กลับมาแล้วคร้าบ ต้องขออภัยที่หายนานพอดีเครื่องคอมที่บ้านมีปัญหามากต้องเสียเงินอีกจนได้ ยิ่งไม่ค่อยจะมี 555
ขอบคุณทุกเม้นท์ที่ช่วยแนะนำเหมือนเดิมนะครับ ก็อย่างที่บอกว่าผมขอน้อมรับคำติชมทุกอันเลย
เพราะอย่างที่เคยบอกว่าตั้งแต่มาเขียนเนี่ย บางทีเขียนเองก็ไม่ได้อย่างที่ใจอยากเหมือนกันนะครับ อยากถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครแบบนึง แต่พอเขียนออกมามันเป็นอีกแบบไปซะแล้วก็ไม่รู้จะแก้ยังไงดี สงสัยประสบการณ์ยังไม่ถึงจริงๆ 55
แต่ก็จะพยายามเขียนต่อไปครับ ช่วงนี้ก็มาม่าให้ทานกันก่อนนะเพราะว่าชีวิตเป้งมาถึงจุดเปลี่ยนแล้วล่ะ เป็นจุดเปลี่ยนที่ใครๆก็คงต้องได้เจอบ้าง แต่อยากให้อ่านแล้วคิดตามไปว่ามีวันที่แย่ๆก็ขอให้อดทนจนกว่าจะถึงวันที่ดีที่รออยู่
ขอบคุณ คุณlitlittledragon ที่แนะนำมาเป็นพิเศษนะครับ อย่างที่บอกว่าบางครั้งจะเขียนตัวละครให้บาลานซ์พอดีๆมันก็ยากแฮะ ก็ยังต้องฝึกกันต่อไป อิอิ
ขอบคุณที ขอบคุณลักษ์ ขอบคุณพี่แก้ว น้องหมู น้องไอซ์ และทุกท่านที่แวะมาอ่านกันตลอดด้วยครับ
โอเค ไปติดตามกันต่อเลยคร้าบ
ตอนที่33 *****************************************
กลับมาถึงคอนโดปั๊บผมรีบเอากรอบรูปของมินไปไว้หัวเตียงทันทีเลยล่ะ ต่อไปนี้ถ้าผมได้เห็นรูปนี้อีกเมื่อไหร่มันก็คงทำให้ผมรู้สึกดีๆได้ทุกครั้งเพราะน้องได้ตั้งใจทำมันขึ้นมาให้ผมนี่นะ ผมจะขอคิดเอาว่ามันเป็นของแทนใจของน้องละกัน ต่อไปผมจะขอเก็บรักษามันไว้อย่างดี
คืนนั้นผมพยายามนอนก็นอนไม่หลับแฮะ มันยังกังวลเรื่องที่โดนแบล็คเมล์อยู่ หนักๆเข้าผมก็เดินออกไปนั่งอยู่ที่ระเบียงพลางคิดไปเรื่อยว่าจะทำยังไงต่อไปดี
โอเคว่ะ ต้องกลับมาเผชิญความจริงได้แล้ว ทุกวันนี้ที่ผมทำอยู่มันก็ยังเป็นการหนีปัญหาไปวันๆนี่นะ อยากบอกพ่อก็ไม่รู้จะบอกยังไงจนตอนนี้มันกลายมาเป็นเงื่อนไขที่ค้ำคอผมอยู่อย่างนี้ เพราะงั้นมันต้องจบลงซะทีว่ะ
พรุ่งนี้ผมจะไปบอกพ่อให้จบๆไปซะที ไม่ต้องสนใจวิธีการอะไรแมร่งละ เข้าไปบอกตรงๆนี่แหละว่ะ แล้วหลังจากนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างเหอะ อย่างน้อยไอ้พี่วินนี่มันก็เอาเรื่องนี้มาขู่ผมอีกไม่ได้แล้ว ถ้าอยากจะไปโพทนาก็เรื่องของมึงดิ กูคงไม่มีอะไรจะเสียแล้วว่ะ
พอคิดได้ผมก็กลับมานอนต่อจนเกือบสิบโมงเช้าโน่น ไหนๆก็วันเสาร์นี่นะ ตื่นสายได้อยู่แล้ว แต่พอออกมาจากห้องผมก็แปลกใจเพราะมินมานั่งดูโทรทัศน์รอผมอยู่ที่โซฟา
