ต้องบอกกันก่อนว่าตอนนี้เป็นตอนที่เขียนยากมากๆ และยังเขียนได้ไม่ดีเท่าไหร่เลย
ยังไงก็ค่อยๆอ่านกันดูครับ และขอแนะนำว่าอย่าไปอินกับมันมากเกินแล้วกัน
เอาล่ะ มาทานมาม่ากันครับ
ตอนที่37 ********************************************
ตอนผมโทรไปบอกไอ้ป้างว่าผมมาทำพาร์ทไทม์ที่นี่มันก็ยังไม่ค่อยอยากเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่เลย แล้วมันก็บอกว่าผมนี่เปลี่ยนไปจริงๆอีกแล้ว คิดว่าป่านนี้มันคงบอกแม่ไปเรียบร้อยแล้วแต่แม่ผมก็คงไม่อยากเชื่อเหมือนกันมั๊ง เหอๆ ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อจะรู้รึยังและเค้าจะว่ายังไง อาจจะคิดว่าหน้าอย่างผมจะทนลำบากไปได้สักกี่น้ำก็ได้นะ ช่างเหอะว่ะ
แป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไปซะเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ครบเดือนแล้วที่ผมมาทำงานที่นี่ วันนี้เลยได้เงินเดือนเป็นเดือนแรกว่ะ โคตรจะดีใจ
" ดีใจเว้ย... นี่เงินเดือนก้อนแรกที่กูได้เลยนะเนี่ย ไม่นับค่าตัวและค่าอะไรๆที่กูเคยได้จากถ่ายงานเมื่อก่อนนี้นะ" ผมบอกแล้วก็กอดคอไอ้มาร์ทไว้อย่างสบายอารมณ์
" เออ... กูก็ดีใจด้วย ทีแรกกูก็ไม่นึกอ่ะว่ามึงจะทนทำได้ครบเดือน แต่มึงก็อยู่มาได้ แถมตอนนี้ลูกค้าก็เพียบเลยว่ะ ใครๆเค้าก็อยากมากระทบไหล่มึงอ่ะ"
" ก็นี่แหละเป็นปัญหาของกู นี่ยังดีนะที่คนเค้าไม่ได้ถึงกับแห่มาจนมืดฟ้ามัวดิน ไม่งั้นกูคงไม่เป็นอันทำงาน"
" โห... มึงพูดงี้นี่แสดงว่าโคตรตั้งใจทำงานเลยนะเนี่ย กูล่ะนับถือมึงจริงๆว่ะเฮ้ย"
" เออ... ก็ทำแล้วมันได้เงินยังงี้นี่ไงล่ะ ก็ต้องตั้งใจหน่อยวะ เดี๋ยวนี้กูก็แค่ไอ้เป้งคนเคยรวย ไม่ใช่ลูกคุณหนูมีเงินถุงเงินถังอีกแล้วนี่หว่า ทำไงได้ล่ะ" ผมบ่นอย่างปลงๆ
" หึ... ตอนนี้กูก็ไม่ต่างจากมึงหรอกเว้ย เออ... งั้นเดี๋ยวไปฉลองกันหน่อยนะ นั่งกินอะไรกันเล่นๆนิดหน่อยพอไม่ต้องไปสิ้นเปลืองอะไรเยอะหรอก...... นะเว้ย" มันเอ่ยชวนผม
" เออ... ก็ดี งั้นไปบ้านมินนะเว้ย ให้แม่อัมทำอะไรอร่อยๆให้กินดีกว่า" ผมออกความคิดแล้วก็นั่งรถมันไปบ้านมินด้วยกัน
พอไปถึงแม่ก็กำลังจะเก็บร้านพอดีผมกับไอ้มาร์ทเลยไปช่วยกันเก็บด้วย แม่เค้าก็ทำยำกับน้ำตกหมูมาให้กินกัน รสเด็ดอย่าบอกใคร แต่วันนี้โนแอลกอฮอล์นะ แค่อยากฉลองกันแต่ก็ต้องประหยัดนิ กินแค่โค้กเฉยๆละกัน
