มาแล้วคร้าบ น้องมินที่ทุกท่านรอคอย
เสิร์ฟของหวานๆไปแล้ว คราวนี้ก็เสิร์ฟมาม่าให้ทานกันต่อนะครับ แต่ไม่ต้องห่วงแค่มาม่าเบาๆรสไม่จัดอ่ะ
(ว่าแล้วก็วิ่งหลบข้า่วของและรองเท้าที่โดนขว้างมาเพราะคนอ่านไม่พอใจ

อิอิ)
ตอนที่29 **************************************
เช้าของวันที่สามแล้ว วันนี้ผมตื่นมาอย่างสดชื่นว่ะ เหอะๆ มันแช่มชื่น สดใส ซาบซ่า เหมือนกินโค๊กเลยทีเดียว มองไปทางไหนก็.... สดชื่น......น สวยงามไปหมด หึๆ
" เดี๋ยววันนี้เราเข้าสปากันนะครับ พี่มีคูปองเดย์สปาฟรีหนึ่งคอร์สสำหรับสองคนอยู่ ต้องใช้ให้คุ้ม"
" เหรอครับ แล้วสปาที่นี่เค้าจะทำอะไรมั่งอ่ะครับ นวดๆตัวน่ะเหรอ ผมไม่ค่อยชอบเลยอ่ะ" มินบ่นหน้ามุ่ยๆ
" อืม... พี่ว่ามันคงมีให้เลือกน่ะ ถ้าไม่นวดก็คงทำอย่างอื่นได้ ขัดผิวนวดหน้า พอกหน้าอะไรแบบนี้แทนละกัน"
พอทานอะไรกันเรียบร้อยผมก็พาน้องมาที่สปาด้วยกัน ที่นี่เค้าตกแต่งได้น่าสบายมากๆ โอ่โถงโล่งสบายมีกลิ่นหอมๆของพวกอโรม่าต่างๆอบอวลตลอด
" ตกลงมินให้เค้าพอกหน้านวดหน้าแค่นั้นก็ได้มั๊ง เดี๋ยวพี่จะลองถามเค้านะ" ผมหันไปถามมินแล้วก็หันไปถามพนักงานที่เคาท์เตอร์ให้เค้าแนะนำบริการ
ตอนนี้ผมก็มานอนชิลล์ๆให้พนักงานสาวสวยนวดอโรม่าให้ ราวกับราชาเลยว่ะ เหอะๆ ส่วนมินก็นอนให้เค้าเอาครีม โคลน ผลไม้ สมุนไพรและอีกมากมายมาทาหน้าจนเต็ม นอกนั้นก็พอกไปตามผิวที่แขนและขา
" แหม... น้องนี่ผิวดีมากๆเลยนะคะ ดีกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก เนี่ยไม่งั้นพี่ต้องนึกว่าเราเป็นผู้หญิงแน่ๆเลย" เสียงพนักงานคนที่บริการมินอยู่เปรยๆขึ้นกับมิน
" จริงด้วยค่ะ... เนี่ย พี่ยังอิจฉาเลย ผิวขาวเนียนสวยขนาดนี้แสดงว่าดูแลดีแน่ๆ" พนักงานอีกคนเห็นด้วย ผมเลยหันไปมอง
" ก็ไม่หรอกครับ ผมก็ดูแลตามปกติเอง" มินบอกอย่างถ่อมตัว หึๆ สวยใสยังงี้ แฟนผมคร้าบ แฟนผม
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ตัวเบาเลยอ่ะครับ สบายตัวสุดๆ มินก็บอกว่าสบายผิวมาก สงสัยว่างๆคงต้องทำเองที่บ้าน ผมก็หัวเราะ ไม่ต้องแล้วครับน้อง แค่นี้พี่ก็หลงจะแย่แล้ว อย่าสวยไปกว่านี้เลยน่า
หลังจากกลับมาที่ห้องก็เก็บข้าวของกันทันทีเพราะต้องเช็คเอ้าท์กันก่อนเที่ยง พอจัดการอะไรๆเรียบร้อยก็หิวทันทีครับเลยแวะกินข้าวกันก่อนแล้วก็นั่งรถของโรงแรมมาสนามบิน มินก็ตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นเครื่องอีกแล้ว ฮ่าๆ เด็กน้อยเอ๊ย
-
-