" ตื่นแล้วเหรอครับ เมื่อคืนนอนดึกแน่เลยใช่มั๊ย หรือว่านอนไม่หลับครับ ผมเห็นพี่ยังนอนก็ไม่อยากไปปลุกแต่เตรียมอาหารไว้ให้แล้วครับ ยังร้อนๆเลยนะ" พูดจบมินรีบวิ่งไปเอาอาหารมาวางที่โต๊ะให้ผม อืม... อเมริกันเบรคฟาสต์อีกแล้วอ่ะ น่ากินจริงๆ
" แล้วที่มาหาพี่ตั้งแต่เช้าเนี่ย มินห่วงพี่เหรอครับ" ดีใจว่ะ เมียยังเป็นห่วงขนาดนี้
" ก็ใช่ครับ เห็นพี่ดูเงียบๆไปไม่ร่าเริงเหมือนทุกที มีอะไรไม่สบายใจเหรอครับ"
" หึๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่แค่เหนื่อยๆเพราะงานเยอะแหละ ไม่ต้องห่วงนะครับ" ก็ต้องปฏิเสธไปก่อนอ่ะนะ
" งั้นพี่ก็ต้องพักผ่อนเยอะๆนะ หักโหมงานมากไปเดี๋ยวไม่สบายพอดี ไว้แล้วมินจะแวะมาเรื่อยๆนะครับ" เฮ้อ... น่ารักจริงๆเล้ย ที่รักของพี่
" คร้าบ... ดีใจจังมีคนเป็นห่วงขนาดนี้" ผมบอกแล้วก็เอามือน้องมาจูบไปทีนึงจนเจ้าตัวเขินอีก
" เดี๋ยวทานเสร็จแล้วพี่ไปส่งที่บ้านนะครับ พอดีพี่ต้องไปจัดการเรื่องงานต่อนิดหน่อย แล้วเย็นๆจะไปหาที่บ้านอีกทีนะ" ผมบอก มินก็พยักหน้ารับ
พอทานเสร็จผมก็เข้าไปแต่งตัวแล้วไปส่งน้องที่บ้านจากนั้นก็ขับตรงกลับไปบ้านผมทันที นั่งนึกมันไปตลอดทางอ่ะว่าจะพูดอะไรก่อน กลัวก็กลัวแหละแต่ผมตั้งใจแล้วว่ายังไงเรื่องทุกอย่างต้องให้จบลงไปวันนี้ ตอนนั้นผมก็ขับไปใกล้จะถึงบ้านแล้วล่ะแต่พอดีไอ้ป้างมันโทรเข้ามาซะก่อน
" เฮ้ย... มึงอยู่ไหนวะตอนนี้"
" เออ... กูกำลังขับรถจะไปที่บ้านเนี่ย แล้วมึงอ่ะอยู่ไหน"
" เออๆ กำลังเข้ามาที่บ้านใช่มั๊ย งั้นเดี๋ยวกูจะรอมึงอยู่นี่แหละ" มันบอกแล้วก็วางสายไป ผมก็ขับเข้าซอยบ้านไปพอดี
" อ้าว... มาแล้วเหรอวะเร็วจัง งั้นเดี๋ยวไปกับกูเลย ไป..." มันบอกแล้วก็ก้าวขึ้นรถมันไปแล้ว อะไรวะ กูยังไม่ทันตั้งตัวเลย
" เฮ้ย... มึงจะไปไหนเนี่ย" ผมถามแต่ก็ขึ้นไปนั่งข้างมันเรียบร้อยละ
" ก็ไปจัดการปัญหาคาใจให้มึงไงล่ะ" มันบอกแล้วก็ออกรถขับไปจากบ้านทันที
" เฮ่ย... เหรอวะ แล้วมึงจะทำไงอ่ะ ไหนบอกกูมาดิ๊"
" เออ... ไปถึงเดี๋ยวมึงก็รู้เอง อย่าเพิ่งถามอะไรเลย มึงอยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรปล่อยให้กูจัดการเอง ไม่ต้องห่วง" อ้าว... ไอ่เวร ไหงงั้นอ่ะ
" อ้าว... อะไรของมึงวะ แล้วจะอุบไว้ก่อนทำห่าอะไรวะเนี่ย คนยิ่งอยากๆรู้อยู่"
