ฮ่าๆ มาแล้วคร้าบ มีคนแซวแฮะ
ช่วงนี้ก็ยังยุ่งๆน่ะครับงานเยอะมากๆต้องค่อยๆเขียน แต่ตอนนี้่อยากได้คำวิจารณ์ซะหน่อยว่าผมเขียนเรื่องเยิ่นเย้อไปรึเปล่า เนื้อหาน่าเบื่อไปรึเปล่า เพราะเขียนๆไปก็มีไม่มั่นใจเหมือนกัน เลยอยากได้คำติชมหน่อย
ช่วงนี้เรื่องมันจะไคลแม๊กซ์มากขึ้นแล้วนะครับ ก็จะมีมาม่าเรื่อยๆอ่ะนะ อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนครับเพราะอย่างที่บอกแล้วว่าตอนจบสุดท้ายยังไงก็แฮบปี้กันทุกฝ่าย เพราะงั้นอย่าไปซีเรียสกับมันมากครับ อิอิ
แล้วก็ขอขอบคุณทุกๆท่านเหมือนเคยครับที่ยังมาติดตามกันอย่างเหนียวแน่น อดใจรอตอนหน้ากันนะครับ
ตอนที่36 ****************************************
ตอนนี้ผมกำลังสับสนอยู่ว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี่ไปได้ยังไงวะ ไอ้มาร์ทมันก็เสือกห้าวเสือกแมนอะไรขึ้นมาไม่รู้ทำรุนแรงไปซะขนาดนี้ แต่มันก็สมควรล่ะ ไอ้เชี่ยชายมันทำซะขนาดนี้นี่หว่า
" มันเกิดอะไรขึ้นน่ะลูก หือ..." แม่มันเริ่มถามซ้ำอีก
" ............." มันยังคงนิ่งเงียบแต่ก็เงยหน้ามามองหน้าแม่มัน
" ไหนล่ะ อยู่ไหน ไอ้ชั่ว แกนะ.... มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ มาทำแบบนี้กับลูกชั้นได้ยังไง" เอาแล้วครับ มากันแล้วล่ะ
" อะไรกันคะคุณนายใหญ่ เจ้ามาร์ทมันไปทำอะไรเหรอคะเนี่ย" แม่ไอ้มาร์ทรีบถามยัยคุณนายนั่นทันที
" ก็ลูกของแกน่ะสิ กล้าดียังไงมาชกหน้าลูกชั้น ยังงี้มันอยู่ร่วมกันไม่ได้แล้ว แกรีบขนข้าวขนของๆพวกแกออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ อีพวกเลี้ยงไม่เชื่อง"
เฮ้อ... โดนเข้าแล้ว คุณนายสารพัดพิษเริ่มออกอิทธิฤทธิ์ว่ะ ผมงี้โคตรฉุนเลยจ้องหน้ายัยคุณนายอยู่แต่เค้าไม่ได้หันมามองผมเพราะมัวแต่ใช้สายตาจิกไปที่แม่ไอ้มาร์ทอยู่ แมร่งเอ๊ย.... จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ว่ะ ไม่ใช่บ้านกูนิ
" เดี๋ยวค่ะคุณ นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง มาร์ทลูก... เราไปชกหน้าน้องเหรอ ทำไมทำแบบนี้ล่ะลูก" แม่มันพูดไปก็เริ่มน้ำตาไหลครับ ทนไม่ไหวแล้วเว้ยกู
" แม่ครับ ไอ้มาร์ทมันแค่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมไอ้ชายน่ะครับ แต่ผมว่าชายมันโดนแค่นี้น่ะยังน้อยไปด้วยซ้ำ" ผมตอบแม่มันไปแทนซะงั้น ใครว่าเสือกก็ยอมอ่ะ ก็มันไม่ไหวแล้วนี่หว่า ยัยคุณนายงี้อ้าปากค้างเลย
" เอ๊ะ... นี่มันอะไรกัน แล้วแกเป็นใครถึงกล้ามาว่าลูกชั้นยังงี้ ไสหัวแกออกไปเลยนะ" หึ หันมาแว้ดผมล่ะ
" ผมว่าคุณนายใหญ่ลองไปถามลูกชายสุดที่รักดูก่อนดีกว่านะครับว่าทำไมเพื่อนผมมันถึงบอกว่าชายมันสมควรโดนแล้ว" ไอ้มาร์ทเอ่ยขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยิ่งทำยัยคุณนายปรี๊ดแตกอีกแล้วชี้หน้าไอ้มาร์ท
" นี่แกยังจะกล้ามาปากดีกับชั้นอีกเหรอ หา!"
