คืนนั้นน้ำฟ้าขอแบ่งเนื้อหมู เนื้อกุ้ง ผัก และไข่มาเล็กน้อยจากห้องครัวใหญ่ เพราะอยากทำอาหารเย็นทานเองและเผื่อไว้ใส่บาตรในวันรุ่งขึ้นหลังจากสอบถามป้าแม่ครัวแล้วทราบว่าหน้ารีสอร์ทจะมีพระมาบินฑบาตรทุกวัน...
ห้องครัวภายในบ้านหลังเล็กของเขามีพวกเครื่องปรุงอาหารพวกน้ำปลาน้ำตาล หอม กระเทียม และเครื่องปรุงรสอื่นๆไว้ให้แล้ว... น้ำฟ้าจึงคิดทำเมนูง่ายๆพวกผัดผักใส่หมูกับไข่ตุ๋นญี่ปุ่น หยิบคนอร์ออกมาต้มในน้ำเพื่อทำน้ำซุปโดยเติมผักและเนื้อหมูที่เหลืออยู่นิดหน่อยลงไป มันจึงออกมากึ่งๆซุปใสและต้มจืด... และระหว่างที่น้ำฟ้ากำลังทำอาหารก็ลำบากพอควร เพราะช่วงเย็นเป็นเวลาที่หนูลินงอแงบ่อย ต้องวิ่งเข้าวิ่งออกครัวอยู่หลายเที่ยวทีเดียว... จะอุ้มลูกไปด้วย ทำอาหารไปด้วยก็เกินความสามารถจะทำไหว... น้ำฟ้าจึงต้องยินยอมสละแรงกายวิ่งเข้าวิ่งออกระหว่างครัวและหนูลินเป็นว่าเล่น...
ระหว่างที่น้ำฟ้ากำลังคร่ำเคร่งกับการจัดหน้าไข่ตุ๋นแบบกึ่งสุกกึ่งดิบ โดยจัดแต่งวางเนื้อกุ้งแบะหลังกับแครอทแล้วเตรียมเอาเข้าตู้อบเพราะไม่มีที่นึ่งอยู่นั้น เสียงหนูลินก็แผดร้องจ้าขึ้นมาอีกครั้งเป็นหนที่สิบ... เด็กหนุ่มก็หันมองแล้วส่งเสียงปลอบออกไปก่อน มือก็รีบสาละวนวางเนื้อกุ้งอย่างเบามือเพราะกลัวมันจะบุ๋มลงไปในใข่ มือก็เปื้อน หน้าก็มัน หนูลินก็ร้อง จะรีบไปอุ้มตอนนี้เลยก็ไม่ได้... โธ่...รอแป๊บนะลูก คุณแม่กำลังรีบสุดชีวิตแล้ว...
เพราะเพ่งสมาธิจดจ่อกับหม้อต้มซุปและถ้วยไข่ตุ๋นเลยทำให้ไม่ทันได้ยินเสียงประตูที่เปิดและปิดอย่างแผ่วเบา... คนเข้ามาใหม่มองควันที่ลอยหอมฉุยอยู่บริเวณครัว แล้วก็หันมองเจ้าของต้นเสียงลำนำขับร้องลั่นห้องที่นอนดิ้นตัวแดงอยู่บนเตียงที่ปูรองด้วยผ้าอ้อมกับพลาสติกสีน้ำเงิน... ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเข้าไปหาเจ้าตัวแดงก่อนแล้วค่อยๆสอดมือเข้าใต้ลำคอกับค่อยๆแซะแผ่นหลังเล็กให้ลอยขึ้นมาจากเบาะ... พอเข้าที่ก็ขยับเปลี่ยนท่าให้เอนซบบ่า... เจ้าตัวนิ่มร้องไห้กลั้นสะอื้นทันทีที่มีคนพาเดิน... เด็กน้อยซบปากและจมูกเลอะน้ำมูกลงบนบ่ากว้างแล้วก็ค่อยๆหยุดร้อง...
ชายหนุ่มพาหนูลินค่อยๆเดินไปทางครัว... เห็นคนตัวเล็กกว่ากำลังมือเป็นระวิงกับการปรุงหม้อน้ำซุปใสๆใส่ผัก และตอนนี้สองมือน้อยก็กำลังเกิดปัญหาเมื่อไม่สามารถบิดกระปุกใส่น้ำตาลทรายได้ด้วยตัวเอง... ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนดูความพยายามของเด็กหนุ่มซ้อนอยู่ด้านหลังก่อนออกปากช่วย...
"มา...ฉันช่วย..." ชายหนุ่มเอ่ยบอกที่ข้างหูคนตัวเล็กแล้วสอดมือผ่านช่วงเอวเข้าไปจับฝา...
"คุณ !! เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่...แล้ว..."
"จับกระปุกแน่นๆเร็ว...เดี๋ยวฉันบิดฝาให้..." รังสิมันต์บอก มือซ้ายกระชับหนูลินให้เข้าบ่าดีๆเมื่อคนตัวเล็กอยากมีส่วนร่วมโดยการชะโงกคอเล็กๆออกห่างตัวเขา ส่วนมือขวาก็ออกแรงหมุนฝาพลาสติกออกเสียงดัง 'ป๊อก'... มันไม่ได้ใช้แรงมากมายอะไรเลยนะสำหรับเขา แต่ทำไมน้ำฟ้าถึงตาโตเงยมองเขาด้วยแววตาราวกับเขาเป็นผู้มีพระคุณแบบนั้น...
"คุณนี่...ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ..." เพราะนอนร่วมห้องกันมาแล้ว น้ำฟ้าเลยกล้าเอ่ยออกมาแบบนี้... แต่คนฟังกลับรู้สึกทะแม่งๆยังไงชอบกล...
ประโยชน์ของเขา...คือช่วยบิดฝาขวดให้เนี่ยนะ...เด็กนี่เห็นเขาเป็นที่เปิดฝาเดินได้รึยังไง...
รังสิมันต์คิดแล้วก็ขมวดคิ้ว... ที่เปิดฝาเดินได้ไม่อยากต่อคำด้วยจึงเสหันไปสนใจผัดผักหลากสีที่เสร็จเรียบร้อยอยู่ในจานใกล้ๆเตา... ชายหนุ่มเอื้อมมือทำท่าจะหยิบเข้าปากซักชิ้นเพราะยังติดใจในรสชาติของอาหารที่น้ำฟ้าอยู่ว่าแค่อาหารธรรมดาๆเด็กหนุ่มก็ทำออกมาได้อร่อยไม่น่าเชื่อ... แต่พอนิ้วใหญ่ทำท่าจะคีบก้านผักกาดก็ถูกสันมือเล็กตีเพี๊ยะลงข้อมือแล้วบอก...
"...ถ้ากินข้าวเย็นมาแล้วก็ไม่ต้องเลยนะคุณ..." น้ำฟ้าบอกแล้วก็หันไปคนซุปต่อ... ชายหนุ่มจึงเอ่ยเสียงแผ่ว...
"เปล่า...ยังไม่ได้กิน..." รังสิมันต์บอก... ความจริงแล้วข้าวเย็นจะกินหรือไม่กินก็ค่าเท่ากัน... แต่กลิ่นอาหารหอมอบอวลห้องเล็กๆนี่ก็ทำให้เอ่ยปากพูดต่ออีกหน่อยเมื่อคนตัวเล็กเงยหน้ามาสบตาด้วย...
"...ขอกินด้วยคนได้มั้ย..."
น้ำเสียงทุ้มๆน่าฟัง ไม่มีแววคุกคามเหมือนที่เคยได้ยินมาตลอด ทำให้น้ำฟ้าต้องหลบสายตาวูบไปจ้องหม้อซุปราวกับมันจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลาเลยต้องเฝ้าระวัง... ปากก็อึกอักเล็กน้อยก่อนตอบ...
"กะ...ก็ไป...ตักข้าวสิคุณ... อยู่ในหม้อน่ะสุกแล้ว... ของผมเอาไม่เยอะนะตอนเย็นทานมากแล้วท้องอืด..." น้ำฟ้าเอ่ยตอบยาวเหยียด และจ้องหม้อซุปอย่างเอาเป็นเอาตาย... ส่วนรังสิมันต์หันหน้าไปอมยิ้มกับผนังห้องแล้วก็รับคำในลำคอเบาๆก่อนจะเดินไปทำตามที่คนตัวเล็กสั่งการ...
หนูลินหัวเราะเอิ๊กอ๊ากร่าเริงตลอดช่วงเวลามื้อเย็นของวันนั้น ผลัดกันนั่งตักคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างเบิกบานใจ... ส่วนผู้ใหญ่สองคนที่นั่งทานก็ออกแนวถามคำตอบคำ นั่งทานกันไปเงียบๆ แต่เมื่อเทียบกับมื้อที่ได้ทานด้วยกันก่อนหน้านี้ที่บ้านในกรุงเทพฯนั้น น้ำฟ้าบอกได้เลยว่ามื้อนี้ที่มีผู้ชายคนนี้มาร่วมโต๊ะด้วยบรรยากาศและความรู้สึกเขาต่างกันกับตอนนั้นโดยสิ้นเชิง... ชายหนุ่มชิมนั่นตักนี่ทานไม่ได้หยุด เขาก็ไม่กล้าถามว่าอร่อยมั้ย... แต่เห็นท่าทางคนกินทานได้ทุกอย่างแล้วก็พอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ล่ะน่าว่าคงจะ...ถูกปากเขาบ้างไม่น้อยล่ะ... เด็กหนุ่มจึงกินไปอมยิ้มกับข้าวสวยในจานของตัวเองไป... แล้วพอใกล้ทานเสร็จก็ตัดสินใจเอ่ยถามรังสิมันต์เบาๆ...
"เอ่อ...พรุ่งนี้เช้า... ผมจะตื่นทำกับข้าวใส่บาตร... คุณจะทานข้าวเช้าที่นี่หรือเปล่า...เดี๋ยวผมจะได้ทำพร้อมกันทีเดียวเลย..."
รังสิมันต์เงยหน้ามองคนตรงหน้า...คำถามนั้นเป็นคำถามธรรมดาทั่วไปที่ป้าแม่บ้านที่บ้านใหญ่ของเขาก็เคยถาม... แต่พอทำไมพอคนตรงหน้าถามแล้วต้องใจสั่นแปลกๆ...
"...ปกติฉันดื่มแต่กาแฟอย่างเดียว... แต่พรุ่งนี้ถ้าเธอจะทำข้าวเช้าอยู่แล้วก็...ฉันขอร่วมโต๊ะอีกมื้อแล้วกัน..." รังสิมันต์ตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปากตอบแทนคนมีน้ำใจ...
ความรู้สึกต่อเด็กหนุ่มผมยาวผิวขาวตัวบางนี่มันเริ่มเปลี่ยนไปเป็นด้านดีขึ้นเรื่อยๆได้ยังไงก็ไม่รู้ มันรู้สึกได้เองในใจว่าจริงๆแล้วเด็กหนุ่มไม่ใช่คนเลวร้าย... อาจจะดื้อ ชอบเถียง และต่อต้านเขาอยู่บ้างในบางสิ่ง...แต่มันก็ช่วยไม่ได้เมื่อจุดประสงค์ที่เขาเข้าหาเด็กหนุ่มตั้งแต่แรกมันก็...ไม่ค่อยจะดีต่อการสานสัมพันธ์ฉันท์มิตรอยู่แล้ว แถมพออยู่ด้วยกันเรื่อยๆก็ทำให้รู้เพิ่มอีกว่า... น้ำฟ้าแกรักหนูลินมาก... ทุกอย่างที่เพื่อลูกเด็กหนุ่มจะมุ่งทำทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น... และเมื่อรักขนาดนั้นจะยอมให้เขาพรากไปง่ายๆมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว...
ถ้าตอนนี้เขาขอยอมรับกับตัวเองตรงๆว่ากำลังมีความสุขอย่างไรไม่รู้ แค่กับการทานอาหารมื้อเดิมๆในหนึ่งวัน แต่ในความคิดกลับดูพิเศษเสียมากมาย มันไม่ใช่ความสุขแบบที่ดีใจเวลาประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน แต่เป็นความสุขเล็กๆที่อยากให้มีในทุกวัน ...ความสุขแบบนี้ของเขามันจะยืดยาวออกไปได้อีกแค่ไหนกัน...
ความปรารถนาดีจากคนตรงหน้าที่มีให้เขาโดยไม่รู้ตัวในหลายๆเรื่องก็ทำให้ชายหนุ่มเริ่มมองเด็กหนุ่มในอีกด้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ... แอบคิดเล่นๆในซอกความคิดว่าถ้าเขาสองคนได้เจอกันในรูปแบบอื่น...จะดีแค่ไหนนะ...
"เอ้อคุณ... เมื่อตอนกลางวันผม... คุยกับน้องม่านแล้ว... รู้ว่าแถวนี้คุณโตเขามีปัญหากับพวกเจ้าถิ่นหรือคุณ..." จู่ๆพอไม่มีเรื่องคุยน้ำฟ้าก็ถามคำถามนี้ออกมาเสียอย่างนั้น เขาเห็นชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับช้าๆ...น้ำฟ้าขมวดคิ้วกังวลทันที "จริงเหรอ... ถ้าอย่างนั้นแล้วพอวันงานมันจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาเหรอ..." น้ำฟ้าถามต่อ
รังสิมันต์ถอนหายใจยาวๆครั้งหนึ่งแล้วยกยิ้มบางท่าทางดูเครียดกับคำถามเขาอยู่ แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี "ไม่ต้องห่วงหรอก...ฉันกับไอ้โต... ดูแลความปลอดภัยที่นี่ได้ไม่มีปัญหา... แต่ตอนกลางวันฉันก็บอกเธอไปแล้วรอบหนึ่งนะ... ว่าเธอกับหนูลินอย่าอยู่ห่างจากฉัน..."
"เอ๊ะ...คะ...คุณบอกผมเหรอ?...เมื่อไหร่..." น้ำฟ้าตาโตมองคนตรงหน้า... บอกว่าไม่ให้เขากับหนูลินอยู่ห่างนายรังสิมันต์ตัวโตนี่น่ะนะ... หมายความว่ายังไง...
"เธอ..." ชายหนุ่มดูเหมือนนิ่งอึ้งไปเมื่อเขาถามกลับ... และสุดท้ายก็ตัดบทโดยบอก... "ช่างเถอะ...เอาเป็นว่าจะทำอะไร จะไปไหนก็บอกกันก่อนแล้วกัน... ฉัน...เป็นห่วงความปลอดภัยของเธอและหนูลิน..." ใช่ว่าเขาจะรักหลานน้อยไปกว่าน้ำฟ้าเสียเมื่อไหร่... ถึงจะรู้สึกกระดากปากไปบ้างที่ต้องบอกเด็กหนุ่มไปตามตรงว่าเขาเป็นห่วง... แต่เขาก็ต้องพูด... ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเท่าไหร่นี่นะ...
หลังจากมื้อเย็นผ่านพ้นโดยรังสิมันต์ได้แค่ช่วยอะไรเล็กๆน้อยเช่นเก็บจานชามลงอ่างให้ น้ำฟ้าก็เริ่มทำการแก้ผ้าเจ้าตัวน้อยเพื่อเตรียมลงอ่างอาบน้ำ เขาก็แอบแทรกซึมเข้าไปช่วยอาบน้ำเจ้าตัวเล็กด้วยคนแบบเนียนๆ... หลังจากนั้นไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าเด็กน้ำฟ้านี่คงเลื่อนขั้นเขาเป็นผู้ช่วยพี่เลี้ยงเด็กไปแล้ว พักหลังตอนแต่งตัวทาแป้งเจ้าตัวน้อยก็ออกปากให้เขาช่วยหยิบนั่นจับนี่ให้แทบจะตลอดเวลา... เขาก็เต็มใจทำให้ทุกอย่างไม่มีบ่นซักนิด...
พอประมาณสองทุ่มกว่าๆหนูลินก็นอนดูดนมจ๊วบๆบนที่นอนโดยเขาอาสาป้อนนมให้หนูลินเอง... ชายหนุ่มนอนด้านขวาของเตียง ส่วนหนูลินนอนตรงกลาง ด้านซ้ายของเตียงมีหมอนวางอยู่หนึ่งใบ รังสิมันต์เอาข้อศอกเท้าหมอนตะแคงข้างช่วยจับขวดนมให้หมูน้อยที่ดูดจ๊วบๆอย่างรวดเร็วมาก... เพิ่งรู้วันนี้นี่เองว่าการดูแลเด็กในหนึ่งวันมันเสียพลังงานเยอะยิ่งกว่านั่งปั่นเอกสารงานในออฟฟิศสามวันเต็มๆรวมกันเสียอีก...
อดีตที่เปิดขวดเดินได้มองผู้ชายผมยาวเริ่มสยายผมลงเต็มแผ่นหลัง แล้วก็รวบผมทั้งหมดเข้าดวยกันใหม่ก่อนหมุนผมทั้งหมดก่อนหมุ่นเป็นมวยไว้บนศีรษะ หนีบด้วยกิ๊บสีเหลืองตัวใหญ่เพื่อเก็บผมทั้งหมด แล้วครอบด้วยหมวกอาบน้ำพลาสติกอีกที... พอเสร็จเด็กหนุ่มก็เดินเอาผ้าขนหนูพาดบ่ามาที่เตียงแล้วชะโงกดูหนูลินแต่ออกเสียงพูดกับเขา...
"คุณจะไปอาบน้ำก่อนมั้ย..." น้ำฟ้าถาม... รังสิมันต์สั่นศีรษะแล้วบอก
"เธออาบก่อนเลย... เดี๋ยวดูลูกให้..." ชายหนุ่มบอก แต่น้ำฟ้าดูลังเล มองเขาทีสลับกับมองหนูลินที... "...ฉันไม่ขโมยหนูลินไปหรอกน่า... คืนนี้เหนื่อยแล้ว...ไม่ออกไปไหนหรอก..." รังสิมันต์บอก นั่นแหละน้ำฟ้าจึงตัดสินใจเข้าห้องน้ำไป...
รังสิมันต์ป้อนนมหนูลินหมดขวดแล้วก็ตามด้วยน้ำต้มสุกอีกขวด แต่หนูลินดูน้ำเปล่าไม่กี่จ๊วบก็คายออกบ่งบอกว่าคงอิ่มเต็มที่... จากทฤษฎีที่เคยอ่านผ่านตามาจากในเว็บ จำได้ว่าหลังจากเด็กดื่มแล้วต้องอุ้มพาดบ่าพร้อมตบหลังเบาๆให้เด็กเรอออกมาเพื่อไล่ลมในท้อง ไม่อย่างนั้นเวลาเด็กนอนจะปวดท้องเพราะท้องอืด...
"อุ้มพาดบ่า..." รังสิมันต์ทวนความจำ มือก็ยกอุ้มหนูลินขึ้นพาดบ่า "...แล้วก็ตบหลังเบาๆ... ทำยังไงว่ะ..." ชายหนุ่มพูดแล้วก็ลงมือทำ...แม้จะไม่มั่นใจว่าถูกมั้ยแต่ก็ลงมือตบลงบนหลังเด็กน้อยเบาๆ... สักพักก็ได้ยินเสียงเรอ ...เอิ๊ก !... ชายหนุ่มหลุดยิ้มทันทีชมตัวเองด้วยความดีใจ... "จะทำก็ทำได้นี่หว่าไอตะวัน..."
จากนั้นชายหนุ่มก็เอาเด็กน้อยออกจากบ่าจะเอาลงนอน แต่อะไรยืดยาวขาวๆก็ย้อยจากบ่าเสื้อเขาติดมากับปากเล็ก... หนูลินอาเจียน !!
"ฟ้า !!! น้ำฟ้า !!! หนูลินอ้วก...ไม่รู้เป็นอะไร !! ออกมาดูนี่ทีเร็วเข้า !!! ฟ้า...!!"
ไม่ทันจบประโยคดีน้ำฟ้าที่ได้ยินเสียงตั้งแต่ชายหนุ่มตะโกนคำแรกก็รีบสวมเสื้อแล้วออกมาเลย กางเกงไม่ทันได้นุ่งก็เอาผ้าขนหนูห่อไว้ก่อน ร่างเล็กรีบตาลีตาเหลือกออกจากห้องน้ำมมาดูปากก็ร้องถามมาก่อนตัว...
"ทำไม !! เกิดอะไรขึ้น !! หนูลินเป็นอะไร..."
"เธอ...! หนูลินอ้วก...ไม่รู้เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า... เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาก่อน...!" พูดไปก็หยิบผ้าอ้อมที่วางข้างเตียงมาเช็ดปากเล็กๆที่เลอะอย่างแผ่วเบาและมือสั่นอย่างเห็นได้ชัด
น้ำฟ้าที่หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มเพราะคิดไปสารพัดล่วงหน้าว่าหนูลินต้องเป็นอะไรอันตรายร้ายแรงแน่ เพราะเสียงตะโกนเรียกเขามันยิ่งกว่าเสียงวอรถตำรวจอีกก็ถอนใจโล่งอก เอื้อมหยิบผ้ามาเช็ดปากหนูลินให้เองปากก็ถามเหมือนคุณหมอตรวจอาการคนไข้...
"ตะกี๊พอให้นมเสร็จแล้วคุณก็อุ้มหนูลินพาดบ่า...จากนั้นแกก็เรอใช่มั้ย..." น้ำฟ้าถาม
"ใช่...แต่พอฉันจะเอาแกลงนอน ก็เห็นหนูลินอ้วกใส่บ่าฉันด้วย..." รังสิมันต์ก็ตอบตามที่เห็น... น้ำฟ้าเหลือบมองรอยเปื้อนเป็นคราบบนบ่าเสื้อชายหนุ่มแล้วบอกต่อ
"ถ้าคุณกล้าดมอาเจียนหนูลินก็ลองดมดูสิ...คุณได้กลิ่นอะไรหรือเปล่า..." น้ำฟ้าถามต่อ... เขาน่ะทั้งเช็ดอึ เช็ดปัสสาวะหนูลินมาตั้งแต่เกิด กับเรื่องแค่ให้ดมอาเจียนน่ะสบายมาก แต่คนอย่รงรังสิมันต์คงไม่มีทางทำแน่...ดูเป็นคุณชายเสียขนาดนั้น... ดีแค่ไหนแล้วที่หนูลินทำเสื้อเขาเปื้อนเขาก็ไม่ทำอะไรเจ้าตัวน้อยของเขาด้วยน่ะ...
แต่น้ำฟ้าก็ต้องเบิ่งตาโตเมื่อรังสิมันต์ลงมือถอดเสื้อออกมาแล้วเอาบริเวณที่เปื้อนมาดมอย่างตั้งใจ คิ้วเข้มพาดเฉียงขมวดนิดๆก่อนตอบ
"ฉันได้กลิ่นนม...เหมือนแกอาเจียนเอานมที่กินไปเมื่อกี้ออกมา..." รังสิมันต์ตอบ... เงยหน้ามองผู้ที่มีความรู้เรื่องนี้มากกว่าเขาเพื่อรอคำอธิบายอาการเพิ่มเติม... แต่ผู้มีความรู้ที่ว่ากลับจ้องเขาตาโต...
"คุณไม่รังเกียจ...อาเจียนหนูลินเหรอ..." น้ำฟ้าถาม น้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ... รังสิมันต์หรี่ตาคมลงเล็กน้อยแล้วจ้องเขากลับ... จากนั้นชายหนุ่มก็โยนเสื้อลงไปกองกับพื้นส่งๆ...ก่อนเอ่ย
"...หนูลินเป็นลูกของน้องชายฉัน กับพี่สาวของเธอ... ถ้าจะให้พูดไปแล้วหนูลินก็มีเลือดของฉันกับเธอคนละเท่าๆกัน... เธอเลี้ยงไวโอลินมานานกว่าฉัน ทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อเขา...เพราะเธอรักเขา...ฉันรู้... และที่ฉันอยากจะบอกเธอถ้าเธอยังไม่รู้ก็คือ... ตอนนี้ฉันเองก็รักหนูลินไม่น้อยไปกว่าเธอหรอก..."
พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินไปทางประตู... มือใหญ่บิดลูกบิดประตูค้างไว้แล้วหันหน้ามาหาคนนั่งบนเตียง น้ำเสียงเอ่ยออกมาเนิบๆว่า
"ดูท่าหนูลินคงไม่ได้เป็นอะไรมาก... เดี๋ยวฉันจะไปเอาชุดมาเปลี่ยนแล้วจะอาบน้ำนอนที่นี่... ถ้าเธอใจดีและการกระทำที่ผ่านมาของฉันมันทำให้เธอเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดไป... ก็ช่วยเว้นที่ว่างบนเตียงไว้เผื่อฉันด้วยได้มั้ย..." รังสิมันต์เอ่ยจบไว้เพียงแค่นั้นแล้วก็ก้าวเดินออกจากห้อง...
น้ำฟ้ามองตามประตูที่ปิดตัวลง... หนูลินครางอ้อแอ้อยู่ข้างตัวยังไม่หลับ... เด็กหนุ่มเอนตัวลงนอนมองหน้าหนูลินบนเตียง... พิจารณาจมูก ปาก คิ้ว รูปหน้าของเด็กน้อย... ถ้าคิดอย่างไม่ลำเอียงแล้ว...ดวงตาของเด็กน้อยกับรูปหน้าน่ะเหมือนแม่...ดูคล้ายเขาอยู่... ส่วนจมูก ปาก และท่าทางคิ้วเข้มๆเอนเอียงคล้ายไปทางพ่อ... คล้ายผู้ชายคนนั้นอยู่... มันก็จริงที่สาบเลือดในตัวหนูลินมีเลือดเขาและผู้ชายคนนั้นอยู่อย่างล่ะครึ่ง...
เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับเขาและรังสิมันต์เป็นแม่...และพ่อ...
ไม่ๆๆๆ !!!! ฟุ้งซ่านๆๆๆๆๆ...เลอะไปใหญ่แล้วไอฟ้าเอ๊ยยยย... จะเป็นไปได้ไงว่ะ !! แค่ลุงกับน้า...!! พ่อแม่บ้าบออะไร...เป็นไปไม่ได้ !! แต่ไอที่เขาสองคนทำอยู่ตอนนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็เหมือนเป็นแม่หนูลินจริงๆนั่นแหละ ส่วนตานั่นก็เป็นคุณพ่อที่เป็นผู้ช่วย... เฮ้ย !!! เอาอีกแล้วคิดอะไรว่ะ !!! บ้าแล้วเราเนี่ย...
ยิ่งนอนคิดยิ่งฟุ้งซ่าน... ลุกขึ้นแต่งตัวให้เสร็จแล้วรีบทำงานแล้วรีบนอนเหอะ... คิดแล้วก็ทำ ลุกขึ้นหยิบกางเกงจากห้องน้ำมาสวม ประแป้งทาตัวจนหอมฟุ้งไม่แพ้กุ้งตัวแดงที่ชุบแป้งพร้อมทอดที่ดิ้นดุกดิกบนเตียงเสร็จแล้วก็ไปนอนเคียงข้างเจ้ากุ้งน้อยที่ว่า... หันมองเตรียมเลื่อนหนูลินเขยิบไปด้านข้างอีกหน่อยก็ตัดใจทำไม่ลงไม่รู้ทำไม... นึกถึงเมื่อเช้าที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบสมาชิกคนที่สามมานอนร่วมเตียงด้วยแล้วก็... มันไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นนี่นะ...
ไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าเขาเลื่อน แล้วพอคนคนนั้นกลับมาจะโกรธเขาหรือเปล่า...หรือจะหาว่าแล้งน้ำใจ... เอ้อ...แต่ชายหนุ่มอาจจะมีแผนอะไรในใจอีกก็ได้นะ... แต่ที่ผ่านมาเขาก็มีโอกาสตั้งมากมายแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่... แต่มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาก็ได้... โอ๊ยยยยยยยยย คิดสะระตะไปก็ปวดหัว... รีบๆลงมือทำงานเถอะจะได้นอน...!
คิดจบแล้วก็ลุกไปหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คมาเชื่อมต่อวงจรเปิดเครื่องเสร็จสรรพ หยิบเอกสารต้นฉบับพร้อมดิกชันนารีมาวางที่โต๊ะตัวที่ติดกับเตียงแล้วก็ลงมือเตรียมที่นั่งบนเตียงโดยการเอาหมอนมารองหลังไว้สำหรับนั่งพิงหลังกับหัวเตียงหนึ่งใบ แล้วก็หยิบหมอนรองนั่งอีกใบมาวางซ้อนบนตัก จากนั้นก็ตามด้วยอุปกรณ์โน๊ตบุ๊คมาวางบนหมอนรองนั่งอีกที สวมใส่แว่นสายตาเสร็จก็เริ่มลงมือพิมพ์งานจากที่ค้างไว้ต่อทันที...
ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าทุกๆห้านาทีจะต้องละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มามองที่ประตู พอไม่เห็นว่ามีใครเปิดเข้ามาก็ดันเผลอคิดไปว่า...ทำไมผู้ชายอีกคนนั้นถึงมาช้าจัง... เอ๊ะ...นี่เขาคิดอะไรออกไป !! ถอนหายใจไปทำงานไปจนหนูลินหลับไปแล้ว... แปลงานผ่านไปสองบทชายหนุ่มอีกคนถึงเพิ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตและกระเป๋าโน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งใบ...
และรังสิมันต์ก็พบที่ว่างของตัวเองทางด้านขวาของเตียง...
เห็นดังนั้นเขาก็แอบลอบยิ้มมองคนที่ดันแว่นขึ้นจากปลายจมูกให้เข้าที่แล้วทำท่าขมักเขม้นกับงานที่หน้าจอไม่สะทกสะท้าน... ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปนั่งอีกฟากของเตียงแล้วจัดเหมือนน้ำฟ้าโดยการเอาหมอนมาพิงหลังกับหัวเตียง แต่ต่างกันตรงที่ชายหนุ่มเอาผ้าห่มของตัวเองมาวางรองหน้าขาก่อนวางโน๊ตบุ๊ค... ชายหนุ่มสวมเพียงเสื้อกล้าม น้ำก็ยังไม่อาบ...แต่น้ำฟ้าก็ตอบไม่ถูกว่าทำไมถึงแอบรู้สึกดีใจเมื่อเห็นผู้ชายคนนี้นั่งอยู่ข้างๆ
ต่างคนต่างไม่รู้ตัวหรอกว่าระหว่างที่ต่างคนต่างทำงานของตัวเองนั้น...แอบมองกันและกันบ่อยแค่ไหน...
-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
to be continue...
แหะๆ ตอนนี้ไม่กล้าเก็บนิยายไว้ในสต็อกแล้ว...พิมพ์หมดแค่ไหนก็คือแค่นั้น พิมพ์เสร็จเอาลงเลย...
เดี๋ยวหายอีกแล้วจะยุ่งอ่ะเข็ดจริงๆ...
ตอนนี้ฝนฟ้าเปลี่ยนไป...ก็ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะ
ปล.รักและเป็นห่วงทุกคนอย่างที่สุด !! ขอบคุณที่ยังมีคนเข้ามาอ่านเรื่องนี้นะจ๊ะ