" เออน่า... เชื่อกูสักครั้ง กูยังไม่รับปากหรอกว่ามันจะเวิร์คมั๊ย แต่ก็อยากลองดูก่อน" มันบอกมายังงี้ผมก็เลยต้องปล่อยมันแล้วนั่งนิ่งคิดเองไปเรื่อยว่านี่มันจะทำอะไรแน่
" เอาล่ะ ถึงแล้ว" มันบอกอีกครั้งแล้วก็เลี้ยวเข้าไปจอดตรงที่จอดรถของออฟฟิศแห่งนึง เฮ้ย... นี่มันออฟฟิศพี่วินนี่อ่ะ
ผมก็กำลังจะอ้าปากถามมันอีกแต่มันก็ดึงตัวผมเข้าไปข้างในซะแล้ว แล้วเราก็มานั่งประจันหน้ากับไอ้พี่วินนี่อยู่ แมร่ง... เหม็นหน้ามันจังว่ะ
" ว่าไงครับน้องเป้งน้องป้าง วันนี้มาด้วยกันทั้งคู่เลย แล้วตกลงน้องเป้งตัดสินใจได้แล้วใช่มั๊ยครับ" ไอ้พี่วินนี่มันว่ามายังงี้ผมก็กำลังจะอ้าปากโวยมันไปอยู่แล้วแต่ไอ้ป้างมันยกมือให้ผมหยุดก่อน
" คือวันนี้ผมจะมายื่นข้อเสนอให้พี่น่ะครับ แลกกับการที่พี่จะต้องปล่อยมือจากน้องผมและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับมันอีกน่ะครับ" ไอ้ป้างเอ่ยขึ้นหน้านิ่งๆ แต่ทำเอาผมตะลึงไปเลย
" หือ... ข้อเสนอเหรอครับ อืม... แล้วมันคืออะไรล่ะข้อเสนอที่ว่าเนี่ย" ไอ้พี่วินนี่มันขยับแว่นทีนึงแล้วก็มองจ้องหน้าไอ้ป้างอย่างสนใจ
" ข้อเสนอของผมก็คือ ตัวผมเองครับ ผมยินดีจะย้ายมาเซ็นสัญญาอยู่กับสังกัดของพี่แทนไอ้เป้งเอง และผมยินดีทำทุกอย่างไปตามที่พี่ต้องการ ในฐานะดาราในสังกัดคนนึงเท่านั้น แค่แลกกับการที่พี่จะไม่มายุ่งเกี่ยวอะไรกับไอ้เป้งมันอีก โอเคมั๊ยครับ"
" เฮ้ย.. อะไรวะไอ้ป้าง นี่มึง...." ผมจับแขนมันแล้วรีบพูดขึ้นแต่มันก็ยกมือห้ามผมไว้อีก
" พูดเป็นเล่นน่า อะไรกันครับน้องป้างทำไมถึงจะทำแบบนี้ล่ะ ฝ่ายที่จะเสียหายน่ะคือตัวน้องป้างเองนะครับ แล้วต้นสังกัดของน้องเค้าไม่ว่าเอาเหรอ นี่เท่ากับว่าฉีกสัญญากันเลยนะ" ไอ้พี่วินนี่ยื่นหน้าเข้ามาด้วยอาการตระหนกเล็กน้อย คงแปลกใจมากๆที่ไอ้ป้างมันทำแบบนี้ แต่คนที่เหวอที่สุดน่ะ คือผมตะหาก
" ผมน่ะมีแค่ผู้จัดการครับไม่ได้มีสังกัดแล้วเราก็คุยกันเรียบร้อยแล้ว ผมเองถือว่าผมเสียสละให้น้องได้ผมก็ทำ กับแค่นี้ผมไม่มายด์หรอก ผลประโยชน์น่ะมันของนอกกายครับ"
พอได้ยินมันพูดถึงตรงนี้ผมเลยซึ้งครับ ที่แท้มันก็คิดจะเสียสละให้ผมเพราะมันเองก็รู้ดีว่าพี่วินนี่ไม่ปล่อยผมไปง่ายๆแน่ ถ้าไม่ทำแบบนี้เค้าก็คงไม่ยอม แต่ไอ้ที่มันต้องลงทุนฉีกสัญญากับผู้จัดการคนเก่าของมันทิ้งเลยเพราะผมนี่... บอกตรงๆว่าผมอึ้งจริงๆ
