หลังจากที่รอคอยกันนานก็รีบมาลงแล้วครับ
ช่วงนี้ค่อนข้างแย่เพราะแม้ว่าจะมีโครงเรื่องเรียบร้อยแล้ว แต่ยังติดว่าคิดบทสนทนาของแต่ละตัวไม่ค่อยออกเลยว่าควรเป็นยังไง แล้วก็ตันๆยังไงไม่รู้ อาจจะเพราะต้องเปลี่ยนแปลงโครงเรื่องไปมาให้เหมาะสมอ่ะ ก็เลยเหนื่อยและหนักใจไปเหมือนกัน
การจะเขียนนิยายให้ออกมาดีเนี่ย มันยากเนอะแต่ก็อยากเขียน 555
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามมาตลอดนะครับ ส่วนตอนต่อไปนี้นี่ก็จะมาม่านิดนึงอย่าเพิ่งเบื่อนะคร้าบ อิอิ
ตอนที่32
**************************************************
คืนนั้นเราก็ได้นอนกอดกันแนบชิดอย่างแฮบปี้ เหอๆ แต่พอเช้าน้องก็มาปลุกผมแต่เช้า ไอ้ผมก็ยังงัวเงียๆอยู่นั่นแหละ อยากนอนต่อแต่ก็ต้องตัดใจเพราะวันนี้ต้องไปเรียนเช้า
" ตื่นเถอะครับเร็วๆ วันนี้มีเรียนเช้านี่ครับ"
" อือ... อยากขออีกสักห้านาทีจัง"
" ไม่ได้ครับ ลุกเร็วผมเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว วันนี้วันดีนะครับ"
" หือ... "
" ทำงงอีกแล้วอ่ะพี่ สุขสันต์วันเกิดนะครับ" มินพูดยิ้มๆแล้วก็เอียงมาจูบแก้มผมเบาๆทีนึง เฮ้ย...ย ตาสว่างเลยกู
" มิน.... " อึ้งว่ะ แต่... นั่นไง เป็นคนจูบเองก็อายเองว่ะเฮ้ย คนเรา ฮ่าๆ
" ไปอาบน้ำสิครับจะได้มาทานข้าวกัน" มินยิ้มอายๆแล้วก็รีบเดินหนีออกไปนอกห้องซะแล้ว ผมก็ยังงงว่าน้องอารมณ์ไหนวะเนี่ย อ๋อ... จะจูบเป็นของขวัญเหรอ อิอิ
ตาสว่างเลยเว้ยทีนี้ก็เลยรีบไปอาบน้ำแต่งตัวออกมานั่งทานข้าวกัน ตอนนั้นผมคว้าโทรศัพท์มาดูแต่แบตเสือกหมดไปแล้วด้วยความที่ลืมดูนั่นแหละ ผมเลยเอาที่ชาร์จมาเสียบแล้วเปิดดูก็เจอมิสคอลของไอ้ป้าง สงสัยมันคงโทรมาเรื่องที่บ้านจัดงานมั๊ง
ในเมื่อวันนี้วันเกิดผม แน่นอนว่ามันก็คือวันเกิดไอ้ป้างมันเหมือนกันไง ทุกปีที่บ้านผมพ่อกับแม่จะจัดงานให้เราแต่เมื่อก่อนผมอีโก้จัดเลยไม่อยากอยู่มันหรอกในงานอ่ะ ขี้เกียจโดนครหาต่างๆนาๆ ไม่งั้นก็คงโดนเอาไปเปรียบเทียบกับไอ้ป้างตลอด เลยออกมาข้างนอกซะดีกว่าว่ะ ก็ได้แต่ขับรถไปเรื่อยๆตามประสาผมอ่ะ และมักไปจบที่คอนโดกับสาวๆสักคน แต่นั่นมันเมื่อก่อนไง เน้น... เมื่อก่อนนะคร้าบ หึๆ
" สงสัยไอ้ป้างมันจะโทรมาบอกให้พี่กลับบ้านน่ะครับเพราะว่าทุกทีจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ แต่ว่าขี้เกียจไปอ่ะ"
" อ้าว... ทำไมล่ะครับ"
" ก็พี่อยากฉลองกับมินสองคนนี่ครับ" ผมบอกแล้วก็กุมมือน้องแล้วจูบเบาๆไปทีนึง
" อย่าเลยครับ พี่ไปฉลองกับครอบครัวดีกว่านะ คุณพ่อคุณแม่อุตส่าห์จัดงานให้ ถ้าอยากฉลองกันจริงๆพรุ่งนี้ก็ยังได้ครับ มินยังอยู่นี่ไม่ได้หนีไปไหนซะหน่อย"
" คร้าบ... ก็ได้ งั้นเรารีบไปกันเหอะ เดี๋ยวพี่แวะส่งมินที่บ้านก่อนนะ" ผมบอกแล้วก็พาน้องมาขึ้นรถแล้วขับมามหา'ลัยผมทันทีโดยแวะส่งน้องที่แถวซอยบ้าน จากนั้นผมก็รีบไปหาไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์เลยเพราะต้องเตรียมตัวพรีเซ้นท์งานช่วงเช้า ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีอ่ะครับ
ช่วงบ่ายผมเลิกเรียนปั๊บไอ้เอ้กับไอ้เอ๊กซ์ก็มาบอกว่าเดี๋ยวมันจะขอไปงานด้วย กินฟรีมันชอบ ไอ่เวรร...ร จากนั้นผมก็รีบโทรหาไอ้ป้าง มันก็ด่ามาหน่อยนึงว่าทำไมโทรไปไม่รับ
" เออ... ก็ไม่มีอะไรมากพ่อเค้าเชิญเพื่อนๆที่สนิทกันมาน่ะ กูก็ชวนเพื่อนๆกูมาแล้วก็แพรวแค่นั้นแหละ มึงรีบมาเลยนะเว้ยมาช่วยเตรียมงานด้วย" ไอ้ป้างมันแจงรายละเอียด
" โอเคว่ะ... แป๊บนึง เดี๋ยวกูจะรีบไป" รับคำเสร็จผมก็รีบขับรถตรงไปบ้านทันที แต่พอไปถึงก็ต้องเบรคจนหัวทิ่มเพราะตอนนี้มีนักข่าวเป็นสิบมาออเต็มหน้าบ้านผมว่ะ
" ซวยล่ะสิกู" บ่นกับตัวเองในใจแล้วก็เลี้ยวรถไปอีกซอยนึงทันทีกะว่าไปตั้งหลักก่อน จากนั้นก็อ้อมไปจอดรถไว้ซอยหลังบ้านครับ แล้วก็โทรเรียกไอ้ป้างให้ใครมาเปิดประตูหลังบ้านให้หน่อย นั่นแหละถึงได้เข้าไปบ้านได้
" มันอะไรกันวะเนี่ย นี่ตกลงมึงกลายเป็นซุปตาร์ดังมากขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ขนาดงานวันเกิดเล็กๆยังต้องแห่มาทำข่าวกันอ่ะ" ผมบ่นกับไอ้ป้างขณะเดินเข้าไปในบ้าน
" กูก็งงว่ะ ปีก่อนไม่เห็นเป็นงี้เลยไม่ค่อยมีใครรู้ด้วยซ้ำหรือจะเป็นฝีมือพี่วินนี่อีกวะเนี่ย" ไอ้ป้างออกความเห็น ซึ่งถ้าเป็นงั้นจริงผมว่าคงต้องมีคุยกันมั่งละงานนี้ เล่นทำยังงี้ตลอดผมไม่ไหวนะ
" เออ... แล้วไหน มีอะไรให้กูช่วยมั่งอ่ะ"
" ป้าง... แม่เรียกแน่ะ อ้าว...เป้งมาแล้ว ดีจัง นี่เรานึกว่าจะไม่มาแล้วนะเนี่ย" แพรวครับ คงจะเดินมาเรียกไอ้ป้างแต่พอหันมาเห็นผมก็ดีใจใหญ่
" วันเกิดเรา เราก็ต้องมาดิ ฮะๆ จะให้ไปไหน"
" ก็ทุกทีเป้งไม่เคยอยู่เลยนี่นา แต่ก็ดีแล้วล่ะ จะได้อยู่เป่าเค้กพร้อมกันทั้งคู่เลยนะ" แพรวยิ้มหน้าระรื่นอย่างมากๆ นี่แค่การที่ผมโผล่มางานวันเกิดตัวเองวันนี้นี่มันทำให้บางคนดีใจได้มากขนาดนี้เลยเหรอ งั้นคนที่ดีใจมากที่สุดน่าจะเป็นแม่ผมนะ
แต่สำหรับพ่อผมนี่ ไม่แน่ใจว่ะ แต่ก็เอาเหอะ ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันดี อย่าฟุ้งซ่านเลยเว้ย..........
-
-
นักข่าวที่มาออกันหน้าบ้านผมไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าบ้านเพราะไอ้ป้างให้ยามแถวหน้าหมู่บ้านมาจัดการดูแลให้ ก็เสียค่าน้ำร้อนน้ำชาเพิ่มนิดหน่อยแต่ก็ดีแล้วที่ตัดปัญหาเรื่องที่คนพวกนี้จะมายุ่งวุ่นวายไปได้
" ต๊าย... ชั้นก็คิดอยู่นะว่าแกจะมามั๊ย ไหนมานี่มาลูก" แม่เดินมาเห็นผมพอดีแล้วก็เรียกผมเข้าไปกอด ผมก็หอมแม่ไปหนึ่งฟอดใหญ่
" โหแม่... จัดงานซะใหญ่เลยอ่ะ นึกไงเนี่ย" ผมถามแม่เพราะเห็นว่างานวันนี้มันไม่ใช่เล็กๆอย่างทุกปีแฮะ นี่มีเวทีเหมือนจะมีดนตรีด้วย แล้วก็ยังโต๊ะบุฟเฟ่ต์ตั้งสามสี่โต๊ะอีก พนักงานก็จัดเตรียมงานกันง่วนเลย
" ก็พ่อแกเค้าว่าอยากจัดให้ใหญ่เป็นพิเศษหน่อยเพราะว่าจะเชิญแขกผู้ใหญ่มาหลายท่านอยู่" แม่อธิบายให้ฟังผมก็นึกแปลกใจว่าพ่อคิดยังไงกันแน่
" เอ้า... เดี๋ยวไปเตรียมเปลี่ยนชุดกันได้แล้วนะ เอาให้หล่อๆเลยล่ะ" แม่ผมสั่งการอย่างอารมณ์ดีสุดๆ เห็นมั๊ยครับว่าคนที่ตื่นเต้นและดีใจที่สุดคือแม่จริงๆด้วย
พอช่วงเย็นใกล้เริ่มงานก็มีแขกทยอยมาบ้าง ไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์ก็มากับไอ้แจ๊คแล้วก็พ่วงไอ้เวรมาร์ทกับไอ้ชายแถมพกด้วยแพทอีกคน เอากันเข้าไปพวกมึง แห่แมร่งกันมาให้หมดทั้งโคตร
" เฮ้ย... สุขสันต์วันเกิดนะเว้ย นี่ของขวัญว่ะ" พวกมันอวยพรแล้วยื่นของขวัญให้ผมซะอย่างพร้อมเพรียง
" สุขสันต์วันเกิดนะคะเป้ง ขอให้มีความสุขมากๆนะ แล้วนี่ค่ะ ของขวัญของป้างนะ" แพตยิ้มแล้วยื่นของขวัญสองกล่องมาให้ผมรับไว้
" แล้วทำไมพวกมึงไม่มีของขวัญมาเผื่อไอ้ป้างมันด้วยล่ะวะ ไม่รู้งานเลยว่ะ" ผมหันไปถามพวกมันที่ทำหน้าเหรอหรากันอยู่
" เออ พวกกูลืมไง งั้นติดไว้ก่อนวะ" ไอ้เอ้หันไปหัวเราะ
" เออๆ ไม่เป็นไรหรอก งั้นก็ตามสบายเว้ย แดกกันให้เต็มที่ละกัน" ประชดแมร่งไปยังงั้นแหละ เพราะมันก็คงต้องแดกกันเต็มที่อยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันไรพอหันไปอีกทีก็ต้องตะลึงกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีกคน
" สวัสดีครับน้องป้างน้องเป้ง ขอโทษที่มาโดยไม่ได้รับเชิญนะ นี่ครับของขวัญ สุขสันต์วันเกิดนะครับทั้งคู่เลย" พี่วินนี่บอกแล้วก็ยื่นของขวัญมาให้ผมกับไอ้ป้างที่ตอนนี้ก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างโคตรงง
" เอ่อ... ครับพี่ ขอบคุณมากนะครับ งั้นเดี๋ยวเชิญในงานก่อนเลยครับ" ไอ้ป้างมันได้สติก่อนจากที่มึนงงไปว่าพี่วินนี่มาได้ไง ก็เลยได้แต่เชิญเข้างานตามมารยาท ซึ่งก็นะ... จะไล่ไสหัวกลับไปก็ยังไงๆอยู่
อยากเข้าไปถามจริงๆว่าไอ้พวกนักข่าวที่มาวันนี้น่ะ ฝีมือเค้าอีกรึเปล่า แต่ก็ไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยว่ากันเพราะตอนนี้แขกก็ทยอยมากันเกือบครบแล้วล่ะ ผมสองคนก็มายืนอยู่กับพ่อกะแม่เพื่อต้อนรับแขกผู้ใหญ่ที่กำลังจะมา ไม่รู้จะมากพิธีการไปไหนเนี่ย
สักพักพอแขกที่ว่ามาถึงพ่อแม่ก็ให้ผมไปไหว้แนะนำกันไปมาอยู่แป๊บนึงจากนั้นก็เดินกลับมาในงานซึ่งตอนนี้บนเวทีก็มีพิธีกรด้วยว่ะ ก็ดำเนินงานไปเรื่อยอ่ะครับแล้วก็มีดนตรีเล่นด้วยเป็นวงเครื่องสายสามชิ้นพวกไวโอลิน เชลโลหรูๆ สรุปว่านี่มันงานวันเกิดแน่เหรอวะ นึกว่างานแต่ง
พ่อกะแม่เที่ยวเดินพาผมสองคนไปรู้จักแขกผู้ใหญ่คนโน้นคนนี้ไปทั่วงานเลยครับยังกะว่าจะเปิดตัวพวกเรางั้นแหละ ส่วนผมก็ยกมือไหว้จนเซ็งไปเลย พอสักพักก็ได้เวลาเป่าเทียนเค้าก็เข็นเค้กออกมาให้ เบ้อเร่อเลยว่ะ เป็นเค้กสี่เหลี่ยมรสวนิลามั๊งเขียนชื่อผมกับไอ้ป้างตัวใหญ่มาก ผมเห็นแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเพราะไม่ได้เป่าเค้กยังงี้มานานไม่รู้กี่ปีแล้ว
ตอนยืนเป่าก็ไปยืนเป่ากับไอ้ป้างมันอ่ะครับ แขกที่มาเค้าก็ปรบมือให้ บรรยากาศตอนนั้นผมพูดได้เลยว่ามีความสุขจังว่ะ ไอ้ป้างยืนยิ้มอยู่กับผมแล้วก็มีพ่อแม่ เพื่อนๆและคนที่เรารู้จักเยอะแยะร่วมยินดีแบบนี้
" ฮ่าๆๆ ไม่ต้องบอกกูๆก็รู้ว่าเมื่อกี๊มึงอธิษฐานอะไร" ไอ้ป้างเปรยๆขึ้นแล้วก็หัวเราะผม
" สัดนี่... ทำมารู้ดี เสือกมารู้ได้ไงว่ากูอธิษฐานอะไร"
" ก็ตอนนี้สำหรับมึงก็คงมีอยู่เรื่องเดียวอ่ะ ใช่มั๊ย... เรื่องเด็กมึงอ่ะ" มันยิ้มย่องที่รู้ทันผม เสือกรู้ดีนักนะมึง
" หึ... แล้วมึงอ่ะ ก็คงเรื่องวงการใช่มั๊ย" ผมถามมันมั่ง
" ก็แหง... สำหรับกูตอนนี้ก็คงมีเรื่องเดียวเหมือนกัน ย้ายมาอยู่กับช่องนี้แล้วไม่รู้จะเป็นไงต่อไป ขอให้มันเรตติ้งดีอย่างที่หวังละกัน ไม่ขออะไรมากหรอก" มันบอกผม สีหน้ามันดูมุ่งมั่นมาก
" เออ... กูเองก็ไม่ขออะไรมาก ขอแค่ให้พ่อยอมรับมินได้ก็พอ แล้วก็ขอให้ใครๆมันเลิกรังควานกูซะทีเหอะ แค่นั้นอ่ะ" ผมเอ่ยอย่างปลงๆว่ะ เพราะก็หวังแค่นั้นจริงๆ แต่สงสัยคงจะยาก ยิ่งวันก็ยิ่งมีตัวแปรห่าอะไรก็ไม่รู้เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ
พอสักพักนึงแขกบางคนก็เริ่มทยอยกลับไปบ้าง ไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์กับพวกเพื่อนผมมันก็ยังคงกินกันอยู่อย่างสนุกสนาน แต่อยู่ๆพี่วินนี่ก็ดอดเข้ามาชวนผมคุยเรื่องงานอีก
" พี่ยังอยากให้น้องเป้งรีบตัดสินใจมาทำงานกับพี่นะครับ เพราะว่าตอนนี้กระแสความนิยมของเรายังมีมากอยู่ ถ้านานๆไปกระแสมันอาจจะน้อยลงน่าเสียดายนะครับ"
" พี่ครับผมถามจริงๆนะ ทำไมพี่อยากได้ผมไปเข้าสังกัดพี่นักล่ะ" ผมตัดสินใจถามไปเลย เอาวะ... ให้มันแตกหักกันไปวันนี้แหละ
" ก็อย่างน้องน่ะเป็นสเป๊คแบบที่พี่ต้องการจะปั้นให้อยู่ในวงการไง เทรนด์หนุ่มเท่ๆเซอร์ๆน่ะกำลังมาเลย" หึ... จะปั้นหรือจะปล้ำกันแน่วะ
" งั้นผมก็คงต้องบอกพี่ตรงๆนะครับว่าผมคงต้องขอปฏิเสธงานที่พี่ว่าซะแล้ว เพราะผมไม่ต้องการเข้าวงการหรอก"
" อ้าว... ทำไมล่ะครับ มีเหตุผลอะไรเหรอครับถึงได้ทิ้งโอกาสงามๆยังงี้ น้องเป้งลองไปคิดให้ดีๆก่อนสิครับ"
" ผมคิดดีแล้วล่ะครับ ดีมากๆด้วย ส่วนเหตุผลนี่ผมขอไม่เอ่ยถึงแล้วกันนะครับเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สรุปว่ายังไงผมก็คงไม่ขอรับงานอะไรที่เกี่ยวข้องกับวงการอีกแล้วล่ะ ต้องขอโทษพี่ด้วยจริงๆนะครับที่ทำให้ผิดหวัง" ผมชี้แจงอย่างมีเหตุผลและมารยาทที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วก็เตรียมจะหันหลังเดินออกมาอย่างเท่ๆ
" เพราะเหตุผลว่าน้องเป้งมีแฟนเป็นคนนอกวงการอยู่แล้วน่ะเหรอครับ ถึงได้ปฏิเสธทุกอย่างไปน่ะ" สะดุดทันทีอ่ะ แทบหัวคะมำเลยด้วยว่ะพอเจอคำนี้เข้าไป ผมรีบหันไปหาพี่วินนี่ที่ยืนยิ้มเยือกเย็นอยู่ทันทีด้วยอาการอึ้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คิดทบทวนไปมากับคำพูดเมื่อกี๊
" พี่ว่าอะไรนะ...."
" แหม... น่าอิจฉาแฟนของน้องเป้งจังนะครับ อุตส่าห์ยอมทิ้งอนาคตสวยหรูในวงการโดยไม่ไยดีเพื่อความรักได้อย่างนี้"
" พี่........" ผมพูดได้แค่นั้นแหละครับเพราะมันทั้งอึ้งและจุกอย่างมาก เอาแล้วไง..... มันเล่นผมแล้ว นี่มันหมายความว่ายังไง พี่วินนี่มันรู้เรื่องผมกับมินเหรอ
" แต่พี่ว่าน้องเป้งลองไปคิดดูให้ดีๆอีกทีดีกว่านะ มันจะคุ้มกันแน่เหรอครับ ระหว่างอนาคตกับความรักน่ะบางทีโอกาสมันอาจจะไม่มีเข้ามาอีกแล้วก็ได้นะครับ"
" พี่พูดอย่างนี้พี่ต้องการอะไรกันแน่ครับ บอกผมมาตรงๆเลยดีกว่าจะอ้อมค้อมทำไม" ผมเอ่ยออกมาอย่างสุดจะทน นึกๆไปว่าคนๆนี้นี่มันร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่า... ใช่สิ แค่มันให้คนมาตามประกบผมตลอดเวลาว่าผมไปไหนบ้างแค่นั้นมันก็ต้องรู้แล้วว่าผมคบกับมิน
" ดีครับ... งั้นพี่ก็จะพูดตรงๆแล้วกันนะว่าพี่อยากให้เรามาทำงานกับพี่ รับรองว่าพี่จะทำให้เรามีอนาคตที่สดใสในวงการแน่ๆ" ไอ้พี่วินนี่พูดแล้วก็ขยับแว่นทีนึง
" แล้วถ้าผมยังปฏิเสธล่ะครับ"
" หึๆ ก็แล้วน้องเป้งจะปฏิเสธทำไมล่ะครับ กลัวว่าถ้าเข้าวงการความลับนั้นมันจะถูกเปิดเผยไปเหรอ ไม่เอาน่า....อย่าคิดยังงั้นสิครับ ถ้าตั้งใจปิดบังกันจริงๆน่ะมันก็ยังปิดกันได้อยู่ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ" เหอะ... มึงก็พูดได้ดิ แมร่ง... แค้นว่ะ เดี๋ยวกูต่อยแว่นแตกเลย
" แต่ถ้าน้องเป้งยังยืนยันว่าจะปฏิเสธเนี่ย พี่ก็คงไม่รับรองนะครับว่าความลับอันนี้มันจะยังคงเป็นความลับต่อไปรึเปล่า"
" อะไรนะ...." ผมพูดเสียงต่ำเหมือนคำรามในคอด้วยความโกรธ
" สรุปง่ายๆก็คือน้องเป้งต้องเลือกแล้วล่ะว่า จะยอมเข้าวงการกับพี่แล้วยังคงคบกับแฟนต่อไป รับรองว่าถ้าปิดบังดีๆก็ไม่มีใครรู้หรอกครับ หรือว่าจะปฏิเสธแต่ความลับอันนี้ก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป ก็เลือกเอานะครับแต่พี่ว่าคนฉลาดๆอย่างเราน่าจะตัดสินใจได้ไม่ยากหรอก"
" นี่พี่จะแบล๊คเมล์ผมใช่มั๊ย" ผมไม่ทนแม่งแล้ว ตวาดลั่นกระชากคอเสื้อมันแล้วครับ ดีว่าตรงนั้นมันเป็นมุมลับตาคน แต่ไอ้ป้างมันก็ดันเดินมาเจอพอดีอีกเลยวิ่งมาห้ามผมทันที
" เฮ้ย... ไอ้เป้งมึงจะทำอะไรวะ" มันดึงมือผมออกจากพี่วินนี่ แต่ไอ้พี่วินนี่แม่งก็ยังคงแสยะยิ้มอยู่นั่นแหละ แล้วก็ทำเป็นขยับแว่นเอามือปัดๆที่คอเสื้อเหมือนเย้ยว่าผมทำอะไรมันไม่ได้
" ระงับอารมณ์หน่อยครับน้องเป้ง เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือกันเลยนะ" ไอ้พี่วินนี่ยังคงยิ้มเย้ยผมอยู่ตรงหน้า แต่ไอ้ป้างมันล๊อคผมไว้แน่นเลยว่ะ
" หึ...แค่นี้....... แค่นี้งั้นเหรอวะ...." ผมยังคงคลั่งต่อ เตะขาวืดๆอาละวาดไป
" เฮ้ย... ใจเย็นดิมึง นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ" ไอ้ป้างก็ยังคงล๊อคตัวผมไว้พลางมองไปทางพี่วินนี่เพื่อรอคำตอบ
" ไม่มีอะไรหรอกครับน้องป้างพี่แค่ยื่นข้อเสนอดีๆให้น้องเป้งเค้าน่ะ แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่พอใจเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นไรหรอกงั้นพี่ฝากให้กลับไปคิดดูอีกทีละกัน ส่วนพี่ก็จะรอคำตอบนะ พร้อมเมื่อไหร่ก็โทรมาได้ทุกเมื่อ" ไอ้พี่วินนี่ยิ่งได้ใจยิ้มเยาะผมแล้วก็เดินเลี่ยงกลับเข้าไปในงาน
สัดเอ๊ย... อยากกระทืบหน้าแม่งจริงๆ
" เอ้า... ทีนี้บอกกูได้ยังว่ามันอะไรยังไง มึงไม่น่าอาละวาดขนาดนี้นี่หว่า" ไอ้ป้างปล่อยผมแล้ว
" สัด... เป็นมึงๆจะทำไง กูโดนแม่งแบล๊คเมล์ขนาดนี้อ่ะ แม่งโว๊ยยยย....ย" ผมยังคงฟาดงวงฟาดงาด้วยความแค้นว่ะ พาลเตะกระถางต้นไม้ตรงนั้นกระเด็นเลย ไม่นึกว่าไอ้ห่านี่มันจะเลวร้ายได้ยังงี้
" หา... เค้าแบล๊คเมล์มึง อ้าว... แล้วเค้าเอาเรื่องอะไรมาขู่ล่ะ อย่าบอกกูนะว่า...." ไอ้ป้างเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
" เออ... มันเอาเรื่องเมียกูนี่แหละมาขู่ คอยดูนะ กูจะไม่ยอมแม่งเลย สัด... ให้มันรู้ไปดิ"
" เฮ้ย... แล้วมึงจะทำไง ถ้ามึงไม่ยอมเค้าก็คงเอาเรื่องนี้ไปโพทนาแน่ ทีนี้อ่ะได้รู้กันหมดนะมึง" เออ... นั่นแหละปัญหา สัดเอ๊ย... ทำไงดีวะ
" โอ๊ย.... แม่ง ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ" ผมตะโกนออกมาอย่างสุดทน คราวนี้ ไอ้ป้างมันก็เลยกอดผมไว้ ส่วนผมก็กอดมันเอาไว้แน่นเหมือนกัน
" ใจเย็นๆน่ามึง ค่อยๆคิดไป มันต้องมีทางแก้สิวะกูจะช่วยมึงเอง แต่มึงอย่าทำยังงี้ ถึงมึงอาละวาดไปยังไงมันก็แค่นั้นไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกเข้าใจมั๊ย" มันพยายามปลอบผมแต่อารมณ์นั้นผมก็เต็มกลืนแล้วเลยร้องไห้กอดกับมันอยู่พักนึง
" กูกลัวว่ะ แม่งเอ๊ย... ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ ถ้าคนอื่นรู้พ่อก็ต้องรู้ด้วย กูจะทำยังไงดีวะ" ผมร้องไห้เหมือนคนอ่อนแอเลยว่ะ ใช่.... ผมยอมรับนะว่าผมอ่อนแอจริงๆ ชั่วโมงนี้ผมกลัวเหลือเกิน มันกลัวไปหมดถึงปัญหาที่จะตามมาถ้าคนอื่นรู้เรื่องของเรา
ไม่รู้มันอะไรกันนักหนา เหมือนกับฟ้าแกล้งผมเหรอไงวะ คนเรารักกันทำไมมันมีแต่อุปสรรคได้ขนาดนี้ เดี๋ยวก็เรื่องนี้เดี๋ยวก็เรื่องนั้นผมเหนื่อยจังว่ะ เหนื่อยที่จะต้องทนสู้ต่อไปยังงี้เพราะอะไรๆมันก็มีแต่เลวร้ายลงไปทุกที แล้วยิ่งตอนนี้เจอแบบนี้เข้าไปยิ่งมองไม่เห็นทางออกอะไรเลยจริงๆ
" มึงฟังกูนะ ตอนนี้กูคิดว่าเราคงต้องยอมๆเค้าไปก่อนแล้วกูจะลองค่อยๆหาทางเจรจากับเค้าอีกที มึงก็ต้องใจเย็นนะเว้ย"
" เออ... กูขอบใจว่ะ กูมันใจร้อนไปเองจริงๆ ถูกของมึงแล้วว่ะ ในเมื่อเค้าถือไพ่เหนือกว่าเราตอนนี้ก็คงต้องยอมไปก่อน แต่กูยังมองไม่เห็นทางเลยว่ะว่าจะทำยังไงดี" ตอนนี้ผมก็ได้แต่นั่งลูบหน้าตัวเองเหมือนคนสิ้นหวังอยู่ข้างๆมัน นึกๆดูแล้วผมยังโชคดีนะที่มีไอ้ป้างมันอยู่ข้างๆผมตลอดยังงี้ นี่ไม่งั้นป่านนี้ผมคงได้เตลิดไปไหนๆแล้วมั๊ง
" เอาเหอะ ยังไงกูก็จะพยายามช่วยมึงให้ถึงที่สุดนะ ต้องค่อยๆคิดกันไป อย่าเพิ่งท้อนะมึง" มันตบไหล่ผมเบาๆแล้วยิ้มให้ เห็นยังงี้แล้วผมก็สบายใจขึ้นเยอะ
แต่ยังไงผมเองก็อยู่ในอารมณ์ที่แย่อยู่ดี มันสับสนในใจจริงๆเพราะกลัวไปหมดทุกอย่างจนทำผมให้นึกถึงมินขึ้นมาและอยากเห็นหน้าน้องมากๆเลยบอกลาไอ้ป้างแล้วก็เข้าไปลาพ่อกับแม่ว่าจะขอกลับไปนอนพักที่คอนโดก่อนเพราะรู้สึกมึนๆ จากนั้นก็รีบขับรถไปบ้านมินทันที ดีว่าน้องยังไม่นอนครับและพอได้เห็นหน้าน้องผมก็รู้สึกดีขึ้นอีกหน่อยนึง
" ทำไมยังแวะมาอีกล่ะครับเนี่ย งานเลิกแล้วเหรอครับ"
" อืม... ก็พี่อยากมาเจอมินไง อยากมาเห็นหน้าหน่อยจะได้กลับไปนอนฝันดี" ผมบอกแล้วก็กอดน้องเอาไว้แน่นเลย มันใจหายว่ะ กลัวว่าถ้าผมต้องเสียน้องไปนี่ ผมจะทำยังไงกัน
" แหม... ขนาดนั้นเลยเหรอครับ พี่อ่ะชอบเว่อร์ทุกที เอ้อ...ใช่ งั้นนั่งรอตรงนี้แป๊บนะครับ" น้องบอกแล้วก็รีบวิ่งเข้าห้องไปแป๊บเดียวแล้วก็เดินออกมาพร้อมกับ.... ห่อของขวัญครับ
วินาทีที่ผมเห็นของขวัญนั้นใจผมมันก็พองโตขึ้นอย่างที่สุด มัน.... ไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ แต่ไอ้บรรดาความวิตกและเครียดจัดที่สุมๆอยู่ในใจผมมันเหมือนหายไปแทบหมดเลยก็ว่าได้
" สุขสันต์วันเกิดนะครับ แกะดูเลยก็ได้น๊า" มินยื่นของขวัญมาให้ผม ซึ่งผมก็แกะทันทีอยู่แล้วถึงน้องจะไม่บอก
กรอบรูปขนาดประมาณกระดาษเอสี่อยู่ภายในกล่องนั้น พอได้เห็นรายละเอียดของมันก็ยิ่งทำให้ผมยิ้มออกมาเพราะมันเป็นกรอบรูปน่ารักๆที่เป็นรูปพ่อครัวยืนอยู่ที่มุมขวาล่าง ส่วนรูปภายในกรอบนั้นก็เป็นฝีมือของมินที่วาดเป็นรูปการ์ตูนประกอบภาพถ่ายของเราสองคนตอนวันที่ไปเที่ยวที่สวนสนุกกัน
แต่ละข้อความที่น้องเขียนนั้น ทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างเป็นสุขจริงๆ โดยเฉพาะข้อความในกรอบรูปหัวใจที่น้องเขียนไว้ว่า " รักที่สุด " และลงท้ายว่า " โก๊ะหมวยให้โก๊ะเฮีย" นั่นแหละ
" กระจกมันแตกไปซะแล้วเสียดายจัง มินเลยเอารูปมาใส่ไว้เฉยๆอ่ะครับ แต่ก็คงไม่เป็นไรเนอะ" มินบอกแล้วก็ยิ้มๆ
" เอ่อ... พี่ชอบรึเปล่าครับ มินก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้นะ ไม่ค่อยมีตังค์เท่าไหร่พอเห็นกรอบรูปอันนี้แล้วชอบมากเลย ชอบตรงตัวเชฟพ่อครัวที่ตรงมุมมันเนี่ยแหละ เพราะว่าเป็นเชฟเหมือนกับพี่ไง" ผมได้แต่ยิ้มนิ่งๆฟังน้องบอก แล้วก็รวบเอวมากอดเอาไว้
" รู้มั๊ยครับ ตั้งแต่เกิดมาพี่ไม่เคยได้ของขวัญอะไรที่ดีเท่านี้เลยนะ ขอบคุณมากจริงๆ แค่มินตั้งใจทำทุกอย่างให้พี่ยังงี้พี่ก็พอใจแล้ว" ผมพูดด้วยเสียงที่สั่นๆเหมือนจะร้องไห้ ที่จริงก็ไม่เหมือนหรอกเพราะว่ามันอยากร้องไห้จริงๆนั่นแหละครับ ไม่รู้ทำไมผมเป็นเอามากขนาดนี้วะ ใจผมตอนนี้มันแย่ขนาดนี้เลยเหรอ น้องก็ไม่ได้ไปไหนยังอยู่กับผมตรงนี้นี่นา
" เอ๊ะ... พี่เป็นอะไรรึเปล่าครับเนี่ย ทำไมเสียงเหมือนสั่นๆยังงั้นล่ะ" มินคงรู้สึกได้มั๊งเลยถามผมขึ้นมา
" เปล่าครับ ไม่มีอะไรหรอก พี่คงเหนื่อยๆมั๊ง"
" เหรอครับ อืม... แต่สีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับเนี่ย" น้องยังคงซักผมต่ออย่างเป็นห่วง
" ไม่มีอะไรหรอกครับ ไม่ต้องห่วงนะ เอ้อ... ดึกมากแล้วเดี๋ยวไปนอนเถอะครับพี่จะกลับล่ะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะแวะมานะ" ผมต้องเอ่ยลาน้องไปก่อน เพราะไม่งั้นถ้าอยู่ต่อผมคงเก็บอาการไม่อยู่แน่ ไม่อยากให้น้องต้องเป็นห่วงผมไปเปล่าๆ
" ครับ ขับรถดีๆนะครับ" น้องเอ่ยลาผม แต่ในใจผมอ่ะไม่ได้อยากจะลาเล๊ย อยากอยู่กับน้องต่อยังงี้ไปทั้งคืนแต่ก็คงไม่ได้เพราะอารมณ์ผมตอนนี้มันขึ้นๆลงๆอย่างหนักเพราะสับสนไปหมด นี่ผมก็ไม่เคยเป็นเอามากขนาดนี้เลยจริงๆนะ
และไม่ว่ายังไงผมก็จะพยายามหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้ ผมไม่มีทางยอมเสียน้องไปแน่ๆต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็เหอะ................
***************************************************