ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11  (อ่าน 185482 ครั้ง)

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
มาครึ่งเดียวงั้นตุนไว้ก่อน กลัวเป็นแบบพี่kakuro หงิงๆ

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
คนอ่านคาดหวังว่าจะกิน Dark Chocolate ในบรรยากาศ Sweet Valentine น่ะ
ทั้งที่ความจริงช่วงเวลาอันสั้นจากคริสต์มาสอีฟถึงวาเลนไทน์โดยที่ความสัมพันธ์ไม่ได้คืบหน้ามากมายจะหวังอะไรให้ดอกฟ้าอย่างดอกรักโน้มกิ่งมาหาดอกหญ้าอย่างรงค์
รงค์คะคุณคาดหวังมากไป :เฮ้อ:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
คนอ่านคาดหวังว่าจะกิน Dark Chocolate ในบรรยากาศ Sweet Valentine น่ะ
ทั้งที่ความจริงช่วงเวลาอันสั้นจากคริสต์มาสอีฟถึงวาเลนไทน์โดยที่ความสัมพันธ์ไม่ได้คืบหน้ามากมายจะหวังอะไรให้ดอกฟ้าอย่างดอกรักโน้มกิ่งมาหาดอกหญ้าอย่างรงค์
รงค์คะคุณคาดหวังมากไป :เฮ้อ:

กรี๊ดดดด โด๊น!!!!!!! ต้องรีบเอาไปเคาะใส่กะโหลกตาณรงค์อย่างด่วนนะคะข้อความนี้ 5555  :pigha2:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เห็นใจ อิคุณพี่รงค์ จัง เจอแบบนี้จะจีบติดด้วยวิธีแบบไหนเนี่ย ดูเย็นชา ชาเย็นเป็นน้ำแข็งแบบนี้ :try2:

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ว่าแต่คนอื่นเค้าออกสาว
นึกภาพตอนรงค์ยืนเท้าเอวในห้องน้ำแล้วขำ สาวมากค่ะ
น้องรักคงแค่อายล่ะมั้ง   :-[

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
คุณ รัก จะเย็นชาไปถึงไหน

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
มาลงครึ่งหลังอันแสนยาวให้แล้วค่า หลังจากปั่นไป + ทำอย่างอื่นไปอยู่ซะนาน เอิ้กๆ คราวนี้คงหายอารมณ์ค้างแล้วน้า  :z1:

++------++

(ต่อ)


กำปั้นที่กระแทกเข้ากับท้องเขาเต็มๆ ทำเอาณรงค์จุกจนพูดไม่ออก ชายหนุ่มงอตัวเอามือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ ส่วนอีกมือกำไหล่เสื้อสูทของไรอันแน่นราวจะระบายความเจ็บปวด แต่โชคร้ายที่เสียงอุทานเมื่อครู่ลอยเข้าหูของคนสองคนตรงอ่างล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว

“เอ้าเฮ้ย ใครอยู่ในส้วมวะนั่น ไม่สบายหรือไง?”

ณรงค์แทบจะอยากเอาหัวโขกฝาให้รู้แล้วรู้รอด ชายหนุ่มกัดฟันแน่นขณะพยายามสูดลมหายใจยาวๆ เพื่อบรรเทาอาการจุก แต่ดูเหมือนหมัดของหนุ่มลูกครึ่งจะมีพิษสงกว่าที่คาดเพราะเขาต้องรวบรวมลมหายใจอยู่หลายวินาทีกว่าจะเค้นเสียงได้

“ผมเองพี่ดอน สงสัยข้าวกลางวันจะทำพิษน่ะพี่”

ณรงค์สนิทกับรุ่นพี่ซึ่งเป็นซีเนียร์ดีไซเนอร์เหมือนกันพอควรเพราะเริ่มทำงานพร้อมๆ กัน ดังนั้นแม้จะไม่ได้บอกชื่อ แต่อีกฝ่ายก็จำเสียงของเขาได้ทันที

“ไอ้รงค์เองหรอกเหรอ ปวดท้องก็ไปหายากินดิวะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลากลับก่อนก็ได้ อีกเดี๋ยวก็เลิกงานแล้ว ขอเขากลับก่อนนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

“ขอบคุณพี่ เดี๋ยวอีกสักพักผมจะรีบออกไปก็แล้วกัน”

ณรงค์ส่งเสียงตอบ จากนั้นก็ระบายลมหายใจยาวเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำด้านหน้าที่เปิดออกและเสียงฝีเท้าสองคู่ที่ลับหายไปแล้ว ทั้งเขาและไรอันยังยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครเดินมาที่ห้องน้ำอีก คราวนี้ไรอันจึงผลักเขาเต็มแรงและรีบเปิดประตูห้องน้ำทันที แต่ณรงค์ก็ยังไหวตัวทันพอจะคว้าแขนอีกฝ่ายไว้ได้ก่อน

“เดี๋ยวสิรัก เมื่อกี้ผมลืมตัวไป ผมขอโทษ”

ไรอันหันกลับมามองเขาด้วยนัยน์ตาลุกวาว แต่ณรงค์ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายโกรธที่ถูกเรียกด้วยชื่อเล่นหรือเพราะเรื่องที่เพิ่งเกิดในห้องน้ำมากกว่ากัน หนุ่มลูกครึ่งพยายามจะสะบัดมือในขณะที่ณรงค์ก็พยายามยึดไว้แน่น

“เมื่อกี้คิดบ้าอะไรอยู่!? ถ้าหากมีใครรู้ว่าผมกับคุณทำอะไรอยู่ในห้องน้ำกันจะเป็นยังไง ทีหลังหัดคิดให้มันดีๆ ก่อนจะหน้ามืดไม่เป็นเวล่ำเวลา!”

“แต่ว่า...นั่นมัน...”

เพราะผมชอบคุณ...เหรอ? แค่ความคิดที่จะพูดออกไปก็ทำให้ณรงค์อยากตบปากตัวเองแรงๆ แล้ว เพราะถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเพียงพอให้เขาทำแบบนั้นกับอีกฝ่ายในห้องน้ำที่บริษัท ไม่ว่าจะในด้านความไม่เหมาะสมของสถานที่หรือกาลเทศะ และที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้อยากเอาเปรียบไรอันเหมือนเมื่อกี้เลยสักนิด แต่ถ้าบอกว่าเพราะสถานการณ์พาไป มีหวังเขาได้โดนซัดเข้าให้อีกหมัดแน่

ณรงค์มองสบตาไรอันที่จ้องเขาเขม็ง จากนั้นก็ได้แต่ก้มหน้าอย่างยอมจำนน ครั้งนี้เขาผิดจริงๆ ผิดอย่างที่ไม่สมควรให้อภัยเลยด้วย

“ขอโทษ ผมเพียงแต่คิดถึงคุณมาทั้งวันแล้วก็เท่านั้นเอง”

หนุ่มลูกครึ่งยังไม่เลิกขมวดคิ้ว แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและเพียงแต่สะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา และครั้งนี้ณรงค์ยอมปล่อยมืออย่างง่ายดาย ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังของไรอันที่เดินตัวตรงออกไปจากห้องน้ำจนกระทั่งประตูปิดลง จากนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

ปกติถ้าหากไรอันโมโหมากๆ จะพูดภาษาอังกฤษอย่างเดียว แต่เมื่อกี้นี่อีกฝ่ายต่อว่าเขาด้วยภาษาไทยล้วนๆ นั่นจะเป็นเพราะโกรธเขามากจนถึงกับต้องพูดเป็นภาษาที่มั่นใจว่าเขาจะเข้าใจแน่นอนหรือเปล่า...


++------++

ตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษๆ ที่เหลือก่อนถึงเวลาเลิกงาน ณรงค์นั่งทำงานต่ออย่างไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานสักเท่าไหร่ เขาได้แต่คลิกเมาส์ขยับงานที่แก้แล้วไปมาอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น และดูเหมือนบรรยากาศมาคุที่ล้อมรอบเขาอยู่จะเข้มจนคนรอบตัวรู้สึกได้ เพราะปกติเวลาใกล้เลิกงานจะมีเพื่อนหรือรุ่นน้องมาแวะคุยเล่นที่โต๊ะเขาฆ่าเวลาบ้าง แต่เย็นวันนี้ไม่มีใครเฉียดผ่านมาทางเขาสักคน กระทั่งยุพดีที่นั่งเยื้องไปฝั่งตรงข้ามยังเลี่ยงการเหลือบตามาสบตากับเขาเลย

ยังไม่ทันหกโมงเย็น ณรงค์ก็ปิดคอมพิวเตอร์แล้วคว้าเสื้อแจ็คเก็ตลำลองที่พาดไว้บนเก้าอี้ขึ้นมาพาดบ่า อิสราที่นั่งทำงานเงียบๆ อยู่โต๊ะถัดไปจึงหันมาถาม

“จะกลับแล้วเหรอพี่รงค์?”

ชายหนุ่มพยักหน้าเนือยๆ “อือ ไม่ค่อยสบายว่ะ แล้วค่อยเจอกันพรุ่งนี้”

“สีหน้าพี่ดูไม่ค่อยดีจริงๆ แหละ ยังไงขับรถกลับรถระวังๆ ล่ะพี่”

ณรงค์ยกมือเป็นสัญญาณรับรู้ก่อนจะเดินออกจากบริษัท ความที่บริษัทของเขาไม่ได้ใช้ระบบตอกบัตรจึงทำให้ไม่มีปัญหาหากพนักงานคนไหนจะออกก่อนเวลาหากงานเสร็จเรียบร้อย วันนี้งานของณรงค์ยังไม่เสร็จก็จริง แต่ถึงเขานั่งทำต่อก็ไม่เกิดประโยชน์อยู่ดี

ตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำ ณรงค์ก็กลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะโดยไม่ได้สนใจอีกเลยว่าไรอันยังนั่งทำงานอยู่ที่ห้องส่วนตัวหรือว่ากลับไปแล้ว ความรู้สึกผิดผสมน้อยใจทำให้เขาไม่กล้าสู้หน้าอีกฝ่าย ถึงจะรู้ดีว่าขี้ขลาด แต่เขาก็ไม่อยากถูกไรอันโกรธมากไปกว่านี้ถ้าเผลอพูดไม่เข้าหูหรือทำอะไรไม่เข้าตาอีก

จะว่าไป..ยังเจ็บท้องไม่หายเลยแฮะ

เมื่อลงไปถึงชั้นจอดรถใต้ดินและเข้านั่งในรถแล้ว ณรงค์จึงค่อยโยนเสื้อแจ็คเก็ตไว้ที่เบาะข้างๆ แล้วเลิกชายเสื้อขึ้นดู ไฟที่มืดสลัวในชั้นจอดรถใต้ดินทำให้เขาไม่เห็นชัดเจนว่าบริเวณที่ถูกต่อยเริ่มคล้ำหรือยัง แต่พอเอามือลูบไปก็รู้สึกเจ็บตรงที่ถูกกำปั้นได้ชัดเจนราวกับเพิ่งจะโดนต่อยมาหมาดๆ

ถ้าหากพรุ่งนี้ลาป่วยเพราะสาเหตุว่าช้ำใจที่ถูกแฟนต่อย สงสัยโดนฝ่ายบุคคลหมายหัวเวลาพิจารณาโบนัสปลายปีแน่...

ณรงค์คิดพลางยิ้มกับตัวเองอย่างขื่นๆ จากนั้นก็เข้าเกียร์ออกรถเพื่อกลับคอนโด ตอนแรกเขากะไว้ว่าถ้าหากไรอันยอมไปดินเนอร์กับเขา เขาจะพาอีกฝ่ายไปหาร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ที่ไหนสักแห่งทานข้าวเย็นด้วยกัน ไม่แน่ก็อาจจะเป็นร้านที่เจ้าตัวชอบไปประจำเพราะไรอันค่อนข้างจะเลือกกิน แต่ดูเหมือนว่าต่อให้คืนนี้เขาโทรไปขอโทษก็อาจจะไม่ได้ช่วยกู้สถานการณ์ก็เป็นได้

สองข้างถนนที่เขาขับผ่านหลังออกมาจากบริษัทมีแม่ค้าเข็นรถเข็นหรือวางกระจาดขายกุหลาบทั่วไป ส่วนใหญ่จะเป็นกุหลาบสีแดงสดกับสีชมพู มีทั้งแบบดอกใหญ่เดี่ยวๆ และแบบที่ถูกจัดเป็นช่อและมีดอกไม้เล็กๆ สีขาวแซม ตอนที่รถติดไฟแดงณรงค์ก็คิดกับตัวเองอยู่ว่าจะไขกระจกลงแล้วตะโกนซื้อดอกไม้สักช่อดีไหม แต่พอคิดได้ว่าถึงซื้อมาก็คงไม่ได้ให้คนที่อยากให้ และเผลอๆ จะยิ่งทำให้จิตตกมากขึ้นไปอีก ณรงค์ก็เปลี่ยนใจและขับรถตรงกลับคอนโดโดยไม่แวะที่ไหนเลย

หลังจากถอยรถเข้าจอดในที่ประจำ ชายหนุ่มก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อกล้ามสำหรับอยู่ที่ห้อง ตอนนี้รอยคล้ำจากกำปั้นของไรอันเริ่มเป็นร่องรอยเห็นได้ชัดเจน และณรงค์ก็คงไม่แปลกใจเลยหากร่องรอยนั้นจะอยู่กับเขาไปทั้งอาทิตย์ เพราะหมัดที่ไรอันส่งมานั้นน่าจะมาเต็มแรงจริงๆ

ไม่รู้ว่าตอนอยู่ที่ออสเตรเลียเรียนมวยไทยไว้ด้วยหรือไง ถึงได้หมัดหนักเป็นบ้า...

ณรงค์คิดกับตัวเองแบบขำไม่ออก อย่างน้อยถึงจะถูกปฏิเสธถ้าหากชวนออกไปทานดินเนอร์ด้วยกันก็เรื่องหนึ่ง แต่การโดนคนที่ชอบต่อยเอาในวันวาเลนไทน์นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจดจำไว้เล่าให้ใครฟังแน่ๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาชอบคนคนนั้นมากด้วย

ชายหนุ่มนั่งดูโทรทัศน์ได้สักพักก็ลุกเข้าไปตั้งหม้อน้ำบนเตาไฟฟ้าในครัว ความหิวแต่ขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้าทำให้เขาตั้งใจว่าจะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินแทนการเดินลงไปหาซื้ออาหารข้างล่าง แต่ยังไม่ทันจะเปิดตู้หยิบซองบะหมี่ออกมา เสียงโทรศัพท์มือถือที่เขาวางไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ก็แผดเสียงดังลั่น

ใครโทรมากัน ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะคุยหรอกนะ ต่อให้เป็นที่บ้านโทรมาก็เถอะ...

ณรงค์มาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว โดยบ้านที่ต่างจังหวัดมีพ่อกับแม่เลี้ยงและน้องฝาแฝดชายหญิงอาศัยอยู่ น้องทั้งสองอายุห่างจากเขาพอสมควรเพราะพ่อแต่งงานใหม่หลังแม่เขาเสียได้หลายปีและเขาอายุสิบสี่แล้ว ดังนั้นตอนนี้เจ้าตัวป่วนทั้งสองจึงเพิ่งจะขึ้น ม.ปลายเท่านั้น แต่ณรงค์ก็ค่อนข้างสนิทกับทั้งคู่ดีเพราะช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ

ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นพลางหวังว่าคนที่โทรมาคงไม่ใช่หนึ่งในแฝดที่จะอวยพรให้เขามีแฟนเร็วๆ เพราะตอนนี้เขาคงไม่มีอารมณ์จะคุยเล่นสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ ณรงค์ก็รีบกดรับสายทันที

“รั...ไรอัน? มีอะไรเหรอ?”

ณรงค์ชะงักปากทันก่อนจะออกเสียงว่า ‘รัก’ ออกไป ชายหนุ่มทั้งแปลกใจทั้งดีใจที่อีกฝ่ายโทรหาเขาก่อน บางทีอาจจะเรียกว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ เพราะปกติจะมีแต่เขาเท่านั้นที่เป็นฝ่ายโทรไปคุยด้วยหรือชวนออกไปข้างนอก

“เห็นรุ่นน้องคุณบอกว่าไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

ณรงค์ฟังแล้วคิดตามไม่ได้ในทันที แต่พอนึกออกว่าเขาบอกกับอิสราไว้เมื่อเย็นว่าไม่ค่อยสบาย ชายหนุ่มจึงค่อยหายสงสัยว่าไรอันไปฟังมาจากไหน

ว่าแต่ที่ไม่สบายน่ะ...ความจริงสาเหตุมันมาจากคุณต่างหาก...

ณรงค์ได้แต่คิด แต่แค่ไรอันโทรมาหาเขาก็ดีใจจะแย่แล้ว จะให้มามัวเอาแต่น้อยใจอย่างกับเป็นผู้หญิงได้ยังไงกัน อีกอย่างถึงจะเล่นแง่ไปไรอันก็คงไม่ง้อเขาหรอก เผลอๆ จะรำคาญแล้ววางสายเข้าให้อีกด้วย

“ก็ไม่เท่าไหร่ หลังกลับมาบ้านก็ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณที่ถาม”

ฟังดูทางการเป็นบ้า...แต่เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าหลังจากเรื่องเมื่อบ่ายแล้วเขาควรจะคุยกับอีกฝ่ายด้วยโทนแบบไหนดี เพราะเขาไม่รู้ว่าไรอันยังโกรธอยู่หรือเปล่า เสียงลมที่พ่นกระทบลำโพงจากปลายทางอย่างแผ่วเบาฟังแล้วเหมือนอีกฝ่ายถอนหายใจ

“ถ้างั้นก็แล้วไป...เอ่อ...ถ้างั้นตอนนี้คุณทำอะไรอยู่?”

“ตอนนี้เหรอ? พอดีไม่ได้หาซื้ออะไรขึ้นมากินแล้วก็ขี้เกียจกลับออกไปข้างนอก ผมเลยกำลังจะต้มมาม่ากินน่ะ”

ณรงค์ถือโทรศัพท์แนบหูไว้ขณะเดินกลับเข้าไปเพื่อต้มบะหมี่ต่อ นี่ถ้าอีกฝ่ายไม่ถามเขาก็คงลืมไปแล้วว่าตัวเองหิว แค่การได้ยินเสียงของไรอันก็มีผลกับเขามากขนาดนี้แล้วหรือนี่

“ขี้เกียจกลับออกไปข้างนอก? งั้นถ้าผมชวนคุณมากินข้าวด้วยตอนนี้ก็คงช้าไปแล้วสินะ?”

ณรงค์ชะงักมือที่กำลังฉีกซองบะหมี่เตรียมจะเทใส่หม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน เสียงของน้ำที่ร้อนจัดจนผุดเป็นฟองทำให้เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินถูก

“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?”

คราวนี้เสียงถอนหายใจจากปลายทางดังชัดเจนราวกับตั้งใจให้เขารู้ว่ากำลังถอนหายใจจริงๆ

“ผมจะชวนคุณมาดินเนอร์ไง ถือว่าเป็นการขอโทษเรื่องบ่ายวันนี้ แล้วก็...ถือซะว่าเนื่องในวาเลนไทน์อย่างที่คุณพูดเมื่อบ่ายน่ะ แต่ถ้าไม่สะดวกก็ช่างเถอะ ผมเก็บอาหารที่สั่งมาไว้กินเองวันหลังก็ได้”

ณรงค์รู้สึกเหมือนหูอื้อ ประโยคสุดท้ายยิ่งทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่าได้ยินที่ไรอันพูดถูกต้องจริงๆ

“สั่งอาหารมา? คุณหมายความว่า...ชวนผมไปดินเนอร์ที่ห้อง?”

คราวนี้เขาได้ยินปลายสายทำเสียงเหมือนเดาะลิ้นก่อนจะตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ

“Yes, unless you don’t want to. If you don’t want to come just say so.”

น้ำเสียงของไรอันบอกให้รู้ว่าจะไม่ง้อเขามากไปกว่านี้ ณรงค์จึงรีบปิดเตาและตอบเสียงละล่ำละลัก “ไปสิไป ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยว่าไม่อยากไป เดี๋ยวขอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงเจอกัน”

“You’d better come before the food gets cold.”

หนุ่มลูกครึ่งพูดจบก็วางสายโดยไม่รอฟังคำตอบ แต่ณรงค์ก็ไม่คิดเล็กคิดน้อยอีกแล้ว ชายหนุ่มเอาหนังสติ๊กมารัดซองบะหมี่แล้วโยนเข้าตู้เย็น จากนั้นก็รีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องนอน ตอนแรกเขาหยิบกางเกงแสล็คที่นานๆ จะใส่ทีเพราะปกติใส่ยีนส์ไปทำงานออกมาจากตู้เสื้อผ้า แต่แล้วก็นึกได้ว่าหากอีกฝ่ายสั่งอาหารมาทานที่ห้อง ไรอันเองก็คงจะไม่ได้แต่งตัวหรูเหมือนจะไปทานอาหารข้างนอกเหมือนกัน สุดท้ายจึงเพียงหยิบกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำตาลอิฐออกมาใส่ จากนั้นก็เพียงแต่สวมแจ็คเก็ตลำลองที่ชอบใส่ประจำทับเท่านั้น

ใจเต้นแรงชะมัด...แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูก ‘เชิญ’ ให้เข้าไปในห้องของไรอันเลยนี่นา จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงกัน...

ณรงค์มองกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกที จากนั้นก็หยิบพวงกุญแจและกระเป๋าสตางค์ก่อนจะเดินออกจากห้อง คราวนี้สีหน้าของเขาแจ่มใส ตัดกับใบหน้าหมองคล้ำตอนที่เพิ่งกลับมาจากออฟฟิศเมื่อตอนเย็นโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มออกจากลิฟต์ที่ชั้นหนึ่งแล้วก็กำลังจะออกไปที่ลานจอดรถ แต่หางตาพลันเหลือบไปเห็นร้านดอกไม้ซึ่งเช่าที่อยู่บนชั้นหนึ่งซึ่งดูเหมือนเจ้าของกำลังจะปิดร้าน จึงเปลี่ยนทิศทางแล้วรีบสาวเท้ายาวๆ ไปเลื่อนบานประตูกระจกออกทันที

“ขอโทษนะครับ ผมขอซื้อดอกไม้ก่อนจะปิดร้านได้ไหมครับ?”


++------++


ราวเกือบหนึ่งชั่วโมงถัดมา ณรงค์ก็มาถึงคอนโดของไรอันจนได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตอนกลางคืนรถจะต้องมาติดเอาในคืนที่คู่รักทั้งหลายฉลองเทศกาลเลียนแบบตะวันตกแบบนี้ด้วย

ณรงค์รู้ดีว่าถึงจะบ่นไปก็เท่านั้น เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะทำตัวแตกต่างจากคนอื่น ก็ไม่ใช่เพราะเป็นคืนนี้หรือเขาถึงได้อยากใช้เวลากับไรอันเป็นพิเศษทั้งที่ปกติจะนัดกันเฉพาะวันหยุด หลังจากที่ยามหน้าทางเข้าด้านล่างโทรขึ้นไปที่ห้องของไรอันเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นแขกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบจริง ยามคนเดินก็ใช้คีย์การ์ดเปิดประตูให้เขา และณรงค์ก็ต้องพยายามบังคับตัวเองไม่ให้วิ่งเข้าไปที่ลิฟต์เพื่อจะได้ไปหาไรอันที่ห้องเร็วๆ เพราะนี่เขาก็มาเลทกว่าเวลาที่บอกไว้เป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว

เมื่อกี้ก็เมสเสจมาบอกแล้วว่ารถติด อย่างน้อยไรอันก็คงเข้าใจน่า...

ณรงค์ยืนเคาะเท้าข้างหนึ่งขณะรอลิฟต์อย่างอดทน ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายอยู่ชั้นที่ยี่สิบเขาคงจะวิ่งขึ้นบันไดไปแล้ว หลังจากประตูลิฟต์เปิดออกณรงค์ก็รีบก้าวเข้าไปข้างในและกดเลขชั้นที่ต้องการทันที เขาเคยมาส่งไรอันถึงหน้าห้องสองสามครั้งจนจำได้แม่นว่าห้องอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน เมื่อประตูลิฟต์เปิดบนชั้นที่ต้องการ ณรงค์ก็เดินเลี้ยวด้วยความคุ้นเคยไปยังหน้าห้องซึ่งติดหมายเลขที่เขาจำได้ขึ้นใจ

ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาวพลางจัดเสื้อแจ็คเก็ตให้เข้าที่ จากนั้นก็เอามือที่ถือช่อดอกไม้ซ่อนไว้ข้างหลังพลางยกอีกมือขึ้นเพื่อเตรียมจะกดกริ่ง แต่ปลายนิ้วยังไม่ทันได้สัมผัสกับปุ่มเรืองแสงสีเขียวอ่อน ประตูไม้สีขาวก็เปิดออกจากด้านในเสียก่อน เมื่อไรอันยื่นหน้าออกมาเห็นณรงค์ที่ยืนทำหน้าแปลกใจก็ยิ้มอ่อนๆ ให้

“You’re late.”

ประโยคนั้นฟังแล้วเหมือนจะต่อว่า แต่น้ำเสียงกับสีหน้าของคนพูดบอกให้รู้ว่าไม่ได้ติดใจเอาความมากนัก ณรงค์จึงค่อยยิ้มตอบบ้าง จากนั้นก็เดินตามเข้าไปด้านในโดยพยายามไม่ให้อีกฝ่ายเห็นช่อดอกไม้ที่เขายังถือซ่อนไว้ข้างหลัง แต่แน่นอนว่าการวางแขนที่ผิดสังเกตนั่นไม่มีทางรอดพ้นสายตาของคนที่เห็นได้อยู่แล้ว

“นั่นอะไรน่ะ?”

“หือ? เอ่อ...นี่ ผมซื้อมาให้”

ณรงค์รู้สึกเหมือนตัวเองย้อนกลับไปสู่สมัย ม.ต้นที่ซื้อดอกกุหลาบให้เพื่อนผู้หญิงที่ชอบเป็นครั้งแรก นั่นเป็นสมัยที่เขายังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเกย์ และเขาก็ชอบเธอคนนั้นจริงๆ เพียงแต่นั่นเป็นปั๊บปี้เลิฟเท่านั้น และกุหลาบที่เขาซื้อให้อีกฝ่ายก็เป็นกุหลาบสีแดงดอกไม่ใหญ่นักดอกเดียว ไม่เหมือนกับช่อกุหลาบใหญ่เบ้อเริ่มที่อัดไปด้วยกุหลาบสีแดงเบอร์กันดีดอกใหญ่ยี่สิบกว่าดอกในมือเขาตอนนี้

“ขอบคุณ...เกิดมาผมไม่เคยได้กุหลาบช่อใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย”

ไรอันดูจะตกใจอยู่บ้างที่เขาซื้อกุหลาบมาให้ช่อใหญ่ถึงขนาดนี้ อีกฝ่ายไม่ปิดบังเลยสักนิดว่าเคยได้รับช่อดอกไม้จากคนอื่นมาก่อนด้วยการพูดเปรียบเทียบแบบนั้น แต่อย่างน้อยการที่บอกว่าช่อที่ได้จากเขาใหญ่ที่สุดก็ทำให้ณรงค์ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“พอดีผมซื้อจากร้านที่ใต้คอนโดก่อนออกมาน่ะ ตอนแรกเขาจะปิดร้านอยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยอยากขายผมเท่าไหร่ ผมเลยขอเหมากุหลาบที่เหลือทั้งหมดในร้านมาเลย”

หนุ่มลูกครึ่งยกช่อดอกกุหลาบขึ้นดม ปกติแล้วกุหลาบดอกใหญ่จะกลิ่นไม่หอมแรงเท่ากุหลาบที่ดอกเล็กๆ แต่เมื่อถูกนำมาจัดรวมกันเยอะขนาดนี้ กลิ่นหอมจากเกสรจึงค่อนข้างจะเข้มข้นจนสูดกลิ่นได้ไม่ยาก ณรงค์รู้สึกว่าหัวใจกระตุกเมื่อเห็นประกายทอยิ้มในแววตาสีน้ำตาลอ่อนที่เหลือบมองเขาผ่านช่อกุหลาบ

“เอ้อนี่ ผมอุ่นอาหารไว้แล้วล่ะ ถอดแจ็คเก็ตคุณพาดไว้บนโซฟาก่อนก็ได้ ห้องครัวอยู่ทางนี้”

ไรอันพูดแล้วก็หมุนตัวเดินเข้าไปในครัวโดยถือช่อดอกไม้ไปด้วย ณรงค์จึงเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายสวมกางเกงขายาวสีเขียวขี้ม้ากับเสื้อยืดแขนสามส่วนสีขาว เขาจึงถอดแจ็คเก็ตลำลองแล้วพาดบนโซฟาตามที่อีกฝ่ายบอก จากนั้นจึงก้าวเข้าไปในห้องครัวตามอีกฝ่าย ด้านในห้องล้วนสะอาดสะอ้านไม่ว่าจะมองไปทางใด แต่ณรงค์ก็ไม่ค่อยแปลกใจเพราะรู้ว่าไรอันมีแม่บ้านที่คอยมาทำความสะอาดให้ทุกสองวัน

“จริงสิ เมื่อกี้นี้คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่หน้าห้อง?”

ณรงค์เอ่ยพลางหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในครัว ผนังด้านหนึ่งเจาะเป็นช่องกรุกระจกเอาไว้ทำให้มองเห็นแสงไฟภายนอกและท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ ไรอันใส่ถุงมือจับของร้อนก่อนจะเปิดเตาแล้วหยิบไก่อบที่อุ่นไว้ออกมา ความร้อนทำให้เห็นไอสีขาวลอยกรุ่นเช่นเดียวกับกลิ่นหอมที่โชยไปทั่วห้อง

“ผมเดาเอา เพราะปกติหลังขึ้นลิฟต์จากชั้นล่างมาที่ห้องผมก็ใช้เวลาประมาณนี้ โชคดีว่าพอลองดูที่ช่องตาแมวก็เห็นคุณยืนอยู่พอดี”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2011 14:11:51 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ไรอันเอ่ยพลางวางถาดไก่อบที่มีผักสารพัดชนิดอบวางอยู่รอบๆ ลงบนโต๊ะอาหารซึ่งมีตะกร้าขนมปังกับแก้วไวน์วางอยู่แล้ว จากนั้นก็หันกลับไปเปิดตู้เย็นหยิบถาดสลัดออกมา จากนั้นเจ้าของห้องก็เดินหายออกไปจากครัวครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับโถแก้วทรงสี่เหลี่ยมเตี้ยๆ ที่ภายในมีเทียนสีขาวทรงลูกบาศก์วางอยู่ หลังจากวางเทียนนั้นลงกลางโต๊ะและหยิบที่จุดไฟมาจุดเทียนแล้ว ไรอันก็เดินไปหรี่แสงไฟในห้องครัวลงก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามณรงค์

“พอดีผมมีเพื่อนเปิดร้านอาหารก็เลยโทรไปสั่งให้เขาช่วยเอามาส่งให้ ของหวานเป็นช็อกโกแลตมูสก็เลยแช่ตู้เย็นไว้ก่อน ผมไม่รู้ว่าที่คุณตั้งใจจะชวนผมไปดินเนอร์น่ะจะบรรยากาศประมาณไหน แต่แค่นี้คงพอชดเชยที่ผมต่อยคุณไปได้บ้างนะ?”

ณรงค์อ้ำอึ้งพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่กำลังเกิดต่อหน้าเขาในตอนนี้มันดียิ่งกว่าดินเนอร์ที่ร้านหรูไหนๆ ที่เขาเคยคิดไว้เสียอีก ทุกอย่างที่เขาได้เห็นและสัมผัสตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องทำให้เขาอดนึกว่าตัวเองฝันอยู่ไม่ได้ แต่พอลองเอามือลูบท้องดูก็พบว่ายังเจ็บไม่หาย แสดงว่าเขากำลังตื่นอยู่และกำลังจะทานดินเนอร์กับไรอันจริงๆ

“ยิ่งกว่าชดเชยอีก นี่มันเกินความคาดหมายของผมเลยล่ะ”

ไรอันยิ้ม แสงนวลตาจากไฟที่ถูกหรี่ไว้และเทียนหอมบนโต๊ะทำให้เกิดแสงเงาบนหน้าอีกฝ่าย ส่งผลให้ใบหน้าคมเข้มของหนุ่มลูกครึ่งดูอ่อนโยนกว่าปกติ เจ้าของห้องลุกขึ้นยืนอีกครั้งแล้วก็ใช้มีดกับส้อมอันใหญ่ค่อยๆ แล่ไก่อบแล้วตักใส่จานให้เขา จากนั้นก็รินไวน์แบบ sparkling ใส่แก้วทรงสูงให้ ก่อนที่ไรอันจะเดินกลับไปข้างนอกอีกครั้งแล้วเปิดแผ่นซีดีเพลงจากเครื่องเสียงที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยระดับความดังที่ช่วยสร้างบรรยากาศได้เหมือนอยู่ในร้านอาหารพอดี

“เป็นอะไรไป? อาหารของร้านเพื่อนผมไม่อร่อยเหรอ?”

หลังจากทั้งคู่นั่งทานกันได้สักพัก ไรอันก็สังเกตเห็นว่าณรงค์ทานอาหารได้ไม่กี่คำจึงถามขึ้น ณรงค์จึงรีบส่ายหน้า เพราะความจริงแล้วเขากำลังตื้อตันกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้ บวกกับมัวแต่มองหนุ่มลูกครึ่งอยู่ต่างหาก

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ผมแค่...ผมคงดีใจมากไป”

ณรงค์ตอบรับตรงๆ ทำให้ไรอันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะทานอาหารต่อ ยิ่งได้เห็นท่าทางผ่อนคลายของคนตรงหน้าซึ่งต่างจากเมื่อตอนบ่ายที่ดูจะหงุดหงิดง่ายกับทุกเรื่อง ณรงค์ก็ยิ่งไม่อยากละสายตามากขึ้นไปอีก

ทำไมคุณถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ...มีใครเคยบอกหรือเคยรู้ตัวบ้างหรือเปล่า...

หลังจากทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ณรงค์ก็ช่วยไรอันเก็บจานชามไปวางในอ่างล้างและเอาไก่ที่เหลือเก็บในกล่องพลาสติกและแช่ตู้เย็น จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงทานช็อกโกแลตมูสที่ประดับด้วยผลราสเบอรี่สดลูกใหญ่กับซอสราสเบอรี่ด้วยกัน รสหวานอมเปรี้ยวของราสเบอรี่ช่วยขับความโดดเด่นของรสช็อกโกแลตมูสที่ค่อนข้างขม แต่ก็เข้ากันและทำให้ทานแล้วไม่เลี่ยนได้เป็นอย่างดี เมื่อทานของหวานกันหมดและดื่มไวน์ตามแล้ว ณรงค์ก็ทำท่าจะลุกเก็บจานและส้อมเพื่อไปวางในอ่างอีกครั้ง แต่ไรอันกลับรั้งแขนเขาไว้เสียก่อน

“ไม่ต้องหรอก ปล่อยไว้อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่บ้านก็มาทำความสะอาดอยู่ดี”

ไรอันเอ่ยแล้วก็พยักหน้าไปทางห้องนั่งเล่น เป็นสัญญาณบอกเขาว่าให้ออกไปนั่งที่โซฟาด้วยกัน ภายในห้องนั่งเล่นที่ขนาดกว้างกว่าห้องของณรงค์นิดหน่อยถูกหรี่ไฟเอาไว้เหมือนกับในครัว หนุ่มลูกครึ่งไม่ลืมหยิบเทียนบนโต๊ะอาหารกับช่อกุหลาบติดมือไปวางที่โต๊ะหน้าโซฟาด้วย จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟายาวข้างๆ ณรงค์ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองสบตากันนิ่งๆ ครู่หนึ่งก่อนไรอันจะขมวดคิ้ว

“Are you alright?”

ณรงค์กะพริบตา และเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขานั่งจ้องไรอันเงียบๆ นานเกินไปแล้ว

“ขอโทษที ผมว่าผมคงสำลักความสุขจนไม่รู้จะพูดอะไรอยู่น่ะ”

ชายหนุ่มตอบตามตรง ทำให้คนถามหัวเราะ ไรอันนั่งเอียงตัวมาทางเขาโดยพับขาข้างหนึ่งไว้ใต้ขาอีกข้าง จากนั้นก็หยิบช่อกุหลาบช่อใหญ่บนโต๊ะขึ้นมาวางไว้บนตัก ณรงค์มองภาพนั้นแล้วนึกอยากเป็นคนที่ได้นอนหนุนตักอีกฝ่ายเสียเอง

“ขอบอกก่อนว่าผมยังไม่หายโกรธคุณเรื่องเมื่อบ่ายนี้นะ”

ไรอันเอ่ยโดยที่สายตายังจับอยู่บนช่อกุหลาบ ส่วนมุมปากก็ยังคงยิ้มน้อยๆ ขณะที่พูด แต่ณรงค์ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายความเช่นนั้นจริงๆ

“ผมขอโทษ ตอนนั้นผมก็ไม่ทันคิด ทั้งเวลาทั้งสถานที่มันไม่เหมาะจริงๆ น่ะแหละ”

ณรงค์เอ่ยพลางหลุบตาลงมองปลายเท้าตัวเอง ชายหนุ่มได้ยินเสียงถอนหายใจจากที่นั่งอยู่ข้างๆ หางตาของเขาเห็นไรอันลูบมือข้างหนึ่งไปบนพลาสติกที่ใช้ห่อช่อกุหลาบไปด้วย

“ผมเองก็ผิดที่เผลอใส่อารมณ์กับคุณ ผมรู้นะว่าผมมีปัญหาที่เวลาเครียดเรื่องงานแล้วจะควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ แต่ตอนนั้นคุณก็ช่างชวนหาเรื่องเหลือเกินนี่นา”

ณรงค์กลืนคำถามว่า ‘ใครกันแน่ที่ชวนหาเรื่อง’ กลับลงคอได้ทันก่อนจะเผลอเอ่ยออกมา ไม่อย่างนั้นบรรยากาศที่กำลังดีอยู่ตอนนี้อาจจะเสียเอาได้ เขาไม่อยากให้นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้เข้ามาในห้องของไรอันหรอกนะ

“ผมขอโทษอีกทีก็แล้วกัน ต่อไปจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”

“แบบไหน?”

คนถูกถามหันหน้าไปมองคนถาม ไม่แน่ใจว่าได้ยินคำถามถูกหรือเปล่า เพราะไรอันก็น่าจะเข้าใจภาษาไทยพอที่จะรู้ว่าเขาหมายถึง ‘แบบไหน’ แท้ๆ

ณรงค์อ้ำอึ้ง ไรอันสบตากับเขาแล้วก็ยิ้ม จากนั้นหนุ่มลูกครึ่งก็หยิบช่อกุหลาบวางไว้บนโต๊ะอย่างเดิมก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้คนตัวสูงกว่ามากขึ้น ณรงค์เลิกคิ้วอย่างงุนงงเมื่ออีกฝ่ายยื่นแขนสองข้างมาโอบรอบคอเขาไว้แล้วโน้มหน้าเข้ามาหา

“Did you mean, like this?”

ณรงค์ไม่มีโอกาสได้ตอบ เพราะว่าไรอันโน้มคอเขาเข้าหาแล้วก็แนบริมฝีปากลงมา กลีบปากนุ่มขบบนริมฝีปากของเขาเบาๆ ก่อนที่ปลายลิ้นสีชมพูจะแลบออกไล้ไปบนมุมปากของเขา จากนั้นก็ยื่นผ่านเข้ามาหาไออุ่นในช่องปากของเขาราวกับจะแก้แค้นเรื่องเมื่อตอนบ่ายที่ถูกทำอยู่ฝ่ายเดียว

“อืม...”

ณรงค์ทำได้เพียงส่งเสียงในคอ รู้สึกราวกับในหูได้ยินแต่เสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเองแทนเสียงดนตรีจากแผ่นซีดี ไรอันเลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นแนบแก้มเขาไว้แล้วไล้ไปมาเบาๆ จนณรงค์เผลอสูดหายใจแรง ร่างสูงโปร่งขยับตัวเข้าหามากขึ้นจนแทบจะนั่งตัก ก่อนที่มือข้างนั้นจะเลื่อนต่ำลงทาบบนแผ่นอกของเขาและดันณรงค์ให้เอนหลังลงบนโซฟา โดยที่ตลอดเวลานั้นริมฝีปากของทั้งสองไม่ได้ผละจากกันเลย

รสขมอมหวานของช็อคโกแลตมูสกับราสเบอรี่ยังติดอยู่บนปลายลิ้นของไรอันจางๆ เช่นเดียวกับกลิ่นจากไวน์ sparkling อ่อนๆ เมื่อตั้งตัวได้หลังจากหายตกใจ ณรงค์ก็เริ่มตวัดปลายลิ้นตอบอีกฝ่ายบ้าง น้ำหนักของร่างที่นอนทับอยู่ด้านบนทำให้ชายหนุ่มเจ็บตรงบริเวณที่ถูกต่อยอยู่บ้าง แต่ถ้าหากพูดหรือแสดงท่าทีว่าเจ็บออกไปแล้วจะทำให้ความหอมหวานที่กำลังได้ลิ้มรสหยุดลง ณรงค์ก็คิดว่ายอมทนเจ็บนิดๆ หน่อยๆ ไปเสียดีกว่า

จากที่ตอนแรกไรอันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตอนนี้ณรงค์ตามทันและเริ่มเป็นฝ่ายจูบอีกฝ่ายบ้างจนยากจะบอกว่าใครรุกใคร แต่ณรงค์กลับสังหรณ์ว่าถ้าหากเขาจะทำมากไปกว่านี้ ไรอันคงจะไม่ปฏิเสธ

ชายหนุ่มไล้มือใหญ่ข้างหนึ่งขึ้นวางบนต้นคออีกฝ่าย ไม่แรงเหมือนกับจะกดให้ก้มลงหา แต่เหมือนเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายหยุดมากกว่า จากนั้นณรงค์ก็เลื่อนมืออีกข้างลงต่ำและสอดเข้าไปลูบแผ่นหลังเนียนผ่านชายเสื้อยืดสีขาวที่ไรอันปล่อยชายไว้นอกกางเกง ความอบอุ่นและตึงแน่นที่ได้สัมผัสทำให้ณรงค์ยิ่งอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกของเขาที่กำลังพลุ่งพล่านให้อีกฝ่ายได้รู้มากกว่านี้

“อื้มมม...wait.”

ไรอันยื่นมือหนึ่งลงไปจับมือของณรงค์ที่กำลังทำท่าจะสอดลงใต้ขอบกางเกงไว้ จากนั้นหนุ่มลูกครึ่งก็ยันตัวขึ้นบนศอกข้างหนึ่ง ถึงแม้ในห้องจะมีเพียงแสงสลัวจากไฟที่หรี่ไว้และเทียนที่อยู่บนโต๊ะ แต่ณรงค์ก็เห็นได้ชัดว่าผมหยักศกของอีกฝ่ายยุ่งไปหมด ขณะเดียวกันนัยน์ตาที่มองเขาก็ฉ่ำเยิ้ม ส่วนริมฝีปากเริ่มบวมแดงนิดๆ และดูราวกับมีหยาดน้ำเคลือบบางๆ แล้วยังไม่นับอาการหายใจหอบซึ่งสะท้อนผ่านมาทางแผ่นอกที่ทับอยู่บนอกของเขาอีก

ณรงค์พยายามจะขยับมือข้างที่โดนจับยึดไว้เพื่อเข้าหาเป้าหมายตามเดิม แต่ไรอันยึดมือเขาไว้แน่นแล้วก็ถามเสียงเข้ม

“พกถุงยางมาหรือเปล่า?”

คำถามนั้นทำเอาณรงค์เลิกพยายามจะขยับมือ เพราะเขาไม่คิดว่าจะถูกขัดจังหวะด้วยวิธีนี้ แต่ท่าทางอ้ำอึ้งของเขาก็ทำให้ไรอันยิ้ม หนุ่มลูกครึ่งจึงดึงมือของณรงค์ที่จับไว้แล้วจับให้วางบนหลังของเขาเฉยๆ แทน

“ไม่มีล่ะสิ ถ้าอย่างนั้นก็เสียใจด้วย ผมคงให้คุณทำอย่างที่ต้องการในคืนนี้ไม่ได้”

ไรอันเอ่ยแล้วก็เอียงหน้าลง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงจนกึ่งๆ นอนทับบนตัวเขา แต่นอกจากนั้นแล้วก็ไม่ได้แสดงท่าทางยั่วยวนให้เขาตบะแตกอีก แต่ณรงค์ก็รู้ว่านี่คือวิธี ‘เอาคืน’ ของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย

ปัดโธ่เอ๊ย....แบบนี้มันเหมือนแมวที่มีปลายื่นมาให้ถึงปากแต่กินไม่ได้ชัดๆ!

ณรงค์นึกอยากโขกหัวตัวเองแรงๆ ก็เขาไม่ได้คิดมาก่อนว่าดินเนอร์คืนนี้มันจะดำเนินมาไกลถึงขนาดนี้ได้นี่นา รู้อย่างนี้เขาซื้อถุงยางพกติดตัวไว้ตั้งแต่เริ่มคบกับไรอันเสียก็ดี เอ๊ะ...แต่ถ้าอย่างนั้น...แปลว่าหากครั้งต่อไปเขามีถุงยางติดตัวตอนที่สถานการณ์เป็นใจแบบนี้อีก ไรอันจะตอบตกลงเขาแต่โดยดีหรือเปล่าน่ะ...

ราวกับจะอ่านใจเขาออก เพราะจู่ๆ ไรอันก็เอ่ยออกมาโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเขาเลยด้วยซ้ำ

“Don’t even think about it. You won’t get lucky that often.”

ณรงค์ฟังแล้วก็พ่นลมหายใจแรงๆ อย่างขัดใจ แล้วก็รู้สึกได้ว่าคนที่นอนทับอยู่บนตัวหัวเราะจนอกกระเพื่อม ณรงค์จึงได้แต่หลับตาอย่างปลงๆ แล้วลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายไปมา

เอาเถอะ ยังไงก็พลาดไปแล้ว รอโอกาสที่ไรอันจะใจอ่อนใหม่ก็แล้วกัน สำหรับเวลานี้...ได้แค่นี้ก็ดีถมเถ...

ทั้งสองนอนเงียบฟังเสียงหายใจของกันและกันรวมทั้งเสียงเพลงไปเรื่อยๆ ดูเหมือนแผ่นซีดีที่ไรอันเปิดจะเป็นแผ่นรวมเพลงฮิตจากหลายๆ ยุคไว้รวมกัน เพราะหลายเพลงที่ได้ยินก็เป็นเพลงที่ณรงค์รู้จัก ทันใดนั้นท่อนดนตรีของเพลงหนึ่งที่เขาชอบมากเป็นการส่วนตัวก็ดังต่อจากเพลงที่เพิ่งจบลง


When it's love you give
(I'll be a man of good faith.)
Then in love you live.
(I'll make a stand. I won't break.)
I'll be the rock you can build on,
Be there when you're old,
To have and to hold.
When there's love inside
(I swear I'll always be strong.)
Then there's a reason why.
(I'll prove to you we belong.)
I'll be the wal that protects you
From the wind and the rain,
From the hurt and pain.


“เพลง All For Love นี่นา”

เสียงรำพึงของณรงค์ทำให้ไรอันเงยหน้าขึ้นมองเขา คางของอีกฝ่ายซึ่งอยู่บนอกและขยับไปมายามที่พูดทำให้ณรงค์จั๊กกะจี้แต่ก็อบอุ่นใจอย่างประหลาด

“รู้จักเพลงนี้ด้วยเหรอ?”

ณรงค์แกล้งหรี่ตา “รู้จักสิคุณ บ้านผมไม่ได้ฟังแต่ลูกทุ่งนะ Bryan Adams น่ะศิลปินโปรดผมเลยจะบอกให้”

“พ่อผมก็ชอบ Bryan Adams คุณนี่ชอบฟังเพลงเหมือนพ่อผมเลย”

ไรอันแกล้งพูดแล้วก็เอียงหน้าลงซบอกเขาเหมือนเดิม ณรงค์จึงขมวดคิ้วขณะพยายามคิดตาม นี่เขากำลังโดนหาว่ารสนิยมเหมือนคนแก่อยู่หรือเปล่านะ? แต่ดูเหมือนไรอันจะเดาได้อีกแล้วว่าเขาคิดอะไร อีกฝ่ายจึงหัวเราะก่อนจะไถแก้มกับอกเขาไปมา

“ผมล้อเล่นน่ะ Bryan Adams is my favorite too.”


Let's make it all for one and all for love.
Let the one you hold be the one you want,
The one you need,
'Cause when it's all for one it's one for all.
When there's someone that should know
Then just let your feelings show
And make it all for one and all for love.

When it's love you make
(I'll be the fire in your night.)
Then it's love you take.
(I will defend, I will fight.)
I'll be there when you need me.
When honor's at stake,
This vow I will make:


ทั้งสองนอนฟังเพลงกันท่ามกลางแสงสลัวและกลิ่นหอมจางของเทียนหอมไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งไรอันก็ยกมือขึ้นปิดปากหาว

“I’m tired. ขอผมงีบหน่อยนะ ถ้าคุณอยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ปลุกผมแล้วกัน”

พูดจบแล้วอีกฝ่ายก็หลับตาแล้วนอนนิ่ง ไม่นานณรงค์ก็ได้ยินเสียงหายใจขึ้นจมูกเป็นจังหวะเบาๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายหลับสนิทแน่นอน ทำเอาเขาแทบไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะทำให้ตื่น และอดชื่นชมไม่ได้ที่อีกฝ่ายสามารถหลับได้ขณะที่นอนทับอยู่บนตัวคนอื่นแบบนี้ แต่ดูท่าคืนนี้เขาคงจะไม่ได้หลับได้นอนเสียแล้ว

และที่สำคัญ...เล่นพูดทิ้งท้ายเอาไว้แบบนั้น...แล้วเขาจะกล้าปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้ยังไง...

ณรงค์หลับตาแหงนหน้าแล้วพ่นลมหายใจทางปากเบาๆ นึกอยากทำโทษหนุ่มลูกครึ่งนักที่ป่วนจนทำเอาเขาทั้งจิตตกสุดๆ และปลาบปลื้มดีใจสุดๆ ได้ในเวลาเพียงวันเดียว แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย และสิ่งที่เขาได้รับเป็นการชดเชยเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ณรงค์ก็คิดว่าคุ้มสุดๆ แล้วที่โดนชกไปตอนนั้น

เสียงเพลงยังคงดังขับกล่อมจากลำโพงอย่างไม่สะดุด เช่นเดียวกับลมหายใจอุ่นๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอของไรอันที่เขารู้สึกได้ผ่านเสื้อยืดที่ใส่ และแม้จะผิดหวังนิดหน่อยที่ 'อด' ทำในสิ่งที่ต้องการ แต่เขาก็จะมีความสุขกับช่วงเวลานี้ที่อีกฝ่ายอนุญาตให้เขาชิดใกล้ให้มากที่สุด

เพราะไม่ว่าจะอย่างไร นั่นก็ทำให้เขามีรักไว้เโอบกอดในคืนวาเลนไทน์นี้นี่นา...


That it's all for one and all for love.
Let the one be the one you want,
The one you need,
'Cause when it's all for one it's one for all.
When there's someone that should know
Then just let your feelings show
And make it all for one and all for love.

Don't lay our love to rest
'Cause we could stand up to you test.
We got everything and more than we had planned,
More than the rivers that run the land.
We've got it all in our hands.

Now it's all for one and all for love.
(It's all for love.)
Let the one you hold be the one you want,
The one you need,
'Cause when it's all for one it's one for all.
(It's one for all.)
When there's someone that should know
Then just let your feelings show.
When there's someone that you want,
When there's someone that you need
Let's make it all, all for one and all for love.


++---END---++


จบแล้วๆ วู้ปี้!!! หวังว่าอารมณ์คงไม่ค้างกันแล้วนะคะ เห็นมั้ยว่าคนเขียนน่าร้ากกกกกก~ จะตายไป ว่าแล้วใครมี bitter chocolate ส่งมาทางนี้เร้ว  o13

ปล. เกือบลืม เพลง All For Love ที่ขอยืมเนื้อมาประกอบช่วงท้ายเรื่อง ขับร้องโดย Rod Stewart, Bryan Adams และ Sting ค่ะ รุ่นใหญ่ทั้งนั้นแต่เพลงเพราะนะเออ ตามไปฟัง + ดู MV ได้ที่ลิ้งนี้ค่า http://www.youtube.com/watch?v=ofA3URC1wyk
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2011 14:27:49 โดย bellbomb »

kakuro

  • บุคคลทั่วไป

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ไรอัน ใจร้ายจัง หมัดหนักด้วย
(เม้นท์สำหรับตอนก่อนนี้)
สงสัยรู้สึกผิดเนอะ เลยชวนมาทานข้าวน่ะ
ว่าไป ก็ ๆ ไม่ร้ายเท่าไรหรอกเนอะ อิ อิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-02-2011 14:32:42 โดย yayee2 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณริน Dark Chocolate (ชื่อนี้ถูกใจเราจริงๆ555++)
เราไม่ค้างเท่าไรหรอกนะ แต่คุณรงค์สิค้าง.... :jul3:
คุณรินใจร้าย :serius2:(คุณรงค์ฝากต่อว่า)
รอดอกหญ้าเด็ดดอกฟ้า :L1:

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ก๊าก.........ทำไมพระเอกเรื่องนี้ดูน่าสมเพชจัง
ประมาณว่ารักหลงมาก เพียงแค่เจ้าชายตามองสักนิดก็แทบน้ำตาไหล  ฮ่าๆ   :pandalaugh:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ขอบคุณคุณริน Dark Chocolate (ชื่อนี้ถูกใจเราจริงๆ555++)
เราไม่ค้างเท่าไรหรอกนะ แต่คุณรงค์สิค้าง.... :jul3:
คุณรินใจร้าย :serius2:(คุณรงค์ฝากต่อว่า)
รอดอกหญ้าเด็ดดอกฟ้า :L1:


คุณ kakuro อ๊ายยยย ริน DarkChocolate อะไรจะเรียกแล้วเห็นภาพตัวจริง ชัดเจน แจ่มแจ๋วไปทุกเมลานินขนาดเน้ นั่นมันสีผิวที่ได้มาแต่ต้นตระกูลเลยนะค้า ก๊ากกกกก

ว่าแต่ใครว่าคนเขียนใจร้าย ไม่จริ๊งไม่จริงเด็ดขาด ใครใช้ให้คุณพระเอกเธอไม่รู้จักยืดอกพกถุงล่ะ อดรับประทานแบบนี้มาว่าคนเขียนกับน้องรักไม่ได้นะเอ้อ 5555
   :m20:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
คุณรักช่างใจแข็งจริงๆเลย

แต่ในความแข็งนี้ก็มีความอ่อนโยนซุกซ่อนอยู่

รงค์ค้นเจอแล้ว ก็พยายามต่อไป

หวานอมขม รักรสช็อคโกแล็ต

ขอบคุณน้องรินมากจ้า บวกไปอีก 1 จึ๊ก สำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์

 :L1:
สุขสันต์วันแห่งความรักและทุกวันจ้า

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
คุณรักช่างใจแข็งจริงๆเลย

แต่ในความแข็งนี้ก็มีความอ่อนโยนซุกซ่อนอยู่

รงค์ค้นเจอแล้ว ก็พยายามต่อไป

หวานอมขม รักรสช็อคโกแล็ต

ขอบคุณน้องรินมากจ้า บวกไปอีก 1 จึ๊ก สำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์

 :L1:
สุขสันต์วันแห่งความรักและทุกวันจ้า


ขอบคุณค่าพี่น้ำตาล ^^
ความจริง สารภาพว่าที่คิดไว้ตอนแรกก่อนจะเขียนจะต่างไปจากนี้นิดหน่อย แต่พอเริ่มเขียนจริงๆ มู้ดมันดันพามาแบบนี้วุ้ย เขียนไปก็ขำ + เห็นใจณรงค์ไป แต่เพื่อพิชิตใจหนุ่มลูกครึ่ง ณรงค์คงต้องอดทนต่อไปอีกนิดละ (จนกว่าคนเขียนจะได้มาต่อให้ หุหุหุ)

ปล. ถึงพี่น้ำตาลและนักอ่านท่านอื่นๆ หวังว่าเมื่อวานคงมีวันวาเลนไทน์ดีๆ กันนะคะ
  :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






kakuro

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:คุณริน
วันวาเลนไทน์เมื่อวานดีกว่าคุณณรงค์แน่ๆเพราะไม่มีค้าง :laugh3:
ปล.ตอนต่อไปจะมาเมื่อไรจ๊ะ ความจริงคุณเชษฐ์ก็ค้างนะ สงสารนายเอกคุณรินแต่ละเรื่องจัง ค้างนานๆๆๆ... :laugh:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
:z13:คุณริน
วันวาเลนไทน์เมื่อวานดีกว่าคุณณรงค์แน่ๆเพราะไม่มีค้าง :laugh3:
ปล.ตอนต่อไปจะมาเมื่อไรจ๊ะ ความจริงคุณเชษฐ์ก็ค้างนะ สงสารนายเอกคุณรินแต่ละเรื่องจัง ค้างนานๆๆๆ... :laugh:


หือ? แอร๊ยย์ อิจฉาคุณ kakuro  :fire:  ว่าแต่ฝั่งนายเอกคงไม่รู้สึกค้างเท่าไหร่มั้งคะ คนค้างน่าจะเหล่าพระเอกมากกว่า กร๊ากกกก (คุณเชษฐ์กับณรงค์คงอยากวางแผนส่งระเบิดขู่มาให้คนเขียนละ ป่านนี้ ว่าแต่ตอนต่อไปเมื่อไหร่ดีเนี่ย??)   :jul3:


Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2011 01:27:31 โดย Little Devil »

lunar

  • บุคคลทั่วไป
ยินดีที่ได้รู้รัก+รงค์เช่นกัน :L1:


ขอบคุณไรท์เตอร์ค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตั้งใจว่าจะเขียนตอนสงกรานต์ให้คู่นี้ซะหน่อย กว่าจะได้เริ่มจริงก็หมดวันหยุดซะแล้วแถมยังเขียนไม่จบอีก ไงเอาครึ่งแรกไปก่อนละกันนะค้าทุกคน  :try2:

ความเดิมสองตอนที่ผ่านมา: ณรงค์ซึ่งทำงานในบริษัทสถาปนิกแห่งหนึ่งมีเหตุให้เริ่มสนิทสนมกับเจ้านายลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียที่อายุน้อยกว่า โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มขึ้นในคืนวันคริสต์มาสอีฟ เพราะณรงค์ช่วยพาไรอันที่เมาไม่รู้เรื่องออกจากบาร์เกย์กลับไปที่คอนโด จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มคบกันและพัฒนาความสัมพันธ์มากขึ้นในวันวาเลนไทน์ แต่กระนั้นก็ยังไม่ถึงขั้นที่ณรงค์ต้องการอยู่ดี แล้วสงกรานต์นี้เขาจะได้เผด็จศึกหรือไม่!? โปรดติดตาม!!! (รู้สึกว่าเป็นการเท้าความที่ขุดหลุมฝังตัวเองพิกล ยังไงอ่านขำๆ อย่าซีเรียสละกันนิ)  :laugh:


********************

ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอน ควันหลงสงกรานต์

เสียงสายพานของลู่วิ่งไฟฟ้าในฟิตเนสกลางเมืองแห่งหนึ่งค่อยๆ ชะลอลง เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของร่างสูงใหญ่ที่เปลี่ยนจากวิ่งมาเดินเพื่อคลายกล้ามเนื้อหลังจากวิ่งมามากกว่าหนึ่งชั่วโมง สิบนาทีต่อมาณรงค์ก็ลงจากสายพานและคว้าผ้าขนหนูที่พาดไว้บนราวขึ้นมาซับเหงื่อบนหน้า

“ฮู่ววว”

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจยาวทางปากขณะเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย หลังจากเอาของที่ต้องการออกจากล็อคเกอร์แล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระคราบเหงื่อไคลหลังจากออกกำลังกายมาร่วมสองชั่วโมง เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็หยิบกระเป๋าและเดินออกจากฟิตเนสโดยพยักหน้าทักทายพนักงานที่เคาน์เตอร์หน้าทางออกด้วย

จะสี่โมงแล้ว...ไรอันบอกว่างานเลี้ยงจะเสร็จก่อนห้าโมงนิดหน่อย ยังไงโทรถามก่อนดีกว่าว่าพร้อมจะให้ไปรับหรือยัง...

ณรงค์ดูนาฬิกาข้อมือพลางคิดในใจ จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปในร้านกาแฟใกล้ทางเข้าฟิตเนสเพื่อซื้อกาแฟเย็น วันนี้เป็นวันอาทิตย์ก็จริง แต่ลูกค้าที่มาฟิตเนสและร้านกาแฟต่างบางตา ซึ่งอาจเป็นเพราะหลายคนลางานเพื่อไปเที่ยวกันตั้งแต่ก่อนวันหยุดยาวประจำปีใหม่ไทยแล้ว

ณรงค์วางกระเป๋าลงบนโต๊ะว่างตัวหนึ่งก่อนจะเดินไปสั่งกาแฟ หลังจ่ายเงินเรียบร้อยและกำลังยืนรอกาแฟที่สั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์ มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ส่งเสียงดังขึ้น พอเขาหยิบขึ้นดูก็พบว่าเป็นหมายเลขของบ้านที่กาญจนบุรี

“ฮัลโหล?”

“รงค์เหรอลูก? ทำอะไรอยู่จ๊ะ?”

เสียงอันคุ้นเคยของแม่เลี้ยงทักมาตามสายอย่างอบอุ่น ณรงค์จึงยิ้มขณะยื่นมือไปรับกาแฟเย็นที่พนักงานยื่นให้และเดินกลับไปที่โต๊ะ

“เพิ่งมาออกกำลังที่ฟิตเนสครับน้าหนิง เดี๋ยวเย็นนี้มีนัดไปกินข้าวกับเพื่อนต่อน่ะครับ”

เนื่องจากพ่อของณรงค์แต่งงานกับแม่เลี้ยงตอนที่เขาเรียน ม.ต้นและรู้ความพอแล้ว ณรงค์จึงไม่ได้เรียกแม่เลี้ยงว่าแม่แต่เรียกว่าน้า แต่กระนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่มีปัญหาเพราะณรงค์เป็นคนปรับตัวง่าย เขาจึงเข้ากับแม่เลี้ยงและน้องฝาแฝดชายหญิงที่เกิดห่างเขาหลายปีได้ดีทีเดียว
“เหรอจ๊ะ พอดีพ่อเราเขาฝากให้มาเตือนว่าอยากให้รงค์กลับบ้านช่วงสงกรานต์ เพราะเมื่อตอนปีใหม่ก็พลาดไปครั้งนึงแล้ว นี่ศรกับสาก็บ่นคิดถึงพี่ชายเหมือนกัน”

ณรงค์ยิ้มแห้งๆ แม้ว่าปลายสายจะไม่เห็น เพราะว่าเมื่อตอนปีใหม่เขาไม่ได้กลับบ้านทั้งที่สัญญาไว้เพราะมีงานของลูกค้าที่ต้องปรับแบบกะทันหัน เขาในฐานะซีเนียร์ดีไซเนอร์ที่รับผิดชอบโปรเจ็คต์นั้นจึงต้องทำงานที่ออฟฟิศข้ามปีอย่างไร้ทางเลือก

“คราวนี้กลับแน่นอนครับน้าหนิง แต่คงจะไปเช้าวันที่สิบสามเพราะวันที่สิบสองออฟฟิศผมยังไม่ปิดเลย คงไปถึงบ้านตอนสายๆ บอกศรกับสาด้วยแล้วกันว่าผมจะซื้อขนมไปให้”

“งั้นก็ดีจ้ะ แล้วรงค์มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษมั้ย? น้าจะได้เตรียมของทำไว้ให้ เราไม่ได้กินกับข้าวฝีมือน้านานแล้วนี่นา”

ชายหนุ่มหัวเราะขณะเกี่ยวกระเป๋าขึ้นคล้องบนไหล่ซ้ายที่ถือแก้วกาแฟ จากนั้นก็ใช้ศอกขวาที่ถือโทรศัพท์ดันประตูออกเพื่อเดินไปที่ลานจอดรถ

“น้าหนิงทำอะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละครับ แต่ว่ามีต้มกะทิสายบัวกับหลนปูเค็มด้วยก็ดี ที่กรุงเทพหากินอร่อยๆ ไม่ค่อยได้เลย”

“ต้มกะทิสายบัวกับหลนปูเค็มนะ ได้เลย ถ้างั้นก็ขับรถมาดีๆ นะ แล้วเดี๋ยวเจอกันวันที่สิบสามจ้ะ”

ณรงค์เปิดประตูเข้านั่งในรถแล้วโยนกระเป๋าไว้ด้านหลัง ขณะเดียวกันก็พลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบเอ่ยก่อนอีกฝ่ายจะวางสาย “น้าหนิงครับ ฝากบอกพ่อว่าผมจะพาเพื่อนไปด้วยอีกคนนะครับ เดี๋ยวให้นอนห้องเดียวกับผมก็ได้”

“อื๋อ? เพื่อนเหรอ? ได้สิ แล้วน้าจะเตรียมที่นอนเผื่อไว้ให้แล้วกันนะ”

ณรงค์กำลังจะตอบว่าไม่เป็นไรแต่หยุดไว้ทัน เพราะถ้าบอกที่บ้านว่าคนที่จะพาไปด้วยคือแฟนเขาเองเดี๋ยวจะแตกตื่นกันเสียหมด อีกอย่างก็ไม่แน่ว่าไรอันจะยินยอมนอนเตียงเดียวกับเขา และที่สำคัญ...เขายังไม่ได้ถามเจ้าตัวเลยว่าอยากไปบ้านเขาหรือเปล่า

“ครับ งั้นเดี๋ยวเจอกันครับน้าหนิง ฝากสวัสดีพ่อกับเจ้าสองตัวนั่นด้วย”

หลังจากวางสาย ณรงค์ก็กดหาหมายเลขของไรอันแล้วกดโทรออก เขาหยิบกาแฟเย็นมาดูดอึกหนึ่งระหว่างรอสาย ไม่นานก็ได้ยินเสียงตอบรับ

“ฮัลโหล?”

“ผมพร้อมจะไปรับแล้วนะ งานเลี้ยงของเพื่อนคุณจบหรือยัง?”

“ก็คงอีกไม่นานหรอก คุณมาเลยก็ได้ ถึงแล้วโทรเข้ามือถือผมอีกทีแล้วกัน”

“โอเค”

ณรงค์วางสายก่อนจะวางแก้วกาแฟและสตาร์ทรถ พอออกมาพ้นจากเงาของลานจอดก็พบว่าแดดภายนอกแรงจนต้องหยิบแว่นกันแดดมาสวม โชคดีว่าการจราจรที่ค่อนข้างโล่งทำให้เขาขับรถได้แบบสบายๆ

นับตั้งแต่เขากับไรอันเริ่มคบกันจนกระทั่งทำให้ความสัมพันธ์ชัดเจนขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์ พวกเขาก็มักจะนัดเจอและใช้เวลาด้วยกันแทบจะทุกวันหยุด เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นการนัดกันออกไปทานข้าวหรือดูหนังกันข้างนอกมากกว่าอยู่ที่ห้อง และความจริงแล้วไรอันก็มีรถและขับไปทำงานเองทุกวัน แต่สำหรับวันหยุดนั้นณรงค์เป็นคนออกปากเองว่าอยากเป็นคนไปรับไปส่ง ดังนั้นหากอีกฝ่ายออกไปข้างนอก เขาก็ต้องตามไปรับเช่นเดียวกับในวันนี้

ส่วนสาเหตุที่วันนี้ไรอันไม่ได้อยู่ที่คอนโดของเจ้าตัว ก็เพราะว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของสถานทูตออสเตรเลียซึ่งรู้จักกันได้จัดงานเลี้ยงน้ำชายามบ่ายที่บ้าน และได้เชิญเพื่อนฝูงที่รู้จักไปร่วมงานด้วย ตอนแรกไรอันก็ถามเขาแล้วว่าจะไปด้วยไหม แต่ณรงค์คิดว่าถึงเขาไปก็คงไม่สนุกเพราะไม่รู้จักใคร จึงขอตัวและค่อยไปรับหนุ่มลูกครึ่งทีหลังดีกว่า

ยี่สิบนาทีต่อมาณรงค์ก็ถึงที่หมาย ชายหนุ่มชะลอรถจอดเมื่อถึงหน้ารั้วบ้านตามหมายเลขที่ไรอันบอกไว้ จากนั้นก็โทรศัพท์เข้าไปหาหนุ่มลูกครึ่งอีกทีเพื่อบอกว่าเขามาถึงแล้ว ไม่นานคนที่รอก็เดินมาขึ้นรถและปิดประตูตามอย่างไม่ออมแรง

“Stupid bunch of useless trash.”

ชายหนุ่มหลังพวงมาลัยเลิกคิ้วหลังได้ยินคำสบถจากคนที่นั่งข้างๆ ไรอันเหลือบตามองเขาแล้วเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรไปจึงรีบแก้ตัว

“ขอโทษ ผมไม่ได้หมายถึงคุณ เราไปกันเถอะ”

“อืม”

ณรงค์ไม่ได้ถามต่อและเพียงแต่ออกรถ เพราะรู้ว่าถึงไม่ถามเดี๋ยวไรอันก็คงเล่าให้ฟังเองเพราะอีกฝ่ายเป็นคนตรงไปตรงมา และผ่านไปไม่ถึงห้านาที หนุ่มลูกครึ่งก็บ่นออกมาจริงๆ

“ผมไม่ได้ชอบมางานเลี้ยงของพวกเอ็กซ์แพทแบบนี้หรอกนะ ผมก็รู้อยู่หรอกว่าที่นี่ไม่เหมือนกับออสเตรเลีย แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างมันแย่ไปซะหมด ถ้าพวกเขาเจอกันทีไรก็เอาแต่บ่นเรื่องเมืองไทยกับคนไทยก็ไม่น่าจะมาที่นี่ตั้งแต่แรก What a bunch of moronic losers.”

ณรงค์ยิ้ม เพราะเขาเคยได้ยินไรอันเล่าให้ฟังมาก่อนแล้วว่าพวกคนต่างชาติที่มาทำงานหรือใช้ชีวิตที่เมืองไทยนานๆ เวลาเจอกันจะชอบนินทาเรื่องผู้คนหรือสังคมที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่เคยไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ณรงค์ก็คิดว่าสังคมคนไทยในต่างประเทศคงไม่ต่างกันเท่าไหร่

“ผมดีใจที่คุณไม่เหมือนพวกเขานะ”

ณรงค์หันไปบอกคนที่นั่งข้างๆ เพราะการที่ไรอันไม่ร่วมวงนินทากับคนอื่นก็แปลว่าไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตที่นี่ อีกสาเหตุหนึ่งก็อาจเป็นเพราะที่นี่คือบ้านเกิดของแม่ซึ่งเป็นชาวไทยแต่ตอนนี้ไปอาศัยอยู่ที่ออสเตรเลียด้วย หนุ่มลูกครึ่งสบตาเขาผ่านเลนส์แว่นกันแดดที่ณรงค์ใส่อยู่ จากนั้นสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อครู่ก็ดูจะดีขึ้นบ้าง

“ผมคุณยังไม่แห้งเลย”

ไรอันทักพลางยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยไรผมบนหน้าผากของณรงค์ให้ คนถูกทักจึงยิ้ม เขาไม่รู้ว่าไรอันรู้ตัวหรือเปล่าว่าเริ่มใส่ใจรายละเอียดของเขามากขึ้นจากที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยสนใจ และความเย็นชาที่มีให้เขาเวลาอยู่ออฟฟิศก็เริ่มลดลง แม้ทั้งคู่จะยังไม่ได้ออกตัวหรือบอกกับเพื่อนร่วมงานว่ากำลังคบกันก็ตาม และณรงค์ก็คิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่บอก ไม่อย่างนั้นหลายคนคงได้พากันให้ความสนใจพวกเขาจนน่ารำคาญแน่ๆ

“พอดีผมอาบน้ำหลังออกกำลังเสร็จก็ออกมาเลยน่ะ ว่าแต่เย็นนี้คุณอยากไปกินข้าวที่ไหน?”

ณรงค์ถามหลังจากออกมาสู่ถนนใหญ่ได้สักพัก เพราะเรื่องร้านอาหารนั้นเขายกให้ไรอันตัดสินใจทุกครั้งเพราะอีกฝ่ายค่อนข้างจะเลือกกิน ต่างกับเขาที่กินอะไรก็ได้ แต่ถ้าให้เลือกณรงค์ก็ชอบอาหารไทยบ้านๆ ที่สุดอยู่ดี

“ไปร้านเดียวกับเมื่ออาทิตย์ก่อนก็แล้วกัน เขามีอาหารให้เลือกเยอะดี”

ณรงค์พยักหน้ารับแล้วก็หักเลี้ยวรถเพื่อไปยังร้านดังกล่าว โชคดีที่ร้านนั้นมีทั้งอาหารไทยและเทศ ณรงค์จึงรู้ว่าอย่างน้อยก็มีเมนูที่เขาสั่งมาทานโดยไม่รู้สึกเลี่ยนได้แน่ๆ และบางทีที่ไรอันเลือกร้านนั้นก็อาจเพราะคิดเผื่อตรงนี้ให้เขาก็เป็นได้

หลังจากทั้งสองทานมื้อเย็นกันเสร็จก็เดินเล่นย่อยอาหารตามร้านเสื้อผ้าและเครื่องใช้ในบ้านกันอีกเล็กน้อย ขณะที่กำลังเดินดูโคมไฟแต่งบ้านในร้านเฟอร์นิเจอร์ด้วยกัน ณรงค์ก็เอ่ยถามไรอันขณะที่อีกฝ่ายกำลังพิจารณาโคมไฟตั้งโต๊ะที่ทำจากเรซินหลากสีอันหนึ่งอยู่

“ช่วงหยุดสงกรานต์นี้ผมจะกลับบ้านที่กาญจนบุรีนะ”

ไรอันเหลือบตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะวางโคมไฟในมือลงบนชั้น จากนั้นก็หยิบโคมไฟที่วางถัดไปขึ้นมาดูใกล้ๆ “I remember. คุณเคยบอกผมแล้ว”

ณรงค์ยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษซึ่งเขาไม่ค่อยทำบ่อยนัก “Do you want to come with me?”

“หือ?”

หนุ่มลูกครึ่งหันมองเขาเต็มตาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม ณรงค์จึงหยิบโคมไฟในมือไรอันไปวางที่เดิมก่อนจะถามอีกครั้งเป็นภาษาไทย

“ผมอยากชวนคุณไปเที่ยวที่บ้าน ยังไงช่วงหยุดยาวนี้คุณก็ไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่คุณนี่นา ถ้างั้นก็ไปบ้านผมแทนก็ได้ พ่อกับแม่เลี้ยงผมใจดีนะ”

เพียงแต่ไอ้เจ้าน้องฝาแฝดอาจจะซนแล้วก็ชอบสาระแนไปหน่อย....ณรงค์คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา จากนั้นก็ยืนสบตากับไรอันนิ่งระหว่างรอคำตอบ เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจึงหลุบตาลงนิดหนึ่ง

“แต่นั่นมันช่วงเวลาที่คุณควรจะได้ใช้กับครอบครัวไม่ใช่เหรอ? ผมอยู่คนเดียวได้หรอกน่ะ สงกรานต์ปีที่ผ่านมาผมก็อยู่กรุงเทพคนเดียวเหมือนกัน”

หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยพลางหมุนตัวออกเดินไปตามชั้นวางที่เรียงรายไปด้วยโคมไฟตั้งโต๊ะหลากขนาด ณรงค์จึงรีบสาวเท้าตามและคว้าข้อมือข้างหนึ่งไว้

“ก็ปีที่แล้วนั่นผมกับคุณยังไม่สนิทกันนี่ ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก นี่ผมก็บอกแม่เลี้ยงไว้แล้วว่าจะพาเพื่อนไปด้วย ถ้าหากคุณไม่ไปผมก็แย่สิ”

“How’s that my problem?”

ไรอันหยุดเดินแล้วหันกลับมาหรี่ตาถาม แต่ณรงค์ก็ไม่ได้ปล่อยมือ จริงอยู่ว่าอีกฝ่ายลดความเย็นชาที่มีให้กับเขาลงมากแล้ว แต่บางครั้งก็ยังทำตัวเหมือนไม่อยากสนิทสนมกับเขามากเกินไป บางทีอาจเป็นเพราะยังไม่คิดว่าจะลงหลักปักฐานที่เมืองไทยไปตลอด จึงไม่อยากจะถลำลึกกับเขามากเกินไปก็เป็นได้

ยิ่งอยากหนียิ่งต้องตาม...

ณรงค์คิดในใจ และเพียงแต่ยิ้มอ่อนๆ ขณะสบตาหนุ่มลูกครึ่งกลับ “ผมแค่ไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียวเพราะปีนี้บริษัทเราหยุดตั้งหลายวัน อีกอย่างคุณยังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดเลยนอกจากทริปของบริษัทเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะ ถ้าไปแล้วคุณไม่ชอบจริงๆ เราไม่ต้องอยู่กันตลอดวันหยุดก็ได้”

ณรงค์ค่อยๆ ขยับมือที่จับมือของไรอันไว้แล้วสอดนิ้วเข้าไปประสานกับนิ้วของอีกฝ่าย ไรอันเม้มปากพลางหันไปมองทางอื่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้งแล้วถอนหายใจ

“Fine, I’ll go.”

ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มเมื่อได้คำตอบที่ต้องการ จึงปล่อยมือที่กุมกันไว้เมื่อครู่เพื่อให้ไรอันเลือกซื้อโคมไฟต่อแต่โดยดี และสุดท้ายหนุ่มลูกครึ่งก็ตัดสินใจซื้อโคมไฟตั้งโต๊ะทรงกลมขนาดเท่าลูกฟุตบอลที่ทำจากแก้วโมเสคสีขาวสลับน้ำเงินเป็นลายตาราง เวลาเปิดไฟแล้วแสงสีส้มที่อยู่ด้านในจะทะลุแก้วออกมาให้แสงนวลตา แต่เหมาะเอาไว้ประดับมากกว่าเอาไว้เปิดให้แสงสว่าง

เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์และทั้งสองยังต้องทำงาน ณรงค์จึงไปส่งไรอันแต่หัวค่ำทั้งที่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเท่านั้น เมื่อจอดรถที่หน้าคอนโดแล้วก็เดินตามขึ้นไปส่งที่หน้าห้องเหมือนทุกครั้ง

“งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศนะ กู๊ดไนท์”

ณรงค์เอ่ยเมื่อมาถึงหน้าห้องและไรอันไขกุญแจประตูแล้ว แต่แล้วก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อหนุ่มลูกครึ่งยื่นถุงใส่กล่องโคมไฟที่ถือมาให้

“ผมซื้อมาให้คุณนั่นแหละ Take it.”

ณรงค์ทำสีหน้าแปลกใจขณะรับโคมไฟไปถือไว้ ไรอันเห็นดังนั้นจึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ผมจำได้ว่าโคมไฟที่ห้องคุณมีแต่แบบกลมๆ สีขาวธรรมดา ดูแล้วจืดชืดไม่สมกับที่เป็นซีเนียร์ดีไซเนอร์บริษัทเราสักนิด ผมเลยซื้อนี่ให้คุณเอาไปตั้งไว้ที่ห้องไง”

“หือ? ถ้างั้นที่คุณเลือกโคมไฟอยู่ตั้งนานเมื่อกี้ก็เพื่อซื้อให้ผมเนี่ยนะ?”

ณรงค์ถามเพื่อความแน่ใจ เพราะตอนอยู่ที่ร้านด้วยกันนั้นเขาไม่เอะใจแม้แต่น้อยว่าไรอันกำลังเลือกของให้เขา เพราะนึกว่าอีกฝ่ายเพียงแต่ใช้เวลาเลือกซื้ออย่างพิถีพิถันเหมือนที่ทำเป็นปกติอยู่แล้วเสียอีก

โหนกแก้มของคนถูกถามดูจะเรื่อสีเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย แต่ไรอันก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการยักไหล่ “It’s nothing. It’s just…I have never bought you anything while you take me out to dinner every weekend, so…why not?”

ไรอันมองมาทางเขาขณะพูดก็จริงแต่กลับไม่ได้สบตาเขาเลย ณรงค์จึงได้แต่ยิ้มกว้าง ความดีใจเพราะสิ่งที่ได้จากคนตรงหน้าเอ่อล้นจนในอกพองแน่นไปหมด

“รู้ตัวหรือเปล่า ว่าเวลาคุณเขินแล้วจะชอบพูดแต่ภาษาอังกฤษใส่ผมน่ะ? แถมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยนะ”

ณรงค์ถามยิ้มๆ ขณะที่หนุ่มลูกครึ่งอ้าปากจะแย้ง แต่ก็จนด้วยคำพูดเพราะเถียงไม่ออก สุดท้ายเจ้าของห้องจึงหันกลับไปเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน

“Whatever. Go to hell.”

ถึงแม้จะฟังแล้วเหมือนคำด่า แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับฟังแล้วอ่อนแรงชอบกล ณรงค์มองประตูไม้สีขาวที่ปิดลงแล้วก็ได้แต่หัวเราะ ก็เพราะความน่ารักแบบนี้น่ะสิที่ทำให้เขาอยากผูกมัดหนุ่มลูกครึ่งไว้กับตัวเองมากขึ้นทุกที ต่อให้อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าและตำแหน่งสูงกว่าเขาก็ตาม

ว่าแต่เมื่อกี้หยอกมากไปเลยลืมทวงกู๊ดไนท์คิสเลย...อุตส่าห์ทนรอมาตั้งอาทิตย์นึง เอาไว้ตอนกลับบ้านช่วงสงกรานต์ค่อยทวงก็แล้วกัน...

 
++---TBC---++

*เอ็กซ์แพท ย่อจากภาษาอังกฤษว่า expatriate หมายถึงคนที่ไปใช้ชีวิตในต่างบ้านต่างเมือง กรณีนี้ก็พวกชาวต่างประเทศที่มาอยู่เมืองไทยนั่นแล

หวังว่าคนอ่านคงยังจำณรงค์กับไรอันได้ แล้วจะรีบเอาครึ่งหลังมาลงให้ค่า สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังทุกคนนะคะ
  :pig2:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
สุขสันต์วันสงกรานต์ :mc4:
รอลุ้นทริปเมืองกาญจน์
+1

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ชอบผลงาน พี่bellbomb จัง 55 น่ารัก

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณรินที่น่ารัก :L2:
คิดถึงนิยายคุณรินมากเลยนะ
อ่านเรื่องเก่าจนจะจำขึ้นใจอยู่แล้ว(ทีเรื่องเรียนไมเราไม่จำแม่นอย่างนี้นะ :เฮ้อ:)
ดีใจที่คุณรินมาต่อเรื่องรงค์กับรัก
รงค์จะพิชิตใจและกายของรักคงต้องพยายามมากหน่อยนะ
ถ้าเราเป็นรักก็คิดหนักนะว่ารงค์รักจริงหรือหวังอย่างอื่น หวังเป็นสะพานสู่ความก้าวหน้าและฐานะ
เอ..หรือเราจะมองโลกแง่ร้ายเกินไป
แต่ Dark Chocolate ยังติดอยู่ปลายลิ้นนะ
หวังว่าครึ่งหลังจะแฮปปี้นะคุณริน
ปล.เรายังไม่ลืมภัทรกับเชษฐ์นะ o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด