ขอโทษที่ให้รอกันนานครับ ช่วงนี้ยังยุ่งๆอยู่ทำหลายงานมากเลย
มาติดตามกันต่อเลยครับ
ตอนที่24 **********************************
พอส่งแม่ที่บ้านเรียบร้อยผมก็รีบขับกลับมาที่ร้านอย่างไว เพราะกะว่าจะกลับไปช่วยเสิร์ฟที่ร้านซะหน่อยตามประสาลูกเขยที่แสนดี หึๆ แต่ปรากฏว่าพอไปถึง เฮ้ย... ลูกค้ามานั่งกันเต็มทุกโต๊ะเลยอ่ะ โดยมากก็เป็นเด็กในมหา'ลัยนั่นแหละ
" ป้าขา... ปูปลาร้ากับตำซั่วแซ่บๆเลยค่ะ"
" ตำไทยใส่ปูกับไก่ย่างด้วยคร้าบ แล้วก็เป๊บซี่อีกขวด"
" น้องๆ พี่ขอน้ำแข็งกับโค้กอีกขวดด้วยคร้าบ" และอีกมากมาย จนเสียงเซ็งแซ่ไปหมด ไอ้แมนกับมินก็เสิร์ฟกันเป็นระวิงเลยครับ แล้วไหนจะคนที่มายืนรอๆอยู่อีกเพียบเลย
" โห... สงสัยกูต้องซื้อโต๊ะมาลงเพิ่มแล้วล่ะว่ะ ไม่งั้นลูกค้าไม่พอนั่งแน่" ผมเปรยๆบอกไอ้แมนที่กำลังย่างไก่จนหน้ามันอยู่หน้าเตา
" โอย... พี่ แค่นี้ผมก็อยากแยกร่างไปเสิร์ฟแล้ว ทำอะไรไม่ทันเลยอ่ะ"
" ก็มึงจะกลัวทำไมวะ ไม่งั้นเดี๋ยวกูจะจ้างเด็กมาช่วยเอง ขายดีๆยังงี้อ่ะ น้ำกำลังขึ้นมันต้องรีบๆตักหน่อยดิวะ ฮ่าๆ"
ก็คิดไว้แล้วครับ นี่ขายดีซะขนาดนี้ยังไงก็ต้องหาเด็กมาช่วยอีก ไว้ให้ไอ้เอ๊กซ์มันช่วยจัดการดีกว่าเพราะที่บ้านมันมีคนงานโคตรเยอะ แบ่งมาสักคนสองคนคงไม่เป็นไร แต่ที่ผมชักห่วงตอนนี้คือแม่อัมมากกว่า ยืนตำไม่ได้หยุดเลยนั่น
" แม่เป็นไงมั่งครับ ถ้าเหนื่อยก็หยุดก่อนเลยนะครับ ให้มินมาช่วยตำก็ได้เดี๋ยวผมจะไปเสิร์ฟให้ครับ"
" อืม... ยังไม่เป็นไรหรอกลูก แต่ว่าของมันจะหมดซะแล้วจ้ะ ทำได้อีกแค่สามสี่จานเอง แม่เตรียมของไว้ไม่มากไม่นึกว่าจะขายดียังงี้"
ฟังแล้วก็สะใจนะครับ แม่บอกว่าบางโต๊ะสั่งกันสามสี่จาน นี่ยังไม่นับรวมที่ซื้อใส่ถุงกลับไป จนมะละกอดิบที่เตรียมไว้มากมายเพราะแม่กะจะขายต่อพรุ่งนี้ด้วยถึงกับหมดสต๊อก ไม่อยากเชื่อว่ะ เหอๆ
" งั้นไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ขายแค่หมดก็พอผมกลัวแม่เหนื่อยเกิน พรุ่งนี้ผมจะให้เด็กคนงานมาช่วยดีกว่า พอดีบ้านเพื่อนผมมันมีคนงานเยอะครับ ขอมาช่วยสักสองคนก่อนละกัน แล้วค่อยให้ค่าจ้างเค้าไป"
" มันจะดีเหรอลูก ยุ่งยากเค้าไปรึเปล่า ร้านเราก็เพิ่งตั้งเองจะจ้างคนมาเลยเหรอ" แม่อัมออกปากอย่างเกรงใจตามเคย แต่นั่นทำเอาผมนึกถึงมินขึ้นมาทันที ไอ้คำว่ามันจะดีเหรอเนี่ย ที่แท้มินติดมาจากแม่อัมหรอกเหรอนี่ ฮ่าๆ
" ไม่ต้องห่วงครับแม่ เราขายดีขนาดนี้แล้วก็ทำให้มันสุดๆไปเลยครับ ธุรกิจมันก็ยังงี้แหละ ผมรับรองว่าคุ้มแน่ครับ" ผมแนะนำแม่อัม เพราะแน่นอนว่าขนาดวันนี้ยังขายดียังงี้ พรุ่งนี้เราก็เตรียมของไว้สองเท่าของวันนี้ไปเลย น่าจะขายได้หมดหรืออย่างน้อยๆก็เกือบหมดแหละน่า แค่นี้ก็กำไรกันเห็นๆแล้ว
แล้วแม่อัมก็ตำส้มตำไปจนมะละกอเกือบหมด แน่นอนว่าไก่ย่างน่ะหมดไปตั้งนานแล้วครับ เล่นเหมากันไปโต๊ะละสามสี่ไม้เลยยังงั้น ผมจึงเดินมาบอกขอโทษลูกค้าที่มารอคิวอยู่แต่ทุกคนก็มองหน้าผมแล้วยิ้มๆจนมีคนนึงเอ่ยถามผมขึ้นมา
" เอ๊ะ... นี่ใช่พี่ป้างรึป่าวคะ"
" เอ่อ... ไม่ใช่ครับผม ผมเป็นแค่แฝดเค้าน่ะ วันนี้ต้องขออภัยจริงๆนะครับ พอดีเปิดร้านวันแรกเราเตรียมของไว้น้อยไปหน่อย รบกวนกลับมาชิมใหม่พรุ่งนี้หรือวันหลังนะครับ" ผมยิ้มบอกลูกค้าไป ทุกคนก็ยิ้มให้แม้จะผิดหวังไม่ได้กินของที่ตั้งใจไว้
ตอนนี้ก็เหลือแต่ลูกค้าที่นั่งตามโต๊ะซึ่งมินยังคงเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มแล้วก็เริ่มคิดเงิน ผมลองสังเกตดูสีหน้าแต่ละคนที่มากินก็เห็นว่าท่าทางทุกคนคงพอใจกับอาหารร้านเรามากทีเดียว แต่ที่แต่ไอ้ที่ผมไม่ชอบและเซ็งสุดๆก็คือ มีสายตาบางคู่มันกำลังแทะโลมเมียผมอยู่เนี่ยดิครับ
" โห... น้องครับ อาหารอร่อยทุกอย่างเลยอ่ะ คนเสิร์ฟก็น่ารักด้วย สงสัยพวกพี่คงต้องมากินที่นี่ทุกวันซะแล้ว" ไอ้พวกเด็กมหา'ลัยกลุ่มนี้เริ่มแซวมิน แต่น้องก็ยืนคิดเงินไปโดยไม่ได้สนใจอะไรครับ
" ครับ... ทั้งหมดร้อยแปดสิบบาทครับ ยังไงก็มาอุดหนุนร้านเราบ่อยๆนะครับ ขอบคุณมากครับ" พอมินเอ่ยบอกราคาปั๊บพวกมันก็หน้าเหวอไป ฮ่าๆ เพราะน้องพูด "ครับ" ใช่มั๊ยล่ะ
" อ้าว... พี่ก็นึกว่าน้อง.... โธ่เอ๊ย... เสียฟอร์มเลย แต่ยังไงน้องก็น่ารักอยู่ดีนะครับ รู้ตัวป่ะ น่ารักกว่าผู้หญิงที่มหา'ลัยพวกพี่อีกนะ" อ้าวเฮ้ย.... สัดนี่ อะไรของมึงวะ น้องมันเป็นผู้ชายโว้ย อย่ามาทำเป็นชอบเหมือนกูนะ สราด..ด
" เอ่อ... ครับ ขอบคุณมากครับที่ชม" มินบอกแล้วก็เดินหนีจากพวกมันดื้อๆครับ แต่พวกมันดิมองตามมินกันตาเป็นมันเลย
ไปๆมาๆนี่ผมชักห่วงว่ะ ถ้ามีไอ้พวกหื่นแบบนี้มากินที่นี่เยอะๆจะทำไงวะเนี่ย น้องมินผมมิต้องกลายเป็นสาวเชียร์เบียร์ไปเหรอวะ สราด... เปลืองตัวฉิบหาย สงสัยต้องกำชับไอ้แมนให้ดูแลเป็นพิเศษว่ะ
แต่ในที่สุดพอเคลียร์ทุกอย่างและปิดร้านเรียบร้อยก็พบว่ากำไรอื้อเลยครับ เป็นพันๆเลยแค่วันเดียวไม่กี่ชั่วโมงเองนะ ทุกๆคนดีใจกันอย่างมาก แม่อัมก็ออกปากขอบคุณผมเป็นการใหญ่ที่อุตส่าห์ช่วยมาตั้งแต่ต้น
" ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้เด็กคนงานมาช่วยเลยนะครับ ให้มาแค่สองคนก่อนแล้วก็คงจะไปดูโต๊ะมาลงเสริมให้อีกสักสองสามตัวแล้วกัน"
" จ้ะ... ลูก ตายละ นี่เลยกลายเป็นงานใหญ่ไปเลยนะ ทีแรกก็ว่าจะขายนิดๆหน่อยๆก่อนแต่ลูกค้าดันเยอะขนาดนี้" แม่อัมบอกแล้วก็ยิ้ม
" แถวนี้มันทำเลดีด้วยน่ะครับ ใกล้มหาลัยแล้วเด็กที่นี่มันก็ชอบกินแบบนี้อยู่แล้วครับ แต่ผมห่วงแม่มากกว่าครับ กลัวว่าเดี๋ยวจะเหนื่อยเกินไป งั้นเอางี้ถ้าแม่ไม่ไหวก็เปลี่ยนให้มินมาช่วยตำส้มตำแทนนะครับ แล้วก็ให้คนงานเค้าไปช่วยเสิร์ฟ ไอ้แมนก็คอยเก็บตังค์ลูกค้าแล้วก็คอยคุมทุกอย่าง ดีมั๊ยครับ"
" พี่... คือ... ผมว่าผมจะชวนไอ้เจดกะเมียมันมาช่วยน่ะ มันก็เบื่อที่ทำงานเก่าพอดีเลย ให้มันมาช่วยก็ดีนะครับ ยังไงมันก็ไว้ใจได้มากกว่าคนอื่นที่จะจ้างมาอ่ะพี่" ไอ้แมนเสนอขึ้นมา
" เออ... งั้นก็ดีเหมือนกัน จ้างคนกันเองดีกว่ายังไงๆร้านนี้เราก็คงโอเคดีแล้วล่ะ รายได้มันก็เป็นกอบเป็นกำพอจะจ้างคนมาช่วยได้อยู่แล้ว ตามนี้แล้วกันนะ" ผมสรุป
-
-
คืนนั้นผมโทรคุยกับไอ้เอ๊กซ์ว่าให้มันเอาคนงานมาช่วยที่ร้านก่อนเพื่อรอไอ้เจดกะแฟนมันลาออกจากที่ทำงานเก่า มันก็รับปากว่าจะให้คนไปช่วยก่อนสองคน แต่วันรุ่งขึ้นพวกผมก็ต้องไปฝึกงานต่อ ทำให้ต้องรอจนเลิกงานแล้วรีบมาหามินที่ร้าน โดยมีไอ้เอ้ ไอ้เอ๊กซ์ ไอ้มาร์ทมันขอตามมาด้วย
พอไปถึงก็เจอแบบเดิมครับ วันนี้ลูกค้าทั้งหน้าเก่าและใหม่เต็มไปหมดอีกแล้ว เด็กคนงานสองคนนั้นก็ช่วยเสิร์ฟได้ดีอยู่ครับ แต่ถึงยังงั้นก็ยังยุ่งกันเป็นระวิงอยู่ดีเพราะคนเยอะจริงๆ นี่ขนาดเรายังไม่ได้เพิ่มโต๊ะเลยนะ ไม่งั้นคงได้วิ่งกันขาขวิด แต่เอาเหอะขายดียังงี้เงินมันก็ได้รับเต็มๆนี่หว่า จะกลัวทำไม
" โอ้โห... ขายดีจริงๆว่ะ กูว่าต้องเอาคนมาช่วยเพิ่มแล้วมั๊งเนี่ย" ไอ้เอ๊กซ์พูดขึ้นแล้วพวกเราก็เดินเข้าไปไหว้แม่อัม
" แม่ครับ ของพอขายมั๊ยเนี่ย" ผมถามแม่อัมเพราะเห็นว่าของใกล้หมดแล้วตอนนั้น
" ก็ยังมีอยู่ในบ้านอีกหน่อยนึงจ้ะ นี่ขนาดซื้อเพิ่มตั้งเยอะมากแล้วนะลูก ยังไม่พอขายเลยนี่เพิ่งจะกี่โมงเอง"
" ช่างเหอะครับแม่ ขายแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ ผมไม่อยากให้แม่เหนื่อยเกินอ่ะ"
" ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่เกรงใจลูกค้าบางคนที่เค้าตั้งใจมาซื้อน่ะ เมื่อวานเราก็หมดเร็วเค้าก็ผิดหวังไปแล้วทีนึง วันนี้อยากให้เค้าได้กินของเราน่ะจ้ะ"
" ครับ... งั้นเดี๋ยวผมไปเอาของที่เหลือให้นะ อยู่ในครัวใช่ป่ะครับ"
" จ้ะ... ขอบใจนะลูก" แม่อัมหันมาบอกผมแล้วก็ตำต่อ ลูกค้าก็ยืนรอกันเต็มเลยอ่ะ
" เอ้า... งั้นพวกมึงไปช่วยเสิร์ฟดิ๊ จะยืนทำพระแสงอะไรครับ ช่วยกันทำมาหาแดกหน่อย" ผมใช้พวกไอ้เอ๊กซ์มันซะเลย
" เออๆ แหม... ได้ทีนะมึง" ไอ้เอ้บ่นแล้วก็หันไปหัวเราะกัน จากนั้นพวกมันก็ไปช่วยเสิร์ฟกันสนุกสนาน ก็ช่วยได้เยอะครับ น้องมินเลยมาช่วยแม่ตำส้มตำด้วยอีกครกนึง ผมจึงบอกให้แม่อัมไปนั่งพักในบ้านก่อน
พอออกมาผมก็ไปวิ่งช่วยเสิร์ฟน้ำด้วย ให้เด็กคนงานมาช่วยย่างไก่แล้วก็เสิร์ฟ ส่วนไอ้แมนก็คอยคิดเงินลูกค้าอย่างเดียวไปเลยเพื่อไม่ให้สับสน ส่วนมินก็รับหน้าที่ตำส้มตำไป
ตอนที่ผมไปเสิร์ฟลูกค้านั้นส่วนใหญ่เกือบทุกคนก็มองหน้าผมกันทั้งนั้นครับแล้วก็ยิ้มๆ เค้าคงจำผมได้มั๊งครับเพราะว่าออกสื่อไปแล้ววันนั้น ใครที่ได้ดูก็คงรู้ว่าเป็นผมเพราะนี่ก็มีคนทักผมอยู่หลายคนเลย
" แหม... อยากให้เข้าวงการเหมือนพี่ป้างจังเลยค่ะ จะได้ติดตามผลงานนะ"
" ฮะๆ ก็ยังรอดูอยู่ครับ แต่คงไม่ไปเล่นละครประกบป้างมันหรอก เพราะผมยังไม่เก่งขนาดนั้น อาจจะเล่นแข็งเป็นท่อนไม้จริงๆก็ได้ครับ" ผมก็คุยไปฮาๆ จนสาวๆโต๊ะนี้ชอบใจกันใหญ่
แต่พอคุยๆไปถึงไอ้ป้างอยู่ดีๆมันก็โผล่มาเฉยเลยอ่ะครับ เล่นเอาลูกค้าสาวๆในร้านหลายคนถึงกับกรี๊ดกันทีเดียว ผมก็งงอยู่ว่าใครกรี๊ดอะไรกันวะ หันไปอีกทีก็เห็นมันเดินเข้าไปไหว้แม่อัมแล้ว
" เฮ้ย... มาได้ไงวะเนี่ยมึง" ผมทักมัน มันก็ยิ้มแล้วเดินมาหา
" ก็แม่อ่ะดิ ใช้กูมาซื้อส้มตำกับไก่ย่างไปกินกับพ่ออีก เมื่อวานที่แม่ซื้อไปฝากพ่อเค้าติดใจใหญ่เลยว่ะ วันนี้เค้าก็เลยใช้กูมาซื้ออีก แต่นี่... โห... ลูกค้าเยอะจังว่ะ ขายดีจริงๆ"
" ก็เนี่ย... กูว่าสงสัยพ่อกะแม่จะไม่ได้กินแล้วว่ะ ของมันหมดซะแล้ว ลูกค้าที่มารอบางคนก็คงไม่ได้กินเหมือนกัน นี่ขนาดเตรียมของไว้เยอะแล้วยังไม่พอขายเลยว่ะ"
" อ้าว... เหรอวะ เฮ้อ... เสียดายเลยว่ะ กูก็อยากกินเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวโทรบอกแม่ก่อน" มันบอกแล้วก็ยืนอยู่ข้างผม แต่สาวๆเมื่อกี๊เริ่มตามมากรี๊ดเราทั้งคู่เลยครับทีนี้
" แหม... เวลาพี่สองคนยืนคู่กันยังงี้แล้วเท่จังเลยค่ะ พี่ป้างดูหล่อน่ารัก แต่พี่เป้งดูหล่อเท่เซอร์ๆ คอนทราสกันดีจังค่ะ" สาวคนนึงวิจารณ์พวกผม
" จริงค่ะ แหม... อยากให้เล่นละครคู่กันจังเลย หรือไม่ก็ถ่ายแบบคู่กันก็ได้ จะตามไปซื้อทุกเล่มเลยนะ"
จากนั้นก็เริ่มมาขอลายเซ็นกันครับ ผมเองก็นึกไม่ถึงอ่ะว่าเค้าจะมาขอลายเซ็นผมด้วยอีกคน ก็เลยเซ็นให้ทุกคนไปท่าทางเค้าดีใจกันมากที่ซุปตาร์มาให้กระทบไหล่ถึงที่นี่ ไม่แน่ต่อไปนี้เค้าอาจติดใจมากินร้านเราประจำก็ได้นะเนี่ย
ส่วนไอ้ป้างพอไม่ได้ของที่ต้องการมันก็ขอตัวกลับก่อน แม่อัมบอกมันว่าทีนี้ถ้าอยากกินให้โทรมาบอกก่อนจะได้ทำเก็บไว้ให้เลย ไม่งั้นของจะหมดก่อน จากนั้นมันก็กลับบ้านไป
ค่ำนั้นกว่าจะเคลียร์ลูกค้าเสร็จก็เล่นเอาพวกเราเหนื่อยไปเหมือนกันครับ ของทุกอย่างหมดเกลี้ยงจนไอ้ที่กะว่าจะกินเองและให้พวกไอ้เอ้มันกินยังไม่เหลือเลยครับ ผมเลยเลี้ยงข้าวพวกมันที่ร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆแถวนั้นแทน
พอกลับมาหามิน น้องก็ดีใจมากเข้ามากอดผมเลยแล้วบอกว่าวันนี้ได้กำไรเยอะมากๆ แต่ผมก็บอกว่ายังไงก็คงขายแค่นี้พอก่อน ถึงเราซื้อของมามากแต่คงให้แม่อัมก็เหนื่อยกว่านี้ไม่ได้อยู่ดี ช่วงนี้ก็เอาแค่นี้ไปก่อนละกัน
-
-
ผ่านไปหลายวันแล้ว กิจการร้านส้มตำของแม่อัมก็ขายดิบขายดีตลอดโดยเริ่มเปิดขายกันตอนสักห้าโมงไปเลิกเอาสักสามทุ่มนั่นแหละ ที่เป็นยังงี้ก็เพราะว่าถ้าอีกหน่อยไอ้แมนกับมินไปเรียนแล้ว น้องมันจะได้มีเวลามาช่วยตอนหลังเลิกเรียนได้ และเราคงหยุดขายสามวัน คือ วันเสาร์อาทิตย์และวันจันทร์ให้แม่อัมได้พักผ่อนเต็มๆที่หน่อยไม่งั้นผมกลัวแม่จะตรากตรำมากไป
ตอนนี้ได้ไอ้เจดกะแฟนมันมาช่วยที่ร้านเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังต้องจ้างเด็กคนงานบ้านไอ้เอ๊กซ์ไว้คอยช่วยอยู่ดี ไม่งั้นตายครับ เสิร์ฟกันไม่ทันแน่ๆทั้งอาหารทั้งเครื่องดื่ม นี่ยังดีว่าเราขายแค่เฉพาะส้มตำกับไก่ย่างเท่านั้น ถ้ามีเมนูอื่นด้วยแม่อัมคงแย่แน่ๆ
ตัวผมเองช่วงนี้ก็ใกล้จะจบช่วงฝึกงานแล้วครับ โล่งใจไปเยอะอ่ะ ตอนเย็นพอเลิกจากที่โรงแรมผมก็จะมาช่วยที่ร้านแทบทุกวันอยู่แล้ว แต่ที่ผมผิดสังเกตอยู่อย่างนึงก็คือ ไอ้มาร์ทมันจะพยายามตามผมมาด้วยเกือบทุกครั้งเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่พวกไอ้เอ้หรือแม้แต่ไอ้ชายน้องมันก็ไม่ได้ใส่ใจจะมาสักเท่าไหร่
และทุกครั้งที่มาที่ร้านมันก็จะต้องมานั่งคุยอยู่กับมินจนดึกปิดร้านไปแล้วนั่นแหละ พอถามมันๆก็บอกว่ามันอยากมาช่วยน้องเพราะถึงมันกลับไปบ้านมันก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่ว่างๆเสียเวลาเปล่า ฟังดูแล้วคิดว่าไงล่ะครับ ดูสมเหตุสมผลดีมั๊ยเนี่ย
" มาร์ท... กูจะขอถามมึงตรงๆนะเว้ย มึงก็ตอบกูตรงๆตามความจริง ตามที่ใจมึงคิดเนี่ย โอเคมั๊ยวะ" ผมถามมันในวันหนึ่งเพราะเริ่มทนไม่ไหวซะแล้ว อยากรู้ความจริงจากปากมันมากกว่า
" อะไรของมึงวะ" มันทำหน้างงที่เห็นผมดูท่าทางจริงจัง
" กูอยากรู้... มึงชอบมินอยู่รึป่าววะ ตอบกูตรงๆไม่ต้องกลัวกูโกรธหรอก ชอบมึงก็บอกชอบ ถ้าไม่ก็บอกไม่ แค่นั้นแหละ" ฟังจบมันก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆทันทีครับ ผมเลยยิ่งจ้องตามัน
" เฮ้ย... อะไรของมึงวะ ไอ้บ้า... กูจะไปคิดงั้นได้ไง นึกไงมาถามกูเนี่ย" มันตอบแต่หลบตาผมทันทีครับ แล้วก็หัวเราะเบาๆ ซึ่งมันโคตรจะดูฝืนเลย แต่แค่มึงหลบตากูยังงี้กูว่ากูคงไม่ต้องสืบแล้วว่ะ
" เออ... ไม่ได้คิดก็ไม่ได้คิด กูก็ลองถามดูเห็นช่วงนี้มึงมานี่บ่อยมากแล้วก็สนิทสนมกะเมียกูเป็นพิเศษจนดูเกินเลยว่ะ โอเค... กูอาจคิดมากไปนะ แต่... ไม่รู้เด่ะ ยังไงกูก็รักและหวงเมียกูมากนะเว้ย"
" ไม่หรอก กูก็แค่เห็นว่าน้องมันน่ารักคุยสนุกดีก็แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลยมึง" มันบอกแล้วก็ตบไหล่ผมทีนึง ผมก็หันไปมองหน้ามัน นั่นก็ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่าไอ้ที่มันพูดอยู่กับในใจมันเนี่ย สวนทางกันซะแล้ว
" อืม... งั้นก็ดีแล้วล่ะ ยังไงซะกูก็รักมินมากนะเว้ย และไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดมาแหยมกะเมียกูแล้วกัน กูไม่ยอมแน่" ผมย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง ก็เป็นการประกาศให้มันรับรู้ไว้แหละครับว่าผมรู้ทันมันแล้วถึงวันนี้มันจะยังไม่ยอมรับก็เหอะ
ที่จริงผมว่าผมน่าจะต่อยมันแล้วบอกว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีกจะดีมั๊ย เพื่อนแบบนี้ผมยังควรคบมันต่อไปอีกเหรอ แต่ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมไม่โกรธมัน เหมือนผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในใจของมันว่าที่จริงมันก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก
แม้ว่าผมก็เพิ่งจะมาคบกับมันแค่ไม่นานเท่าไหร่นี่เอง แต่ผมเชื่อว่าคนอย่างมันคงไม่คิดแทงข้างหลังเพื่อนแบบนี้หรอก แต่.... ก็ไม่รู้ดิ ถ้ามันจะเป็นเพราะความน่ารักอย่างไม่เกรงใจใครของมินที่ไปทำให้ไอ้มาร์ทมันเขวไปได้ซะขนาดนี้ล่ะก็ งั้นผมขอให้สิ่งที่ผมพูดกะมันวันนี้ช่วยเตือนสติและดึงมันกลับมาเป็นคนเดิมทีเหอะ ผมไม่อยากเสียเพื่อนดีๆอย่างมันไปเลย
-
-
วันนี้ไอ้ป้างโทรมาคุยกับผมเรื่องงานของมันครับ มันบอกว่ามีนิตยสารเล่มนึงซึ่งเป็นนิตยสารชั้นแนวหน้าเลยล่ะ เรียกว่าถ้าใครไม่ดังจริงๆเค้าจะไม่เสียเวลาติดต่อไปหรอก แต่นี่เค้าสนใจติดต่อไอ้ป้างมาว่าให้ชวนผมไปถ่ายลงปกคู่กัน ชุดว่ายน้ำซะด้วยดิ แถมเป็นนิตยสารนี้ซะด้วย งานช้างเลยนะเนี่ย
" คอนเซปต์เค้าอยากให้เป็นประมาณว่าเป็นฝาแฝดกันแต่เป็นคนละสไตล์ ไม่เหมือนกันซะทีเดียวไง เค้าเลยสนใจติดต่อกูมาว่าให้ชวนมึงด้วย มึงล่ะ... สนใจมั๊ยวะ แต่กูอยากได้งานนี้มากว่ะ ไม่ใช่แค่เงินดีหรอกแต่ถ้าใครได้ลงปกเล่มนี้นะมึง รับรอง... เกิดจนรับงานไม่ทันแน่" ผมฟังๆดูมันพูดมาประมาณนี้ก็เท่ากับว่ามันขอร้องผมแล้วอ่ะดิ
" เออ... ก็เอาดิ น่าสนใจดีว่ะ จะได้ช่วยดันมึงให้เกิดด้วย มีแต่ได้กับได้แบบนี้ไม่เอาได้ไง ว่าแต่....."
" อะไรวะ"
" บอกตรงๆว่ากูยังเข็ดกับที่ไปถ่ายงานครั้งนั้นอยู่เลยว่ะ ยากฉิบหาย กูปั้นหน้าจนเมื่อยเค้าก็ยังไม่ถูกใจเลย ถ้าเป็นยังงั้นอีกกูจะทำไงวะเนี่ย" ผมบ่นถึงวีรกรรมที่ผ่านมาครั้งก่อนของผม ที่ผมโกรธทีมงานถ่ายแบบแล้วกลับบ้านไปเฉยๆซะงั้นจนกองถ่ายเค้าแทบจะเจ๊งไปเลย
" เออ... ก็จริงของมึง เฮ้อ... งั้นก็ไม่เป็นไร ช่างเหอะว่ะ เดี๋ยวกูลองคุยกะเค้าอีกทีละกัน" มันถอนหายใจเบาๆอย่างถอดใจ
" เฮ้ย... เดี๋ยวดิ กูไม่ได้บอกมึงว่ากูจะไม่ทำงานนี้นะ คราวนี้กูรับรองว่าจะไม่ทำตัวเหี้ยๆแบบนั้นอีกแล้ว อย่างมากถ้าเค้าไม่โอเคกับการทำงานของกูเนี่ย ก็ให้พวกเค้าตกลงกันเอาเองว่าจะเอาไง แต่กูจะไม่ทิ้งทุกอย่างแล้วเดินออกมาเลยแบบนั้นอีกเด็ดขาดว่ะ มึงไว้ใจกูได้เลย รับรองว่ากูจะไม่ทำให้มึงผิดหวังอีกว่ะ" ผมให้คำมั่นกับมันไป
" โห... นี่ถ้ากูไม่มาได้ยินมึงพูดเองยังงี้กูก็คงไม่เชื่อว่ะว่ามึงจะพูดจะคิดยังงี้เอง มึงนี่เปลี่ยนไปมากจริงๆนะเว้ย เปลี่ยนจนแทบไม่มีเค้าไอ้เป้งคนเดิมแล้วว่ะ โตเป็นผู้ใหญ่ซะทีนะมึง กูดีใจว่ะ" มันบอกด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกได้ว่ามันดีใจอย่างนั้นจริงๆ
" เออ... ไม่ต้องมาชมกูมาก เดี๋ยวกูลอย... ตกลงว่ามึงก็รับงานเค้าแล้วกัน ไม่ต้องห่วงกูหรอก กูคิดได้แล้วจริงๆว่ะ"
" โอเคว่ะ งั้นกูจะรับงานนี้เลย มีเวลาเตรียมตัวเดือนกว่าต้องฟิตหุ่นให้ดีเลยนะมึงเพราะมันเป็นถ่ายชุดว่ายน้ำอ่ะ เออ... งั้นมึงมาที่ฟิตเนสกะกูเลยละกัน จะได้ลงคอร์สด้วยกันเลย เทรนเนอร์ที่นี่เค้าเก่งนะเว้ย" มันชวนผม
" ฮ่าๆ เอาดิ ฟรีใช่ป่ะ"
" เออ... สราด แหม... ชอบของฟรีขึ้นมาเลยนะ"
" ป่าว... ก็แค่เบื่อๆฟิตเนสที่คอนโดนี่อ่ะ อยากไปลองเทรนกะเทรนเนอร์เก่งๆดูดิ๊จะเป็นไง"
" อืม... ได้ งั้นเดี๋ยวกูจะนัดวันกะมึงอีกทีละกัน ช่วงนี้มึงก็ฝึกงานจะเสร็จแล้วใช่ป่ะ ดีเลยจะได้มีเวลา โอเคนะเว้ย"
" เออๆ โอเค งั้นแค่นี้นะ"
" เออ... ขอบใจมึงมากนะเว้ย ที่รับงานนี้เพราะอยากช่วยกูอ่ะ ขอบใจจริงๆว่ะ" มันย้ำคำขอบคุณผมอีกครั้ง ซึ่งผมดีใจนะเพราะที่จริงผมก็อยากช่วยให้มันได้งานนี้ มันจะได้ดังให้สุดๆไปเลย
" ก็มีกันอยู่แค่นี้ล่ะวะ ไม่ช่วยมึงจะช่วยหมาที่ไหน ฮ่าๆ"
" สัดนี่... มาด่ากูหมาซะงั้น เดี๋ยวเหอะมึง" มันด่าผมแล้วก็หัวเราะจากนั้นก็วางไป ยังงี้ก็ดีแล้วผมได้งานพร้อมๆกับได้ช่วยมันไปด้วย คราวนี้ผมจะพยายามตั้งใจให้มาก ใครจะบ่นว่ายังไงผมก็จะอดทนและจะไม่ทำตัวงี่เง่าเหมือนคราวก่อนอีก
เพราะครั้งนี้ผมถือว่าโอกาสที่ผมเคยปล่อยให้หลุดลอยไปตอนนั้นมันหวนกลับมาหาผมแล้ว เพราะงั้นผมจะไม่ปล่อยให้มันหลุดไปอีกเพราะอีโก้บ้าๆของตัวเองแล้วล่ะ เข็ดแล้วจริงๆ
-
-
และแล้ววันที่พวกผมตั้งหน้าตั้งตารอกันมาตั้งเป็นเดือนๆก็มาถึงซะที ก็วันจบการฝึกงานน่ะสิครับ เกรดการฝึกงานของผมกับเพื่อนๆคงออกมาดีอยู่แหละ เพราะตั้งแต่มาทำงานกันที่นี่ พี่ๆหัวหน้าเค้าก็ยังไม่เคยต้องตำหนิอะไรพวกเราเลยนะ มีแต่จะชมอ่ะ ก็เลยว่าจะไปฉลองกันที่ผับประจำของเราที่รัชดาฯแหละครับ
" เออๆ กูมาถึงแล้วกำลังจะลงรถอยู่" ผมบอกไอ้เอ๊กซ์ทางโทรศัพท์ขณะถอยรถเข้าจอดที่ลานจอดของผับนั้น
" โอเค... มึงรีบเข้ามาเลยละกัน" มันเร่งผมแล้วก็วางสายไป ผมเลยรีบเดินเข้าไปข้างในผับแล้วมองหาพวกมัน แต่พอเห็นพวกมันผมก็ต้องประหลาดใจทันทีเพราะแพทกับเพื่อนผู้หญิงของเธอทั้งกลุ่มกำลังนั่งกับพวกมันอยู่ อีกแล้วเหรอวะเนี่ย
" อ้าว เป้ง มาแล้วเหรอคะ ดีจังเลยค่ะ พอดีวันนี้แพทมาเที่ยวกับเพื่อนๆพอดีเลย มานั่งแจมกันนะ" เหอะ จริงเหรอวะเนี่ย อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
ที่จริงวันนี้พวกผมมากันเยอะ นอกจากพวกไอ้เอ้ยังมีเพื่อนในก๊วนที่มหา'ลัยผมอีกหลายคน รวมๆแล้วก็เกือบสิบคน แล้วยังมีไอ้ชาย ไอ้มาร์ทและไอ้แจ๊คอีก ก็กะว่ามาฉลองกันทีเดียวเลยล่ะ และพอแพทมากับเพื่อนสาวๆสวยๆของเธอด้วยยังงี้ ไอ้พวกนี้มันเลยยิ่งคึกคักกันเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่มองๆอยู่นี่แต่ละคนมันดี๊ด๊าหน้าบานกันซะจริงๆ
" ครับ เอ่อ... ก็ดีเหมือนกัน" หึ... ก็นะ... ผมจะไปว่าไรได้ล่ะ เพราะพวกไอ้เอ้มันก็คงอยากแจมกะเค้าอยู่แล้ว สวยๆแจ่มๆกันทุกคนเลยว่ะเพื่อนแพทเนี่ย แต่ขอโทษ.... ยังไม่ได้ครึ่งนึงของน้องมินว่ะ เหอะๆ
สักครู่เดียวทุกๆคนก็สามารถกระชับความสัมพันธ์กันซะสนิทสนมและเริ่มสนุกสนานกันมากขึ้น โดยเฉพาะไอ้พวกเพื่อนๆผมนั่นแหละ ประกบคู่กะเพื่อนสาวๆของแพทกันสนุกไปเหมือนเคย ส่วนผมก็นั่งกินชิลล์ๆไป แพทเค้าก็ชวนผมคุยไปเรื่อย
" เนี่ย... อีกไม่นานแพทจะเปิดร้านอาหารเองแล้วนะ เป้งสนใจอยากไปเป็นหัวหน้าเชฟให้ที่ร้านแพทมั๊ยคะ"
" โห... ผมยังไม่สามารถขนาดนั้นหรอกครับ เป็นผู้ช่วยอ่ะพอได้" ผมปฏิเสธแล้วก็หัวเราะเบาๆ
" แหม... แพทรู้นะว่าเป้งน่ะเก่งจะตาย แต่ให้ลองกลับไปพิจารณาดูก่อนก็ได้ค่ะ" แพทยิ้มด้วยท่าทางกันเอง
" ก็ไม่รู้ดิ ผมกลัวว่าถ้าไปทำงานที่ร้านคุณแล้วจะพาร้านคุณเจ๊งไปซะเปล่าๆ ผมไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก"
" ค่ะ แต่ยังไงแพทก็เชื่อนะว่าคนมีความสามารถอย่างคุณน่ะทำได้อยู่แล้วล่ะ อิจฉาแฟนคุณจังเลยนะ อีกหน่อยพอคุณจบมาก็จะได้เป็นเชฟแล้ว เค้าก็คงได้เป็นแฟนเชฟหนุ่มหล่ออนาคตไกลนะเนี่ย" แพทบอกแล้วก็หัวเราะคิกคัก ผมก็ได้แต่ยิ้มให้
" คุณก็พูดเกินไปครับแพท จบมาผมจะได้เป็นเชฟจริงๆรึป่าวยังไม่รู้เลย อาจจะต้องไปขายส้มตำก็ได้นะ ฮะๆๆ" ผมปล่อยมุขไปขำๆ แต่มันก็จริงนี่หว่า ไปขายส้มตำกะเมียไง แฮบปี้จะตาย เหอๆ
" บ้าสิ... แหม... เรียนจบมาขนาดนี้จะไปขายส้มตำได้ไงคะ ถ้าไม่มีใครจ้างก็มาทำงานให้แพทสิ รับรองว่าแพทจ่ายค่าตัวให้ไม่อั้นเลยน๊า จะบอกให้"
" ฮะๆ ใจป้ำจังนะครับ ก็ไว้ดูก่อนละกัน พ่อผมเองเค้าก็เปรยๆว่าอยากให้ผมไปทำที่โรงแรมของเพื่อนเค้าน่ะครับ ผมอาจจะต้องตามใจพ่อก่อนก็ได้"
" อืม... ก็ไม่เป็นไรค่ะ แล้วแต่เป้งตัดสินใจนะคะ เอาล่ะ... แพทว่าเรามาชนแก้วกันดีกว่านะ ดื่มให้เชฟหนุ่มอนาคตไกลค่ะ" แพทบอกแล้วก็ยกแก้วมาชนกับผม ผมยอมรับเลยนะว่า ดูๆแล้วเหมือนแพทจะทำใจเรื่องผมได้จริงเพราะเธอไม่มีท่าทีอะไรที่บ่งบอกว่ายังชอบผมแบบนั้นอยู่เลย ก็ดีเหมือนกันเธอคงคิดได้แล้วจริงๆมั๊งครับ ทีนี้ผมจะได้เลิกกังวลซะที
*************************************