ห้องครัวมีเสียงพูดคุยดังออกมาเบาๆสลับกับเสียงน้ำเดือดจากกาต้มน้ำ... กลิ่นกาแฟนหอมกรุ่นลอยมากระทบจมูก จนเมื่อน้ำฟ้ายื่นหน้าเข้าไปก็พบลูกน้องชายหนุ่มกำลังยืนเสวนากันอยู่สองสามคน... แล้วเมื่อทั้งหมดหันมาเห็นว่าน้ำฟ้ากำลังยืนทำหน้ายิ้มเซียวๆมาให้ก็รีบออกปากถามทันทีว่ามีอะไรให้พวกเขาช่วยรึเปล่า...
"...เอ่อ... ผมแค่อยากได้ยางวงซักเส้นก็พอครับ..." น้ำฟ้าบอกความต้องการของตัวเองไป... ลูกน้องหนุ่มที่ท่าทางเข้าใจภาษาไทยได้ดีกว่าเพื่อนก็รีบลุกไปหยิบยางวงมาให้น้ำฟ้าทันที แม้จะงงงวยอยู่เล็กน้อยว่าเด็กหนุ่มจะเอาไปทำอะไร... แต่เมื่อเห็นท่าทีของน้ำฟ้าเริ่มทำการมัดขอบเอวกางเกงก็ร้องอ๋อออกมาทันที... มิน่าล่ะ มือถึงต้องจับยึดเอวกางเกงเอาไว้สินะ...
"แล้ว...คุณฟ้าจะเอาอะไรเพิ่มมั้ยครับ..." ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยปากถามต่อ... น้ำฟ้าที่ยังทุลักทุเลเพราะมือนึงต้องยึดกางเกงเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ต้องเอายางมารัด เส้นผมที่จับไว้เลยรุ่ยร่ายลงมาระตามใบหน้าบังมือตัวเองเสียอย่างนั้น... ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังเงยหน้ามาตอบว่า...
"ไม่เป็นไรครับ...ขอบคุณมาก..." เด็กหนุ่มตอบ...แล้วก็จัดแจงมัดกางเกงต่อไปจนเรียบร้อย
ลูกน้องหนุ่มของรังสิมันต์รีบดื่มกาแฟจนเสร็จเรียบร้อยก็เอาวางลงอ่าง... ปล่อยหน้าที่ล้างแก้วให้เป็นของเวรล้างจานวันนี้จัดการไป... น้ำฟ้าที่มีสีหน้าพอใจกับผลงานการมัดขอบกางเกงของตัวเองมากก็เผลอเงยหน้ามองดูเวลา เมื่อลูกน้องชายหนุ่มคนสุดท้ายกำลังจะเดินออกจากครัวแล้วบอกราตรีสวัสดิ์เขา...
"...จะห้าทุ่มแล้วเหรอเนี่ย..." เด็กหนุ่มพึมพำ... จริงสิ...ดึกขนาดนี้แล้ว... ชายหนุ่มนัยน์ตาดุคนนั้นยังทำงานไม่เสร็จอีกรึไงนะ... แล้วแบบนี้จะนอนตอนไหนล่ะเนี่ย...?
"เอ่อ...ขอโทษครับ...แล้วคุณ...รังสิมันต์ ยังทำงานอยู่เหรอครับ..." ...สาบานได้ว่าที่ถามถึงนี่ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงหรอกนะ...ไม่เลยจริงๆ...
ชายหนุ่มที่เดินรั้งหลังคนอื่นได้ยินเสียงถามแหลมเล็กก็หันหลังเดินกลับมาตอบให้ว่า...
"บอสยังทำงานอยู่ครับ... ผมคิดว่า...คืนนี้บอสอาจจะนอนที่ห้องทำงานอีกตามเคย..." ลูกน้องชายหนุ่มตอบกลับ... น้ำฟ้าพยักหน้ารับรู้แล้วถามต่ออีกนิดว่า...
"แล้วเขา...ทานข้าวเย็นแล้วเหรอครับ...? คือ...ผมเห็นว่าเขาไม่ได้ออกมาทานพร้อมพวกเราเมื่อตอนเย็นน่ะครับ..."
"อ๋อ... บอสยังไม่ได้ทานหรอกครับ... เวลาบอสทำงานจริงๆจังๆแบบนี้บางทีตั้งแต่เช้าอาจได้แค่กาแฟแก้วเดียวเองมั้งครับ... ผมเพิ่งเอาเข้าไปให้เมื่อซักครู่นี้เอง..." หนุ่มคนนั้นตอบยิ้มๆ... "ห้องทำงานของบอสอยู่ตรงประตูริมสุดทางเดินด้านนั้นนะครับ... ส่วนห้องครัวคุณฟ้าใช้ได้ตามสบาย..." เขาบอกตบท้ายเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนๆของเขาเรียกชื่อมาจากทางด้านหน้าประตูบ้าน โยคินทร์โค้งตัวเล็กน้อยให้น้ำฟ้าก่อนจะเดินจากไป... ทิ้งให้น้ำฟ้ามองตามไปทางเดินห้องทำงานของรังสิมันต์จากภายในห้องครัว...
"แล้ว...แล้วจะสนอะไรด้วยล่ะ...เฮอะ...!!" เด็กหนุ่มคิ้วขมวดมุ่น... ทำท่าจะเดินหันหลังกลับ...
...ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า... อาหารที่เอาไปทานกันข้างนอกก็ไม่ได้กลับออกไปทาน... ทั้งวันได้แค่กาแฟแก้วเดียว...
...คนบ้าเอ๊ย !! ใช้ชีวิตยังไงของนาย... อยากจะกระเพาะทะลุตายเร็วๆนักใช่มั้ยเนี่ย...!!
.........................................
.............................
...............
.....
..
.
"ไหนบอกเองว่าจะอยู่ปกป้องเรากับลูก... แล้วนี่อะไร ทำแต่งาน...ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน... นายได้หมดแรงตายไปก่อนที่จะได้ช่วยฉันกับลูกน่ะสิ...เฮอะ... คนอะไร...ไม่รู้จักดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองบ้างเล้ย...!"
ถึงปากจะบ่นจะว่าแค่ไหน... แต่มือบางก็สาละวนทามายองเนสลงบนขนมปัง... แล้วโรยหน้าด้วยหมูหยองบ้าง แฮมบ้างเท่าที่จะหาได้จากในตู้เย็น เสร็จแล้วก็เอาเข้าเครื่องอบขนมปังก่อนจะจัดการหั่นออกเป็นสี่ส่วนให้มีขนาดชิ้นเล็กๆพอดีคำเข้า... พูดไปบ่นไปไม่ยอมหยุดแต่ก็ยังอุตส่าห์หยิบนมในตู้มารินใส่หม้อเพื่ออุ่นให้ร้อนเพิ่มให้อีกแก้ว... สายตาก็สังเกตุเห็นแล้วว่าอาหารเมื่อตอนกลางวันยังเหลือติดอยู่ในตู้เย็น... ถ้าชายหนุ่มยังหิวอยู่เขาก็พอจะเอาออกมาทำเป็นข้าวผัดหรืออะไรอย่างอื่นเพิ่มได้อีก...
จนเสร็จน้ำฟ้าก็ทั้งเหนื่อยเพราะทำกับข้าว และหอบหายใจไม่ทันเพราะไม่ได้หยุดบ่นเลยแม้แต่นิดเดียว...
"ที่ทำให้นี่เพราะเห็นใจหรอกนะว่ายังไม่ได้กินข้าว... ถ้านายตายไปแล้วใครจะมาออกคำสั่งลูกน้องนายให้พาฉันกลับเข้ากรุงเทพฯล่ะ..." ทำเป็นพูดออกมาอย่างนั้นทั้งที่ในใจตัวเองลึกๆก็แอบยอมรับอยู่ตลอดเวลาว่า... ที่อุตส่าห์ทำแซนวิชให้มือเป็นระวิงจนเกือบถูกมีดบาดนี่เป็นเพราะตัวเองเริ่มรู้สึก...เป็นห่วง...ผู้ชายร่างสูงใหญ่ที่นับวันก็ยิ่งมีอิทธิพลกับตัวเขามากขึ้นทุกทีๆอย่างน่าตกใจเลยทีเดียว...
มือบางประคองถาดใส่แก้วนมร้อนและจานแซนวิชนานาไส้ไปตามทางเดิน... สองข้างทางมีโคมไฟห้อยลงมาส่องแสงสว่างให้ไปตลอดทางจนกระทั่งถึงหน้าประตูบานไม้สลักลวดลายมังกรเสมือนจริงพันพาดไปมาระหว่างประตูสองบาน... เด็กหนุ่มตั้งใจจะเคาะประตูก่อนตามมารยาททว่าไม่มีมือจะเคาะนี่นา... แล้วเมื่อลองเอาหลังดันดูเบาๆก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก...
...เอาไงดี...เปิดเข้าไปเลยได้มั้ยเนี่ย...
"ค...คุณรังสิมันต์... นี่ผมเองนะ...เข้าไปได้รึเปล่า...?" ลองส่งเสียงบอกเข้าก่อน... ทว่ามันก็กลับเงียบไม่มีเสียงตอบรับใดๆ...
...เอาวะ... ใช่ว่าเขาจะเคยมีมารยาทกับเราเรื่องแบบนี้เสียเมื่อไหร่...
คิดอย่างพาลๆแล้วเด็กหนุ่มก็ถือวิสาสะเอาหลังดันประตูด้านหนึ่งให้เปิดออกแล้วค่อยๆกลับตัวประคองถาดเดินเข้าไปในห้องช้าๆเมื่อประตูไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำหนักค่อยๆงับปิดตัวลงเบาๆ...
สายตากลมโตกวาดมองรอบห้องด้วยสายตาตื่นเต้น... เมื่อไม่คิดว่ามันจะมีห้องแบบนี้อยู่ภายในตัวบ้านที่ดูเรียบๆแบบนี้อยู่ด้วย...
ริมผนังด้านหนึ่งฝังจอทีวีขนาดใหญ่ยักษ์เอาไว้ เหนือจอขึ้นไปมีนาฬิกาของประเทศต่างๆแขวนเอาไว้อย่างเป็นระเบียบพร้อมระบุประเทศเรียบร้อย ส่วนอีกด้านมีแผนที่ต่างๆ รูปถ่าย...พร้อมทั้งจอทีวีที่ฉายภาพกล้องวงจรปิดภายในบ้านติดไว้ด้วย... บนพื้นฝั่งตรงข้ามจอทีวีใหญ่ยักษ์มีชุดโต๊ะรับแขกโซฟาสีแดงสดพร้อมโต๊ะสีดำตัดกันดูลงตัวเป็นอย่างมาก... ถัดเข้าไปเป็นโต๊ะทำงานขนาดเล็กทั้งด้านซ้ายและขวาของห้อง นอกนั้นภายในห้องก็มีการจัดวางชั้นใส่เอกสาร และตู้เหล็กที่มีลักษณะคล้ายตู้เซฟวางเอาไว้ด้วย...
น้ำฟ้ากวาดตามองซ้ายขวาระหว่างที่ค่อยๆสืบเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะตัวในสุดซึ่งเป็นโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ ที่ผ่านการแกะสลักลวดลายแบบจีนมาอย่างบรรจงและปราณีตมาก บนโต๊ะซ้ายขวามีจอคอมพิวเตอร์ใหญ่เล็กมากมาย... เครื่องปริ้นท์ เครื่องส่งแฟกซ์ โทรศัพท์ และกองเอกสารต่างๆวางไว้ราวกับเพิ่งผ่านการใช้งานมาไม่นาน... เบื้องหลังโต๊ะตัวนั้นเป็นชั้นวางหนังสือที่สูงจรดเพดานห้อง แม้ว่าด้านบนจะยังดูโล่งเพราะยังไม่มีของมาจัดวางไว้ต่างกับด้านล่างที่มีทั้งแฟ้มและหนังสืออัดกันอยู่เต็มไปหมด...
เด็กหนุ่มค่อยๆเอาถาดดันเลื่อนแฟ้มใส่เอกสารออกไปเล็กน้อยให้พอมีพื้นที่... แล้วหันไปมองคนที่เอนตัวนอนหลับตาพิงพนักเก้าอี้สีดำอยู่หลังโต๊ะไม้ใหญ่ตัวนี้ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า... คงจะเหนื่อยแล้วก็หลับลึกจริงๆสินะ... นี่เขาเข้ามาจนประชิดตัวขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก...
"...ประตูก็ไม่ได้ล็อก...ลูกน้องข้างนอกก็ไม่มีซักคน... แบบนี้ถ้ามีคนร้ายบุกเข้ามาเอามีดจิ้มคุณแบบนี้... คุณก็ตายคาที่น่ะสิ...เฮ้อ..." น้ำฟ้ากอดอกยืนมองคนที่ยังนอนหลับตาอยู่ราวกับยังไม่รับรู้เรื่องใดๆ...
จะว่าไปแล้วห้องนี้ถึงจะดูรกไปหน่อยแต่ก็สบายเหมือนกันนะเนี่ย...แอร์เย็น พื้นห้องก็ปูพรมนิ่มๆแถมยังสะอาดสะอ้าน... อย่างกับห้องทำงานเจ้าพ่อในหนังอย่างที่เคยดูงั้นแหละ...
"คุณ... คุณ..." เด็กหนุ่มส่งเสียงเรียกเพื่อหวังปลุกให้ชายหนุ่มร่างสูงตื่นขึ้นมารับทราบว่าเขาเอาของกินมาให้ แต่เมื่อใช้แค่เสียงแล้วก็ไม่ยอมตื่นน้ำฟ้าเลยเอานิ้วจิ้มลงไปบนแขนที่สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงด้วย...
...เฮ้อ...อยากจะมีแบบนี้บ้างจังน้า...
"นี่...ถ้านายจะมีเยอะขนาดนี้ก็หัดแบ่งให้คนอื่นเขาบ้างนะ... ขืนให้กล้ามใหญ่กว่านี้มันจะแตกเอา...ฮ่ะๆ" พูดเองขำเอง... เออแฮะ...นายนี่นอนหลับเป็นตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ... เขาพูดอะไรออกไปก็ไม่โดนตอบโต้...
"เวลาตื่นน่ะก็หัดรับฟังคนอื่นเขาพูดแบบนี้บ้างก็ดี...จะเป็นพระคุณสุดๆเลย..." พูดจบก็ยืดตัวขึ้นตรง... เมื่อมั่นใจแน่นอนแล้วว่าชายหนุ่มคงจะเหนื่อยมากจนไม่ยอมตื่นแน่แล้ว... สมองก็เริ่มหาวิธีการที่จะให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความหวังดีของเขาแล้วก็ทานของว่างมื้อดึกนี่ซะ...
...อ๊ะ...เขียนโน๊ตแปะเอาไว้ให้แล้วกัน... ตื่นมาก็อ่านแล้วก็กินซะนะครับคุณบอสใหญ่...
นึกพลางมือก็เริ่มคุ้ยหาปากกากับเศษกระดาษมาเพื่อจะจด... เลยไม่ทันระวังตัวเมื่อจู่ๆท่อนแขนใหญ่จากเบื้องหลังก็ตวัดเข้าราวเอวเขาดึงร่างบอบบางไปปลิวไปตกลงบนร่างหนาบนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ด้วยกัน... แผ่นหลังบอบบางสัมผัสแนบติดไปกับแผงอกแกร่ง พร้อมๆกับที่เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นมาข้างใบหูทำเอาเขาอุทานต่อไม่ออก...
"...เข้ามาด่าคนอื่นเขาถึงห้อง... แล้วยังจะมารื้อค้นทำลายข้าวของของคนอื่นเขาอีกเหรอ... เธอนี่...มารยาทแย่จังเลยนะ..."
"เฮ้ย !! ไอบ้า...ปล่อยนะ...!!! ถ้าตื่นอยู่ก็บอกกันดีๆสิ... มาแกล้งหลับเป็นตายแบบนี้ทำไม...!!"
"ฉันไม่ได้แกล้ง... ก่อนเธอเข้ามาฉันหลับอยู่จริงๆ..." พูดแล้วก็จับรวบแขนสองข้างเข้าหากันเพื่อความปลอดภัยของลูกตาและเนื้อตัวเขาเอง... แต่ไม่คิดว่าเห็นร่างเล็กๆแบบนี้จะมีแรงฮึดสู้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว... หรือจะเป็นเพราะเขาหิวจริงๆนะ...
"โกหก... คุณตื่นอยู่ตลอดเวลาต่างหาก... งั้นถ้าตื่นแล้วก็ปล่อย...! ผมจะกลับห้อง..."
"ไม่ให้กลับ..."
"จะกลับ !!"
"บอกว่าไม่ให้ไปไง..."
"ก็จะไปอ่ะ...!!"
"เดี๋ยวก่อนสิ... เอาอาหารมาให้ฉันไม่ใช่เหรอ... งั้นก็...ป้อนหน่อยสิ..."
"เพ้ออะไรของคุณเนี่ย... มีมือมีเท้าครบสามสิบสองไม่ใช่เหรอ...กินเองสิ..." พูดแล้วก็จงใจสะบัดหน้าใส่... ให้ผมปลิวเข้าตา ตาบอดไปเลยได้ยิ่งดี... คนอะไร เจ้าเล่ห์ใจร้ายไม่เคยพบเคยเจอ...!
"...ปากเก่ง... พอคอหายเจ็บได้แล้วนี่ก็ขัดฉันได้คล่องปากเชียวนะ..."
"ถึงคอจะเจ็บผมก็ขัดคุณได้เหมือนกัน..."
"โกหก... ตอนคอเธอเจ็บ... ยังนอนตัวอ่อนให้ฉันเช็ดตัวให้อยู่เลย... หรือว่าไข้ขึ้น...จนจำไม่ได้ ฮื้ม?" พร้อมกับประโยคสุดท้ายชายหนุ่มก็จงใจเอาจมูกโด่งของตัวเองกดแนบเข้าไปบนแก้มนวล ที่มาทำลอยไปลอยมาล่อใจอยู่ตรงหน้าเสียฟอดใหญ่... เสียงอุทานตกใจลั่นของน้ำฟ้าทำเอาชายหนุ่มหลุดขำออกมา... ยิ่งพอเห็นดวงตากลมโตเขียวปั๊ดเอี้ยวคอมองเขา... ก็โฉบจมูกลงบนแก้มอีกที...โทษฐานเอาเข้ามาใกล้หน้าเขาเอง...ช่วยไม่ได้...
"ระ...โรคจิต !! เป็นบ้าอะไรเนี่ย... หรือว่าหิวแล้วหื่น...ถึงได้มา...ลวนลามคนอื่นเขาอยู่แบบนี้เนี่ยปล่อย..."
"ไม่ได้หิว... แต่หื่นนี่... ไม่แน่..."
"อะ...ไอบ้า !! ถ้าอยากนักก็ไปเรียกลูกน้องของคุณมาสิ !"
"ไม่เอาหรอก...เจ้าพวกนั้นถึกจะตาย...ฉันทำไม่ลง..." ยิ่งพูดแหย่หน้ายิ่งแดง... ดีแฮะ...เกือบสู้สีแยมสตรอเบอร์รี่ในจานนั่นได้แล้ว...
"...งั้นก็ให้...พวกนั้นไป...หาผู้หญิงมาให้คุณสิ... ไอบ้าหื่นกาม..."
"จะให้พวกนั้นลำบากไปทำไม... ผู้หญิงใกล้ๆนี่ก็มีอยู่แล้ว... พอจะแทนกันได้อยู่นะฉันว่า..."
"นี่คุณ ! ...ผมไม่สนุกไปด้วยแล้วนะ..." เมื่อเห็นสายตาพราวโกรธเอาจริง... รังสิมันต์ก็เริ่มรู้ตัวว่าคงแหย่แรงเกินไป... วงแขนแข็งแรงจึงค่อยๆปล่อยออกช้าๆอย่างเสียดายอยู่เหมือนกัน...
พอหลุดเป็นอิสระน้ำฟ้าก็รีบถอยตัวอ้อมไปยืนฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ... ใบหน้าร้อนๆฉีดสีแดงก่ำจนแม้แต่เจ้าตัวก็ยังรู้สึกได้... โอ่ย...นี่มันหวังดีแต่ไม่ได้ดีชัดๆเลย ! ไม่น่าเอามาให้กินเลยให้ตายสิ...
"...กินเสร็จแล้วเอาไปเก็บด้วยนะ... เรื่องแค่นี้ไม่ต้องไปใช้ลูกน้องคุณอีกล่ะ... เดี๋ยวจะสบายจนเคยตัว..." พูดแกมเหน็บแนมเสร็จก็ท่าจะหันหลังกลับ... แต่เสียงทุ้มนุ่มเบื้องหลังก็เรียกรั้งไว้...
"เดี๋ยวก่อนสิ...แล้วไม่กินด้วยกันเหรอ..."
"ไม่อ่ะ...ผมอาบน้ำแปรงฟันจะนอนแล้ว..."
"...งั้น....อยู่เป็นเพื่อนฉันกินก่อนสิ... กินคนเดียวแล้ว...มันไม่ค่อยอร่อย..."
"เป็นเด็กอายุสองสามขวบรึไงเนี่ยคุณ... ถึงกินคนเดียวไม่ได้..."
น้ำฟ้าพูดพลางส่ายหน้ากับคำพูดที่ไม่เข้ากับตัวของคนตัวสูง... แต่ก็ยอมเดินไปนั่งรออยู่ตรงโซฟารับแขกหน้าจอโทรทัศน์ กำลังจดๆจ้องๆอยู่ว่าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ยักษ์นี่จะใช้ดูช่องทีวีปกติได้มั้ย ก็พอดีกับที่รู้สึกว่ากระเป๋ากางเกงเอวย้วยของเขามันสั่น... และเมื่อหยิบโทรศัพท์ที่เป็นแหล่งกำเนิดมันออกมาดูก็พบเป็นข้อความที่ถูกส่งมาจากเพื่อนสนิทแดนไกล... สมัยที่ยังเรียนมหาลัยจนจบออกมาทำร้านเป็นของตัวเองแล้วเพื่อนคนนี้ก็ยังตามมาอุดหนุนจนเป็นลูกค้าประจำของเขาไปโดยปริยาย...
"...เฮนรี่ !!!... ลงทุนส่งข้อความมาเลยเหรอ...? เดี๋ยวนี้พอเป็นอาเสี่ยเข้าหน่อยล่ะอวดรวยเชียวนะ..." น้ำฟ้าพูดไปดวงตาก็เป็นประกายจับจ้องไปที่จอโทรศัพท์ซึ่งปรากฎข้อความบอกว่าคิดถึงเขา อยากให้เขากลับไปเร็วๆ และถ้ามีโอกาสก็จะมาเที่ยวเมืองไทยด้วย...
เด็กหนุ่มเดินนึกข้อความจะส่งตอบกลับไปพลางหมุนตัวกลับไปนั่งลงบนโซฟา... สองนิ้วมือซ้ายขวาก็จิ้มลงบนแป้นพิมพ์เตรียมส่งข้อความกลับไป โดยที่ใบหน้ายังคงเจือรอยยิ้มหวานจนอีกที่กำลังทานแซนวิชอยู่ที่โต๊ะรู้สึกโมโหจนทานต่อไปอีกไม่ลง... ส้อมพลาสติกถูกปักลงบนชิ้นขนมที่เหลือแรงๆเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ภายใน... สองตาจับจ้องนิ่งงันไปที่ร่างบางๆในชุดนอนหลวมๆ ซึ่งกำลังแสดงสีหน้ามีความสุขนักหนากับการที่ได้แชทคุยกับผู้ชายคนอื่นโดยไม่เห็นหัวเขา...
เมื่อเช้าก็ธาดา... มาตอนเย็นก็เฮนรี่อะไรนั่น...
นี่เธอยังมีผู้ชายเก็บเอาไว้ในสต็อกอีกกี่คนกัน...!
คิดแล้วมันก็รู้สึกเหมือนมีคนเอาน้ำเดือดๆมาราดลงกลางใจทำให้ยังนั่งอยู่ต่อไปไม่ได้... ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปหาน้ำฟ้า... แล้วหยิบโทรศัพท์รุ่นเก่าออกไปจากน้ำฟ้าแบบดื้อๆ... ดวงตาหรี่ลงอ่านข้อความที่ยังค้างอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์... มันเป็นข้อความตอบกลับจากคนที่ชื่อเฮนรี่... โดยมีเนื้อความคล่าวๆว่า ...มันก็คิดถึงไวโอลิน และอยากจะบินมาหาไวโอลินที่เมืองไทยให้เร็วที่สุดหลังจากที่มันจัดการงานเสร็จแล้ว...
"เฮ้ยนี่ ! คนไม่มีมารยาท...เอาโทรศัพท์ผมคืนมาเดี๋ยวนี้นะ !!" สองแขนสองขาพยายามป่ายจะคว้าโทรศัพท์ของเขาคืน... แต่แค่ชายหนุ่มยกมือหนีขึ้นเหนือศีรษะน้ำฟ้าก็หมดปัญญาจะเอาของตัวเองกลับได้แล้ว เลยต้องส่งเสียงต่อว่าต่อขานออกไปเมื่อหวังว่าบางทีมันอาจจะช่วยให้ชายหนุ่มสำนึกขึ้นมาได้บ้างแล้วก็ยอมคืนโทรศัพท์ให้กับเขา... แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาเป็นดวงตาวาวโรจน์คมดุพร้อมเสียงทุ้มต่ำเยียบเย็นถามถึงที่มาของเมสเสสในโทรศัพท์นั่น...
"...ไอหมอนี่มันเป็นใคร..."
"เพื่อนผม...! คุณเอาโทรศัพท์คืนมาเลยนะ แอบอ่านข้อความของคนอื่นเขาได้ยังไงเนี่ย...นิสัยไม่ดี!!"
"...แล้วทำไมถึงรู้จักหนูลินด้วย..." ถึงจะถูกต่อว่าไม่ได้หยุด แต่เหมือนรังสิมันต์จะไม่สนใจ...ยังคงเดินหน้าถามแต่เรื่องที่อยากรู้ต่อไป...
"ก็จะทำไมล่ะ...! เพื่อนผมตอนอยู่ที่โน่น...เขาจะรู้จักหนูลินก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ !"
"แล้วที่บอกว่าจะมาหา..."
"ก็...!!" เด็กหนุ่มเริ่มชักจะงงงันกับคำถาม กำลังออกปากจะตอบก็โดนคนตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าจู่ๆองค์ที่ไหนมาลงขัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
"...หรือว่ามันเป็นผู้สมัครตำแหน่งพ่อเลี้ยงของหนูลินอีกคนใช่มั้ย... เฮอะ...เธอนี่เก่งนะ... คงจะมีผู้สมัครเบอร์อื่นๆเก็บเอาไว้อีกเยอะเลยล่ะสิท่า... ไหนบอกหน่อยสิ...คู่แข่งไอธาดาตอนนี้มีทั้งหมดกี่คน...เกินสิบมั้ย... หรือว่าเป็นร้อยแล้ว..."
...เพี๊ยะ !... "
...หยาบ...! พูดอะไรหัดให้เกียรติกันบ้างนะ..." พอเข้าใจความหมายของ 'ผู้สมัครตำแหน่งพ่อเลี้ยงหนูลิน' ดีแล้วมือมันก็สะบัดออกไปกระทบใบหน้าหล่อโดยอัตโนมัติ... นี่ยังไม่เลิกคิดเรื่องแบบนี้อีกใช่มั้ย... ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้...!
...เพล้ง !..."เฮ้ย !!!" คราวนี้น้ำฟ้าตกใจของจริง... ตกใจจนพูดไม่ออก... เมื่อชายหนุ่มร่างสูงปาโทรศัพท์ของเขาทิ้งไปด้วยท่าทางไม่ไยดีจนโดนจอโทรทัศน์ใหญ่ยักษ์ด้านหลังเป็นรอยร้าวยาว... ส่วนโทรศัพท์ของเขาก็ร่วงกราวกลายเป็นเศษตกอยู่บนพื้นไม่มีชิ้นดี...!! ทั้งซิมโทรศัพท์ ทั้งหน้าจอ ทั้งฝาครอบ... แตกกระจัดกระจายลงต่อหน้า...
"เฮ้ย..." เด็กหนุ่มอึ้งจนพูดคำอื่นไม่ออก... สายตาทอดมองเศษซากโทรศัพท์รุ่นเก่าที่อุตส่าห์ทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี...
...ของขวัญชิ้นสุดท้าย... จากพี่สาวของเขา...
"ทำไม...อาลัยอาวรณ์โทรศัพท์ของตัวเอง... หรือเสียดายข้อความในโทรศัพท์มือถือนั่นกันแน่..."
"..." น้ำฟ้าพูดไม่ออก... ใบหน้านวลสวยเงยมองคนถาม ก่อนน้ำตามันจะไหลออกมาช้าๆ... เขาคงไม่รู้ตัวเลยซักนิดสินะ... ว่าทำอะไรลงไป...
...และต่อให้อธิบายอะไรออกไป... ก็คงจะไม่เข้าใจอีกอยู่ดี... ว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นมันสำคัญสำหรับเขาแค่ไหน...
ทั้งข้อความเก่าๆของพี่สาวเขา ภาพหนูลินวันแรกคลอด...
...เขาคงไม่เข้าใจหรอก...
...เขาไม่เคยเข้าใจอะไรเลยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ !...
"สะใจคุณรึยัง..." เด็กหนุ่มพูดเสียงสั่น... สองมือปาดหยาดน้ำตาสองข้างแก้มลวกๆ บังคับให้มันหยุดไม่ได้เลยจริงๆ...
"...ยัง... แค่นี้มันยังน้อยไป... สำหรับคนสำส่อนอย่างเธอ..." ...แต่รังสิมันต์กลับยิ่งเข้าใจหยดน้ำตานั้นไปว่า น้ำฟ้าคงจะเสียดายข้อความที่ตอบโต้กับผู้ชายคนนั้นเอามากๆ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะเหยียบเศษซากโทรศัพท์นั่นให้แปลกเป็นผุยผงยิ่งกว่านี้เสียอีก...!
แล้วดูนั่น... ยังเข้าไปเก็บซากโทรศัพท์มากอดไว้ราวกับเป็นของรักนักหนา... โทรศัพท์รุ่นเก่าดึกดำบรรพ์แบบนั้นมันมีอะไรดี...!
อ๋อ...ลืมไป... คงจะเป็นชู้รักเก่าคนใดคนหนึ่งซื้อให้ล่ะสิท่า... ถึงได้อาลัยอาวรณ์มันนัก...
ร่างสูงบึกบึนตรงเข้าไปคว้าข้อมือบางที่กำลังจะเก็บเศษโทรศัพท์ของตัวเองอย่างแรง แล้วบีบข้อมือเล็กจนแน่นเพื่อให้ยอมทิ้งเศษนั่นลงพื้นไปเหมือนเดิม... แต่เมื่อร่างบางยอมเจ็บแต่ไม่ยอมทิ้ง มือแข็งแรงก็จัดการงัดแงะเอาเศษที่น้ำฟ้ากอดเอาไว้กับอกออกด้วยตัวเอง... แม้ว่าร่างบอบบางจะทั้งดิ้นสู้ ทั้งร้องตะโกนด่าทอยังไง ชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าจะใส่ใจเลยซักนิด... มิหนำซ้ำยังพูดใส่หน้าก่อนจะลากร่างผอมบางออกไปจากห้องอีกว่า...
"...พรุ่งนี้...ฉันจะให้คนเข้ามาทำความสะอาด... แล้วเอาขยะพวกนั้นไปเผาทิ้งให้หมด !"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เฮ้อ...ความรู้สึกเวลาโดนคนมาเขวี้ยงของรักของหวงของเราทิ้งแบบไม่เห็นคุณค่าเนี่ย... มันโคตรรรรรร จะเสียใจเลย !! แห่ะๆ เอาลงมาต่อกันอีกนิด... เอามาลงให้ค้างกันอีกหน่อยก่อนนอน...
ไปทำงานต่อแล้วนะ T^T แล้วเจอกันตอนใหม่จ้าาา...