" ม๊า... พอได้แล้ว เรื่องแค่นี้อย่าให้มันเป็นเรื่องใหญ่ไปเลยน่า แค่เข้าใจผิดกันแค่นั้นเอง เฮียเค้าก็ไม่ได้ตั้งใจต่อยชายจริงๆหรอก" ไอ้ชายครับ มันเดินลากสังขารของมันตามมาพอดีพร้อมกับพี่สาวมันแหละ
" อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ ถึงจะแค่เข้าใจผิดยังไงมันก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับแก มันเป็นใครแล้วแกเป็นใคร ยังไงชั้นก็ไม่ยอมหรอกนะ" ยัยคุณนายยังคงวีน แต่ผมก็แปลกใจนิดๆว่าทำไมไอ้ชายมันไม่อยากให้เป็นเรื่อง
" โธ่... ม๊า เอาเหอะน่า อย่าให้เป็นเรื่องไปเลย ชายบอกแล้วว่าแค่เข้าใจผิดกัน ไปเถอะ"
" ไม่ได้ อย่างน้อยๆมันก็ต้องขอโทษแกก่อนที่มาทำรุนแรงกับแก ไม่งั้นชั้นไม่ยอมหรอก" ยัยคุณนายยื่นคำขาด ไอ้ชายก็กุมขมับเลยทีนี้
" ใช่... เรื่องอะไรจะปล่อยให้ลูกขี้ข้าอย่างมันมาชกหน้าแกฟรีๆห๊า...." อีเจ๊ของมันเสริมขึ้นมาล่ะ
" หึ... เสียใจครับ ผมไม่ได้เป็นคนผิด เพราะงั้นผมจะไม่ขอโทษใครทั้งนั้น" ไอ้มาร์ทเชิดหน้าพูดเลยครับ สะใจว่ะ แต่แม่ไอ้มาร์ทมันอ่ะดิคงตกใจมั๊งครับ หน้าถอดสีไปกันใหญ่
" แก๊.... แกอวดดีนักใช่มั๊ย งั้นแกไสหัวออกไปจากบ้านชั้นทั้งแม่ทั้งลูกเลยนะ" ยัยคุณนายแผลงฤทธิ์เต็มที่ ตวาดลั่นแต่ไอ้มาร์ทไม่ได้สะทกสะท้านเลยว่ะ มีแต่แม่ไอ้มาร์ทเท่านั้นที่หน้าเสียแล้วเสียอีก
" แม่!...." ไอ้ชายคงตกใจมากมั๊งครับ เขย่าแขนแม่มันทันทีเหมือนจะห้าม
" เดี๋ยวค่ะคุณนาย มาร์ทลูก... ขอโทษคุณนายเค้าเถอะนะ อย่าทำยังงี้เลย ยังไงเค้าก็เป็นผู้ใหญ่นะลูก" แม่ไอ้มาร์ทหันมาอ้อนวอนไอ้มาร์ทแทนซะแล้ว ผมก็เห็นใจแม่มันอ่ะ เค้าคงไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตไปยังงี้ แต่ไอ้มาร์ทมันก็ยังทำหน้านิ่งอยู่เลย
" หล่อนไม่ต้องมาขอร้องชั้นเลยนะ ลูกชายหล่อนมันอวดดีนักนี่ถ้ายังงั้นก็ไสหัวกันไปเลยนะ ปีกกล้าขาแข็งกันแล้วนี่ ในเมื่อบ้านนี้มันไม่มีความหมายกับพวกแกแล้วถ้างั้นก็เชิญแกไสหัวไปได้เลย ไป๊"
" คุณไม่ต้องมาไล่ผมกับแม่แล้วล่ะครับ ในเมื่อผมกับแม่เป็นแค่ส่วนเกินผมก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อไปอยู่แล้วล่ะ ไปเก็บของกันเถอะครับแม่ เค้าไล่เราแล้ว" ไอ้มาร์ทหันมาแล้วจับมือแม่มันไว้
" มาร์ท...." แม่ไอ้มาร์ทก็น้ำตานองหน้าเลยครับ เฮ้อ... สงสารสุดๆเลยว่ะผม
" หึ... ยังจะอวดดีจนนาทีสุดท้ายนะ ดี... งั้นขนของแล้วไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลยแล้วอย่าได้ซมซานกลับมาที่นี่อีกเป็นอันขาด ไปลูก..." ยัยคุณนายเชิดใส่ไอ้มาร์ทกับแม่แล้วก็เดินออกจากบ้านไปพร้อมกับพี่สาวไอ้ชายที่หันมายิ้มเย้ยๆ ส่วนไอ้ชายมันก็ยังยืนอึ้งๆอยู่แล้วมองหน้าไอ้มาร์ทกับผมเหมือนจะอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่ได้พูดเพราะมันรีบวิ่งตามแม่มันออกไปแล้ว เดาว่ามันคงไปขอร้องแม่มันอีกมั๊ง
" เฮ้อ.... แล้วทีนี้จะยังไงล่ะมึง โดนเค้าไล่เป็นหมูเป็นหมาเลยอ่ะ" เออ.... แล้วมึงจะทำไงล่ะทีนี้ นายมาร์ทผู้ทรนง ทรนงมากจนต้องโดนเฉดหัวเหมือนกูแล้วเห็นมั๊ย
" ก็กูอยากทำยังงี้นานแล้ว นี่กูไม่ได้แค่โกรธอยากประชดหรืออารมณ์ชั่ววูบหรอกว่ะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ กูมีที่ไปแล้วล่ะ"
" หา... มีที่ไป... เหรอวะ"
" เออ... เดี๋ยวกูไปเก็บของกับแม่ก่อนนะ" มันบอกแล้วก็ประคองแม่มันมานั่งที่โซฟา
" มาร์ทน่ะลูก ไม่น่าทำแบบนี้เลย ถ้าพ่อเค้ารู้เค้าจะว่ายังไงล่ะ"
" เค้าก็คงไม่ว่ายังไงหรอกครับ อาจจะมาช่วยไล่เราออกจากบ้านอีกคนก็ได้ ช่างมันเถอะครับแม่ ต่อไปเราก็ไปอยู่ของเรากันเอง ไม่ต้องมาเป็นผู้อาศัยให้ใครมาดูถูกดูแคลนอีกแล้ว นะครับแม่" มันบอกแล้วก็กอดกับแม่อีก เห็นแล้วก็ดราม่าจริงเว้ย แต่ผมว่าผมเข้าใจมันนะ เข้าใจดีทุกๆอย่างเลยด้วย
-
-
ไอ้มาร์ทกับแม่ขึ้นไปเก็บของสักพักก็ลงมากับกระเป๋าเสื้อผ้าสามสี่ใบแค่นั้น มันบอกให้แม่มันเอาแค่ของจำเป็นๆไปก่อนก็พอ แล้วค่อยกลับมาเก็บที่เหลืออีกที แต่อยู่ๆไอ้ชายก็รีบเดินกลับเข้ามา
" เฮ้ย... อย่าทำยังงี้เลย เดี๋ยวม๊าเค้าก็หายโกรธแล้ว"
" สายไปแล้วว่ะมึงไม่ต้องมาห้ามกูแล้ว กูคงไม่เปลี่ยนใจหรอก" ไอ้มาร์ทยังยืนยันคำเดิม
" แต่.... " ไอ้ชายยังทำหน้าลังเลอยู่ครับ เหมือนกับว่ามันกังวลอะไรอย่างมากอยู่ หรือมันจะห่วงไอ้มาร์ท
" มึงไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ เรื่องนี้กูไม่บอกใครก็ได้แต่ถ้ามึงยังจะไม่เลิกราวี แล้วมาทำมีแผนกับกูกับไอ้เป้งอีกล่ะก็ เรื่องนี้ได้รู้ถึงป๊าแน่ มึงจะเอายังงั้นมั๊ย"
" เออๆ กูจะจบทุกอย่างแค่นี้แหละ แต่มึงไม่ไปไม่ได้เหรอวะ กูสงสารแม่เล็กอ่ะ"
" ขอบใจ... แต่มึงไม่ต้องมาห่วงกูกับแม่หรอก ออกจากนี่ไปพวกกูไม่ได้ไปนอนข้างถนนแน่ มึงสบายใจได้"
" มาร์ท กู.... " ไอ้ชายยกมือขึ้นเหมือนจะจับไหล่ไอ่มาร์ทแต่มันก็เหมือนกับพูดไม่ออก
" กูขอโทษนะ" คราวนี้มันโผไปกอดไอ้มาร์ทไว้เลยแล้วก็ร้องไห้
" มึงอย่าทำยังงี้เลยมันไม่มีประโยชน์แล้วว่ะ แต่ถ้ามึงยังอยากให้กูอภัยให้น่ะนะ กูก็ยอมได้แต่ว่ากูขอเวลาหน่อยเพราะกูอยากทำใจ ถือว่าดูใจมึงด้วยว่ามึงพร้อมจะกลับมาเป็นน้องของกูมั๊ย โอเคนะ" ไอ้มาร์ทสรุปตัดบทสั้นๆด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่ใจลึกๆผมว่ามันก็คงให้อภัยไอ้ชายแล้วล่ะมั๊ง ก็น้องรักมันทั้งคนนี่หว่า
พอทุกอย่างพร้อม ไอ้มาร์ทมันก็เดินนำแม่มันกับผมออกมาที่รถแจ๊ซสีขาวที่จอดอยู่ข้างบ้านแล้วก็ขนกระเป๋าใส่ท้ายรถ แวบนึงมันยังหันไปมองบ้านของมันอยู่นิ่งๆนิดนึง ก็คงเพราะมันคิดว่าต้องจากที่นี่ไปแล้วจริงๆล่ะมั๊ง ที่ๆมันอยู่มาตั้งแต่เด็กน่ะ
โดยเฉพาะตอนนี้ที่มีไอ้ชายมายืนส่งมันอยู่ตรงหน้าบ้านด้วยสีหน้าเศร้าๆ ใจนึงผมยังคิดว่ามันอาจจะแค่ทำเป็นเล่นละครเพราะไม่อยากให้ไอ้มาร์ทอออกจากบ้านไปก็ได้นะ ไม่งั้นความผิดของตัวมันเองอาจจะโดนเปิดเผย โดยเฉพาะจากที่ไอ้มาร์ทมันพูดเมื่อกี๊ ถ้าพ่อมันรู้ว่าไอ้ชายวางแผนแย่งผมมาจากมินล่ะก็ มันก็คงเดือดร้อนแน่ๆ ใครจะไปรับได้วะ ถ้าลูกเป็นเกย์แล้วยังจะแย่งผัวชาวบ้านอ่ะ
หรือมันอาจจะสำนึกผิดจริงๆ และรู้สึกผิดที่กำลังจะต้องจากพี่ชายที่แสนดีไปเพราะการกระทำไร้สติของตัวเอง
ก็ขอให้เป็นอย่างหลังแล้วกันว่ะ..........................
