คุณแม่...ครับผม !!! บรรยากาศภายในรถมีเพียงเสียงร้องอ้อแอ้อารมณ์ดีของหนูลินในอ้อมแขนของน้ำฟ้าเพียงเท่านั้น วันนี้รังสิมันต์ยอมให้น้ำฟ้ากับคุณหมอณัฐกานต์นั่งกันที่เบาะหลัง พร้อมหลานตัวน้อยที่พอได้เจอแม่ก็อ้อนติดกันแทบจะตลอดเวลา… ส่วนตัวเองยอมมานั่งข้างหน้าคู่กับมาคัส… ทั้งๆที่ปกติแล้วที่นั่งตรงนี้มันเป็นของคนขับรถชัดๆ…
เสียงกระซิบกระซาบของสองคนด้านหลังดังเพียงแผ่วเบา สองคนด้านหน้าจึงทำเป็นไม่สนใจแต่ก็พยายามเงี่ยหูฟังเท่าที่จะทำได้… แต่เสียงหนูลินร้องยังจะดังกว่าเสียอีก…
“แก…ให้พวกเขาไปส่งเราที่โรงพยาบาลมั้ย… แกไข้ขึ้นแล้วนะเว้ย…”
“ไม่เป็นไร…ฉันอยากลงที่บ้านมากกว่า…” น้ำฟ้าตอบเพื่อนเสียงแหบ มือประคองหนูลินไม่ให้เล่นเข้าใกล้หน้านัก เพราะกลัวลูกจะติดไอร้อนจากตัวเองไปด้วย…
“แวะไปเอายาที่โรงพยาบาลก่อนดีมั้ยแก… ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่แกไม่ได้กินยาเลยไม่ใช่เหรอ…”
“ที่บ้านยังมีอยู่หมอกานต์… ช่วยอุ้มหนูลินหน่อย เดี๋ยวติดไข้…” พูดจบน้ำฟ้าก็เอาตัวหนูลินยกให้เพื่อนไป… หนูน้อยทำท่าจะไม่ไปง่ายๆ แต่เมื่อคนเป็นแม่ยังยอมเกี่ยวนิ้วติดไว้ด้วยกัน เจ้าหนูถึงได้วางใจยอมไปนั่งอยู่บนตักหมอกานต์ดีๆ
น้ำฟ้าเอนหลังลงพิงเบาะแต่ยังหันหน้าเข้าหาลูก… มองใบหน้าเล็กๆที่จ้องเขาตอบแววตาใสแป๋ว… นึกแล้วก็ให้คิดถึงพี่สาวของตัวเองขึ้นมาอีก… ทั้งตา ทั้งแก้ม ก๊อปปี้เขาและพี่มาชัดๆเลยนะเจ้าตัวเล็ก… น้ำฟ้าอมยิ้มนิดๆโดยมีคุณหมอกานต์นั่งขมวดคิ้วมอง…
…ไอฟ้านะไอฟ้า… ตัวเองได้โปรโมชั่นทั้งเลือดน้อยทั้งความดันต่ำมาอยู่กับตัว… ไม่คิดจะรักษาให้มันหายขาดเลยใช่มั้ย… ช่วยคิดถึงหมูน้อยหน่อย ถ้าแกไม่อยู่แล้วใครจะขุนให้มันอ้วนว่ะ… นี่ก็อ้วนวันอ้วนคืน… แม่ป้อนอะไรใส่ปากก็งับมาดูดหมด เลี้ยงง่ายไปแล้วหนูลิน… เฮ้อ…