" ไอ้ป้าง... มึง...." ผมเอ่ยไปแค่นั้นมันก็หันมายิ้มให้ผมเหมือนกับบอกเป็นนัยๆอยู่ว่าไม่ต้องมาซึ้งอะไรกะมันหรอก นี่เองเหรอวะมึงถึงไม่ยอมบอกกูตั้งแต่ในรถ
" หึ... พี่ว่าน้องไปคิดดูให้ดีๆก่อนนะครับ มาฉีกสัญญากันง่ายๆยังงี้น่ะ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะครับ คนในวงการน่ะเรื่องเครดิตมันเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราทำแบบนี้มันก็เหมือนเราไม่รับผิดชอบทำผิดสัญญากันง่ายๆ แล้วยังงี้ต่อไปคนที่จะมีปัญหาน่ะคือตัวเราเองนะครับ เพราะต่อไปก็จะไม่มีใครเชื่อถือคำพูดของเราอีกแล้วนะ" พี่วินนี่อธิบายมายิ่งทำให้ผมยิ่งกระจ่างทันทีว่า นี่มันจะเป็นผลเสียอย่างเลวร้ายกับอนาคตในวงการของไอ้ป้างมัน
" ตอนนี้ผมไม่สนอะไรหรอกพี่ ผมน่ะคิดดีแล้ว อย่างมากผมก็แค่ออกจากวงการไปก็แค่นั้น แต่จะให้ผมมานั่งทนดูน้องผมโดนพี่บังคับแบบนี้มันก็ไม่ไหว เพราะงั้นผมถึงมาเสนอทางเลือกให้พี่ เชื่อผมเหอะครับ พี่เอามันไปพี่ก็ต้องมาปั้นมันใหม่อีกเหนื่อยเปล่าๆ รับผมไว้น่ะพี่คงไม่ต้องเหนื่อยอะไรอีก เพราะอย่างผมก็คงพอจะทำเงินให้พี่ได้ดีกว่ามันอยู่นะ จริงมั๊ยครับ"
" ไอ้ป้าง มึงหยุดเลย อย่าทำยังงี้" ผมบอกมันแล้วก็ดึงแขนมันไว้ ทนไม่ไหวแล้วว่ะ นี่มันกำลังหาเรื่องมาใส่ตัวมันอยู่นะ อนาคตที่มันสร้างมาตั้งเป็นนานจะมาพังเพราะช่วยผมเหรอ
" เฮ้ย.. มึงไม่ต้องห้ามกู ก็อย่างที่บอกว่ากูคิดดีแล้ว กูเดือดร้อนแค่นี้มันไม่เป็นไรหรอกแต่จะให้กูทนดูมึงเป็นทุกข์ไปตลอดนี่กูก็ไม่เอา เพราะงั้นแบบนี้น่ะดีแล้ว มึงอย่าคิดมากเลยว่ะ เชื่อกูนะ" มันตบไหล่ผมเบาๆแต่ตอนนั้นผมจุกไปเลยว่ะ มันอึดอัดทำอะไรไม่ได้เลย นี่ผมต้องทนปล่อยให้มันเสียสละอนาคตไปเพราะผมงั้นเหรอ
" โอเคนะครับ ตกลงตามนี้แล้วพี่จะให้ผมเซ็นสัญญาเมื่อไหร่ก็ว่ามา ผมพร้อมเสมอแค่แลกกับอิสระของน้องผมเท่านั้น" ไอ้ป้างย้ำกับพี่วินนี่ซึ่งตอนนี้ได้แต่นั่งส่ายหน้าช้าๆเหมือนกับว่าเค้าจะไม่ยอมรับ
" เฮ้อ... เอาล่ะ พี่อยากอธิบายบางอย่างให้ฟังนะครับ" พี่วินนี่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเนือยๆ สีหน้าก็ดูเหมือนกะว่ารู้สึกผิดยังไงไม่รู้
" ที่จริงทั้งหมดนั้นน่ะมันไม่ใช่จุดประสงค์จริงๆของพี่หรอกครับ ที่ว่าจะอยากให้น้องเป้งมาเข้าสังกัดน่ะ" พอเค้าเริ่มพูดมา ผมกับไอ้ป้างฟังแล้วต้องหันมามองหน้ากันทันที
" เพราะจุดประสงค์จริงๆของพี่ก็คือแค่ทำให้น้องเป้งเข้าวงการอย่างเต็มตัวก็เท่านั้นเอง แต่การที่น้องป้างมาทำแบบนี้น่ะ พี่คิดว่าพี่คงรับไว้ไม่ได้หรอก เพราะคนจะที่เสียหายที่สุดมันคือตัวน้องป้างเองและพี่ขอชื่นชมเราจากใจจริงนะครับที่อุตส่าห์ยอมเสียสละเพื่อน้องได้ขนาดนี้"
" แล้วตกลงมันยังไงครับ พี่จะไม่รับข้อเสนอของผมเหรอ ผมไม่เข้าใจ" ไอ้ป้างชิงถามขึ้นมาก่อน
" อืม... ก็อย่างที่บอกครับว่าพี่คงรับไว้ไม่ได้จริงๆ แค่นี้พี่ก็รู้สึกผิดมากแล้วล่ะ" พี่วินนี่เอ่ยพร้อมกับถอนใจออกมาเอือกใหญ่
" พี่เองยอมรับว่าคงบังคับใจน้องเป้งมากเกินไป แต่ถ้าจะต้องถึงกับทำลายอนาคตที่สดใสดีอยู่แล้วของน้องป้างอีกคนล่ะก็ พี่คงทำไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ" คราวนี้พี่วินนี่พูดแล้วก็เปิดลิ้นชักโต๊ะเหมือนกำลังหยิบของบางอย่าง
" แล้วพี่..." ผมอ้าปากจะพูดกับพี่วินนี่ครับ แต่ก็พูดได้แค่นั้นอีกอ่ะเพราะพี่วินนี่ยื่นซองใส่เอกสารสีน้ำตาลมาให้ผม แมร่ง.... ทำไมวันนี้จะพูดอะไรก็ถูกขัดจังหวะตลอดวะ
" ทั้งหมดในนั้นก็คือฟิล์มต้นฉบับและภาพถ่ายของน้องเป้งกับแฟนนะครับ พูดง่ายๆก็คือหลักฐานทั้งหมดว่าน้องเป้งมีแฟนแต่แฟนคนนี้เป็นผู้ชาย ซึ่งพี่จะไม่เอามันมาใช้อีกแล้วล่ะ" ผมฟังแล้วก็รับซองนั้นมาเปิดดูก็ได้เห็นว่าเป็นฟิล์มและรูปถ่ายผมตอนอยู่กับน้องตามที่เค้าบอกนั่นแหละ ซึ่งแค่เพียงเท่านี้มันก็เป็นหลักฐานที่ดีพอที่จะทำให้ผมโดนเค้าเปิดโปงได้จริงๆ
" และตั้งแต่วันนี้ไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วนะ พี่ขอรับรองว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับน้องเป้งอีกแล้ว ขอให้เชื่อตามนี้ถ้าคิดว่าคนอย่างพี่ยังพอจะหลงเหลือเกียรติและศักดิ์ศรีให้เชื่อถือได้นะ" พี่วินนี่บอกแล้วก็นั่งเอนพิงหลังไปกับเก้าอี้นั้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาอีกเหมือนปลงๆ
" แล้วนี่... มันยังไงกันครับ ผมงงไปหมดแล้ว ทำไมพี่ยอมพวกผมง่ายๆอย่างนี้ล่ะ ผมไม่เข้าใจจริงๆ" ผมถึงกับรำพึงออกมาเพราะไม่เข้าใจเค้าอ่ะ
" ก็ที่จริงพี่เองก็ไม่ได้อยากทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกไงครับ ไม่มีอะไรหรอก" พี่วินนี่ยิ้มบางๆที่มุมปากให้ผม
" ยังไงครับ แล้วทำไมพี่ถึงต้องอยากให้ผมเข้าวงการล่ะ" นั่นแหละที่ผมงง ที่จริงไม่ได้หวังให้ผมเข้าสังกัดเหรอ แล้วมันยังไงกันล่ะวะ งง
" ถ้าพี่พูดไปก็ขอให้มันจบแค่ตรงนี้นะครับ โอเคมั๊ย"
" ครับ... ผมไม่ไปพูดให้ใครรู้หรอก" ผมรับคำแล้วนั่งนิ่งๆรอฟังกับไอ้ป้าง
" ก็เพราะว่ามีคนต้องการให้เป็นแบบนั้นน่ะสิครับ ให้น้องเป้งเข้าวงการซะจะได้คบกับแฟนต่อไม่ได้เพราะไม่ยังงั้นก็ต้องโดนเปิดโปงไง"
" เฮ้ย... ทำไมยังงั้นล่ะ ไอ้คนๆนี้มันเป็นใครกันพี่ ทำไมมันต้องทำแบบนี้" ผมฉุนกึ้กขึ้นมาอีกครับ ไอ้ป้างมันก็จับไหล่ผมไว้
" ใจเย็นมึง... นั่นดิครับพี่ ทำไมเค้าต้องทำยังงั้นด้วย" ไอ้ป้างถามขึ้นบ้าง
" หึๆ ขอโทษทีนะ พี่คงพูดได้แค่นี้แหละ เพราะนี่เค้าก็บีบพี่มาอีกทีเหมือนกันว่าต้องทำแบบนี้ ไม่งั้นตำแหน่งงานของพี่ที่นี่อาจจะมีปัญหาได้ เข้าใจนะครับ"
ไปๆมาๆไหงคดีมันดันพลิกไปยังงี้ได้ไงวะ กลายเป็นว่าพี่วินนี่เค้าก็โดนบีบมาอีกทีเหมือนกันเลยต้องทำแบบนี้ ตลกว่ะ มันจะละครหลังข่าวไปมั๊ย
" เฮ้อ... จากที่พี่ตั้งใจว่าจะยอมใจร้ายแบล็คเมล์น้องเป้งให้มาอยู่ในสังกัดซะหน่อยแต่ดันใจอ่อนซะก่อน สงสัยพี่เองคงเล่นบทตัวร้ายๆไม่ขึ้นล่ะมั๊ง มาเห็นว่าน้องป้างต้องเสียสละให้น้องแบบนี้พี่ก็ใจอ่อนทนดูไม่ไหวซะแล้ว หึๆ"
" เอาล่ะครับ ถ้าพี่บอกได้แค่นั้นก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจครับ ถ้างั้นผมก็ต้องขอบคุณพี่นะ พี่เองทำแบบนี้มันก็เสี่ยงจะเดือดร้อนเหมือนกัน แล้วยังงี้พี่จะทำไงต่อไปครับ" ไอ้ป้างบอกขอบคุณพี่วินนี่ไปเค้าก็ยังยิ้มๆอยู่ แต่เป็นยิ้มที่ดูปลงๆว่ะ
" ไม่ต้องห่วงครับ ที่เหลือมันเป็นปัญหาของพี่ๆก็จะแบกรับมันเอง นึกๆไปแล้วพี่ก็คิดผิดที่ทำแบบนั้นกับน้องเป้งไป นั่นมันเท่ากับว่าพี่ผลักภาระให้พ้นตัวแท้ๆ เลยทำให้น้องเป้งต้องมาฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำแต่ตอนนี้พี่เองเข้าใจดีแล้วก็เพราะที่น้องป้างยอมเสียสละนั่นแหละ พี่ถึงได้ละอายใจว่าพี่ไม่ควรทำแบบนั้นเลย เพราะถ้าน้องป้างจะต้องเสียสละเอาอนาคตมาทิ้งแบบนี้ด้วยพี่คงโคตรเลวเลย มันรับไม่ไหวจริงๆครับถ้าต้องเป็นยังงั้น"
ตอนนี้ผมถอนใจยาวเลย ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมดแล้วเพราะตอนนี้กลายเป็นพี่วินนี่ช่วยเราไว้ตะหาก และการที่เค้าทำแบบนี้มันอาจทำเค้าเดือดร้อนทีหลังก็ได้ เฮ้อ... เลยต้องมากลุ้มเพราะห่วงเค้าแทน จากที่ตอนแรกยังเหม็นหน้าเค้าอยู่เลย
