มาต่อรอบบ่าย บอกแล้วคนโพสคึกคัก
อยากระบายยยยยยย
***************************************************************
.
“ เฮ้อ หยุดซะที “
เสียงอ่องดังขึ้นมาก่อนเจ้านายเมื่อเห็นสายฝนโรยราหลังจากที่ตกกระหน่ำนานนับชั่วโมง
“ ตกหนักขนาดนี้ท่าทางสุสานท้ายภูคงดูไม่จืด ไปไอ้อ่องไปกะข้า “
คนฟังขนตั้งชันเมื่อจู่ๆเจ้านายชวนไปในสถานที่ ที่ไกลตาผู้คนแบบนั้น
“ ไม่รอให้แดดมันส่องก่อนล่ะครับนายปลาย มันยังมืดอยู่เลยนะ “
“ มันมืดเพราะหมอกไอ้เตี้ย เดี๋ยวหมอกจางมันก็มีแดดเองแหละ แกจะกลัวอะไร “
“ก็นั่นมันสุสานนะครับ ไม่ใช่ตลาด “
“แน๊ ย้อนนะเอ็ง สรุปไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปข้าจะไปคนเดียว “
เจอไม้นี้อ่องถึงกับเงียบ เจ้านายไม่ง้อใคร แต่ความเกรงขามเขาก็มีในจิตสำนึกของความเป็นลูกน้อง
“ ไปสิครับ “
.
.
.
.
.
.
.
สมุดถูกปิดลงพร้อมๆกับคนเขียนยืนยืดเส้นยืดสาย
คุ้มแฮะ ขอบคุณสายฝนที่ทำให้ได้งานมาอีกตั้งเรื่องนึง
รณวีย์วางสมุดลงบนโต๊ะที่ว่าง ก่อนจะหันไปเปิดหน้าต่างรับแสงแรกของวัน ชายหนุ่มชงักไปชั่วครู่เมื่อ สบสายตากับบางคนที่ยืนอยู่ในกรอบหน้าต่างมองมาทางเขาเช่นกัน
การินทร์ ยกมือทักทายคนชงักอย่างล้อเลียน นายนี่ชอบมีท่าทีแปลกๆทุกทีที่เจอกับเขาเรื่อย เห็นเขาเป็นผีหรือไงถึงได้มีท่าทีตกใจแบบนั้น
รณวีย์ทำหน้าไม่ถูกจะยิ้มให้ก็ไม่กล้าจะทำหน้าเฉยก็ดูจะหักหน้าคนทักเกินไป
แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็เลือกทำอย่างหลัง จะสนใจทำไมล่ะในเมื่ออยากจะลืมมันไม่ใช่เหรอ
เขาเดินหลบจากสายตาของคนมองปล่อยให้สายลมปลิวเข้ามาแทนที่ว่าง และมันก็แรงพอที่จะพลิกหน้าสมุดที่เจ้าตัวเพิ่งวางเอาไว้ ทำให้เห็นลายมือยุกยิกกับสิ่งที่เขียนโปรยหัวไว้ชัดเจน
………………ก า ริ น ท ร์…………………..
.
“ โดนจนได้ “
ปลายภูยืนส่ายหัวมองภาพเบื้องหน้า
เศษกิ่งไม้และใบเกยทับกองกันอยู่บนพื้นที่ส่วนของสุสานที่เขาสร้างเอาไว้
“ คงเป็นแรงลมแหละครับนายปลาย “
อ่องออกความเห็นเมื่อเห็นสีหน้าเจ้านายเครียดขรึม
“ เละหมด “
ปลายภูบ่น
“ เดี๋ยวผมเก้บกวาดให้ครับ “
อ่องเสนอ
“ ก็ช่วยๆกันแหละ เดี๋ยวข้าทำด้วย “
“ อย่าเลยครับคุณภูอยู่เฉยๆเดี๋ยวไอ้อ่องจัดการเอง “
“ ไหวแน่นะเอ็ง “
“ น่า เชื่อมือไอ้อ่อง “
“ เชื่อเอ็งข้าก็โง่แล้ว ทำช่วยกันนี่แหละ มา “
อ่อง พยักหน้ารับ เมื่อปลายภูบอกอย่างนั้น เจ้านายเขาหวงแหนสถานนี้จะตาย ไม่มีใครเคยย่างกายเข้ามาในนี้ได้ จะมีซักกี่คนกันเชียวที่รู้ว่าบนความสวยงามของภูปลายสายจะมีสุสานของคนที่จากไปในอดีตซ่อนอยู่
“ คิดถึงพวกเขาว่ะ “
ปลายภูเอ่ยขึ้นมาลอยๆเมื่อสะสางทุกอย่างให้เขาที่เขาทาง แล้วยืนจ้องมองแผ่นไม้สลักชื่อของคนทั้งสามที่ตั้งอยู่บนหลุมฝังศพที่เขาสมมุติขึ้น
“ อดีตก็คืออดีตนะครับ นายปลาย “
อ่องปลอบใจเมื่อเห็นแววตาวูบไหวของเจ้านาย แต่ก็ใช่ว่าคำพูดเขาจะช่วยให้คนฟังดีขึ้นเมื่อแววตาวูบไหวเมื่อครู่แดงกล่ำขึ้นมาจนเขาสังเกตเห็น เขาเลยต้องเอ่ยออกมาอีก
“ มันผ่านมานานแล้วนะครับ นายปลาย “
“ เพราะข้าเป็นต้นเหตุใช่มั๊ย “
“ อย่าโทษตัวเองอย่างนั้นสิครับ ไม่มีใครคิดว่าคุณไผ่จะตัดสินใจอย่างนี้ “
“ ยังไงข้าก็ยังรู้สึกผิดอยู่วันยังค่ำ “
“ คุณวี ไม่ได้ช่วยให้นายปลายดีขึ้นมาเลยเหรอครับ “
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าคนถาม
รณวีย์ เหมือนกันกับปลายไผ่ก็จริงแต่ยังไงก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับเขา
“ ยังไงวีก็เป็นคนอื่น “
“ แต่บางทีผมก็ว่าเขาเหมือนคุณไผ่นะครับ ยิ่งตอนเงียบขรึมนี่ผมยังผวามาแล้วหลายครั้ง “
“ แกนี่มันทำให้ข้าขำขึ้นมาจนได้นะไอ้เตี้ย “
ปลายภูส่ายหัวออกมาอย่างนึกขันที่อ่องเอ่ยออกมาแบบนั้น ชายหนุ่มคิดหรือบางทีฟ้าอาจจะส่งรณวีย์มาให้เขาชำระล้างสิ่งที่เคยทำไว้กับปลายไผ่จริงๆก็ได้
.
.
.
.
.
.
บนภูเริ่มที่จะคึกคักในตอนสายเมื่อฟ้าเปิดให้ความสดใสสาดส่องลงทั่วบริเวณ
การินทร์เดินชมบรรยากาศฟ้าหลังฝนสูดเอาอากาศบริสุทธิ์รวมอยู่กับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก่อนที่เขาจะแยกตัวออกไปตามลำพังเมื่อเห็นรณวีย์เดินลิ่วๆอยู่ไม่ไกล
“ เฮ้ นาย “
ชายหนุ่มร้องเรียกเมื่อเห็นรณวีย์เดินไม่มองใคร
“ เดินลิ่วๆๆจะไปตามหาหนุ่มภูที่ไหน “
เขาแขวะเมื่อตามไปถึงและคนที่ก้มหน้าก้มตาเดินก็หยุดยืนมองเขาแล้ว
“ จะไปด้วยเหรอ “
คนโดนแขวะสวนกลับจนคนแขวะหรี่ตามอง ก่อนจะบอก
“ ไม่ได้โรคจิต “
รณวีย์ถอนหายใจไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าเพราะพูดไปคนที่น้อยใจเสียใจก็มีแต่เขา การินทร์เคยแคร์ความรู้สึกเขาไหน
“ ขอตัวนะ “
ชายหนุ่มบอกปัดแต่การินทร์ก็ยังรั้งเอาไว้จนได้
“ นี่เรายังไม่ได้คุยกันเลยนะวี “
“ มันมีอะไรที่จะต้องคุยล่ะ ต่างคนต่างอยู่มันก็ดีแล้วนิ “
“ น้อยๆหน่อยเหอะ เพื่อนกัน จะคุยกันนี่มันผิดตรงไหน ทำไมต้องต่างคนต่างอยู่ “
รณวีย์อึกอัก มันก็จริง ทำไมเขาจะต้องมาเล่นแง่กับคนๆนี้ด้วย
…….การินทร์ไม่เคยคิดอะไรกับเขาซะหน่อย……..
“ จะคุยอะไรก็คุย “
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาในที่สุด