เครื่องที่เรานั่งบินกลับมากรุงเทพฯและลงจอดที่สนามบินโดยสวัสดิภาพ ผมพาน้องกลับมาขึ้นรถผมที่จอดไว้ที่ลานจอดแล้วขับออกมา ระหว่างทางกลับจากสนามบินนั้นใจผมยังคงนึกอาลัยอาวรณ์ถึงทริปแสนสุขนี้อยู่ แต่จะทำไงได้ล่ะ ยังไงก็ต้องกลับมาเมืองหลวงวุ่นวายเหมือนเดิมแล้วอ่ะนะ ถ้าทำได้ล่ะก็... อยากอยู่ต่อไปอีกสักเดือนเลยว่ะ เหอๆ
แม่อัมกับไอ้แมนดูจะถูกใจของฝากของมินมากอยู่ แต่ผมดิไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาฝากที่บ้านเลยเพราะไม่รู้จะซื้ออะไรนั่นแหละ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมพาแม่ไปเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นแทนดีกว่า ฮ่าๆ แม่เค้าชอบกิน พาไอ้ป้างมันไปด้วยเลย
เฮ้อ... พอกลับมาคอนโดผมก็นอนแผ่ทันที เพราะตอนนี้ต้องยอมรับว่าเรากลับมาสู่ชีวิตเดิมของเราแล้ว มีอีกสารพัดปัญหาที่รอผมอยู่เพียบ หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องพ่อนี่ไง ผมจะบอกพ่อเรื่องมินยังไงให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นได้วะเนี่ย
พอดีเสียงโทรศัพท์ผมดังเลยหยิบดูก็เห็นว่าเป็นไอ้ป้างโทรมาครับ
" เฮ้ย... นี่มึงกลับมายังวะ อยู่ไหนแล้วเนี่ย" มันเปิดฉากถามผม
" เออ... เพิ่งถึงคอนโดเนี่ย มีไรวะ"
" เหรอ... เออ ดีแล้ว กูจะบอกมึงว่าอีกสี่วันแม๊กกาซีนที่เราไปถ่ายเค้าจะวางแผงวันแรกว่ะ เห็นพี่ๆเค้าบอกว่าเป็นฉบับพิเศษเค้าเลยอยากจะจัดงานโปรโมทแล้วให้มึงกะกูไปร่วมด้วย มึงยังว่างอยู่ใช่มั๊ย" ผมฟังมันแล้วก็อึ้งไปนิดนึง ในใจก็คิดนะ คิดถึงเรื่องที่ผมตั้งใจไว้ว่าคงจะไม่เข้าวงการหรอกนะ
" อืมได้... ก็ยังว่างแหละ" ผมรับคำมันไป ไม่อยากปฏิเสธมันอ่ะ
" เออดี... แต่ว่าพี่เค้าให้มึงกับกูไปซักซ้อมเรื่องคิวว่าวันงานต้องทำอะไรบ้าง เค้าเลยนัดซ้อมก่อนวันนึง งั้นกูไปรับมึงนะ จะได้ไม่เสียเวลา ไปด้วยกันทีเดียวเลย"
" ก็ได้... ว่าแต่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรใช่มั๊ยวะ"
" เตรียมใจไปก็พอ งานนี้กูว่ามึงอ่ะเกิดแน่ ฮ่าๆๆ รู้มั๊ยว่างานนี้ทางแม๊กกาซีนเค้าตั้งใจโปรโมทมึงกะกูโดยตรงว่ะ และเค้าต้องจัดเป็นงานใหญ่แน่ เพราะระดับเค้าแล้วงานเล็กๆเค้าไม่ทำหรอก เพราะงั้นถ้ามึงไม่เกิดงานนี้ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะ"
" เออๆ ก็.. ตามนั้นแหละ งั้นเจอกันวันมะรืนเว้ย" ผมวางสายมันไปอย่างหดหู่ยังไงไม่รู้ จริงๆผมอยากจะดีใจจังว่ะ โอกาสมันมาถึงแล้ว เฝ้ารอมาตั้งนาน
แต่... จะทำไงได้ล่ะ ผมเลือกไปแล้วนี่ เลือกแล้วว่ายินดีจะหันหลังให้ทุกอย่างเพื่อน้องเท่านั้น.................
