เรื่องราวเด็กมหาวิทยาลัย เรื่องราวบางส่วนที่นำมาจากชีวิตจริง
... ไม่อยากเก็บความคิดและความรู้สึกดีๆ ไว้กับตัวเอง
อย่างน้อยก็ขอบรรยายลงในพื้นที่ของเวบบอร์ดดีๆ แห่งนี้ อิอิ
เผื่อมีใครผ่านเข้ามาอ่าน.. ก็อาจจะได้รับความรู้สึกดีๆออกไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 1
" อีกะเทยน้อย.. มาซื้ออะไรยะ " เสียงแว๊ดๆ ของยายแก่ชาวบ้าน
" ว๊าย .. กะเทย " ยายแก่ยังพ่นน้ำหมากไม่หยุด ไม่มีเสียงอะไรที่ดัดจริตได้น่าเกลียดไปกว่านี้อีกแล้ว
เสียงนั่นทำให้โอ๋ต้องก้มหน้าเศร้า เดินมาออกพร้อมกับถุงกับข้าว
การเป็นลูกครูผู้มีหน้ามีตาในหมู่บ้าน มันทำให้กลายเป็นจุดสนใจของชาวบ้าน
โดยเฉพาะลักษณะคล้ายผู้หญิงที่ติดตัวโอ๋มาตั้งแต่เกิด
และคำพูดแสบๆ อย่างแม่ค้าปากตลาดแบบนี้ ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็น "ยายตี้"
ถึงแม้แกจะเลิกขายของในตลาดแล้วก็ตาม แต่แกก็ยังปากตลาดเหมือนเดิม
ใจจริงโอ๋ก็อยากตะโกนเถียงออกไปดังๆ ว่า ' อีแก่มึงอย่ามายุ่งกะกู!! '
โอ๋ไม่อยากมาซื้อกับข้าวร้านนี้ก็เพราะยายแก่ข้างร้านนี่แหละ ที่คอยถากถางเด็กที่ยังไม่รู้จักรักใคร่
ยังไม่รู้จักชอบผู้หญิงหรือชอบผู้ชาย แต่นั่นก็คงเป็นท่าทางกระตุ้งกระติ้งของโอ๋เองกระมัง
ยิ่งโตเท่าไหร่โอ๋ยิ่งถูกล้อเลียนแบบนี้บ่อยขึ้น แต่โอ๋ก็เลือกที่ใช้ความอดทนมากกว่าการตอบโต้กลับไป
โอ๋กลับมาถึงบ้านพร้อมถงุกับข้าว 2-3 อย่าง และเข้าครัวไปเตรียมสำรับกับข้าวช่วยแม่ แล้วยกมาตรงที่พ่อนั่งรออยู่แล้ว
พ่อของโอ๋ บุคคลที่ยืนอยู่บนคำยอของคนอื่น โดยเฉพาะคนนอกบ้าน
พักหลังพ่อเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับคำพูดของชาวบ้านที่ว่า ' ได้ลูกชายคนเดียวดันเป็นกะเทย '
แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อขายหน้าได้มากอยู่
คำพูดจากปากพ่อคำแรกพร้อม ๆ กับข้าวคำแรกที่โอ๋กำลังเคี้ยวอยู่
" ถ้ามึงเป็นกะเทยเหมือนที่ชาวบ้านเขาว่ากัน มึงไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้แน่ "
โอ๋แทบกลืนข้าวคำนั้นไม่ลง และเป็นข้าวคำเดียวที่ทำให้รู้สึกอิ่ม
ด้วยการเลี้ยงดูแบบที่เรียกได้ว่าจับขาให้เดินตามเส้นที่ขีดไว้แล้วที่ทำให้โอ๋ไม่กล้าโต้แย้งอะไรออกไป
คำพูดของพ่อนั้นถือเป็นการจบ และการตอบโต้กลับไปถือเป็นการโง่ที่สุด
บรรยายกาศการทานข้าวเย็นมื้อนี้เงียบงัน ไม่มีเสียงสนทนาของน้องสาวอีกสองคนแม้แต่น้อย
