พี่เป้งกับน้องมินมาแล้วครับ
ขอบคุณทุกๆท่านที่ยังรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
โดยเฉพาำะคุณ DarKLasT ที่มาปูเสื่อรอกันตลอดเลย และก็แฟนๆผู้อ่านทุกท่านที่ยังคงติดตามกันอย่างเหนียวแน่น
หลายๆท่านมักจะบ่น ไม่ดิต้องบอกว่าทุกท่านเลยล่ะ 555 มักบ่นว่าไม่เอามาม่้า แต่อย่างที่บอกคร้าบว่าเรื่องนี้ตั้งใจแล้วว่าจะให้มีครบทุกรสจริงๆ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาม่าอยู่ดี อิอิ
แต่ถึงยังไงก็ยังต้องแฮบปี้อย่างแน่นอนคร้าบ รับรองได้ เอาหัวเป็นประกัน
ตอนที่27 *****************************************
วันนี้สอบวันสุดท้ายซะที ผมเดินตัวเบาหวิวออกมาจากห้องสอบวิชาสุดท้ายด้วยความรู้สึกโล่งสบายเพราะคร่ำเคร่งอ่านหนังสือมาหลายวันแล้ว ก็คงเป็นครั้งแรกๆล่ะมั๊งที่ผมตั้งใจดูหนังสือสอบซะขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องขอบคุณสุดที่รักของผมที่คอยแวะเวียนมาดูแลกันตลอดช่วงที่เตรียมตัวอ่านหนังสืออยู่ที่คอนโด จนผมงี้เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังใจ หึๆ
" เฮ้ย... เดี๋ยวคืนนี้ฉลองกันนะเว้ย พวกมันไปกันครบทุกคน อ้อ... กูโทรไปชวนไอ้มาร์ทไอ้แจ๊คไว้แล้วว่ะ เจอกันที่เดิมนะ" ไอ้เอ๊กซ์เดินมาบอกผมแล้วมันก็รีบเดินขึ้นตึกไปเลย เวร... มึงคิดจะถามกูซะนิดมั๊ยว่า กูไปได้มั๊ย ติดธุระอะไรรึเปล่า
แต่ก็ดีเหมือนกันครับไปพักสมองหน่อยก็คงดี ว่าแล้วผมก็ขับรถไปแวะหามินที่ร้านส้มตำก่อน เห็นน้องกำลังง่วนตำส้มตำอยู่เลยครับ และเมื่อน้องเห็นผมก็ยิ้มหน้าบานเหมือนกับกำลังรอผมอยู่แล้ว
" อ๊ะ... นี่สอบเสร็จแล้วเหรอครับ แล้วพี่ทำข้อสอบได้มั๊ยเอ่ย"
" หึๆ ทำได้สิคร้าบ มีกำลังใจดีๆคอยซัพพอร์ตตลอดยังงี้น่ะ"
" ดีแล้วครับที่ทำได้ อุตส่าห์ทนอ่านหนังสือตั้งหลายวัน"
" คร้าบ... อ้อ... มิน... เดี๋ยววันนี้พี่จะไปฉลองกับพวกไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์มันซะหน่อยนะ"
" เหรอครับ... งั้นก็อย่าดื่มกันเยอะมากนะครับ พี่ต้องขับรถนี่นา" น้องเตือนผมอย่างห่วงๆ
" หึๆ ห่วงพี่เหรอครับ น่ารักจริงๆ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่กินนิดๆหน่อยๆเองจะไม่ให้เมาหรอก สบายใจได้ครับ" ผมบอกแล้วก็ลูบหัวน้อง แต่พอหันไปผมก็เห็นไอ้มาร์ทกับไอ้ชายมันกำลังเดินเข้ามาครับ พร้อมๆกับ.... คนที่ผมนึกไม่ถึง
" อ้าว... มึงอยู่พอดีเลยเว้ยเป้ง" ไอ้มาร์ทเอ่ยขึ้นก่อน
" อืม... ดีจังเป้งก็อยู่พอดีเลย งั้นเดี๋ยวเราจะได้ไปพร้อมๆกันเลยนะ"