-
-
" พี่เป้งครับ"
".................."
" พี่เป้ง...." มินเรียกเสียงดังอีกครั้งพร้อมกับเขย่ามือผมจนสะดุ้ง นี่ผมเผลอใจลอยไปขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย
" เอ้อ... ครับ ว่าไงนะ" ผมหันไปถามน้องเพราะไม่รู้มินพูดอะไรไปมั่ง ก็มัวแต่ใจลอยคิดมากว่ะ เพราะวันสองวันนี้ผมคิดแต่เรื่องงานโปรโมทนั่นตลอดเลย
" ใจลอยคิดถึงใครอ่ะครับ ฮึ..." มินบ่นหน้างอๆเหมือนไม่พอใจ เวรล่ะกู
" ป่าวครับ... ทำไมคิดงั้น ก็บอกแล้วพี่จะไปคิดถึงใครได้อีกล่ะ ก็ใจพี่มันอยู่กับคนนี้คนเดียวนี่นา" ผมว่าแล้วก็เนียนกอดน้องซะ
" จริงเร้อ..." มินหันมาแล้วทำหรี่ตามองผมเหมือนไม่เชื่อ
" จริงที่สุด ไม่มีอะไรจะจริงไปกว่านี้อีกแล้วล่ะครับ เชื่อเหอะ"
" ครับ... เชื่อก็ได้" มินหันมายิ้มแล้วก็หัวเราะผมคิกคัก แสดงว่าแกล้งไม่พอใจผมแน่เลยเมื่อกี๊
" แล้วใจลอยเรื่องอะไรอ่ะครับ บอกได้มั๊ย" คราวนี้น้องถามด้วยสีหน้าค่อนข้างเป็นห่วง
" ก็ไม่มีอะไรหรอก เอ้อ... แม๊กกาซีนที่พี่ไปถ่ายกับไอ้ป้างจะวางแผงวันมะรืนนี้นะครับ อยากเห็นมั๊ย"
" อ๊ะ... เหรอครับ อยากเห็นจัง วันมะรืนนี้แล้วเหรอ" มินทำท่าทางตื่นเต้นตาวิ้งๆเหมือนเคย เห็นกี่ครั้งผมก็หลงทุกทีสิน่า
" ครับ แล้ววันที่วางแผงพี่ต้องไปในงานโปรโมทหนังสือเค้าด้วยนะ "
" ก็ดีสิครับ ทีนี้พี่ก็จะได้ดังไปเลย จะได้เกิดในวงการเหมือนพี่ป้างแล้ว ดีใจจังครับ" มินยิ้มให้ผมด้วยท่าทางดีใจอย่างมาก แต่ยิ่งผมเห็นอย่างนี้แล้วยิ่งมั่นใจเลยว่าผมคงให้น้องรู้เรื่องที่ผมจะไม่เข้าวงการไม่ได้หรอก
เพราะถ้าน้องรู้น้องคงโทษตัวเองแน่นอน เหมือนกับว่า... เพราะมินผมถึงต้องเลือกปฏิเสธอนาคตในวงการไปทั้งๆที่รอมันมานาน และน้องจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
" โอย... ไม่หรอกครับ พี่คงไม่หวังดังซะอย่างไอ้ป้างมันหรอก ฮ่าๆ น่าเบื่อจะตายต้องไปเล่นละครอะไรก็ไม่รู้ยากออกนะนั่น พี่คงจำบทไม่ได้หรอก ถึงจำได้ก็คงเล่นแข็งเป็นท่อนไม้แน่ๆ"
" โธ่... ไม่หรอกครับ พี่อ่ะเก่งออก ฉลาดแล้วก็มีความสามารถอย่างนี้แค่เล่นละครไม่ครนามือหรอกครับ ฮะๆ" มินบอกพลางวางสองมือโอบรอบคอผมหลวมๆแล้วยิ้มสบตากับผมอย่างให้กำลังใจ
" หึๆ คร้าบ แต่พี่อ่ะเหมาะจะเป็นสุดยอดเชฟมากกว่านะ ให้ไอ้ป้างมันเป็นซุปตาร์ไปเห๊อะ ไม่งั้นเดี๋ยวพี่ดังแล้วไปกลบรัศมีมันหมดพอดี ฮ่าๆ" ผมยังคงแกล้งเล่นมุขให้น้องขำไปเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองตอนนี้ และต้องพยายามฝืนยิ้มไปกับน้อง ซึ่งมันตรงข้ามกับใจผมซะจริงๆ
เพราะข้างในใจน่ะเหรอ เสียดายจริงๆครับ เสียดายโอกาสงามๆที่เคยหวังไว้ และตอนนี้ความเสียดายนั้นมันเหมือนเกาะกินใจผมไปถึงไหนๆแล้ว ไม่เคยนึกว่ามันจะทำให้ผมหนักใจได้มากขนาดนี้เลย ทั้งที่ผมก็เตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่เลย
แต่ก็เอาเหอะผมยินดีจะแบกรับไอ้ความรู้สึกแย่ๆไว้เองดีกว่า เพราะผมไม่อยากให้รอยยิ้มใสๆของน้องที่ผมมองเห็นอยู่ตรงนี้มันเลือนหายไปเลย เพราะนี่ต่างหากสิ่งสำคัญที่สุดของผม และเป็นหัวใจของผมจริงๆ
คนเราเสียแขนขาไปก็แค่กลายเป็นคนพิการแต่ยังมีชีวิตต่อไปได้ แต่ถ้าต้องเสียหัวใจไปล่ะ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไงกัน....
-
-
วันงานโปรโมทมีผู้คนในวงการมาร่วมงานมากมาย นี่ยังไม่นับกองทัพสื่อมวลชนอีกล้านเจ็ดได้มั๊งที่มาออกันอยู่หน้างานเพื่อรอทำข่าว และงานนี้เค้าก็ทำเก๋โดยจัดเป็นปาร์ตี้ริมสระในโรงแรมหรูห้าดาวเลยล่ะ
เมื่อวานผมมาซ้อมกับไอ้ป้างตั้งแต่เช้าโดยทางพี่ๆทีมงานเค้าก็ซักซ้อมคิวให้ผมกับมันเดินออกมาคู่กันในชุดว่ายน้ำที่ไปถ่ายกันนั่นแหละเพื่อโชว์ตัว และพอเดินออกมาหยุดที่หน้าเวทีที่จัดแบบแคทวอร์คเดินแบบก็จะมีนางแบบสาวๆเอาเสื้อคลุมมาสวมให้ผมเพื่อให้ดูเซ็กซี่แบบเท่ๆ
" คนเยอะฉิบหาย ชักเกร็งๆว่ะเฮ้ย" ผมบ่นกับไอ้ป้างเบาๆขณะที่ไปยืนแอบมองออกไปหน้าเวที
" อีกแล้ว มึงนี่ อย่าคิดมากดิ ตั้งใจมากไปก็เท่านั้น ปล่อยสบายๆไป อย่ามัวแต่คิดว่ามันเป็นงานเลย" มันแนะนำผมอีกรอบ เฮ้อ... ก็มันไม่ชินนี่วะ
ยิ่งพอมองออกไปยังคนที่นั่งออกันอยู่หน้าเวทีก็ยิ่งตื่นเต้นอ่ะครับ ดาราดังๆเซเล็บดังๆทั้งนั้นเลย งานนี้มันไม่ใช่แค่งานช้างแล้วว่ะ ไดโนเสาร์แล้วเหอะ แต่ก็... สู้เว้ย...ย