-
-
ผมนั่งรถออกมากับไอ้มาร์ทและแม่มันได้สักพักแล้ว แต่ตอนนี้มันก็ได้แต่นิ่งเงียบคงเพราะกำลังคิดอะไรหลายเรื่องอยู่ในหัวมันมั๊ง ผมจึงหันไปมองแม่มันที่นั่งอยู่เบาะหลังแล้วยิ้มให้
" เฮ้ย... แล้วนี่เราจะไปไหนกันวะ ไอ้มาร์ท" ผมเริ่มถามมันล่ะ เห็นมันขับมาได้สักพักแล้ว
" เอ้อ... โทษที กูลืมบอก เดี๋ยวจะไปบ้านกูอีกที่นึงอ่ะ เพิ่งสร้างเสร็จกูผ่อนเค้าอยู่"
" หา... บ้านมึง มึงผ่อนไว้เองเหรอวะ งั้นก็เป็นบ้านมึงเองเลยดิ" ตกใจนิดนึงครับ เหอะๆ ไอ้นี่มันก็ร้ายแฮะ นี่มันถึงกับมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วเหรอเนี่ย
" อืม... ก็กูเก็บเงินที่ได้เอาไว้ซื้อบ้านหลังนี้ไง เพราะก็รู้ว่าสักวันต้องออกมาอยู่แน่ๆถึงตัดสินใจซื้อเอาไว้เลยดีกว่า ตอนนี้ก็ยังผ่อนอยู่"
" ถึงแล้ว ที่นี่แหละ" มันเลี้ยวรถไปจอดหน้าทาวน์เฮ้าส์หลังนึงในซอย ดูๆก็เป็นบ้านที่เล็กๆแต่ก็ดูน่าอยู่ดีมากๆอ่ะ
" เออ... ก็ไม่เลวนี่หว่า" ผมเอ่ยชม
" มันถูกดีน่ะ แต่ก็น่าอยู่มาก นี่เค้าก็เพิ่งสร้างเสร็จเรียบร้อยได้ไม่ถึงสองเดือนหรอก"
" อ่ะ... เหรอวะ" อืม... ยังดีนะที่บ้านนี้เสร็จเรียบร้อยพอดี นี่ถ้ามีเรื่องกันก่อนหน้านั้นสองเดือนจะไปอยู่ไหนกันวะเนี่ย
จากนั้นมันก็ขนข้าวของเข้าบ้านไปจัดเข้าที่เข้าทางกับแม่มัน ผมก็ช่วยมันอยู่แป๊บนึงแต่ตอนนั้นเริ่มดึกแล้วล่ะ ก็ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยทั้งไอ้มาร์ทและแม่มัน ผมเลยชวนมันออกไปซื้อกับข้าวเข้ามานั่งกินกับแม่มันในบ้าน
" ตอนนี้มึงก็เลยไม่ค่อยต่างกะกูเลยว่ะ โดนไล่ออกจากบ้าน นี่กูเป็นตัวซวยทำให้มึงต้องโดนเฉดหัวออกมารึเปล่าวะเนี่ย"
" หึๆ ไม่หรอกน่า มึงอย่าคิดยังงั้น ยังไงกูก็ต้องมีวันนี้อยู่แล้วว่ะ ออกจากนรกมาได้ก็ดีแล้ว กูกับแม่ทนกันมาตั้งนาน ตอนนี้ก็เป็นอิสระกันแล้ว สบายใจว่ะ"
" แต่มึงอ่ะยังดีที่มีบ้านเป็นของมึงเอง กูดิ... ถ้าขืนไม่ไปอยู่กับไอ้เอ้ไอ้เอ๊กซ์กูคงต้องไปนอนข้างถนนแน่" ผมบอกพลางนึกไปว่าถ้าเป็นงั้นก็คงแย่ว่ะ
" อ้าว... งั้นทำไมมึงไม่ไปอยู่บ้านมินล่ะวะ แม่เค้าก็คงไม่ว่าอะไรนี่ บ้านก็ใหญ่พอ"
" ก็ไม่อยากว่ะ กลัวแม่อัมเค้าห่วงกู"
" ก็จริงว่ะ แม่เค้าต้องไม่สบายใจแน่เลย งั้นมึงอยู่บ้านไอ้เอ๊กซ์ไปก่อนก็ดีแล้ว"
" อีกอย่างกูก็กลัวมินรู้ด้วยว่านี่มันเป็นข้อตกลงของกูกะพ่อ กลัวน้องมันจะโกรธว่ะที่เหมือนกับหลอกกันอีกแต่กูก็รับปากกะพ่อไปแล้ว มันก็เป็นทางเดียวล่ะว่ะ กูต้องเอาชนะพ่อให้ได้ อีกแค่สามเดือนเท่านั้นเองกูต้องทนได้ว่ะ"
" เออ... ก็ดีแล้ว กูว่าน้องมันต้องเข้าใจมึงว่ะ อืม... เห็นมึงยังงี้แล้วกูหายห่วงนะ เคยคิดว่าคนอย่างมึงแค่เอาตัวให้รอดก็ยังไม่รู้เลยว่ามึงจะทำได้มั๊ย แต่พอมาเห็นมึงยอมทุ่มเทเพื่อน้องได้ขนาดนี้กูก็โอเคแล้ว" มันบอกพลางยิ้มให้ผม
" แล้วสำหรับวันนี้กูก็ต้องขอบใจมึงอีกทีนะเว้ย ที่ทำให้กูได้ตาสว่างเห็นความจริงทุกอย่างซะที ไม่งั้นป่านนี้กูก็คงยังโง่โดนมันหลอกใช้อยู่ยังงั้นเอง ส่วนไอ้ชายมันก็คงได้บทเรียนแล้วมั๊ง" มันสรุปและยิ้มบางๆที่มุมปาก
" เออ... มึงขอบใจกูบ่อยเกินแล้ว สัด... ไม่ต้องแล้ว" ผมบอกแล้วก็หัวเราะกับมัน
" เอ้อ... แล้วนี่ตกลงเรื่องเงินค่าใช้จ่ายประจำวันเนี่ย ต่อไปมึงจะทำไงวะ" ผมถามมัน
" กูก็ยังพอมีเงินเก็บเหลืออยู่นิดหน่อย แล้วจากนี้กูก็คงต้องไปทำพาร์ทไทม์ด้วย พอดีมีร้านอาหารที่เป็นของรุ่นพี่ที่รู้จักกันอยู่ กูว่าจะไปขอเค้าทำก่อน"
" เหรอวะ.. เออๆ ก็ดีนะ" ผมเออออไปกะมันแต่อยู่ๆก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
" เออ... เฮ้ย ถ้ากูจะขอไปทำที่นี่กะมึงด้วยอ่ะ จะได้มั๊ยวะ"
" เฮ่ย... จะเอางั้นเหรอ มึงอยากไปทำกะกูเหรอ เด็กเสิร์ฟนะเว้ย"
" ไอ้ห่า... ก็เด็กเสิร์ฟสิวะ หรือมึงจะไปเป็นผู้บริหารล่ะ" นั่นดิ ให้กูไปนั่งตำแหน่งซีอีโอซะดีมั๊ย
" ฮ่าๆ ก็ดีแล้ว มึงไม่เลือกงานก็ดีแล้ว งั้นก็ไปทำกะกูจะได้ไปเป็นเพื่อนกูด้วย"
" หึ... ชั่วโมงนี้จะให้เลือกเชี่ยอะไรได้อีกล่ะ ให้กูไปล้างจานกูก็เอาวะ ให้มันได้เงินเหอะ"
" ดีเลย พรุ่งนี้กูจะโทรไปบอกเค้าก่อน ก็คงพอมีตำแหน่งว่างอยู่แหละ"
ผมยิ้มเลยครับทีนี้ โชคดีเว้ยเฮ้ย กำลังคิดว่าตัวเองต้องไปหางานพาร์ทไทม์ทำอยู่พอดีอ่ะ ดีเหมือนกันแฮะ ไปทำอยู่กับไอ้มาร์ทมันก็ดีจะได้มีเพื่อนด้วย เสิร์ฟก็เสิร์ฟวะ จะกลัวทำไมชั่วโมงนี้
-
-
เมื่อคืนกว่าผมจะกลับบ้านก็ดึกแล้ว มันขับรถไปส่งผมที่บ้านไอ้เอ๊กซ์เพราะกลัวว่าผมจะกลับลำบาก ก็ต้องขอบใจมันจริงๆและผมก็ดีใจที่ได้เพื่อนดีๆอย่างมันกลับมาเหมือนเดิมแล้ว
วันต่อมาตอนที่ผมพักเที่ยงก็เดินออกจากมหา'ลัยแวะไปหามินที่บ้านเหมือนเคย จากนั้นก็เล่าเรื่องเมื่อวานทั้งหมดให้น้องฟัง ซึ่งน้องก็ทำท่าทางดีใจที่ผมกับไอ้มาร์ทเข้าใจกันได้ ส่วนไอ้ชายมันก็คงสำนึกได้แล้ว ต่อไปก็คงไม่มายุ่งกับผมอีก
" ดีแล้วล่ะครับ มินก็ใจไม่ดีเลยที่เห็นพี่กับพี่มาร์ททะเลาะกัน เข้าใจกันได้ก็ดีแล้วครับ"
" ครับ ไอ้ชายมันก็น่าจะคิดได้แล้วล่ะ ก็ไม่ได้อยากโกรธอะไรมันหรอก แต่ที่มันทำน่ะมีคนเดือดร้อนเพราะมันมากอยู่เหมือนกัน"
" มินก็งงจังครับ พี่ชายเค้ามาชอบพี่ได้ไงอ่ะ แปลกจังเลย"
" เพราะพี่หล่อมั๊ง ฮ่าๆๆ" เหอะๆ กล้าพูดตามเคยอ่ะกู
" แหม... ครับ แล้วเป็นไงล่ะ หล่อจนได้เรื่องเลยเห็นมั๊ย" น้องหรี่ตามองผมอย่างหมั่นไส้
" สงสัยต้องกินยาลดความหล่อแล้วล่ะ แต่เอ๊ะ... ไม่ได้ดิ เดี๋ยวไม่หล่อแล้วแฟนไม่รักอ่ะ ไม่เอาดีกว่า"
" น่าเกลียดจัง พูดเองก็เออเองคนเดียว" มินหัวเราะผม แต่จังหวะนั้นโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นพอดี ไอ้มาร์ทมันโทรมาครับ
" ฮัลโหล เออ.. กูเอง มีไรวะ"
" เฮ้ย... คือ.. กูมีอะไรจะบอกมึงว่ะ เรื่องงานน่ะ เดี๋ยวมึงต้องไปดูที่ร้านเค้ากะกูก่อนนะว่ามึงจะยังอยากทำอยู่รึเปล่า"
" เออ... ได้ ยังไงกูก็ต้องทำแน่ๆอยู่แล้ว มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเลิกเรียนเจอกันเลย ดีมั๊ย"
" โอเคว่ะ งั้นกูไปรับมึงเองมันต้องผ่านทางนั้นพอดี" มันบอกแล้วก็วางไป
" จะไปทำอะไรกันเหรอครับ" มินเอ่ยถามผมต่อทันที
" อ๋อ... พี่ก็กำลังจะบอกมินพอดีแหละ เดี๋ยวช่วงนี้พี่คงต้องไปทำงานพาร์ทไทม์น่ะครับ จะได้มีเงินไว้ทำอะไรๆหน่อย ใช้แต่เงินเก็บอาจจะไม่ไหว"
" เอ๋... แล้วนี่พี่เหลือเงินเก็บอีกเยอะมั๊ยล่ะครับ"
" ก็พอมีแหละครับ แต่อยากหาเงินไว้สำรองอีกหน่อยน่ะ"
" แล้วยังงี้จะมีเวลาทำงานเรียนเหรอครับเนี่ย" มินถามเสียงอ่อยไปเลย คงห่วงผม
" ครับ พี่จะทำแค่เท่าที่ไหวนะ ถ้างานเยอะมากๆก็หยุดไปทำพาร์ทไทม์ก่อน ไม่ต้องห่วงนะครับ" ผมบอกแล้วก็รวบเอวน้องมากอดไว้
" จริงๆแล้วมินอยากให้พี่มาทำงานด้วยกันที่ร้านแม่จังเลยนะ คงจะดีกว่าแน่ๆ แม่มีเงินจ้างพี่ได้อยู่แล้วล่ะ ทุกวันนี้เราขายดีกันมากๆเลยครับ ทำแทบไม่ทันเลยมีเงินเก็บตั้งเยอะแน่ะ"
" หึๆ ดีแล้วครับ แต่ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปทำที่นี่ก็ไปทำกับไอ้มาร์ทมันไง จะได้เป็นเพื่อนมันด้วย"
" อืม... ครับผม งั้นผมก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" มินบอกแล้วก็ยิ้มให้ผม เห็นยังงี้แล้วผมก็สบายใจขึ้นเยอะ หมดเรื่องยุ่งๆไปซะที ต่อไปก็คงไม่มีใครมาขวางทางรักของผมกับน้องล่ะนะ
-
-
เลิกเรียนตอนเย็นไอ้มาร์ทมันก็มารับผมไปร้านที่มันว่า พอไปถึงก็เห็นว่าเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่ตกแต่งได้สวยน่านั่งมากเพียงแต่ว่าร้านนี้มันดันอยู่ซะใกล้สีลมซอยสองเลยอ่ะ
" เป็นไงวะ ร้านโอเคมั๊ย" มันถามผมพลางเปิดประตูเข้าไปในร้าน
" ก็โอเคดีว่ะ สวยดี" ผมตามมันเข้าไปแล้วก็มองไปรอบๆภายในร้าน ไอ้มาร์ทมันก็ไปถามที่เคาท์เตอร์ พนักงานเค้าก็บอกให้เรามานั่งรอที่โต๊ะด้านหลังสุดก่อน
" เดี๋ยวกูคงต้องบอกมึงไว้ก่อนว่ะเป้ง มึงจะได้เตรียมๆใจไว้ก่อน" มันวางมือแปะลงมาบนมือผมว่ะ เหมือนกะจะให้ผมทำใจรับสภาพอะไรสักอย่าง
" อะไรวะ...." ใจไม่ดีล่ะสิกู ทีนี้
" คือว่าร้านนี้น่ะ เมื่อก่อนก็เป็นแค่ร้านคอฟฟี่ช๊อปธรรมดาแต่ตอนนี้พี่เค้าบอกกูว่าเค้าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรๆไปหน่อยนึงว่ะ ก็เพื่อให้รับกลุ่มลูกค้าแถวนี้อ่ะนะ"
" หือ... กลุ่มลูกค้าแถวนี้"
" เออ... ก็อย่างที่มึงเห็นแหละ นี่มันซอยสองไง เพราะงั้นกลุ่มลูกค้าแถวนี้ก็คือ..."
" คืออะไรวะ อ่ะ มึงอย่าบอกกูนะว่า...."
" เออ... นั่นแหละว่ะ กูแค่จะบอกมึงไว้จะได้ทำใจ เห็นมั๊ย... พนักงานในร้านทุกคนก็เป็นผู้ชายหมด พี่เค้าคัดหน้าตาด้วยน่ะว่ะ ฮะๆๆ"
" ไอ่สราดด...ด งั้นนี่มันบาร์เกย์เหรอไงวะ" ฉิบหายล่ะกู
" ไม่ใช่เว้ย นี่กูแค่เตือนมึงไว้ว่าร้านนี้มันคงมีแต่ลูกค้าเกย์ซะส่วนใหญ่ไง แต่ก็ทำๆไปเหอะว่ะ อย่าคิดมากเลย เราก็แค่ทำงานของเราไป นะเว้ย..." ไอ้มาร์ทพยายามเกลี้ยกล่อมผมว่ะ ดูท่าทางมันแบ่งรับแบ่งสู้อย่างมากคิดว่ามันก็คงเพิ่งรู้เหมือนกันว่าร้านนี้จะเป็นแบบนี้ แต่เอาวะ จะเรื่องมากไปทำไมกันกับไอ้แค่นี้ เกย์ก็เกย์ดิวะ จะมาทำอะไรกูได้ อย่างมากก็ลาออก เหอะๆ
แต่.... ไม่ดิวะ ไอ้มาร์ทมันก็อุตส่าห์พามาฝากทำที่นี่ด้วยทั้งทีจะมาลาออกง่ายๆปล่อยให้มันเสียหน้าได้ไง ต้องทำให้ได้สิวะเรา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คนอื่นเค้าเจอแย่กว่าเรา ต้องทำงานที่หนักหนากว่าเราเค้าก็ยังทนกันได้เลย ต้องสู้สิวะกู
" โอเค... ไม่เป็นไร กูขอลองทำดูก่อน ไหนๆก็มาถึงที่แล้วนี่หว่า" ผมหันไปยิ้มกะมัน
" เออ... มันต้องยังงี้ดิวะ ต่อไปก็ลงเรือลำเดียวกันแล้วนะเว้ย" มันตบไหล่ผมทีนึงแล้วก็ยิ้มอย่างสบายใจ
พอดีจังหวะที่พี่ผู้จัดการเค้าเดินมานั่งคุยกับเรากันที่โต๊ะแล้วก็ให้พวกผมกรอกเอกสารพวกใบสมัครไว้ก่อน ส่วนหลักฐานอื่นๆค่อยนำมาให้อีกที สรุปว่าวันนี้พี่เค้าบอกให้เราทดลองทำงานกันไปซะเลยทีเดียว ไหนๆก็มาแล้ว จากนั้นก็พาผมไปลองชุดพนักงานซึ่งชุดมันก็เป็นเสื้อเชิ๊ตขาวกับเสื้อกั๊กดำแล้วก็มีผ้ากันเปื้อนสีดำยาวๆเหมือนหนังคอฟฟี่ปริ๊นซ์นั่นแหละ
" โห... แต่งยังงี้แล้วหล่อนี่หว่ามึง" ผมชมไอ้มาร์ทมัน
" เออ... มึงก็ด้วย สราด...ด ชมกันเองซะแล้วมึง ไม่มีใครชม ฮ่าๆๆ" มันบอก ผมก็หัวเราะกับมันจากนั้นก็ออกมาให้พี่เค้าพาไปดูรอบๆและแนะนำกับคนอื่นๆไป แล้วก็เริ่มสอนงานว่าต้องเสิร์ฟอะไรยังไงกันบ้าง
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่คุ้นหน้าผมกันดีว่าไอ้นี่มันฝาแฝดซุปตาร์ เค้าเลยอยากมาคุยกะผมกันใหญ่ ผมก็ไม่ได้ถือตัวอะไรคุยมันหมดแหละไม่ว่าใคร จนเริ่มสนิทกับคนที่นี่ล่ะครับ
มานึกๆดูเนี่ย การได้มาทำงานแบบนี้มันก็คงดีเหมือนกัน เป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่เคยลอง เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีโอกาสได้ลองแน่ๆ และมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนอกจากจะทำให้เหนื่อยๆบ้างเพราะเดี๋ยวคงต้องเดินกับยืนตลอด แต่มันก็สบายใจดีว่ะ ที่สำคัญเงินที่ได้มาทุกบาททุกสตางค์นี่มันก็มาจากตัวเราเอง แค่นี้ก็โอเคแล้ว
แต่ตอนนี้ที่ยังกลัวอยู่หน่อยนึงก็คือ บรรดาลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการเนี่ยแหละ กูจะรอดพ้นเงื้อมมืออยู่ได้สักแค่ไหนกันวะ เฮ้อ.....