รำพึงรำพันในสมองตัวเองเสร็จก็เริ่มเตรียมแผยไดเอ็ทเจ้าตัวน้อยทันที สมองยิ่งทำงานดีๆในบรรยากาศเย็นๆอยู่ด้วยจึงไม่ทันได้สังเกตุว่าเพื่อนรักซบไหล่หลับไปแล้ว… ส่วนหนูลินพอเห็นแม่นอนตัวเองก็อ้าปากหาวหวอดๆ อ้าวๆ…นอนหมดทั้งแม่ทั้งลูกแบบนี้… แล้วใครจะคอยดูว่าตัวเองจะได้ถึงบ้านหรือจะโดนไอคนพวกนั้นพาไปฆ่าหมกป่าล่ะ… เขาคนเดียวก็เอาไม่ไหวนะเฮ้ย…
“ถ้าง่วงจะนอนก็ได้นะคุณ…” มาคัสที่มองส่องมาทางกระจกหลังเอ่ยบอกคุณหมอ… แต่ทว่ากลับได้รับสายตาไม่ไว้วางใจตอบกลับมาเสียอย่างนั้น…
“ไม่…ผมไม่ไว้ใจพวกคุณ… เกิดถูกพาไปฆ่าหมกป่าขึ้นมาจะทำยังไง… โลกของพวกคุณทำเรื่องแบบนี้กันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ…” คุณหมอตอบ… พลางมือก็กอดกระชับตัวหนูน้อยขึ้นอกเมื่อส่วนหัวมันโอนเอนไปทางแม่ฟ้าเสียเหลือเกิน…
“นี่…พวกผมทำธุรกิจนะครับ… ไม่ได้ทำเรื่องอะไรโหดร้ายขนาดนั้นหรอกคุณ…”
“อ้าว…ก็ใครจะไปรู้ล่ะ… ตอนเจอกันครั้งแรกที่สนามบินก็นึกว่ากำลังยืนอยู่ในดงมาเฟีย ยากูซ่าอะไรเทือกนั้นเสียอีก…”
“อ่านนิยายมากไปแล้วที่รัก… เราแค่มีอิทธิพลเพราะเราทำธุรกิจหลายอย่าง…”
“โอเคพอแล้ว… ถึงจะให้นอนแต่ผมก็นอนไม่ได้หรอก… ไม่มีคนดูแลหนูลิน… ฟ้ามันก็ไม่สบา… เอ่อ…สลบไปแล้วด้วย…” พูดจบหมอกานต์ก็ถอนใจพรู… นึกถึงตอนก่อนขึ้นรถ ที่พอเขาได้เจอหน้าน้ำฟ้าปุ๊บเซนส์คุณหมอก็ทำงานทันที เขารู้เลยว่าเพื่อนรักไม่สบาย… อาจเป็นเพราะเสียใจเรื่องโทรศัพท์มากจนความดันลดต่ำ หรือจะเพราะอะไรก็ไม่รู้ เขาเห็นแค่น้ำฟ้าหน้าซีดมาก ปากก็แตกเหมือนคนขาดน้ำ เขาเองร่ำๆจะเข้าไปหาเรื่องนายรังสิมันต์คนที่ประคองเพื่อนเขาออกมาอยู่หรอก… แต่ทว่าสายตาที่บ่งบอกความหมายให้หยุด…ก็ทำให้เขาต้องกลั้นหายใจชั่วครู่เพื่อทำใจเย็น… แล้วเลือกจะเป็นคนดูแลเพื่อนรักและเรียกร้องให้รังสิมันต์ไปนั่งข้างหน้าคู่นายฝรั่ง…
…ถ้าไม่อย่างนั้นจะได้รู้เหรอว่าเมื่อคืนน้ำฟ้ากับนายรังสิมันต์ทะเลาะกันหนักมากทั้งคืน จนฟ้าไม่ได้นอน… ทำให้มีอาการไข้ขึ้นเพราะความดันเลือดต่ำแบบนี้น่ะ…!
“บอสครับ… จะให้พาไปบ้านใหญ่มั้ยครับ”
“ไม่…พากลับไปบ้านน้ำฟ้า…” ชายหนุ่มบอกเพียงเท่านั้นก็เหลือบมองผ่านกระจกมองหลังไปที่น้ำฟ้า… มองเห็นใบหน้าสวยหวานนอนหลับตาพริ้มอย่างนั้นก็ถอนหายใจ…
ใช่ว่าจะไม่รู้สึกผิด…ที่ทำลายของสำคัญของน้ำฟ้าไปหลังจากที่รู้ความจริง… และเมื่อรู้ตัวว่าทำแรงเกินไป เขาก็ปรารถนาจะแก้ตัว และแก้ไขให้มันดีขึ้น… แต่หลังจากคำพูดประโยคนั้นของน้ำฟ้า เขาก็ไม่ได้ยินคำพูดอื่นใดที่เด็กคนนั้นจะหันมาพูดกับเขาอีกเลย… บอกตรงๆว่าเขาเกลียดอาการโดน ‘เมิน’ แบบนี้ที่สุด…
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จนเมื่อรถมาจอดถึงหน้าบ้านแล้วน้ำฟ้าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น… จนคุณหมอเด็กต้องยินยอมให้นายรังสิมันต์อุ้มเพื่อนเข้าบ้านให้ เพราะลำพังแรงตัวเองก็พอๆกับเพื่อน…เขายอมรับว่าไม่มีปัญญาไปอุ้มเพื่อนรักได้คล่องปรื๋อเหมือนชายหนุ่มตัวสูงตรงหน้านี่หรอก…
…แหม… ท่าทางอุ้มนี่ชินมือเชียวนะ…
คุณหมอนึกค่อนขอดในใจ… เขาชี้นิ้วไปบนที่นอนให้วางน้ำฟ้าลงบนนั้นก่อนจะออกปากไล่บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายกลับทันที
“ไม่มีอะไรแล้ว…พวกคุณก็กลับกันไปเถอะ… เดี๋ยวผมดูฟ้าเอง…”
“…ฉันอยากพาฟ้าไปโรงพยาบาล… ท่าทางเหมือนเขาจะไม่สบาย…”
“ชิ…สนใจด้วยรึไง…” คุณหมองุบงิบพูด แต่เมื่อหันมาเห็นว่ารังสิมันต์ปรายตามองมาก็รีบกระแอมแล้วกลบเกลื่อนไปทันที “…ผมก็เป็นหมอนะ ผมรักษาเพื่อนผมได้… ไม่เห็นต้องไปโรงพยาบาลเลย…” คุณหมอพูดพลางโอ๋เด็กน้อยในอ้อมแขนเบาๆ
รังสิมันต์พยักหน้ารับเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสาวเท้าเดินออกไป จนเมื่อบรรดาลูกน้องทะยอยกันออกไปจนหมดแล้ว… คุณหมอถึงได้ออกปากเร่งนายรังสิมันต์อีกที
“ไปซักทีสิคุณ…” คุณหมอบอก… แต่ก็ต้องสงบปากเงียบทันที...เมื่อเห็นสายตาที่ทอดมองไปยังเพื่อนของเขา…มันดูอาลัยอาวรณ์แปลกๆ…
“เอ่อ…ไม่ต้องห่วงหรอก… ผมดูแลฟ้าของคุณให้อย่างดีแหละน่า...” คุณหมอแกล้งพูดทีเล่นทีจริง… แต่ไม่นึกว่าจะได้สายตาแกมขอร้องมองกลับมา…
“…ฝากดูแลฟ้ากับหนูลินด้วยนะ…ขอบคุณมาก…” ชายหนุ่มพูดจบ ก็หมุนเท้าเดินออกจากห้องไปอีกคน… ทิ้งให้คุณหมอเด็กยืนงงงวยเพราะไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปรึเปล่า…
“หนูลิน…เมื่อกี๊น้ากานต์ไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย… เขาพูดขอบคุณน้าใช่รึเปล่า…”
“แอ๊…” หนูลินมองหน้าคุณหมอกานต์แล้วร้องขานรับออกมาราวฟังรู้เรื่อง… มือสั้นป้อมก็ตีแปะลงบนปากหมอกานต์ที่ยังคงทำหน้างงๆไม่หาย
“ช่างเหอะ…เนอะ… มาเช็ดตัวให้แม่หนูลินกันดีกว่า… แฮ่~ นอนอยู่ข้างๆคุณแม่ตรงนี้แล้วอย่ากวนหม่ามี๊หนูนะ… เดี๋ยวน้ากานต์ไปเอากะละมังใส่น้ำมาแป๊บเดียว…” คุณหมอณัฐกานต์บรรจงวางหนูน้อยให้นอนดิ้นอยู่ในวงแขนของคุณแม่… เจ้าหนูพอเริ่มพลิกหันข้างได้ก็กอดเข้าอกน้ำฟ้าหมับ แล้วพูดจาภาษาเด็กที่ฟังไม่รู้เรื่องออกมา…
คุณหมออมยิ้มนิดๆ พลางถกแขนเสื้อตัวเองแล้วเดินไปเตรียมอุปกรณ์สำหรับเช็ดตัว… เมื่อได้ของครบก็เดินกลับมาที่เตียง เห็นหนูลินนอนดูดนิ้ว มือก็ตีแปะๆไปตามใบหน้าและแก้มของคุณแม่ตัวเอง คุณหมอกานต์จึงเลี่ยงบริเวณใบหน้ามาเช็ดที่แขนก่อน แต่เมื่อได้ลองถกแขนเสื้อของน้ำฟ้าขึ้นมาข้างหนึ่งก็ต้องชะงัก…
“รอยอะไรเนี่ย… ช้ำขนาดนี้… สองข้างเลยเหรอ !” พูดพลางมือก็เปิดชายแขนเสื้ออีกข้างขึ้น… สมองก็รีบประมวลหาเหตุผลที่ทำให้มีรอยเหล่านี้อยู่บนตัวเพื่อนรักของเขา… และความคิดเห็นแรกที่แว่บเข้ามาคือ… สงสัยว่าฟ้ากับนายบอสเอาแต่ใจของตาฝรั่งจะทะเลาะกันหนักมากถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยทีเดียว
“เฮ้ย…ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ด้วยว่ะ…” บ่นพึมพำกับตัวเองเสร็จก็ค่อยๆถกเสื้อเพื่อจะเช็ดส่วนอื่นด้วย…
แต่ปรากฎว่ามันยิ่งทำให้คุณหมอเด็กต้นพบหลักฐาน ‘อื่น’ ที่ทำให้คุณหมอเด็กมั่นใจว่า ข้อสันนิษฐานของตัวเองนั้นผิดถนัด…
“เฮ้ยหนูลิน… แม่ฟ้าของหนูไม่ได้ทะเลาะกับคุณลุงหนูแล้วล่ะ …แม่ฟ้าของหนูถูกคุณลุงจับกินตับไปซะแล้วล่ะ…!” พูดบ่นไปก็ได้รับกลับมาแค่สายตาบ้องแบ้วจากเจ้าหนูตัวอ้วนเพียงเท่านั้น คุณหมอจึงต้องบ่นต่อไปกับตัวเองเพียงลำพัง… “อุตส่าห์รักษาตัวรอดมาได้จนป่านนี้ แล้วไปพลาดเอาอีท่าไหนเนี่ยฮึ? เพื่อนเลิฟ…ตื่นมาคุยกันหน่อยดิ…” พูดพลางก็สะกิดเพื่อนเบาๆ…
แต่ดูท่าว่าน้ำฟ้าคงจะหลับลึกจริงๆ… เพราะขนาดโดนอุ้มมาจนกระทั่งเขาเช็ดตัวให้จนเสร็จ น้ำฟ้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยซักนิดเดียว
จนกระทั่งช่วงย่ำค่ำของวัน คุณหมอเด็กจึงเพิ่งได้เห็นเพื่อนรักเดินลงมาจากบันไดชั้นบน… คุณหมอตัดสินใจไม่คาดคั้นเอาความจริง เรื่องความสัมพันธ์ของเพื่อนรักกับนายรังสิมันต์หน้าหล่อแต่เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจตอนนี้… เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาเพื่อนรักก็คงจะพร้อมบอกเขาเอง… อีกอย่าง น้ำฟ้าเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลยว่าโดนเขาเช็ดตัวให้ จนค้นพบหลักฐานความสัมพันธ์คาอยู่เต็มตัวเรียบร้อยแล้ว…
สองคนลงมือทานอาหารเย็นกันจนเสร็จ คุณหมอเด็กก็ได้รับโทรศัพท์ให้รีบกลับไปรายงานตัวกับทางโรงพยาบาลด่วน ถึงแม้จะอิดออดไม่อยากทิ้งเพื่อนรักไปในตอนนี้แค่ไหน… แต่งานมันก็สำคัญ ก่อนไปคุณหมอเด็กจึงได้สั่งกำชับน้ำฟ้าให้ปิดประตูบ้าน เช็คน้ำ เช็คไฟ เช็คแก๊สและอื่นๆให้ดี จนโดนค่อนขอดว่าตัวเองเป็นคุณพ่อลูกสองไปแล้ว คุณหมอเด็กถึงได้ยอมขับรถออกไปจากบริเวณบ้านหลังเล็กสีขาวซักที…
พอคุณหมอเลี้ยวรถออกไปแล้ว น้ำฟ้าที่เพิ่งตื่นเลยยังไม่อยากกลับเข้าไปในบ้าน… เขาชี้ชวนลูกตัวน้อยให้ดูต้นพุดน้ำบุศย์กับมะลิซ้อนที่แข่งกันส่งกลิ่นหอมอบอวลในยามค่ำคืน…
“ไหนหนูชอบดอกไหนครับ… ชี้เร็วเดี๋ยวแม่เก็บให้…เอาดอกไหนดี…ดอกนี้มั้ยหอมดีนะ…” พูดแล้วมือบางก็เอื้อมเด็ดช่อดอกมะลิซ้อนมาให้ลูกลองดม… เด็กน้อยทำหน้านิ่งๆแต่สายตาจ้องช่อดอกไม้ที่คนเป็นแม่ยื่นมาจ่อตรงจมูก… สองมือเอื้อมไปพยายามจะสัมผัส… น้ำฟ้าก็เด็ดเอาดอกพุดน้ำบุศย์มาอีกสองสามดอกแล้วถือรวมกันให้ลูกได้จับ…
ฝ่ายเด็กน้อยพอได้ของเล่นก็เอามาปาใส่คุณแม่บ้าง แล้วเอามาทำท่าจะติดลงไปบนผมให้น้ำฟ้าด้วย… เด็กหนุ่มมองอาการของเจ้าตัวน้อยแล้วก็เอาดอกไม้มาทัดเข้าตรงปมผมด้านหลัง วันนี้เขารวบเป็นหางม้าง่ายๆไว้มันจึงเสียบดอกไม้ติดได้ไม่อยาก… พอติดผมตัวเองเสร็จก็หันให้ลูกเล่น… เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ก่อนจะหันมาพินิจดอกไม้ที่เหลือกำอยู่ในมือ… แล้วก็อ้าปากเตรียมจะกิน…
“หนูกินไม่ได้ครับ…! หนูยังไม่มีฟันนะลืมแล้วเหรอลูก… ชอบเอาของเข้าปากเหมือนลูกหมาเลยตัวเล็ก…” น้ำฟ้าบ่นลูกทีเล่นทีจริง แล้วก็ฟัดจมูกลงแก้มย้วยๆให้หายหมั่นเขี้ยวไปหนึ่งที…
“หอมจังเลย… ลูกชายใครเอ่ย…ฮื้ม?” คุยเล่นกับลูกไปเรื่อยเปื่อย จึงไม่ทันได้ระวังตัว… เมื่อราวเอวคอดกิ่วถูกท่อนแขนใหญ่รวบเข้าไปกอด… พร้อมสัมผัสแผ่วเบาที่กลุ่มผมนุ่มด้านหลัง
ด้วยอารามตกใจน้ำฟ้าจึงรีบหันไปมองพร้อมจะสะบัดตัวออก... ทว่าแรงรัดไม่มีออมเลย เด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงส่งสายตาไม่พอใจให้ไป...
“หอมจัง... ทั้งแม่ทั้งลูกเลย...” คนกอดถือวิสาสะสูดดมกลิ่นหอมจากปอยผมด้านหลัง...
กลิ่นหวานๆวันนี้มันยิ่งหอมเข้าไปใหญ่...เมื่อมันมีกลิ่นของดอกไม้เข้ามาผสม... ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมาทำจริตเอาดอกไม้ทัดผมเข้าแบบนี้ เขาคงจะต้องหยิบปืนมายิงทิ้งให้หายเคืองลูกกะตาไปแล้ว... แต่ทว่าเมื่อองค์ประกอบทั้งหมดมาลงอยู่บนตัวร่างบางๆของคนตัวเล็กๆในอ้อมแขนแบบนี้... ทุกอย่างก็ดูจะเข้ากันไปเสียหมด... แม้ในตอนที่น้ำฟ้าทำหน้าบึ้งใส่เขา... เขาก็ยังมองว่าน่ารักน่าเอ็นดูเลย...
“ค่ำแล้ว...ทำไมยังไม่เข้าบ้านอีก... เดี๋ยวโดนน้ำค้างเข้าไปจะไม่สบายทั้งแม่ทั้งลูกหรอก...” ชายหนุ่มออกปากเตือน แต่มือตัวเองก็ยังไม่ยอมปล่อยให้คนตัวเล็กเดินเข้าบ้านไปอยู่ดี... แล้วพอน้ำฟ้าดิ้นเข้าหน่อยเขาก็ยอมคลายมือ แต่ก็ยังคงพยายามนัวเนียใกล้ชิดคนตัวบางกับเจ้าหนูตัวน้อยไปตลอดทาง...
จนเข้ามาในบ้านแล้ว น้ำฟ้าจะเดินขึ้นไปข้างบน ก็พบว่าอีกคนก็ยังจะเดินตามไม่เลิก... อยากจะหันไปต่อว่าต่อขานที่มาพันแข้งพันขานัก... แต่อาการปากหนักไม่อยากจะพูดกับคนตรงหน้ามีมากกว่า... เขาจึงทำเป็นไม่สนใจเดินเข้าห้องเตรียมตัวจะนอนตามปกติ...
แต่ถึงขนาดเขาเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันออกมาเตรียมจะนอนแล้วก็ตาม... ชายหนุ่มร่างสูงจอมบงการก็ยังนอนเอกเขนกบนฟูกเก่าที่พื้น... สายตาจับจ้องโทรทัศน์เครื่องเล็กๆที่ภาพก็ไม่ค่อยจะชัดด้วยความตั้งใจ น้ำฟ้าอยากจะเอาหมอนไปปาไล่นัก... แต่เขาดันเชื่อคติที่ว่าเอาความสงบมาสยบความเคลื่อนไหวมันยังเป็นจริงอยู่... น้ำฟ้าจึงพยายามทำเป็นไม่มองเห็นอีกคนว่ามีตัวตนอยู่ในห้องด้วย... อยากทำอะไรก็ทำ... เดี๋ยวพอเบื่อก็คงจะเลิกยุ่งกับเขาไปเอง...
เด็กหนุ่มจัดแจงให้ลูกชายนอนริมฝั่งติดฝาผนังเหมือนเคย... ส่วนตัวเองจำใจต้องนอนด้านนอกติดกับคนตัวใหญ่ แต่ทว่าเขาก็พลิกลงนอนตะแคงหันข้าง ทำเป็นไม่สนใจว่ามีอีกคนนอนร่วมเตียงอยู่ด้านหลังด้วย... เด็กหนุ่มเอามือตบก้นหนูน้อยเบาๆเพื่อกล่อมนอน... ลำคอก็ส่งเสียงฮึมฮัมร้องเพลงกล่อมคลอเบาๆ... เสียงโทรทัศน์เงียบไปนานแล้ว... จนเมื่อหนูน้อยที่ดิ้นยึกยืออยู่เมื่อครู่เริ่มเคลิ้มจะหลับ... น้ำฟ้าก็รู้สึกเหมือนคนที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังเอาศีรษะมาซบกับผมของเขาเบาๆ... ส่วนมือหนานักก็พาดผ่านท้องเขาไปคว้ากอดหนูลินด้วยอีกมือ...
คราวนี้น้ำฟ้าชักจะทนไม่ไหว... หันหน้าไปเตรียมจะส่งสายตาดุๆใส่ก็กลายเป็นว่าตัวเองหันไปเอาจมูกชนแก้มของอีกคนเข้าเสียอย่างนั้น... มันเลยทำให้ถูกชนอมยิ้มออกมาเล็กๆ แต่คนชนกลับยิ่งทำหน้างอ...รู้สึกทดท้อในโชคชะตาของตัวเองเสียเหลือเกิน...
“... อย่าทำเป็นไม่พูดแบบนี้ใส่ฉันอีกได้รึเปล่า... ฉันรู้ว่าวันนั้นฉันผิด...ที่เอาอารมณ์มาลงกับเธอ... แล้วก็ทำกับเธอ...รุนแรงเกินไป... รวมทั้งเรื่องโทรศัพท์ด้วย... ฉันได้เครื่องใหม่มาให้เธอแล้วนะ... นี่ไง... ซิมเดิม...การ์ดก็ยังอยู่... เธอสามาร...”
“ถ้าไม่อยากให้ผมทำกับโทรศัพท์เครื่องนี้ เหมือนที่คุณเคยทำกับโทรศัพท์ของผมละก็... กรุณาเก็บมันกลับไปเสียเถอะครับ... แล้วขอร้อง...ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีก...” น้ำฟ้าตัดสินใจเอ่ยปากบอกอีกคน... เมื่อโทรศัพท์ที่เห็นมันช่างเหมือนของเดิมไม่ผิดเพี๊ยน ทั้งรุ่นทั้งสี มันยิ่งทำให้เขาตอกย้ำเหตุการณ์วันนั้น...ตอนที่ชายหนุ่มขว้างของของเขาทิ้งอย่างไม่ไยดีให้จำขึ้นติดใจ... มันยิ่งทำให้ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าคนคนนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว...
“...” รังสิมันต์นิ่งเงียบ... เพราะรู้ตัวว่าตัวเองผิดจริงๆ ยิ่งตอนที่กลับไปบริษัท เขาโดนมาคัสสวดใส่ซะยับ... ว่าคุณหมอกานต์ย้ำถึงความสำคัญของโทรศัพท์เครื่องนั้นยังไง... ตอนนี้ถึงได้พยายามมางอนง้อ...ขอให้คนตัวเล็กยอมออกปากพูดกับตัวเองซักคำก็ยังดี...
แต่ถึงอย่างนั้น...รังสิมันต์ก็คงจะไม่อยากได้ยินคำนี้แน่... คำที่น้ำฟ้ากลั่นกรองออกมาจากความรู้สึกเพียงชั่ววูบ...
“ผมเกลียดครับ... ผมเกลียดคุณ...”-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
to be continue...
แฮ่ะๆ วันละนิดวันละหน่อย... แต่พยายามจะมาลงให้ได้บ่อยๆเน้อตัวเอง >_<
วันนี้ขอบ่นนิดนึงเถอะ T^T มันมีปฐมนิเทศที่ม.เค้า... ปกติเมืองไทยมันเริ่มเช้าแล้วราวๆสี่โมงห้าโมงก็เลิกแล้วไม่ใช่เหรอ... ! แต่ทำไมที่นี่มันเล่นปลุกเราตั้งกะแปดโมง แล้วพาโหมโรงยาวยันสองทุ่มสี่สิบห้า T^T
แถมไม่ใช่แค่วันนี้นะ... มันยังมีวันพรุ่งนี้อีก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด อยากมีเวลาว่างงงงงงงงง อยากปลูกต้นไม้ !!!! อยากเลี้ยงแมวววววววว อยากจัดห้องงงงงงงงงง อยากแต่งนิยายว้อยยยยยย ได้ยินชั้นมั้ยยยยยยยย T^T
... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... ... เอิ่ม... = =+ ขอโทษที่ทำให้ประสาทหูของทุกคนพังทะลายนะคะ
แต่แพทไม่ไหวจะเคลียร์แล้วเหอะ !!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด นี่กลับมาต้องรีบมาอัพ...ไม่อย่างนั้นได้ลงแดงแน่ๆ...ห้าห้าห้า คิดถึงทุกคนจนทนไม่ไหว *อ้อนๆ*
ปล. เอ่อ...ถ้าใครคิดถึงหนูลิน...อยากจะติดต่อแพท จะเข้ามาด่า มาทวงนิยาย หรือจะถามเรื่องเรียนต่อในต่างประเทศ (เท่าที่มีความรู้ แพทยินดีช่วยหาคำตอบให้เต็มที่ค่ะ ^^) ก็เชิญได้นะคะ ^^ จิ้มๆ << http://www.facebook.com/pat.majestic.1 >>
ปล2. แพทไม่กัดนะ T T คอนเฟิร์มเลย........!!!