" พี่ครับ... ผม.. ผมอยากขอโทษพี่นะตอนนี้ แล้วก็ขอบคุณที่พี่ยอมเสี่ยงช่วยผมยังงี้ ผมเข้าใจดีแล้วครับ" ผมยกมือไหว้พี่วินนี่ไปอย่างรู้สึกซึ้งใจ นี่เราต้องขอบคุณเค้าจากใจเลยล่ะ ถึงตอนแรกเค้าจะเลวในสายตาผมแต่พอได้รู้ว่าเค้าจำเป็นมันก็น่าเห็นใจเค้าว่ะ
" ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่แค่กลับมาทำสิ่งที่มันถูกต้องก็แค่นั้น ถ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณพี่ชายเราเถอะครับ ถ้าเค้าไม่เสียสละอย่างนี้พี่อาจจะยังไม่รู้สึกตัวก็ได้ เห็นแล้วก็ดีใจไปด้วยนะครับที่เป้งมีพี่ชายดีๆอย่างนี้ ต่อไปก็ขอให้เราสองคนรักกันอย่างนี้ตลอดไปนะครับ มีอะไรก็อย่าทิ้งกันล่ะ" พี่วินนี่อวยพรเราซะอีก เฮ้อ... แต่ตอนนี้ผมโล่งเลยว่ะ ใจนึงก็ยังห่วงๆพี่วินนี่เค้านะที่เค้าจะทำยังไงต่อจากนี้ มันเหมือนผมยังติดค้างเค้าเรื่องเค้าเสี่ยงมาช่วยเรานั่นแหละ
พอลาพี่วินนี่ออกมาผมก็เดินมาขึ้นรถกับไอ้ป้าง มันก็มองผมยิ้มๆและพอผมจะอ้าปากถามมันปั๊บมันก็เสือกพูดสวนขึ้นมาก่อนอ่ะ
" มึงไม่ต้องพูดอะไรหรอก กูรู้ว่ามึงจะพูดอะไร" ขัดจังหวะกูอีกแล้ว
" สัด... อะไรของมึงวะ"
" จะบอกใช่มั๊ยว่ากูไม่ควรทำยังงั้น จะด่าว่ากูทำไมต้องเอาอนาคตมาทิ้ง งั้นกูถามหน่อยถ้าเป็นมึงๆจะทำยังงี้มั๊ย" อ่ะ... อึ้งเลยสิกู
" มึงลองถามตัวมึงเองนะ ถ้ามึงเป็นกูมึงจะทำยังงี้มั๊ย แล้วถ้ามึงตอบว่าไม่ทำ มึงก็ค่อยมาด่ากูละกัน" นั่น.... ดูมันดิครับ มันพูดดักผมไว้หมดเลย แมร่ง... เป็นอันจบข่าวเลยว่ะ หมดคำถามไปเลย
" เออๆ แต่ยังไงก็ต้องขอบใจมึงมากว่ะ ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะเว้ยที่มึงจะไปฉีกสัญญายังงั้น ถ้าโดนทางช่องหรือใครที่เสียผลประโยชน์เค้าฟ้องขึ้นมาจะทำไงวะ"
" ก็กูบอกแล้วว่าไม่ต้องห่วง กูจัดการได้ ทางพี่อุ๋มผู้จัดการกูอ่ะเค้าก็โอเค เค้าเห็นใจกูว่าต้องช่วยมึงไงเค้าถึงยอมฉีกสัญญาให้ สมแล้วล่ะที่กูทำงานกะเค้ามานานงั้นเดี๋ยวต้องไปบอกข่าวดีเค้าแล้วว่ะว่าสัญญาทุกอย่างคงเดิม แล้วคงต้องฉลองกันหน่อยนะเว้ย" ไอ้ป้างยิ้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นมา แต่ผมดิ นี่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องบอกพ่อผมก็ต้องทำอยู่ดีไม่งั้นปัญหามันก็ไม่มีวันจบ ยังไงซะผมก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุว่ะ แค่บอกพ่อไปซะทุกอย่างก็จบ แต่หวังว่าคงไม่ใช่ความสัมพันธ์ของผมกับมินนะที่จะจบแทน
ต่อข้างล่างเลยครับ วัยรุ่น 