบบน้ำขุ่นๆ
“อ้าว ไหงงั้นน่ะ มีแบบนี้ด้วย ... ผมไม่เป็นไรหรอกพี่บราวน์ นั่นแน่ กลัวเหงาใช่ม้า ..ผมไม่ได้ ไปอยู่โน่นซะหน่อย ไปแค่ 5 วันเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“เฮ้ยไม่ใช่เรื่องนั้น แต่กรูรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้” พี่บราวน์ ยังคงยืนยันความรู้สึกเดิม
“ไม่เอาน่า พี่บราวน์ คิดมากไปได้ ...” เอกพูดแกมขำ ในความรู้สึกแปลกๆ ของพี่บราวน์
 “เดี๋ยวหาหนุ่มญี่ปุ่นน่ารักๆ มาฝากนะพี่” เอกแหย่พี่บราวน์ต่อ
“เออ.....ให้มันได้จริงเถอะ ดีแต่พูด ไม่รั้งแล้วเว้ย ไปเที่ยวให้สนุกละกัน” พี่บราวน์ คงเหนื่อยที่จะชักแม่น้ำทั้งห้าให้เอกเปลี่ยนใจ อีกอย่างใครจะมาเชื่อความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่รู้ว่าคืออะไร พูดจบพี่บราวน์ ก็เดินออกจากห้องไป
เอกตัดสินใจจะไปญี่ปุ่น หลังจากที่เคนกับเขา ไม่ได้เจอกันมาปีกว่าแล้ว ตั้งแต่วันที่ เคนออกจากเกาะสมุยไป และกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่น เอกกับเคนติดต่อกันทางอีเมล โทรศัพท์ และคุยออนไลน์กันทุกวัน แต่ช่วงหลังๆ เคนค่อนข้างจะห่างไป เพราะงานยุ่ง และต้องเดินทางไปพบลูกค้าที่ต่างเมืองในญี่ปุ่น แต่เอกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเคนก็ยังติดต่อกับเขาไม่ได้ขาด จริงๆ แล้ว เคนยังไม่พร้อมที่จะให้เอกไปพบที่ญี่ปุ่น เคนพยายามบ่ายเบี่ยงบอกว่ายังงานยุ่ง ยังไม่อยากให้เอกมา เพราะกลัวจะดูแลเอกได้ไม่ดี ซึ่งเอกก็ไม่ได้รีบร้อนจะไปในครั้งแรก แต่เป็นเพราะแรงยุจากพี่บราวน์ และคงเป็นเพราะความคิดถึงเคน เขาจึงยอมตัดสินใจที่จะไป โตเกียวโดยไม่บอกเคน เพื่อที่จะไปเซอร์ไพรซ์ คนที่เขารัก เอกได้ที่อยู่ของเคนมาตั้งแต่เคนย้ายไปอยู่ที่นั่น เขาจึงพยายามหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านของเคน เพื่อที่จะได้ไปพบเขาได้ไม่ลำบากมาก เอกไม่ได้วางแผนจะไปเที่ยวไหน เพราะ เขาคิดว่า เดี๋ยวไปถึงที่นั่นเคนคงพาเขาเที่ยวเอง เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องเที่ยยวสักเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ที่เขานึกถึงนั้นคือ เคนจิ ....  เอกหยิบตั๋วเครื่องบินขึ้นมาดูอีกครั้ง นั่งอมยิ้มนึกถึงคนที่อยู่ปลายทางที่จะไปถึงแล้วทำให้เขามีความสุขยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเคนจิ จะหน้ายังไง เมื่อได้เจอเขาที่นั่น
“Mata ne Kenji san” เอกพูดกับตั๋วเครื่องบินที่นั่งมองอยู่ พร้อมกับนึกถึงคนที่พูดถึง
วันพรุ่งนี้ เอกต้องนั่งไฟลท์ เช้าจากสมุย และไปต่อเครื่องที่กรุงเทพ เพื่อบินตรงไปญี่ปุ่น เอกรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของเขา และเป็นการเดินทางไปหาคนที่เขารักด้วย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอกหยิบขึ้นมาดู เห็นชื่อคนโทรเข้า ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน เคนจิซังนั่นเอง
“สวัสดีครับ เคนซัง .... กำลังคิดถึงอยู่พอดีก็โทรมาเลยนะครับ”  เอกทักเคนหลังจากรับสายโดยไม่ปล่อยให้คนที่โทรหาพูดก่อน 
“ ......... ......” ปลายสายเงียบไม่มีเสียงตอบรับการทักทาย
“ฮัลโหล ...ฮัลโหล ...เคนซัง ...เคนซัง ได้ยินไหมครับ .ฮัลโหล .........” เอกพยายาม เรียกคนที่อยู่ปลายสาย แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ
“...กึก...............ตื๊ดดดดดดดดดดดดด” เสียงวางสายไปโดยปราศจากคำพูดใดๆ เอกไม่ได้ตกใจอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นเพราะช่องสัญญาณไม่ว่าง เลยอาจจะไม่ได้ยิน หรือ สัญญาณตัดไป เอกวางโทรศัพท์ ไว้ แล้วเก็บของต่อ ในใจคิดว่า เดี๋ยวเคนซังคงจะโทรกลับ ....

**********************************************

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
*********
 “ทาคุจัง ..... อย่าเล่นโทรศัพท์ของ เคนจิซัง สิลูก” เสียงหญิงสาวชาวญี่ปุ่น บอกกับเด็กชายวัย 2 ขวบ ที่กำลังเล่นโทรศัพท์ มือถืออยู่ เธอเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือมาเก็บไว้บนโต๊ะแล้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา เธอเล่นกับหนูน้อยทาคุ อยู่ได้สักพัก  เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น เธออุ้มหนูน้อยทาคุไปที่ห้องโถงด้านหน้า เพื่อรอรับคนที่กลับมาจากทำงาน ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามาด้านในบ้าน ถอดรองเท้าเก็บไว้ที่ตู้เก็บรองเท้า เปลี่ยนรองเท้าเป็นรองเท้าแตะ ถอดสูทและเสื้อโค๊ท แขวนไว้ด้านข้างตู้ วางรองเท้า
“tadai ma” ชายหนุ่มทักหญิงสาว และหนูน้อยที่ยืนรอรับอยู่แล้ว
“Okaeri … Kenji san…” หญิงสาวตอบรับการกลับมาของชายหนุ่ม พร้อม ยกมือน้อยๆ ของทาคุจัง โบกไปมาทักทาย
“ผมไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวลงมาทานข้าวด้วยกัน” ชายหนุ่มบอก พร้อมทั้งเดินเข้ามาทักทายหนูน้อยก่อนเดินขึ้นบ้านไป  หญิงสาว เดินกลับมาที่ครัว ปล่อยทาคุน้อยไว้ที่เปลแล้วเดินไปทำกับข้าวต่อปล่อยให้หนูน้อย เล่นของเล่นในเปลอยู่คนเดียว  เคนจิเดินเข้าห้องไป วางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะข้างๆ เตียง เปิดคอมพิวเตอร์ ต่ออินเตอร์เน็ต เปิดดูอีเมล์ และอ่านเมล์ที่เข้ามาใหม่อยู่ฉบับหนึ่ง
“ สวัสดีครับ เคนซัง
   เคนซัง สบายดีไหมครับ  วันนี้อากาศที่สมุยไม่ร้อนมากครับ อากาศดี ท้องฟ้าสวยมาก สวยเหมือนตอนที่เราไปเห็นที่เกาะเต่าเลยครับ วันนี้ผมหยิบรูปที่เราไปเที่ยวกัน มาดูอีกครั้ง ผ่านมาปีกว่าๆ แล้ว ความทรงจำดีๆ ตอนนั้นก็ยังไม่หายไปไหนเลย ผมยังจำได้ดีเลยครับ ตั้งแต่เราเจอกันที่ แอร์พอร์ต ช่วงเวลาดีๆ ที่ เกาะเต่า และ เกาะพะงัน ...ทุกรูปที่มีเคนซังอยู่ ยังมีรอยยิ้มให้เห็นอยู่เสมอ เวลาผมมองรูปพวกนี้ ยิ่งทำให้ผมคิดถึงเคนซังมากขึ้น คิดถึงมาก จนอยากไปเจอ ไปเห็นหน้า ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัส ผมคิดถึงเคนซังจริงๆ นะครับ แม้ว่าเราจะได้คุยกันทุกวัน แต่มันก็เป็นแค่เสียงผ่านโทรศัพท์ และข้อความที่เขียนไว้เท่านั้น มันก็ไม่เหมือนกับ ตอนที่ผมได้อยู่ใกล้ ได้ยินเสียง ได้เห็นหน้าที่มีรอยยิ้มให้กับผม ของเคนซัง ... ผมหวังว่าสักวันผมคงได้ ไปพบเคนซังที่ญี่ปุ่นนะครับ ผมรอเวลาที่จะได้อยู่ใกล้กับเคนซังอีกครั้งนะครับ
... Omotte iru …
p.s. เคนซังวันพรุ่งนี้อยู่บ้านหรือเปล่าครับ ผมมีเรื่องจะเซอร์ไพรซ์..แล้วพรุ่งนี้ผมจะโทรหานะครับ”
เคนนั่งมองหน้าจอ  อ่านเมลของเอกซ้ำไปซ้ำมา เอกไม่เคยขาดการติดต่อจากเขาเลย ยังคงส่ง sms และ คุยกับเขาทุกวัน กลับเป็นเขาเสียอีกที่ดูเหมือนห่างๆ จากเอกไป ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่ญี่ปุ่น และแม่ของเขาเสียชีวิตไปเคนต้องจัดการธุรกิจหลายอย่างที่แม่ของเขาดูแลอยู่ แทนหมด อีกทั้งยังต้องรับผิดชอบ ชีวิตสองแม่ลูก เอริกะ และ ทาคุยะ ด้วย เขาเป็นกังวลเรื่อง เอริกะ และ ทาคุยะ มาก เพราะเรื่องนี้ เขายังไม่ได้บอกกับ เอก เลยและนี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เคนยังไม่อยากให้เอกมาที่ญี่ปุ่น เพราะหากเอกมาเห็นชีวิตของเขาที่นี่ แล้วเอกจะรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เขาปิดบังมาตลอด เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความรู้สึกกดดันแบบนั้น และเขาก็ยังไม่อยากให้เอกต้องมารับรู้ และ เจ็บปวดกับสิ่งที่เขาปิดบังอยู่
“เคนจิซัง.... อาหารเย็นพร้อมแล้วนะคะ”  เอริกะ เปิดประตูมาเรียกให้เคนจิลงไปทานข้าวเย็น
“เดี๋ยวลงไปนะครับ”  ชายหนุ่มปิดคอมพิวเตอร์ เปลี่ยนชุด แล้วเดินลงมาที่ห้องครัว ทักทายหนูน้อยทาคุยะ ที่นั่งรอทานอาหาร อยู่ที่เก้าอี้เด็ก หนูน้อย ยิ้มทักทาย เคน แล้วหันไปสนใจกับชามอาหารที่ เอริกะหยิบมาวางข้างหน้า
“วันนี้ เคนจิซัง ลืม มือถือไว้ที่บ้าน แน่ะ” เอริกะ บอกเคนขณะที่วางอาหารไว้ที่โต๊ะ
“อื้ม .. แต่ไม่เป็นไร เพราะมีของบริษัทติดอยู่ในกระเป๋า อันที่ลืมไว้ ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้วล่ะ”
“วันนี้ เห็นทาคุจังเล่น โทรศัพท์ของเคนจิซังด้วย เอริกะยังไม่ได้ดูเลย เจ้าหนู ทำอะไรเสียหายไปหรือเปล่า”
“คงไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกินข้าวเสร็จผมไปดูเอง .... กินข้าวได้แล้ว ทาคุน้อย คงจะหิวแล้ว นั่งมองชามข้าวใหญ่เลย ...” เคน พูดพลาง ทำหน้าตาหยอกล้อ กับหนูน้อย
เอริกะ จัดการวางอาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามก็เริ่มทานอาหารเย็นพร้อมกัน

************

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
************
 “คุณครับ .... คุณครับ...” เอกได้ยินเสียงใครสักคน พร้อมกับรู้สึกเหมือนมีใครมาสะกิดที่แขนเขาเบาๆ ขณะที่เขาหลับอยู่บนเครื่อง เอกลืมตาขึ้นเพื่อมาองหาต้นเสียงทีเรียกเขา เป็นผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาฝั่งที่ติดหน้าต่างนั่นเอง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ..” เอกลืมตา เสียงสลึมสลือถาม ผู้โดยสารคนนั้น
“ขอโทษที่ปลุกนะครับ... คือผม จะขอลุกไปเข้าห้องน้ำ กลัวลุกไปแล้วจะทำให้คุณตื่นโดยไม่ตั้งใจ ... เลยขอตั้งใจปลุกเลยดีกว่า ...” ผู้โดยสารที่นั่งข้างเขา บอกเอก ด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“ไม่เป็นไรครับ ...ผมคงนอนขวางทางคุณน่าดู ..เชิญครับ”  เอกขยับตัวเพื่อหลีกทางให้ชายหนุ่มเดินผ่านไปได้สะดวก หลังจากเขาเดินออกมาแล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะหันมายิ้มขอบคุณ เอกก็ยิ้มตอบกลับไป  เอกจัดการกับผ้าห่มที่คลุมตัวเขาพับเก็บไว้ที่ด้านข้างที่นั่ง เขาบิดกายเพื่อให้คลายจากอาการเมื่อยล้า มองออกไปนอกหน้าต่างเครื่อง เห็นก้อนเมฆสีขาวโพลน เขาพยายามชะเง้อ มองไปนอกหน้าต่าง เพราะอยากเห็นภาพด้านนอกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เบื้องล่างก็ยังคงเป็นเพียงผืนน้ำสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเขาก็แยกไม่ออกว่ามันเป็นฟ้าหรือทะเล เขามองดูนาฬิกา อีก ชั่วโมงกว่าๆ เครื่องจะแลนดิ้งที่สนามบินนาริตะโตเกียวแล้ว เอกไม่อยากหลับต่อแล้ว เขาจึงเปิดกระเป๋าหยิบแมกกาซีนหนังที่เขาชอบอ่านออกมาจากกระเป๋า มาอ่านเพื่อฆ่าเวลา
“ผมคงทำให้คุณตื่นเลยใช่ไหมครับเนี่ย” เสียงใครบางคนพูดกับเอกขณะที่เขานั่งอ่านแมกกาซีนอยู่ เอกเงยหน้าขึ้นไปมาองเจ้าของเสียง เป็นชายหนุ่มผู้โดยสารที่นั่งอยู่ข้างๆ เขานั่นเอง
“ ไม่หรอกครับ ...” เอกบอกปัดพร้อม ขยับตัวให้ชายหนุ่ม เข้ามานั่งที่นั่ง
“ขอบคุณนะครับ ...” ชายหนุ่ม กล่าวขอบคุณเอกหลังจากที่นั่งเรียร้อย และคาดเข็มขัดนิรภัย
“ไม่เป็นไรครับ” .เอกตอบกลับพร้อมกับหันหน้าไปยิ้มให้กับเขาเล็กน้อย  แล้วกลับมาสนใจอ่านแมกกาซีนของเขาต่อ ส่วนคนที่นั่งข้างๆ เขาก็กำลังง่วนกับการหาอะไรบางอย่างที่ช่องเก็บของด้านหน้าที่นั่งของเขา ชายหนุ่มหยิบหนังสือ จากช่องเก็บของด้านหน้ามาพลิกอ่านอยู่ 2 -3 หน้า แล้วก็เก็บกลับไว้ที่เดิม เขานั่งนิ่งได้สักพัก แล้วก็ เริ่มเปิดจอสกรีนทีวีที่อยู่ด้านหน้า เพื่อ เปิดทีวีสกรีนดูรายการบันเทิงที่บนเครื่องมีบริการให้กับผู้โดยสาร เขานั่งกดเลือกไปเลือกมาอยู่สักพัก ก็ปิดจอสกรีนนั้นไปอีกครั้ง ทำสีหน้าเบื่อๆ เหมือนไม่มีอะไรให้เขาทำเลยนอกจากที่ต้องนั่งนิ่งๆ เขาเริ่มเปลี่ยนจากการจับโน่น หยิบนี่จากช่องเก็บขอวและเล่นจอสกรีนมาเป็นนั่งนิ่ง มาเป็นการหันมามองเอก และหนังสือที่เอกอ่านอยู่  ส่วนเอกยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านแมกกาซีนของเขาต่อไปโดยไม่สนใจว่าคนที่นั่งข้างๆ นั่นกำลังมองเขาอยู่ เป้นอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเอกรู้สึกว่าเขาถูกนั่งมอง เขาจึงหันไปที่สายตาที่นั่งมองเขาอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร เป็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขานั่นเอง เอกเห็นเขาหลบสายตา แต่ก็แอบอมยิ้มเหมือนกับเขารู้ตัวว่า เอกรู้ว่า เขามองเอกอยู่  ด้วยความที่เป็นไม่ชอบหาเรื่องใคร เอกก็เลยยิ้มให้ แล้วกลับมาอ่านแมกกาซีนของเขาต่อ
“คุณครับ ...” เสียงคนที่นั่งข้างๆ เรียกใครสักคนซึ่งเอกพยายามไม่สนใจเพราะคิดว่า คงไม่ได้เรียกครับ
“คุณครับ ...” ครั้งนี้ เอกได้ยินเสียงข้างๆ หู เพราะคนที่เรียกนั้น ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และเรียกให้เขารู้ว่า เขาเรียกเอกอยู่  เอกยังยิ้มให้ เพื่อรักษามารยาท พร้อมกับหันไปถาม
“มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ” เอกถามพร้อมกับยิ้ม ให้กับเขา
“ขอโทษนะครับ .. คือ ผม ไม่รู้จะทำอะไรให้หายเบื่อดี หนังสือ บนเครื่องก็มีแต่ขายของกับอะไรก็ไม่รู้เป็นภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด ส่วน รายการในลิสต์ ที่โชว์บนสกรีน ก็มีแต่อะไรก็ไม่รู้ ไม่น่าดู คุณพอจะมีหนังสือให้ผมยืมอ่านไหมครับ แบบที่คุณอ่านอยู่ก็ได้”  ชายหนุ่มคนนั้น รีบเอ่ยปากขอโทษก่อนที่จะทำให้เอกโกรธ เพราะเขาคงรู้ตัวว่า เขาเสียมารยาทกับเอกมามากพอ แต่ก็ยังไม่วายที่จะชวนเขาคุย และขอยืมหนังสือกับเอกอีก พูดจบเขาก็ยิ้มให้เอก หน้าตาท่าทางๆ กวนๆ ของเขาทำให้เอก คลายความขุ่นข้องใจกลายเป็นตลกกับท่าทีของเขาเสียมากกว่า เอกยิ้มให้เขาอีกครัง แล้วยื่นหนังสือให้เขา
“เอาไปอ่านก็ได้ครับ ...ผมอ่านหลายรอบแล้ว”
“ผมรบกวนคุณเกินไปหรือเปล่าครับเนี่ย” เขาถามแต่ก็ยังรับหนังสือจากเอกมาถือไว้
“ไม่หรอกครับ เพราะจริงๆ แล้วคุณก็กวนผมตั้งแต่ปลุกให้ผมตื่นแล้วล่ะ” เอกพูดล้อเขาเล่น แล้วหันมายิ้มให้เขา ขณะที่ถอดขัดขัดนิรภัยออก
“อ้าว ... เป็นงั้นไป ผมเนี่ย ไม่น่าเลย” เขาทำหน้าจ๋อยๆ เหมือนรู้สึกผิด เอกรู้สึกขำในท่าทีของเขา แกมดีใจที่  ล้อเขาคืนได้
“ผมล้อเล่นครับคุณ ยังไงผมฝากหนังสือไว้ก่อนก็แล้วกันนะครับ ผมขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน” เอกพูดพลางลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คนที่นั่งข้างๆ อ่านหนังสือแมกาซีนที่เขายื่นให้  หลังจากกลับมา เอกนังเห็นคนที่นั่งข้างๆ ก้มหน้าก้มตาอ่านแมกกาซีนที่เขาให้ยืม
“กลับมาแล้วเหรอครับ...เร็วจัง ผมยังอ่านไปไม่ถึงไหนเลย” เขาทักเอกขณะที่เอกกำลังนั่งลงและคาดเข็มขัดนิรภัย 
“ไปเข้าห้องน้ำนะครับ ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น ....”  เอกลองตอบเขาแบบกวน ๆ เพราะเขาคิดว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนคุยเล่นก่อนเครื่องลงจอดที่โตเกียวคงจะดีไม่น้อย
“ค้าบผม ....” ชายหนุ่มหันมามองเอกยิ้มๆ และพูดได้แค่นั้น เพราะไม่คิดว่าเอกจะพูดล้อเล่นกับเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มเปิดหนังกลับไปกลับมาอยู่สักพัก แล้วก็เขายื่นหนังสือกลับมาให้เอก
“คืนทำไมเหรอครับ หรือว่ามันไม่น่าอ่าน”  เอกถามพร้อมทำสีหน้าแปลกใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ... ผมมีอะไรอย่างอื่นทำที่ดีกว่าอ่านนังสือแล้วครับ” เขามองเอกแล้วยิ้มแบบกวนๆ 
“อะไร อ่ะครับ” เอกทำหน้างงๆ 
“ก็คุยกับคุณไง ...” ชายหนุ่ม ตอบพร้อมทำหน้ากวนๆ กับเอกอีกครั้ง
เอกมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นึกขำอยู่ในใจ  คนเรานี่ก็แปลก นั่งอยู่ข้างๆ กันตั้งแต่เครื่องเทคออฟ แต่ก็ไม่ได้คุย แล้วจู่ๆ นึกจะคุยกันขึ้นมาก็คุยกันซะอย่างนั้น แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก มีเพื่อนคุยไว้ก็ดีกว่าไม่มี
“แล้วจะคุยอะไรดีล่ะครับ” เอกถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิง คู่สนทนาหน้าใหม่ ที่บอกว่าอยากจะคุยกับเขา
“ก่อนอื่น เริ่มจาก แนะนำตัวให้รู้จักก่อนนะครับ ผมชื่อ บอล ครับ”
“ครับหวัดดีครับ บอล” เอกตอบ พร้อมกับยิ้มให้ บอลยิ้มตอบแล้วนั่งมองหน้าเอกอยู่สักพัก เหมือนกำลังรอให้เอกบอกอะไรเขาต่อ แต่เอกก็ยังไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งบอลต้องพูดออกมา
“อ้าว แล้ว ไม่คิดจะบอกชื่อให้ผมรู้จักเลยเหรอครับ”
เอกอมยิ้ม รู้สึกสนุกที่แกล้ง บอลได้ เขายิ้มและตอบกลับไป
“ก็ไม่เห็นจะถามผมนี่นา  ...ก็เลยคิดว่าคงไม่อยากจะรู้จักชื่อผม  ....ผม ชื่อ เอก ครับ...” เอกตอบแบบอารมณ์ดี 
“ขี้เล่นไม่เบา เลยนะครับคุณเอก....”  บอลตอบกลับแบบอารมณ์ดีเหมือนกัน  ทั้งสองมองหน้ากัน แล้ว หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกัน คงเพราะขำในท่าทีของกันและกัน
“มาเที่ยวเหรอครับ” บอลถามเอกต่อ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ .. พอดี .. เพื่อน... อยู่ที่โตเกียว ..จริงๆ แล้วก็เป็นคนโตเกียวนี่แหละครับ มาเยี่ยม เพื่อนมากกว่า ส่วนจะได้เที่ยวหรือเปล่าก็คงแล้วแต่เพื่อน นะครับ” เอกตอบ
“โห มาซะไกล แค่มาเยี่ยมเพื่อนก็คงน่าเสียดายแย่ ญี่ปุ่นมีมีให้เที่ยวเยอะนะครับ แล้ว คุณเอกชอบเที่ยว แบบไหนล่ะครับ” 
“อย่าเรียกผมว่าคุณเลยครับ ผมฟังแล้ว จั๊กกะเดียมยังไงก็ไม่รู้  เรียกผม เอก เฉยๆ ดีกว่าครับ” 
“อ้อ ครับ ... ได้ครับ เอก”  บอลยิ้มให้เอก และเรียกเอก ตามี่เอกขอร้อง
“ค่อยังชั่วหน่อย ..” เอกยิ้มตอบกลับเขาไป
“แล้วคิดว่าอยากไปเที่ยวไหนในญี่ปุ่นบ้างล่ะครับ” บอลถามต่อ
“ผมได้ ไกด์บุ๊คมาเล่มหนึ่งครับ เป็นหนังสือแนะนำแบบว่า เที่ยวเอง แบกเป้เที่ยว อะไรประมาณนั้น อ่านแล้วก็สนุกดี เลยคิดว่าจะลองเที่ยวตามที่หนังสือแนะนำดูครับ”
“เหรอครับ ...มีที่ไหนบ้างล่ะครับ”  บอลถามด้วยน้ำเสียงแสดงความสนใจ
“ก็หลายที่ครับ ในหนังสือ แนะนำ ที่โตเกียว เมืองใกล้ๆ โตเกียว แล้วก็ เมืองที่ไปดูบ่อน้ำพุร้อน ล่องเรือดูวิวภูเขาไปฟูจิ ไปดูเมืองเก่าๆ อย่างเกียวโต เมืองนารา เยอะแยะไปหมดเลยครับ ก็ยังเลือกไม่ถูกเลยว่าจะไปไหนดีเพราะเยอะเหลือเกิน แต่ใจจริงๆ แล้วผมชอบเมืองเก่าน่ะครับ ตั้งใจว่า อยากไปเกียวโต เพราะในหนังสือบอกว่า จะมีพวก สิ่งก่อสร้าง หรือวัด เก่าๆ ที่น่าชม อยู่เยอะ” 
“อืม เตรียมข้อมูลมาเยอะดีนี่ครับ .. แล้ง ไหงบอกว่ามาเยี่ยมเพื่อนเฉยๆ ...”  บอลได้ที เลยแหย่ เอกเล่นบ้าง
“ก็นิดหน่อยล่ะครับ .. เพราะว่าผมเพิ่งเคยมาญี่ปุ่นครั้งแรก ก็อยากเที่ยวด้วย ก็คิดอยู่เหมืนกันว่า ถ้าเกิดเพื่อนไม่ว่าง ผมคงต้องเที่ยวคนเดียว”
“ฟังแล้วแล้วเศร้าๆ จัง เที่ยวคนเดียวคงเหงาแย่เลย ก็หวังว่า เพื่อน เอก จะว่างก็แล้วกันน่ะครับ ..... เอ๊ะ แล้วมาที่ญี่ปุ่นเนี่ยไม่ได้บอกเพื่อนเหรอครับว่าจะมา ...เขาก็ต้องว่างสิ ถ้าเขารู้ว่า เอกจะมา จริงไหม” บอลถามด้วยความสงสัย
“ไม่ได้บอกครับ .. ผมตั้งใจจะทำให้เขาแปลกใจเล่นๆ” 
“อ้าว เป็นไงั้นไป งั้นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่า เพื่อนจะว่างหรือเปล่าสินะ ลุ้นดีจัง”
“แล้ว บอลล่ะครับ มาเที่ยวเหรอครับ” เอกถามบอลบ้าง
“เปล่าครับ ผมมาเรียน ผมเรียนปริญญาโท ที่ มหาวิทยาลัยเกียวโตครับ”
“เหรอครับ ดีจัง ได้เรียนต่างประเทศด้วย ปีไหนแล้วล่ะครับ”
“ปีสุดท้ายแล้วครับ ช่วงนี้ ทำโปรเจ็ค กับ วิทยานิพนธ์อยู่ พอดีต้องกลับไปหาข้อมูลบางอย่าง ที่กรุงเทพน่ะครับ ก็เลยถือโอกาสกลับบ้านด้วย เสร็จธุระก็ต้องรีบกลับมา เพราะต้องเสนองานเดือนหน้าแล้ว เนี่ยยังตื่นเต้นอยู่เลยไม่รู้ว่าจะผ่านหรือเปล่า”
“น่าอิจฉาจังเลยนะครับ ได้เรียนต่อ ผมน่ะอยากเรียน ตั้งแต่เรียนจบแล้ว แต่ พอได้ทำงานก็ทำแต่งาน จนลืมเรื่องเรียนไปเลย ตอนนี้ เลยไม่คิดจะเรียนละ”
“เอก ทำงานแล้วเหรอครับ ผมยังนึกว่า เอกยังเรียนอยู่นะเนี่ย ไม่ นักศึกษามหาลัยก็คง เป็น นักศึกษา ป.โท เหมือนผม” บอลพูดแหย่ เอกเล่น พร้อมทำหน้าตายียวน
“แหม เข้า ใจแซวนะครับ” เอกทำหน้าเขิน
“จะรังเกียจไหม ถ้าผมถามว่า เอกทำงานอะไรอ่ะครับ”
“รังเกียจ ครับ ..” เอกทำน้ำเสียง เข้ม เหมือนไม่พอใจ 
“ไม่เป็นไรครับ ขอโทษถ้าผมละลาบละล้วงมากเกินไป” คนถามทำหน้าจ๋อย
“...โธ่ คุณ ผม ล้อเล่น ....ขอโทษเหมือนกันครับ ผมคงหน้าตา จริงจังมากใช่ไหมเนี่ย เชื่อผมซะสนิทเลย ผมทำงาน สายการบินครับ แต่ไม่ใช่ สายนี้ที่บินอยู่นี่หรอกนะครับ เป็นสายการบิน เล็กๆ ที่อยู่เมืองไทยครับ”
“ให้ผมเดา การบินไทย” บอลตอบขึ้นทันควัน
“เอ่อ บอลครับ การบินไทยนี่สายการบินไม่เล็กเลยนะครับ”
“อ้าว ก็ผมรู้จักอยู่สายเดียว นี่นา .. แหะๆ” บอลทำหน้าเขินๆ
“ผมทำงานที่ สมุยครับ พอจะเดาออกหรือยังว่าสายการบินไหน”
“อ้อ ...ครับ ... อยู่เกาะสมุย แบบนี้ ก็อยู่ใกล้ทะเลสิครับ ผมไม่ได้ไปเที่ยวทะเลนานมากแล้วตั้งแต่ มาเรียนที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้ไปเลย มีแต่เรียนกับเรียน น่าอิจฉานะครับได้ทำงานใกล้ทะเล อยู่กับทะเล ผมชอบทะเลครับ”
“ใครๆ ก็ชอบทะเลทั้งนั้นแหละครับ ... ไม่งั้นผมก็คงตกงาน” 
“เอกทำงานสายการบินแบบนี้ ก็บินฟรี หรือไม่ก็ซื้อตั๋วราคาถูกได้สิเนี่ย น่าอิจฉาจัง”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ...ก็ซื้อได้บ้างไม่ได้บ้าง จะไปไหนก็ต้องดูไฟลท์ให้ดี เพราะตั๋วถูกก็จริง แต่ก็ไม่ชัวร์ว่าเราจะได้ไป ถ้าเกิดไฟลท์เต็ม ผมก็อดเหมือนกัน เสี่ยงพอดูครับ”
“เหรอครับ ความรู้ใหม่นะเนี่ย ... ก็ลำบากเหมือนกันนะครับ ...อย่างว่า แหละ ซื้อถูกกว่าคนอื่น ก็ต้องเสี่ยงกันบ้าง”
ระหว่างที่ทั้งสองนั่งคุยกันอย่างออกรสอยู่นั้น ก็มีเสียงประกาสจากกัปตัน และ พนักงานต้อนรับบนเคร่องให้ผู้โดยสารเตรียมตัวพร้อมแลนดิ้งเพราะอีกไม่กี่นาทีเครื่องจะลงจอดที่สนามบินนาริตะแล้ว
“จะถึงแผ่นดินญี่ปุ่นแล้วนะครับ เอก ... ตื่นเต้นไหมครับ”
“ก็นิดหน่อยครับ ครั้งแรกนี่นา ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง” เอกตอบด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะ เป็นครั้งแรกกับการมาญี่ปุ่น และ เขาก็จะได้พบกับคนที่เขารักอีกไม่นานนี้แล้ว
หลังจากเครื่องแลนดิ้ง ทั้งเอกและบอลลงจากเครื่องพร้อมกัน เพราะบอลเดินทางเข้าญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อยก็เลยคุ้นทางทำให้เอกผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้งาย และเร็ว เอกรู้สึกดีใจและคิดว่าโชคดีที่ได้เจอกับบอล เพราะทำให้เขาไม่เป็นกังวลกับการผ่านด่านรวมทั้งเส้นทางในสนามบินด้วย และบอลยังอาสาเป็นไกด์พาเอกไปส่งถึงตัวเมืงโตเกียว เพราะบอลจะต้องไปต่อรถไฟที่สถานีโตเกียวเหมือนกัน
“ผมจะไปหาเพื่อนที่โตเกียวก่อนน่ะครับ แล้วก็จะนั่งชินคันเซนไปเกียวโตพรุ่งนี้ ...”
“ขอบคุณนะครับ บอล โชคดีจังที่เจอบอลวันนี้ ไม่งั้นป่านนี้ผมคงยังหลงอยู่ในสนามบินอยู่แน่ๆ”  เอกขอบคุณบอลหลังจากที่อยู่บนรถไฟ และรถไฟกำลังมุ่งหน้าไปสถานีโตเกียว
“ไม่ต้องเกรงใจครับ คนไทยด้วยกัน” บอลยิ้มกว้างให้เอก อย่างภูมิใจ
“ผมมีไอเดียดีๆ เสนอ ไม่รู้ว่า เอกจะรังเกียจหรือเปล่า”  บอลพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน
“อะไรเหรอครับ”
“ถ้าเพื่อนเอกเขาไม่ว่าง ผมยินดีอาสา เป็นไกด์พาเอกเที่ยวนะครับ โดยเฉพาะเกียวโต ผมไปมาแทบทุกที่แล้ว ... ช่วงอาทิตย์นี้ผมยังว่างอยู่ ไม่ยุ่งมาก”
“ผมรู้สึกเกรงใจจัง จะรบกวนบอลมากเกินไปหรือเปล่าครับ”  เอกรู้สึกเกรงใจเลยยังไม่รับปาก
“อย่าเกรงใจเลยครับเอก ตอนนี้ เราก็รู้จักกัน ถือว่าเพื่อนคนหนึ่งเสนอตัวช่วยเพื่อนละกันนะครับ แล้วถ้าอยากพักที่เกียวโต เนี่ย ถ้าไม่รังเกียจ ผมให้เอกแชร์ห้องได้นะครับ  จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย” 
“ขอบคุณมากครับ บอล เอาเป็นว่าถ้าไปเกียวโต เราคงได้เจอกันและทานข้าวกันซักมื้อ” เอกกล่าวขอบคุณอีกครั้ง
“ยินดีครับ ถือว่าเป็นการต้อนรับเพื่อนใหม่ก็แล้วกัน”  บอลยิ้มกว้างๆ แสดงความจริงใจอีกครั้ง
เสียงประกาศบนรถไฟ แจ้งสถานีต่อไปคือ โตเกียว เอก และ บอล ลุกขึ้นพร้อมกัน เพื่อ จะเหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนชั้นวางกระเป๋าบนที่นั่ง ทำให้ทั้งสองยืนประจันหน้ากันในระยะใกล้ๆ  บอลจ้องหน้าเอก และ ยิ้มให้ เอกรู้สึกเขิน จึงถอยออกจากบอลเล็กน้อย และเงยหน้าขึ้นมองหากระเป๋าและเอื้อมมือจะหยิบกระเป๋า  บอลก็ยื่นมือออกมาเพื่อจะหยิบกระเป๋าเหมือนกัน เอกมองหน้าบอลอีกครั้ง บอลยิ้มให้เอก แล้วพูดขึ้น
“ผมช่วยนะ” พูดพลาง บอลก็หยิบกระเป๋าลงมาจากชั้นวางยื่นให้เอก เอกรับกระเป๋า กล่าวบขอบคุณ พร้อมก้มหน้าหลบตา บอล คงเพราะ เขิน แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเขินบอลไปทำไม ทุกครั้งที่บอลมองเขา จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าของบอลอยู่เสมอ และคงเป็นเพราะรอยยิ้มนั้น ที่ทำให้เขารู้สึกเขิน และอาย  แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาต้องเขิน เพื่อนใหม่คนนี้ด้วย
ลงจากรถไฟแล้ว บอล เดินมาส่งเอก ที่ชานชลา อธิบายว่าเขาต้องไปต่อรถไป และลงที่สถานีไหน เดินไปทางไหน เมื่อเข้าใจเส้นทางดีแล้ว ยืนรอรถไฟได้ ไม่ถึง 5 นาที รถไฟก็วิ่งเข้าเทียบชานชลา ก่อนขึ้นรถไฟ บอลยื่น บางอย่างให้กับเอก
“เป็นเบอร์มือถือ กับที่อยู่ผม ที่เกียวโตนะครับ ... ถึงเกียวโตแล้วโทรหาผมนะ ผมจะรอ .. .เพื่อนใหม่ของผม” บอลยิ้มกว้างให้เอกอีกครั้งหลังจากยื่นเบอร์โทรและที่อยู่ให้
“ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่เจอบอลวันนี้ ป่านนี้ ผมคงยังหลงอยู่ที่ไหนสักแห่ง” เอกกล่าวขอบคุณ แล้วรีบวิ่งขึ้นรถเพราะเสียงเตือนปิดประตูดังแล้ว ประตูรถไฟปิด บอลยังยืนส่งเอกอยู่ที่เดิม เขาโบกมือให้เอก ขณะที่รถเลทื่อนออกไป ใบหน้ายังมีรอยยิ้มให้เอก อยู่เหมือนเคย เอกยิ้มให้เขาเช่นกัน รถไฟออกจากชานชลาไปแล้ว หลังจากเปลี่ยนรถไฟ ไปต่อรถไฟใต้ดิน อีกไม่ช้า เขาก็จะได้เจอกับ เคนซังของเขาแล้ว เอกมองนาฬิกา ยังบอกเวลาเป็นเวลาที่เมืองไทยอยู่ เขาจึงปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้นอีก 2 ชั่วโมงตามเวลาที่โตเกียว จะสองทุ่มแล้ว ป่านนี้ เคนซังคงอยู่บ้านแล้วล่ะ เอกหยิบที่อยู่ที่เคนซังเคยบอกเขาไว้ แล้วดูแผนที่ในมืออีกครั้ง เพื่อย้ำความแน่ใจของตัวเองว่า เขามาถูกเส้นทาง ใบหน้าของเอก ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม  คิดถึงหน้า คนที่จะได้เจอในไม่กี่นาทีข้างหน้า ในใจก็ตื่นเต้นระคน หวั่นๆ ว่า เคนซังจะพูดกับเขายังไงที่จู่ๆ ก็โผล่มาแบบนี้
รถไฟใต้ดินจอดที่สถานีมิโนวะเรียบร้อย เอกเดินออกมาจากสถานีตามทางออกที่ บอลบอกไว้ เขาก็เจอ ถนนที่เป็นที่อยู่ของ เคนซังโดยไม่ต้องลำบากมองหาเลย เขาเดินไปไม่กี่บล็อคก็จะถึงบ้านของเคนซังแล้ว เอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดข้อความแล้วส่งไปที่เบอร์ของ เคนซัง
“เคนซังครับ ทำอะไรอยู่ คิดถึงจัง วันนี้ผมอยากเห็นหน้าเคนซังจังเลยครับ  ”
อากาศที่ญี่ปุ่นเริ่มเย็นแล้ว ช่วงเวลาที่เอกไปเป็นช่วงเดือนมิถุนายน เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และ ต้นฤดูฝน อากาศเย็นสบาย ร่มรื่น เพราะต้นไม้ เพิ่งจะแตกใบเขียวขจี ไปทั่ว เอกเดินช้าๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศ รอบตัว ใจยังคงตื่นเต้นกับการที่จะได้เจอคนที่เขารัก เอกได้ยินเสียงข้อความเข้าของโทรศัพท์ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เปิดอ่านข้อความ
“คิดถึงเหมือนกันครับ อยากเจอเหมือนกันวันนี้ ออนไลน์คุยกันไหม ผมอยู่บ้าน”  เอกอ่านข้อความจบยิ้มอย่างดีใจ เขารีบเดินไปยังจุดหมาย บ้านของเคนซัง อยู่ในซอยที่ตัดมาจากถนนสายหลักเข้ามาไม่กี่ 100 เมตร ไม่กี่อึดใจเขาก็มาถึงหน้าบ้านของเคนซัง บ้านของเคนซังเป็นตึกเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดไม่ใหญ่มากนัก พื้นที่รอบบ้านไม่กว้างมากนัก เพราะที่ญี่ปุ่นทุกตารางนิ้วถือว่าใช้งานได้ทั้งหมด และที่ดินราคาแพง เอกยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เขาปลดกระเป๋าลงจากบ่า สูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“ไม่ต้องออนไลน์ แล้วครับ ตอนนี้ ผมอยู่หน้าบ้าน เคนซังแล้ว ถ้าไม่เชื่อ ลองออกมาเปิดประตู ดูหน้าบ้านสิครับ” 
ไม่กี่อึดใจก็มีข้อความตอบกลับ
“เอก ชอบล้อผมเล่นจริงๆ เลยนะ ครับ  … ผมออนไลน์อยู่นะ  แล้วเจอกันครับ” เคนซังคงยังไม่เชื่อ และคิดว่า เอกล้อเล่น เอกอ่านข้อความจบ เขายิ้มขำในความซื่อของเคนซัง และ ก็คิดว่า ใครเขาจะไปเชื่อ ละ เอก ว่า แกจะมายืนอยู่หน้าบ้านเขาจริงๆ
เอกสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ค่อยๆ ยื่นมือ เพื่อที่จะกดกริ่งหน้าบ้าน ตัดสินใจกดกริ่งไปหนึ่งครั้ง ยืนรอสักพัก แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับจากในบ้าน เขาตัดสินใจกดครั้งที่ 2 เอกได้ยินเสียงคนเดินมาที่ประตูหน้าบ้าน เสียงประตูเปิดออก เขาหวังว่าคนที่จะได้เจอคือ เคนซัง แต่ คนที่เปิดประตูออกมานั้น เป็นหญิงสาว วัยเบญจเพศ หน้าตา หมดจด ผิวขาว แก้มแดงระเรื่อ ตามแบบสาวญี่ปุ่น หญิงสาวเห็นเอก แล้วทำหน้างงเล็กน้อย  เอกก็งงเช่นกัน เพราะ เท่าที่เขารู้ คือ เคนซังอยู่คนเดียว หรือว่า เขามาผิดบ้าน แต่ ที่ดูเลขที่และชื่อที่ติดอยู่ที่หน้าบ้านก็เป็นชื่อของเคนซังนี่นา
“มาหาใครหรือค่ะ” หญิงสาวชาวญี่ปุ่นเอ่ยถามเป็นภาษษญี่ปุ่น
“ที่นี่คือบ้านของ Aranishi Kenji san ใช่ไหมครับ” เอกถามกลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน
หญิงสาวยังคงทำหน้างง แต่เธอก็ตอบกลับไป “ใช่ค่ะ มาหา เคนจิซัง หรือค่ะ”
“ครับ”  เอกตอบและยิ้มให้กับเธอ
หญิงสาวยังคงทำหน้าแปลกใจแต่ก็บอกให้รอสักครู่ แล้ว เดินกลับเข้าไปในบ้าน ตะโกนเรียกบอก เคนซังว่ามีคนมาหา ไม่กี่วินาที เอกก็ได้ยินเสียงวิ่งลงบันไดมา ตามด้วยเสียงพูดคุยกันในบ้านของหญิงสาวคนนั้นกับอีคนหนึ่งซึ่งเอกคิดว่าคงเป็นเคนซัง แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น เคน เดินออกมา ใบหน้าแปลกใจ ระคน ตกใจ เขาคงไม่คิดว่า เอกจะมาเซอร์ไพรซ์ เขาแบบนี้  สีหน้าของเขาที่เอกเห็น ทำให้เอก เปลี่ยนจากความรู้สึกตื่นเต้นเป็น ตกใจ และ ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้า  เคนเดินมาเปิดประตูหน้าบ้านให้เอกเข้ามา เขายังมองเอกไม่ละสายตา ด้วยสีหน้าตกใจ และไม่เข้าใจเช่นกัน
“หวัดดีครับ เคนซัง” เอก เป้นคนทักก่อน เพื่อทำลายความเงียบ และอการตกใจของเขา
“คุณไม่ได้ล้อผมเล่น...” เคนไม่ทักตอบ แต่ เริ่มด้วยการถามคำถาม ที่เขายังไม่เชื่อว่า เอกจะมาจริงๆ 
“ผมมาเซอร์ไพรซ์...ก็เลยไม่ได้บอกล่วงหน้า” เอกยังคงพยายามตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และข่มอารมณ์ความสงสัย และตกใจไว้ เพราะเขายังไม่รู้แน่ว่า สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ มันคืออะไร
“เข้าไปคุยกันในบ้านก่อนดีกว่า ข้างนอกอากาศเย็น”  เคนไม่แสดงอาการดีใจกับสิ่งที่เอกบอกเลย เขาบอกเอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  เอกเดินตามเคนเข้าไปในบ้าน เคนเดินนำเอกไปที่ห้องรับแขกด้านใน หญิงสาวที่ออกมาเจอเอกครั้งแรกคนนั้น เดินหายเข้าไปในครัวและออกมาพร้อมกับน้ำ 1 แก้ว เอกนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก หญิงสาววางแก้วน้ำให้เอก เอกกล่าวขอบคุณ เธอยิ้มให้ แล้วก็เดินเข้าไปอีกห้องที่อยู่ถัดจากห้องรับแขก เอกได้ยินเสียงเด็กหัวเราะ อยู่ในห้องนั้น ทำให้เขายิ่งแปลกใจมากยิ่งขึ้น ว่าเขามาถูกบ้านหรือเปล่า แต่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ก็คือ เคนซัง ผู้ชายคนที่รักมาตลอดเวลาร่วมปี แต่สิ่งที่เขาเห็นวันนี้ มันคืออะไรกัน เอกไม่คิดจะโวยวาย หรือ คาดคั้นอะไรจาก เคน แต่สีหน้าเขาเต็มไปด้วยคำถาม เอกมองหน้าเคน แต่เคนก็ยังไม่พูดอะไร ซึ่งเคนก็ ดูสับสน ตกใจ และ ไม่รู้จะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเอกยังไง  เอกเห็นเป็นแบบนี้ แล้ว เขาก็เริ่มไม่สบายว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เขาเริ่มเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
“เคนซัง ผมขอโทษที่ ทำแบบนี้ ผมควรจะบอกเคนซังก่อน” เอกบอกเคนด้วยเสียงสั่นเครือ เขาเกือบจะร้องไห้ แต่ก็ต้องกลั้นไว้ เพราะ เขายังไม่รู้อะไรเป็นอะไรในบ้านหลังนี้ และเขาไม่ได้อยู่กับเคนเพียงลำพัง 
“ ........ ผม .....”  เคน ยังคงพูดอะไรไม่ออก คงเพราะไม่รู้จะเริ่มยังไงดี
เสียงเปิดประตู จากห้อง ข้างๆ เปิดออก เอกได้ยิน เสียงเด็กชาย หัวเราะร่าเริง ออกมา เอกมองไปที่หญิงสาวคนนั้น เธออุ้มเด็กออกมาจากห้อง เดินตรงไปที่ครัว แต่ เคนซังเรียกเธอก่อน
“เอริกะ”   เธอเดินกลับมาที่ ห้องรับแขก เด็กน้อย ยังคงร้องอ้อแอ้ อยู่ข้างๆ
“เอริกะ .. นี่ เอกซัง เพื่อนผม จาก เมืองไทย”
“ .. สวัสดีค่ะ เอ๊ะ ซัง ..” เธอกล่าวสวัสดีพร้อมกับยิ้มให้เอก
“สวสัดีครับ เอริกะซัง” เอกยิ้มให้เธอเช่นกัน พร้อมทั้งยกมือไหว้ เอริกะ ทำสีหน้าแปลกใจกับการทักทายของเอก แต่เธอก็ยังยิ้มให้ เด็กน้อยที่เธออุ้มอยู่ ก็ยิ้มให้กับเอกเช่นกัน
“เอกครับ นี่เอริกะ และ หนูน้อยนั่น คือ ทาคุจัง ภรรยา และ ลูกชายของผมเอง” เคนบอกเอกด้วยเสียงสั่นเครือ
เอกนิ่งเงียบกับวสิ่งที่เคนบอกเขา ปราศจากคำพูดเอื้อนเอ่ยใด ๆ  สิ่งที่เขาได้ยินเมื่อครู่มันคือ เรื่องอะไรกัน แล้วเรื่องของเขากับ เคนซังล่ะ  เขาไม่เคยรู้เรื่องของเอริกะ กับ ทาคุจัง ตอลดเวลาที่เขาคุยและคบกับ เคน เคนซังกำลังเล่นตลกอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ 

********************************************************************************

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
อยาก  :เตะ1:  นายเคนจังเลย

เอกต้องเศร้าอีกแระ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
2.      หลงทาง
เอก นั่งเงียบ มองหน้า เคนด้วยสีหน้าที่อธิบายไม่ได้ ว่า สิ่งที่เคนบอกเขานั้น คือความจริง หรือ แค่ เรื่องล้อเล่น แต่มันจะเป็นเรื่องล้อเล่นได้อย่างไร ในเมื่อ สิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก็บ่งบอกอยู่แล้ว ว่าเคนซังมีครอบครัวแล้ว เขาไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิดมากไปกว่านี้ เอกพยายาม ข่มอารมณ์ไว้ ทั้งๆที่อยากจะปล่อยน้ำตาออกมา สิ่งที่เขาอยากทำก็ยังไม่ได้ทำ แต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้
“เคนซัง มีครอบครัวที่น่ารักแบบนี้ ผมก็ดีใจด้วย .... ไม่บอกผมเลยนะว่ามี ภรรยา และ ลูกที่น่ารักแบบนี้” เอกฝืนยิ้มพูดกับ เคน เพื่อไม่ให้ เอริกะผิดสังเกต
“ .... “ ไม่มีคำตอบใดๆ จาก เคนจิซัง เขายังคงนั่งเงียบมองหน้า เอก เป็นนัยว่า เขาอยาก อธิบาย แต่ เขาพูดตอนนี้ ไม่ได้
“ผมแค่ แวะมาเยี่ยมน่ะ ...เห็น เคนซังอยู่ดี มีความสุขผมก็ดีใจแล้ว” เอกพูดต่อ แต่เขาฝืนความรู้สึกของเขาต่อไปไม่ได้ แล้ว น้ำตามันเริ่มไหลออกมา เอกจึงขอตัวเข้าห้องน้ำ หลังจากปิดประตูห้องน้ำแล้ว เอก กลั้นเสียงสะอื้นไว้ ปล่อยแค่เพียงน้ำตาให้ไหลออกมา เอกรีบเช็ดน้ำตาล้างหน้า แล้ว ออกมาจากห้องน้ำ ฝืนทำหน้ายิ้มแล้วเดินออกมา นั่งที่เดิม เคนยังนั่งรอเอกอยู่ที่เดิม
“เอก เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”  เคนถามขึ้น
“เป็นอะไร หรือเปล่า ...ถามมาได้ เป็นมากเลยล่ะ ....” เอกคิดในใจ มองหน้าคนที่ถาม สายเชิงต่อว่าว่า ถามมาได้นะว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“...ไม่เป็นอะไรครับ ผมคงเพลียจากไฟลท์น่ะ ... ผมมากะทันหัน ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า เลยมารบกวนเวลาของเคนซังกับครอบครัว...ต้องขอโทษอีกครั้งหนึ่งนะครับ”   เอกพูดพลางโน้มตัวลงต่ำ เพื่อแสดงการขอโทษ
“เอกไม่ต้องขอโทษ ผมหรอกครับ ไม่ได้รบกวนอะไรผมเลย เพียงแต่ .... ผม ... ผม ตั้งตัวไม่ทันน่ะครับ เพราะเอกไม่ได้บอกล่วงหน้า เลยไม่รู้จะทำอะไรก่อน” 
“ผมแวะมาเยี่ยม ก่อนจะแวะเข้าโรงแรมน่ะครับ เห็นเคนซังสบายดีแบบนี้ ก็โอเคละ งั้นผมไม่รบกววนดีกว่า”
เอกโกหกไปทั้งๆ ที่ตัวเองยังไม่ได้จองโรงแรมเลย เพราะเขาคิดมาตลอดว่าเคนอยู่คนเดียว มาถึงแล้ว ก็อยู่กับเคน แต่สถานการณ์ เปลี่ยนไปแบบนี้ เขาคงต้องออกไปอยู่ข้างนอกจะดีกว่า
“ไม่ค้างที่บ้านผมละครับจะได้ไม่สิ้นเปลือง.... อีกอย่างผมจะได้ดูแลเอกด้วย” เคนเสนอห้องพักให้เอก ด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลตัวเองได้...ผมไม่อยู่รบกวนดีกว่า” เอกพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ .เคนยังคงมองเอกด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เอกจึงตัดบท
“..เอาเป็นว่าผมเช็คอินห้องพักแล้วยังไงเดี๋ยวผมโทรหานะคับ เผื่อจะไปทานข้าวกัน”  เอกจัดแจงหยิบกระเป๋า ลุกจากที่นั่ง มองหน้าเคนอีกครั้ง
“ไม่พักที่นี่ จริงๆ เหรอครับ” เคนลุกขึ้นยืนพร้องเอก และ ถามเอกอีกครั้ง ตอนนี้ เอก ไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้ว เขาอยากรีบหลบออกไปไกลๆ เคนจะได้ไม่เห็นน้ำตาที่มันจะไหลเอ่อออกมาจากตา เขารีบเดินออกไปที่ประตูหน้าบ้าน เคนยังคงเดินตามออกมาส่งที่หน้าบ้าน
“ให้ผมไส่งดีกว่าไหม ผมมีเรื่องจะอธิบาย” เคนยังคงยืนยันที่จะไปส่ง และบอกเอกเป็นนัยๆ ว่า เขามีเรื่องอยากคุยกับเอก
“เคนซังไม่ต้องมาอธิบายอะไรหรอกครับ แล้วก็ไม่ต้องไปส่งผมด้วย ผมไปเองได้” เอกยังยืนกรานคำเดิม
“แล้วยังไง โทรหาผมนะ ถ้าถึงโรงแรมแล้ว” ... เคนยังคงเป็นห่วงเอก เพราะ เอกมาคนเดียว ต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ เกิดอะไรขึ้นแล้วเอกจะเป็นยังไง
“ครับ แล้วจะโทรหาละกัน ... ผมไปนะ” เอก เดินออกจากบ้านเคนซังไป เพียงแค่ พ้นจากบ้านไปเอกก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้ว น้ำตาที่กลั้นไว้ ตอนนี้ ไหลออกมาเป็นสาย เขาเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า เขาเดินมุ่งหน้าไปไหน
 
*****************************************************

piyakorn

  • บุคคลทั่วไป
 :a4:เป็นกำลังใจให้นักเขียนครับ

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
ลูกเป็ดมาต่อเรื่องให้แล้วนะค้าบ  :mc4:

*************************
บราวน์ นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค คงเพราะ เบื่อ กับการเล่นอินเอตร์เน็ต หรือไม่ก็เบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ หลังจากเลิกงานแล้ว บราวน์ก็นั่งเล่นอินเตอรเน็ตอยู่อย่างนี้ทั้งวัน ไม่ได้ไปไหน เขาจะคอยเปิด หน้า MSN ดูอยู่ตลอดเวลา เหมือนกำลังรอใครสักคนออนไลน์ แต่ดูจากสีหน้าแล้ว คนที่รอคงยังไม่ออนไลน์ ก็เลยยังคงนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่   เสียงโทรศัพท์ ดังขึ้น แต่ไม่โชว์ เบอร์ คนที่โทรมาว่าเป็นใคร อาจจะเป็นสายจากต่างประเทศ บราวน์ หยิบมารับ หน้าตาดูดีใจที่เห็น unknown call
“ฮัลโหล รออยู่ตั้งนานไม่โทรมาบอกเลยนะว่าถึงหรือยัง” บราวน์ รับสาย พร้อมทั้งพูดเหฯ้บคนที่โทรหา
“ .. อ้าว รอให้ผมโทรบอกเหรอ พี่บราวน์”  เอกตอบกลับ
บราวน์ นิ่งเงียบไปสักพัก สีหน้าดูตกใจ ที่เป็นเสียง เอก 
“อ้าว เมิงเองหรอก เหรอ ไม่มีอะไร แค่รอโทรศัพท์ เพื่อนอยู่น่ะ นึกว่า เพื่อน...แล้วนี่ไปถึงสวรรค์ ชั้นไหน แล้วเหรอ คงมีความสุขกับคนที่อยากจะเจอนักเจอหนาแล้วล่ะสิ...แล้วนี่ อยู่ไหนเนี่ย เสียงดังเชียว” บราวน์ รีบเปลี่ยนเรื่อง
“ผมอยู่สถานีรถไฟมิโนวะครับ พี่บราวน์ ไม่ได้อยู่บ้านเคนหรอก เรื่องมันยาวอ่ะ คุยทางนี้ไม่สะดวก แล้วเดี๋ยวจะเขียนอีเมล์ ไปเล่าให้ฟังนะ แต่ลางสังหรณ์ พี่บราวน์ แม่นจริงๆ”  เอกพูดเสียงเศร้า
“อ้าว เป็นไรอีกละเนี่ย เออๆ ถึงโน่นปลอดภัยก็ดีแล้ว รักษาตัวด้วยละกัน อย่าคิดมาก มีไรก็โทรมาเน้อ”
“ค้าบ...แค่นี้ก่อนนะ...”
บราวน์ วางสายจากเอก ได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์มาดู เป็น unknown call อีกครั้ง ชายหนุ่มคิดว่า คงเป็นเอกอีกครั้ง เลยรับสายแล้วแกล้งแหย่ไป
“เป็นไรอีกล่ะ ทนไม่ไหวต้องเล่าเดี๋ยวนี้ เลยเหรอจ๊ะ น้องเอก”
“.... ใคร เหรอครับ บราวน์ ... นี่บอลนะ” เสียงตอบกลับมา ไม่ใช่น้องเอก อย่างที่ บราวน์ กลับ เป็นอีกคนที่เขารออยู่
“อ้าว บอล เอง เหรอ ไม่มีไรหรอก พอดี คุยกะน้องมันอยู่ ก็คิดว่ามันโทรกลับมา เลย แกล้ง แหย่ มันเล่น ... นี่ถึงแล้วเหรอ” 
“ถึงแล้ว นี่ กำลังจะไป หาเพื่อนที่ชิบุย่า นึกขึ้นได้ว่าต้องโทรบอก เมื่อมาถึง เลยโทรมานี่ละ บราวน์ ทำไรอยู่ครับ”
“ก็ไม่มีไร นั่งเล่นเน็ต อยู่ครับ ...ถึงที่โน่นปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ ... ถ้าออน เมื่อไหร่ ก็ค่อยคุยกันนะ Take care ครับ”
“ได้ครับ  บายครับ”
บราวน์ ยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากวางสาย คนที่เขารอมาตั้งแต่เช้า จากที่นั่งหน้ามุ่ยมานาน ตอนนี้ เปลียนเป็นเบิกบาน นั่งยิ้มหน้าจอคอมพิวเตอร์
****************************************************
เอกยืนชั่งใจอยู่นานหน้า ตู้โทรศัพท์ ข้างๆ เขามีกระเป๋าเดินทางใบเขื่องวางอยู่ ในมือ มี นามบัตรของ เคนจิ และ อีกใบ เป็น กระดาษ เบอร์โทรของบอล เพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งได้มา เขายืนมองกระดาษทั้งสองใบอยู่นาน ในใจกำลังตัดสินใจว่าเขาควรจะเลือกโทรหาใครดี จะโทรหา เคน ก็ไม่อยากไปรบกวน และ เขาคงไม่กล้าที่ บากหน้ากลับไป เพราะ เขายืนยันอย่างแน่นหนักแล้ว ว่า จะไม่ไกลับไป และเขาก็ตั้งใจว่าจะไม่กลับไปเจอหน้าเคนอีก ส่วนจะโทรหาบอลเขาก็ยังกล้าๆ กลัวๆ เพราะ เพิ่งจะรู้จักกันไม่ทันไรก็หาเรื่องเดือดร้อนให้แล้ว ระหว่างศักดิ์ศรีกับความเกรงใจ เอกขอเลือกศักดิ์ศรี เขาจึงตัดสินใจโทรหา บอล
“....โมชิ โมชิ ธนกริช  เดส” 
เอก เงียบไปสักพัก เพราะคิดว่าโทรผิด หลังจากได้ยินเสียงปลายสายพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ด้วบชื่อไทยที่เขาได้ยิน เขาจึงคิดว่าน่าจะเป็นชื่อของบอล จึงลอง ถามกลับเป็นภาษาไทย
“ .. บอล หรือเปล่าครับ”
“..เอ่อ ใช่ครับ..ไม่ทราบว่าใครพูดสายครับ”
“ผม เอก ครับ บอล”
“อ้าวเอก .... โทษที ผมจำเสียงไม่ได้ แหม เสียงในโทรศัพท์ เสียงเข้มเชียว ..มีอะไรให้ผมช่วยครับ หลงทางเหรอ” บอลพูดแหย่ เอก อย่างอารมณ์ ดี
“ไม่ได้หลงครับ เอ่อ ... แต่จริงๆ ก็เหมือนจะหลง บอกไม่ถูกครับ บอลยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ มีเรื่องอยากจะถามนิดหน่อย”
“ไม่ยุ่งครับ ผมว่างสำหรบเอก อยู่ แล้ว ฮ่าฮ่า .. มีอะไรให้ผมช่วยครับ” เขาก็ยังไม่วายแหย่เอก
“คือ บอลพอจะรู้จักโรงแรมถูกๆ ที่โตเกียวไหมครับ ผมจะหาที่พักสักคืน”
“อ้าว เพื่อน ไม่อยู่ บ้านเหรอครับ”
“..เอ่อ ใช่ครับ ... แย่จังมาเซอไหรซ์ กับ เจอซะเอง” เอก พูดเสียงสั่นเครือ เพราะนึกถึงเคนอีกครั้งกับเซอไพรซ์ ที่เขาเจอ พาลจะทำให้เขาร้องไห้ แต่เขาไม่อยากให้บอลรู้เรื่องที่เขาเพิ่งได้เจอมาจึงโกหกไป
“นั่นน่ะสิครับ แย่จัง แต่ก้ไม่เป็นไร เห็นไหม ว่าอย่างน้อย เอก ก็ยังมีผม นะ”  เอกรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดนั้น ถึงเขาจะรู้ว่า บอล ก็พูดทีเล่นทีจริงหยอกเขาเล่นไป แต่เขากลับรู้สึก สบายใจขึ้นอย่างประหลาดที่ได้คุยดับ เพื่อนใหม่คนนี้
“แล้วบอลพอจะแนะนำผมได้ไหมครับ ว่าผมควรพักที่ไหน”
“อืม เอางี้ ยังไงซะวันนี้ผมก็ว่างอยู่แล้ว เอาเป็นว่า เรามาเจอกันก่อน แล้วค่อยคุยกันว่า เอกควรจะพักที่ไหนดี ดีกว่าไหมครับ” บอลเสนอทางออก
“จะรบกวนบอลมากไปเกินหรือเปล่าครับ ผมขอแค่คำแนะนำก็พอ ดีกว่ามั้ง เห็นบอลบอกว่าต้องไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอครับ” เอกยังเกรงใจบอล และคิดที่จะปฏิเสธน้ำใจ
“ไม่รบกวน เลยครับ เพื่อนผมน่ะ มันรอได้ แต่ เอก น่ะรอไม่ได้นะครับ นี่ก็จะเย็นแล้ว เอกควรหาที่พักให้ได้ก่อนนะ ... ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คนไทยด้วยกัน อีกอย่าง เราเป็นเพื่อนกันนี่นา” บอลยังคงยืนยันความต้องการที่จะช่วยเหลือ
“เอ่อ ....”
“ไม่เอาละ ไม่ต้องเอ่อ อ่า อะไรทั้งนั้นครับ เอาเป็นว่า ตอนนี้เอกอยู่ไหนครับ”
“สถานีรถไฟใต้ดินมิโนวะ ครับ”
“มาสถานีอุเอโนะได้ไหมครับ มีแผนที่ใช่ไหม”
“ครับ”
“งั้นกางแผนที่นะ เดี๋ยวผมจะบอกว่านั่งรถไฟสายอะไรมา ....”
บอลอธิบายเส้นทางให้เอกอยู่สักพัก จนเอกมั่นใจแล้ว ว่าไปได้แน่นอน
“โอเค ... หลังจากออกจากสถานีแล้วให้เอก ออกมาเจอผมที่ ฝั่งประตู giant panda นะครับ สังเกตง่ายๆ จะมีป้ายบอกทางออกอยู่ ถ้าหาไม่เจอก็ถามพนักงานนะครับ เอกพูดญี่ปุ่นได้ใช่ไหม  ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ยังไง ผมรอที่ สถานีอุเอโนะนะครับ แล้วเจอกัน”
“ครับผม ...ขอบคุณนะครับ...แล้วเจอกันครับ”
เอกวางสาย ใบหน้าที่เศร้าสร้อยนั้น เปลี่ยนเป็นสดชื่นขึ้นบ้าง อย่างน้อย เขาก็ยังโชคดีที่ ยังมีคนคอยช่วยเหลือในยามคับขัน เขาหยิบกระเป๋าขึ้นแบกบนบ่า อล้วก้มลงดูแผนที่อีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ ก่อนจะเดินลงไปที่ชานชลาเพื่อไปขึ้นรถไปมุ่งหน้าไปยังที่หมายที่นัดกับบอลไว้
*****************************************************************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2008 18:26:10 โดย ลูกเป็ดขี้เหร่ »