และโอ๋ก็ต้องรับบทลูกที่ต้องนั่งทานข้าวเย็นมื้อนี้ต่อไปอย่างปกติที่สุด ทั้งที่ข้าวแต่ละคำมันกลืนแทบไม่ลง
ทำไมชาวบ้านถึงมีอิทธิพลต่อความเป็นไปของบ้านหลังนี้เสียจริงนะ
ก็คงเป็นเพราะผู้นำครอบครัวกระมัง บริบทแห่งชีวิตในวัยเด็กของพ่อที่โอ๋เองก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่า
อะไรที่ทำให้พ่อกลายเป็นคนที่ตัดสินใจด้วยคำวิพากย์วิจารณ์ของคนอื่น โดยเฉพาะคนนอกบ้าน
แทนที่จะคิดและตัดสินเรื่องของตัวเองและครอบครัว ด้วยความคิดของตัวเอง
ครอบครัวที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์แบบ การโต้เถียงของพ่อกับแม่ที่เกิดขึ้นในเกือบทุกวัน
มันงี่เง่ามากที่พ่อแม่เถียงกันแบบนั้น โอ๋ไม่รู้หรอกว่า ทำไมพ่อแม่ถึงไม่สามารถเคลียร์ปัญหาที่โอ๋ก็ยังไม่เข้าใจได้ซักที
การพูดกันตรงๆ บอกกันตรงๆ มันช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้นได้แน่นอน
" ไอ้โอ๋! มึงอ่านหนังสือ.. ไม่ใช่นั่งเหม่อโว้ย " เด็กหนุ่มคนหนึ่งพยายามตะโกนใส่หูเพื่อนแบบเงียบๆ
" เออๆ ขอบใจอาร์ต กูกำลังง่วงอยู่พอดี " หนุ่มน้อยแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ตามเคย
โอ๋ไม่ได้ง่วงหรอก แต่เวลาที่ทำอะไรเงียบๆ คนเดียว โดยเฉพาะเวลาที่อ่านหนังสือ
เรื่องที่ไม่ดีตั้งแต่ก่อนเก่ามันชอบวิ่งเข้ามาในหัวทุกที
" เอ่อ อาร์ต กูขอนอนซักงีบได้ป่าววะ ง่วงจริงๆ " โอ๋ขอคำอนุญาติจากเพื่อนที่สนิดที่สุด
" อ่าว ไอ้เวร ก็แล้วแต่มึง .. มึงไม่อ่านก็ทำข้อสอบได้อยู่แล้วหนิ " เป็นคำพูดประชัดประชันของอาร์ตที่เป็นความจริง
โอ๋เป็นคนมีสมาธิสูงในช่วงเลคเชอร์ แต่ติดตรงที่เป็นคนขี้เกียจ โอ๋ไม่ค่อยตั้งใจอ่านหนังสือก่อนสอบนักหรอก
แต่ถ้าหากโอ๋ใสใจกับการอ่านหนังสือมากกว่านี้ก็อาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในชั้นเรียนเลยก็ได้
แล้วโอ๋ก็ฟุบลงกับหน้าหนังสือที่ยังเปิดค้างไว้อยู่ ปล่อยให้อาร์ตอ่านหนังสือคนเดียวต่อไป
" เอ่อ... กูก็ง่วงเหมือนกัน " ซักพักอาร์ตก็บ่นงึมงัมกับตัวเอง
กดโทรศัพท์ตั้งปลุกไว้ที่ ตี 2 นับไปอีก 1 ชั่วโมงจากเวลานี้ แล้วก็ฟุบลงไปกับหนังสือวิชาอีกคน
เด็กมหาวิทยาลัยสองคนที่นอนฟุบแข่งกันน้ำลายยืด กับอีกหลายๆ คนที่ยังคงอ่านหนังสือต่อไปภายในโรงอาหารคณะ
แล้วไอ้โอ๋ กะไอ้อาร์ต มันจะเรียนจบกับเขาไหมน้า.. เฮ้อ..
และเวลา 1 ชั่วโมงมันก็ช่างสั้นเหลือเกิน
" ตื้ด ตื้ด ตื้ด ... ... ตื้ด ตื้ด ตื้ด ... ... " เจ้าของโทรศัพท์ที่ปลุกด้วยเสียงระดับดังสุดยังไม่ตื่น
แต่คนนั่งโต๊ะข้างๆ ที่กำลังอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิเริ่มแสดงอาการหงุดหงิด
สายตาทุกคู่ที่อยู่ในโรงอาหาร มองมาที่โต๊ะของอาร์ตกับโอ๋อย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
" เอ่อ ทะ โทษครับ " ไม่นานนักอาร์ตก็ลนลานทั้งที่ยังลืมตาขึ้นไม่หมด
มือหนึ่งควานหาโทรศัพท์พร้อมกดปิด อีกมือหนึ่งปาดน้ำลายที่เยิ้มเป็นวงอยู่ข้างแก้ม
แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ทุกคนกลับไปมีสมาธิกับการอ่านหนังสือเหมือนเดิม
อาร์ตตั้งสติและบิดขี้เกียจอย่างมีความสุขมากเป็นพิเศษ
ทุกครั้งที่อาร์ตได้ออกมาอ่านหนังสือกับโอ๋
ซึ่งมีโอกาสเทอมละครั้งเท่านั้นที่เขาจะได้แอบนั่งมองโอ๋ตอนหลับ ทั้งที่บางทีโอ๋มีจะน้ำลายเยิ้มอาบแก้มก็ตาม
" มึงน่ารักจริงๆ ไอ้โอ๋ " อาร์ตเคลิบเคลิ้มจนหลุดปากพูดอย่างลืมตัว
แต่โอ๋คงไม่ยินหรอก ขนาดเสียงปลุกดังขนาดคนทั้งโรงอาหารได้ยินโอ๋ก็ยังไม่สะดุงสะเทือน
" อื้มมม ... " โอ๋ครางเหมือนเด็กที่กำลังจะตื่นนอน แล้วทำปากแจ๊บๆ ดูน่ารัก ดีที่ไม่มีน้ำลายยืด
แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก น้ำลายมาแห้งไปแล้วส่วนหนึ่ง สังเกตุได้จากหนังสือที่เปียกเป็นวงเล็กๆ
พอรู้สึกตัวได้ โอ๋รีบก้มดูหนังสือที่รองแก้มตัวเอง และพยายามปิดก่อนที่ไอ้อาร์ตมันจะเห็นเข้า
" กูเห็นละ มึงไม่ต้องปิดหรอก ไอ้ทุเรดนอนน้ำลายเยิ้มเลยมึง " อาร์ตเนียนแบบที่เนียนมาตลอด ที่จริงตัวเองก็ไม่ต่างกัน
" เออๆ มึงอย่าให้กูรู้นะว่ามึงก็เยิ้มเหมือนกัน ปะโธ่ " โอ๋ฟึดฟัดแบบงอนเล็กน้อย
โอ๋ยังคงไม่ชอบการถูกล้อเลียน ไม่สามารถยอมรับกับชีวิตสมัยเด็กที่ถูกล้อเลียนมาตลอดว่าเป็นกะเทย
ถึงแม้โอ๋จะเป็นจริงๆ ก็ตาม แต่โอ๋ก็ไม่ชอบและไม่อยากให้พ่อรู้ว่ายังมีคนที่ล้อว่าโอ๋เป็นกะเทยอยู่
ในขณะที่อาร์ตไม่มีปัญหาเหล่านั้นเลย แต่อาร์ตก็ไม่แน่ใจกับความรู้สึกของตัวเอง
เหมือนกับอาร์ตไม่ยอมรับตัวเองว่าชอบเพื่อนมากกว่าการเป็นเพื่อน
อาร์ตคิดว่าโอ๋คือเพื่อนแท้และเข้าใจว่ามันคือความรักที่มีให้เพื่อน เพื่อนที่อาร์ตรักมากที่สุดคนหนึ่ง
จะว่าไปตอนนี้ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนในมหาวิทยาลัยที่จะมาล้อเลียนว่าโอ๋เป็นกะเทยอีกแล้ว
อาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นสังคมในเมืองมากกว่าบ้านเกิดเมืองนอนที่โอ๋เคยอยู่มาก็เป็นได้
ในมหาวิทยาลัยแทบจะไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว จะมีก็แต่เพื่อนในภาควิชาเดียวกันที่ยังสงสัยว่าโอ๋เป็นเกย์ เป็นอีแอบ หรือป่าว
โอ๋รู้ใจของตัวเองมาตลอด แต่ความกลัวและเกลียดการถูกล้อว่าเป็นกะเทยมันผลักดันให้โอ๋ต้องปรับปรุงบุคลิก
ให้เป็นแมนได้อย่างที่คนในครอบครัวและใครหลายๆ มั่นใจได้ว่าโอ๋มันไม่ใช่กะเทย
แต่ก็ยังเคลือบแคลงสงสัยในตัวโอ๋อยู่ ซึ่งอาร์ตก็เช่นกันที่ยังคงสงสัยมาตลอดเนื่องจากเหตุผลหลายๆ อย่าง
เช่น โอ๋แทบจะไม่ชายตามองผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ ที่เดินผ่านไปมา ไม่เคยพูดเรื่องผู้หญิงให้อาร์ตฟังเลย
อย่างมากก็แค่อือๆออๆ ด้วยเวลาที่อาร์ตชี้ให้ดูน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักในคณะ
............................................................................................