แต่วันนี้ผมรู้สึกแปลกๆ เพราะมินมีสีหน้าไม่สู้ดีนักและแทบไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย จนผมงงว่าน้องไม่พอใจอะไรผมรึป่าว แต่มาคิดๆดูก็ไม่น่านี่หว่า แค่ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาให้น้องเอาซะเลยจริงๆ มันโคตรยุ่งทั้งงานเรียนที่ต้องเร่งทำส่งเพราะอีกไม่ถึงอาทิตย์ก็สอบไฟนอลแล้ว ดีว่านี่ผมเก็บงานส่งครบเกือบหมดละ แล้วนี่ก็กำลังคิดว่าคงต้องหยุดทำพาร์ทไทม์ไปก่อนช่วงนี้เพราะผมต้องเร่งโปรเจคใหญ่ให้เสร็จในสองสามวันนี่ให้ได้ เพราะถ้าไม่ทันผมตายแน่
" เป็นอะไรอ่ะครับมิน ไม่สบายรึเปล่า" ผมถามขึ้นอย่างอดไม่ได้แล้วเอามือแตะหน้าผาก ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา
" ไม่ได้เป็นอะไรครับ แค่เหนื่อยๆนิดหน่อยน่ะ" มินปฏิเสธแต่สายตาน้องดูเฉยๆชาๆยังไงไม่รู้
" แล้วมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าครับ ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ"
" เปล่าหรอกครับ ไม่ได้เป็นไรจริงๆ แต่วันนี้ผมชักง่วงๆแล้วล่ะ สงสัยต้องไปนอนแล้วงั้นเดี๋ยวผมไปนอนก่อนนะ พี่ก็กลับกับพี่มาร์ทดีๆนะ" มินพูดจบก็ขอตัวเดินเข้าห้องไปเลย ไอ้ผมก็งงดิ นี่น้องมันแค่เหนื่อยๆจริงเหรอวะ หรือว่าไม่พอใจอะไรผมอีก หวังว่าคงไม่เป็นงั้นนะ
-
-
ตอนนั่งรถไอ้มาร์ทกลับมาที่บ้านไอ้เอ๊กซ์ก็ยังคุยกับไอ้มาร์ทอยู่ว่าทำไมมินดูแปลกๆ มันก็ยังว่าคงไม่มีอะไรมั๊ง ก็ไม่ได้ไปทำอะไรผิดสักหน่อย น้องมันอาจจะแค่เหนื่อยๆจริงๆก็ได้
แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจขึ้นได้สักเท่าไหร่ คืนนั้นผมเลยรีบเร่งทำงานก่อนหวังจะให้มันเสร็จๆไป กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าโน่นเลย แต่ก็คุ้มเพราะว่าตอนนี้งานผมเสร็จทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่พรีเซนต์ส่งอาจารย์เท่านั้น
วันนี้ผมไม่ได้ไปทำพาร์ทไทม์แล้วเพราะยังยุ่งๆนั่นแหละ ต้องไปจัดการเรื่องพรีเซนต์เสนออาจารย์และยังงานอื่นที่ต้องส่งอีก แต่จากวันนี้แล้วผมก็โล่งล่ะเพราะจะเหลือแค่เตรียมตัวอ่านหนังสือสอบซะที
อีกอย่างนึงผมยังคงคาใจเรื่องท่าทางของมินที่แปลกไปนั่นแหละ และผมกังวลมากๆเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆน้องก็ดูเฉยๆชาๆไปแบบนี้ เลยกะว่าเดี๋ยวคืนนี้ผมต้องไปคุยกับน้องให้รู้เรื่อง
" มินล่ะครับแม่" ผมถามแม่อัมเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเพราะวันนี้วันจันทร์แม่หยุดไม่ได้ขายของ
" เอ่อ... น้องอยู่ในห้องแน่ะลูก"
" ครับผม ขอบคุณครับ" ผมบอกแม่แล้วก็กำลังจะเดินไปเคาะห้องน้อง
" เอ้อ... เป้ง... ลูก...." แม่เรียกผมด้วยสีหน้าท่าทางดูกังวลแปลกๆ ทำเอาผมเริ่มใจไม่ดี
" ครับแม่ มีอะไรเหรอครับ"