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
ค่อยยังชั่วหน่อยมีบอลช่วยเหลือ ไม่งั้นเอกแย่เลยเนอะ

แต่เคนแปลกจังเลย ปล่อยให้เอกกลับคนเดียวคนเพิ่งมาญี่ปุ่นแท้ๆ ไม่เป็นห่วงมั่งเลยเหรอ

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
*******************************
ไม่ถึงชั่วโมง เอกก็มาถึงสถานีอุเอโนะ มองดูนาฬิกา เกือบ ห้าโมงเย็นแล้ว เขารีบเดินออกจากชานชลา แล้วมองหาทางออก giant panda มุ่งหน้าไปทางนั้น พอออกจากสถานี เขาก็เห็นบอลนั่งรอเขาอยู่ หน้า ตู้กระจกข้างในมีตุ๊กตาหมีแพนด้าตัวใหญ่ อยู่ข้างใน เขารีบเดินตรงไปหาบอล
“รอนานไหมครับ ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่นานหรอกครับ ผมบอกแล้ว ผมน่ะรอเอกได้เสมอ” พูดเสร็จ บอลก็ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่เอก หร้อมทั้งยิ้มให้กับเขา
“ขอบคุณค้าบบบบบบ” เอกลากเสียงยาวล้อกลับเช่นกัน
“งั้นเดี๋ยวเราไปคุยกันที่ร้านข้างหน้านั้นดีกว่า นั่งจิบกาแฟคุยกันไป”
“ได้ครับ”
ทั้งสองเดินตรงยังไปยังร้านกาแฟ ย่านอุเอโนะ เป็นย่านที่ผู้คนพลุกพล่านย่านหนึ่งของโตเดียว ผู้คนเดินขวักไขว่ ส่วนใหญ่คงกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน บ้างก็เดินตรงไปยังสถานีรถไฟ บ้างก็เดินออกมาจากสถานี ด้านหลังสถานีจะมีสวนสาธารณะ ขนาดใหญ่เป็นปอดสำหรับคนในย่านนี้ เลยไปอีกนิดก็จะมีสวนสัตว์ด้วย
บริเวณที่ เอก กับบอล เดินออกมาจากสถานีนั้น เป็นศูนย์ แสดงศิลปะกลางแจ้ง และเป็นทางเชื่อมระหว่าง ทางเดินไปยังในตัวเมือง ผู้คนเลยเดินกันหนาตา เมื่อมาถึงในร้าน ภายในร้านคนไม่เยอะนัก อาจเป็นเพราะไม่ใช่เวลาที่จะมีลูกค้าเยอะ เพราะ เย็นมากแล้ว บอลก็เดินตรงหาที่นั่ง โดยมีเอกเดินตามมาติดๆ  หลังจากจัดแจงหาที่นั่ง วางกระเป๋าเสร็จสรรพ พนักงานในร้านก็เดินมารับออเดอร์ เอกสั่ง ชาเขียวร้อน ส่วน บอล สั่ง กาแฟคาปุชิโน่ไป บอลพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องมาก หากดูเผินๆ เขาก็ดูกลมกลืนไปกับชาวญี่ปุ่น เพราะหน้าตาตี๋ๆ ผิวขาวของเขา ก็ดูเหมือนกับคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว
“เอาละ ว่าแต่เอกจะพักกี่คืนละครับ”
“อืม คงคืนเดียวก่อนนะครับ ให้ผ่านคืนนนี้ไปก่อนแล้ว เดี๋ยวได้ห้องพักแล้ว ผมค่อยแพลนว่าจะไปไหนดี เพราะยังไม่อยากอยู่ โตเกียวให้นานมาก” เอกเริ่มจะนึกถึงเคนอีกแล้ว
“ทำไมละครับ มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย โตเกียวก็มรที่น่าสนใจเอยะนะครับ”  บอลถามอย่างสงสัย
“เอ่อ มันเมืองใหญ่ครับ วุ่นวาย ผมไม่ค่อยชอบ ขอออกไปนอกเมืองก่อนละกัน” เอกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเคน โดยหาข้ออ้างไปก่อน
“อ่ะงั้นก็ตามใจครับ จริงๆ แถบนี้ โรงแรมถูกๆ ก็พอมี แต่มันก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนโรงแรมที่กรุงเทพนะครับเอก เพราะถ้าถูก สิ่งอำนวยความสะดวกมันก็น้อย เอกจะไหวไหมละครับ”
“ผมไม่เรื่องมากขนาดนั้นหรอกครับ ยังไงก็ได้ ขอแค่ที่ซุกหัวนอนไปก่อน พรุ่งนี้จะได้ตั้งต้นใหม่”
“งั้นเดี๋ยวผมโทรถามเพื่อนให้ เพื่อนผมมันคนแถวนี้ มันพอจะรู้ว่าที่ไหนถูก”  บอลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ โทรหาเพื่อน คุยกับเพื่อนได้ไม่ถึง 5 นาที เขาก็วางสาย พร้อมๆ กับ กาแฟ และชาเขียวที่สั่งไว้
“เพื่อนผมบอก โรงแรมอยู่ใกล้ๆ สถานีอุเอโนะ นี่เอง ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเดินไกล เอกจะได้ไม่เหนื่อย”
บอลพูดไปก็จิบกาแฟไป
“เหรอครับ อืม ราคาแพงไหมอ่ะ ผมไม่อยากได้แพงมากน่ะครับ”
“ไม่ครับ เพื่อนผมมันรู้จักกับเจ้าของโรงแรม รับรองถูกครับ คืนละ 4000 เยน เอง”
“อืม ครับ ก็ไม่แพงมาก ขอบคุณนะครับ รบกวนบอลมากเลย ตั้งแต่ลงจากเครื่องแล้วทั้งมาส่ง ทั้ง ช่วยหาที่พัก นี่ถ้าไม่ได้บอลช่วย ป่านนี้ผมคงยังงมหาที่พักอยู่ที่ไหนสักแห่งในโตเกียวแน่ๆ” 
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมยินดีอยู่แล้ว สำหรับเอก” 
“แล้ว บอลต้องรีบไปไหนหรือเปล่าครับ คือ ผมเกรงใจอ่ะครับ ต้องมาติดแหงกอยุ่กับผม”
“ไม่เลยครับ เดี๋ยวส่งเอกแล้ว ผมค่อยไปหาเพื่อนก็ได้ เพื่อนผมมันก็อยุ่แถวๆนี้ แหละ นั่งรถไฟไปไม่กี่สถานีเอง.... ชาหมดแล้วใช่ไหมครับงั้น ไปกันเลยดีกว่าครับ เอกจะได้เอาของไปเก็บ”
“ได้ครับ มื้อนี้ ผมขอเลี้ยงบอลนะครับ ถือเป็นการขอบคุณที่ช่วยผมวันนี้นะครับ” เอกรีบบอกบอลก่อนที่บอลจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาเพื่อเตรียมจ่ายเงิน
“อ่ะ งั้นก็ได้ครับ ผมตามใจเอกละกัน” บอลตอบรับ พร้อมกับยิ้มให้เอก
หลังจาก จ่ายเงินเรียบร้อย ทั้งสองก็ออกมาจากร้าน ระหว่างทางไปโรงแรม บอลก็ชี้โน่นชี้นี่ให้เอกดู พร้อมทั้งเล่าว่า อันนี้คืออะไร เป็นอะไร เอกก็ฟังอย่างสนใจ ทั้งสองเดินคุยกันมาเรื่อยจนถึง หน้าโรงแรม โรงแรมที่บอลพาเอกมาพักนั้นเป็นโรงแรมเล็ก ซึ่งเจ้าของก็ อายุไล่เลี่ยกับบอล และเอก เขาเป็นเจ้าของบ้านและบริหารกิจการเอง บอลพาเอกเดินเข้าไปและทักทายเจ้าของร้าน เอกจับใจความได้ว่า บอลบอกเจ้าของโรงแรมว่า เพื่อนของเขา เป็นคนแนะนำมา เจ้าของโรงแรมก็เลย ต้อนรับเป็นอย่างดี และลดค่าห้องพักให้เหลือ 3000 เยน เอกรู้สึกประทับใจในการช่วยเหลือของบอลมาก ถ้าหากไม่ได้บอลช่วย ป่านนี้ เขาคงหลงอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้ว เขาเริ่มรู้สึกดีกับเพื่อนใหม่คนนี้ และคิดว่า อย่างน้อย เรื่องดีๆ ยังเกิดขึ้นกับเขา
หลังจากเช็คอินเรียบร้อย เจ้าของโรงแรมก็พาเอก และบอลไปที่ห้องพัก เปิดห้องให้เรียบร้อย เจ้าของโรงแรมก็คุยกับบอลอยู่พักหนึ่งแล้วก้ขอตัวกลับลงไปที่เคาน์เตอร์ ส่วนเอกก็จัดแจงวางกระเป๋า แล้วมองไปรอบๆ ห้องพัก ห้องพักที่เอกอยู่ไม่กว้างมาก เตียงขนาดที่นอนได้ 2 คนไม่เบียดกัน เหลือพื้นที่ไว้สำหรับวางทีวี ตู้เย็น และ โซฟา 1 ตัว และพื้นที่ว่างระหว่างเตียงกับโต๊ะวางทีวี และโชฟา เพียง 2 เมตร แต่เอกก็พอใจ เพราะ ราคาไม่แพงและห้องพักก็สะอาด แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาสงสัยคือ ห้องน้ำ อยู่ที่ไหน
“บอลครับ แล้วห้องน้ำอยู่ไหนเหรอครับ” เอกถามหน้าซื่อๆ
บอลมองหน้าเอก แล้วก็หัวเราะกับหน้าตาซื่อๆ ที่เอกถาม
“อ้าว ... นี่เอกไม่รู้เหรอว่าโรงแรมแบบนี้เขาไม่มีห้องน้ำส่วนตัวในห้องหรอกครับ มันจะเป็นห้องน้ำรวม อยู่ชั้นล่าง และถ้าอยากอาบน้ำ ต้องใช้บริการโรงอาบน้ำข้างๆ โรงแรมอ่ะครับ เคยดูในการ์ตูน หรือ หนังญี่ปุ่นใช่ไหมครับ”
“เอ่อ ผมก็ไม่คิดว่า มันจะเป็นอย่างนั้นหมดน่ะครับ ... เรื่องห้องส้วมโอเค ไม่เป็นไร แต่เรื่องอาบน้ำ ที่ว่าโรงอาบน้ำเนี่ย ถ้าในแบบการ์ตูนที่ผมเคยเห็น ก็ต้องอาบรวมกัน มีสระน้ำอันใหญ่ นั่งแช่กันอย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้วครับ ... ต้องเป็นอย่างในการ์ตูนที่เอกเห็นนั่นแหละครับ”
“แล้วผมจะกล้าอาบไหมเนี่ย ...” เอกพูดเขินๆ
“ไม่ต้องอายหรอกครับ ที่นี่ เขาไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว ก็อาบๆ ไป แรกๆ ผมก็คิดเหมือนเอกนั่นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ผมชินแล้ว”
“เหรอครับ ไม่กล้าอ่ะ ....” เอกยังคงเขินที่จะต้องไปเปลื้องผ้าอาบน้ำต่อหน้าผู้คน
“ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้องไปก็ได้ครับ ก็ตัวเหม็นต่อไปละกิน ฮิฮิ ...” บอลยังไม่วายแหย่เอกเล่น
ระหว่างที่คุยกันอย่างสนุกสนานอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของบอลก้ดังขึ้น
“เพื่อนโทรมาตามแน่ๆ เลยครับ บอล”
“คงงั้นแหละครับ ขอตัวแป๊บนะ” บอลเดินเลี่ยงออกไปที่ระเบียงห้อง ปล่อยให้เอก นั่ง เก็บของ ที่เอาออกมาจากกระเป๋าอยู่ข้างใน  เขาปิดบานประตูไว้ แล้วมายืนข้างนอก ก่อนปิดประตูกระจกเขาหันมามองที่เอก  เห็นเอกกำลังง่วนเก็บของอยู่ไม่ได้สนใจที่ตัวเขา บอลแอบยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองที่หน้าจอโทรศัพท์ แต่ไม่มีสัญญาณโทรเข้า หรือ โชว์หมายเลขที่โทรเข้า กลับเป็นสัญลักษณ์ เหมือนนาฬิกาปลุก บอลปิดเสียง ทำทีเป็นกดรับสาย และพูดโทรศัพท์ ระหว่างนั้นเอกมองไปที่บอลก็เห็นเขาเหมือนกับคุยโทรศัพท์อยู่ บอลหันมาพอดี เขาจึงโบกมือให้ เอกยิ้มตอบ แล้วก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป บอลเห็นว่าไม่มีพิรุธอะไรแล้ว เขาจึงเดินกลับเข้ามา ทำหน้า หงอยๆ  เอก เห็นทำหน้าหงอย ก็ใจเสีย กลัวว่า บอลจะทะเลาะกับเพื่อนเพราะมัวแต่มาดูแลเขา
“เพื่อนว่าอะไรหรือเปล่าครับ หน้าจ๋อยเลย” เอกถามน้ำเสียงกังวล
“เปล่าครับ มันไม่ได้ว่าอะไรผมหรอก เพียงแต่ วันนี้ ผมไม่ต้องไปหามันแล้ว เพราะมันจะซื้อของที่ อาคิฮาบาระน่ะครับ เห็นบอกมีเกมใหม่มา จะไปดูซะหน่อย แล้วคงกลับดึก มันบอกว่า ไหนๆ ผมก็อยู่ที่โรงแรมนี้แล้ว ก็รอที่โรงแรมไปก่อนละกัน เพราะมันไม่อยากให้ผมไปรอที่ใต้อพาร์ทเมนท์มัน”
“อ้าวเหรอครับ  งั้นก็รออยู่ที่ห้องนี้ด้วยกันก่อนก็ได้ ไม่เป็นไรนี่ครับ ค่าห้องก็จ่ายไปแล้ว เขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง” เอก เสนอทางออก โดยไม่ได้เฉลียวใจอะไร
“เกรงใจ เอกน่ะครับ”
“จะเกรงใจทำไมกันเล่า ถ้าไม่ได้บอลผมก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้จะอยู่ส่วนไหนของโตเกียวแล้ว บอกผมอย่าคิดมาก บอลก็ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”
“งั้นผมไม่เกรงใจนะ” พูดเสร็จ บอลก็กระโจนลงไปที่เตียงนอน
“ของีบเลยละกัน เหนื่อยมาทั้งวัน ยังไม่ได้นอนเลย หลับเอแรงสักพักดีกว่า”
“ตามสบายครับ ผมขอเก็บของสักพัก”
“ค้าบบบบ” 
หลังจากเอก หันกลับไปเก็บของนั้น เขาไม่ได้สังเกตเลย แววตา และรอยยิ้ม อย่างมีเลศนัยของบอลนั้น สื่อถึงอะไร
****************************************************************

