เ้พิ่งไปเอาคอมคืนจากร้านหยกๆก็รีบมาลงให้อ่านกันเลยคร้าบ
ติดตามกันต่อเลยเนอะ
ตอนที่23 *********************************
หลังจากที่ไปส่งแม่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วผมก็รีบขับรถกลับมาที่คอนโด แต่อยู่ๆผมก็เห็นว่ามินโทรเข้ามาเลยรีบกดรับทันที
" พี่ครับ เมื่อกี๊มีผู้หญิงคนนึงโทรขึ้นมาที่ห้องด้วยครับ เค้าบอกว่าเป็นเพื่อนพี่น่ะ"
" หือ... เพื่อนพี่เหรอครับ" ผมก็งงดิ ว่าเพื่อนคนไหน
" ครับ เค้าถามว่าพี่อยู่รึเปล่า ผมก็บอกว่าพี่ออกไปข้างนอก ทีนี้เค้าเลยถามว่ามินเป็นใครทำไมมารับโทรศัพท์ได้"
" เหรอครับ แล้วมินว่าไงอ่ะครับ"
" ผมก็บอกเค้าว่าเป็นเด็กแม่บ้านทำความสะอาดน่ะครับ เห็นว่ามีโทรศัพท์เข้าเลยรับให้ก่อน เค้าก็ไม่ได้ถามอะไรอีก" หึๆ ฉลาดดีมากๆครับ ที่รักของพี่
" แล้วเค้าบอกรึเปล่าครับว่าเค้าโทรขึ้นมาถามหาพี่ที่ห้องทำไม ทำไมไม่โทรมาที่มือถือล่ะ"
" เค้าไม่ได้บอกอะไรเลยครับแล้วก็วางไปเลย"
" ชื่อก็ไม่ได้บอกเหรอครับ" ผมถามน้องย้ำอีกที
" ครับ พอผมบอกว่าพี่ไม่อยู่เค้าก็วางไปเลย" เอาล่ะสิ มึงเอ๊ย เฮ้อ... ใจไม่ดีเลยเว้ย อะไรอีกวะเนี่ย
แต่แล้วไอ้ที่สังหรณ์อยู่ก็เป็นจริงจนได้ พอผมขับรถมาจอดแล้วเข้าไปในล๊อบบี้คอนโดก็เจอเจ้าของเสียงที่โทรขึ้นไปที่ห้องจนได้ นี่เล่นมานั่งรอกันอยู่ที่นี่อีกแล้วเหรอวะเนี่ย
" แพท....!?"
" เป้งคะ แพทมารอคุณอยู่นานแล้ว" แพทลุกขึ้นทำหน้าจ๋อยๆอย่างน่าสงสาร
" มีอะไรอีกล่ะครับ ผมว่าเราก็คุยกันไปรู้เรื่องแล้วนะ" ผมบอกแล้วก็หันมองซ้ายขวานิดนึงอ่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นข่าวอีก
" แพทอยากมาขอโทษเรื่องวันนั้นค่ะ แพทไม่ดีเองแหละที่ทำไปอย่างนั้น ไม่นึกว่าจะทำให้คุณกับป้างต้องเสียหายไปด้วย"
" ช่างมันเถอะครับ งั้นคุณกลับไปเถอะถ้าไม่อยากให้อะไรๆมันแย่ไปกว่านี้อีกน่ะ"
" เดี๋ยวสิคะ คือวันนี้น่ะแพทแค่อยากมาขอโทษคุณและขอบอกว่าแพทจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว เราแค่กลับมาเป็นเพื่อนกันก็ได้ค่ะ เป้งให้อภัยแพทอีกสักครั้งได้มั๊ย" ผมฟังแล้วก็อึ้งๆไปหน่อยนึงด้วยความแปลกใจ ทำไมทีนี้จะยอมเป็นเพื่อนง่ายๆหว่า
" เอ่อ... ก็... ถ้าแพทคิดอย่างนั้นจริงผมก็ให้อภัยได้ครับ แต่ขอร้องล่ะ คุณอย่าทำแบบนั้นอีกนะ แค่นี้แหละครับ"
" ค่ะ... ขอบคุณมากที่ยังให้อภัยแพทได้ ต่อไปเราจะเป็นเพื่อนกันนะคะ" แพทบอกแล้วก็เหมือนจะเดินเข้ามากอดผมอีก แต่ผมไม่ไหวคงต้องถอยหนีก่อนว่ะ
" ครับๆ ผมตกลงตามนั้น มีอะไรอีกมั๊ยครับ ไม่งั้นเดี๋ยวผมคงต้องขอตัวล่ะ ไว้วันหลังเราค่อยคุยกันอีกที โอเคนะครับ" ผมบอกแล้วก็รีบชิ่งไปทันที แต่ก็เห็นท่าทางของแพทแค่ยิ้มๆ มาแปลกเว้ยเฮ้ย หรือว่าเธอจะคิดได้แล้วจริงๆวะเนี่ย
ก็ขอให้เป็นยังงั้นละกัน...................
-
-
หลังจากที่ผมเปิดตัวมินกับแม่ไปแล้วผมก็เริ่มสืบเรื่องเกี่ยวกับนามสกุลที่ผมคุ้นเคยมากของน้องทันที เพราะช่วงก่อนนี้ก็มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องนั้นเรื่องนี้มากมาย เริ่มจากลองค้นจากกูเกิ้ลนี่แหละ
ก็ไม่นึกว่าจะได้เงื่อนงำในทันที เพราะผลจากที่ผมเสิร์ชดูก็พบว่านามสกุลนี้เป็นนามสกุลของนักเขียนนักวิจารณ์ท่านนึงของวงการอาหารนั่นเอง ถึงได้รู้สึกคุ้นๆเพราะอาจารย์ท่านนี้ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากพอสมควร แม้จะไม่มาก ก็น่าคิดนะครับ อาจจะเป็นไปได้มั๊ยว่าคนๆนี้มีความเกี่ยวข้องเป็นญาติทางแม่ของมิน
" อืม... แม่ก็ไม่เคยเล่าให้ผมฟังหรอกครับว่ามีญาติคนอื่นอีก" ลองถามน้องดู มินก็บอกผมมาแบบนี้
" ครับ งั้นพี่จะลองสืบต่อไปเอง ไม่แน่อาจจะต้องไปถามกับคนๆนี้เค้าเองเลยก็ได้นะ แล้วพี่จะหาทางดู"
" อืม... มันจะดีเหรอครับพี่" เอาอีกแล้ว ฮ่าๆๆ น้องมันเผลอทีไรก็ยังงี้ทุกที ติดปากจังไอ้ประโยคเนี้ย สงสัยใครมาซื้อต่อคงไม่ขายเค้าแน่
" ครับ ต้องดีอยู่แล้วล่ะ แค่นี้เองไม่ยากเกินไปหรอก ไม่ต้องห่วง"
" ขอบคุณนะครับพี่ที่ช่วย" มินยิ้มแล้วก็ก้มมาจับมือผมไว้
" ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ มากกว่านี้ยังได้ แต่ว่า...." ผมแกล้งทิ้งท้ายไว้อีก
" อะไรเหรอครับ"
" ไม่มีอะไรครับ แค่อยากได้รางวัลมั๊ง ฮ่าๆ" แกล้งขอซะงั้นอ่ะ
" อืม.... ก็... อยากได้อะไรอ่ะครับ" น้องหันหน้าหนีผมไปอย่างอายๆ คงรู้สิว่าจะขออะไร เหอะๆ
" ก็อยากได้แบบนี้ไงครับ" ผมบอกแล้วก็กอดน้องไว้แล้วก็เลื่อนไปจูบไซร้ตามซอกคอ
" อ๊ะ... พี่ อย่าครับ อือ..."
" ก็นี่แหละครับที่พี่อยากได้ที่สุดเลยน๊า ตอนนี้อ่ะ ให้พี่นะครับ คนดี..." ผมกระซิบเสียงหวานที่ข้างหูน้อง ซึ่งตอนนี้มินก็อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนผมเรียบร้อย จากนั้นผมเลยอุ้มน้องเข้าห้องไป
ที่เหลือก็.... จิ้นกันตามสบายนะครับ เหอๆ ไอ้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรยังงี้มาหลายวันมากแล้วด้วยอ่ะ เห็นว่าน้องยังไม่แข็งแรง แต่นี่น้องไม่เป็นไรแล้วก็เลย.......... นั่นแหละ ตามนั้น ฮ่าๆๆ
-
-
วันนี้ผมพาแม่อัมมาหาหมออีกครั้งครับ หมอเค้าก็คุยเรื่องให้เตรียมตัวผ่าตัดใส่เครื่องไตเทียม เพราะคงไม่เสี่ยงกับการรอไตที่รับบริจาคมาใส่ให้ แน่นอนว่าแม่เค้าก็ไม่อยากให้มินหรือไอ้แมนมาสละไตให้หรอก
ส่วนผมเองก็เริ่มติวกับแม่อัมเรื่องอาหารไทยโบราณคร่าวๆก่อน เท่าที่ผมฟังแม่แล้วผมอยากให้ที่มหา'ลัยเชิญแม่ไปบรรยายจังว่ะ เพราะแม่อัมนี่แหละตัวจริงของวงการนี้ อาหารไทยทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นสมัยโบราณหรือสมัยนี้แม่ก็รู้ละเอียดดีมากทุกอย่าง ได้แต่สงสัยว่าที่ผ่านๆมานี่ทำไมไม่มีใครรู้เลยว่าแม่เค้าเก่งขนาดนี้ นี่ถ้าผมได้เห็นฝีมือแม่เองด้วยตาคงจะดี แต่ตอนนี้อยากให้แม่พักผ่อนก่อนนะเพราะท่านยังไม่ค่อยแข็งแรง ไว้ให้แม่อาการดีกว่านี้ก่อนดีกว่าค่อยให้แม่อัมสอนผมอีกที เอาหลักสูตรเร่งรัดไปเลย
"เฮ้ย... วันเสาร์นี้ว่างป่าววะ จะได้มาแถลงข่าวกะกู" ไอ้ป้างโทรมาหาผมเพื่อตกลงนัดแนะเรื่องงานแถลงข่าวที่ผมไปทำอื้อฉาวนั่นแหละ
" เออ... ได้ๆ กี่โมง"
" บ่ายโมงว่ะ ที่หน้าออฟฟิศตึกเอเทรี่ยมที่ช่องxxxนะ กูไปรับมึงเองเอามั๊ย" มันนัดแนะผมไปที่สถานีโทรทัศน์แห่งนึง แล้วก็เสนอตัวจะมารับผมซะอีก
" เฮ้ย.. ไม่ต้องก็ได้ มึงกลัวกูเบี้ยวเหรอวะ"
" ป่าว... แต่กูเห็นว่าไหนๆก็ต้องผ่านแถวนั้น ก็ไปทีเดียวเลยไง" อืม... ก็จริงของมัน
" เออๆ งั้นมารับกูด้วย ดีเหมือนกัน แล้วมีอะไรที่กูต้องเตรียมอีกมั๊ย มีบทพูดอะไรที่กูต้องท่องก่อนไปแถลงป่าว" ผมก็แกล้งถามมันไปยังงั้นแหละ กวนตีนมันเล่น
" สัด... ไม่ต้องเว่อร์ พูดไปตามจริงพอแล้ว" มันด่าทันที
" ฮ่าๆ เออ... โอเคๆ มารับกูตามเวลาแล้วกัน แค่นี้นะ" ผมย้ำมันแล้วเตรียมจะวาง
" เฮ้ย... เดี๋ยวเป้ง"
" หือ..."
" กู... ขอบใจนะเว้ย แล้วเจอกันว่ะ" มันพูดขอบใจลงท้ายแล้วก็วางไปทำให้ผมยิ้มออกมากับตัวเอง
เดี๋ยวนี้ผมสบายใจเรื่องไอ้ป้างอย่างมากที่อีโก้บ้าๆบอๆของผมมันหมดไปแล้ว เมื่อก่อนนั้นคิดแต่ว่าถ้าโลกนี้มีมันอยู่ผมก็ไม่อยากอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ผมกลับรู้สึกดีที่โลกนี้ผมมีมันอีกคนที่ผูกพันที่สุดแล้ว เพราะทั้งชีวิตนี่ผมก็มีแค่มันที่อยู่ใกล้ชิดผมที่สุดนั่นแหละ
นอกนั้นผมก็มีมินเป็นดวงใจของผมไง อย่าด่าว่าผมน้ำเน่านะ ก็มันเป็นยังงั้นจริงๆนี่ แค่นี้ไอ้ชีวิตไม่มีค่าของผมมันก็มีค่าขึ้นเยอะแล้ว อย่างที่แม่ผมบอกนั่นแหละผมยังต้องเป็นที่พึ่งให้น้อง และผมจะต้องไม่หวั่นไหวกับอะไรทั้งนั้น ผมจะประคองความรักของเราให้ผ่านพ้นทุกๆอย่างไปให้ได้เลย
-
-
พอวันแถลงข่าวมาถึงไอ้ป้างก็มารับผมตรงเวลา ตอนนี้มันมานั่งคุยกับมินอยู่ มันบอกว่าแม่พูดถึงมินให้มันฟังบ่อยๆและไม่แน่พรุ่งนี้แม่อาจจะมาหาที่นี่อีกด้วยเพราะคิดถึงมิน เฮ้อ... หลงรักลูกสาวคนใหม่ขนาดนี้ผมกะไอ้ป้างจะเป็นหมาหัวเน่าไปซะก่อนรึป่าววะเนี่ย
แน่นอนว่าพ่อยังไม่ระแคะระคายเรื่องนี้หรอก แต่ยังไงผมก็ต้องรีบหาจังหวะไปบอกเค้าอยู่ดี ถึงวันนี้จะยังนึกไม่ออกจริงๆว่าจะหาหนทางอะไรมาทำให้พ่อเค้ายอมรับได้ ในเมื่อเค้าอยากได้น้องเจนมาเป็นสะใภ้จนตัวสั่นซะยังงั้น ยังดีว่าผมพอมีเวลาอีกหน่อยกว่าน้องเจนจะกลับมาก็ตั้งปีหน้าโน่นเลย ใจก็ลุ้นว่าอยากให้เค้ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนไปแล้ว พ่อเค้าจะได้ตัดใจซะที
แต่ถ้าเค้าตัดใจแล้วหาคนใหม่มาให้ผมอีกล่ะ ก็งานเข้าอีกน่ะสิวะเนี่ย ขออย่าให้มันเป็นงั้นเลยเว้ย... สาธุ
" โห... คนโคตรเยอะเลยว่ะ" ผมบอกไอ้ป้างเพราะเห็นว่าที่โต๊ะแถลงข่าวตอนนี้มีนักข่าวมาออกันอยู่เต็มไปหมด แล้วยังไหนจะแฟนคลับของไอ้ป้างมันอีก
ตอนนี้ผมกับไอ้ป้างเตรียมตัวกันอยู่ที่ห้องรับรองน่ะครับ ไอ้ป้างก็คุยตกลงกับพี่ๆทีมงานกันอยู่เรื่องคิวของการพูด ว่าต้องทำอะไรบ้าง พอได้เห็นว่าอะไรๆมันดูเป็นพิธีการรัดกุมซะขนาดนี้ก็เล่นเอาผมตื่นเต้นประหม่าไปเหมือนกัน กลัวจะพูดอะไรผิดพลาดไปและทำให้ซวยกันอีก
" นี่กูตื่นเต้นนะเว้ย เนี่ย... " ผมบ่นกับมัน มันก็หันมามองแบบหมั่นไส้
" โห... เว่อร์ว่ะมึง แค่นี้ทำตื่นเต้น ไปเหอะ เดี๋ยวมึงนั่งข้างกูเลย พี่เค้าจะนั่งข้างมึงอีกคนจะได้คอยสะกิดมึงด้วยถ้ามีอะไรไม่ควรพูด" หึๆ อะไรที่ไม่ควรพูดนี่... เช่นอะไรล่ะวะ เมียกูเป็นผู้ชาย ไรงี้เหรอ
พอมันเดินนำผมออกไปนักข่าวก็เริ่มเปิดฉากถ่ายรูปกันอย่างมันมือเลยครับ ซุปตาร์จริงๆเลยแฝดพี่กูเนี่ย เพิ่งรู้ว่ะ พอมันนั่งลงกับผมนักข่าวก็ยิงคำถามรัวกันทันทีจนผู้จัดการเค้าต้องใช้มือชี้ให้ถามทีละคน ไอ้ป้างมันก็ค่อยๆตอบทีละคำถามแบบ... ก็ตามสไตล์ดาราตอบนั่นแหละครับ ที่ว่าต้องตอบเป็นกลางๆ ไม่ปล่อยให้ชักนำประเด็นไปยังคำถามอื่นๆได้อีก ไม่งั้นอาจซวยได้เพราะต้องตอบบางคำถามที่ไม่อยากตอบไง
" ก็อย่างที่เรียนกับพี่ๆนะครับว่าที่ปรากฏในภาพนั่นน่ะเป็นน้องชายผมจริงๆกับแฟนเค้าเอง ส่วนตัวผมเองก็คบกับแฟนผมเป็นปกติดีครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย" ไอ้ป้างตอบอย่างนิ่มๆชี้แจงเรื่องภาพข่าว
" งั้นเรื่องที่ในภาพนั้นเหมือนมีการทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงนั่นล่ะคะ อยากทราบว่าจริงๆวันนั้นเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ" นักข่าวหญิงคนนึงถามขึ้นอย่างถูกจุดจริงๆ ผมเลยหันมองหน้าไอ้ป้าง มันก็พยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ผมตอบเอง
" คืองี้นะครับ ความจริงแล้ววันนั้นน่ะ ผมไม่ได้ทำร้ายร่างกายอะไรของฝ่ายหญิงเค้านะครับ แต่ผมก็ยอมรับว่าผมเป็นคนผลักเค้าเอง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไร จากนั้นผมก็เดินหนีไปเลยไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายอะไรกันทั้งสิ้นครับ" ผมตอบอย่างนิ่มๆเหมือนดาราตอบบ้าง
" แล้วผู้หญิงคนนั้นนี่ไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์อะไรกับคุณเป้งเหรอครับ เป็นแฟนกันรึเปล่า"
" เอ่อ... ครับ เค้าเป็นแค่แฟนเก่าน่ะครับ เราไม่ได้คบหากันมานานมากแล้ว แต่วันนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงมาทวงความสัมพันธ์เก่าๆกับผมอีก เราเลยตกลงกันไม่ได้ ไอ้ผมก็ยอมรับว่าเป็นคนใจร้อนครับ ก็ต้องมีโกรธไม่พอใจบ้างเมื่ออีกฝ่ายคุยไม่รู้เรื่องยังงี้ ผมถึงได้ทำไปแบบนั้น ถ้าแค่นี้ใครจะว่าผมผิดผมเลวผมก็ยอมรับละกัน แต่ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำรุนแรงเกินกว่าเหตุนะ ไม่งั้นก็ลองดูเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดที่คอนโดอีกทีก็ได้ว่าผมทำแค่นั้นจริงๆ" เอาดิ กูมีหลักฐานยืนยันนะเฟ้ย หันไปมองไอ้ป้างมันก็ยิ้มให้ คงพอใจกับคำตอบของผมมั๊ง
" ถ้างั้นก็แสดงว่าคุณเป้งเองตอนนี้ก็มีแฟนอยู่แล้วใช่มั๊ยคะ ถ้าดูตามภาพที่เป็นข่าวอยู่นี่น่ะค่ะ" เฮ้อ... ยังไม่หมดอีกเว้ย จะคุ้ยกันไปถึงไหนเนี่ย
" ก็ใช่ครับ ตอนนี้ผมก็คบกับแฟนผมอยู่ คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรใช่มั๊ยครับ"
" แล้วตามที่ข่าวบอกว่าตอนนี้คุณอยู่กินกับแฟนคุณแล้วเพราะว่าไปเดินซื้อของเข้าบ้านด้วยกันเนี่ย เป็นจริงรึเปล่าครับ" เจอคำถามนี้เข้าไปผมถึงกับสะอึกไปเหมือนกัน โว้ย... จะอะไรกะกูนักหนาวะ กูจะอยู่กับเมียมันไปหนักอะไรพวกมึงนักหนา คนอื่นที่ไหนๆเค้าก็อยู่กินกันยังงี้ทั้งนั้นอ่ะ
หันไปมองไอ้ป้างมันก็ทำสีหน้าคิดหนักเหมือนกันครับ ผมก็สองจิตสองใจว่าจะตอบยังไงดี ถ้าตอบว่าใช่มันก็อาจจะดูไม่ดีในฐานะที่เป็นน้องของซุปตาร์จะมาทำตัวชิงสุกก่อนห่ามยังงี้ได้ไง แต่ถ้าปฏิเสธไปล่ะ ก็เท่ากับว่าต้องโกหกอีกซึ่งผมไม่อยากเลย เพราะเข็ดแล้วจริงๆ แม่งมีเต่เรื่องยุ่งตามมาให้แก้ตลอดไม่จบไม่สิ้น
" เออ... เรื่องนี้ ที่จริงแล้วไม่ใช่หรอกครับ เราไม่ได้อยู่กินกันอย่างที่เป็นข่าวนะครับ เพียงแต่ว่าไปมาหาสู่กันบ่อยมากเท่านั้นเอง อย่างที่ไปซื้อของด้วยกันก็แค่เพราะว่าเราอยากทำอะไรกินกันสองคนในวันหยุดก็เท่านั้นแหละครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้นจริงๆ" เฮ้อ... ก็เอาวะ ต้องยอมทำยังงี้เพราะผมไม่อยากดึงภาพพจน์ไอ้ป้างให้แย่ไปกะผมด้วย แต่หลังจากวันนี้อ่ะดิผมจะทำไงล่ะ
เท่าที่คิดไว้ก็คงจำเป็นต้องแยกกันอยู่กะมินไปก่อนนะ แต่เดี๋ยวดูอีกทีว่าจะให้มินไปอยู่ที่ไหนยังไง เซ็งว่ะ แต่จะโทษไอ้ป้างมันก็ไม่ได้หรอก ผมเองก็ทำไม่ถูกจริงๆ ถ้าจะนับว่าน้องเป็นผู้หญิงแท้ๆสักคนผมก็กำลังชิงสุกก่อนห่ามจริงๆว่ะ ใครที่ไหนเค้าจะมาเห็นดีด้วยถึงมันจะดูเป็นเรื่องธรรมดาของคนสมัยนี้ก็เหอะ
" ถ้างั้นก็ขอถามเรื่องเบาๆบ้างนะคะ ที่ผ่านมาคุณเป้งไม่เคยเปิดตัวที่ไหน ไม่เคยไปออกรายการอะไรบ้างเลยยังงี้แล้วไม่คิดจะเข้าวงการบ้างเหรอคะ" เออ... ค่อยยังชั่ว ถามงี้ค่อยน่าตอบหน่อย
" อืม...ผมก็... ไม่แน่ใจหรอกครับ กลัวว่าถ้าไปร้องเพลงอาจไม่มีใครฟัง หรือไม่เค้าคงเอาซีดีเพลงผมไปผูกหางช้างหรือไปแขวนไล่แมลงวันซะหมด หรือถ้าไปเล่นหนังเล่นละครก็คงแข็งเป็นท่อนไม้มั๊งครับ ฮะๆๆ" ผมบอกติดตลกไป พี่ๆนักข่าวเลยฮากันใหญ่ ทีนี้จากบรรยากาศเครียดๆเมื่อกี๊เลยดีขึ้นหน่อยจนรู้สึกได้
" แหม... ถ่อมตัวรึเปล่า แล้วลองดูรึยังล่ะคะ ถ้าไม่งั้นก็ไปเป็นนายแบบเดินแฟชั่นอะไรยังงี้ก็ได้นะคะ หน้าตาดี หุ่นดีเหมือนคุณป้างทุกอย่างเลยแบบนี้ใครๆเค้าก็ต้องโอเคอยู่แล้วล่ะค่ะ" เออ... ก็จริงว่ะ ผมหล่อนี่นะ ฮ่าๆๆ
" ครับ... ก็อาจจะลองดูนะครับ เผื่อๆวันไหนป้างเค้าไม่สบายผมอาจจะไปเข้าฉากแทนก็ได้ น่าลองดูเหมือนกัน ใครสนใจก็ลองติดต่อมาแล้วกันนะครับ ขอบคุณครับ" ไอ้ผมก็พูดเล่นตลกๆทิ้งท้ายไว้ยังงั้นแหละ จากนั้นเค้าก็เบนความสนใจมาสัมภาษณ์ไอ้ป้างกันต่อจนผมก็ได้แค่นั่งเป็นพร๊อพประกอบฉากต่อไป
แต่ที่ผมนึกไม่ถึงคือ แฟนคลับไอ้ป้างอ่ะครับเริ่มมีกรี๊ดให้ผมแฮะ มองๆไปเนี่ยเห็นหลายๆคนเค้ายิ้มแล้วก็โบกมือให้ผมใหญ่ยังกะว่าเค้าชอบผมไปด้วยซะงั้นอ่ะ ผมก็ยิ้มแล้วลองโบกมือให้เค้า ปรากฏว่ามีกรี๊ดกลับด้วยเฮ้ย เหอๆ เพิ่งรู้เลยว่าเวลามีใครมากรี๊ดมันจะรู้สึกยังงี้นี่เอง
-
-
แม้ว่าผลจากการที่ผมไปแถลงข่าวกับไอ้ป้างนั้นจะทำให้ผมต้องแยกกันอยู่กับมินแต่มันก็เกิดผลดีตามมาด้วยอยู่เหมือนกันครับ เพราะว่าตอนนี้งานเข้าผมจังๆเลย งานจริงๆนะเออ ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อน เหอๆ
เพราะว่ามีเอเยนซี่หลายรายติดต่องานเข้ามาให้ผมเลยครับ โดยมากก็เป็นพวกงานถ่ายแบบเดินแบบ มีค่ายเพลงติดต่อมาเหมือนกัน หรือแม้แต่ให้ไปถ่ายแบบวาบหวิวก็มี หลายงานซะด้วยดิ ไม่นึกว่าไอ้ที่ผมพูดไปเล่นๆเอาฮามันจะได้ผลยังงี้
" มินว่าพี่ก็น่าลองดูนะครับ อาจจะได้เข้าวงการดังเหมือนพี่ป้างอีกคนก็ได้น๊า" มินพูดเหมือนล้อๆผมยังไม่รู้แฮะ
" หึๆ แล้วจะรับงานอะไรดีล่ะครับ ถ่ายแบบวาบหวิวดีป่ะ จะได้เหมือนนิกกี้ไง เจ้าพ่ออีโรติก ฮ่าๆๆ" ผมบอกแล้วก็แกล้งเอามือประสานที่ท้ายทอยทำท่าเซ็กซี่ให้มินดู เหอๆ ก็นั่นดิ หน้าอย่างผมอาจจะเหมาะกะงานยังงี้ก็ได้
" อือ... น่าเกลียดอ่ะพี่ ชอบนักรึไงแบบนั้นน่ะ ไปอวดให้คนอื่นเค้าเห็นอะไรๆของตัวเองน่ะ" น้องเบ้ปากบ่นขึ้นมาเลย
" ฮ่าๆ พี่ล้อเล่น เรื่องอะไรจะให้คนอื่นดูล่ะ ก็ให้มินดูคนเดียวดิครับ จริงมั๊ย" ผมพูดแล้วก็โอบกอดเอาหน้าผากตัวเองไปแนบกับหน้าผากน้อง
" พี่อ่า... น่าเกลียดจัง ใครจะไปอยากดู ไม่เอาด้วยหรอก แบร่" น้องบอกแล้วก็แลบลิ้นให้ผม น่ารักว่ะ หลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว
" แต่ว่านะ ที่จริงพี่ไม่อยากให้เราแยกกันอยู่เล้ย แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ไม่อยากให้ไอ้ป้างมันเดือดร้อนถ้ามีปาปารัซซี่มาตามขุดคุ้ยเรื่องเราอีกน่ะ"
" ดีแล้วล่ะครับ พี่ทำถูกแล้วล่ะ มินดีใจจังที่พี่ทำเพื่อพี่ป้างเค้าแล้วก็ตัดสินใจได้ดีแบบนี้" น้องชมแล้วก็กอดผมไว้ อืม... ชื่นใจอ่ะ ดีใจชะมัดที่น้องเข้าใจผมอย่างนี้
คืนนั้นผมก็เลยสั่งลาน้องซะ ก็จัดไปหนักพอสมควรอยู่เพราะว่าอาจจะไม่มีโอกาสยังงี้อีกนานเลยก็ได้นี่นา ดีว่าเช้ามาน้องไม่เป็นอะไร คิดว่าน้องคงเริ่มปรับตัวได้ละ อิอิ อะไรๆเข้าที่เข้าทางดีแล้ว
แต่ขอบอกว่า กรุณาอย่าหาว่าผมหื่นเพราะนี่ผมปกติดี ความยับยั้งชั่งใจอะไรก็เต็มร้อยที่สุดแล้วนา บอกแล้วไม่มาเป็นผมมั่งก็ไม่รู้ อยู่กับน้องที่น่ารักซะขนาดนี้อดใจได้ก็ให้มันรู้ไปดิ ว่าแต่.... เฮ้อ... ต่อไปก็ต้องแยกกันอยู่แล้วนี่หว่า จะทำไงดีว้ากู ไม่น่าเล้ย..............
-
-
บ้านเช่าที่ผมให้พวกไอ้เอ้ช่วยหาอยู่แถวมหา'ลัยผมเลยครับ แน่นอนว่ามินไม่ยอมให้ผมเช่าบ้านที่ดีกว่านี้ให้เพราะเกรงใจ ไม่อยากให้ผมหมดเปลืองโดยใช่เหตุ ผมก็ตามใจน้องโดยหาบ้านราคาปานกลางแต่ใหญ่พอควรเพราะจะให้แม่อัมกับไอ้แมนย้ายมาอยู่ด้วยกันทีเดียวไปเลย ที่สำคัญอีกหน่อยผมจะให้ทั้งมินและไอ้แมนเรียนที่มหา'ลัยผมอยู่แล้วด้วย ซึ่งบ้านนี้ก็อยู่ในซอยใกล้ๆมหา'ลัยนั่นแหละ เดินนิดเดียวก็ถึงแล้ว
วันนี้ผมมาช่วยไอ้แมนขนของออกจากหอ ข้าวของมันมีไม่มากมายอะไรนักขนแป๊บเดียวก็เสร็จ บ้านเช่าใหม่นี่บรรยากาศสบายๆดีครับแถมค่าเช่าไม่แพงเลยเพราะเป็นของญาติเพื่อนไอ้เอ้มันเอง เค้าก็เลยคิดให้เราถูกๆ
" บ้านน่าอยู่จังเลยอ่ะพี่ มีสวนเล็กๆหน้าบ้านด้วย" มินบอกอย่างตื่นเต้นแล้วรีบเข้าไปดูในบ้าน
" ไม่แพงด้วยนะครับ เพราะรู้จักกันกับเจ้าของเค้าพอดี ชอบมั๊ยครับแม่" ผมหันไปถามแม่อัมที่กำลังเดินมองตัวบ้านอยู่
" น่าอยู่ดีมากๆเลยลูก มีสวนด้วยแบบนี้เราก็ปลูกผักสวนครัวกินเองได้ด้วย ประหยัดดี แม่ขอบใจมากนะลูก"
ไอ้แมนกำลังขนตู้ออกมาจากรถผมเลยช่วยมันยก ก็แค่แป๊บเดียวแหละครับของทุกอย่างก็ถูกขนลงไปจัดภายในบ้านจนเสร็จเรียบร้อย
" พี่ว่ามันยังขาดๆอะไรไปอยู่นะ เออ... เครื่องซักผ้าไง" ผมนึกขึ้นได้
" ไม่ต้องหรอกลูก เราซักกันเองได้ มันสิ้นเปลืองเปล่าๆ" แม่อัมก็เกรงใจตามเคยครับ แต่ผมห่วงแม่น่ะสิ
" ไม่งั้นเราเอาไปซักแถวนี้ก็ได้ครับ มีตู้หยอดเยอะเลยพี่" มินบอก
" ครับๆ โอเค แต่ถ้าไม่สะดวกยังไงก็ซื้อใช้เองเถอะครับ มันไม่ได้แพงมากมายอะไรหรอก"
" พี่เป้ง พี่จะให้ผมสองคนกับมินเรียนที่นี่กันจริงๆเหรอครับ" อยู่ๆไอ้แมนก็ถามผมเรื่องที่ผมจะให้เรียนที่มหา'ลัย
" ก็เออดิวะ มึงเรียนด้วยกันกะน้องก็ดีแล้ว จะได้คอยดูแลมินด้วยกูจะได้ไม่ต้องห่วง เทอมหน้านี่แหละ เตรียมตัวกันได้เลย"
" ดูแลน้องได้ก็จริงอยู่พี่ แต่ค่าเทอมมันแพงมากนา ผมจะไปหาที่ไหนมาใช้พี่หมดอ่ะ"
" เออ... มึงอย่ามาเรื่องเยอะกะกูเลย ใช้หมดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ยังไงมึงสองคนก็น้องกู แค่มึงตั้งใจเรียนให้จบรับปริญญา ออกมาทำงานเลี้ยงแม่ ทุกอย่างจบแฮบปี้เอนดิ้ง ทุกคนอยู่กันอย่างมีความสุขตลอดไป โอเค้... อย่าเกรงใจให้มันยุ่งยากไปกว่านี้เลยว่ะ กูปวดหัว ตามนี้แหละนะ..." ผมสรุปเอาเองอย่างรวดเร็วแต่ชัดเจนมาก มินก็มองผมยิ้มๆเพราะรู้ดีว่าผมก็ยังงี้อ่ะ ถ้าจะทำอะไรแล้วก็จะทำเลย ไม่คิดมากซ้ำซ้อน
ค่ำนั้นพอผมกลับมาคอนโดก็ปรากฏว่าคิดถึงน้องซะแล้วว่ะ ยังไม่ทันไรเลย นี่ต่อไปต้องนอนคนเดียวอีกแล้วเหรอวะเนี่ยแค่คิดก็.... เฮ้อ... เก๊กซิมแท้ๆ กูจะคิดถึงเมียจนตายก่อนมั๊ยวะเนี่ย
ต่อด้านล่างเลยคร้าบ V
V