" แพท...... นี่คุณมากับพวกมันได้ไงครับเนี่ย" ผมถามออกไปอย่างมึนมากๆ งงไปหมดเลยครับ ตอนนี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคือ ไอ้มาร์ทกับไอ้ชาย แพทและเพื่อนผู้หญิงสวยมากอีกคนที่ผมเดาว่าคงเป็นเพื่อนแพท
" ไม่ต้องงงหรอกค่ะ พอดีมาร์ทกับชายเค้าชวนแพทไปฉลองด้วยกันไงคะ อ้อ... ลืมแนะนำ นี่เกรซเพื่อนแพทเองค่ะ" แพทยิ้มแล้วหันไปแนะนำเพื่อนสาวสวยของเธอกับผม มินก็ยกมือไหว้ทุกคนอย่างนอบน้อม
" อ๊ะ... นี่เหรอคะน้องมิน แหม... น่ารักจังเลย มิน่าเป้งถึงได้หลงรักขนาดนี้" แพทหันไปยิ้มทักทายกับมินอย่างกันเองมากๆ จากที่ผมไม่เคยอยากให้ทั้งสองคนได้พบกันเลยแต่ก็มาเจอกันจนได้ เพราะถึงแม้ท่าทางของแพทจะดูไม่มีอะไรก็เหอะ แต่ผมก็ห่วงอยู่ดี
" เอ่อ... แล้วนี่นึกยังไงถึงแวะมาที่นี่กันล่ะครับ ว่าไงวะมาร์ท" ผมหันไปถามทั้งแพทและไอ้มาร์ทนั่นแหละ แต่ไอ้ชายมันกลับอมยิ้มมุมปากอย่างกวนตีน ซึ่งผมไม่เคยชอบเลยว่ะ ไอ้ยิ้มแบบนี้ของมันเนี่ย
" อ๋อ... ก็ไม่มีอะไร กูชวนแพทไปฉลองด้วยกันแต่กะว่าจะแวะมาอุดหนุนร้านมินซะหน่อยก่อนไปน่ะ ก็มันอีกตั้งนานนี่หว่ากว่าจะถึงเวลาที่นัดกันอ่ะ" ไอ้มาร์ทอธิบาย
" ค่ะเป้ง มาร์ทเค้าไปคุยใหญ่เลยว่าน้องมินตำส้มตำอร่อยมาก เลยอยากจะแวะมาชิมน่ะ"
" โอ๊ย... ไม่ขนาดนั้นหรอกครับพี่ พี่มาร์ทเค้าก็ชมผมเกินจริงไป" มินตอบอย่างถ่อมตัวแล้วก็หัวเราะเบาๆ
" งั้นต้องขอลองชิมดูก่อนล่ะ พี่ขอตำไทยใส่ปูเอาให้แซ่บสะใจเลยนะคะ แล้วคนอื่นๆล่ะ เอาอะไรดี" แพทเริ่มสั่งมินแล้วก็หันไปถามคนอื่นๆ จากนั้นก็พากันไปนั่งที่ในบ้านเพราะไม่มีโต๊ะว่างให้นั่ง ซึ่งก็ไปเจอกับแม่อัมพอดีเลยพากันยกมือไหว้และนั่งคุยกับแม่อัมอยู่ในบ้าน
ส่วนผมน่ะเหรอ ก็ยืนอึ้งเป็นรูปปั้นอ่ะครับ มันรู้สึกงงจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลย ถึงผมจะรู้ดีว่าแพทรู้จักกับเพื่อนผมทุกคนรวมทั้งไอ้มาร์ท แต่เค้าไปสนิทกันถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ พอสักแปบไอ้แมนมันก็มาสะกิดถามผม
" พี่ๆ ใครอ่ะ เพื่อนพี่เหรอ สวยว่ะ" มันถามแล้วก็ยิ้มหื่นๆ
" เออ... เพื่อนกู แล้วมึงจะทำไม" ผมบอกแล้วหันไปจ้องมัน แต่ไม่กล้าบอกมันว่ะว่านั่นเมียเก่า
" เปล๊า... ผมก็ไม่ทำไมอ่ะ... แค่ถามดูเฉยๆ" มันแกล้งปฏิเสธเสียงสูงแล้วก็หัวเราะกวนๆมีเลศนัย
ส่วนมินเองก็ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรครับ น้องคงคิดว่านั่นเป็นเพื่อนผมคนนึงมั๊ง แต่ก็ยังไม่วายกังวลว่ะ เดี๋ยวคงต้องบอกน้องตรงๆไม่งั้นอาจเกิดปัญหาตามมาให้ปวดหัวอีก เฮ้อ...