*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
ค่อยยังชั่วหน่อยมีบอลช่วยเหลือ ไม่งั้นเอกแย่เลยเนอะ

แต่เคนแปลกจังเลย ปล่อยให้เอกกลับคนเดียวคนเพิ่งมาญี่ปุ่นแท้ๆ ไม่เป็นห่วงมั่งเลยเหรอ

นั่นนะสิครับ คุณน้ำค้าง เคนจิ หายไปไหนนะ ไม่เป็นห่วงเอก เลย ตอนนี้ อะไรจะเกิดกับเอกต่อไปละเนี่ย ท่าทาง บอล มีเลศนัย นะ  ooops  :m29:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
เคนไม่น่ารักแล้ว  :m14:

เอกเปลี่ยนใจมากิ๊กกะบอลดีกว่า


*Ecks*

  • บุคคลทั่วไป
หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แบบว่า ยอมรับผิดไม่ได้เข้ามาที่เล้า ยังไงจะปรับปรุงตัวครับ ตอนที่ สามจะตามมาในไช้นะครับ......................... :oni2:


***************************************************

เคนนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะ ทำงาน เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมา เอกมาเจอเขา มาเจอเรื่องที่เขาปิดบังไว้ ถึง 2 ปี แน่นอนเอกต้องโกรธ และ เสียใจ เขารู้สึกได้ เพราะ เขาเองก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่จะให้เขาทำยังไง ในเมื่อ เอริกะ และ ทาคุยะน้อย คือ สิ่งที่แม่เขาสั่งเสียไว้ก่อนตาย ว่าจะต้องดูแลทั้งสองคนนี้ให้ดี
เคนจิ เปิด ไฟล์ รูปที่เขากับเอก ถ่ายด้วยกันที่ เกาะสมุย ทุกรูปทั้งสองต่างมีความสุข เพราะช่วงเวลานั้น คือเวลาแห่งความสุขของ เขาทั้งสองคน
เคนจินั่งมองคอมพิวเตอร์ หน้าจอเป็นอีเมล์ ล่าสุดที่เอกเขียนมาหาเขา เคนจินึกโทษตัวเองที่เขาปิดบังเรื่องนี้กับเอก แต่เขาก็ไม่อยากเอกต้องมารับรู้ ถึงภาระของเขา สุดท้ายสิ่งที่เขาปิดบังก็ต้องกลับมาทำร้ายตัวของเขาเอง
“เคนจิซัง .... เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ....ชั้นเอาน้ำชามาให้” เสียง เอริกะ เคาะประตูเรียกอยู่หน้าห้อง
เคนจิเดินมาเปิดประตู รับน้ำชาจากเอริกะ พร้อมกับถามถึง ทาคุน้อยว่าหลับหรือยัง
“หลับไปแล้วค่ะ ... เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ สีหน้าดู เหนื่อยๆ” เอริกะ ยังคงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก ... ไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวัน กับทาคุน้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงผม”
เอริกะ มองหน้า เคนจิ  แล้ว ถอนหายใจ
“เอกซัง ... คือ คนคนนั้น ใช่ไหมค่ะ คนที่ เคนจิซังเคยบอก” 
“....” ไม่มีเสียงตอบจาก เคนจิ แต่เอริกะก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา
“ ...ทำไมไม่อธิบายให้ เค้าฟังล่ะค่ะ เคนจิซังไม่น่าบอกเขาไปอย่างนั้นเลย”
“ สายไปแล้วล่ะ เอริกะ เขาไม่ฟังผมแล้ว ผมผิดเองแหละ ที่ ไม่ยอมบอกเค้าตั้งแต่ต้น ... ...”
“ชั้นไม่รู้หรอกนะ ว่า เคนจิซังกับเอกซังคนนั้น รู้จักกันดีแค่ไหน แต่ถ้า เคนจิซังบอกความจริงและอธิบายเหตุผลไป เอกซังต้องรับฟัง และเข้าใจ แน่นอน ... เคนจิซังเป็นคนดี ชั้นเชื่อว่า เค้าต้องเข้าใจ”
“ผมไม่รู้เหมือนกันว่า มันจะเป็นยังไง ... แต่ก็ขอบคุณนะ เอริกะ... ไปฟักผ่อนเถอะ เดี๋ยว ทาคุน้อยตื่นขึ้นมาไม่เห็นแล้วจะงอแง”
“ค่ะ...ไปนะคะ”
เคนจิถือถาดน้ำชา เดินกลับเข้ามาที่ห้อง เขากลับมานั่งอ่านเมลล์ ของเอก อีกครั้ง อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วถอนหายใจ
“เอก ผมขอโทษ” ...............................

****************************************************************
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้บอลตื่นจากการงีบหลับ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นเพื่อนเขานั่นเอง บอลดูนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบ 2 ทุ่มแล้ว เขามองไปรอบห้อง ไม่เห็นเอกอยู่ในห้อง บอลเลยเดินออกมาที่ระเบียง เห็นเอกยืนเหม่ออยู่  บอลกะจะแหย่เอกเล่นด้วยการทำให้ตกใจ เขาค่อยๆ ยื่นหน้าไปใกล้ข้างหูของเอก แต่ก่อนที่บอลจะได้แกล้งเอกนั้น เขาเห็น เอกสะอื้นยืนร้องไห้อยู่ 
“เอก....เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”  เอกยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“ไม่มีอะไรครับ .. ผมแค่...”
“แค่ อะไรครับ ไม่มีอะไรแล้วร้องไห้ทำไม”
เอกมองหน้าบอล สีหน้ากังวล ในใจครุ่นคิดว่า ควรจะบอกบอลเรื่องที่เกิดขึ้นไหม แล้วถ้าเกิดบอลรับไม่ได้กับเรื่องที่เขาเล่า หรือ สิ่งที่เขาเป็น บอลจะมองเขายังไง 
“คือ ... ผมไม่รู้ว่ามันเหมาะที่จะเล่าหรือเปล่าครับ”
“โอเค ... ไม่เป็นไรถ้ายังไม่พร้อมจะเล่า ก็ ไม่บังคับกันครับ อากาศมันเย็น เอกเข้าในห้องเถอะครับ เดี๋ยวไม่สบาย ผม ขอคุยกับเพื่อนแป๊บเดียว รับรองไม่ทิ้งให้เอกเหงาอยู่คนเดียวหรอกนะ” เค้าทำหน้าตาทะเล้นใส่เอก จนทำให้เอก ยิ้มได้
“ขอบคุณนะครับ บอลช่วยผมไว้อีกแล้ว”
“ยินดีครับ สำหรับเอก ผมทำได้เสมอ”  บอลยังไม่เลิกแหย่
เอกเดินกลับเข้าไปในห้อง ปล่อยให้บอลคุยโทรศัพท์กับเพื่อน ในใจยังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเคนจิ ทำไมนะ เคนถึงได้ปิดบังเขา เพราะอะไร
“เอกครับ ... วันนี้ ออกไปเดินเที่ยวโตเกียวยามค่ำคืนกัน เพื่อนผม มันชิ่ง ไปเที่ยวกะสวาๆของมันละ เซ็งชะมัด”
“อ้าว เหรอครับ ... อืมก็ดีเหมือนกันนะ” เอกคิดว่า การออกไปเดินเล่นข้างนอกก็อาจจะทำให้เขาลืมเรื่องแย่ๆ ปสักพักก็ได้
“งั้นไปกันเลยครับ”
สีสันโตเกียวยามค่ำคืน ทำให้เอกลืมเรื่องของ เคนไปได้ชั่วขณะ เพราะความตระการตา ของตึกน้อยใหญ่ ที่เด่นตะหง่านอยู่ รายล้อม ผู้คนที่เดินขวักไขว่ยามค่ำคืน บอลพาเอกไปเดินที่ย่านชิบุย่า ที่ที่ ไม่เคยหลับไหล ผู้คนคับคั่ง แล้วพาเอกนั่งรถไฟไปดู โตเกียวทาวเวอร์ ไปดูโคมไฟใหญ่ ที่วัดอาซาคุสะ ทั้งสองเดินเที่ยวเล่นจนลืมเวลา รู้ตัวอีกที ก็ เกือบ ห้าทุ่มแล้ว เอกเห็นว่าดึกแล้วจึงชวน บอลกลับ
“ผมว่ากลับกันเถอครับ วันนี้ ผมสนุกมาก ขอบคุณนะครับ บอล”
“ไม่เป็นไรหรอกครับเอก ผมก็สนุกเหมือนกัน นานๆ จะได้มีเพื่อนคนไทย เดินเล่นด้วยกันแบบนี้” บอลตอบพร้อมกับยิ้มให้เอก
“ลืมไปเลย แล้วที่บอลบอกว่านัดเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ป่านนี้มันคงกลับอพาร์ทเมนท์ ไปนอนละ เดี๋ยวผมลองโทรหามันก่อนละกัน เดี๋ยวผมไปส่งเอกก่อน แล้วค่อยเลยกลับไปที่อพาร์ทเมนท์”  บอลหยิบโทรศัพท์ ออกมา กดหาเพื่อน ผ่านไป หลายนาทีดูท่าว่า เพื่อนของบอลจะไม่รับสาย
“ไอ้บ้า ... ไปไหนวะ ไมไม่ยอมรับสาย” บอลบ่นอุบ เพราะเพื่อนไม่ยอมรับสาย
“บอลครับ ผมว่า มันดึกแล้ว ยังไง ถ้าเกิดว่า บอลไม่รังเกียจ จะนอนที่ห้องผมด้วยก็ได้นะครับ”
“จริงเหรอครับ งั้นผม ไม่เกรงใจนะ” บอลตอบรับอย่างไม่ลังเล และท่าทางลิงโลดที่ เอก ชวนเขาให้อยู่ด้วย
“งั้น กลับกันเถอะครับ”  เอกเดินนำหน้า บอลไป บอลเดินตามมาติด พร้อมกับรอยยิ้มอย่างมีชัยของเขา
***************************
“เอกครับ”  บอลทำลายความเงียบด้วยการเรียกชื่อเอกขึ้น ท่ามกลางไฟสลัวของห้อง นอนในโรงแรม
“ครับ”
“ทำไมถึงได้ร้องไห้ล่ะครับ เอกมีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม”
“เรื่องไร้สาระน่ะครับ บอล” เอกพยามยามเลี่ยง เพราะเขายังไม่อยากบอกบอลตอนนี้
“โอเค เอกคงยังไม่พร้อม...แล้วตกลงคิดได้หรือยังว่าพรุ่งนี้ จะไปไหน”
“ขอบคุณนะครับ บอลที่เป็นห่วงผม.... ส่วนพรุ่งนี้ ผมตั้งใจว่า จะไป เมืองใกล้ๆ นี่แหละครับ ว่าจะไป คามาคุระ เสร็จแล้ว ก้คิดว่าจะขอพักที่นี่ตออีกคืน แล้วไป ฮาโกเน่ วันถัดไป นอนที่ ฮาโกเน่ คืนหนึ่งน่ะครับ แล้ว วันถัดไปผมจะไป เกียวโต แล้วก้นอนที่นั่น คืนหนึ่ง แล้ว วันถัดมาก็ค่อยกลับ เมืองไทย
“อ้าวแล้ว เพื่อนของเอกล่ะครับ”
“........” ไม่มีเสียงตอบจากเอก
“เอกครับ”
“ถ้าเค้าไม่ว่าง ผมก็ไม่อยกาจะรบกวนเขาหรอกครับ ผมเที่ยวคนเดียวดีกว่า”  เอกพูดตัดบท เพราะ เขายังไม่อยากนึกถึงคนใจร้าย
“ฟังดูเศร้าจัง ... ถ้าเอกไม่รังเกียจ ผมเที่ยวเป็นได้ไหม เพราะยังไงซะ ช่วงที่เอกอยู่ ผมก็ยังว่าง ถิอโอกาสเที่ยวก่อนทพโปรเจคต์ จะได้สมองโล่งๆ อีกอย่าง เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ดีไหมครับ”
“จะดีเหรอครับ บอล ผม เกรงใจครับ”
“ถ้าเอก ปฎิเสธน่ะไม่ดีแน่ นะครับ ไม่ต้องคิดมาก ไปเที่ยวกัน”
“อืม .... ได้ครับ เพราะยังไงซะ บอลก็ช่วยผมมาตั้งต้นแล้วนี่ มีเพื่อนดีๆ อย่างบอลเที่ยวด้วย ก็คงจะดีไม่น้อยนะครับ”
“ดีมากเลยละครับ ดีใจจัง ได้เที่ยวซะทีหลังจาก เครียดกับการเรียนมานาน อิอิ แถมได้เที่ยวกับ เอกด้วย”  บอลพูดด้วยอการดีใจ หันหน้ามามองเอก ที่นอนเหม่อ มองเพดานสีหน้า เศร้าสร้อย
“ไม่ว่าเอก จะเจอเรื่องอะไรมา แต่ ผมสัญญาว่า พรุ่งนี้ ผมจะช่วยให้เอกลืมเรื่องพวกนั้น....กู๊ดไนท์ครับ”
เอกหันมายิ้มให้บอล
“ขอบคุณครับ บอล ... กู๊ดไนท์ครับ” เอกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูด เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไม เขาถึงได้รู้สึกสบายใจทั้งๆ ที่ เรื่องที่เขามาเจอนั้นยังทำร้ายเขาอย่างมาก

***************************************

obab

  • บุคคลทั่วไป
Re: *** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2
«ตอบ #108 เมื่อ12-09-2012 19:57:08 »

อ่าา มีตอนต่ออีกไหมคะเนี่ย T,.T

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
Re: *** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2
«ตอบ #109 เมื่อ12-09-2012 23:42:25 »

ยังไม่จบนี่คะ ทำไมมาอยู่ในนิยายที่โพสต์จบแล้วล่ะนี่

สนุกดีค่ะ เคนก็แปลก ไม่ยอมอธิบายเหตุผล อกหักไปซะเถอะ555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: *** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2
« ตอบ #109 เมื่อ: 12-09-2012 23:42:25 »





ออฟไลน์ sarawutcom

  • เน็ตดีแทค 10 เม็ก 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 654
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-27
    • http://www.sarawutcomputer.com/
Re: *** หาดทรายใต้แสงอาทิตย์ *** *Season 2
«ตอบ #110 เมื่อ11-03-2024 13:00:59 »

ดีแทค ระบบเติมเงิน โปรเน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว (ราคารวมภาษี 7% แล้ว)
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 803บ./90วัน กด *104*591*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,284บ./180วัน กด *104*592*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) 1,926บ./365วัน กด *104*593*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,069บ./90วัน กด *104*594*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 1,498บ./180วัน กด *104*595*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 2,675บ./365วัน กด *104*596*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 236บ./7วัน กด *104*388*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) 696บ./30วัน กด *104*389*8488034#
เน็ตดีแทค 8 Mbps(เม็ก) 95บ./8วัน กด *104*897*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,711บ./90วัน กด *104*598*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 2,139บ./180วัน กด *104*578*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 3,745บ./365วัน กด *104*579*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 354บ./7วัน กด *104*398*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 1,188บ./30วัน กด *104*597*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 139บ./7วัน กด *104*77*8488034#
เน็ตดีแทค 1 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 535บ./30วัน กด *104*97*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 246บ./7วัน กด *104*78*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 696บ./30วัน กด *104*98*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 375บ./7วัน กด *104*79*8488034#
เน็ตดีแทค 10 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*798*8488034#
เน็ตดีแทค 2 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 380บ./30วัน กด *104*237*8488034#
เน็ตดีแทค 4 Mbps(เม็ก) +โทรดีแทค 470บ./30วัน กด *104*236*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 193บ./7วัน กด *104*841*8488034#
เน็ตดีแทค 12 Mbps(เม็ก) 482บ./30วัน กด *104*842*8488034#
ยกเลิกเน็ต  กด  *103*0# โทรออก
ดีแทค  เช็คเน็ต คงเหลือ กด *101*1# โทรออก
เช็คเบอร์ตัวเอง กด *102# โทรออก
ยกเลิก SMS กินเงิน กด *137 โทรออก
เช็คเงิน คงเหลือ กด *101# โทรออก 
ติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ กด 1678 โทรออก
เน็ตไม่อั้น ไม่ลดสปีด  โปรรวม
สมัครง่ายๆ กดตามได้เลยค่ะ
#โปรเน็ตสุดฮิต  DTAC
โปรที่คุ้มที่สุดของการใช้เน็ต
#โปรเสริมเน็ตวันนี้ #โปรเน็ตสุดฮิต #เน็ตไม่อั้นไม่ลดสปีด #โปรเน็ตดีแทค #เน็ตดีแทคเติมเงิน #โปรดีแทครายสัปดาห์ #โปรดีแทครายวัน #โปรแทครายเดือน #โปรเน็ตDTAC #เน็ตไม่จำกัด #เน็ตไม่ลดสปีด #โปรเน็ตไม่อั้นรายวัน #โปรเน็ตไม่อั้นรายสัปดาห์ #โปรเน็ตไม่อั้นรายเดือน #DTAC #สมัครเน็ต #โปรเน็ตดีดี #โปรเสริมDTAC #โปรเสริมดีแทค
https://www.facebook.com/media/set/?vanity=sarawutcomputer&set=a.1735376596730368


เน็ต เปิดเบอร์ใหม่ ย้ายค่าย เบอร์เก่า ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=U8gZx3BTz_I


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.youtube.com/watch?v=xgJOI7_4_vg


เน็ตไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว  dtac  ดีแทค ระบบเติมเงิน มีนาคม 2567
https://www.facebook.com/share/p/sTA3Vv6dxR4GnW6x/?mibextid=qi2Omg


ดีแทค ระบบเติมเงิน Dtac เน็ตไม่อั้น เร็ว 12 Mbps เม็ก หมดเขต 30 เมษายน 2567
https://www.youtube.com/watch?v=-u5Ua409XKc


ดีแทค ระบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้น เร็ว 30 Mbps(เม็ก) นาน 30 วัน ราคา 350 บาท แถมโทรฟรีทุกค่าย
https://www.youtube.com/watch?v=9ATbQS3gVwA

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด