คุณแม่...ครับผม !!
"คุณมาร์ค !... มิสเตอร์มาคัส !... ผมเรียกร้อยรอบแล้วนะ นมหนูลินน่ะได้รึยังครับ?! คุณมาร์ค !!!! ...หนูลินร้องไม่หยุดแล้วนะคุณ...!"
"โอเคๆได้แล้วที่รัก... ใจเย็นน่า ก็กว่าน้ำมันจะเดือดก็ต้องใช้เวลาหน่อยสิ..." มาคัสเดินเอาปากคาบกระดาษทิชชู่ ในมือก็เขย่าขวดนมเพื่อให้นมอุ่นเร็วขึ้นมาทางคุณหมอเด็ก ซึ่งกำลังยืนโอ๋หนูลินอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี... เด็กน้อยกรีดเสียงร้องไห้จ้า ใบหน้าปุ้มปุ้ยพยายามส่ายซ้ายขวาเพื่อหาแม่ตัวเอง... เมื่อยังไงก็ไม่เจอเลยพยายามอ้าปากร้องเรียกต่อไป...
"โอ๋... ไม่ร้องลูกไม่ร้องแล้ว... เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็ได้เจอหม่ามี๊ของหนูแล้วนะ... โอ๋... ไม่เอาๆหยุดร้องเร็วคนเก่ง... ไวโอลินของน้ากานต์เก่งที่สุดเลย ! ไม่ร้องแล้วนะ...เด็กดีๆ..." คุณหมอพยายามโอ๋ไปเอาผ้าอ้อมที่พาดไหล่เช็ดหน้าไป... พอได้ขวดนมที่มาคัสหยดทดสอบความร้อนเรียบร้อยแล้วก็พยายามเอาจุกยัดใส่ปากหนูน้อยให้ได้...
ไวโอลินยอมดูดจุกนมแป๊บเดียวก็คายเพราะไม่ชินมือคนป้อนก่อนนอนแบบนี้... เด็กน้อยอาเจียนเอานมที่ดื่มไปเล็กน้อยออกมาจนหมด... แล้วก็สะอึกสะอื้นหน้าแดงต่อไป...
"เอ๋า... ไม่ยอมดื่มเลยอ่ะคุณ...! ทำไงดีเนี่ย..." คุณหมอเด็กอุทานออกมา เมื่อนมมันหกรดเสื้อเขา แต่คุณหมอก็ไม่ได้สนใจมากมายนอกจากเอาผ้าอ้อมเช็ดหน้าเช็ดตาหนูลินให้สะอาด
"ขนาดหมอเด็กอย่างคุณไม่รู้ แล้วมือปืนหัวทองอย่างผมจะรู้มั้ยล่ะ... เฮ้อ...อย่างนี้เราคงไม่ได้นอนทั้งคืนอีกแล้วใช่มั้ยที่รัก..." มาคัสเอาทิชชู่ที่คาบมาช่วยเช็ดคราบนมหกเลอะเสื้อของคุณหมอออกให้... แรกๆคุณหมอยอมรับอยู่หรอกว่าไม่ชิน ไม่ชอบ และเขินเวลาถูกผู้ชายตัวโตกว่าเขา แถมยังคนละสัญชาติผมทองชัดเจนคนนี้มาคอยดูแลแบบถูกเนื้อต้องตัวในระยะกระชั้นชิด... แต่เมื่อต้องอยู่ช่วยเลี้ยงคุณหนูไวโอลินนี่มาด้วยกัน ก็ต้องเริ่มชินในการให้ความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆแบบนี้ของคุณมาคัสไปโดยปริยาย...
"คงอย่างนั้นแหละคุณ... โอ๊ย...ไม่รู้จะเอาอะไรมาล่อแล้วเนี่ย... บ้านนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากกระสุนปืนกับระเบิดของคุณอ่ะ... จะเอามาให้หนูลินถือเล่นก็ไม่ได้ด้วย... เดี๋ยวเกิดเอาเข้าปากกัดสลักออกเรียบร้อย เราสองคนไม่กลายเป็นตอตะโกโดยไม่ทันรู้ตัวเอาเหรอคุณ..."
"....ยังอารมณ์ดีได้อีกนะที่รัก..." มาคัสแซวคนตัวเล็กยิ้มๆ ก่อนจะยืนเก้กังมองหน้าแดงๆจมูกแดงๆของคุณหนูแบบเห็นใจ "...คุณหนูไม่ยอมนอน ไม่ยอมดื่มนมแบบนี้แล้วจะทำยังไงล่ะ...?"
"อย่ามาถามกลับนะ...! ไม่รู้...!! แต่ถึงรู้สาเหตุ ก็แก้ไม่ได้นี่ใช่มั้ยล่ะ...!" พูดแล้วคุณหมอก็ชัดอารมณ์เดือด แต่เมื่อเห็นมาคัสเงียบไปจึงพูดเสียงอ่อนลงเล็กน้อย "...ก็เด็กเขาจะกลับไปนอนกับแม่เขาแล้วนี่... เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะให้เงียบคือเอาไปคืนแม่เขา..."
"...แต่ไปตอนนี้ไม่ได้นะ..."
"ก็เพราะรู้ไงถึงต้องมาช่วยกันนั่งโอ๋เจ้าหนูอ้วนอยู่นี่ไง... โอ๊ยคุณ...ช่วยอุ้มหน่อย... ผมจะไปเอาเสื้อหนูลินมาเปลี่ยนให้ใหม่... เปื้อนน้ำลายหมดแล้วร้องไม่หยุดเลย... เฮ้อ..."
"..." มาคัสไม่พูดอะไรเพียงแต่เข้าไปช่วยคุณหมออุ้มหนูลินตามคำสั่ง...
มาคัสสามารถอุ้มคุณหนูตัวป้อมไว้ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว ข้างที่ว่างจึงหยิบขวดนมมาพยายามป้อนให้คุณหนูตามคำบอกสุดท้ายของคุณหมอกานต์ ก่อนที่คนตัวบางๆจะเดินไปถอดเสื้อตัวนอกไปเพราะเปื้อนอ้วกหนูลิน ไหล่ขาวๆกับต้นคอเนียนน่าลองลูบทำเอาหนุ่มฝรั่งตัวโตต้องหันหลังกลับ... เพราะเริ่มเกิดความรู้สึกอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยถอดเสื้อกล้ามตัวในที่คุณหมอใส่อยู่ออกด้วย...
"แง๊.......แง...........................ฮือ............"
"โธ่คุณหนูครับ... ไม่เอานะ... ผมทำอะไรไม่ถูกนะครับ..." หนุ่มฝรั่งพยายามเอาจุกนมจิ้มใส่ปากเล็กๆแบบเก้ๆกังๆ เพราะคุณหนูตัวน้อยพยายามจะสะบัดหน้าไม่เอาลูกเดียว... เหลียวมองข้ามไหล่เขาบ้าง... มองซ้ายเหลียวขวาอยู่ตลอดเวลา...
เฮ้อ...เกิดมาไม่เคยนึกสงสารเด็ก ผู้หญิง และคนชราที่ไหนเท่าวันนี้มาก่อนเลย... เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อเป็นแม่เวลาเห็นลูกร้องไห้ขึ้นมาตงิดๆ เสียงกรีดร้องของเด็กตัวกระจิดเดียวแบบนี้มันช่างบาดลึกจริงๆ ถึงจะถามว่าเจ็บตรงไหนต้องการอะไร เด็กก็ตอบเขาออกมาเป็นคำพูดที่เข้าใจไม่ได้ ...นอกจากนอนร้องไห้แบบนี้ใส่เขา... แล้วนี่ถ้าไม่รู้ความต้องการของเด็กขึ้นมา แล้วดูแลรักษาตอบโจทย์ไม่ถูกจุด... เด็กน้อยไม่ต้องร้องไห้จนขาดอากาศหายใจตายรึยังไง... ดีนะที่เขายังมีผู้ช่วยมือฉมังเป็นคุณหมอเด็กหน้าใสมาช่วยแปลความเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยให้... มาคัสผู้นี้ถึงได้มีชีวิตรอดมาได้ทุกคืนๆ...
...แต่คืนนี้ถ้าจะรอดยากซะแล้ว... ปกติคุณหนูไม่เคยร้องนานขนาดนี้มาก่อน... คุณหมอบอกว่าเป็นเพราะเด็กขาดความอบอุ่นจากแม่ คงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโดนทิ้งให้ต้องอยู่คนเดียวกับคนแปลกหน้าตลอดเวลา แล้วเลยรู้สึกไม่ปลอดภัย... มาคัสก็พยายามทำความเข้าใจแล้วนะแต่ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ไม่มีทางแก้ให้หยุดร้องได้น่ะสิ...! ก็เขาจะไปหาแม่ที่ไหนมาให้คุณหนูได้ล่ะ... คุณแม่ตัวจริงก็ถูกบอสขังไว้ไม่อนุญาตให้พบ... เหลือแต่เขากับคุณหมอณัฐกานต์ที่ยอมเป็นคุณแม่เลี้ยงจำเป็นมาให้ตลอด... จะมาจับได้อะไรกันตอนนี้ครับคุณหนู... คืนสุดท้ายแล้วแท้ๆเชียว... ช่วยมองผมเป็นมาดามผมยาวสลวยหน้าอกตู้มๆต่อซักวันเถอะครับ...! เอ๊ะ...หรือเขาต้องไปหาวิกมาใส่ซะแล้วเพื่อความสมจริง... เอ...แต่ตอนนี้จะใช้ใครไปซื้อมาล่ะ... อ๊ะ...แต่ผ้าขนหนูก็คงจะพอทดแทนได้ละมั้ง...
ระหว่างที่สมองกำลังทำงานอย่างหนัก... ปากมาคัสก็พยายามสื่อสารกับเจ้าหนูตัวน้อยบนบ่าต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ...
"โธ่คุณหนูลินครับ... คืนพรุ่งนี้คุณก็ได้กลับไปหาหม่ามี๊ของคุณแล้วนะ... หยุดร้องเถอะนะครับ...เกิดคุณเป็นอะไรขึ้นมา... ชีวิตมาคัสคงไม่เหลือแม้แต่เถ้ากระดูกเลยนะครับ..." มาคัสพยายามอ้อนวอนกับเด็กน้อยผู้น่าสงสารที่ตอนนี้ก้มซบบ่าเขาแล้วก็สะอึกสะอื้นเพราะเริ่มเหนื่อย...
...ตื๊ด...ตื๊ด...
ฝ่ามือข้างที่ว่างล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและกดรับทันทีเมื่อมันเป็นสายเรียกเข้าภายในจากบอสเขาเอง...
"ครับมาคัสพูด... ครับ...เอ๊ะ? ไปทำความสะอาด...? ซากโท... อะไรนะครับ...? ที่ห้องบอส...? เอ่อ...ได้ครับ...อะไรนะตอนนี้เลย... ?! เอ่อ...! คือบอสครับ...! คือว่า...คุณตะวัน !!" มาคัสเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มพูดอยู่คนเดียว...
หนุ่มผมทองสบถออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดเมื่อจู่ๆบอสเขานึกโมโหอะไรขึ้นมาไม่รู้ ถึงได้โยนงานทำความสะอาดกองเบ่อเร่อมาให้... แถมในเวลานี้อีก... เอาสิ...เห็นมาคัสเป็นถังขยะรึไงเนี่ย... หลานไม่อยากเลี้ยงก็โยนให้...ห้องรกไม่มีใครทำก็เหวี่ยงเข้าให้อีก... วันนี้มันวันซวยอะไรของเขานักเนี่ย !!
"อะไรอ่ะคุณ... นี่คุณทำกระทั่งงานทำความสะอาดเลยเหรอ... เจ้านายคุณนี่...ใช้งานได้โหดจริงๆเลยเนอะ..." คุณหมอกานต์ทันเดินกลับเข้ามาได้ยินบทสนทนาระหว่างเจ้านายกับลูกน้องพอดีจึงเอ่ยแซวขึ้น... คุณหมอเดินเอาผ้าขนหนูพาดบ่าส่ายหน้ายิ้มๆๆมาทางมาคัส... ก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมมาจัดการถอดเสื้อผ้าหนูลินบนไหล่กว้างของมาคัสออก...
"ไม่ต้องกลั้นขำก็ได้นะ... จะหัวเราะก็เชิญเลย... ผมเริ่มชินกับคำสั่งแปลกๆของบอสตั้งแต่โดนบอกให้เลี้ยงเด็กแล้วล่ะคุณ..." มาคัสแกล้งทำเป็นตีคิ้วยุ่ง... แต่ในใจแอบนึกรู้สึกดีที่เรื่องของตัวเองทำให้คุณหมอตัวเล็กยิ้มได้...
มือใหญ่คอยอำนวยความสะดวกให้คุณหมอสามารถถอดเสื้อผ้าเจ้าหนูออกได้โดยง่าย... แต่ทว่า…คอเสื้อคว้านลึกของคุณหมอก็คอยแต่จะโผล่อะไรวับๆแวมๆล่อตาล่อใจอยู่ตลอดเวลา จนมาคัสยอมรับว่ามือเขาก็แอบเผลอทำท่าจะไปถอดของอีกคนแทนเจ้าตัวน้อยบนบ่าหลายครั้งอยู่เหมือนกัน... ยิ่งนานวันคุณหมอยิ่งดู 'ปล่อยเนื้อปล่อยตัว' กับเขามากขึ้น... เอ๊ะ? คนไทยเขาใช้คำนี้รึเปล่านะ... แต่เอาเป็นว่าดูคุณหมอวางใจเวลาอยู่กับเขามากขึ้น... ไม่คอยตวาดใส่แล้วก็ไล่ไปห่างๆเหมือนเมื่อก่อน ให้เขาต้องคอยวิ่งตามจนเหนื่อยอีก...
...แต่ว่าแบบนี้มัน...ดูจะมากเกินไปนิดนะคุณหมอ... ขืนขยับเข้ามาใกล้กว่านี้... หัวใจของนายมาคัสที่เต้นรัวแรงอยู่นี่ได้หลุดกระดอนออกมาแตก...นอกอกแน่ๆ... ใครจะว่าเขาเหมือนหนุ่มน้อยที่ยังไม่ประสาเรื่องพวกนี้ก็ยอมล่ะ... ถ้าคุณหมอยังไม่หยุดเอาผิวขาวๆเนียนๆนี่เข้ามาอยู่ในระยะอันตรายใกล้แค่เอื้อมตรงหน้าเขาอีก... บางที...เขาอาจต้องทำใจหล่นแตก เส้นสติการควบคุมร่างกายขาดสะบั้นจริงๆก็เป็นได้...
"เอ้า ! เปลี่ยนชุดเรียบร้อย... หล่อแล้วก็อย่าร้องไห้ให้ขี้มูกเปื้อนเสื้ออีกนะ... เดี๋ยวน้ากานต์จะพาออกไปเดินเล่น..." พูดพลางคุณหมอกานต์ก็สอดแขนเข้ามารับเจ้าหนูไปอุ้มเองทั้งสองมือ เจ้าหนูทำปากเบะตาปรือ... ครางฮืออยู่เพียงลำคอ... แก้มใสๆซุกไซร้เข้าหาซอกคอขาวๆของคุณหมอ ก่อนจะอ้าปากหาวหวอดแต่ยังไม่ยอมหยุดสะอื้น...
"อ่ะ...เอ่อ... งั้นเดี๋ยวผมออกไปจัดการงานก่อนแล้วกัน... คุณพาคุณหนูเข้านอนก่อนได้เลย..." มาคัสที่เพิ่งตบหน้าเรียกสติตัวเองดังเพี๊ยะ ! เอ่ยบอกคนที่สนใจแต่หนูน้อยบนบ่า พลางหันหลังหลบสายตาจากผิวขาวเนียนแสนอันตรายออกไปข้างนอก...
"...อะไรอ่ะ เพิ่งบอกหนูลินไปแหม่บๆว่าจะพาออกไปเดินเล่นไม่ได้ยินเหรอ... ถึงเด็กวัยนี้จะยังฟังเราไม่รู้เรื่อง...แต่เราก็ไม่ควรจะโกหกเขานะคุณ..." คุณหมอพูดใช้น้ำเสียงเวลาดุคนไข้พร้อมตีคิ้วขมวดประกอบภาพสมจริง... จากนั้นก็หันไปหอมลงบนเหม่งน้อยๆของเด็กในอ้อมแขนพลางหันเท้าเดินนำจะออกไปนอกบ้าน... โดยไม่ลืมหยิบผ้ามาห่อทั้งตั้งเองและหนูน้อยไว้ด้วยกัน...
"เดี๋ยว...เดี๋ยวสิ ! นี่คุณจะพาคุณหนูเดินไปไหน..." มาคัสสาวเท้ายาวๆของตัวเองมาทันคนร่างบางพร้อมคุณหนูไวโอลินตอนที่ทั้งสองคนก้าวพ้นหน้าบ้านมาเล็กน้อย... คุณหมอหันมาอมยิ้มใส่แต่ก็ยังเดินต่อไปพร้อมบอกว่า...
"อ้าว... ก็จะไปดูคุณทำความสะอาดไง... นำไปสิ ห้องไหนล่ะ... เดี๋ยวผมกับหนูลินจะยืนคุมคุณทำความสะอาด... มันจะได้เอี่ยมๆไง..."
"เอ๊ะ...เอี๊ยม...เอี๊ยมแปลว่าอะไร..." เมื่อศัพท์ที่ได้ยินยังไม่ได้บันทึกไว้ในหัวของหนุ่มฝรั่ง... เขาจึงออกปากถามกลับ มือก็เผลอยกมาเกี่ยวกิ่งไม้ที่คุณหมอทำท่าจะก้มลอดให้... จากนั้นก็ออกเดินนำเล็กน้อยโดยไม่ได้คิดขัดขวางอะไร...
"ไม่ใช่เอี๊ยม... เอี่ยมๆ... มาจากคำว่า เอี่ยมอ่อง... สะอาดเอี่ยมอ่องเรี่ยมเร้เรไร..."
...มาอีกแล้ว... ศัพท์อะไรอีกล่ะน่ะยาวเหยียดเชียว... แถม ร.เรือ ยังติดกันขนาดนั้น... มาคัสอ้าปากทำท่าจะออกเสียงถาม... ทว่าคิดได้ว่าไม่ควรปล่อยไก่ความโง่ของตัวเองมากไปกว่านี้ หนุ่มฝรั่งเลยหุบปากฉับ แต่สมองจำศัพท์ใหม่เข้าไปเตรียมเปิด dictionary หาความหมายด้วยตัวเองคืนนี้เรียบร้อย
คุณหมอเลือกเดินไปบ้านหลังใหญ่ตรงกลางผ่านทางสวนหน้าบ้านพักแทนทางเดินเชื่อม... ลมเย็นๆที่สัมผัสผ่านผ้า พัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้กลางคืนมาปะทะจมูก... คุณหมอสูดดมเข้าไปลึกๆแล้วรำพึงออกมาเบาๆ...
"ได้กลิ่นการะเวก จำปี เอ...เหมือนจะมีราชาวดี กับชมมะนาดด้วยนี่... ที่นี่ปลูกไม้ดอกหอมเยอะเหมือนกันนะคุณ..." คุณหมอพูด...
"เอ...ไม่รู้สิ เรื่องแบบนี้ผมไม่ค่อยรู้หรอก..."
"ก็ว่าอยู่หรอกว่าฝรั่งอย่างคุณน่ะคงจะไม่รู้จัก... ก็เป็นไม้หอมพันธุ์ไทยทั้งนั้นเลยนี่นะ... ที่จริงพันธุ์เดียวกันแต่ขึ้นในต่างประเทศมันก็ออกดอกต่างกัน กลิ่นต่างกันล่ะเนอะ... บางทีดอกไม้บ้านคุณมันอาจจะเป็นพันธุ์เดียวกันกับที่นี่ก็ได้ แต่ว่าเพราะขึ้นในดินที่ไม่เหมือนกัน มันเลยอาจจะมีสีดอกต่างกัน ไม่ก็ขนาดต่างกัน... ผมจำชื่อภาษาอังกฤษของต้นไม้พวกนี้ไม่ได้ด้วยสิ... แต่ไอฟ้าน่ะเซียนเชียวแหละ... บ้านมันถึงได้ปลูกพวกไม้หอมเยอะมากจนจะแทนรั้วไม้ยักษ์ได้แล้ว..."
"นั่นสินะ... บ้านคุณฟ้าน่ะหอมมากเลย... บอสแวะไปทีไรก็พูดถึงทุกที ว่าคุณฟ้าน่ะตัวหอมเหมือนขนม...ขนม...อะไรนะ... จำไม่ได้... ปอยฝ้าย..."
"...ปุยฝ้ายรึเปล่า... ปอยฝ้ายน่ะนักร้องคุณ..." พูดเสร็จคุณหมอก็หันมาหรี่ตาจ้องเขาราวกับจะถามว่า ...แกล้งโง่หรือโง่จริงๆเนี่ยคุณ...
"เอ้อ...เหรอ..." พูดแล้วก็ต้องหลบสายตาเอามือเกาศีรษะแก้เก้อ...
...สาบานได้ว่าฝรั่งอย่างเขาไม่เคยรู้จักนักร้องชื่อปอยฝ้าย มาลัยพรเลยจริงๆ...!!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฝรั่งตัวสูงยืนจ้องเพ่งพินิจรอยร้าวเป็นแนวยาวที่เด่นหราบนหน้าจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ริมฝาผนัง... คุณหมอกานต์กับคุณหนูลินถูกห้ามให้อยู่นอกห้องก่อน เมื่อชายหนุ่มสืบเท้าเข้าห้องแล้วพบว่าที่พื้นมันมีทั้งเศษกระจกและเศษของแตกอื่นๆอีก ซึ่งเมื่อพิจารณาดีๆเขาก็ค้นพบว่ามันคือโทรศัพท์รุ่นเก่าๆเครื่องหนึ่ง แล้วเมื่อลองพิจารณาซากเศษส่วนของหน้าจอ ชายหนุ่มก็ต้องรีบออกปากเรียกคนที่พูดคนเดียวกล่อมหนูลินอยู่นอกห้องให้เข้ามาทันที...
"มีอะไร... จะให้ช่วยทำความสะอาดเหรอ... โห !!! ทำไม...มันร้าวขนาดนี้อ่ะเสียดายจัง... เจ้านายคุณนี่...อารมณ์ร้ายจังเลยว่ะ คิดว่าตัวเองรวยนักรึไงถึงได้ใช้ของไม่ถนอมเงี้ย..."
"หยุดบ่นแป๊บนึงนะคุณ... ช่วยผมดูนี่หน่อย... นี่ใช่ของ...คุณฟ้ารึเปล่า..." หนุ่มตาน้ำข้าวทำสีหน้าเครียด พลางยื่นเศษกรอบหน้าจอไปให้ดู... เขาเดาได้ไม่ยากว่าไม่ใช่ของเจ้านายหรือลูกน้องคนอื่นๆแน่ เพราะทุกคนจะถูกบังคับให้ใช้โทรศัพท์รุ่นปรับปรุงพิเศษเหมือนๆกัน เพื่อรองรับการใช้งานภายในองค์กรโดยเฉพาะทุกคน ส่วนคนที่เหลือที่ใช้โทรศัพท์รุ่นอื่นๆในที่นี้ก็มีแค่คุณหมอกับคุณฟ้า แต่ของคุณหมอก็ยังเห็นอยู่ที่เจ้าตัว ไม่ได้รับแรงกระทบกระเทือนหรือมีรอยขีดข่วนแตกร้าวใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นโอกาสที่โทรศัพท์เครื่องนี้จะเป็นของคุณฟ้าจึงสูงมาก... เพื่อความแน่ใจจึงต้องรอคุณหมอตัวน้อยช่วยคอนเฟิร์ม...
"เอ๊ะ...ไหน..." คุณหมอเอาปากฟัดแก้มหนูน้อย ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามามอง… เพียงแค่แว่บแรกที่เห็นกรอบโทรศัพท์คุณหมอเด็กก็รีบเงยหน้ามองฝรั่งตาน้ำข้าวที่ก็กำลังจ้องมองเขาตอบอยู่เหมือนกัน
“ใครเป็นคนทำ !” คุณหมอออกปากถามเสียงเครียด แต่นายฝรั่งกลับทำเพียงยักไหล่แล้วบอกเรียบๆว่า
“ผมคิดว่าบอสกับคุณฟ้าคงทะเลาะกัน แล้วเลยมีการขว้างปาข้าวของกันด้วยมั้ง...” หนุ่มฝรั่งพูดไปมือก็เก็บเศษที่เก็บได้มารวมกัน แต่เมื่อหันมองคุณหมอแล้วยังทำสีหน้าไม่สู้ดี คล้ายกึ่งจะร้องไห้คล้ายกึ่งโกรธเคือง… จึงออกปากถามต่อ “เป็นอะไรคุณ… เสียดายแทนคุณฟ้าเหรอ ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ เดี๋ยวบอสผมคงจะซื้อใหม่ให้อยู่แล้ว นี่ซิมกับเม็มโมรี่การ์ดก็ยังอยู่…ไม่เป็นไรหรอกคุณ…”
“ผมไม่ได้กังวลเรื่องนั้น… แต่คุณรู้มั้ย…ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันมีความหมายกับฟ้ามากแค่ไหน…” คุณหมอพูดพลางเดินเข้าไปมองหน้าหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าวที่ยังทำสีหน้าไม่เข้าใจอยู่ “มันเป็นโทรศัพท์ที่พี่ฝนซื้อให้ฟ้าตอนวันเกิด มันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พี่ฝนให้ฟ้าได้ก่อนตาย…”
พูดจบร่างเล็กๆก็รีบจ้ำอ้าวตรงดิ่งจะออกจากห้อง แต่มาคัสก็รีบยื้อข้อมือบางเอาไว้ทัน
“เดี๋ยว…คุณจะไปไหน…”
“ก็จะไปถามเจ้านายคุณให้รู้เรื่องน่ะสิ… ว่าทะเลาะอะไรกันทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้ด้วย… ไอฟ้ารักโทรศัพท์เครื่องนี้มาก รองจากหนูลินเลยมั้ง… แล้วทำไมเจ้านายคุณถึงได้ทำอะไรที่…มันทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ด้วย… ไอฟ้าไปทำอะไรให้งั้นเหรอ…”
“นี่คุณ…เจ้านายผมเขาอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันสำคัญกับคุณฟ้ามาก… ก็เลยทำลงไปโดยไม่รู้เรื่อง…”
“คุณเป็นลูกน้องเขา จะแก้ตัวให้เจ้านายยังไงก็ได้ผมเข้าใจ… แต่ผมเป็นเพื่อนฟ้า… เพื่อนต้องช่วยเพื่อนในยามที่เพื่อนเดือดร้อน…และตอนนี้ผมก็มั่นใจว่าไอฟ้าไม่ได้นั่งมีความสุขอยู่หรอกเมื่อโทรศัพท์ของตัวเองโดนปาจนพังยับเยินแบบนี้น่ะ…”
“เดี๋ยวก่อน… แต่คุณจะเข้าไปหาพวกเขาตอนนี้ไม่ได้… ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาสองคนอาจปรับความเข้าใจกันอยู่ก็ได้นะคุณ… เราเข้าไปตอนนี้ก็มีแต่รบกวนพวกเขาเปล่าๆ…”
“แล้วยังไงล่ะผมไม่สน… เจ้านายคุณเหมือนคนอื่นเสียที่ไหน… ทั้งบ้าอำนาจ เอาแต่ใจตัวเอง… ส่วนเพื่อนผมก็หัวอ่อน อดทนเสียจนน่ากลัว… เห็นอยู่ชัดๆว่าเพื่อนผมเสียเปรียบเจ้านายคุณขนาดไหน…”
“แล้วคุณเข้าไปจะทำอะไรได้… นี่มันก็ดึกมากแล้ว คุณหนูลินก็ต้องการพักผ่อน… เดี๋ยวผมส่งข้อความบอกบอสเองว่าโทรศัพท์เครื่องนี้เป็นของสำคัญของคุณฟ้า… ส่วนคุณถ้าจะคุยก็ค่อยไปคุยพรุ่งนี้ โอเค?”
“ไม่โอเค !!! โอ๊ยปล่อยนะ…!! ผมจะไปหาเพื่อน !! ปล่อยสิไอฝรั่งบ้า !!!”
แต่ถึงจะด่าจะว่ามากแค่ไหนเขาก็โดนนายฝรั่งตัวโตลากออกมาจากห้องจนได้ จะดิ้นมากก็ไม่ไหวเพราะมือยังต้องอุ้มหนูลินที่มองมาตาปรือไม่ให้ตกลงพื้น… ละล้าละลังเป็นห่วงเพื่อนก็ห่วง ห่วงหนูลินก็ห่วง…โอ๊ย ! หมอเด็กอย่างเขาจะทำยังไงดี !!
“คุณมาคัส…มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ…” พอเดินออกมาข้างนอกบ้านก็เจอลูกน้องคนอื่นๆยื่นทำหน้าที่อยู่ มาคัสจึงหยุดตอบ…
“ช่วยไปทำความสะอาดห้องทำงานบอสให้ที… อ้อ…ทิ้งแต่พวกเศษกระจกนะ เศษโทรศัพท์ให้เก็บเอาไว้ทุกชิ้น ห้ามทิ้งเด็ดขาด…” มาคัสกำชับเสียงเข้ม เมื่อเห็นลูกน้องหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแล้วจึงตั้งหน้าตั้งตาลากเจ้าลูกแมวพยศกลับบ้านพัก แม้ว่าเขาจะต้องทนรับบาดแผลแมวข่วนไปตลอดทางก็ตาม…
…บอสครับ หวังว่ามันคงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกนะ… ฝรั่งตัวโตได้แต่ภาวนาในใจ…
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------