พอมินตำส้มตำที่สั่งเสร็จน้องก็เอาไปเสิร์ฟเอง ผมก็ดันห้ามไว้ไม่ทัน แพทก็พยายามหาเรื่องมาคุยกับมินโดยชมว่าทำอาหารอร่อยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ผมก็พยายามกันท่าไว้ตลอด แล้วไล่ให้น้องไปตำส้มตำหน้าร้านต่อซะ อย่างที่บอกอ่ะครับมันไม่มั่นใจเอามากๆไม่อยากให้สองคนนี้คุยอะไรกันเลยจริงๆ ไม่งั้นผมอาจมีงานเข้าอีก
พอสักพักนึงผมก็แกล้งตัดบทบอกไอ้มาร์ทว่าให้ออกเดินทางกันซะทีเพราะนี่ใกล้เวลานัดแล้ว กว่าจะไปถึงรถอาจจะติดมาก มันก็ยังทำอิดออดอยู่นิดนึงไม่ไปง่ายๆครับ จนผมรำคาญเลยต้องเดินออกมาก่อน
" เป้งคะ งั้นแพทขอไปรถเป้งนะคะ" ผมยังไม่ทันอ้าปากแพทก็เปิดประตูรถแล้วครับ
" เอ่อ........" ผมยังอ้าปากค้างอยู่เลย
" ไปสิคะ เดี๋ยวช้าแล้วรถติดมากนะ" แพทยิ้มบอกผม แมร่งเอ๊ย... เหมือนโดนมัดมือชกอีกแล้วว่ะ โดนแบบนี้ทีไรแก้ไม่ได้ไปไม่เป็นทุกทีสิกู ก็เลยต้องยอมนั่งไปกะแพทซะงั้น
" น้องมินเนี่ยเค้าน่ารักจริงๆนะคะ เก่งซะด้วยสิ ตัวแค่นี้"
" ..............................." ผมก็ได้แต่อึ้งน่ะนะ
" สงสัยไว้แพทต้องให้น้องสอนทำอาหารให้บ้างแล้วล่ะ อยากฝึกไว้จะได้เป็นแม่ศรีเรือนกะเค้าบ้างไงคะ เป้งว่าดีมั๊ย" แพทบอก แต่ผมฟังแล้วต้องหันขวับไปทันที
" เอ่อ...... แพทอยากให้น้องสอนจริงๆเหรอครับ"
" ค่ะ... แต่แพทไม่ให้น้องสอนฟรีๆหรอกนะคะ มีค่าเหนื่อยค่าขนมให้ด้วยน้า น้องเก่งขนาดนี้แพทคงได้เป็นแม่ศรีเรือนสมใจล่ะทีนี้" แพทบอกแล้วก็หัวเราะคิกคัก ส่วนผมก็จะพูดอะไรได้ว่ะ ตกลงนี่มันยังไงกันแน่วะเนี่ย ชักเริ่มแปลกๆแล้วดิ....
" ที่จริงผมว่าแพทให้แม่อัมสอนโดยตรงเลยก็ได้นะครับ แม่อัมน่ะตัวจริงเสียงจริงเลยนะ รับรองว่าได้วิชาร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มๆเลยด้วย ผมว่ามันจะดีกว่านะ"
" อุ๊ย... อย่าเลยค่ะเป้ง เกรงใจแม่เค้า ให้น้องสอนน่ะดีแล้วค่ะ" แพทยังคงยืนกราน ฟังดูเหมือนจะมีเหตุผลนะที่เกรงใจผู้ใหญ่ แต่ไม่เกรงใจน้องมันเนี่ย ยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบมาพากลเข้าไปอีก
" ถ้างั้นผมขอไปดูด้วยแล้วกันนะครับ ก็ดีเหมือนกันนะ จริงๆผมก็อยากให้น้องสอนอาหารไทยให้ผมบ้างเหมือนกัน เพราะว่าผมอ่ะห่วยมากๆเลยเรื่องอาหารไทยเนี่ย ขนาดจะทำต้มยำให้อร่อยยังไม่ค่อยจะได้เลย" ผมลองเสนอไป ตอนนั้นผมคิดครับว่าอย่างน้อยๆถ้าผมอยู่กับน้องตลอดเวลา ไม่ว่าแพทหรือใครคงมาหาเรื่องใส่ไฟให้ร้ายอะไรผมกับน้องไม่ได้หรอกมั๊ง
แต่ใจนึงก็ได้แต่หวังว่าเค้าคงไม่คิดทำอะไรร้ายๆอย่างนั้นหรอกน่า ขอให้ผมแค่คิดมากไปเองคนเดียวแล้วกัน
" อืม... ก็ดีค่ะ งั้นเรามาเรียนกับน้องพร้อมๆกันเลยก็ดีเนอะ"
" โอเคครับ งั้นแพทสะดวกวันไหนก็ลองนัดวันมาแล้วกัน" ผมสรุปจบการสนทนาของเรา เพราะตอนนี้ผมถอยรถเข้าจอดที่ผับซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายของเราเรียบร้อยแล้ว
พอเข้าไปข้างในพวกเพื่อนๆผมที่ยกโขยงกันมาเกือบทุกคนก็ร้องทักผม ผมเลยเดินไปนั่งที่โต๊ะกับไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์ พอสักแป๊บไอ้มาร์ท ไอ้ชายกับเพื่อนอีกคนของแพทก็เดินตามเข้ามา แต่จะว่าไปตอนที่ผมเดินเข้ามากับแพทเนี่ย ผมว่าไอ้พวกเพื่อนผมส่วนใหญ่คงจะนึกว่าแพทเป็นแฟนผมไปแล้วล่ะมั๊ง เดาจากสายตาพวกมันน่ะนะ
บรรยากาศการฉลองวันนี้ก็สนุกสนานดีมากเพราะแค่เพื่อนๆผมนี่ก็ยี่สิบกว่าคนแล้ว ยังไม่รวมบรรดาแฟนของพวกมันอีก ทั้งร้านเลยยิ่งคึกคักราวกับว่าพวกเราปิดร้านนี้เลี้ยงกันเองไปแล้ว ผมนั่งดูแพทคุยกับเพื่อนๆผมทุกคนอย่างสนิทสนมมากโดยเฉพาะไอ้มาร์ทกับไอ้ชาย ตกลงนี่แพทสนิทกับพวกมันขนาดนี้แล้วจริงๆเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ
แต่ก็เอาเหอะผมไม่อยากวิตกจริตอะไรให้มันมากมายเยอะแยะว่ะ แพทอาจจะแค่สนิทกับพวกมันไปตามปกติวิสัยก็เท่านั้น คงไม่มีอะไรแอบแฝงอยู่หรอก และถึงจะคิดมากไปตอนนี้มันก็เท่านั้นแหละ มาลองดูท่าทีต่อไปละกัน
-
-
พอกินๆไปสักพักผมก็ขอตัวกลับก่อน แพทก็พยายามรั้งผมไว้ผมเลยอ้างว่ารู้สึกมึนๆแล้ว อยากกลับไปพักมากกว่าคุณเธอถึงได้ยอมปล่อยตัวผมกลับมาได้ ผมก็รีบขับกลับมาคอนโดจากนั้นก็รีบโทรหาน้องทันที
" จะนอนรึยังครับเนี่ย"
" ยังครับ"
" พี่มีเรื่องต้องคุยกับมินหน่อยครับ อยากอธิบายอะไรหน่อยนะ"
" หือ... เรื่องอะไรเหรอครับ"
" ก็เรื่องเพื่อนผู้หญิงที่มาหาวันนี้น่ะครับ พี่คงต้องบอกกับมินก่อนนะว่าจริงๆแล้วเค้าก็คือคนที่เคยมาตามพี่ถึงคอนโดนั่นแหละ"
" เอ๊ะ... คนที่มาตามพี่เหรอครับ อ๋อ... คนที่เป็นข่าวนั่นน่ะเหรอ"
" ครับ เค้าก็คือแฟนเก่าพี่ คนที่พี่เคยบอกมินนั่นแหละครับ"
" อ้าว... เหรอครับ คนนี้เองเหรอ"
" ครับ แล้วที่พี่ต้องบอกมินก่อนก็เพราะว่าพี่ไม่อยากเหมือนปิดบังมินไง แล้วอีกอย่างตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เค้านึกยังไง เห็นเค้าบอกว่าอยากให้มินช่วยสอนเค้าเรื่องทำอาหารหน่อยครับ"
" เอ๋... ให้มินน่ะเหรอครับ สอนเค้า"
" ครับ เค้าเจาะจงมาเลย ขนาดพี่บอกว่าให้แม่อัมสอนให้ดีกว่าเค้ายังไม่ยอมเลยเพราะเค้าบอกว่าเกรงใจแม่อัม"
" อืม... นี่เค้านึกยังไงน้า ถึงจะมาให้เด็กอย่างผมสอนเนี่ย ผมจะไปสอนยังไงอ่า"
" ครับ... ถ้างั้นพี่จะบอกไปว่ามินปฏิเสธแล้วกันนะครับ จะได้ตัดปัญหาไป บอกเค้าว่าไม่มีเวลาก็ได้ ดีมั๊ยครับ"
" อืม... แล้วแต่พี่ครับ แต่มันจะดีรึเปล่าล่ะครับ เราไม่มีเหตุผลดีกว่านี้ไปปฏิเสธเค้าน่ะ"
" ก็เดี๋ยวพี่ลองบอกเค้าดูก่อน แล้วถ้าเค้าไม่ยอมยังไงก็ค่อยว่ากันอีกทีเนอะ"
" ครับผม ลองดูก็ได้ครับ"
" เอ้อ ใช่... ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปพี่ก็ปิดเทอมแล้วนะครับ อยากไปไหนบ้างล่ะ ไปทะเลกันมั๊ยครับ"
" หือ.... ไปครับ ไป เย้ๆๆ จะได้ไปทะเลแล้ว" เสียงน้องดีใจใหญ่เลยครับ จนตอนนี้ผมอยากให้โทรศัพท์มันเห็นหน้าได้ว่ะ สามจีแมร่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะใช้ได้ทั่วถึงซะที เพราะหน้าน้องตอนดีใจขนาดนี้คงน่ารักสุดๆ
" ครับ งั้นเดี๋ยวเรามาดูกันว่าจะไปที่ไหนดี พี่ว่าคงไปกระบี่ทางโน้นไปเลยละกัน ทะเลสวยน่าเที่ยวกว่า นั่งเครื่องไปกันเลยนะดีมั๊ย เคยนั่งเครื่องบินรึยังเอ่ย"
" อ๊ะ... จริงเหรอครับ ดีจังๆ อยากไปจังครับ ผมยังไม่เคยได้นั่งเครื่องบินเลย" น้องยิ่งน้ำเสียงตื่นเต้นไปกันใหญ่
" ครับ งั้นไว้เรามาดูกันอีกทีนะว่าจะไปวันไหนดี เอ้อ ใช่ดิ พี่ลืมไปเลย เดี๋ยวมีงานที่ต้องไปถ่ายแบบกับไอ้ป้างนี่หว่า ว้า... เอาไงดี นี่ก็ใกล้แล้วด้วย"
" ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ พี่ปิดเทอมตั้งนานนี่ เสร็จงานหมดแล้วค่อยไปก็ได้ครับ" น้องบอกอย่างอารมณ์ดี
" ครับ ถ้างั้นพี่จะรีบจัดการอะไรๆทางนี้ให้เรียบร้อยแล้วเราไปกันเลยนะ"
" คร้าบ ดีใจจังเลย จะได้ไปทะเลแล้ว"
" หึๆ ครับ งั้นแค่นี้นะ ไปนอนเถอะครับ ดึกแล้ว"
" คร้าบ... ฝันดีนะครับ"
" เดี๋ยวดิครับ ต้องบอกว่าฝันดีนะครับที่รักด้วย ถึงจะครบสมบูรณ์"
" แหม... จะหวานมากไปป่าวครับ พี่อ่ะ เว่อร์ทุกที" น้องตัดพ้อนิดนึง ผมเลยหัวเราะ
" ก็พี่ชอบหวานๆนี่นา เร็วสิครับ รอฟังอยู่น้า"
" อ่ะ... ก็ได้ครับ อืม... ฝันดีนะคร้าบ... ที่รัก" น้องบอกแต่ลากเสียงซะยาวเลยครับ แล้วก็วางไปทันทีเลยอ่ะ ฮ่าๆ สงสัยป่านนี้หน้าคงแดงแป๊ดไปเลยแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ สำหรับผมเพียงแค่นี้ผมก็นอนหลับฝันหวานแล้วครับ
-
-
จากนั้นวันรุ่งขึ้นผมก็โทรไปบอกแพทเรื่องที่มินคงไม่มีเวลาไปสอนให้เพราะแค่เตรียมและขายของทุกวันนี่ก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว แต่คำตอบที่ผมได้รับก็คือ
" ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่เป็นไร ไว้แพทจะไปช่วยที่ร้านแล้วลักจำวิชามาเองดีกว่า เผื่อไม่แน่อย่างน้อยจะได้ตำส้มตำได้อร่อยๆเหมือนน้องไงคะ"
เฮ้อ... งานเข้ากูจนได้แล้วมั๊ยล่ะ ทีนี้จะทำไงวะเนี่ย สงสัยคงได้ตามไปประกบทุกวันแน่ๆ จะมีบ้างมั๊ยวะที่ชีวิตกูจะราบรื่นดีๆซะมั่งเนี่ย เบื่อจริงเว้ย.......
-
-
วันนี้ผมมาที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์แห่งนึงตามที่ได้นัดกับไอ้ป้างมันไว้ ที่จริงผมมาเข้าคอร์สเวทเทรนนิ่งเพื่อฟิตหุ่นกับไอ้ป้างมันได้สองสามอาทิตย์แล้ว เทรนเนอร์ที่นี่ก็สอนดีมากสมกับที่ไอ้ป้างมันคุยไว้ ดังนั้นตอนนี้หุ่นผมเลยเฟิร์มขึ้นจนเห็นได้ชัดมาก
แต่ทุกครั้งที่มาลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่ก็จะมามุงดูไอ้ป้างซุปตาร์กันครับ แต่พอเค้าเห็นผมอยู่ด้วยบางคนจะทำหน้างง แล้วก็มาดูผมด้วย
มีหลายคนพูดว่าเวลาไอ้ป้างมันอยู่แค่คนเดียวมันก็ดูเด่นมากแล้ว แต่พอมีผมมาอยู่ด้วยเนี่ย ทั้งไอ้ป้างและผมกลับยิ่งดูโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก เพราะอย่างนี้รึเปล่าแม๊กกาซีนนั้นเค้าถึงได้มาทาบทามผมกับมันไปขึ้นปกคู่กัน แถมตอนนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามีคนมองผมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ คงไม่ใช่ว่าผมนี่ราศีซุปตาร์เริ่มจับหรอกนะ ฮ่าๆ
และแล้ววันถ่ายจริงก็มาถึง พี่อาร์ตที่เป็นสไตลิสต์แจงรายละเอียดให้ผมกับไอ้ป้างฟังว่าการถ่ายทำครั้งนี้เค้าจะยกกองไปถ่ายกันที่ทะเลหัวหินครับ ต้องออกเดินทางกันไปแต่เช้ามืดไปถึงที่นั่นช่วงสาย จากนั้นก็เริ่มเตรียมตัวกันไปซึ่งคราวนี้บอกตรงๆเลยว่าผมตื่นเต้นอีกแล้วอ่ะ
" เฮ่ย... นี่มึงตื่นเต้นเหรอวะ" ไอ้ป้างถามผมครับ มันคงเห็นผมเดินวนไปวนมาว่อนเลยตอนที่รอเค้ามาแต่งหน้า
" เออว่ะ ไม่รู้ทำไมเป็นงี้" ผมสารภาพกะมัน
" อืม... กูว่า สงสัยคราวนี้มึงคงตั้งใจมากเกินไปว่ะ อย่าคิดมากเว้ยปล่อยสบายๆไป ถือว่ามาเที่ยวซะก็ได้ แล้วเดี๋ยวเค้าก็แค่มาถ่ายรูปมึงไป ก็เก๊กให้เค้าถ่าย แค่นั้นพอแล้วไม่ต้องไปคิดว่ามาทำงานหรอก"
" ก็จริงของมึงว่ะ จะคิดมากทำไมวะกู"
" แต่กูก็ดีใจว่ะที่เห็นมึงตั้งใจยังงี้ ดีแล้วล่ะ" มันบอกแล้วก็ตบไหล่ผมเบาๆ พอดีกับที่ช่างแต่งหน้าเค้าเรียกให้เราไปนั่งแต่งหน้า ผมก็เดินไปนั่งข้างไอ้ป้างนั่นแหละ
ระหว่างที่นั่งนิ่งๆให้เค้าจัดการหน้าและผมนั้น ตาผมก็เหลือบมองไปเห็นผู้ชายคนนึงใส่แว่นแฟชั่นกรอบสีดำหนาๆ กำลังยืนมองหน้าผมอยู่ใกล้ๆกันนั้น ซึ่งผมก็แปลกใจอยู่ว่าเค้าจะมาสนใจอะไรผมทำไม น่าจะไปสนใจซุปตาร์อย่างไอ้ป้างโน่นไม่ดีกว่ารึ
" โอเคค่ะ เดี๋ยวมาลองดูชุดที่จะใส่ถ่ายก่อนนะคะ" พี่ทีมงานบอกผมแล้วเดินนำทางไปยังเต้นท์ที่ใช้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้เราดูพวกกางเกงว่ายน้ำที่จะให้เราใส่ถ่ายงาน แต่ละชุดวาบหวิวใช้ได้เลยอ่ะ เหอๆ
จากนั้นผมกับไอ้ป้างก็เข้าไปเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำตามเซตที่จะใช้ถ่าย ทีมงานก็ทำงานกันได้รวดเร็วมากครับ ลุยถ่ายกันไปเรื่อยๆ ผมกะไอ้ป้างเปลี่ยนกางเกงกันแทบไม่ทันเลย มืออาชีพกันจริงๆว่ะ
ที่สำคัญสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในการมาทำงานครั้งนี้คือ ผมกลัวจะโพสท่าได้ไม่ถูกใจพี่ๆเค้านั่นแหละ กลัวคำบ่นจากเค้าว่าเราไม่ได้เรื่อง แต่ก็ไม่ยักเป็นยังงั้นเพราะพี่ตากล้องทำงานได้เร็วมากครับ ผมยังเปลี่ยนท่าตามไม่ทันด้วยซ้ำ แล้วเค้าก็ไม่มีการมาบ่น มาเรื่องมากว่ามุมนั้นไม่ดีมุมนี้ไม่ได้เหมือนการไปเทสหน้ากล้องครั้งนั้นของผมเลยอ่ะ
" โอเคครับ ดีมาก เอาล่ะ เปลี่ยนอีกเซตมาเลยครับ" พี่ตากล้องบอกให้ผมไปเปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำชุดใหม่มา แดดแมร่งก็ร้อนซะจริงว่ะ สงสัยกลับไปผมคงดำแน่ แต่ก็ไม่บ่นให้ใครฟังหรอกครับเดี๋ยวเค้าจะหาว่าเราเรื่องเยอะ
ตลอดการทำงานผมก็ยังคงเห็นพี่ผู้ชายคนนั้นมายืนมองผมอยู่ห่างๆตลอดเลย ไม่เข้าใจว่ะ จะมามองผมทำไมวะ ไปๆมาๆพออดไม่ได้ผมก็ลองถามกับพี่ทีมงานที่คอยดูแลผมกับไอ้ป้าง
" อ๋อ... นั่นคุณวินนี่ไงคะ เป็นหัวหน้าสไตลิสต์น่ะค่ะ"
" เอ๋... หัวหน้าสไตลิสต์เหรอครับ ผมนึกว่าสไตลิสต์งานนี้คือพี่อาร์ตซะอีกครับ" ผมถามกลับอย่างงงๆ ก็เห็นมีแต่พี่อาร์ตคนนี้นี่หว่าที่เป็นสไตลิสต์มาคอยอธิบายรายละเอียดการทำงานให้พวกผมฟังตลอด
" ก็ใช่ค่ะ คุณอาร์ตเป็นสไตลิสต์รับผิดชอบงานนี้ แต่เค้าก็เป็นผู้ช่วยของคุณวินนี่ไงคะ เพราะคุณวินนี่เนี่ยเป็นบอสใหญ่สุดเลยค่ะ" พี่ทีมงานอธิบายจนผมร้องอ๋อเลย
มิน่าเค้าถึงต้องคอยตามมาดูการทำงานตลอดเวลา ก็เพราะว่าพี่เค้าเป็นบอสใหญ่นี่เอง แต่ก็ยังคาใจว่ะ ถ้าเค้าดูงานเฉยๆก็ไม่น่าจะเหมือนกับมาจ้องผมอยู่คนเดียวนี่หว่า ทั้งๆที่ผมก็ถ่ายงานอยู่กับไอ้ป้างอีกคน หรือเราจะคิดมากไปวะ เค้าอาจจะแค่มองดูภาพรวมของการทำงานก็ได้
การทำงานยังคงดำเนินต่อไปจนถึงตอนเย็นเพราะตามคอนเซปต์งานคือ เค้าต้องการถ่ายบรรยากาศตอนเย็นๆด้วย ตอนนี้ก็เลยต้องรอแสงและบรรยากาศให้ได้อย่างที่ต้องการก่อน
" น้องป้าง น้องเป้งนี่ดูขึ้นกล้องดีมากๆเลยนะ พี่ยอมรับเลย ที่ถ่ายๆไปทั้งหมดนี่ออกมาดีมากเลยครับ ลองมาดูสิ" พี่โอมที่เป็นตากล้องชวนผมกับไอ้ป้างมาดูรูปที่ถ่ายไปแล้วในคอม ซึ่งก็จริงของเค้าอ่ะครับผมยังตะลึงกับตัวเองเลย มันดูดีมากจนเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลยว่ะ
" ขอบคุณครับพี่ ดูดีจริงๆด้วย" ไอ้ป้างหันไปขอบคุณพี่เค้า พอดีกับที่พี่วินนี่เดินเข้ามา
" ก็เนี่ยถ้าไม่ใช่เพราะพี่วินนี่เป็นคนเจาะจงคอนเซปต์มาว่างานนี้ต้องเป็นน้องเป้งน้องป้างนะ พี่ก็คงยังไม่รู้จะใช้ใครดีเลย ไม่ผิดหวังจริงๆเลยเนี่ย พี่วินนี่ตาแหลมมากครับ เลือกนายแบบได้เหมาะกับงานจริงๆ" พี่โอมหันไปกล่าวชมพี่วินนี่ที่ยืนยิ้มๆอยู่ โดยที่สายตาพี่วินนี่ก็ยังคงมองมาที่ผมอยู่ดีว่ะ
" โอย... ตาแหลมอะไรกันครับคุณโอม คู่นี้น่ะอีกไม่นานเค้าก็เกิดแน่ๆครับ ผมก็แค่เสนอให้จับมาถ่ายงานให้เราซะก่อนใครๆก็เท่านั้นเอง ไม่งั้นเดี๋ยวจะค่าตัวแพงไปกว่านี้เราคงจ้างไม่ไหว ฮะๆๆ" พี่วินนี่กล่าวติดตลกแล้วก็หัวเราะเบาๆ
" นั่นสิครับ คราวนี้ล่ะแม๊กกาซีนเราได้เกลี้ยงแผงอีกแน่ ปกนายแบบคู่แถมฮ๊อตซะขนาดนี้" พี่โอมหันมาตบไหล่ผมเบาๆทีนึงอย่างเอ็นดู ผมก็รู้สึกเขินไปอ่ะครับ ชมกันซะลอยเลยว่ะ จากนั้นเราก็เริ่มถ่ายทำกันต่อจนถึงค่ำ
" โอเคครับ วันนี้ต้องขอบคุณมากๆเลย ผลงานออกมาดีมากกว่าที่คิดไว้เยอะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับกันได้เลยครับ" คำพูดพี่โอมทำเอาผมแทบกระโดดร้องไชโยดังๆเลยครับ งานเสร็จเรียบร้อยด้วยดีแถมไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเลย เยี่ยมว่ะ
" เป็นไงบ้างครับน้องเป้ง เหนื่อยมากมั๊ยวันนี้" เสียงพี่วินนี่ดังจากข้างหลังผม พอหันไปผมก็เห็นว่าแกกำลังยื่นแก้วน้ำหวานให้ผมอยู่ ผมเลยรับไว้แล้วขอบคุณไป
" ขอบคุณครับพี่ ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ครับ แต่ประหม่ามากเหมือนกัน"
" หึๆ ก็ยังงี้แหละ นี่คงเป็นงานแรกของเราเลยใช่มั๊ยครับ"
" ครับผม ที่จริงเมื่อก่อนก็เคยเกือบจะได้ถ่ายกับไอ้ป้างมันแล้วล่ะครับ แต่ตอนนั้นผมมันเกเรซะก่อนเลยไม่ได้ถ่ายน่ะ"
" อ้าว...เหรอครับ มิน่าป้างเค้าก็เลยเกิดอยู่คนเดียวเลย" พี่วินนี่หัวเราะเบาๆแล้วก็ลากเก้าอี้ให้ผมนั่งลงที่โต๊ะ ส่วนพี่เค้าก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
" คือพี่สนใจอยากติดต่อให้น้องเป้งมาถ่ายงานให้เราอีกน่ะครับ คราวนี้จะเป็นงานเดี่ยว แล้วอีกอย่างนึงพี่สนใจอยากให้เป้งมาอยู่กับสังกัดของพี่น่ะครับ พอดีตอนนี้พี่ทำเกี่ยวกับโมเดลลิ่งอยู่ สนใจมั๊ยครับ"
" เอ่อ... เหรอครับ ก็สนใจครับ สนใจงานถ่ายแบบที่พี่ว่าจะให้ผมไปถ่ายให้อีก แต่ถ้าเป็นเรื่องสังกัดโมเดลลิ่งของพี่นี่ ไว้ผมขอลองตัดสินใจดูอีกทีได้มั๊ยครับ" ผมตอบไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่มั่นใจเลยอ่ะ อยากไปถามไอ้ป้างมันดูก่อนเพราะเรื่องของวงการนี้เนี่ยจะทำอะไรก็คงต้องคิดให้ดีๆซะก่อน
" ครับ... ไม่เป็นไร แต่ถ้าสนใจจะมาถ่ายลงหนังสือให้เราอีกก็โอเคครับ แล้วพี่จะติดต่อไปอีกที อ้อ... นี่นามบัตรของพี่นะครับ" พี่วินนี่บอกพลางยื่นนามบัตรให้ผมแล้วก็ยิ้มให้พร้อมกับลุกจากไป ผมก็รับนามบัตรนั้นไว้พลางคิดไปว่านี่งานเข้ากูแล้วจริงๆนี่หว่า งานดีมากๆซะด้วยสงสัยคราวนี้คงได้เกิดแน่เว้ย ฮ่าๆ
-
-
คืนนั้นกว่าจะกลับมาถึงคอนโดได้ก็ดึกมากแล้ว อย่างเหนื่อยเลยครับพี่น้องแต่ผมก็มีความสุขอ่ะ ผลงานออกมาดีแบบนี้อีกหน่อยผมอาจจะได้เกิดในวงการอย่างไอ้ป้างมันด้วยก็ได้ คิดแล้วก็ตื่นเต้นรีบโทรไปหาสุดที่รักก่อนดีกว่า แต่เฮ้ย... ดึกแล้วนี่หว่าลืมไปสนิท มัวยุ่งๆอยู่ทั้งวันไม่มีจังหวะจะโทรไปเลย
แต่ตอนนั้นพอคิดถึงน้องแล้ว ผมกลับเพิ่งฉุกคิดเรื่องที่สำคัญที่สุดที่ผมลืมไปขึ้นมาได้ ถ้าหากว่าผมเข้าวงการเหมือนไอ้ป้าง ถ้าหากผมได้เกิดในวงการจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเหมือนมัน แล้วมินล่ะ... ผมจะไปบอกคนอื่นๆได้เหรอว่าผมรักและคบกับน้องอยู่
พอนึกถึงตรงนี้แล้วผมรู้สึกอึ้งตัวชาไปเลย ใช่แล้วล่ะ มันจะเป็นไปได้ยังไง... ไอ้เป้งดารานายแบบดังเป็นเกย์คบเด็กผู้ชายเป็นแฟนมันจะมีใครที่ไหนยอมรับได้ แค่คิดนี่ผมก็มืดมนไปเกินแปดด้านแล้ว
ต่อให้ผมพยายามหลบๆซ่อนๆยังไงมันก็ต้องมีพลาดจนได้สักวันนั่นแหละ ที่ผ่านๆมาขนาดผมไม่ได้ดังอะไรก็ยังโดนมาแล้วนี่ ถ้าเกิดผมดังขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไงไม่อยากคิดเลยว่ะ และที่สำคัญมินไม่ได้เป็นแค่เมียน้อยเมียเก็บที่ต้องหลบซ่อนไว้ตามที่ลับพอวันไหนรู้สึกอยากก็ไปหานี่หว่า ผมจะไม่ยอมทำกับน้องแบบนั้นแน่
แต่ที่จริงโอกาสครั้งนี้มันช่างเป็นอะไรที่ผมรอคอยอยู่นานแล้วเหมือนกัน หลังจากที่ผมเคยปล่อยให้มันหลุดลอยไปแล้วครั้งนึงอย่างน่าเสียดายแค่เพียงเพราะความงี่เง่ากับอีโก้บ้าๆของตัวเอง แต่ครั้งนี้มันหวนคืนกลับมาหาผมอีกครั้งนี่นา แล้วผมจะต้องปล่อยให้มันหลุดลอยไปอีกครั้งเหรอ
แต่สำหรับมินแล้ว น้องก็สำคัญที่สุดสำหรับผมเหมือนกัน ผมผ่านมาถึงวันนี้ ผมเปลี่ยนไปดีขึ้นขนาดนี้ได้ก็เพราะน้องทั้งนั้น จนถ้าจะบอกว่าน้องเป็นชีวิตผมก็คงจะไม่เกินไปหรอก
ถ้างั้นผมก็คงต้องเลือกสินะ ระหว่างอนาคตในวงการกับคนที่ผมรักที่สุดน่ะ................
*******************************************