คุณแม่...ครับผม !!! Ch.29"มีอะไร..." รังสิมันต์นั่งลงที่เก้าอี้เสร็จก็ออกปากถามทันที...มาคัสก้มลงเปิดดูแฟ้มบางๆในมือ ส่วนปลายหางตาก็เหลือบมองไปทางคุณหมอเด็กซึ่งกำลังสำรวจห้องนี้อยู่อย่างสนใจมาก...
ห้องที่พวกเขาอยู่กันตอนนี้เป็นห้องทำงานส่วนตัวของโตยธร ซึ่งปกติแล้วไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าใช้ได้... ห้องนี้อยู่เลยถัดบริเวณห้องอาหารเข้ามาอีก ส่วนภายในห้องค่อนข้างเรียบง่าย แต่เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในห้องต่างๆกลับดูหรูหราและทันสมัยมาก... ส่วนผนังห้องมีลักษณะวาดลวดลายและลงสีสรรค์คล้ายทำด้วยไม้..ทว่าวัสดุที่ใช้กลับเป็นวัสดุกันเสียงอย่างดี... ...พูดง่ายๆก็คือห้องนี้เหมาะมากสำหรับใช้ประชุมลับหรือวางแผนงานต่างๆที่ไม่ต้องการให้รั่วไหลไปภายนอก...
บอสของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมอย่างดีหลังโต๊ะไม้ที่วางแก้วทับด้านบน ตรงหน้ามีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหนึ่งชุด คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอีกหนึ่งชุด พร้อมด้วยอุปกรณ์การจับภาพ เครื่องปริ้นท์และแสกนเอกสาร เครื่องสแกนนิ้วมือ พร้อมทั้งหน้าจอกล้องวงจรปิดภายในบริเวณรีสอร์ท ที่ถ่ายทอดตรงต่อจากห้องบังคับการที่ไว้ใช้สอดส่องดูแลทั่วไป...
มาคัสกวาดตามองเอกสารอีกรอบก่อนจะมองไปทางบอสตัวเอง ซึ่งนั่งเท้าคางจ้องหน้าจอฉายภาพกล้องวีดีโอวงจรปิดที่มีมากมายเป็นตารางหมากรุก แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจเลือกช่องในมาฉายภาพเต็มจอเพื่อดูรายละเอียด... ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นรายงานของตัวเอง...
"บอสครับ...อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าคุณหมอณัฐกานต์...'รู้'แล้ว เพราะฉะนั้นผมกำลังคิดว่าคุณหมอณัฐกานต์คงจะช่วยเราได้มาก..."
"จะให้ช่วย...ช่วยอะไรงั้นเหรอ..." คุณหมอเด็กพอได้ยินชื่อตัวเองก็รีบพาตัวเองและเด็กน้อยมานั่งลงเก้าอี้นุ่มหน้าโต๊ะทำงานรังสิมันต์ โดยมีมาคัสยืนอยู่ด้านข้าง จากนั้นคุณหมอหนุ่มก็หรี่ตาหันขวับไปทางมาคัสแล้วพูดเสียงเย็น
"...แต่ขอดักเอาไว้ก่อนเลยว่าถ้าจะให้ช่วยเอาตัวหนูลินมาจากไอฟ้าล่ะก็..." คุณหมอณัฐกานต์ทำท่าเอานิ้วปาดคอตัวเอง "...ข้ามศพฉันไปก่อนเหอะ..."
"คิดเยอะไปนะครับที่รัก..." มาคัสบอกคุณหมอด้วยสีหน้าอ่อนโยน คุณหมอกานต์สะบัดหันกลับไปพิจารณาลายโต๊ะ... เมื่อก่อนก็โวยวายเกือยตายเหมือนกันที่มาโดนเรียกที่รงที่รัก แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุจริงๆ...ยิ่งพอนึกถึงตอนเขาปฏิเสธมากๆแล้วนายฝรั่งเอาแต่เรียกเขาว่ามายฮันนี่ตลอดเวลานี่ขนลุกพรึ่บทุกที...
...อย่างน้อย 'ที่รัก' มันก็ดีกว่า 'มาย(สวีท)ฮันนี่!!' แหละว่ะ...
"คือเมื่อสักครู่มีชาวบ้านแถบนี้เขามาบอกคุณโตยธรครับว่า ช่วงสี่ห้าวันมานี่เห็นรถกะบะยี่ห้อ...ไม่ติดป้ายทะเบียน ชอบมาขับวนในหมู่บ้าน แล้วจอดซุ่มอยู่แถวๆปากทางเข้ารีสอร์ท ชาวบ้านแถวนั้นเขาก็สังเกตุว่าเครื่องก็ไม่ดับ แถมยังไม่มีคนลงมาจากรถอีก บางทีจอดทิ้งไว้นานสามสี่ชั่วโมงเลยนะครับ... แต่เพราะมันไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ามาขับวนแล้วก็จอดอยู่เฉยๆ ชาวบ้านเขาเลยไม่ได้ทำอะไร แค่เอะใจสงสัยแล้วก็เลยมาบอกคุณโตยธรไว้ก่อนเพราะกลัวจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นน่ะครับ..." มาคัสกล่าว...
"แล้วมันมากันกี่คัน..." รังสิมันต์ถาม สายตาก็ไม่ละไปจากหน้าจอ...
"คาดว่าน่าจะมีด้วยกันสองคันครับ เพราะบางทีก็เป็นรถกะบะสีดำ ไม่ก็สีบรอนซ์เงิน..."
"แล้วที่นายสืบมา...มันเป็นใคร มาจากไหนแล้วใครส่งมา..." รังสิมันต์ถามต่อ... แต่คุณหมอกลับทำตาโตเพราะคิดว่าเนื้อหาที่จะรายงานคงหมดแค่นั้น แต่ไม่นึกว่าผู้ชายผมทองตัวโตด้านข้างนี่ยังจะมีข้อมูลอื่นแอบไว้อยู่อีกด้วย...
"นี่ครับบอส... ข้างในเป็นรายละเอียดประวัติโดยย่อของพวกมัน มีกันอยู่สามคน ...มีอาชีพเป็นแฮกเกอร์หนึ่งคน... ส่วนอีกสองคนเป็นช่างซ่อมรถที่เปิดอู่อยู่ชานเมือง แต่อาชีพแอบแฝงคือคนส่งยาและสายสืบครับ..." มาคัสกล่าว ใบหน้ายังนิ่งก่อนจะยิ้มละมุนเมื่อเจอฝ่ามือน้อยๆของหนูลินตีแปะลงหน้าขา... ชายหนุ่มยกนิ้วมาให้เด็กน้อยจับแล้วแกว่งเล่น ระหว่างที่กำลังทำหน้านิ่งเพื่อรายงานต่อไป "...ไอสองช่างซ่อมรถนั่นมันเป็นคนของเสี่ยเจียง... พ่อเลี้ยงที่เป็นคู่ปรับกับคุณโตยธร แต่สำหรับแฮกเกอร์นั่น...เป็นคนของคุณธรรณธรครับ..."
พอพูดถึงตรงนี้ รังสิมันต์ถึงเพิ่งละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มาจ้องลูกน้อยตัวโตผมทอง... เข้าใจความหมายโดยไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่สนุกไว้เคี้ยวเล่นแน่ เมื่อไม่รู้ว่ามันสองตัวนั้นไปรู้จักมักจี่ และตกลงยอมร่วมงานกันได้ยังไง...
"เอ๊ะ...ธรรณธรที่เคยเป็นอดีตส.ส.จังหวัด...อ่ะนะ ! เฮ้ย...ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ..." คุณหมอณัฐกานต์หูผึ่ง... แล้วอุทานออกมา ทำให้ชายหนุ่มอีกสองคนที่เหลือหันมองเป็นตาเดียว และเป็นรังสิมันต์ที่ออกปากถาม
"...อดีต ส.ส. งั้นเหรอ... ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้..." ที่ถามอย่างนั้นออกไปเพราะรังสิมันต์ทราบตามข้อมูลจากบิดามาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าตอนนั้นนายธรรณธรเริ่มต้นเข้าวงการด้วยการสมัครเป็นส.ส. แต่อยู่ในพรรคที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเลยไม่ค่อยมีคนรู้จัก ตอนหลังไม่รู้ไปเอาเงินมาจากไหนมากมายถึงเพิ่งผันตัวมาเป็นนักธุรกิจและกว้านซื้อหุ้นที่นั่นที่นี่ไปทั่ว รวมทั้งยังทำพวกอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลายแหล่เพิ่มอีก มีทั้งที่ประสบความสำเร็จบ้างแล้วก็เจ๊งไปบ้าง... ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จึงรู้จักนายธรรณธรในมาดนักธุรกิจเสียมากกว่า...น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเมื่อก่อนนายธรรณธรจะเคยเป็น ส.ส.ด้วย...
แต่คุณหมอเด็กคนนี้กลับอุทานออกมาคำแรกว่าเป็น ส.ส. แสดงว่าคงจะเคยพอทราบเรื่องราวในครั้งอดีตของคนคนนั้นอยู่บ้างแน่ๆ...
"ก่อนผมตอบคำถามคุณ...ขอผมถามก่อนได้มั้ย... นี่แสดงว่าไอพวกคนร้ายที่เข้ามาดักยิงพวกเราในตอนนี้นี่เป็นคนของไอเสี่ยอะไรนั่นกับคุณธรรณธรงั้นเหรอ..."
"...ใช่... ถ้าคุณพอจะรู้อะไรอยู่บ้างที่เกี่ยวกับสองคนนั่น ก็ช่วยบอกผมหน่อยได้มั้ย..." เป็นครั้งแรกที่รังสิมันต์พูดจาออกมาแกมขอร้อง มาคัสถึงกับคิ้วขมวดมองเจ้านายตัวเองด้วยสายตาแอบงง
"...ทำไมล่ะ..."
"ผมเป็นห่วงหนูลิน..." รังสิมันต์ตอบอย่างไม่ลังเล... นึกถึงวันที่ไปขี่ม้าแล้วเจ้าตัวน้อยตกอยู่ในอันตรายทั้งๆที่เขาก็อยู่แต่แทบจะไม่รู้ตัวแล้วมันก็ให้นึกเกลียดตัวเอง... ว่าแค่ดูแลหลานคนเดียวยังทำได้ไม่ดีเลยซักนิด...
คุณหมอเด็กจ้องใบหน้าคมหล่อของรังสิมันต์อย่างอดแปลกใจไม่ได้ คุณหมอเหลือบสบตากับมาคัสที่จ้องตอบกลับมาด้วยแววตาไม่ค่อยต่างกัน ก่อนจะกระซิบบอกเขาว่า
"ถ้าคุณพอจะรู้อะไรมา ถึงจะมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ในสายตาคุณก็ช่วยบอกมาเถอะ... รับรอง...ว่าอย่างน้อยพวกผมก็ไม่มีทางจะทำอันตรายคุณ คุณหนูไวโอลิน แล้วก็คุณน้ำฟ้าแน่นอน..." มาคัสบอก... ก่อนจะพาตัวเองมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่เหลือตรงหน้าโต๊ะ หันโน๊ตบุ๊คตัวที่วางหน้ารังสิมันต์มาเปิดและพบว่ามันพร้อมใช้งานอยู่แล้ว...
"...ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมาก แถมข้อมูลมันอาจจะไม่ค่อยเป็นประโยชน์อะไรให้พวกคุณนักหรอก..." คุณหมอเด็กเปลี่ยนท่าอุ้มหนูลินเมื่อมือน้อยเริ่มตีแปะลงท่อนขามาคัสสูงขึ้นเรื่อยๆจนน่าเป็นห่วงจุดยุทธศาสตร์บ้างแล้ว
"คือก่อนหน้านี้ตอนผมเรียนแพทย์ปีหนึ่งน่ะ... ในสายเทคของผมคือพี่เอ็กซ์เทิร์นปีหกเขาได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลในจังหวัด... แต่พี่เขาเก่งมากเข้าขั้นอัจฉริยะเลยล่ะ โดยเฉพาะในเรื่องของสมอง... ปรากฏว่ามันเป็นช่วงที่คุณธรรณธรน่ะขึ้นเป็น ส.ส. พอดี... แล้วแกมีลูกชายกับลูกสาวอย่างละคน... ตรงนี้แหละที่เป็นความลับ... เพราะลูกแกทั้งสองคนน่ะเป็นออร์ทิสติก มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดคุยสื่อสารและการเคลื่อนไหว ปรากฎว่าตอนนั้นแกพยายามหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาอาการ รวมทั้งรุ่นพี่ของผมก็ถูกให้เข้าร่วมด้วยเลยนะทั้งๆที่เป็นแค่นักศึกษาแพทย์ฝึกหัด... แต่เรื่องนี้แกให้เก็บเป็นความลับ...คงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าแกมีลูกพิการทางสมองน่ะ..."
"แล้วตอนนี้ลูกแกอยู่ที่ไหน..." รังสิมันต์ถาม จำได้ว่าในเอกสารของพ่อเขาเขียนไว้แค่ว่าลูกสองคนพิการทางสมองแค่นั้น แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมไว้...
"อืม... ถ้าจำไม่ผิดนะ หลังจากแกถูกปลดจากตำแหน่ง ส.ส. แกก็ย้ายลูกแกสองคนไปอังกฤษ ตามคำแนะนำของอาจารย์หมอตอนนั้น... แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าลูกสาวคนโตของแกค่อนข้างโคม่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว ส่วนลูกชายเริ่มเข้าโรงเรียนฝึกเด็กพิเศษอยู่ที่สิงคโปร์ทั้งคู่..." คุณหมอเด็กพูดต่อ รังสิมันต์พยักหน้าเข้าใจ ส่วนมาคัสก็พิมพ์เนื้อหาที่ได้ยินบันทึกลงคอมพิวเตอร์เก็บไว้...
แต่จู่ๆคุณหมอเด็กก็ทำหน้าคล้ายลำบากใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเงยหน้าสบตารังสิมันต์ตรงๆ...
"...มีอะไรอีกงั้นเหรอ..." ชายหนุ่มถาม ได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆจากเด็กหนุ่มสัญชาติไทยตรงหน้าดังๆหนึ่งครั้ง...ผสานกับเสียงเด็กน้อยตัวเล็กที่เริ่มร้องอ้อแอ้ๆอีกแล้ว...
"...อันที่จริง...ผมรู้อะไรอีกนิดหน่อย ...แต่... ผมจะบอกพวกคุณ..." คุณหมอเด็กทำท่าตัดสินใจ... มาคัสพิจารณาเรื่องราวที่ได้ยินก็รู้สึกอยู่เล็กๆว่ามันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่นักหรอก เขาเองอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกธุรกิจมืดของนายธรรณธรอะไรประมาณนั้นมากกว่า แต่เอาเถอะ...เก็บข้อมูลของศัตรูได้มากเท่าไหร่มันก็คงจะดีมากเท่านั้น
"คืออย่างนี้... เรื่องที่ผมเล่าให้พวกคุณฟัง เป็นเรื่องทั่วไปที่เขาลือกันในบรรดาพวกแพทย์... แต่จริงๆแล้วรุ่นพี่ผมคนนั้นน่ะแหละ ที่เป็นคนแนะนำให้ อดีต ส.ส. ธรรณธรส่งลูกทั้งสองคนไปรักษาตัวที่อังกฤษต่อ... เพราะพอดีตอนนั้นรุ่นพี่ผมได้ทุนเต็มอัตราไปศึกษาต่อที่อังกฤษพอดี ...แล้วการรักษาในเคสนี้ รุ่นพี่ผมก็ได้ลองเรียงยีนส์ของเด็กสองคนนั่นดู และเป็นคนพบว่าที่เด็กสองคนนั้นเป็นออทิสติกเพราะพ่อเด็กดันไปได้กับแม่เด็กที่เป็นสายเลือดเดียวกัน... ดูเหมือนตอนนั้นคุณธรรณธรจะไม่รู้มาก่อนว่าภรรยาที่ตัวเองแต่งงานด้วยน่ะอาจจะเป็นเครือญาติกัน... ทำให้หลังจากนั้นเหมือนฝ่ายหญิงจะตรอมใจตาย คุณธรรณธรเลยเลี้ยงลูกคนเดียว... แต่รุ่นพี่ผมเคยบอกว่าดูเหมือนแกจะรักลูกแกไม่น้อยเลยนะ... ทุ่มเงินเป็นหลายล้านเพื่อรักษาโดยไม่เสียดายเลยซักนิด... มันก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาเหมือนกันว่าตอนนั้นแกเอาเงินมาจากไหนมากมาย... เพราะคุณก็น่าจะรู้ว่าค่ารักษาอาการทางสมองน่ะ...เงินมันหลายหลักแค่ไหน..."
"...สรุปก็คือ ไม่มีใครรู้ว่านายธรรณธรหาเงินหลายล้านมารักษาลูกตัวเองได้ยังไงงั้นเหรอ..." รังสิมันต์ถามต่อ...
"ใช่ครับ... แต่เห็นมีคนลือกันว่า แกค้าของเถื่อนพวกไม้ป่าอะไรทำนองนั้น กับพวกสัตว์ป่าด้วยนะ... ยิ่งตอนนั้นแกเป็น ส.ส. อำนาจก็มีล้นมือคงจะใช้อำนาจในทางมิชอบด้วยนั่นแหละ... ผลกรรมเลยมาตกอยู่ที่ลูกสองคนเลย...เฮ้อ..." พูดไปคุณหมอเด็กก็รู้สึกหดหู่ เพราะจำใบหน้าเด็กสองคนนั้นได้ตอนที่รุ่นพี่หมอของเขาเคยถ่ายรูปส่งมาให้ดู หน้าตาน่ารักทั้งคู่แต่ดันมีแขนขาลีบ หัวก็ใหญ่กว่าตัว แถมคนเป็นพี่สาวดันมีปากลักษณะคล้ายเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ด้วย...น่าสงสารมาก...
"งั้นเหรอ...ขอบใจมาก..."
รังสิมันต์เท้าคางนั่งพิจารณาสิ่งที่ได้ยินกับสิ่งที่จดจำไว้ในสมองตอนอ่านข้อมูล หลายอย่างมีความตรงกันว่านายธรรณธรเคยเริ่มต้นธุรกิจด้วยการค้าของเถื่อนพวกไม้ป่ากับสัตว์ป่ามาก่อนจริง... แต่เรื่องครอบครัวนี่ไม่คิดว่ามันจะมีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นด้วย...
"แล้วนี่...หลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นมั้ย..." เสียงแผ่วเบาของคุณหมอดังขึ้นข้างตัว มาคัสหันมองหลังจากเซฟข้อมูลลงแฟลชไดรฟ์ส่วนตัวของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหันมายิ้มบางให้...ก่อนยกมือมาลูบหัวเหม่งๆของไวโอลินที่ตอนนี้กอดซบกับท่อนแขนคุณหมอกานต์แน่นสนิท...
"เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องกังวลนะ... มันจะไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับพวกคุณแน่..."
"มันเหมือนตอนนี้ผม...กำลังก้าวเข้ามาอยู่ในโลกของละครหลังข่าวเลยอ่ะ..." คุณหมอพูดแล้วทำหน้ามุ่ย... "...นี่พวกคุณคง...ไม่ได้ไปวางแผนฆ่าเขาตลบหลังหรืออะไรเทือกนั้นใช่มั้ย..." คุณหมอหนุ่มแอบเป็นกังวล เผลอคิดไปนิดๆว่าถ้าตัวเองโดนจับข้อหาร่วมกันฆ่าขึ้นมานี่...ซวยเลยนะ...
"เราทำธุรกิจนะครับที่รัก... และคุณก็รู้ว่าการทำธุรกิจน่ะมันต้องมีศัตรูหรือคู่แข่งอยู่แล้ว อย่างคุณธาดานั่นก็ใช่... แต่ไอประเภทที่ชอบเล่นสกปรกน่ะมันก็มีนะครับ... เป็นธรรมดาที่พวกผมคงต้องหาทางป้องกันตัวเองไว้บ้าง..." มาคัสตอบ...
"แล้วเราก็จะไม่ไปทำอะไรใครก่อน...ถ้าหากมันไม่ชอบยื่นมือแส่เข้ามาหาเรื่องเราก่อนเอง..." และประโยคต่อมาก็เป็นของรังสิมันต์ที่ตอนนี้หันกลับไปจ้องมองภาพในจอมอนิเตอร์ต่อแล้ว ชายหนุ่มหรี่ตาแล้วจ้องแทบไม่กระพริบ มาคัสก็เดาไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าเจ้านายเขาแอบดูช่องไหนกันแน่... "มาคัส...พรุ่งนี้นายกับซึโยชิคอยตามน้ำฟ้าและหนูลินไว้นะ แต่ก็ไม่ต้องเข้าใกล้มากเดี๋ยวจะเป็นที่สังเกตุ... ส่วนคุณ...ถ้ายังไงพรุ่งนี้ให้อยู่ใกล้น้ำฟ้าและลูกไว้... คุณจะปลอดภัยเมื่ออยู่ด้วยกัน... ถ้ายังไงเดี๋ยวให้มาคัสสอนวิธีเอาตัวรอดเบื้องต้นให้... ตอนนี้คุณกับมาคัสมีธุระอะไรอยู่ก็เชิญตามสบาย..." รังสิมันต์กล่าวรวดเดียวต่อจนจบ...
คุณหมอหนุ่มอ้าปากค้างเมื่อไม่นึกถึงว่าตัวเองจะมาโดนผู้ชายตัวโตตรงหน้าที่ตอนแรกทำท่าว่าจะมีความสัมพันธ์ในด้านดีมากขึ้นไล่ออกจากห้อง... นี่อีตาลุงหนูลินคิดว่าเขาเป็นใครกันเนี่ย...!
"นี่บอสคุณเขาคิดว่าผมเป็นลูกน้องเขาหรือไง... ถึงนึกจะมาไล่ก็ไล่ นึกจะเรียกก็เรียกแบบนี้...!!"
"อย่าคิดมากเลยน่าที่รัก... บอสผมเขาปากร้ายแต่จริงๆแล้วใจดีนะ... นี่ยังบอกให้ผมสอนวิธีเอาตัวรอดเบื้องต้นกับแนะทางหนีให้คุณอีก... นี่มันผิดปกติมากเลยนะสำหรับบอสผมน่ะ..."
"เหรอ...!" คุณหมอถามประชด แต่ก็หยุดเดินกึกเมื่อนึกขึ้นได้... "เออนี่ แล้วที่บอกว่าจะฝึกนี่...คุณจะฝึกยิงปืนให้ผมเหรอ... โหยยยย ดีใจอ่ะ !!"
"นี่ที่รัก...ปืนนะครับไม่ใช่ไม่ใช่เบ็ดตกปลา... ที่สอนวันเดียวก็เป็น... ที่ผมจะต้องบอกคุณก็พวกเวลาได้ยินเสียงปืนคุณต้องหมอบลงแล้วหาที่กำบัง แล้วก็ต้องหลบไปทางไหนเพื่อหารถของพวกผมแล้วหลบอยู่ใกล้ๆอะไรพวกนั้น..."
"เฮ้ย ! ไม่เอาดิ... ของพวกนั้นน่ะผมไม่ค่อยสนใจอ่ะ... คุณสอนผมยิงปืนแทนได้มั้ยผมว่ามันน่าสนใจมากกว่าเยอะเลยอ่ะ..." คุณหมอกานต์เริ่มออกอาการงอแงเหมือนเด็กในอ้อมแขนเสียแล้ว...
"ระดับคุณนี่ยังสนใจจะใช้ปืนอีกเหรอ... มีทั้งมีดหมอทั้งเข็มฉีดยาติดตัวเลยไม่ใช่เหรอครับ... ผมว่านะของพวกนั้นน่ะยิ่งคุณใช้ถนัดเท่าไหร่มันก็ยิ่งอันตรายกว่าปืนเยอะ...เลย..."
"อ๋อ...นี่ยังจำได้อีกเหรอ... พอดีเลยได้ยินอย่างนั้นงั้นคุณช่วยอยู่ซ้อมของพวกนั้นกับผมแทนปืนด้วยแล้วกัน... เผื่อฝีมือผมมันจะดีขึ้นสมใจคุณ !"
"อา... คือ ผมไม่ค่อยว่างแล้วน่ะคุณ เดี๋ยวต้องไปหาพวกเต...โ... โอ่ะ...โอ๊ยย... อย่าดึงหูผมสิที่รัก !"
"มานี่มะที่รัก... เรารักกันไม่ใช่เหรองั้นก็มาช่วยเขาซ้อมเสียดีๆนะที่รัก..." ตกคำลงท้ายด้วยรอยยิ้มหวานหยด...
จนมาคัสขนลุกซู่ไปทั่วร่างเลยทีเดียว...
-----------------------------------------------------------------------------
รีบมาอัพเพื่อให้ทันหน้าเลขสวย ห้าห้าห้า+
อีกอย่างรีบมาอัพฉลองวันเกิดให้คุณน้องที่ตามทวงนิยายพี่อย่างเหนียวแน่นมาก...ขอบใจนะจ๊ะ
วันนี้ได้อัพแล้วดีใจ... เดี๋ยวไปกรอกยาพิษ (ทำการบ้าน) ใส่ตัวเองก่อนเน้ออ
เจอกันใหม่ตอนหน้าเจ้าาา...