พอบอกตัวเองอย่างนั้นผมก็ไปยืนเตรียมตัวพยายามข่มความตื่นเต้นลงไป พอมีเสียงประกาศของพิธีกรไอ้ป้างก็พยักหน้าให้ผมเป็นสัญญาณแล้วเราก็เดินออกไปพร้อมกัน
เสียงปรบมือกับโห่ร้องดังสลับไปมา ผมกับไอ้ป้างเดินไปหยุดยืนที่ปลายเวทีนั้นอย่างสง่าและเท่สุดๆ จากนั้นก็มีนางแบบชุดว่ายน้ำเอาเสื้อคลุมมาคลุมให้ผมกับมันตามคิวที่วางไว้เป๊ะๆ ตอนนี้ผมโล่งใจไปครับว่าเราไม่หลุดคิว กลัวพลาดแทบแย่ว่ะ เหอๆ ไม่งั้นคงหน้าแหกแน่
ตั้งแต่ผมกับมันออกไปยืนเท่อยู่ด้วยกันจนพิธีกรเริ่มสัมภาษณ์เนี่ย แสงไฟแฟลชจากกล้องยังไม่มีหยุดเลยนะครับ ทุกคนในงานจ้องมองแต่ผมสองคนให้สัมภาษณ์บนเวที แต่ผมเองตอนนี้ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่แล้ว นึกชมไอ้ป้างมันนะ แม่งชิลล์ได้ตลอดไม่มีตื่น สมกับเป็นซุปตาร์จริงเว้ย
ในขณะนึงนั้นผมมองเห็นถึงความสำเร็จ ชื่อเสียงและเงินทองมันมาลอยอบอวลอยู่รอบๆตรงนั้นเลยล่ะ แค่ผมก้าวต่อไปอนาคตสดใสในวงการมันคงรอผมอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว
แต่ในความเป็นจริงผมต้องให้สิ่งเหล่านี้มันเป็นแค่ฝันแค่นั้นสินะ พรุ่งนี้ผมก็ต้องตื่นมารับความจริงแล้วนี่ว่าผมต้องหันหลังให้กับมันทั้งหมดเพราะผมต้องเลือกอนาคตของผมกับมินก่อน เหมือนใจสลายเลยนะ
" โอเค... เป็นไงบ้าง เหนื่อยมั๊ย" พี่วินนี่เดินมาถามผมทันทีที่ผมลงมาจากเวทีครับ
" ก็นิดหน่อยครับผม"
" งานนี้สำเร็จอย่างสวยงามเลยนะครับ ทางเราต้องขอบคุณมากๆเลย"
" ไม่หรอกครับ พวกผมต้องขอบคุณพี่มากกว่าที่ให้โอกาสมาร่วมงานนี้น่ะครับ" ผมเอ่ยแบบถ่อมๆตัวไปก่อน
" ครับ เอ้อ... พี่ยังอยากถามเรานะครับว่าที่รับปากไว้ว่าจะมาถ่ายงานคราวหน้าให้พี่น่ะ เปลี่ยนใจรึยังเอ่ย" พี่วินนี่ทวงสัญญาผม เฮ้อ... ก็เสือกไปรับปากเค้านี่หว่า ตอนนั้นปากไวไปหน่อยไม่ทันคิด
" เอ่อ... ครับผม ไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ ผมรับปากพี่ไว้แล้วจะมากลับคำได้ไง"
" ดีมาก งั้นพี่จะโทรนัดวันมาตกลงรายละเอียดอีกทีนะครับ" พี่วินนี่สรุปสั้นๆ ผมก็ยืนเซ็งอยู่ตรงนั้นอ่ะ จนไอ้ป้างมันมาถามว่าเป็นอะไรผมก็บอกมันเรื่องงานนี้
" อะไรของมึงวะ ก็ดีแล้วนี่หว่า มีงานดีๆยังงี้อ่ะก็คว้าไว้สิวะ" มันบอกผม เฮ้อ... มึงนี่ก็ไม่ได้รู้อะไรเล๊ย
" ป้าง... กูมีไรอยากคุยกะมึงหน่อยว่ะ" ผมตัดสินใจคุยเรื่องนี้กับมัน เพราะไม่งั้นผมอาจอกแตกตายได้
" มีไรเหรอวะ เออๆ งั้นเดี๋ยวไปเปลี่ยนชุดก่อนเหอะแล้วเดี๋ยวไปนั่งเล่นกะกูร้านเดิมนะ" มันบอกแล้วก็เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับผมแล้วออกมาร่ำลาพวกพี่ๆทีมงานแล้วก็ขับรถออกมาด้วยกันมุ่งตรงไปร้านประจำที่ผมเคยไปนั่งกินกับมันบ่อยๆเมื่อก่อนนี้ เป็นร้านนั่งชิลล์แถวตรอกข้าวสารล่ะครับ
" หา... มึงว่าไงนะ ต่อไปมึงจะไม่รับงานอะไรอีกแล้วเหรอ ทำไมล่ะวะ" ไอ้ป้างลุกพรวดเลยครับเมื่อได้ฟังผมบอกมันว่าจะไม่รับงานอะไรอีกแล้วหลังจากนี้
" เออ... มึงไม่ต้องตกใจเว่อร์นักหรอก นั่งเลยสัด คนมองทั้งร้านแล้ว" มันเลยหันไปมองรอบๆนิดนึงพลางนั่งลง
" แล้วมันอะไรกันวะเนี่ย จะไม่รับงาน มึงทำยังงี้ทำไมวะ" คราวนี้มันบ่นอย่างหัวเสียเลยครับ
" ก็มันจำเป็น มึงลืมแล้วรึไงว่ากูคบกะใครอยู่" พอมันฟังผมมันก็อึ้งไปครับ นึกได้แล้วสิมึง
" ทีนี้ถ้ากูเกิดดังขึ้นมาตอนนี้จะเป็นไงอ่ะ เรื่องทุกอย่างของกูก็ต้องรู้กันหมด ทีนี้ล่ะมึงงามหน้าแน่ๆ ดาราหนุ่มดาวรุ่งมีแฟนเป็นเด็กผู้ชายแถมรักกันหวานชื่น คนอื่นทั้งประเทศรู้อ่ะยังไม่เท่าไหร่ แต่พ่อรู้กูคงตายว่ะ"
" เออ... ก็จริงของมึงว่ะ แม่งเอ๊ย กูก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย" มันบ่นแล้วก็เอามือกุมขมับ
" กูเลยต้องเลือกว่ะ โทษทีนะเว้ย เรื่องเข้าวงการนี่กูคงจำเป็นต้องปล่อยมันไปแล้วล่ะ คงไม่หวังอะไรแล้วเพราะยังไงกูก็เลือกมินเท่านั้น มึงเข้าใจกูนะ อย่าปวดหัวเพราะกูเลยว่ะ มึงก็ช่วยกูมาเยอะแล้ว" ผมบอกแล้วตบไหล่มันเบาๆแทนคำขอบใจ
" อืม... กูเข้าใจดี แต่ว่านะ... มึงแน่ใจแล้วเหรอวะว่าจะทำแบบนี้จริงๆน่ะ มึงเองก็รอวันนี้มานานเหมือนกันนี่หว่า" มันถามผม นั่นก็ทำเอาผมอึ้งไปด้วยความสับสนในใจ
" กู.... ก็ไม่รู้สิ ถามว่ากูมั่นใจมั๊ย กูบอกตรงๆว่าก็ไม่มั่นใจหรอก มันเสียดายโอกาสว่ะ กูเคยทำพลาดไปแล้วหนนึง แต่นี่ก็ต้องมาทิ้งมันไปเฉยๆอีกแล้วยังงี้ กู..... เสียดายจริงๆว่ะ" ผมระบายให้มันฟัง มันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
แต่เวลานี้ผมเองกับรู้สึกแย่มากทั้งอึดอัดจนอยากจะร้องไห้แล้วก็สับสนไปหมด ก็เพียงแค่เพราะผมเสียดายโอกาสนี่แหละ
" แต่ยังไงกูก็คงต้องเลือกมินอยู่ดีว่ะ กูรักน้องคนเดียวและน้องก็รักกู เพราะงั้นกูคงไม่เหี้ยพอจะทิ้งมินไปเอาดีอยู่ในวงการคนเดียวหรอกว่ะ มันเลวเกินไปแบบนั้นน่ะ ต่อให้กูทำยังงั้นแล้วกูดังจริงๆแต่ถึงตอนนั้นมันก็ไม่มีความหมายหรอกว่ะ"
" เออ... ถ้ามึงมั่นใจแล้วว่าจะทำยังงี้กูก็ไม่ว่ามึงหรอก คนที่จะรักมึงและมึงรักเค้าได้อย่างนั้นก็คงมีแค่คนเดียว ถ้าเป็นกูๆก็ต้องเลือกเหมือนมึงว่ะ"
" แต่ที่กูต้องขอมึงอีกอย่างก็คือ เรื่องนี้ต้องไม่ให้มินรู้เด็ดขาดเลยนะเว้ย ไม่งั้นมินคงเสียใจแน่ๆว่ะที่เป็นสาเหตุให้กูต้องทำแบบนี้ ไม่อยากให้มินโทษตัวเองเลยว่ะ"
" ได้ดิ เรื่องนี้กูจะขอแค่รับรู้ไว้เท่านั้นว่ะ และจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้วกัน" ไอ้ป้างพยักหน้ารับปากกับผม
" ขอบใจว่ะที่เข้าใจ กูคงรับงานพี่วินนี่ที่แม๊กกาซีนนั่นอีกแค่งานเดียวแล้วก็คงไม่รับงานอะไรอีกแล้วล่ะ เพราะงานนั้นกูรับปากเค้าไว้แต่ต้นเอง ไม่อยากเสียคำพูดว่ะ"
" เออ... ก็ดีแล้ว วันที่ไปถ่ายกูจะไปเป็นเพื่อนนะ เค้านัดวันมายัง" มันเสนอตัวครับ แต่ผมก็รู้แหละซุปตาร์ดังคิวเยอะจนแน่นอย่างมันจะว่างง่ายๆได้ไง มันก็คงแค่อยากไปเป็นเพื่อนผม ไปให้กำลังใจผมนั่นแหละ
" ยังหรอกว่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก งานมึงเยอะแยะจะว่างไปกะกูได้ไง แต่ก็ขอบใจนะเว้ย กูรู้ว่าจริงๆมึงห่วงกู แค่นั้นกูก็พอใจแล้ว" ผมยิ้มให้มันซึ่งมันก็ยิ้มตอบผม
ตอนนี้ผมรู้สึกแย่ซะจริงๆ มันสับสนและเสียดายแล้วก็ใจหายอย่างมากกับที่ต้องตัดสินใจทำไปยังงี้ แต่พอได้เห็นไอ้ป้างนั่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ผมตรงนี้แล้วผมก็อุ่นใจว่ะ อย่างน้อยๆก็มีมันที่เข้าใจผมเสมอและยินดีจะอยู่ข้างๆผมอย่างนี้ตลอดไป แค่นี้ผมก็โอเคแล้ว
-
-
วันต่อมาผมไปหามินตอนบ่ายๆน้องก็รีบออกมาหาผมอย่างตื่นเต้นแล้วก็เอาแม๊กกาซีนที่ผมขึ้นปกกับไอ้ป้างมาให้ดูด้วย
" เนี่ยครับ มินไปซื้อกับไอ้แมนมาเมื่อวาน ตื่นเต้นแทบแย่อ่ะครับ พี่กับพี่ป้างดูดีมากๆเลยอ่า ดูดีทุกรูปเลยครับ" มินบอกแล้วก็พลิกหน้าแม๊กกาซีนให้ผมดูรูปที่ถ่ายไว้กับไอ้ป้าง
" แหม... ดูดีทั้งคู่เหรอครับ แค่นั้นเองเหรอ ระหว่างพี่กับไอ้ป้างเนี่ยมินว่าใครดูดีกว่ากันล่ะ" ผมแกล้งถามน้อง จนเจ้าตัวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลย ขำชะมัด
" อะไรครับ ก็พี่เป็นฝาแฝดหน้าเหมือนกันนี่นา แล้วจะดูดีกว่ากันยังไงอ่า"
" ฮ่าๆ ก็เนี่ยทรงผมก็ยังไม่เหมือนกัน มันก็ต้องมีคนนึงดูดีกว่าดิครับ" ผมยังคงแกล้งถามน้องอยู่ ก็อยากรู้อ่ะว่าจะเข้าข้างผมมั่งมั๊ยนะ โก๊ะหมวยเนี่ย
" อ๋อ... ที่แท้จะให้ชมว่าพี่หล่อกว่าพี่ป้างใช่มั๊ยล่ะ" หึๆรู้ทันจนได้
" ก็ลองบอกมาสิครับ ว่าใครหล่อกว่ากัน"
" อืม... ก็ได้ครับ พี่เป้งหล่อกว่าหน่อยนึงอ่ะ" มินตอบแล้วก็ยิ้มๆ
" หือ... แค่นิดนึงเองเหรอ ทำไมอ่า พี่หล่อกว่ามันตั้งเยอะนะ"
" แหยะ... พี่อ่ะหลงตัวเองแล้ว น่าเกลียดจัง" น้องว่าแล้วก็ยี้ปากให้ผมซะงั้น
" อ้าว... มาว่าพี่น่าเกลียดได้ไง เดี๋ยวเหอะ โก๊ะหมวยนี่"
" ก็พี่อ่ะแหละ หลงตัวเอง ชอบคิดว่าตัวเองหล่อนัก เนี่ยแหละนิสัยคนเจ้าชู้" อ้าว... ไหงงั้นล่ะที่รัก คนละเรื่องกันเลย
" ดู... มาว่าพี่เจ้าชู้อีก มานี่เลย มาให้ทำโทษซะดีๆ" ผมบอกแล้วก็กำลังจะขยับไปจะคว้าตัวน้องมา แต่มินก็หัวเราะแล้ววิ่งหนีผมไปซะก่อน
ตอนนี้ผมยังค่อนข้างสบายใจดีอยู่ที่ได้เห็นน้องมีความสุขดีแบบนี้ได้ แม้ใจผมเองจะยังแย่ๆอยู่แต่ก็เอาเหอะ ไม่เป็นไรหรอก ผมจะต้องทำใจให้ได้ คิดซะว่ามันก็ต้องได้อย่างเสียอย่างแหละ
และมินคือทางที่ผมเลือกแล้ว จากนี้ไปผมคงต้องหันหลังให้วงการจริงๆ ว่าแต่... ยังไงซะนี่ผมก็ต้องไม่ให้น้องรู้สินะ ว่าผมต้องทำแบบนี้เพราะมิน ไปๆมาๆผมก็ต้องมีเรื่องมาปิดบังน้องอีกแล้วเหรอนี่..... ทำไงดีว้า ไม่อยากต้องมานั่งโกหกน้องเลย
********************************************