ห้องนั่งเล่นในตอนนี้เหลือเพียงคนสองคนซึ่งนั่งกันอยู่บนโซฟา ประตูห้องนอนถูกเปิดทิ้งไว้เพราะน้ำฟ้าต้องการที่จะมองเห็นลูกอยู่ตลอดเวลา... เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อดทนรอเวลาให้ชายหนุ่มเป็นคนเริ่มก่อน คิดตระเตรียมคำตอบและคำพูดไว้หลากหลายมาก แต่เหมือนคนที่นั่งถัดจากเขาไปประมาณหนึ่งช่วงตัวไม่มีท่าทีจะเริ่มพูดอะไรออกมาเลย เพราะเจ้าตัวกลับเปิดโน๊ตบุ๊คและลงมือเล่นเกมส์หรือทำงานอะไรของเขาอยู่นั่น...
"...คุณ... นี่คุณมีอะไรจะพูดกับผมก็ว่ามา..." พอทนนั่งนานต่อไปไม่ไหวก็เลยพูดออกมาก่อนเสียเอง แต่ผลที่ได้มีเพียงสายตาที่ปรายมองแล้วก็กลับไปจดจ้องอยู่กับหน้าจอโน๊ตบุ๊คดังเดิม...
"คุณ...นี่ผมอยากกลับบ้านแล้วนะ...มีอะไรก็รีบพูดมา..." บอกต่ออีกนิด มือก็เริ่มเกานู่นเกานี่เพื่อแสดงให้เห็นว่าชักจะเบื่อแล้วนะ... แต่ก็เหมือนไม่ได้รับความสนใจอยู่ดี
"ก็ได้...งั้นถ้าเราไม่มีอะไรจะพูดกัน ผมก็จะกลับบ้านแล้ว..." พอขี้เกียจทนนั่งอยู่ต่อก็ลุกพรึ่บเตรียมเดินเข้าไปหาลูกในห้องนอนชายหนุ่มทันที... ในใจก็นึกไปว่า... ไม่คุยก็ไม่คุย แล้วอย่าได้มาพบพานกันอีกก็แล้วกัน...
..แต่ทว่าไม่ทันที่จะก้าวพ้นเขตโซฟา เสียงทุ้มนุ่มก็หยุดไว้เสียก่อน...
"คนที่มีเรื่องจะคุยกับฉันน่ะมันนายไม่ใช่รึไง... มีอะไรจะพูดก็ว่าไปสิ..."
ได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มก็หันขวับกลับไปมองหน้าคนพูดทันที... ผู้ชายคนนี้มัน...ประสาทกลับรึไงเนี่ย ! ไม่รู้จะสรรหาคำนิยามไหนมาเอ่ยเทียบเลย... สมองนักอักษรฯอย่างน้ำฟ้าประมวลผลคำพูดเมื่อครู่เร็วจี๋ และก็ได้คำตอบว่า... อย่าไปต่อความยาวกับเขาจะดีที่สุด...
"...ไม่มี..." น้ำฟ้ากัดฟันกรอดตอนพูด "...แล้วผมก็กำลังจะกลับ ...หวังว่าชาตินี้...เอ๊ย...คราวนี้เราคงไม่ต้องมามีโอกาสได้พบได้เจอกันอีกเลยนะ...คุณรังสิมันต์" ตบท้ายด้วยเสียงที่พยายามข่มให้ดุ แต่ทว่านัยน์ตาของชายหนุ่มที่จ้องตัวเลขหุ้นวันนี้ในหน้าจอโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เอี่ยมกลับไหวระริกราวกับขบขันเสียเต็มประดา...
"งั้นเหรอ... แต่ฉันว่ามันคงไม่ง่ายขนาดนั้นมั้ง... นายไม่อยากคุย แต่ตอนนี้... ฉันรู้สึกอยากคุยขึ้นมาแล้ว... นั่งก่อนสิ..." ชายหนุ่มบอกพลางผายมือให้อย่างให้เกียรติ แต่คนถูกให้เกียรติกลับอ้าปากหวอ อ้าหุบๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี เพราะมันมีคำพูดเป็นล้านคำที่อยากจะพ่นออกมาพร้อมๆกันน่ะสิ
...ไอ...ไอคนบ้า สติเสื่อม... ตะกี๊เรานั่งอยู่ตั้งนานไม่ยักจะพูด พอตอนนี้เราจะกลับ...กลับอยากจะพูดขึ้นมา... นี่มันคนบ้าชัดๆ ! แล้วถ้าเราอยู่คุยมันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย...!
"เอ้า...ไม่นั่งรึไง อยากจะยืนคุยก็ตามใจ... งั้นฉันจะพูดสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดก่อนแล้วกัน..." เมื่อรังสิมันต์เห็นว่าน้าชายของหลานตัวเองยังทำปากเป็นปลาทองไม่เลิก ก็ตัดสินใจเอ่ย... พลางลุกขึ้นยืนทำท่าบิดขี้เกียจเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้าหาร่างบางๆของน้ำฟ้าอย่างต้องการจะคุกคาม...
"ฉันเองไม่ค่อยชอบพูดแบบอ้อมค้อมนะ...เพราะฉะนั้น..." พูดถึงตรงนี้ชายหนุ่มร่างบึกบึนก็มายืนจ้องหน้าเด็กหนุ่มหน้าใสที่มองเขาอย่างระแวดระวังภัยเต็มที่ นัยน์ตาคมดุพราวระยับด้วยความปีติหรือพึงพอใจราวกับนายพรานที่ล่าเจ้าลูกกวางตัวน้อยได้สำเร็จ
"...ต้องทำยังไง ฉันถึงจะได้สิทธิในการเลี้ยงดูหนูลินอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาจากนาย...ฮึ?" แล้วชายหนุ่มก็พูดวกเข้าสู่ประเด็นอย่างกะทันกัน
ทำเอาคนที่รอฟังอยู่ไม่ทันนึกว่าจู่ๆจะถูกถามคำถามที่จี้โดนใจขนาดนั้น สมองของน้ำฟ้าตีความคำถามที่ได้ยิน... ในตอนแรกเขาคิดว่าชายหนุ่มคงจะยื่นข้อเสนออื่นๆในการที่จะแลกตัวหนูลินไป แต่นี่มันอะไร...สิทธิในการเลี้ยงดูงั้นเหรอ???!!!
"ฝะ...ฝันไปเถอะ !!!" แทบจะตะโกนใส่ใบหน้าคมหล่อนั่น... ทั้งชีวิตน้ำฟ้าไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นและถูกข่มขู่ได้มากขนาดนี้มาก่อน ชายหนุ่มถามคำถามนี้ราวกับนึกว่าเขาจะตอบออกไปง่ายๆว่า ...เอาเลยครับ พรุ่งนี้ผมจะโอนหนูลินให้เป็นของคุณเลยครับ... อย่างนั้นน่ะเหรอ...!
"...เชิญฝันค้างตอนกลางคืนแบบนี้ไปคนเดียวเถอะคุณ...!!!" ลงท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแถมจ้องตาอย่างมาดร้ายใส่สุดๆ ไม่เคยนึกเลยว่าคนหน้าตาแบบนี้จะพูดเรื่องโหดร้ายออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน... เขาเลี้ยงน้ำฟ้ามาตั้งแต่เกิด รักเหมือนลูก... แล้วลูกตัวเองมาโดนคนอื่นขอเอาไปเลี้ยงต่อง่ายๆแบบนี้ มีพ่อแม่ที่ไหนเขาจะยกให้กัน !!!
"ขอโทษที...แต่พอดีฉันไม่ใช่คนที่ชอบฝันอะไรลมๆแล้งๆ... หากหวังอยากได้อะไรแล้ว... ไม่เคย...ที่จะไม่ได้..." ชายหนุ่มบอกต่อราวสั่งสอนเด็กไม่รู้ประสีประสา สีหน้าและแววตายังเหมือนเดิมแม้จะโดนน้ำฟ้าด่าทอทางสายตามากมายเท่าไหร่ก็ตาม...
"งั้นนี่ก็คงจะเป็นแค่ฝันลมปากครั้งแรกของคุณ..." น้ำฟ้ากดเสียงต่ำพูดตอบ... "...ผมดูแลไวโอลินมาตั้งแต่แกยังอยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ... จนแกคลอดออกมาได้เกือบสี่เดือน... ไม่มีวันไหนที่เราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน... ถึงหนูลินจะมีท่าทีไม่ต่อต้านคุณก็เถอะ... แต่ผมรู้และแน่ใจมากว่า...หนูลินไม่มีวันต้องการที่จะอยู่กับคุณแล้วก็ครอบครัวของคุณไปตลอดชีวิตหรอก !"
"
นี่เธอ !!" เมื่อถูกพูดใส่หน้าแบบนั้นรังสิมันต์ก็ชักจะไม่อยากอดทนเหมือนกัน มือแข็งแรงเอื้อมจับต้นแขนน้ำฟ้าแน่น "...อย่าคิดว่าที่วันนี้ฉันใจดี ยอมให้เธอเดินไปเดินมาอยู่ในบ้านฉันได้ทั้งวันแบบนี้... แล้วฉันจะไม่ทำอะไรเธอนะ... พูดอะไรออกมาก็ใช้สมองตรองเสียก่อนบ้าง..." รังสิมันต์ไม่ได้ตั้งใจจะทำท่าคุกคามน้ำฟ้ามากไปกว่านี้... แต่เพราะท่าที แววตา และคำพูดที่แสดงออกมามันทำให้เขาทนไม่ได้จริงๆ... ...พูดออกมาได้งั้นเหรอ ว่าหนูลินไม่ต้องการที่จะอยู่กับเขา... ตอนนี้...นี่จะเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาไม่ต้องการได้ยิน และหากใครเผลอพูดออกมา คงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ยืนเฉยๆแล้วก็ลอยหน้าลอยตาอยู่หรอก...
"รู้มั้ย...ว่าคนส่วนใหญ่เขาเรียกฉันว่าอะไร..." พูดแล้วชายหนุ่มก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้า ทำให้น้ำฟ้าที่ถูกจับแขนอยู่ต้องก้าวถอยหลัง
พอถึงเวลานี้น้ำฟ้าถึงเพิ่งได้รู้ความแตกต่างระหว่างตัวเองกับคนตรงหน้าอย่างจริงๆจังๆ... ลำตัวของชายหนุ่มสูงใหญ่บึกบึน มีกล้ามเนื้อแน่นตึงสมชายชาตรีทุกประการ... แต่ดูตัวเขาสิ รูปร่างก็ผิดมาตรฐานชายไทย ไม่ว่าจะเป็นทั้งส่วนสูง น้ำหนัก หรือแม้กระทั่งหน้าตา... ก็ยีนส์ของเขามันให้มาแบบนี้นี่นา... อยากตัวสูงใหญ่เพราะจะได้ปกป้องคนในครอบครัวได้เหมือนกัน เหมือนในกรณีนี้ไงล่ะ เพียงแต่เขาจะตัวสูงกว่านี้ มีกล้ามเนื้อมากกว่านี้ และแผ่รังสีอันตรายได้มากกว่านี้ก็เท่านั้นเอง...
"...เขาชอบเรียกฉันลับหลังว่าเป็น...มาเฟีย แล้วรู้มั้ย...ว่ามาเฟียน่ะหากต้องการทำให้ใครซักคนหายไปเฉยๆจากโลกนี้ มันง่ายนิดเดียวเอง..." ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น สืบเท้าเข้าหาร่างบางๆเรื่อยๆ ตอนนี้หลังของน้ำฟ้าชนกับตู้กระจกที่อยู่ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว และอย่างที่คาดการณ์ไว้ เป็นแบบนี้เด็กตรงหน้าจะหนีเขาไปไหนพ้น...
"...นี่มัน..เจ็บ..นะคุณ..." น้ำฟ้าเค้นเสียงบอกเสียงเบา เพราะแรงที่บีบลงมาที่แขนเขาไม่เบาเลย... มันแทบทำให้เลือดไม่ไหลไปหล่อเลี้ยงที่มือแล้ว...
"แล้วยังไง...ฉันตั้งใจว่าจะคุยกับเธอดีๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากใช้กำลัง... แต่เธอมันปากดีนักนี่...เห็นตั้งแต่มาก็พูดจาเสียดสีฉันไม่หยุด... เก่งไปซะทุกเรื่องเลยนี่... แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ได้... ถ้าเธอยกหนูลินให้ฉัน ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ให้เธอได้เจอกับหลานอีกเป็นครั้งต่อไปเสียหน่อย..."