" อุ๊ย... น้อง นี่น้องหน้าเหมือนป้างจังเลย ยังกะฝาแฝดแน่ะ" เอาล่ะครับ ลูกค้าประเดิมโต๊ะแรกทักผมเข้าซะแล้ว
" อ่า... ครับ ผมแค่หน้าคล้ายๆน่ะ จะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับผม" ผมบอกปัดทันที ขี้เกียจเรื่องยาวว่ะ
" อืม... แต่พี่ว่าหน้าเหมือนเปี๊ยบเลยนะ แค่ดูเข้มกว่านี่น้องเป็นฝาแฝดอีกคนของเค้าใช่มั๊ยเนี่ย" เพื่อนเค้าอีกคนยังคงจ้องหน้าผมอยู่ กะจะจับผิดกูให้ได้เลยอ่ะว่างั้น
" เอ่อ... ครับผม ใช่ละครับ" เออ... ยอมแพ้เลยว่ะ แสดงว่าคนส่วนใหญ่จำผมได้กันจริงๆ
" เห็นมั๊ยแก... แหม... ตัวจริงดูดีมากๆเลยนะน้อง ว่าแต่แล้วทำไมมาทำงานที่นี่ได้ล่ะ" เฮ้อ... เห็นมั๊ย เรื่องยาวจริงๆด้วยว่ะ แต่ก็นะ... ไอ้ที่ถามมาเนี่ย มันเรื่องส่วนตัวเหอะ
" ก็... พอดีมีเวลาว่างน่ะครับ เลยมาทำงานพิเศษ"
" โห... ขยันจังนะน้อง จะเก็บเงินไปแต่งงานเหรอ" แซวเสร็จก็หันไปหัวเราะกันครืน สรุปว่ากว่าจะสั่งเครื่องดื่มกันได้ก็ล่อไปหลายนาที ผมเลยต้องรีบชิ่งให้เร็วที่สุดอ่ะ ที่ร้ายคือโต๊ะต่อๆมาก็เข้ารอยเดิมเหมือนกันแบบนี้เลย จนเบื่อจะตอบแล้วว่ะ
" โว้ย... สงสัยกูต้องหาหน้ากากมาใส่แล้วมั๊งเนี่ย" ผมบ่นกับไอ้มาร์ทตอนยืนรอรับออร์เดอร์ที่เค้าท์เตอร์
" ฮ่าๆๆ ก็มึงมันดังนี่หว่าใครๆเค้าก็อยากกระทบไหล่ไง เอาน่า... คิดซะว่าเป็นการเรียกเรตติ้งให้ร้านไปด้วยไง"
" สัดนี่... เห็นความทุกข์กูเป็นเรื่องสนุกซะงั้น ไอ้ที่กูเบื่อน่ะ กูเบื่อจะตอบคำถามหรอกเว้ย มากี่โต๊ะๆก็ถามกูเหมือนๆกันเนี่ย"
" เออ... กูนึกได้ละ แป๊บนึง" ไอ้มาร์ทบอกแล้วมันก็เดินไปหลังร้าน ผมก็มองตามมันไปงงๆว่ามันจะทำอะไร สักแป๊บนึงมันก็เดินกลับมาพร้อมกับแว่นตาแฟชั่นทรงสี่เหลี่ยมยาวๆกรอบหนาสีดำเอามาให้ผมใส่
" เนี่ย.... มึงใส่ไว้ กูยืมพี่เชษฐ์เค้ามาก่อน ทีนี้คนเค้าจะได้จำมึงไม่ค่อยได้ ดีมั๊ยล่ะ" ผมก็ลองใส่แล้วหันไปมองตัวเองในกระจก
" เออว่ะ... ดีๆ ขอบใจเว้ย" ผมตบไหล่ขอบใจมันแล้วก็รีบออกไปรับออร์เดอร์ต่อ ซึ่งก็ได้ผลว่ะ คนจำผมไม่ค่อยได้ละ แต่ไปๆมาๆก็มีบางคนจำได้อยู่ดี แต่ช่างเหอะว่ะ ยังดีกว่าต้องมาตอบคำถามเดิมๆทุกโต๊ะอ่ะ
ต่อด้านล่างเลยคร้าบ ยาวมากอ่ะ