" คือ... เราเข้าไปคุยกับน้องเองแล้วกันจ้ะ แต่ว่า... ใจเย็นๆค่อยๆคุยกันนะลูก" แม่เตือนผมมายังงี้ว่าให้ใจเย็น หมายความว่าไงวะ ทำไมต้องค่อยๆคุย ทำไมต้องใจเย็นๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ ผมเลยรีบหันไปเคาะประตูห้องน้องอย่างร้อนใจ เย็นไม่ไหวละตอนนี้
" เข้ามาเลยครับ" เสียงน้องดังออกมา แต่พอผมเปิดเข้าไปสิ่งที่ผมเห็นคือน้องนั่งบนเตียงกำลังเก็บข้าวของใส่เป้อยู่โดยไม่ได้หันมามองผมเลย
" มิน... ทำอะไรน่ะครับ" ผมถามขึ้นอย่างตกใจพร้อมๆกับที่รีบพุ่งตัวเข้าไปหาน้องทันที
" ก็เก็บของครับ ว่าจะย้ายไปอยู่กับเพื่อนสักพักพอดีว่าได้งานใหม่ที่ต่างจังหวัด" มินตอบน้ำเสียงเรียบเฉยโดยไม่หันมามองผมอยู่ดี
" ทำไมล่ะครับ แล้วมันเป็นงานอะไรล่ะ ทำไมต้องไปทำตั้งต่างจังหวัดเลย น่าจะทำงานอยู่ช่วยแม่ที่นี่มากกว่านะครับ ลำพังแค่รายได้จากร้านเรานี่มันก็น่าจะพอแล้วนี่นา"
" ไม่หรอกครับ เดี๋ยวเดือนหน้าแม่ก็ต้องผ่าตัดแล้ว ค่าใช้จ่ายมันก็ตั้งมากมายตอนนี้มินก็ต้องรีบหาเงินเอาไว้ก่อนเท่าที่พอมีหนทาง จะให้นั่งรอเงินจากใครก็คงไม่ไหวหรอกครับมันไม่แน่นอนน่ะ ไม่รู้ว่าจะได้แน่รึเปล่า" มินบอกเสียงเย็นๆอย่างไร้เยื่อใยจนผมรู้สึกชาๆไปเหมือนกัน
" เดี๋ยวสิครับ ทำไมพูดยังงั้นล่ะ ถึงตอนนี้พี่ไม่มีเงินเลยแต่ว่าพี่ก็ไปขอให้แม่พี่มาช่วยเราก่อนก็ได้นะ มินไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย นะครับ.... อย่าไปเลย อยู่ดูแลแม่ที่นี่แหละ"
" คงไม่ได้หรอกครับ ผมจะไปรับความช่วยเหลือเป็นเงินตั้งแยะแยะยังงั้นได้ยังไง ในเมื่อผมไม่ได้เป็นอะไรกับครอบครัวพี่เลย" น้ำเสียงนั้นยังคงเย็นชา และแม้แต่แววตาที่หันมาตอนนี้ผมก็เห็นถึงความเย็นชาได้ชัดเจน
" ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ งั้นระหว่างพี่กับเราล่ะครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยงั้นเหรอ" ผมเริ่มถามเสียงดังด้วยอารมณ์ที่พาไป จนมินเชิดหน้าขึ้นนิดนึงแล้วเม้มปากก่อนจะพูดออกมาว่า
" ผมขอโทษนะ ที่ผ่านมาผมมันไม่ดีเอง ในเมื่อวันนี้พี่เป็นแค่คนธรรมดาๆคนนึงไม่ได้รวยมีเงินมีทองเหมือนก่อน พี่ก็คงไม่จำเป็นสำหรับผมอีกแล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะครับ"
เชื่อมั๊ยว่าตอนนั้นผมรู้สึกช๊อคจริงๆ เหมือนมันมีหินก้อนใหญ่ๆหล่นโครมมาทับหัวผมอย่างแรง เข้าใจเลยว่าไอ้ความรู้สึกที่เค้าว่าช๊อคมากจนทำอะไรไม่ถูกพูดอะไรไม่ออกมันเป็นยังไง เพราะตอนนี้ผมกำลังเป็นอยู่นี่แหละ
" นี่มันอะไรกันครับ พี่ไม่เข้าใจ มินจะบอกพี่ว่ามินไม่ต้องการพี่แล้ว ยังงั้นเหรอ...."
" ครับ.... ผมขอโทษนะ เราเลิกกันตอนนี้เถอะ ผมเองก็ไม่ได้รักพี่แล้วล่ะ ปล่อยผมไปเถอะนะ" ฟังคำพูดนี้แล้วผมก็ได้แต่ช๊อค น้ำตาที่มันเริ่มมาคลออยู่ก็เริ่มไหลหยดลงมาแต่ผมก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว มันจุกแน่นอยู่ในอกไปหมด
ทำไมวะ... ชีวิตนี้คนอย่างผมเคยเสียน้ำตากับความรักอย่างหนักมาครั้งนึงก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอแบบนี้อีกแล้วนี่นา แล้วนี่มันอะไรอีก ความรักที่อุตส่าห์ประคับประคองมาตั้งนานไหงมันกลายเป็นยังงี้ไปได้
" ผมไปก่อนนะ" น้องบอกแล้วก็ลุกขึ้นสะพายเป้เดินไปโดยไม่หันมามอง ผมเลยรีบโผเข้าไปกอดน้องไว้จากด้านหลัง
" เดี๋ยว... พี่ไม่ให้ไปนะครับ อย่าทำยังงี้ มีอะไรก็พูดกันสิครับ พี่ทำอะไรผิดไปเหรอมินบอกพี่สิ พี่จะยอมทำทุกอย่างแต่อย่าทำยังงี้ได้มั๊ย นะ... พี่ขอร้อง"
" พอเถอะครับ มันไม่มีประโยชน์หรอก ตอนนี้พี่ก็ไม่มีอะไรเหลือแล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องคบกับพี่อีก เราจากกันด้วยดีเหอะนะครับ ผมไม่ได้รักพี่แล้วจริงๆ" มินบอกด้วยเสียงเย็นชาเหมือนเดิมแล้วแกะมือผมออกจากกันอย่างง่ายดายเพราะผมเองหมดแรงซะแล้ว ได้แต่ทรุดลงไปกองกับพื้นตรงนั้น มองมินเดินออกไปจากห้อง
จบลงง่ายๆจนได้เหรอวะ ความรักของกู อุตส่าห์พยายามทำทุกอย่าง ทนทุกอย่าง กระทั่งจะให้ยอมมาลำบากอยู่แบบนี้ก็ยอม ให้ละทิ้งมันทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังยอม และทุกอย่างทำไปก็เพื่อความรักทั้งนั้น แต่ตอนนี้มันไม่มีความหมายแล้วเหรอวะ ตกลงที่ผ่านมานี่เราทำทุกอย่างไปเพื่ออะไรกัน
ผมยังคงนั่งอึ้งอยู่ตรงนั้นอีกสักพักมั๊งถึงได้สติเลยรีบจะวิ่งตามมินออกไป แม่อัมก็ร้องเรียกผมอยู่แต่ผมไม่ทันฟังรีบวิ่งออกมาหน้าบ้านก่อนแต่ก็ไม่เห็นน้องซะแล้ว บอกตรงๆเลยว่าตอนนั้นมันหมดเรี่ยวหมดแรงไปหมดได้แต่ทรุดลงไปนั่งพิงรั้วบ้านมินอยู่ตรงนั้น น้ำตาก็ยังคงไหลมาช้าๆ
" เฮ้ยพี่... ทำไมมานั่งอยู่นี่ อ้าว... เฮ้ย... แล้วร้องไห้ทำไมเนี่ย เกิดอะไรขึ้น" ไอ้แมนที่มันเพิ่งกลับมาจากไหนก็ไม่รู้เดินมาเห็นผมเข้ามันก็ตกใจที่เห็นน้ำตาผมไหลอยู่เลยรีบพยุงผมขึ้น
" เข้าไปคุยกันในบ้านเลยพี่ ไป... " ไอ้แมนพยายามประคองผมเดินเข้าบ้าน ความรู้สึกผมตอนนี้มันเบลอๆล่องลอยไปหมดจนแทบไม่รู้สึกตัว ไอ้แมนเลยพาผมไปนั่งที่เก้าอี้ แม่อัมก็รีบมาดูอาการผม
" เป้ง... ลูก... เป็นไงบ้าง หือ... ใจเย็นๆนะลูก แล้วน้องว่าไง"
" แม่.... ผม...." พูดอะไรไม่ออกเลยครับตอนนี้ ผมได้แต่นั่งกุมขมับตัวเองอยู่อย่างนั้น
" นี่มันยังไงกันแม่ มีเรื่องอะไรกันอ่ะ มินมันทะเลาะกับพี่เป้งเหรอ" ไอ้แมนถามแม่อัมอย่างร้อนใจ
" แกนี่ก็... เบาๆหน่อย เสียงดังจริง แม่ก็ไม่รู้หรอก อยู่ๆเจ้ามินมันก็มาบอกว่าจะไปทำงานต่างจังหวัดเพราะเพื่อนเพิ่งมาบอกเลยต้องรีบไปกระทันหัน แล้วก็บอกแม่ว่าคงต้องเลิกกับพี่เป้งแล้วด้วย แม่ก็ตกใจเหมือนกัน แล้วพอเมื่อกี๊เป้งมาแม่ก็เลยให้ไปคุยกันก่อน แต่สงสัยมินมันคงไม่ยอม นี่ก็เลยเก็บของออกไปซะแล้ว"
" อะไรกันวะ แล้วมันบอกเลิกพี่เค้าเลยเหรอ ทำไมต้องทำยังงี้วะ" ไอ้แมนตาขวางโวยขึ้นมาแล้วก็หันมาโอบไหล่ผม
" ใจเย็นนะพี่ ผมว่ามันต้องมีอะไรที่เข้าใจผิดกันแน่ๆ ไม่งั้นอยู่ๆมันไม่ทำยังงี้หรอก เออ... ใช่แล้ว..." มันปลอบผมไปแต่อยู่ๆก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นก็ปลุกสติผมกลับคืนมาว่ะ เลยหันไปมองหน้ามัน
" ใช่พี่... เมื่อวานอ่ะ รู้สึกว่ามันจะรับโทรศัพท์คุยกับใครสักคนอยู่พักนึง แต่พอวางสายไปผมก็เห็นมันทำหน้ายังกะจะร้องไห้แน่ะ เลยถามมันว่าใครโทรมามันก็บอกว่าเพื่อนแล้วก็เลี่ยงเข้าห้องมันหายเงียบไปตั้งนานอ่ะ จนพี่มากับพี่มาร์ทนั่นแหละ แต่ผมถามอะไรมันๆก็ไม่บอก บอกแค่ว่าไม่มีอะไรๆอยู่นั่นแหละ"
" แล้วตกลงใครกันล่ะวะที่โทรมา" ผมรีบถามมันทันที
" ไม่รู้ดิพี่ มันไม่ยอมบอกอ่ะ คิดว่ามันน่าจะเกี่ยวกับที่มันทำยังงี้มั๊ย"
"....................." ผมอึ้งไปนิดนึงเพราะกำลังคิด หึ... ถามกูเหรอวะ มันก็น่าจะเกี่ยวนะ แต่.... ปวดหัวว่ะกู มึนไปหมดแล้วจริงๆตอนนี้
" แล้วมันบอกแม่มั๊ยว่ามันไปไหน ไปอยู่กับใครอ่ะ" ไอ้แมนหันไปถามแม่อีก
" มันก็ไม่ยอมบอกอะไรแม่เหมือนกันแหละ แค่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง มันแค่จะไปทำงานเก็บเงินแค่นั้น ขอเวลาให้มันสักพักมันจะเก็บเงินมาเป็นค่าผ่าตัดให้แม่เอง"
" โว้ย... บอกว่าไม่ต้องห่วงแต่ทำยังงี้มันยิ่งน่าห่วงไปใหญ่ เฮ้อ... แต่ก็ใจเย็นๆนะพี่ผมจะช่วยพี่ตามหามันเอง ยังไงก็ต้องกลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ไม่ต้องห่วงนะ"
" เออ... ขอบใจว่ะ ขอบใจมึงมากๆเลย ขอบคุณแม่ด้วยนะครับที่เป็นห่วง" ผมหันไปยิ้มให้ไอ้แมนแล้วก็หันไปกราบแม่กับตัก
" ไม่เป็นไรลูก แม่ก็แค่อยากให้เราเข้าใจกันนะ ตอนนี้ก็ใจเย็นก่อนค่อยๆคิดกันไปว่าจะทำยังไง... นะลูก" แม่อัมบอกพลางลูบหัวปลอบใจผม
" ครับแม่ ผมเข้าใจดี ตอนนี้ผมจะคิดเอาว่าน้องอาจมีเหตุผลอะไรสักอย่างเลยหาเรื่องมาเลิกกับผม แต่ผมจะสืบรู้ให้ได้ว่ามันเพราะอะไร แม่ไม่ต้องห่วงนะครับ" ผมพูดแล้วจับมือแม่เอาไว้ แม่อัมก็ยิ้มบางๆให้ผมอย่างเข้าใจ
จากนั้นผมก็ลาแม่อัมกับไอ้แมนกลับบ้านก่อนแต่ไอ้แมนขอให้ผมนอนค้างกะมันที่นี่เลยเพราะพรุ่งนี้วันหยุดพอดีผมไม่ต้องไปมหา'ลัย มันก็คงห่วงผมน่ะนะ ผมเลยยอมนอนค้างอยู่กับมันในห้องมันนั่นแหละ
คืนนั้นไม่ต้องบอกก็คงรู้ล่ะนะว่าผมไม่มีทางนอนหลับหรอก ก็ได้แต่นอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืดไปยังงั้น ไอ้แมนมันคงหลับไปนานแล้วแต่ผมเองยังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่มินทำวันนี้ น้องมีเหตุผลอะไรกันแน่ ผมเองยังคงมั่นใจว่าน้องไม่มีทางทิ้งผมเพราะว่าผมไม่มีเงินหรอก มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่ แต่นอกจากนั้นมันจะมีเหตุผลอะไรได้บ้างวะ
และที่อยากรู้จริงๆก็คือ เมื่อวานนี้ใครกันที่โทรมาหาน้องและพูดอะไรกันไปบ้าง เพราะอย่างที่ไอ้แมนบอกว่ามินมีท่าทีเปลี่ยนไปทันทีหลังวางสาย แสดงว่าน้องคงได้รับรู้อะไรบางอย่าง และมันอาจเป็นต้นเหตุให้น้องต้องตัดสินใจแบบนี้ ผมจะต้องรู้ให้ได้
ต่อด้านล่างได้เลยคร้าบ V
V