ในที่สุดการสอบปิดภาคเรียนที่ 2 ก็ดำเนินมาจนถึงวันสุดท้าย
เด็กปี 2 ต่างพากันขมักขะเม่นก้มหน้ามุดหนังสือกับเวลาน้อยนิดก่อนที่จะเข้าห้องสอบ
โอ๋นั่งอ่านหนังสือเพื่อเก็บรายละเอียดด้วยคำจำระยะสั้นซึ่งทำให้เขาทำคะแนนสอบได้ดีกว่าใช้ความจำระยะยาว
มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในชั้นปีเดียวกันที่วันนี้อยู่ๆ มันก็เดินเข้ามาถามเอาดื้อๆ ว่า
" โอ๋!! แกชอบผู้ชายด้วยกันหรือป่าว!! " โอ๋เงยหน้าขึ้นและตกใจนิดๆ ..ถึงเวลาที่จะต้องใช้ความเนียนเพื่อเอาตัวรอดแล้ว
" 5555 แกจะบ้าเหรอ ... กูไม่ใช่อีแอบนะปุ๊ก ถ้าอยากรู้ก็พิสูจน์ดูได้นะ ไม่คิดตังค์ " โอ๋ยิ้มไปพูดไป
ทำให้เพื่อนๆ บางคนที่ได้ยินอดหัวเราะไม่ได้ .. แล้วโอ๋ก็ก้มหน้ามุดหนังสือต่อไป
" อีก 15 นาทีบ่ายโมงจ้าา ทุกท่านค้าา ขึ้นไปรอสอบวิชาสุดท้ายได้แล้วค้าา "
เสียงตะโกนน่ารักๆ ของยัยแอ้นต์(ant)คนเก่ง หัวหน้าห้อง มีความรับผิดชอบสูง น่ารัก นิสัยดี ตัวเล็กๆ
เวลาไปไหนมาไหนหล่อนไม่เคยเดิน หล่อนวิ่งตลอด วิ่งด้วยท่าทางร่าเริงๆ ของหล่อนนั่นแหละ
ร่าเริงสดใสตลอด แต่หน้ามันไม่สดใสเท่าไหร่ ใช้โฟมหรือโลชั่นอะไรสิวก็ยังผุดเหมือนเดิม
คนๆ นี้เพื่อนทุกคนในห้องจะรักมาก เพราะว่าหล่อนเป็นคนคอยถ่ายเอกสารบทเรียนของอาจารย์ทุกท่านแจกเพื่อนและเก็บตังค์อย่างไม่มีตกหล่น
คือถ้าไม่มีแอ้นต์ทุกคนก็อาจจะเรียนไม่จบ - -* ว่าไปนั่น
" ไปไอ้โอ๋ .. มึงต้องให้กูลอกด้วย วิชาสุดท้ายแล้ว " ถึงแม้อาร์ตจะพูดแบบนั้น แต่อาร์ตไม่เคยคิดที่จะลอกโอ๋จริงๆ เลย
อาร์ตเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำทีแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ
" อืมๆ " โอ๋ยังก้มหน้าดูดเอาตัวหนังสือเข้าหัวด้วยความจำระยะสั้นเพื่อใช้เฉพาะกิจในการสอบ
" ไปได้แล้วมึง " อาร์ตดึงศอกโอ๋ลากขึ้นไปชั้นบน ทิ้งให้พวกผู้หญิงที่เหลือ 4 - 5 คน ซุบซิบกันในประเด็นอาร์ตกะโอ๋เป็นคู่ขากัน
" ฉันว่าเหมือนแฟนเลยอะเธอ "
" ฉันก็ว่างั้น "
" มันเป็นแฟนกันจริงๆ เหรอ ..ไม่อยากจะเชื่อ โอ๋มันหน้าตาดีนะฉันแอบกรี๊ดมันอยู่เนี๊ยะ " เพื่อนชะนีนางหนึ่งแสดงตัวว่าแอบชอบเพื่อนตัวเอง
" แย่จังเลยเนอะ ผู้ชายคณะเรายิ่งน้อยๆ แล้วมาชอบกันเองแบบนี้ "
" เฮ้อออ .. !! " แล้วทั้งหมดถอยหายใจพร้อมๆ กัน
" นี่ แม่ 5 สาว เบบี้วอกซ์ อาจารย์เรียกแล้ว เรววๆ " ยัยแอ้นต์ตามจิกเพื่อนทุกคนครบถ้วน ไม่เหลือแม้แต่ 5 สาว CNN ประจำห้อง
" จ้าาา ... " แล้ว 5 สาวก็คว้าอุปกรณ์การสอบรีบวิ่งตามกันไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย