น้องมินกลับมาแว้วววว

แต่ตอนนี้ทานมาม่ากันก่อนนะครับ ร้อนๆ แต่ไม่ต้องห่วงครับ เพราะก็ยังแฮบปี้กันดีอยู่
ตอนที่5 ***************************
ผมได้แต่ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นและพยายามทบทวนทุกอย่างที่เกิดขึ้น เป็นความรู้สึกที่สับสนเต็มที ทั้งอึดอัดไม่เข้าใจ ทั้งแค้นเคืองเหมือนถูกทรยศจากความเชื่อใจของตัวเอง
แต่เรื่องอะไรจะยอมวะ มันเพิ่งขึ้นรถไปเมื่อกี๊หยกๆคงต้องกลับไปหาพี่ๆมันที่หอแน่ แล้วมึงจะรออะไรอยู่ล่ะวะ ไอ้เป้ง
ผมวิ่งกลับมาที่รถผมแล้วควบออกไปทันที เหยียบเกือบมิดจมตีนล่ะครับชั่วโมงนี้ ครู่เดียวก็มาถึงหอมันแล้ว แต่แล้วก็ต้องชะงักครับ เพราะเห็นว่ามียามนั่งเฝ้าที่หน้าประตูหอมันด้วย
" เอ้อ... โทษนะครับพี่ ผมมาหาน้องมินที่อยู่ห้อง 205 น่ะครับ ขอขึ้นไปเลยได้มั๊ยพี่ หรือไม่งั้นพี่ขึ้นไปกับผมก็ได้นะ พอดีผมมีธุระด่วนน่ะ โทรหาเค้าแล้วก็ไม่ติดสงสัยแบตหมด" ผมอ้างไปอย่างเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ พี่ยามนั่นเลยเงยหน้าจากรายการเกมโชว์ในทีวีตรงหน้ามามองผม
" ห้องไหนนะครับคุณ........!? อ่ะ เฮ้ย คุณ... คุณป้างใช่ป่ะครับเนี่ย เฮ้ย... แม่มึง ออกมาดูคุณป้างเค้าเว้ย เค้ามาถึงที่เลยว่ะ ฮ่าๆๆ"
" ไหนๆ พ่อมึง อ๊ะ.... ว้ายๆ พ่อคู้ณ ตัวจริงเหรอเนี่ย นั่นน่ะ ในทีวียังไม่หล่อเท่านี้เลย ต๊าย ไหนๆมานั่งก่อนสิคะ" เจ๊อีกคนที่ผมเดาว่าคงเป็นเมียพี่ยามร้องออกมาอย่างตื่นเต้นพลางชวนผมนั่งด้วย แล้วชี้ไปที่จอทีวีตรงนั้น
เป็นเรื่องที่ฮามากๆ เพราะไอ้รายการเกมโชว์ที่เค้านั่งดูกันอยู่นั่นมันเป็นเทปที่ไอ้ป้างมันรับเชิญมาออกรายการพอดี เลยเหมือนกับว่าพี่ยามกับเมียเค้าดูรายการอยู่ดีๆ ตัวจริงก็โผล่มาหาเลยซะงั้นอ่ะ
" เอ่อ... ขอบคุณมากนะครับพี่ แต่พอดีผมต้องรีบไปอ่ะครับ แค่ขึ้นไปหาน้องเค้าที่ชั้นสองนี่เองครับ ผมรับรองว่าจะไม่ให้มีปัญหาอะไรนะครับ อนุญาตผมหน่อยเถอะนะ แล้วผมจะตอบแทนอย่างงามเลย" ผมลองต่อรองไปอีกทีนึง
" โอ๊ย.. ได้เลยค่า ตามสบายเลยนะ แต่เดี๋ยวถ้าทำธุระเสร็จแล้วพี่รบกวนกลับมาแวะตรงนี้อีกทีนะคะ อยากได้ลายเซ็นน่ะ นะคะ" เจ๊เมียพี่ยามยิ้มแป้นแล้วอนุญาตผม
เท่านั้นแหละครับ ผมรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องมันอย่างเร็วแต่พอดีว่าได้ยินเสียงดังลั่นของน้องมินดังออกมาจากในห้องที่เปิดประตูแง้มอยู่นั้นซะก่อน ผมเลยยืนหลังแนบกำแพงอยู่ข้างประตูนั้นหวังจะดูสถานการณ์ไว้ เพราะมาถึงที่แล้ว ไอ้ตัวการมันก็อยู่แค่ในห้องนี่เอง มันคงไม่รอดเงื้อมมือผมไปได้หรอก
" ก็กูอุตส่าห์ยอมขโมยมาให้แล้วนะ มึงจะเอายังไงอีก แค่นี้พี่เค้าก็เกลียดกูจนป่านนี้เค้าคงไปแจ้งตำรวจแล้วมั๊ง" เสียงน้องมินบ่นปนสะอื้นเหมือนกับว่าร้องไห้ไปด้วย
" ก็แค่นี้มันจะได้เงินสักเท่าไหร่ล่ะวะ มึงเอาแต่ของเล็กๆมาเนี่ย เงินสดกับเครื่องเพชรเครื่องทองมันไม่มีเลยเหรอวะ" เสียงไอ้พี่ใหญ่ตัวดีของมันบ่นบ้าง
" แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ของทุกอย่างอยู่ในเซฟโน่น กูจะไปไขมาได้ยังไง แต่ถึงถ้ากูเอามาได้กูก็ไม่เอาหรอกนะ แค่นี้ก็พอแล้ว มึงจะเอาของเค้าให้หมดตัวเลยเรอะไง"
คำพูดนี้ของมินทำให้ผมเองเริ่มรู้สึกสับสนในใจขึ้นมาทันทีว่านี่มันยังไงกันแน่
" เอ๊ะ... ไอ้นี่ มึงจะบ้าเหรอไงวะ มึงเอาเค้ามาแค่นี้เค้าไม่หมดตัวหรอกน่า รวยออกอย่างนั้น ลืมไปแล้วรึไงว่าแม่รอเงินอยู่น่ะ หรือมึงอยากให้แม่ตายก่อนห๊ะ"
" ฮือๆ.. กูรู้แล้ว ไม่ต้องมาย้ำ นี่ถ้าไม่ต้องช่วยแม่นะ กูก็ไม่ต้องมาทำเลวๆแบบนี้หรอก" เสียงมินยังคงร้องไห้อยู่ ผมเลยพยายามมองลอดช่องประตูที่แง้มอยู่นั้น ก็เห็นมันนั่งก้มหน้าร้องไห้บนพื้นห้องกับพี่ชายของมัน
แล้วนี่ที่มันคุยกันว่าแม่มันจะตายเนี่ย หมายความว่ายังไงกัน แม่ของมันมาเกี่ยวข้องอะไรด้วยล่ะ แต่ผมมั่นใจนะว่านี่ไม่ใช่การจัดฉากมาหลอกอะไรผมอย่างแน่นอน เพราะมันสองคนไม่น่าจะรู้หรอกว่าเวลานี้ผมมายืนฟังมันอยู่หน้าห้องแล้ว
" เอาล่ะๆ พอ.. มึงไม่ต้องร้องแล้ว ไหนๆก็ทำไปแล้ว แค่นี้น่ะเค้าคงไม่เป็นไรหรอก เชื่อกูเหอะ"
" แมน กูว่า..... กูเปลี่ยนใจแล้วล่ะ เอาของกลับไปคืนพี่เค้าเหอะ นะๆ ไว้กูหาคนอื่นก็ได้ พี่เค้าดีกับกูมากจริงๆ แล้วกูจะตอบแทนเค้ายังงี้ได้ไง นะ... รีบเอากลับไปคืนเค้าเถอะ"
" โธ่เว้ย.... ไอ้นี่ มึงจะบ้าเหรอไง ป่านนี้เค้าไปแจ้งตำรวจเตรียมมาลากคอมึงกะกูแล้ว ไปเลย สัด... ไปเก็บของเร็วๆ ก่อนที่ตำรวจจะแห่ตามมานี่ ไป๊" ไอ้แมนตะคอกใส่น้องมินแล้วหันไปเปิดตู้เสื้อผ้า
" แต่... ไอ้แมน...."
" กูบอกให้ไปเก็บของเดี๋ยวนี้....." มันยังคงตวาดน้องมันลั่น
" ไม่... กูจะไปบอกพี่เค้า ฮือๆ..." น้องมินตะโกนออกมาแล้วลุกขึ้นเปิดประตูวิ่งออกมาจนชนกับอกผมที่ยืนขวางอยู่
" พี่ป้าง.........!?" มินเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา และจ้องหน้าผมนิ่งด้วยความตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก
" เฮ้ย...!!!! พี่...." เสียงไอ้แมนดังมาจากในห้อง เมื่อผมหันมองตามไปก็เห็นว่ามันยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ผมเลยชี้หน้ามันและคว้าแขนน้องมินไว้
" มึงไม่ต้องไปไหนเลยนะ รอกูอยู่นี่ดีๆเลย ถ้ากูกลับมาแล้วไม่เจอ มึงกะกูเห็นดีกันแน่" ผมขู่มันจนหน้ามันถอดสีด้วยความกลัว
" ส่วนเรามากับพี่" ผมว่าแล้วก็จูงมือเล็กนั้นให้เดินตามมาด้วยกัน
ในตอนนั้นผมก็มึนกับตัวเองเหมือนกันว่านี่กูทำอะไรอยู่วะ เด็กนี่มันทำขนาดนี้แล้วมึงยังต้องไปพูดดีอะไรกับมันอีกวะ
แต่พอหันไปเห็นสายตาวิงวอนที่น่าสงสารของมันเนี่ยสิ ใจผมมันละลายไปแล้ว ความโกรธความอึดอัดทั้งหลายมันไม่รู้หายไปไหนหมด ทั้งๆที่เมื่อกี๊แทบอยากบีบคอพวกมันให้ตายคามือไปด้วยซ้ำ
แค่เพราะสายตาคู่นี้เองน่ะเหรอ.........
-
-
ผมจูงมือมินลงมาจากหอ เดินผ่านหน้าหอเลยไปแต่ในหัวผมก็ยังคงว่างเปล่านึกอะไรไม่ออกอยู่ดี ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะทำอะไรเลยล่ะตอนนี้ แต่พอได้เห็นว่าที่บ้างๆทางมันมีม้านั่งยาวๆอยู่ใต้ต้นไม้ผมก็จูงน้องมันไปนั่งด้วยกัน เวลาตอนนั้นดึกมาแล้วและไม่มีคนผ่านไปมาเลยสักคน เงียบมากๆ
น้องมินยังคงร้องไห้อยู่ ผมเองก็ได้แต่นั่งนิ่งไร้คำพูดใดๆ สมองพยายามประมวลผลทุกๆอย่างอยู่
ก่อนหน้าที่จะมาถึงที่นี่ผมโกรธมันมากจริงๆ แต่จากที่ได้ฟังมินคุยกับพี่มันผมยอมรับว่าตอนนี้ผมลังเล และรู้สึกว่ามันคงจำเป็นต้องทำแบบนี้รึเปล่า ทั้งที่ใจมันไม่ได้อยากทำเลย
และตอนนี้ก็ไม่ใช่แค่ท่าทางของมันหรอกนะที่บ่งบอกผมอย่างชัดเจนว่ามันสำนึกผิดมากแค่ไหน หากแต่เป็นแววตาจากดวงตาที่ยังคงมีน้ำตาไหลอยู่นั่นต่างหาก ที่เต็มไปด้วยคำขอโทษมากมายอยู่ในนั้น
" เอาล่ะ มินพร้อมจะอธิบายให้พี่ฟังรึยังครับ" ผมเอ่ยขึ้นก่อน เมื่อเริ่มเห็นว่าน้องเริ่มหยุดร้องไห้แล้ว
" พี่.... ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วครับ" น้องมินเอ่ยขึ้นผมเลยหันไป แต่...
ตอนนั้นผมบอกตรงๆว่าผมช๊อค เพราะว่าผมไม่นึกเลยว่าจะได้มาเห็นภาพที่สะเทือนใจที่สุดอย่างนี้
มินยกมือขึ้นมาพนมกับอกเพื่อไหว้ผมพร้อมน้ำตาที่เริ่มไหลมาอีกครั้ง ซึ่งผมเห็นแล้วผมใจหายไปหมด ทั้งสงสารมัน ทั้งเห็นใจมัน จนตัวเองแทบจะน้ำตาไหลเลย
ผมเลยรั้งตัวน้องมันมากอดไว้แนบอก มินก็สะอื้นออกมาจนตัวสั่นไปหมด ขณะที่ใจผมตอนนั้นก็ยิ่งรู้สึกแย่มากขึ้นไปอีก เพราะสงสารมันมาก
" อืม... ทีนี้เล่าให้พี่ฟังนะว่าทำไมเราต้องทำแบบนี้ มีความจำเป็นอะไรเหรอ บอกพี่มาให้หมดเลยนะ ได้มั๊ย"
" แล้วพี่ไม่โกรธผมเหรอครับ" น้องมินเงยหน้ามองผม
" ก็โกรธนะ แต่พี่คิดว่าเราคงทำเพราะว่าจำเป็นใช่มั๊ย"
" ครับ ผมจำเป็นต้องใช้เงินมากเลยครับ จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว"
" เรื่องแม่เราน่ะเหรอ"
" ครับพี่ ผมต้องหาเงินให้แม่รักษาตัวครับ แม่ต้องฟอกไตตลอดเลย มันแพงมากแล้วต้องทำบ่อยๆเดือนละหลายครั้ง ไม่รู้จะหาเงินจากไหนเลยครับ ฮือๆ...." เด็กน้อยเริ่มร้องไห้ออกมาอีกแล้ว ผมยกมือปาดน้ำตาออกไปแล้วยิ้มให้
ผมไม่เคยคิดนะว่า แท้จริงชีวิตคนเรามันก็เหมือนละครน้ำเน่าๆที่บางคนชอบดูกันจนได้ ตัวเอกยากจน พ่อแม่เป็นโรคร้ายต้องหาเงินมารักษาจนต้องยอมทำทุกอย่างงั้นเหรอ ไอ้พล๊อตเรื่องสเต็ปเดิมๆแบบนี้มันน่าจะเป็นแค่ละครเท่านั้นนี่นา จะมาเป็นชีวิตจริงได้ยังไงกัน
และผมอยากจะให้นี่เป็นแค่ละครที่น้องมินมันเล่นเพื่อตบตาผมเฉยๆเพราะหวังจะเอาตัวรอดจากผมไปแค่นั้น ซึ่งผมว่าผมยอมให้มันเป็นอย่างนั้นยังจะดีซะกว่า แต่นี่ผมกลับต้องมารับรู้ว่าป่านนี้แม่ของน้องคงนอนรอความตายอยู่ที่บ้านงั้นเหรอ
ความจริงมันโหดร้ายแบบนี้เลยเหรอนี่..........
และเท่าที่ผมเห็นนั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่าน้องมันคงไม่หลอกผมแน่ จากที่มันคุยกับพี่มันเมื่อกี๊ก็ชี้ชัดแล้วมั๊งว่าคงเป็นอย่างนั้นจริงหรือถ้าให้ง่ายกว่านั้นก็ตามไปดูอาการแม่มันด้วยตัวเองเลย จะได้รู้กันไปว่าผมจะเป็นหมูให้มันต้มรึเปล่า
" พี่ป้างยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้นะครับ แล้ว......" ผมเอามือแตะที่ปากของมินไว้เบาๆให้หยุดพูดไว้แค่นั้น
" พี่เชื่อเรานะ ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ พี่ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรแล้วทั้งเราทั้งพี่ชายเรานั่นแหละ สบายใจได้แล้วนะ" ผมบอก มินก็ยิ้มนิดนึงแล้วกอดผมไว้แน่น
" ขอบคุณพี่มากๆเลยนะครับ ขอบคุณจริงๆ"
" ไม่เป็นไร พี่สงสารอยากจะช่วยเราจริงๆ ต่อไปถ้าอยากได้เงินก็มาบอกพี่แล้วพี่จะช่วย แต่ขออย่างเดียวอย่าทำแบบนี้อีกเข้าใจมั๊ยครับ"
" ครับผม ไม่ว่ายังไงผมจะไม่ยอมทำแบบนี้อีกแล้วครับ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกผิดมากจริงๆ แต่ว่า...." มินบอกแล้วก็ทำหน้าลังเล
" หือ......"
" ผมคงรับเงินจากพี่ไม่ได้หรอกครับ"
" ทำไมล่ะ"
" ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะครับ แล้วผมจะเอาเงินจากพี่ได้ยังไง" ครับ... ก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ เด็กคนนี้มันเป็นคนดีใช้ได้ รักศักดิ์ศรีตัวเองเหมือนกัน พ่อแม่เค้าคงสอนมาดี ถ้าเป็นคนอื่นน่ะเหรอ ผมว่าคงคว้าหมับเลยมั๊ง
" พี่ไม่ให้เราเปล่าๆก็ได้ แต่ให้ยืมแล้วกัน ดีมั๊ยล่ะ"
" อืม... แต่เงินตั้งเยอะเลยนะครับ ผมจะเอาปัญญาที่ไหนมาใช้คืนพี่ล่ะ"
" เอาเหอะ มันจะเยอะสักแค่ไหนกัน คงไม่ถึงกับต้องหามาใช้กันทั้งชีวิตหรอกครับ"
" แต่ว่า... เอ่อ... มันจะดีเหรอครับ" พอเจอประโยคนี้อีกผมก็หลุดขำมาเบาๆทันที น้องมันก็หน้างงๆ แต่พอนึกขึ้นมาได้มันก็ยิ้มอายๆ
" ครับ... มันจะต้องดีแน่ๆ รับรอง เชื่อพี่เถอะ ว่าง่ายๆโตไวๆนะ" ผมบอกแล้วก็เอามือลูบผมมันเบาๆ
ไม่รู้ทำไมผมของน้องมันถึงได้นิ่มสลวยน่าจับแบบนี้นะ ยังกับไปทำทรีทเม้นท์แพงๆ หรือว่าใช้รีจอยซ์วะ เออ... ไม่เกี่ยวเหอะ จะอะไรของมึงวะ ไอ้เป้ง มันไม่ใช่เวลานะเว้ย
แถมตอนนี้ผมกับมินก็นั่งชิดติดแนบกันอยู่โดยที่ผมโอบเอวมันไว้ จนผมเริ่มรู้แปลกๆขึ้นมาอีกแล้ว
ให้ตายเหอะนี่ขนาดผมรู้ทั้งรู้ว่าน้องมันเป็นผู้ชายผมยังสปาร์คได้ขนาดนี้เลยนะ ไม่อยากเชื่อจริงๆ
เฮ้อ.... แล้วอย่าทำตาวิ้งๆอย่างนี้สิว้า มองแล้วมัน........ แน่ะ.... ยังอีก
" เอ่อ...อ งั้นเดี๋ยวเรากลับไปที่ห้องมินกันเหอะนะ" ไม่ไหวครับ ผมต้องเป็นฝ่ายยอมผละออกจากที่กอดมินอยู่ซะเองทั้งที่ก็เสียดายชะมัด อยากอยู่อย่างนั้นให้นานอีกหน่อย
แต่ถ้าขืนอยู่ต่อผมคงห้ามใจตัวเองไม่ไหวแน่ นี่ผมไม่ได้หื่นนะ บอกแล้วว่าใครไม่มาเจออย่างผมก็ไม่รู้หรอก
" ได้ครับ ของๆพี่ก็อยู่ในห้องหมดเลย เดี๋ยวขึ้นไปเอาเลยนะครับ"
พอเราเดินกลับไปที่ห้องของมิน ผมก็เห็นไอ้แมนนั่งเครียดๆสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง พอมันหันมาเห็นผมมันก็รีบดับบุหรี่แล้วเดินเจี๋ยมเจี้ยมเข้ามาหา
" มึงกะกูมีเรื่องต้องคุยกัน" ผมแกล้งเอ่ยเสียงเข้มเพื่อข่มมันไว้ก่อน แต่ไม่ได้โกรธอะไรมันแล้วครับ แค่ขอวางฟอร์มไว้ซะหน่อย
" เอ่อ... ครับพี่" มันตอบหน้าเจื่อนๆ คงจะรู้สึกผิดอยู่ พลางเดินมานั่งที่หน้าเตียงกับน้องมัน ผมก็นั่งลงไปที่บนเตียงนั้นเลย
" ตกลงมึงอยากช่วยแม่มึงใช่มั๊ย" ผมบอกแล้วจ้องหน้ามัน
" เอ่อ... ครับ แม่ต้องรักษาตัว ค่าใช้จ่ายก็แพงมากๆพวกผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ เลยต้องทำแบบนี้ อย่าโกรธผมเลยนะพี่ ผมขอโทษจริงๆครับ" มันบอกแล้วก็พนมมือจะก้มมากราบที่เท้าผมอยู่แล้ว จนผมตกใจต้องรีบจับมันไว้แล้วลงไปนั่งข้างมันที่พื้น
" เฮ้ย... ไม่ต้องทำแบบนี้ กูไม่ได้ว่าอะไรแล้ว เข้าใจดีแล้วว่ะ ว่าจำเป็นจริงๆ"
" ครับ..." มันก็เงยหน้ามาสบตาผม ตามันแดงๆเหมือนจะร้องไห้อยู่แล้ว
" อืม.... ไม่ต้องพูดอะไรละ เรื่องแม่เดี๋ยวกูจัดการเอง ถ้าเค้าต้องฟอกไตก็ให้เตรียมตัวย้ายเค้ามาที่โรงพยาบาลที่นี่ได้เลย พอดีมีคนรู้จักว่ะเค้าเป็นหมออยู่ที่นั่นก็คงพอช่วยจัดการให้ได้ ส่วนเรื่องอื่นๆเดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลังนะ" ผมสรุป แต่มันก็ยังได้แต่นั่งตาปริบๆเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ผมเลยตบไหล่มันเบาๆ แล้วพูดเสียงค่อนข้างดัง
" ไม่ต้องมาเอ๋อแล้ว คืนของกูมาซะ ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ" เท่านั้นแหละครับ มันงี้สะดุ้งรีบลุกพรวดพราดไปหยิบกล่องที่น้องมินมันหอบข้าวของๆผมจากที่คอนโด เอามาส่งให้ผมทันที
" ครับๆ นี่ครับ ของทุกอย่างอยู่ในนี้หมดแล้วครับพี่" มันยังตกใจลุกลี้ลุกลนไปหมด จนผมนึกขำมันอยู่ในใจ
" เอ่อ... ผมไหว้ล่ะนะครับพี่ อย่าเอาเรื่องพวกผมเลยนะ ถ้ายังไงเอาเรื่องแค่ผมคนเดียวละกัน นะพี่ มินมันไม่รู้เรื่องหรอกครับ ผมเป็นคนสั่งให้มันทำเอง พี่อย่าเอาเรื่องมันด้วยอีกคนนะครับ ผมขอร้อง" ฟังแล้วผมชักชอบมันนะ ไอ้นี่มันแมนสมชื่อมันว่ะ รู้จักจะรักและปกป้องน้องมันยังงี้
" เออ... กูไม่เอาเรื่องหรอก กูล้อเล่น" ผมบอกยิ้มๆ
" โธ่... พี่อ่ะ ผมใจหายหมดเลย นึกว่ายังโกรธพวกผม" มันบ่นแล้วก็หันไปมองหน้ามิน น้องมันก็ยิ้มๆ
" เออ... ไม่โกรธแล้ว แต่ขอร้องมึงอย่างได้มั๊ย ต่อไปก็อย่าทำยังงี้อีกเพราะมันแรงไปว่ะ ไม่งั้นมึงอ่ะเดือดร้อนแน่ นี่ถ้าเป็นคนอื่นเค้าเอาตำรวจมาลากคอมึงแล้วนะ เข้าใจมั๊ย"
" ครับ... ผมสำนึกแล้วพี่ แค่นี้ก็เข็ดแล้วจริงๆ ไม่กล้าแล้วอ่ะ สัญญาเลยครับว่าต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วให้ยังไงก็เหอะ"
" ดี... กูจะถือว่านี่เป็นสัญญาลูกผู้ชายนะเว้ย ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นหมาละกัน"
" ครับผม ขอบคุณพี่มากนะครับ" มันเลยยกมือไหว้ผมอีกครั้ง ผมก็กอดมันไว้แล้วตบหลังมันเบาๆ
" ต่อไปมีอะไรเดือดร้อนก็มาหากู ช่วยได้กูจะช่วย แต่อย่าไปทำอะไรที่มันผิดๆอีก เข้าใจมั๊ย"
" ครับผม ขอบคุณจริงๆพี่" มันพูดด้วยเสียงที่เริ่มสั่นๆ แล้วก็หันไปกอดกับน้องมัน
ตลกดีที่ตอนนี้ผมยิ่งเอ็นดูพวกมันนะ เหมือนกับเห็นมันเป็นน้องๆผมเหมือนกัน ใช่แล้ว... ถ้าผมมีน้องก็คงดีเหมือนกันนะ
" ว่าแต่รู้กันรึเปล่าว่าไอ้ที่มึงเอามาเนี่ย รวมราคาทุกอย่างแล้วก็เป็นล้านเลยนะเว้ย จะบอกให้" ผมหันไปหยิบกล่องที่ใส่ของกลางจากคอนโดผมออกมาดู
" ห๊า... อะไรนะครับ" สองพี่น้องร้องออกมาแทบจะพร้อมกัน
" เออ.... เฉพาะนาฬิกานั่นน่ะ สิบกว่าเรือนนี้ก็เกือบล้านแล้วว่ะ กูอ่ะสะสมมานานแล้วเว้ย ของไม่ดีกูไม่เอามาสะสมให้เมื่อยหรอกว่ะบางตัวอ่ะเป็นแสนเว้ย ที่มึงเห็นน่ะ" ผมเฉลยจนพวกมันได้แต่อ้าปากค้าง
" โห... สุดๆเลยครับพี่ กลัวเลยนะเนี่ยแต่ผมไม่ได้ทำของพี่บุบสลายอะไรนะครับ" ไอ้แมนบอกผมสีหน้าหวั่นๆเหมือนกลัวผมจะเอาเรื่องมันถ้าของมีรอยบุบสลาย
" อืม... ก็ไม่เป็นไรหรอก เก็บไว้ในกล่องอย่างดีแล้วนี่ เออ... ว่าแต่ไม่เห็นไอ้เจดเลย มันไปไหนวะ"
" อ๋อ... พอดีวันนี้มันเข้างานกะดึกครับ แต่มันก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรหรอกพี่ เรื่องนี้น่ะ ผมกับไอ้มินไม่ได้บอกมันหรอก ไม่อยากให้มันมาเดือดร้อนด้วยอ่ะครับ" ไอ้แมนสรุปให้ผมฟัง
" เออ...ก็ดีแล้ว มึงทำถูกแล้วว่ะ งั้นตกลงมินจะเอายังไงครับ ยังอยากจะไปดูแลห้องให้พี่อยู่มั๊ย" ผมถามไปเจ้าตัวก็ทำสีหน้าแปลกใจ
" อ้าว... พี่ยังอยากให้ผมไปดูแลห้องให้อีกเหรอครับ ก็ผม... เอ่อ... ผมทำแบบนี้น่ะ" มินบอกแล้วก็ก้มหน้าหลบตาผม
" พี่รู้ ถึงอยากให้เราได้โอกาสแก้ตัวไง เพราะพี่ว่าเราคงคิดได้แล้วว่าที่ทำไปนั่นมันไม่ถูกจริงๆ จะว่ายังไงล่ะครับ" ผมยื่นข้อเสนอให้มันอีกครั้ง
แต่จริงๆแล้วผมอยากซื้อใจพวกมันมากกว่า รู้ดีครับว่าเสี่ยงแต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อ...
ผมยังคาใจเรื่องความรู้สึกของตัวเองที่มีกับน้องมันอยู่ว่านี่ผมยังคงชอบมันแม้จะรู้ว่ามันเป็นผู้ชายจริงๆน่ะเหรอ
เพราะงั้นโอกาสที่ผมให้มันนี้ ก็เท่ากับว่าผมให้โอกาสตัวเองด้วยเหมือนกัน
" ครับ... ผมยังอยากไปทำนะพี่ ขอบคุณมากนะครับที่ยังให้โอกาสผม รับรองผมจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเลยจริงๆ"
" ดีมาก.. งั้นเดี๋ยวพี่จะกลับล่ะ มินมากับพี่แล้วกัน ก็เอาของไปนอนค้างที่คอนโดพี่เหมือนเดิม ตามนี้นะ" ผมสรุปทุกอย่างอีกครั้ง
" พี่ครับ ผมขอบคุณพี่อีกครั้งนะครับ ขอบคุณที่ให้อภัยผมกับน้องแล้วยังให้โอกาสได้แก้ตัวอีก รู้มั๊ยพี่เหมือนพระมาโปรดพวกผมจริงๆ แล้วผมก็ไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงดีเลย" ไอ้แมนบอกผมแล้วก็ส่ายหน้าไปมาอยู่ มันคงรู้สึกอย่างนั้นจริงๆว่าไม่รู้จะตอบแทนอะไรผมได้
" อยากตอบแทนกูน่ะ ง่ายมากว่ะ"
" หือ...."
" เป็นน้องที่ดีของกู ทำตัวดีๆ ว่าง่ายๆ แค่นี้พวกมึงทำกันได้มั๊ยล่ะ กูไม่มีน้องว่ะ พอเห็นพวกมึงแล้วกูถึงได้นึกอยากจะมีน้องขึ้นมา อยากเป็นน้องกูมั๊ยล่ะ"
" พี่......." มันเอ่ยออกมาแค่นี้เหมือนตะลึงไปกับสิ่งที่ผมบอกมัน
" แต่กูไม่เคยเป็นพี่ใครกูอาจจะไม่ใช่พี่ที่ดีนะเว้ย บอกไว้ซะก่อน ทนกูหน่อยแล้วกันนะมึง หึๆ" แค่นั้นแหละครับ ไอ้แมนโผมากอดผมแล้วร้องไห้ออกมาซะตัวสั่นเลย ผมเองก็ไม่นึกว่ามันจะซาบซึ้งไปกับคำขอนี้ของผมมากอย่างนี้
" ครับพี่ ขอบคุณพี่จริงๆครับ ขอบคุณจริงๆ" มันพร่ำขอบคุณผมซ้ำๆซึ่งผมเองดีใจนะ นี่เราคงจะซื้อใจมันสองคนได้แล้วมั๊ง
ก็ได้แต่หวังอย่างนั้นแหละครับ.............................
***************************