"หนูลินไม่ใช่หลานคุณ !! และเขาจะไม่มีวันได้เป็นหลานของคุณแน่ !!" พอโดนคำพูดตอกมาแบบนั้นน้ำฟ้าก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
"แต่หนูลินเป็นหลานฉันตามสายเลือด... เธอเถียงความจริงข้อนี้ของฉันไม่ได้หรอก..." รังสิมันต์เอ่ยตอบ และเพราะสิ่งที่พูดเป็นความจริงทำให้น้ำฟ้าถึงกับสะอึก เถียงไม่ออกจริงๆอย่างที่ว่า... ...ใช่ หนูลินเป็นหลานของผู้ชายคนนี้ตามสายเลือด แต่ใครจะยอมกันล่ะ...
"ไม่จริงซักหน่อย... หนูลินเป็นหลานของผม...เป็นลูกของผมคนเดียว !! ...อ่ะ...อุ๊บ.."
ไม่ทันรู้สึกตัว ริมฝีปากอ่อนนุ่มก็ถูกทาบทับหนักแน่นจากผู้ชายตรงหน้าทันที...
คนที่ไม่เคยถูกจูบเลยในชีวิต เจอแบบนี้เข้าคงตั้งตัวไม่ติด และคิดไม่ทันว่าตัวเองโดนปล้นจูบไปแล้ว... น้ำฟ้าก็เป็นคนหนึ่งที่มีอาการอย่างนั้น สองตากลมโตหลับไม่ลง เพราะภาพใบหน้าหล่อเข้มที่ก้มลงมาเสียชิดมันบดบังทัศนียภาพรอบข้างไปจนหมด... แรงหนักหน่วงที่บดเบียดลงมาไม่ได้เป็นไปเพราะความสิเน่หา หรือความใคร่เลยซักนิด มันเป็นเพราะคนจูบต้องการสั่งสอนให้คนในอ้อมแขนรู้สำนึกเสียบ้างก็เท่านั้น รสจูบครั้งนี้ในความรู้สึกของน้ำฟ้ามันถึงได้ไม่ดีเอาเสียเลย ทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยงปนมึนงงไปหมด ...ทั้งๆที่เป็น...จูบแรกแท้ๆ...
พอเริ่มสำนึกได้เรี่ยวแรงที่มือก็พยายามบิดออกและผลักดันคนตรงหน้า แต่เพราะคนตรงหน้าก็ชำนาญเสียเหลือเกิน ไม่ว่าน้ำฟ้าจะขัดขืนท่าไหน ชายหนุ่มก็สามารถกำราบได้เสียสิ้น... ไม่ใช่เพราะพิศวาส ไม่ใช่เพราะอยากจะทำ ...แต่ทำไมความรู้สึกมันถึงได้เหมือนเวลาเขาได้จูบได้หอมหนูลินเหลือเกิน... กลิ่นหอมๆของนมผงผสมกับกลิ่นแป้งเด็ก มันช่างอบอวลไม่เหมือนกลิ่นน้ำหอมราคาเป็นหมื่นเป็นแสนของคนที่เขาเคยได้ลิ้มรสมาก่อน ริมฝีปากนี่ก็นุ่มกว่าที่คาด... นุ่มจน... ไม่อยากจะละออกเลย...
"...เห็นมั้ย แค่จูบยังไม่เคย...แล้วเธอจะเคยมีลูกได้ยังไง..." กล่าวบอกเบาๆหลังจากตัดใจถอนริมฝีปากตัวเองออกมา
-------------------------------------------------------- ---- - - - -- - -- -- - -
วงหน้าหวานขึ้นสีเรื่อแดง นัยน์ตากลมโตฉายแววสับสนออกมาอย่างชัดเจน รังสิมันต์มองตรวจตราวงหน้านั้นอย่างละเอียด แต่น้ำฟ้าไม่ยอมเงยมามองสบตาด้วย... และแถมแป๊บเดียวน้ำใสๆก็เริ่มคลอเอ่อที่เบ้าตาของคนตัวบาง ...รังสิมันต์จึงเผลอผ่อนแรงที่แขนซึ่งยึดไว้นานโดยไม่รู้ตัว...
"เธอ..." ...ไม่เคยเลยซักครั้งที่จูบใครแล้วจะเห็นน้ำตาตามมาอย่างนี้...
น้ำฟ้าที่น้ำตาไหลออกมาอย่างหยุดไม่อยู่เงยมองคนตรงหน้าแล้วค่อยๆยกแขนขึ้นปิดปากตัวเองทั้งสองข้าง ...ในละครเวลานางเอกโดนกระทำอย่างนี้จะต้องยกมือขึ้นตบ... แต่ในความเป็นจริงแล้วแค่จะยกแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตายังจะทำแทบไม่ไหวเลย และเด็กหนุ่มเองก็เป็นแค่คนธรรมดาที่พอเจอเรื่องอะไรหลายๆอย่างมารุมเร้าเข้า ทั้งร่างกาย ทั้งสมองกับจิตใจก็รับไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน... ...ตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่ส่งสายตาตัดพ้อปนต่อว่าให้ไปเท่านั้น ทั้งที่ใจจริงอยากจะทำร้าย อยากจะต่อยคืนมากมายแค่ไหนก็เถอะ... มันทำไม่ไหว มันทำไม่ได้จริงๆ
"เธอ...แขนเธอ..." และเพราะน้ำฟ้ายกแขนมาปิดบังหน้าตัวเองไว้ รอยยึดที่ต้นแขนซึ่งปรากฎรอยแดงจากฝีมือการจับโดยไม่ผ่อนแรงของชายหนุ่มก็เผยให้ผู้กระทำได้เห็นชัดเจน... ทั้งที่ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเพราะแรงน้อยกว่าจับแท้ๆ ยังจะเกิดรอยได้ชัดขนาดนี้เลยเหรอ...
"...คุณ...มัน..." ...คิดไว้ว่า ซักวันหนึ่งจะได้มอบจูบแรกให้คนที่ชอบ เขาจะบรรจงจูบเธอคนนั้นให้อ่อนหวานที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ด้วยหัวใจรักอย่างที่สุด มันต้องเป็นจูบแรกที่ประทับใจมากๆ แต่... แต่ผู้ชายคนนี้กลับ...
...แง๊...แง่.....ฮืออออ.................... "...หนูลิน" เสียงหนูลินที่กังวานร้องดังออกมานอกห้องทำให้น้ำฟ้าหลุดพ้นจากวังวนความคิดที่สับสน มองหลบสายตาผู้ชายตรงหน้าแล้วแทรกตัวพ้นวงแขนไปที่ห้องนอนเจ้าของบ้าน...คนที่เพิ่งลงมือหมิ่นศักดิ์ศรีและหยามเกียรติเขาไปเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
หนูลินตื่นแล้ว และคงไม่เห็นใครอยู่ใกล้ๆเลยร้องไห้จ้าอย่างนั้น... คนตัวเล็กจึงค่อยๆปีนขึ้นเตียงกว้างใหญ่เพื่อจะไปหาลูก ระหว่างนั้นก็ลงมือเช็ดน้ำตาลวกๆปาดออกแรงๆโดยไม่แคร์ว่ามันจะเกิดรอยแดงขึ้นบนใบหน้าเนียนสวยเพียงไหน ...สองมือบางเอื้อมโอบหมายจะประคองลูกตัวเองขึ้นมาปลอบ แต่เพราะแขนยังอ่อนแรง และสติที่ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่
...มันทำให้ทั้งหนูลินทั้งสติของน้ำฟ้าร่วงตกลงสู่อ้อมแขนของรังสิมันต์ที่เปิดรอรับเอาไว้แล้วพอดี...
-------------------------------------------------------- ---- - - - -- - -- -- - -
"ฮื้ม?! ไอฟ้านะไอฟ้า... ไม่ได้ไปรับแค่นี้ต้องปิดเครื่องหนีเลยรึไง..." คุณหมอกานต์ที่เพิ่งได้หยุดนั่งกับที่กดต่อสายโทรศัพท์หาเพื่อนรักเป็นรอบที่เจ็ดแล้ว แต่ทุกครั้งก็ยังเหมือนเดิม สามสายแรกมีสัญญาณดังอยู่แต่ไม่มีคนรับ แต่พอหลังจากสายที่สี่เป็นต้นมาปลายสายกลับปิดเครื่องไปซะอย่างนั้น...
"ทำไมไม่เปิดเครื่องว่ะ... หรือว่าแกจะเป็นไรรึเปล่าเนี่ย..." รำพึงรำพันกับตัวเอง ก่อนจะเหลือบมองดูนาฬิกา...
"หวา...ห้าทุ่มกว่าแล้วนี่ ป่านนี้คงเข้านอนไปแล้วล่ะมั้ง... อ๋อ...หรือว่าจะปิดเครื่องเพราะเราโทรไปกวนไอเจ้าตัวเล็กตื่นแหงเลย... ถ้างั้นก็รับสายบอกกันหน่อยก็ได้นี่นา..." แล้วคุณหมอกานต์ก็ตัดสินใจพิมพ์เป็นเมสเสสส่งไปหา ว่าพรุ่งนี้สายๆถึงจะได้ออกไปหา เพราะจะแวะไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดตัวเองก่อน
"หมอกานต์คะ... หมอพิเชฐเชิญไปหาที่ห้องตรวจสองค่ะ..." พยาบาลสาวหน้าจิ้มลิ้มเดินถือแฟ้มประวัติคนไข้หลายแฟ้มโผล่หน้ามาบอกคุณหมอกานต์ที่ห้องพักส่วนตัวแล้วยิ้มให้ คุณหมอณัฐกานต์ที่เพิ่งจะนั่งพักได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนยิ้มเบี้ยวๆให้คุณพยาบาลนางนั้น
"ขอบคุณมากนะครับ... เดี๋ยวถ้าผมเป็นลมไปอีกคนรบกวนพี่ปุ๊กลากผมกลับมาห้องให้ด้วยนะฮะ..." คุณหมอกานต์บอก แต่พยาบาลสาวนางนั้นกลับยิ้มให้ขำๆ
"โถ...หนุ่มแน่นอย่างคุณหมอน่ะไม่เป็นลมง่ายๆหรอกค่ะ... คุณหมอน่ะเก่งจะตายไป..."
"โหย...อย่ามายอเลยพี่ปุ๊ก ต่อให้ผมเก่งขนาดไหนอ่ะนะ แต่ต้องวิ่งวุ่นตั้งสามตึกมาห้าหกชั่วโมงแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ... ข้าวเย็นผมยังไม่ตกถึงท้องเลยนะ ได้แต่กาแฟประทังความหิวเนี่ยครับ... เฮ้อ...ผมไม่ได้เก่งออก แค่อึด ! ผิดมนุษย์มนาแค่นั้นเอง..." ว่าแล้วก็ยกกาแฟที่เหลืออยู่ก้นแก้วมาซดจนหมดเป็นการยืนยัน...
"ค่า...แล้วคุณหมอจะเอาข้าวมั้ยล่ะคะ เดี๋ยวปุ๊กให้เด็กไปซื้อให้..." คุณพยาบาลชื่อปุ๊กถามอย่างใจดี
"โอ๊ยไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไปหาพี่หมอเชฐแล้วผมค่อยออกไปหาอะไรกินเองดีกว่า ไม่รบกวนพี่ปุ๊กล่ะกันครับ..." พูดจบหมอกานต์ก็หยิบเสื้อกาวน์มาพาดแขนเตรียมออกไปนอกห้อง... พยาบาลปุ๊กก็ยิ้มให้กำลังใจเพราะตัวเองก็เหนื่อยมากเหมือนกัน
เจอผู้บาดเจ็บมากมายขนาดนั้นในเวลาเดียวกันแบบนี้ก็ทำเอาแทบแย่ ดีนะ...ตอนนี้ผู้ป่วยที่ไม่เป็นอะไรมากถูกทะยอยส่งต่อไปให้โรงพยาบาลอื่นไปบ้างแล้ว...งานที่โรงพยาบาลเราถึงได้เริ่มซาลงบ้าง คุณพยาบาลปุ๊กคิดพลางมองคุณหมอณัฐกานต์ที่เดินห่างไปทางห้องตรวจสองตามเรื่องที่ตนเองโดนไหว้วานมา... คุณหมอกานต์นี่ทั้งน่ารัก ทั้งขยันทำงาน... เมื่อไหร่จะมีแฟนซักทีน้า... คุณปุ๊กได้แต่คิดขำๆก่อนจะเดินจากไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ...
-------------------------------------------------------- ---- - - - -- - -- -- - -
คุณหมอกานต์แทบจะคลานกลับมาที่ห้องพักตัวเอง... ท่าทางคืนนี้คงต้องอยู่โรงพยาบาลยาวแล้วล่ะ... เพราะเมื่อกี๊ดันไปตกปากรับคำเป็นผู้ช่วยอาจารย์หมอผ่าพิสูจน์ศพผู้ตายจากอุบัติเหตุครั้งนี้อีกเป็นโหลศพ... ฮือ.........ทำไมใครๆต้องใช้งานหมอกานต์เยี่ยงทาสแบบนี้ด้วยนะ ! ข้าวก็ยังไม่ได้กิน กระเพาะมันจะย่อยตัวเองอยู่แล้วนะ... ฮือ...........
"หิว...ข้าว..." คุณหมอรำพึงรำพันอยู่กับตัวเองในห้องพักที่แสนเงียบเชียบ...ก็อยู่คนเดียวนี่นา
"หิวก็กินซะสิคุณ..." ...เสียง... ใครว่ะ อยู่คนเดียว...แล้วใครมาชวนเรากินข้าว...?? ยะ...เย้ย...ระ...รึว่าจะ...ผะ...
"ไม่ใช่ผี ไม่ต้องทำหน้าขนลุกขนพองขนาดนั้นหรอกคุณ... ผมเอง...มาคัส ไบรอัน" เสียงพูดสำเนียงแปร่งๆพร้อมแรงตบที่ไหล่เบาๆทำเอาร่างเล็กๆของคุณหมอหนุ่มสะดุ้งแทบตกเก้าอี้... แต่พอได้หันมองแค่นั้นแหละ... คนตรงหน้าคือนายฝรั่งหน้าเป็นชุดดำคนนั้นจริงๆด้วย...
"โธ่เอ๊ย... พุธโธ ธัมโม สังโฆ..." ท่องบทสวดสั้นๆเพื่อปลอบประโลมใจว่าไม่ใช่ผี...อย่างที่คิด...
"บ่นอะไรของคุณ... พระเจ้าก็ไม่ช่วยให้คุณหายหิวหรอกนะ...กับข้าวผมต่างหากที่ช่วยชีวิตคุณได้ มา...กินข้าวกัน ผมซื้อมาเผื่อคุณเยอะแยะเลย..." พูดพลางมาคัสก็ลงมือแกะถุงข้าวสวยและกับข้าวจากเยาวราชหลายอย่างลงในถ้วยที่เขาหาได้ในห้องพักคุณหมอเด็ก...
"ดะ...เดี๋ยวนะ... นี่... นายเข้ามาอยู่ในห้องฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็เข้ามาได้ยังไง..." คุณหมอเด็กถามรัวเร็ว... ถึงว่าสิ ก่อนออกจากห้องก็ปิดไฟเรียบร้อยแล้วนี่นา แต่ทำไมพอกลับมาห้องก็ไม่ได้ล็อก แถมไฟก็ยังติดอยู่ ตอนแรกนึกว่ามีพี่พยาบาลเข้ามาเอาของหรือทำความสะอาด ...มันไม่น่าจะใช่ในเวลานี้แต่ก็ไม่ได้เอะใจ... ที่ไหนได้ ดันมีฝรั่งผมทองดอดเข้ามาอยู่ในห้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมยังใส่ชุดดำทำให้กลืนไปกับผนังตู้ด้านหลังนั่นอีก...
"ก็เข้ามาตั้งแต่... หลังจากคุณออกไปได้ประมาณซักสิบห้านาทีมั้ง ส่วนเข้ามายังไง... ผมก็เดินเข้ามา..." ชายหนุ่มหันกลับมายิ้มโชว์ฟันขาวๆให้ทีหนึ่งก็กลับไปจดจ่อกับภารกิจของตัวเองต่อ...
"เดี๋ยว...อีกที แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไง เอ๊ย...มาทำไม !" คุณหมอเริ่มสมองเบลอ ก็มันทั้งง่วงทั้งหิวทั้งงงนี่นา !!
"ผมก็เอาข้าวมาให้คุณกินไง...เอ้า...จะกินอะไรก่อนดี ข้าวหน้าหมูแดงหมูกรอบก็มีนะคุณ หูฉลามน้ำแดง เกี๊ยวซ่า ก๋วยเตี๋ยว ซาลาเปา ขนมจีบ หรือจะเอาของหวานก่อนดี..."
"เอานายออกไปจากหน้าฉันก่อนจะดีกว่ามั้ย... มายุ่งวุ่นวายอะไรกับคนอื่นเขาอีกเนี่ยฮ๊ะ...! พูดไปวันนั้นไม่เข้าใจรึไง...หรือต้องให้พูดภาษาปะกิต..."
"ผมเข้าใจภาษาไทยน่า... เอ้า...ว่าแต่จะเอาข้าวหมูแดง หมูกรอบ หรือจับฉ่ายดี..."
"ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้นะคุณ...ไม่อย่างนั้นผมจะตะโกนเรียกรปภ.ว่ามีคนบุกรุก...!!" คุณหมอยังไม่ยอมแพ้... แม้น้ำย่อยในท้องจะเริ่มทำงานเต็มอัตราศึกแล้วก็เถอะ.... โอ๊ย...กลิ่น...กลิ่นมัน...ยั่ว...
"เรียกไปก็เท่านั้นล่ะน่า...ตะกี๊ตอนผมเดินเข้ามายังตะเบ๊ะให้ผมอยู่เลย... หูฉลามน้ำแดง...ปอเปี๊ยะทอด...หรือเกี๊ยวซ่าดีคุณ..."
"ออกไป...เดี๋ยวนี้นะ...!!! มาทำไมอีกเนี่ยไอฝรั่งบ้า...พูดไม่รู้เรื่องรึไง...
ห๊า!!!" คุณหมออยากเดินเข้าไปลาก เข้าไปดึง เข้าไปผลักคนตรงหน้ามากเหลือเกิน แต่มันก็ดันติดที่ขนาดตัว น้ำหนัก ส่วนสูง...และของกินนี่อ่ะดิ...!
"ซาลาเปาอร่อยมากอ่ะคุณ... ขนมจีบก็มีทั้งกุ้ง ปู หมู... แบบห่อสาหร่ายก็มี...กินไรก่อนดีคุณ..." หนุ่มฝรั่งแทบกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นคนยุขึ้นหน้าดำหน้าแดง เสียงท้องร้องก็ดังออกมาประท้วงการกระทำซะขนาดนี้แต่ยังไม่ยอมรับอีก...ดูซิว่าจะทนไปได้ซักกี่น้ำ...
"ผม...บอก...ว่า...ให้...ออกไป...!!" "โห...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าซาลาเปาไส้หมูแดงก็อร่อยใช่เล่น...เจ้านี้ทำนิ่มดีแฮะ เดี๋ยวขากลับแวะซื้อให้บอสดีกว่า... ซาลาเปาหมูสับ หมูสับไข่เค็ม...ก็เข้าท่าแหะ...กินมั้ยคุณ..."
"...ก็ออกไปซักทีเซ่ !!! ฉันจะได้กิน...!!!!!!! อุ๊บ...!".
.
.
"เป็นไง...ขนมจีบกุ้งพันสาหร่ายเจ้านี้อร่อยมั้ย??"
คุณหมอเคี๊ยวหยับๆอีกสองสามหนก็ฝืนกลืนลงคอด้วยท่าทางเหยเก...
"แหวะ...! ไอบ้า...ฉันไม่ชอบกินสาหร่ายเว้ย...!!!!~"-------------------------------------------------------- ---- - - - -- - -- -- - -
เอาคุณหมอกานต์มาขัดดอกให้แล้วนะจ๊า...สำหรับคนที่คิดถึง...
วันศุกร์นี้เขาต้องไปดูงาน... เดี๋ยวไว้วันหยุดจะมาอัพต่อเน้อ...
วันนี้ไปแล้ว...การบ้านเสร็จเรียบร้อย อัพนิยายเรียบร้อย
ไปนอนล่ะฟิ้วววววว..................................
ปล.อย่าลืม ! รักษาสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ ที่นี่เดี๊ยวฝนตกเดี๋ยวแดดออก...คนนะ ไม่ใช่กิ้งก่า จะได้ปรับตัวไว... เนอะ !!