คุณแม่...ครับผม !!! Ch.17 - Come on~"/...จะพาหลานฉันไปเที่ยวทำไมไม่บอกก่อน จะได้ให้คนเตรียมรถไปรอรับแต่เช้า.../".
.
.
"...คุณรังสิมันต์..."
"ห๊ะฟ้า...! ใครโทรมานะ..." หมอกานต์ที่กำลังขับรถอย่างแน่วแน่พอได้ยินชื่อที่เพื่อนอุทานออกมาก็ต้องออกปากถามซ้ำ เพราะไม่อยากจะเชื่อว่าใครคนนั้นจะโทรมาหาเพื่อนเขาเอาตอนนี้
"เอ่อ...คุณโทรมาทำไม" น้ำฟ้าเหลือบมองเพื่อนแล้วไม่ตอบอะไร แต่เอามือมาป้องกระบอกปากโทรศัพท์แล้วถามปลายสายออกไปด้วยน้ำเสียงแทบกระซิบแทน
"/ทำไมต้องกระซิบ...อยู่กับใครงั้นเหรอ ว่าที่พ่อเลี้ยงของหนูลินนั่งมาด้วยรึไง.../" รังสิมันต์ถามกลับด้วยน้ำเสียงติดสบายๆเหมือนไม่ซีเรียสมาก...
"พูดบ้าๆ ! ถ้าคุณมีเรื่องจะมาพูดกับผมแค่นี้ก็จะวางล่ะนะ..." น้ำฟ้ากระซิบตอบกลับไปพร้อมคิ้วที่ขมวดกับคำพูดแปลกๆที่ได้ยิน กำลังยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพื่อจะกดวาง แต่มือหนูน้อยไวโอลินที่รอท่าจะเล่นกับเครื่องมือสื่อสารเล็กจิ๋วของแม่ฟ้าซึ่งเป็นสีเงินแถมสะท้อนแสงวิบวับเข้าตาเด็กน้อยพอดีก็เอื้อมจิ้มมั่วจนพลาดไปโดนปุ่ม handfree เข้าจนเสียงชายหนุ่มปลายสายดังลอดออกมาจนได้ยินกันไปทั้งคันรถ... แถมน้ำฟ้าดันเลือกรุ่นที่ handfree เสียงดังๆแบบเซอร์ราวด์รอบทิศอีกต่างหาก เพราะเผื่อเวลาที่ต้องเลี้ยงลูกแล้วไม่สามารถจับโทรศัพท์เหน็บเข้าหูได้...ก็จะได้สื่อสารได้อย่างชัดเจน...
"/...ถ้าเธอวาง...ฉันจะไปหาเธอในที่ที่เธออยู่เดี๋ยวนี้แหละ.../""แอ๊... ! มาาาา...เฮ่ะๆ...อะ..อาววววววว..." ร้องภาษาเด็กแบบที่ไม่มีใครเข้าใจออกมาเสร็จแล้วหนูลินก็ตบมือแปะๆยิ้มยิงเหงือกพลางชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่โทรศัพท์สีเงินของน้ำฟ้าสลับกับหน้าเจ้าของ... เพราะจำเสียงทุ้มต่ำที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ได้ ว่าเป็นใครอีกคนที่ตอนนี้หนูลินยอมให้เขาอุ้มตัวเองได้แต่โดยดี แถมเวลาง่วงแล้วได้นอนซบบนไหล่ก็สบายกว่าไหล่บางๆของแม่ฟ้าหลายเท่า เพราะในความรู้สึกของเจ้าตัวเล็กนั้น...พอยิ่งโตไหล่แม่ฟ้าก็ยิ่งดูเล็กลงไปสำหรับตัวเอง...จนบางครั้งหนูลินเองก็ไม่ค่อยกล้าหลับบนไหล่แม่ฟ้าอย่างเคยด้วยซ้ำ...
"หนูลิน...!" น้ำฟ้าเอ็ดลูกเบาๆที่จู่ๆก็มาเล่นโทรศัพท์เขาจนได้เรื่อง... แถมยังยึดยื้อโทรศัพท์เอาไว้จ้องใหญ่เมื่อเห็นว่าจู่ๆก็มีเสียงคนพูดออกมาได้ด้วย...
"/หนูลิน...อยู่ตรงนั้นเหรอ.../" แน่นอนว่าเสียงเด็กที่ร้องอ้อแอ้ออกมาเมื่อครู่รังสิมันต์ได้ยินเต็มหูชัดเจน ริมฝีปากได้รูปเผลอยกยิ้มเมื่อนึกถึงเจ้าตัวกลมเล็กที่เขาเคยอุ้มให้นอนเล่นอยู่บนอกเมื่อหลายวันก่อน...
"แอ...แออออ... อาววววว...อาววววววว...โอ๊ะะ...แผล่บ..." ว่าแล้วก็แลบลิ้นเลียแผล่บลงไปที่โทรศัพท์ของน้ำฟ้าตรงที่ได้ยินเสียงลอดออกมาทันที
"หนูลิน ! อย่าเลียลูกเดี๋ยวท้องเสีย... คืนโทรศัพท์ให้แม่ฟ้ามาหนูลิน..." น้ำฟ้ายื่นมือแบขอโทรศัพท์คืนจากลูกดีๆไม่ยื้อแย่ง แต่ก็ยังเอามือมาบังๆระหว่างโทรศัพท์ตัวเองกับปากเล็กๆของหนูลินด้วย... ช่วงนี้หมอกานต์บอกว่าเด็กจะเริ่มเรียนรู้เหตุและผลผ่านการกระทำโดยมีตัวล่อหรือการวางข้อแม้เข้ามาเกี่ยว เขาจึงต้องแสดงพฤติกรรมทุกอย่างที่คิดและไตร่ตรองว่าดีแล้วที่จะให้เด็กเห็นหรือทำตาม...แถมที่สำคัญวัยขนาดนี้กำลังอยากรู้อยากลองมากโดยใช้ประสาทสัมผัสรับรส...คือการเลียเป็นเรื่องธรรมดา ของทุกอย่างของหนูลินน้ำฟ้าจึงต้องทำความสะอาดอย่างดีที่สุดทั้งของเล่น ที่นอน ผ้าห่ม หรือนิ้วของหนูลินเองที่ช่วงนี้เริ่มติดการดูดนิ้วโป้งเข้าให้แล้ว... แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่าก็ไม่ได้คิดรวมไปถึงโทรศัพท์มือถือของตัวเองด้วยล่ะนะ ...ก็ใครจะไปนึกล่ะว่าจู่ๆมันจะกลายสภาพไปเป็นของเล่นให้หนูลินไปเสียอย่างนั้นแถมยังในเวลาที่หัวใจร่วงลงไปอยู่ตาตุ่มแบบนี้ด้วย...
"...ม่าย !... อาวววววว...งั่ม ~" ไม่รู้ว่าทฎษฎีหมอกานต์ใช้ไม่ได้ผลหรือน้ำฟ้าไม่ทันระวังก็ไม่ทราบ...คราวนี้ไม่ใช่แค่เลียแต่หนูน้อยดันงับส่วนหัวเข้าปากเฉยเลย...
"/หนูลิน... ไม่เลียนะคนเก่ง...คืนโทรศัพท์ให้...แม่ฟ้า...ของหนูเร็วเด็กดี.../" และขณะที่หนูลินกำลังกลืนกินโทรศัพท์อย่างเมามันก็ยังมีเสียงของชายหนุ่มปลายสายดังลอดออกมาเรื่อยๆเหมือนกัน... แถมถ้าลองฟังดีๆดูเหมือนมันจะติดเสียงกลั้วหัวเราะด้วยยังไงก็ไม่รู้
"หนูกินไม่ได้นะมันไม่อร่อย เอ๊ย...มันไม่ย่อย กินไม่ได้นะ...! ...หม่ำๆนมมั้ย หม่ำๆ...กัน... นะครับคนดี คืนโทรศัพท์มานะ..."
"หนูลินเอาอมยิ้มนี่เอ้า..." ขณะที่น้ำฟ้ากำลังยื้อยุดโทรศัพท์กับเจ้าลูกชายวัยฟันเริ่มงอก จู่ๆสารถีผู้เชี่ยวชาญเรื่องเด็กก็ยื่นของเล่นที่ทำเป็นรูปขนมอมยิ้มมาให้ สีสันสดใสเรียกความสนใจจากเด็กตัวเล็กได้ชะงัด... หนูลินคายโทรศัพท์น้ำฟ้าออกมาอย่างง่ายดายแล้วเอื้อมคว้าเอาเจ้าแท่งอมยิ้มยางมาใส่ปากแทน... "เท่านี้ก็จบ..." คุณหมอพูดอย่างไว้ลาย... น้ำฟ้าช้อนตามองเพื่อนแล้วแอบชิเบาๆก่อนจะเอาโทรศัพท์มากดกลับให้เป็นแบบเดิมแล้วเช็ดน้ำลายหนูลินกับเสื้อตัวเองก่อนเอามาแนบหู...
"ฮัลโหล..."
"/...ที่แท้ก็ไปกับ...เพื่อน...ทำไมไม่บอกดีๆล่ะ ก็ไม่ได้จะว่าอะไรเสียหน่อย... ว่าแต่กำลังจะพาหลานฉันไปเที่ยวไหนกัน... บอกหน่อยสิจะได้ไปด้วย.../" น้ำเสียงติดสบายๆถามกลับมา แต่คนฟังกลับทำหน้าหมั่นไส้ใส่โทรศัพท์ตัวเองก่อนจะกรอกเสียงตอบแกนๆ
"เพราะรู้ว่าถ้าบอกแล้วจะตามมาน่ะสิ... เรื่องอะไรล่ะผมไม่ได้โง่นะ...ถ้ามีปัญญาก็หาให้เจอเองแล้วกัน...เท่านี้นะ...จะวางแล้ว..."
"/เดี๋ยวสิ... จะพาหลานคนอื่นไปไหนก็ไม่รู้โดยไม่บอกลุงของเด็กเลยเนี่ยนะ...ไม่ใจร้ายไปหน่อยรึไง... ที่ผ่านมาฉันก็แสดงให้เห็นแล้วนี่...ว่าไม่ได้คิดจะไปลักพาตัวหนูลินมาจากเธอแบบกะทันหันเสียหน่อย.../""ไม่ได้คิดแต่เคยทำ... แถมยังพูดย้ำกับผมอยู่บ่อยๆด้วย...พูดเองลืมเองเหรอครับ ...เพราะฉะนั้นนะ...ผมไม่มีวันไว้ใจผู้ชายอย่างคุณให้เข้ามาใกล้ลูกของผม... ไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น... ที่ผ่านมาผมคิดว่าผมยอมให้คุณเข้าใกล้มามากพอแล้ว... หลังจากนี้ผมขอร้อง...เลิกมายุ่งวุ่นวายกับผมเสียที..."
"/...เท่าที่ฟังนี่แสดงว่า...ที่ผ่านมาฉันคงใจดีกับเธอมากเกินไปใช่มั้ย... ถึงได้กล้าพูดจาอวดดีแบบนี้.../""ผมไม่ได้อวดดี... แต่หนูลินเป็นลูกของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย...คุณไม่มีสิทธิ์..."
"/...หึหึ...ฮ่ะๆๆ.../" น้ำฟ้าพูดไม่ทันจบ...เสียงทุ้มนุ่มก็ขำออกมาราวกับว่ากำลังดูโปงลางสะออนภาคแรกอยู่ก็ไม่ปาน... น้ำฟ้าคิ้วยิ่งผูกกันยุ่งเหยิงหนักกว่าเดิมเพราะไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องที่กำลังคุยกันนี่มันน่าขำตรงไหนกัน
"หัวเราะอะไรคุณ !!" น้ำฟ้าเสียงเข้มจนเกือบตะคอกใส่ปลายสาย
"/...เธอนี่...เอะอะก็อ้างแต่กฎหมายๆ ขืนเธอยังเอาเรื่องกฎหมายมาอ้างอยู่แบบนี้เรื่องราวมันก็จะลงเอยที่อีหรอบเดิมอยู่ดีเหมือนที่เราเคยคุยกันใช่มั้ย... นี่...ถ้าเธอยังรู้จักฉันไม่ดีพอน่ะนะ... ฉันจะบอกเพิ่มให้อีกอย่าง... รู้มั้ย...บางทีกฎหมายก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาของฉันเหมือนกัน.../""ไอ...ไอคนไม่มีศีลธรรม...คุณนี่มัน..." น้ำฟ้าแทบปรี๊ดแตก ใจทนคุยสื่อสารกับปลายสายต่อไปไม่ได้อีก นิ้วเรียวกดวางสายไปทันทีที่คิดได้แบบนั้น ...ผู้ชายคนนั้นจะมากดดันอะไรตัวเขานักหนา... นี่ต้องการจะบีบเขาทุกทางให้ยกหนูลินให้ใช่มั้ย...
"ไม่มีทาง..." น้ำฟ้ากัดริมฝีปากมือก็เผลอรัดเจ้าตัวปุ้มปุ้ยบนตักแน่นจนหนูลินต้องร้องแอ้...ออกมาเตือน
"...ไม่มีทางอะไรน้ำฟ้า... แล้วนั่น...รัดเข้าคอเดี๋ยวเจ้าหนูก็หายใจไม่ออกหรอก..."
"อ๊ะ...แม่ฟ้าขอโทษ..." พอโดนเพื่อนทักเด็กหนุ่มจึงก้มลงดูลูกน้อยบนตักที่โดนเขาโอบรอบตัวรอบคอเสียแน่น... เจ้าหนูเงยหน้ามองแม่แล้วตีมือเปาะแปะบนฝ่ามือน้ำฟ้าเหมือนชวนให้เล่นด้วย... เด็กหนุ่มยิ้มบางๆให้ลูกแล้วจับยกหนูน้อยให้ยืนสองขาบนตักตัวเอง ยื่นหน้าไปจุ๊บสองพวงแก้มยุ้ยซ้ายขวาอย่างหมั่นเขี้ยวแล้วกระซิบถามเบาๆ
"หนูลินรักแม่ฟ้า...อยากอยู่กับแม่ฟ้ามั้ยลูก..." ถามแล้วก็จ้องตาเป็นประกายของเด็ก... แอบผงะนิดหน่อยเมื่อเด็กตัวหน่อยพยักหน้ารับเหมือนเข้าใจภาษา แต่พอเห็นว่าเด็กน้อยโดนเชิดโดยเจ้าเพื่อนตัวดีที่กำลังขับรถอยู่ก็จับมือลูกน้อยไปตีเพี๊ยะลงต้นแขนเพื่อนเบาๆ
"นี่แน่ะ...มายุ่งอะไรด้วย แม่ลูกเขาจะคุยกัน..."
"เอ๋า...อะไรอ่ะ... นี่ก็น้าเด็กนะ... ทำไมจะยุ่งไม่ได้..." หมอเด็กตอบพร้อมลอยหน้าลอยตา... เหลือบมองกระจกข้างเพื่อดูรถด้านขวาก่อนจะเปิดไฟแล้วเลี้ยงเปลี่ยนเลน...
"โอ๊ยนี่...ทำไมใครๆต้องอยากมาดองมาเกี่ยวกับหนูลินด้วย... ไวโอลินมีฉันเป็นแม่คนเดียวก็พอ...ไม่ต้องมามีปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอามานับญาติด้วยหรอก... ไม่จำเป็นซักนิด..." พูดแล้วน้ำฟ้าก็มองใบหน้าหนูน้อยที่มีแววตาสดใส ราวกับโลกสองข้างทางเป็นอะไรที่สวยงาม อย่างกับหนูน้อยกำลังอยู่ในฝันหวานตลอดเวลา...หนูลินลูกเขาเป็นเด็กอารมณ์ดี ถึงจะเข้ากับคนแปลกหน้ายากไปซักหน่อยแต่ก็ยอมยิ้มและสบตากับผู้คนที่ไม่รู้จักได้... เห็นอย่างนี้แล้วจะว่าไม่เข้าใจก็ไม่ค่อยจะถูกที่ทำไมใครๆต่างก็มารุมอยากนับญาติกับหนูลินกันนัก...ก็ลูกเขาทั้งน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้เลยทำให้ใครๆรักใครๆหลงไปเสียหมด...จนถึงขนาดอยากจะมาแย่งเอาไปจากอกเลยก็มี...แถมยังเป็นคนที่น้ำฟ้าเริ่มรู้สึกว่าน่ากลัวมากเสียด้วย...
"เอ่อ...ฉันขอโทษ...ก็ไม่ตั้งใจจะพูดให้เข้าใจไปอย่างนั้น..."
"อา...หมอกานต์ ขอโทษเหมือนกัน...คือ...ฉันอารมณ์เสียมาจากอีตานั่นน่ะ... หมอกานต์น่ะกรณีพิเศษสำหรับหนูลินอยู่แล้ว... เพียงแต่ว่าฉัน..."
"งั้นก็ปิดเครื่อง ถอดแบตทิ้งไปเลยฟ้า... จะได้กันคนโทรมารบกวนอีกไง..." หมอกานต์บอกเพื่อนตาใส เข้าใจความรู้สึกของเพื่อนที่ในเวลานี้มีความรู้สึกของคนเป็นแม่เต็มเปี่ยม...แถมยังเป็นแม่แมวไทยพันธุ์แท้ ที่หวงลูกของตัวเองอย่างสุดชีวิตด้วย... ก็ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเวลานี้ดันมีราชสีห์ตัวเป้งมาคอยเฝ้าวนเวียนอยากจะขโมยลูกตัวเองไปเสียอีก...ถ้าไม่เฝ้าให้ดีมีสิทธิ์โดนตะครุบไปแน่ๆ...
"เออ จริงด้วย..." พอได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้นปุ๊บน้ำฟ้าก็ทำตามคำแนะนำทันที ถอดแบตถอดซิมถอดการ์ดเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ... แล้วเอาเครื่องเปล่ามาเช็ดๆก่อนจะยื่นให้หนูลินรับไปเล่น...
"เอ้าหนูลิน...เล่นได้แต่ห้ามกิน เข้าใจนะ...กดไปเลยลูก...เอาให้พังไปเลย... แม่ฟ้าจะได้ซื้อเครื่องใหม่เอาแบบรุ่นเก่าขาวดำไปเลยก็ท่าจะดี..." พอพูดจบหนูลินก็เหมือนเข้าใจคำพูดอย่างน้ำฟ้าอย่างดีเยี่ยม เพราะเจ้าหนูดันเขวี้ยงโทรศัพท์น้ำฟ้าทิ้งอย่างไม่ไยดีทันทีที่น้ำฟ้าพูดจบเลยทีเดียว...
--------------------------------------- - - ---------------- - -- -- -- -- - - -
"/บอสครับ...ตอนนี้สัญญาณโทรศัพท์โดนตัดไปแล้วครับ... สงสัยว่าคุณน้ำฟ้าคงจะปิดเครื่องแล้วก็...ถอดการ์ดถอดแบตเครื่องออกแล้วครับบอส.../" เสียงปลายสายรายงานมาให้ฟังอย่างชัดเจน...
"แล้วสัญญาณสุดท้ายหายไปที่ไหน..." รังสิมันต์ถามกลับ ได้ยินลูกน้องเขาหันไปถามกับเตโชซึ่งคงเป็นคนเช็คมอนิเตอร์อยู่ก่อนจะตอบกลับมา
"/...อยู่บนมอเตอร์เวย์และกำลังจะผ่านด่านเก็บเงินลาดกระบังในอีกไม่เกิน 20 นาทีนี้ครับ...แล้วถ้าหากรถคันนั้นไม่เลี้ยวไปที่ไหนก็จะตรงเข้าจังหวัดฉะเชิงเทราครับ.../" มาคัสกล่าว...สายตาจ้องดูตำแหน่งรถลูกน้องของเขาที่พอจับสัญญาณได้ปุ๊บก็ขับตามไปทางที่เห็นทันที... ถ้าคุณนน้ำฟ้าไปกับคุณหมอเด็กคนนั้นล่ะก็คงจะใช้รถญี่ปุ่นสีบรอนซ์ทองป้ายทะเบียนกรุงเทพฯคันเดิมนั้นแน่... เขาจึงได้ล็อกตำแหน่งให้ลูกน้องของเขาสังเกตุหารถยี่ห้อที่ว่าและมีป้ายทะเบียนเลขนั้นในทุกแห่งที่พบ...
"ถ้าถึงที่นั่นในเวลาแบบนี้แสดงว่าคงออกจากบ้านแต่เช้ามืดแน่... หมายความว่าเป้าหมายคงไม่ใช่ที่ฉะเชิงเทรา แต่คงจะไปไกลกว่านั้น... ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะกันไม่ให้เราตามทันมันก็ดูจะเช้าไปหน่อย... เช็คสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ซิว่าเด็กนั่นจะพาหลานฉันไปที่ไหน... รวมถึง...คนรอบๆข้างตัวเด็กนั่นอย่างหมอเด็กคนนั้นด้วยนะ..." เพราะรังสิมันต์ไม่เคยไปหาหรือกวนน้ำฟ้าเวลาทำงานในร้านขนม เพราะเขาถือว่าลูกน้องเขาเทียวรับเทียวส่งอยู่แล้ว ...ชายหนุ่มจึงอาจลืมเลือนบุคคลสำคัญซักคนไป...
"/ครับบอส... แล้วนี่บอสจะให้พวกผมตามไปที่นั่นเมื่อไหร่ครับ.../""จนกว่าจะรู้ที่อยู่ที่แน่ชัดของเด็กนั่นกับหลานฉันเสียก่อน... ที่นี่เจมส์กับแทนไทจัดการได้เรียบร้อยดี...ไม่มีปัญหาอะไร..." ชายหนุ่มบอก... คราวนี้เขามาเชียงรายโดยทิ้งสามมือขวาไว้กับน้ำฟ้า... โดยที่นี่เขาพาลูกน้องมามากพอที่จะดูแลจัดการงานแต่งงานของเพื่อนเขาให้เรียบร้อยอยู่แล้ว... ความจริงเรื่องความปลอดภัยส่วนตัวเป็นอะไรที่ตัวเขาเองก็ไม่ค่อยจะสนใจเท่าไหร่นักมาตั้งนานแล้วเหมือนกัน...
รังสิมันต์สั่งการปลายสายอีกสองสามคำก็วาง... พอดีกับเพื่อนเขาซึ่งเพิ่งกลายเป็นเจ้าบ่าวหมาดๆไปเมื่อคืนเดินถือถ้วยกาแฟสองถ้วยเข้ามาพอดี
"เครื่องจะออกตอนสี่โมงเย็น..." ชายหนุ่มผิวคร้ามแดดที่เริ่มมีไรหนวดนิดๆบอกพลางวางถ้วยกาแฟลงไปตรงหน้าเพื่อน "เป็นอะไรว่ะ...หน้าเครียดเชียว...ลูกน้องโทรมาบอกว่าพ่อยึดบริษัทคืนเหรอ..." โตยธรพูดกลั้วหัวเราะแล้วจิบกาแฟในมือ พิงตัวเองลงบนราวเท้าแขนที่ทำจากไม้ขัดเงาอย่างดี รังสิมันต์เพียงถอนใจแผ่วเบาแล้วหยิบช้อนเงินคันเล็กมาคนกาแฟในแก้ว...
"เปล่า...แค่แม่แมวมันหอบลูกหนีออกจากบ้านน่ะ... ตอนนี้กำลังให้ลูกน้องออกตามหาอยู่... ไปไหนไม่เคยจะบอก..." ประโยคสุดท้ายชายหนุ่มพูดรำพึงเพียงกับตัวเอง แต่เพื่อนเขาก็หูดีได้ยินครบทุกพยางค์ขนาดตอบกลับมาได้น่ายิงทิ้งมาก...
"อ้าว...นายจะบ้าเหรอ...แมวที่ไหนพูดได้...ให้มันส่งเสียงร้องบอกว่า...เมี๊ยว...จะไปแล้วนะเมี๊ยว...เงี้ยอ่ะเหรอ...ฮ่าๆ... แมวแกนี่เป็นแมวอัจฉริยะเหรอว่ะ..."
"...หึ...คงใช่...คิดดูสิ...หนีออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ตอนนี้กำลังจะเข้าด่านเก็บเงินลาดกระบัง แล้วคงจะทะลุไปฉะเชิงเทราในอีกไม่นานนี้แหละ..."
"อ้าว...งั้นแสดงว่าแมวนายถูกกรมปศุสัตว์จับขึ้นรถไปตรวจทำการทดลองโดยไม่บอกเจ้าของเขาเหรอว่ะ..." ชักจะไปกันใหญ่กับความคิดแสนบรรเจิดของเพื่อนคนนี้ รังสิมันต์ปลายหางตรามามองเพื่อนเขาที่แสนจะเข้าใจอะไรซื่อตรงเสียเหลือเกิน...สั่งแทนไทยิงทิ้งเสียเดี๋ยวนี้เลยจะดีต่อมวลมนุษยชาติมากกว่าหรือเปล่า
"...ตอนนี้ฉันมีความรู้สึกอยากแงะสมองแกมาทำการทดลองมาก...ว่าไง...ขอยืมแบะสมองออกหน่อยได้รึเปล่า... อยากจะรู้นักว่ามันมีแต่ฟองแก๊สหรือขี้เลื่อยกันแน่นะ..."
"เฮ่ยๆ...ทำไมเล่นแรงจังวะ... ทำไมอ่ะ ฉันพูดผิดอะไรตรงไหน..." โตยธรยังทำหน้างงงันไม่เลิกจนรังสิมันต์ชักถอดใจที่จะเล่าให้ฟังเสียแล้ว...
"ผิดตรงที่แมวของฉันไม่ได้โดนปศุสัตว์จับ แต่มันยินยอมไปด้วยแต่โดยดีต่างหาก... ช่างเถอะ... ว่าแต่เสร็จงานแต่งงานแล้วจะไปฮันนีมูนกันที่ไหนว่ะ..."
"อืม...ม่านเขาอยากเที่ยวไหนไทย อาจจะลงใต้ไปทะเล ไปติดเกาะร้างกันซักสองสามวันละมั้ง... กลับมาจะได้มีลูกทันใช้ ครอบครัวแม่ยายเขาอยากได้หลานคนที่สองกันจะแย่อยู่แล้ว... เพราะมีคนเดียวมันไม่พอ ญาติหลายคนแย่งกันรุมเลี้ยง...หึหึ" พูดจบเจ้าของไร่หนุ่มก็ซดกาแฟเข้าไปอีกอึกใหญ่ๆ...
"หลานคนที่สอง?" รังสิมันต์ย้อนถาม ความจริงไม่ได้สนใจอะไรมาก แค่ไม่อยากให้การสนทนาต้องมาหยุดลงที่เรื่องแมวของเขาเป็นอัจฉริยะจริงหรือเปล่า
"...ใช่ หลานคนแรกน่ะเป็นลูกของพี่ชายม่านเขา... บอกว่าจะมาร่วมตอนงานแต่งที่วังน้ำเขียวน่ะ..."
"พี่ชายเมียแก...คนนั้นเขา...แต่งงานมีลูกแล้วเหรอ ท่าทางไม่น่าใช่ผู้ชายเต็มร้อย..."
"เฮ้ย...ม่านมีพี่สองคน คนที่มาช่วยงานตอนนี้น่ะชื่อหมอกเป็นพี่คนที่สอง ส่วนคนที่มีลูกน่ะพี่ชายคนโต ชื่อพี่เมฆ...อยู่นครศรีธรรมราชน่ะ..."
"อ๋อ..." ชายหนุ่มส่งเสียงรับคำ สมองนึกถึงใบหน้าผาดขาว ขนาดตัวแขนขาเล็กๆของคนที่เพื่อนเขาแนะนำว่าเป็นพี่ชายของเจ้าสาวหมาดๆของตัวเองแล้วพาลนึกถึง 'แม่แมว' ที่เขานึกเปรียบเปรยบ่อยๆ... หมอกตัวสูงกว่าน้ำฟ้าเล็กน้อย แต่ความขาวนี่สูสีกันเลย... แถมยังท่าทางเกือบหญิงคล้ายกันอีก...คงไม่ใช่ว่าจู่ๆจะมาเป็นญาติเด็กน้ำฟ้านั่นเข้านะ... รังสิมันต์นึกอย่างติดตลกพลางหยิบถ้วยกาแฟมาจิบบ้าง...
หลังจากนั้นบทสนทนาก็เริ่มออกไปในแนวเกี่ยวกับธุรกิจและระบบการรักษาความปลอดภัยพร้อมข้อมูลของศัตรูที่โตยธรหมายมาดว่าคงจะออกเคลื่อนไหวแน่ๆเมื่อเขาจัดงานใหญ่ในพื้นที่ที่ห่างไกลเขตแดนของตัวเอง... แต่เพราะเมียสุดที่รักที่อยากจัดงานในบรรยากาศดีๆที่วังน้ำเขียวจะให้เขาขัดใจได้อย่างไร ก็กว่าจะได้ม่านมาครองนี่เขาต้องเหงื่อตกกีบไปไม่น้อย... ก็ดันไปสอยลูกสาวสุดรักสุดหวงของเจ้าพ่อรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของเมืองเหนือเข้านี่นา... งานนี้ขืนขัดใจลูกสาวท่านเข้าสิ...คุณพ่อตาคงสั่งแบนแถมใบหย่าสายฟ้าแลบให้อีกต่างหาก... เขาเพิ่งได้ลิ้มรสการเป็นเจ้าบ่าวมาหมาดๆก็ยังไม่อยากโดนเลื่อนขั้นลงเป็นพ่อม่ายเร็วนักหรอกนะ...
.
.
.
"เอ้อใช่... ที่ออกมาหานี่ก็ว่าจะถามนายหน่อย พอดีห้องพักในบ้านที่โรงแรมฉันมันเต็มแล้วว่ะ ญาติๆฝ่ายหญิงจองกันหมดแล้ว... มีห้องวีไอพีแค่แบบบ้านแฝดสำหรับครอบครัวเหลืออยู่ที่ฉํนกันที่ไว้ให้ แกพอจะนอนได้รึเปล่าวะ"
"ฉันนอนที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่โรงรถในโรงแรมแกก็พอ..." รังสิมันต์ยักไหล่ กาแฟพร่องไปเกือบหมดถ้วยแล้ว และตอนนี้ในมือของชายหนุ่มก็ถือตารางเงินค่าหุ้นเอาไว้...
"เออ...ครับ กระผมคงไม่กล้าเนรเทศท่านชายไปนอนคลุกทรายแย่งที่นอนกับโบโบ้แถวนั้นหรอก... แต่ไอที่ถามเนี่ย เพราะว่าอีกห้องนึงที่อยู่ติดกับห้องแกจะมีเพื่อนน้องหมอกมาพักด้วย...พอดีเขามีลูกอายุประมาณสี่ห้าเดือนมาด้วยน่ะ...แกจะรำคาญเปล่าวะ...วัยกำลังกระจองอแงเลย...แต่น้องหมอกคอนเฟิร์มมาว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเพื่อนเขาทั้งสวย...ทั้งน่ารัก ยิ่งเด็กไม่ต้องพูด ชมนักชมหนาว่าหน้าตายิ่งกว่าตุ๊กตาบลายธ์ ฮ่ะๆ... ไม่รู้น้องหมอกกะพูดให้ขำหรือเปล่า...แต่สองคนนั้นน่ะได้ข่าวว่าเป็นผู้ชายเหอะ..." โตยธรบอกเพื่อน สายตาก็มองสวนสวยด้านหน้าที่ภรรยาสาวซึ่งอ่อนกว่าราวห้าปีเพิ่งจะเดินตัดผ่านไป...
"...ผู้ชาย? แต่บอกว่าสวยเนี่ยนะ..." รังสิมันต์ย้อนถาม ไม่รู้ทำไมพอเพื่อนเขายิ่งบรรยายและพูดย้ำคำที่ญาติผู้น้องแต่มีศักดิ์เป็นพี่ชายภรรยาเขาเอื้อนเอ่ยมา... ภาพของเด็กน้ำฟ้ากับหนูลินจึงแว่บเข้ามาในมโนภาพถี่ยิบ... "เดี๋ยวไอโต...แกรู้ชื่อเขารึเปล่า..."
"อืม...รู้สึกจะชื่อ...น้องฟ้าอะไรประมาณนี้แหละ ชื่อหญิงๆหน่อยสงสัยคงไม่พ้นเป็นแบบเดียวกับน้องหมอกแหงเลยว่ะ...ส่วนคนลูกนี่ชื่อน่ารักดีเลยจำได้ ชื่อหนูน้อยไวโอลิน... แม่เขาก็ตั้งใจตั้งชื่อเนอะ... สงัสยถ้ามีลูกเพิ่มอีกซักสองสามคนคงจะให้ชื่อเปียโน กีตาร์ กลองชุด อะไรประมาณนี้แหง กะว่าโตมาจะให้ลูกตั้งวงดนตรีกันเลยว่างั้นเถอะ...ฮ่าๆ..." ว่าโตยธรก็พูดเองขำเอง โดยไม่ทันสังเกตเลยว่าเพื่อนเขานิ่งอึ้งไปแล้ว...
...สมองรังสิมันต์ประมวลผลว่าใช่แน่ๆ...คนที่เขาเพิ่งออกคำสั่งให้ลูกน้องตามหากันแทบพลิกกรุงเทพฯ แต่ยังไงก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าอะไรมันจะง่ายดายปานนั้น ไม่ต้องสั่งให้ใครออกตามหา...แต่แม่แมวลูกแมวกำลังจะเดินทางมาหาเขาถึงที่เลยงั้นเหรอ... สวรรค์เล่นตลกขีดความบังเอิญจนแทบเป็นนิยายให้เกิดขึ้นกับชีวิตเขาจริงเหรอเนี่ย... ถ้าหากเด็กน้ำฟ้ากับหนูน้อยไวโอลินที่เพื่อนบอกเป็นคนเดียวกันจริงละก็...สิ่งที่เขาต้องเริ่มทำเป็นอันดับแรกก่อนก็คือ...
"ไอโต...ขอฉันโทรหาลูกน้องแป๊บนึง... จะยกเลิกการค้นหาแม่แมว... แล้วเสริมกำลังทัพผู้รักษาความปลอดภัยให้งานแต่งงานเพื่อน...ที่สมองบรรจุแต่เพชรและความฉลาดเอาไว้ซักหน่อย..."
"อ้าวเฮ้ย... นี่จากแก๊สกับแกลบกลายเป็นเพชรไปเลยเหรอวะเนี่ย... แล้วนี่ไม่ตามหาแม่แมวกับลูกแมวแล้วเหรอ...เดี๋ยวปศุสัตว์ก็จับไปต้มยำทำแกงจริงๆหรอก..."
.
.
.
"หึ...ไม่ต้องหรอก...เดี๋ยวก็มา..."
-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
to be continue-->>
ตอนนี้สายแลนในห้องเข้าทำเข้าเน็ตไม่ได้...อยากจะดิ้นตายคาเตียงมาก
ได้ข่าวว่าเพราะวันก่อนมีเด็กที่ไหนไม่รู้ขับรถมอไซค์ชนเสาเน็ตล้ม = =
แกกล้ามาก !!!!!
แต่เฮ้ออออออออ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป... สู้ต่อไปนะทุกๆคน !!!
ปล. อยากกราบขอโทษที่ยังไม่ได้รีไรท์คำผิดมากมายถมถืดที่ผ่านมา แต่หากผ่านสอบกลางภาคไปแล้วรับรองจะมาเกลาให้มันสละสลวย (เหรอ) ให้มันผิดน้อยกว่านี้แน่นอนจ่ะ = =ปล2. ช่วงนี้อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว...รักษาสุขภาพกันถ้วนหน้าจ้าาาา